จ้านเฉิงอิ้นกลับถูกข้าวเหนียว และแป้งข้าวเหนียวทั้งหมดห้าสิบกว่าถุงดึงดูดเข้าให้ข้าวเหนียวพวกนี้หากต้มจนเหลวเป็นน้ำ ก็เป็นอันใช้สร้างกำแพงเมืองได้!เขาเอ่ยถามเฉินอู่ “ห้องโกดังยังเหลือปูนขาวอยู่หรือไม่?”“มีขอรับ อยู่ในโกดังใต้กำแพงเมือง!”“ขนข้าวเหนียวและแป้งข้าวเหนียวไปที่นั่น และรวมพลคนงานมาซ่อมแซมกำแพงเมือง!”“ขอรับท่านแม่ทัพ!”เฉินอู่เรียกพลทหารมาช่วยกันขนย้ายข้าวเหนียวและอาหารม้าออกไปวันนี้ที่เขาเดินทางมาจากค่ายทหาร เห็นว่าชาวบ้านในเมืองล้วนมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ทั้งยังเปิดปากกล่าวทักทายด้วยความดีอกดีใจแม้ว่าใบหน้าของทุกคนจะซูบตอบ บางคนถึงขั้นหิวจนเดินแทบไม่ไหว แต่ก็ต่างช่วยประคับประคองกันไปต่อแถวรอรับโจ๊กพวกเขาไม่ได้สิ้นหวังหมดอาลัยอีกต่อไป ทว่าล้วนมีชีวิตชีวา นัยน์ตาเปี่ยมประกายความหวังสระน้ำหลังจวนแม่ทัพเดิมหวิดจะแห้งขอดเต็มที บัดนี้กลับมีน้ำใสเอ่อล้นเมื่อมีน้ำก็ย่อมมีความหวัง! ทุกคนได้อิ่มท้อง มีน้ำดื่ม แม้ว่าจะถูกกักล้อมอยู่ในเมือง แต่ก็ไม่สิ้นหวังหมดอาลัยอีก เพราะต่างมีความหวังที่จะรอดพ้น!เหล่าพลทหารแต่ละนายสีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปไม่น้อยเหตุเพราะวันนี
“ท่านแม่ทัพ นี่คือสิ่งใดกัน น่าอัศจรรย์โดยแท้!”จ้านเฉิงอิ้นส่งแท็บเล็ตให้เฉินขุย “เจ้าลองใช้มือสัมผัสดู”เพียงนิ้วมือหยาบกระด้างกร้านแผลเป็นของเฉินขุยแตะเบา ๆ ลงบนหน้าจอ วิดีโอก็หยุดลงทันทีว้าว...เหล่านายทหารทั้งหลายพลันร้องอุทานเสียงดังเฉินขุยแตะบนหน้าจออีกครั้ง วิดีโอก็เล่นต่อจากเดิมตาเขาเบิกออกโตอย่างแทบไม่อยากเชื่อสายตาตน“สมเป็นของวิเศษจากท่านเทพจริง ๆ คนธรรมดาเช่นเราเกรงว่าในพันปีก็คงไม่อาจสรรค์สร้างได้!”พลทหารนายอื่น ๆ ก็อดรนทนไม่ไหวอยากสัมผัสบ้างเช่นกัน“คนเราจะเข้าไปได้อย่างไร ทั้งเขายังหยุดการเคลื่อนไหวได้อีกด้วย!”“กระหม่อมคิดว่าเป็นวิชาดูดกลืนวิญญาณของท่านเทพ ที่ดูดวิญญาณเข้าไปภายใน เจ้าคนโฉดจึงได้เชื่อฟังคำสั่งเช่นนี้!”จ้านเฉิงอิ้นได้ยินนายทหารพูดคุยกันอย่างออกรสก็อดขำไม่ได้เขาศึกษาเข้าใจวิธีการถ่ายภาพและอัดวิดีโอแล้ว เขาเอื้อมหยิบแท็บเล็ตมา กดปุ่มเปิดใช้งานกล้องถ่ายรูปแชะ~และแล้วภาพแสนคมชัดของเหล่านายทหารทั้งห้านายที่มีสีหน้าต่างกันไปก็ปรากฏขึ้นมา เขาขยายภาพและส่งให้พวกพลทหารได้ดูพวกเขาต่างเบิกตากว้าง มองดูภาพของตนด้วยความประหลาดใจ“วาดได้สม
กองทัพตระกูลจ้านเหลือทหารเพียงสองหมื่นนาย ไร้ทั้งม้าศึก ไร้ทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ดี ๆ ใช้หากข่าวที่ว่าในเมืองมีน้ำเล็ดรอดออกไป มั่วเป่ยหมานอ๋องจะต้องยกทัพมาโจมตีเมืองอย่างแน่นอน แม้ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งมากค่ามากราคาเท่าใดก็ย่อมไม่หวั่นไหว เพราะนี่เป็นถึงสายน้ำแห่งชีวิต!จ้านเฉิงอิ้นลุกขึ้นยืน เรือนคิ้วดาบบนใบหน้าหล่อเหลาคมคายขมวดมุ่นเขาเดินไปมาในกระโจมด้วยกังวลในใจพลทหารเฝ้าประตูเห็นท่าทีแล้วก็รับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของท่านแม่ทัพจึงได้สั่งให้ทุกคนถอยห่าง อัปเปหิตนไกลจากกระโจมมาหลายหมี่[1]ทันใดนั้น เหนือกระโจมของจ้านเฉิงอิ้น ก็มีถุงถ่านหินและไม้ฟืนจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากฟากฟ้าราวห่าฝนตุบ ตุบ ตุบ...ถ่านหินกองพะเนินอยู่เต็มกระโจม จนเมื่อกระโจมของเขารับน้ำหนักไม่ไหวอีกต่อไปก็ขาดแคว่กเสียงดัง ทั้งถ่านหินและไม้ฟืนราวหิมะถล่มก็มิปานแต่ละมวลแต่ละชิ้นหลุดทะลักทลายออกมาจากกระโจม กองพะเนินเต็มอาณาพื้นที่!“ท่านแม่ทัพ...”พลทหารที่ได้ยินเสียงต่างกุลีกุจอกันมาดู เห็นเพียงว่าภายในรัศมีสองหมี่รอบตัวจ้านเฉิงอิ้น หาได้มีสิ่งใดตกหล่นลงมา เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างไร้ภัยย่างกราย
ซ่งตั๋วปิติยินดี “ขอบคุณท่านแม่ทัพยิ่ง!”ด้วยรางวัลตอบแทนมากเช่นนี้ จะต้องมีชาวบ้านมาลงชื่อกันมากมายเป็นแน่และการผลิตอาวุธก็ย่อมเร็วขึ้นเช่นกันซ่งตั๋วเรียกพลทหารมาขนย้ายถ่านหินทั้งหมดออกไปพลทหารนายอื่น ๆ ต่างตาร้อนมองตามซ่งตั๋วขนย้ายเหล็กกล้าชั้นเยี่ยมทั้งหมดไป*ปูนซีเมนต์และอิฐที่เย่มู่มู่สั่งซื้อมาทั้งหมดต่างส่งถึงโกดังแล้วเมื่อวานเธอได้สั่งจองข้าวสารจากพ่อค้าร้านค้าข้าวเอาไว้ล่วงหน้า ข้าวสารส่วนที่เหลืออีกหนึ่งพันแปดร้อยกระสอบต่างก็ส่งมาถึงโกดังแล้วเช่นกันทว่าการเก็บปูนซีเมนต์และข้าวสารไว้ในที่เดียวกัน อย่างไรก็คงไม่ดีนักเย่มู่มู่จึงขอให้ลุงหยางผู้ดูแลโกดัง เปิดประตูใหญ่โกดังแห่งที่สองให้โกดังแรกใช้สำหรับจัดเก็บสิ่งของต่าง ๆ ส่วนโกดังแห่งที่สองใช้จัดเก็บเสบียงอาหารและผักผลไม้ลุงหยางเองก็คับข้องใจ เย่มู่มู่จะซื้อปูนซีเมนต์และอิฐมากมายเช่นนั้นไปทำอะไรแต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรนัก เพียงเปิดประตูโกดังแห่งที่สอง ให้พ่อค้าร้านค้าข้าวขับรถเข้าไปด้านในได้เมื่อเย่มู่มู่มาถึงโกดัง ลุงหยางดูเวลาแล้ว เห็นว่าพักกินข้าวเที่ยงพอดีเขาบอกกล่าวเธอสักหน่อยแล้ว จึงได้ไปพักกินข้าว
จ้านเฉิงอิ้นจัดแจงข้าวสารและแป้งสาลีเข้าโกดัง นายทหารทั้งหลายมองดูเสบียงอาหารกองพะเนินเป็นกำแพงสูง...เสบียงอาหารที่ท่านเทพส่งมาเมื่อวานนั้น เพียงพอแค่กินได้หนึ่งวัน พวกเขายังกังวลกันว่าหากขาดแคลนเสบียงจะทำอย่างไรต่อไป?บัดนี้ สิ่งแน่นหนักในใจเหล่านั้นสลายหายไปหมดแล้วท่านเทพเป็นผู้รักษาวาจาท่านประทานอาหารมาให้อย่างเพียงพอจริง ๆ!จ้านเฉิงอิ้นวางมือลงบนกระสอบข้าวสาร มองไล่ไปตามเสบียงอาหารขาวโพลนพลางเอ่ย “หากตามที่ท่านเทพบอก เสบียงนี้เพียงพอจะอยู่ได้นานเท่าใด”หลี่หยวนจงตอบว “ข้าวสารสองแสนชั่ง แป้งสาลีสองหมื่นห้าพันชั่ง...”บัดนี้พลทหารแต่ละนายได้ข้าวสารวันหนึ่งครึ่งชั่งใช้ประทังชีพได้ยี่สิบเอ็ดวันขอรับ”นายทหารได้ยินกันถ้วนทั่ว หากเป็นเมื่อก่อนน่ะหรือ เพียงคิดก็ไม่อาจหาญกล้า!มีที่ไหนใครจะได้กินข้าววันหนึ่งถึงครึ่งชั่ง เกรงว่าจะมีแต่เชื้อพระวงศ์ขุนนางที่กล้าฟุ่มเฟือยได้เพียงนั้น!ภายนอกเมืองกำลังประสบทุพภิกขภัยครั้งใหญ่!แต่ในเมืองของพวกเขา กลับผ่านไปอย่างสุขสันต์ดังแดนสวรรค์ทุกคืนวันคิดถึงตรงนี้ ทหารแต่ละนายต่างก็ยิ่งอยากมีชีวิตรอด อยากตีฝ่าวงล้อมออกไป อยากทำลายเผ่าหม
ส่วนคนที่เหลือไปช่วยกันซ่อมแซมกำแพงเมือง!ฟ้าค่อย ๆ มืดลง จ้านเฉิงอิ้นมองดูอาหารสองสามอย่างและข้าวหลายกล่องบนโต๊ะ มุมปากผุดพรายยิ้มนุ่มนวล ท่านเทพมาโปรดสัตว์อีกแล้วเมื่อคืนวานเป็นปลาน้ำแดง วันนี้เป็นซี่โครงหมูนึ่ง เนื้อวัวผัดแห้ง ผัดผัก และซุปมะเขือเทศใส่ไข่นางช่างทุ่มเทส่งอาหารมาให้เขาเต็มกำลังจริง ๆเขาเปิดกล่องอาหารออกแล้วเรียกสวี่หมิงกับเถียนฉินมากินด้วยกัน ทั้งสองกลับส่ายหน้า “ท่านแม่ทัพ พวกข้าน้อยทานกันที่กองทัพกันแล้วขอรับ”“วันนี้เป็นข้าวสวยหุงสุกหนึ่งมื้อ ผัดหมูจานหนึ่ง ผัดกะหล่ำปลีหนึ่งจาน และน้ำแกงฟักเขียว... อร่อยมากจริง ๆ”“ใช่ขอรับ ที่แท้ข้าวสวยหุงก็อร่อยเช่นนี้ ทั้งหอมละมุน ไม่ติดฝาดบาดคอ รสชาติกลมกล่อม เคี้ยวไปยังมีรสหวานอีกด้วย”จ้านเฉิงอิ้นจึงเลือกกินเพียงซี่โครงหมูนึ่งกับซุป ส่วนที่เหลือยกให้เถียนฉิน ให้เขานำกลับไปให้ลุงหลี่เถียนฉินรับไว้หลังมื้ออาหาร จ้านเฉิงอิ้นมองกระบะทรายจำลองภูมิศาสตร์เผ่าหมานรวมตัวกันห่างออกไปราวสามสิบลี้[1] กองกำลังหลักทั้งสิ้นประจำอยู่ที่ประตูเมืองด้านหลังมีทหารเผ่าหมานกว่าแสน ขัดขวางการติดต่อระหว่างกองทัพตระกูลจ้านและแคว
เย่มู่มู่ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของร้านค้า สอบถามราคาและประสิทธิภาพของชุดเกราะทว่าร้านค้าโดยส่วนใหญ่ผลิตชุดเกราะโบราณสำหรับคอสเพลเยอร์ ไม่ก็เป็นเพียงอุปกรณ์ประกอบฉากในการถ่ายละครเท่านั้น ประสิทธิภาพใช้งานจริงเป็นอย่างไรพวกเขาเองก็ไม่รู้แน่ชัดเช่นกัน เธอสอบถามร้านค้าไปกว่าสิบแห่ง ในที่สุดก็พบร้านหนึ่งที่ผลิตอาวุธโบราณจำลอง และมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองเนื่องด้วยเธอต้องการซื้อเป็นจำนวนมาก พ่อค้าจึงต่อสายวิดีโอคอลกับเธอด้วยตัวเองทั้งยังทดสอบให้เธอได้ดู การใช้กระบี่ยาวฟันลงไปบนชุดเกราะเคร้ง~เกิดประกายไฟพุ่งขึ้นมา ทั้งกระบี่ของเขายังเกิดรอยบิ่น ทว่าชุดเกราะยังคงสภาพสมบูรณ์ไร้ความเสียหายพ่อค้าเลื่อนกล้องเข้าไปใกล้ชุดเกราะเพื่อให้เย่มู่มู่เห็นชัด ๆ ว่าชุดเกราะมีรอยขีดข่วนเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับแตกหักเย่มู่มู่เอ่ย “ฉันเห็นร้านคุณมีดาบกระบี่ที่ลับคมแล้ว ลองใช้ดาบคุณฟันชุดเกราะคุณให้ดูหน่อยสิคะ”มาแบบนี้ พ่อค้าก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อยเธอจึงพูดต่อว่า “ฉันว่าจะสั่งสักหมื่นชุดขึ้นไป แต่พ่อค้าต้องให้ฉันดูก่อนนะคะ ว่าชุดเกราะของคุณแข็งแรงแค่ไหน”เมื่อได้ยินว่าจะสั่งซื้อเป็นหมื่นชุด ซึ่ง
เห็นว่าผ่านไปนานแล้วนางยังคงไม่ตอบกลับ จ้านเฉิงอิ้นจึงส่งกระดาษมาอีกหลายแผ่น “ท่านเทพ?”“ทำให้ท่านเทพเป็นกังวลแล้ว ล้วนเป็นความผิดข้าเอง ข้าจะไม่ทำให้ท่านเทพผิดหวัง จะนำพาปวงประชาฝ่าวงล้อมออกไปให้จงได้”“ท่านเทพหลับแล้วหรือ? เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว”เย่มู่มู่เห็นกระดาษขาว จึงรีบตอบกลับ“ข้าไปช่วยซื้อเครื่องใช้ยุทธภัณฑ์มา ได้ชุดเกราะมาพันชุด ดาบม่อเตาราชวงศ์ถังห้าพันเล่ม หน้าไม้ราชวงศ์ฉินร้อยคัน…”จ้านเฉิงอิ้นตอบ “ดาบม่อเตาราชวงศ์ถังคือสิ่งใด? หน้าไม้ราชวงศ์ฉินเล่า? กองทัพของข้ายังมีธนูและศรอยู่”เย่มู่มู่เพิ่งฉุกคิดขึ้นมาได้ แคว้นต้าฉี่คงยังไม่มีหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน ดาบม่อเตาราชวงศ์ถังเองก็เป็นเกิดขึ้นหลังจากยุคของพวกเขาราวหนึ่งพันห้าร้อยปีเห็นจะได้ “ส่งแท็บเล็ตมาให้ข้า ข้าจะโหลดวิดีโอการใช้งานอาวุธให้เจ้าเรียนรู้”แท็บเล็ตถูกส่งกลับมาเย่มู่มู่เปิดดูแกลเลอรีเห็นภาพถ่ายภาพหนึ่งมีชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงห้าคนอยู่ในชุดเกราะ ทว่าเสื้อผ้าด้านในกลับมอซอยิ่งผมเผ้ายุ่งเหยิง หนวดเครารุงรัง ดวงตาทอประกาย ต่างเมียงมองมายังกล้องด้วยความฉงนสนเท่ห์เย่มู่มู่ยังสังเกตเห็น ว่าฉากหลังของพวกเข