ทหารสิบนายเดินกลับมาจากบ้าน พวกเขาขอบตาแดงก่ำ ต่างผ่านการร้องไห้มาเมื่อวานนี้สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าปนความสิ้นหวังทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ต่อให้ขอบตาจะแดงก่ำ แต่ปากกลับฉีกยิ้มพวกเขากำลังรอให้เย่มู่มู่ส่งน้ำมาให้!ในเวลานี้ ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพเกิดเสียงดังวุ่นวาย มีผู้ลี้ภัยกำลังสร้างปัญหาจ้านเฉิงอิ้นให้เถียนฉินออกไปดูพวกเขาออกไปได้ไม่นาน คนที่มารวมตัวกันสร้างปัญหาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงดังเข้ามาในจวนด้านในได้ยินกันชัดเจนจ้านเฉิงอิ้นลุกขึ้น เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงทุกคนร้องตะโกนว่า “ขอท่านแม่ทัพได้โปรดเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายธัญพืชออกมาด้วยเถอะ”“ท่านแม่ทัพ ทั้งที่จวนของท่านมีข้าวสาร เหตุใดต้องซ่อนไว้กินเพียงคนเดียว? หรือว่าท่านอยากจะมองดูชาวบ้านด่านเจิ้นกวนหิวตายทั้งเป็นไปต่อหน้าต่อตาหรือ?”“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดช่วยพวกชาวบ้านด้วยเถอะ พวกเราไม่อยากหิวตาย!”หน้าประตูจวนแม่ทัพ ชาวบ้านที่สร้างปัญหาก็มีถึงสองร้อยคนแล้ว!ผู้นำก็คือชายที่มีนามว่าหลิวซื่อ ภายใต้ใบหน้ายาวนั้นคือดวงตาสามขาวและโหนกแก้มโดดเด่นเขารู้จักกับพ่อที่แลก
เมื่อพ่อได้ยินคำพูดนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก ไล่ญาติ ๆ ทุกคนออกจากบริษัทแล้วก็จัดทำพินัยกรรมล่วงหน้าทรัพย์สินของเขา พี่น้องกับหลาน ๆ ไม่มีใครได้ไปสักสตางค์เดียวพอพวกนั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากพินัยกรรม พยายามโทรหาเย่มู่มู่ก็ไม่ติด ก็เลยเริ่มวนเวียนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน หวังจะเจอเธอเย่ซินไม่รู้ว่ารออยู่หน้าหมู่บ้านนานแค่ไหน จนสุดท้ายก็ดันเจอเธอที่กำลังจะออกไปข้างนอกเขารีบพาผู้ชายวัยกลางคนมาพบเธอทันทีเย่มู่มู่ขมวดคิ้วถามเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”เย่ซินยิ้มอย่างกระตือรือร้น“มู่มู่ เรามานั่งคุยกันหน่อย พี่จะแนะนำคนให้เธอรู้จัก คุณหวัง เขาเพิ่งหย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้เป็นหนุ่มโสดสุดฮอตเลยนะ!”“ดูสิ คุณหวังทั้งสุขุมและมั่นคง ภายนอกก็ดูภูมิฐาน เขาเป็นเจ้าของใหญ่ของหัวหวังกรุ๊ป...”“เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”คุณหวังที่พูดถึงนั้นหัวล้านกลางศีรษะ พุงก็ใหญ่จนดูอ้วนกว่าปกติ ดูแล้วอายุมากกว่าพ่อของเธอเสียอีกอายุอย่างน้อยก็คงห้าสิบห้าปีขึ้นไปเขาสวมแหวนทองวงใหญ่ มืออ้วน ๆ ของเขาลูบคางแล้วมองเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหื่นกามเมื่อเห็นว่าเธอมีผิวขาวเนียน รูปร่างผอมเพรียว โดยเ
“ยัยหนู เธอคิดจะขายหรือไม่? จอกสุราปกติต้องมีเป็นคู่ ถ้าเธอมีครบคู่ ฉันจะเสนอราคาให้ถึงสองหมื่นห้าพันล้าน!”เย่มู่มู่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เธอไม่อยากให้จ้านเฉิงอิ้นต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้สองหมื่นห้าพันล้านเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนหนึ่งแสนคนได้แต่สำหรับให้ทหารสองหมื่นนายของเขาเอาชนะกองทัพคนเถื่อนสามแสนนาย คงไม่เพียงพอแน่!เย่มู่มู่กัดฟัน ก่อนจะหยิบจอกสุราอีกใบออกมา“ฉันมีสองใบ สองหมื่นห้าพันล้านน้อยเกินไป!”เมื่อผู้อาวุโสมู่มองเห็นว่าเย่มู่มู่มีจอกสุราครบทั้งสองใบจริง ๆ เขาก็ดีใจมากจนทำแว่นตาหลุดมือที่สั่นเทาของเขารีบหยิบจอกขึ้นมา ตรวจสอบด้วยแว่นขยายเขาตื่นเต้นจนริมฝีปากสั่นระริก “ใช่แล้ว ใช่เลย! นี่คือจอกสุราคู่ที่สภาพสมบูรณ์ และยังคงงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”“เธอต้องการเท่าไหร่?”เย่มู่มู่ตอบว่า “ฉันต้องการเงินสด และราคาต้องถึงขีดสูงสุด”ผู้อาวุโสมู่เบิกตากว้าง “เธอต้องการสามหมื่นล้านเหรอ?”เย่มู่มู่พยักหน้าเขาเริ่มลังเลแล้ว!เมื่อเย่มู่มู่เห็นเช่นนั้น ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “ถ้าคุณไม่มีปัญญาจ่าย ฉันไปถามร้านข้าง ๆ ก็ได้!”เธอลุกขึ้นเตรียมเก็บจอกสุราคืนแต่ผู้อาวุโสมู่
เย่มู่มู่ขับรถไปถึงตลาดสด และมองหารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกได้ถึงสามสิบตันเธอบอกว่าจะซื้อของบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย!ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดเล็ก หัวไชเท้า แครอท มันเทศ มันฝรั่ง และข้าวโพด…เธอเหมาผักหมดทั้งตลาดแล้วพ่อค้าแม่ค้าผักเห็นเธอซื้อของมากขนาดนี้ ต่างรีบกรูเข้ามาล้อมเธอ พร้อมเสนอลดราคาขายให้เธอในราคาถูกกว่าปกติ!เย่มู่มู่ซื้อของทั้งหมดในตลาดสดจนเกลี้ยง พร้อมจ้างรถบรรทุกสองคันจากนั้นเธอก็จัดหาคนมาช่วยขนของขึ้นรถ พร้อมให้ที่อยู่ของโกดังกับคนขับรถบรรทุก ให้พวกเขาขนของไปที่โกดังคุณลุงที่ดูแลโกดังอยู่ทั้งวันก็ยังคงเฝ้าประตูตามปกติหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เย่มู่มู่จึงเดินทางไปร้านขายยาไม่ว่าจะเป็นผ้าก๊อซ แอลกอฮอล์ล้างแผล แหนบ คีม มีดผ่าตัด กรรไกร และไหมเย็บแผลเธอซื้อมาอย่างครบครันรวมถึงเข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา ยาปฏิชีวนะ ยาห้ามเลือด และยาแผนตะวันตกอื่น ๆ ก็ซื้อไปหมดนอกจากนี้ยังมียาแผนจีนแบบสำเร็จรูป เช่น อวิ๋นหนานไป๋เย่า[1] ยารักษาอาการฟกช้ำ ยาห้ามเลือดต่าง ๆ ยาลดการอักเสบ และยาช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ…เธอแวะร้านขายสมุ
จ้านเฉิงอิ้นยืนเฝ้าข้างแจกันไม่ห่างฉับพลันนั้นน้ำก็หยุดไหล เขาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนข้างแจกัน เห็นกระดาษสีขาวโปรยลงมาอักษรคมกริบ จดจำได้ง่ายเพียงแต่อักษรเหล่านี้ขาดแขนและขา จ้านเฉิงอิ้นอ่านปะติดปะต่อกันก็เข้าใจท่านเทพยาดากล่าวว่า ส่งยามาหนึ่งชุด!ยาหรือ!!!หากมียา ทหารน้อยซ่อมเกือกม้าเป็นก็จะรอดชีวิตแล้วประชาชนในเมืองอาจไม่ต้องหิวตาย เพราะขาดน้ำและอาหารร่างกายจึงย่ำแย่ แค่อาการหวัดเล็กน้อยก็สามารถคร่าชีวิตคนได้หากมียา ทหารห้าพันนายที่ตายไปในสมรภูมิครั้งก่อน อย่างน้อยก็คงช่วยชีวิตได้ครึ่งหนึ่ง!จ้านเฉิงอิ้นกำกระดาษไว้แน่น น้ำใส ๆ รื้นขอบตา เพียงส่งอาหารและน้ำมาก็เป็นความปรารถนาสูงสุดของเขาแล้วนึกไม่ถึงว่าท่านเทพยดาถึงขั้นส่งยามาให้ด้วยสิ่งที่กองทัพตระกูลจ้านขาดแคลนก็คือยา!จ้านเฉิงอิ้นน้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เถียนไท่ เรียกหมอทหารทุกคนมาที่นี่”เถียนไท่กับทหารนายอื่นได้ยิน ก็พลันลุกขึ้น รายล้อมเขาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน“ท่านแม่ทัพ ท่านเทพยดาส่งยามาแล้วหรือขอรับ?”“จริงหรือขอรับ? หากมียา ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในค่ายก็ไม่ต้องรอความตายอีกแล้ว!”“บา
เขาหยิบผ้าพันแผลที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ยังมีสำลีฆ่าเชื้อ เข็มฉีดยา น้ำยาฆ่าเชื้อเตี่ยนฝู[1]…และมีอุปกรณ์ผ่าตัดนานาชนิด ทั้งมีดผ่าตัด คีมผ่าตัด…เขาตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค “ท่านแม่ทัพ นะ นี่มันยาฆ่าเชื้อ ใช่…?”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้าให้เขาซ่งอวิ๋นฮุยกำคีมผ่าตัดในมืออย่างตื้นตันจนไม่อาจบรรยาย!ท่านเทพยดามอบให้แก่พวกเขาท่านเทพยดาไม่เพียงส่งยามาให้ ยังส่งวิทยาการด้านการแพทย์ที่ล้ำยุคมาให้ด้วยคีมผ่าตัด กรรไกรผ่าตัด…เครื่องมือเหล่านี้ประณีตกว่าของในสำนักหมอหลวงหลายเท่า!จ้านเฉิงอิ้นมอบหนังสือ ‘คู่มือหมอเท้าเปล่า’ ให้ซ่งอวิ๋นฮุยหนึ่งเล่มเขาเปิดอ่านอย่างไม่รีรอ เห็นในตำรามีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รับมือกับโรคระบาด ก็พลันดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง“ท่านแม่ทัพ มีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รักษาโรคระบาดต่าง ๆ อยู่ด้วย! มีตำราเล่มนี้อยู่ หมอในแคว้นต้าฉี่ก็ไม่ต้องปวดหัวกับโรคระบาดอีกแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มตอบ “หมอทหารซ่ง ท่านนำกลับไปศึกษาเสีย ยังมียาเหล่านี้อีก มีวิธีใช้เขียนติดอยู่บนถุง”ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่รู้อักษร จึงได้มอบตารางโครงสร้างส่วนประกอบอักษรแบบใหม่ให้เขาด้วยส่วนหมอทหารที่เหลือ ก็ได้ร
เฉินขุยเห็นจ้านเฉิงอิ้นสีหน้าไม่ค่อยดีนัก จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านแม่ทัพ ทางเมืองหลวงส่งข่าวอันใดมาหรือขอรับ?”จ้านเฉิงอิ้นยื่นจดหมายให้เขาเขาคลี่จดหมายออก ขณะที่นายทหารที่เหลือเองก็รุมล้อมเข้ามาดูด้วยเห็นเพียงข้อความหนึ่งเขียนไว้ว่า ‘ปกป้องสุดชีวิต’!เฉินขุยสบถออกมาด้วยความเดือดดาล “เดิมทีพวกข้ามีทหารหนึ่งหมื่นนาย ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ไม่ส่งอาหารส่งน้ำมา ไม่ส่งกำลังเสริมมาไม่พอ มิหนำซ้ำยังสั่งให้ปกป้องเมืองไว้สุดชีวิตอีกงั้นเรอะ!”“นี่เท่ากับสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตายไม่ใช่หรือ?”อู๋ซานหลางขมวดคิ้วมุ่น “ท่านแม่ทัพ ไม่มีกำลังเสริมแล้วจริงหรือขอรับ?”ถึงแม้พวกเขามีเสบียงแล้ว แต่ทหารสองหมื่นนายจะทัดทานทหารสามแสนนายจากเผ่าหมานได้อย่างไร!หากเรื่องที่พวกเขามีเสบียงอาหารและน้ำแพร่งพรายออกไป เผ่าหมานจะต้องบุกรุกเข้ามายึดเมือง แย่งเสบียงอาหารทั้งหมดไปเป็นแน่บรรยากาศอึดอัดและตึงเครียดจนถึงขีดสุด!เฉินขุยเอ่ยต่อว่า “กองทัพหนึ่งแสนนายของแม่ทัพสวีหวยก็อยู่ห่างจากด่านเจิ้นกวานเพียงไม่กี่ร้อยลี้ เหตุใดฮ่องเต้น้อยจึงไม่มีราชโองการให้เขามาช่วยเหลือ หรือจะมองดูด่านเจิ้นกวนถูก
พวกเขาเลียนแบบนายกองจ้าวจง พากันยกหัวไชเท้าแดงขึ้นมาลองกัดอย่างระมัดระวังหนึ่งคำจากนั้นก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ มีรสชาติหวานจริง ๆ!พวกเขากลืนกินหัวไชเท้าแดงหมดภายในไม่กี่คำ ถึงขั้นไม่ทันได้เคี้ยวให้ละเอียดด้วยซ้ำหลินต้าจวินเห็นพวกเขากินหมดแล้ว จึงกำชับพวกเขาว่า “เบาเสียงหน่อย ย้ายเสบียงไปที่ค่ายทหารก่อน!”พวกเขานำข้าวสารหนึ่งถุงใส่ตะกร้าก่อน จากนั้นก็ทับด้วยน้ำมันหนึ่งถัง แป้งสาลีหนึ่งถุง ตามด้วยเกลือทำอาหารอีกจำนวนหนึ่ง ปิดท้ายด้วยการวางผักกาดขาว และกะหล่ำปลีครั้นเห็นช่องว่างในตะกร้าก็เสียบมะเขือยาว มะเขือเทศและหัวไชเท้าแดงแซมเข้าไป…ตะกร้าไผ่กว้างมาก ทว่าพวกเขาก็ยังคงใส่ของมากเกินจนทำให้ปากตะกร้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยแต่พวกเขาไม่มีเวลาสนใจแล้ว ค่ายทหารอยู่ห่างจากค่ายทหารถึงสองลี้ ประตูด้านหลังมีเกวียนจอดอยู่ด้านนอกเกวียนหนึ่งเล่มสามารถใส่ตะกร้าได้สี่ตะกร้าพวกเขาใส่ของเต็มเกวียนสี่เล่ม อาศัยกำลังคนในการลากทั้งสิ้นในค่ายทหารมีม้า ทว่าม้าล้วนหิวจนผอมเหลือแต่กระดูก บางตัวก็ลุกไม่ไหว จึงทำได้เพียงอาศัยแรงคนเท่านั้นเพื่อปกป้องทรัพยกรชุดนี้ เฉินขุยกับหลินต้าจวินควบคุมการข
ขณะหลี่หยวนจงเขียนจดหมาย ยังมีความกังวลใจเล็กน้อยว่ากันตามเหตุผล ทำความผิดเช่นนี้ เมื่อออกคำสั่งทางทหาร ที่ร้ายแรงอาจถูกบั่นคอสองทัพทำศึกใหญ่ ผู้บัญชาการพามาผิดทาง ความผิดที่ได้ทำร้ายแรงเพียงใดฉะนั้น ในจดหมายเขาอธิบายให้ตัวเองสารพัด วันนี้ยังดึงคนกองกำลังมาได้หนึ่งแสนคนนับว่าชดเชยความดีความชอบแล้ว!ไม่ว่าอย่างไร แม่ทัพใหญ่ก็ไม่คงลงโทษเขากระมัง!อันที่จริงอาจจะยังน่าเดือดดาลอยู่ เขาจึงหอบความหวังไปไว้ที่การซุ่มโจมตีสองหมื่นคน อีกฝ่ายสามแสนคน!จำนวนคนเหลื่อมล้ำ ไม่แน่ว่าเขาจะควบคุมได้ทว่า ไม่ลองจะรู้ได้อย่างไร ระเบิดกองทัพแคว้นฉู่ไม่ตาย?มิหนำซ้ำ ข่าวในเมืองก็คงไหลรั่วออกไปฮ่องเต้แคว้นฉู่คงได้รับข่าว และรีบกลับมาโดยเร็วเขาได้แต่รอจะถูกโบยลงโทษหรือนับเป็นผลงานทางทหาร จะสำเร็จหรือคว้าน้ำเหลวอยู่ที่ตรงนี้*ภูเขาเหมือง!จ้านเฉิงอิ้นได้รับจดหมายของหลี่หยวนจงในวันที่สิบห้าไม่คิดเลยว่าเขาจะไปผิดทาง?เขาไปเมืองหลวงแคว้นฉู่?ไม่คิดเลยว่ายังจะโจมตีเข้าไปด้วย!มิหนำซ้ำยังรับคนเข้ามาหนึ่งแสนคน!เรื่องไร้สาระเช่นนี้ เขาทำสำเร็จเสียด้วยนี่เป็นเมืองหลวงแคว้นฉู่เลยนะ!
บางครั้งองครักษ์ที่เฝ้าเมืองก็คิดจะไล่พวกเขาเช่นกันทว่าสู้ไม่ได้แล้วจะทำอะไรได้!ทำได้เพียงมองดูพวกเขาปล้นคนรวยไปช่วยคนจนในเมือง และตั้งโรงทานโจ๊ก!กระทั่งชาวบ้านที่เข้าแถวซื้อโจ๊กยังขวางพวกเขา ตั้วตนเป็นศัตรูกับพวกเขา!ตอนนี้ คำสรรเสริญจากประชาชนในเมืองต่อพวกเขาดีเป็นอย่างมากหนึ่งคือเรื่องที่พวกเขาทำ ล้วนเป็นการผดุงธรรมแทนสวรรค์ แม้จะเป็นเสบียงอาหารที่ปล้นออกมาจากแต่ละจวนก็ตาม ทว่าล้วนแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ไม่ได้กินข้าว มอบทางรอดชีวิตให้แก่พวกเขาและเนื่องจากผลพลอยจากการได้รับคำสรรเสริญของประชาชนในเมือง กระทั่งมีคนคิดจะเข้าร่วมกับพวกเขาตรงนั้นเลยภายในเวลาสองวัน จำนวนของผู้ที่เข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้านมีมากถึงหนึ่งแสนคนมิหนำซ้ำหลี่หยวนจงไม่ปฏิเสธผู้ที่เข้ามา เพียงมีรูปร่างดีหน่อยก็สามารถเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้านได้แล้วเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนคน ทหารที่เฝ้าเมืองยิ่งไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม เพียงแต่รีบส่งข่าวให้ฮ่องเต้แคว้นฉู่อย่างรวดเร็ว ให้เขารีบกลับมา!ไม่นานบัลลังก์ของเขาจะเปลี่ยนเจ้าของแล้วไม่นานหัวเมืองของเขาก็ถูกกองทัพตระกูลจ้านยึดครองจนหมดใช่แล้ว เหลวไหลสิ้นด
เขามาผิดทางแล้ว จะทำภารกิจใดไม่แล้วเสร็จเลยไม่ได้เมื่อเทียบแคว้นฉู่และแคว้นเยี่ยน ในด้านกองกำลังแคว้นฉู่เหนือกว่า!หลังจากนั้นคำบอกเล่าของเถ้าแก่เจ้าของร้าน ก็ทำเอาเขาตกตะลึงไปเลย“ท่านแม่ทัพหลี่ เกรงว่าครั้งนี้ท่านจะคว้าน้ำเหลวแล้ว! ที่พวกท่านโจมตีเข้ามาในแคว้นฉู่ได้ ไม่ใช่เพราะทหารคุ้มกันของเมืองหลวงหละหลวม ทว่าทหารคุ้มกันในเมืองส่วนใหญ่ ตามฉู่อ๋องไปเซ่นไหว้ที่เขาเทพยดาต่างหาก!”“ราชวงศ์ตระกูลชนชั้นสูง ตระกูลทรงอิทธิพล ขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์...ต่างไปในครานี้ ยกขบวนกันไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรสามแสนคน!”“เพื่อให้พวกเขาได้กินดีอยู่สบาย จึงนำข้าทาสส่วนใหญ่และทหารรักษาการณ์ไปด้วย!”หลี่หยวนจงปรบมือทีหนึ่ง “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!”เช่นนี้ก็จัดการได้ง่ายมิใช่หรือ?พวกเขาไปเซ่นไหว้ที่เขาเทพยดา เช่นนั้นเขาไปขวางไว้กลางทาง ก็เท่ากับกวาดเรียบไม่มีเหลือไม่ใช่หรือ!เยี่ยม นี่เป็นวิธีที่ดี!เขารู้สึกว่าตนฉลาดหลักแหลมเป็นที่สุด!“แต่ว่าท่านแม่ทัพ นอกจากองครักษ์ในวังแล้ว ยังมีทหารประจำจวน และยังมีกองทหารหนึ่งแสนคนติดตามไปด้วย!”“ในสามแสนนายนี้ มีสองแสนนายเป็นทหาร
หลี่หยวนจงคิดไม่ถึงเลยว่า พวกเขาจะบุกเข้าเมืองหลวงได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังขโมยของจวนท่านอ๋องได้หลายจวนอีกด้วยเขาเพียงมาถึงยังเมืองหลวงแคว้นฉู่ เพราะมาผิดทางจึงเลยตามเลยมาแล้วก็ทำศึกสักหน่อย...สุดท้ายกลับมาพร้อมข้าวของเต็มลำใช่แล้ว เพียงโกดังยุ้งฉางในจวนขุนนางใหญ่และองค์ชายไม่กี่จวน ก็ใส่จนเต็มรถแล้วชาวบ้านนับไม่ถ้วนนอกเมืองอดจนผอมแห้งเหลือแต่กระดูกพวกเขาร่ำไห้ขอให้ทหารคุ้มกันเปิดประตูปล่อยพวกเขาเข้าเมืองอยู่หน้าประตูเมือง ทหารคุ้มกันมองดูชาวบ้านอ้อนวอนอย่างเย็นชา ทนมองพวกเขาอดตายทั้งเป็น ไม่สนใจใยดี!หากในเมืองเสบียงอาหารร่อยหรอก็ช่างมันเถอะทว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยพวกเขายึดจวนของขุนนางใหญ่สองสามจวน!เสบียงอาหารในยุ้งฉางเต็มจนล้นออกมาแล้วมิหนำซ้ำไม่ได้มีแค่ข้าวโพดธรรมดา ๆ ยังมีข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง...หลากหลายมากมาย ขอให้เป็นธัญพืชในตลาดล้วนมีทุกอย่าง!หลี่หยวนจงไม่รู้ว่าพวกเขาเอาธัญพืชมากมายเช่นนี้มาจากที่ใด!สิ่งที่ยิ่งทำให้เขาตกตะลึงก็คือ โกดังของพวกเขามีมากมายหนึ่งจวนมีสามสี่โกดังทุกโกดังล้วนอัดแน่นจนเต็มบนรถสองสามคันที่ว่าง ครั้นขนเครื่องประดับ
ตอนนี้ในดินแดนแคว้นฉู่ยังมีให้ใช้อีกสี่แสนคนสองแสนคนเบื้องล่างเจียงเหว่ย หนึ่งแสนไปโจมตีแคว้นเยี่ยนสุดท้ายกลับมาพร้อมกับความพ่ายแพ้!อีกหนึ่งแสนคนคุ้มครองฉู่อ๋องไปเซ่นไหว้ที่เขาเทพยดาก่อนหน้านี้เทพสงครามหลิงเซี่ยวเฟิงโรยราอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นเจียงเหว่ยก็กลับมาพร้อมกับความพ่ายแพ้จากช่องเขาเป้าเสีย...ฉู่อ๋องรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของแคว้นฉู่ไม่ค่อยดีนักก่อนหน้านี้รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ตอนนี้ชนะครั้งเดียวยังยากพร้อมกับพาขุนนางในราชสำนัก วังหลัง องครักษ์สองสามหมื่นนายจากในวัง มุ่งหน้าไปเซ่นไหว้ยังเขาเทพยดาที่สูงเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นฉู่อย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรก่อกองดินที่เขาเทพยดา ฝังหนังสือแผนภูมิหยก...ขุนนางในราชสำนัก วังหลัง กราบไหว้บูชา!หนึ่งหมื่นคนที่คุ้มกันไปคือคนของเจียงเหว่ยส่วนเมืองหลวงยังมีอีกสองแสนคนหนึ่งในนั้นแปดหมื่นทั้งหมดมายังประตูทิศตะวันตก คุ้มกันประตูเมืองเกรงว่าทั้งราชวงศ์แคว้นฉู่ มิมีผู้ใดนึกเลยว่า หลี่หยวนจง...ไม่คิดเลยว่ารองแม่ทัพใต้อาณัติจ้านเฉิงอิ้นผู้หนึ่ง จะนำกำลังคนสองหมื่นคน เป่าหูและรวบรวมคนมาตลอดทั้งทาง นำราษฎรหกหมื่นคนก่อกบฏ...ไม
แม้ทหารใหม่ที่เข้ามาจะเยอะ เนื่องจากไม่มีประสบการณ์การสู้รบพวกเขาฟังคำบัญชาการจากหลี่หยวนจงมาตลอดทั้งทาง จนชินไปแล้ว!ทุกคนต่างถอยหลัง ถอยจนกระทั่งห่างออกไปหลายร้อยเมตร ไกลจากศูนย์กลางการทำสงครามในขณะนี้ เหล่าทหารใหม่เพิ่งจะเห็นความโหดร้ายของการทำสงครามแปดหมื่นคน ต่อสู้กับสองหมื่นคน...ส่วนใหญ่ยังเป็นกองกำลังกบฏชาวนาของอู๋ลี่ พวกเขาฝึกซ้อมกันมาสองเดือนกว่า คงเป็นเพราะง่วนอยู่กับการเพาะปลูก เดี๋ยวฝึกซ้อมเดี๋ยวเลิกฝึกซ้อมผู้ที่กล้าหาญจริง ๆ คือทหารผ่านศึกสองพันของกองทัพตระกูลจ้านที่ผ่านการรบมามากมาย กำดาบม่อเตาพุ่งไปอยู่หน้าสุดครั้นยกดาบขึ้นและฟันลงมา ศีรษะคนก็ตกลงมาบนพื้น!เลือดไหลทะลักออกมา...ทีแรกคิดว่าเมื่อเหล่าทหารใหม่ต้องเผชิญกับความตาย จะตื่นตระหนกและกลัวแต่คิดไม่ถึงเลยว่าความสนใจของพวกเขา จะไปอยู่ที่คำขวัญบุกโจมตีข้าศึกของหลี่หยวนจง“ตอนท่านแม่ทัพบุกทัพศัตรู ตะโกนว่าอะไร...”ทหารใหม่ที่เลื่อนขั้นเป็นนายกองคนหนึ่ง ถามทหารชั้นผู้น้อยที่อยู่ข้าง ๆ“หัวคน ท่านแม่ทัพกำลังตะโกนว่า หัวคนหนึ่งหัวแลกเสบียงอาหารได้สิบชั่ง หัวคนสองคน เสบียงอาหารยี่สิบชั่ง...”“และยังมีร
ขนาดของแปดหมื่นคน ก็สามารถตัดสินแพ้ชนะกับทหารคุ้มกันเมืองหลวงได้แล้ว!เพียงแต่พวกเขาจะอธิบายกับท่านแม่ทัพใหญ่อย่างไร?ท่านแม่ทัพใหญ่ให้พวกเขากำจัดกำลังทหารของแคว้นเยี่ยน!ผู้ใดจะไปคิดว่า พวกเขาจะยกทัพทหารมาก่อกบฏที่เมืองหลวงข้าง ๆ แทน!หกหมื่นนายที่มาพร้อมเขาตลอดทาง ล้วนเป็นราษฎรแคว้นฉู่ทั้งสิ้น!เรื่องนี้จัดการได้ยากแล้วตลอดทั้งชีวิตของหลี่หยวนจงนี่เป็นครั้งแรกที่ปรากฏความรู้สึกสับสนโจมตีหรือว่าไม่โจมตี?โจมตี ทว่าที่นี่คือแคว้นฉู่?พวกเขาจะสู้ได้หรือไม่?โจมตีเข้าไปได้หรือไม่?ทว่าหากไม่โจมตี เขาจะอธิบายกับท่านแม่ทัพใหญ่อย่างไรถึงอย่างไร กองกำลังห้าหมื่นนายที่เซี่ยเวยและจ้าวเฉียนนำมาก็ถึงแคว้นเยี่ยนแล้วภายใต้การร่วมแรงของทั้งสองฝ่าย ทำให้แคว้นเยี่ยนกลายเป็นแคว้นใต้อาณัติของกองทัพตระกูลจ้าน แม้จะไม่สามารถทำให้แคว้นเยี่ยนผลัดเปลี่ยนแผ่นดินได้ ทว่าก็สามารถกำจัดฮ่องเต้และตระกูลขุนนางทรงอิทธิพลเบื้องบนได้วันหน้าขณะโจมตีเข้าไปในแคว้นเยี่ยน คงไม่มีแรงต้านทานมากมายขนาดนี้แล้วทว่า...เขามาผิดที่แล้วมิหนำซ้ำยังรับราษฎรแคว้นฉู่หกหมื่นคนเข้าร่วมกองทัพแล้วจะอธิบายกับท่าน
ในเมืองไม่น้อยยังพอมีเสบียงอาหารแก้ปัญหาเรื่องเสบียงอาหาร จากการมีคนเข้าร่วมทัพกลางทางอย่างต่อเนื่องได้สมบูรณ์!ทว่าขุนนางกังฉินทำร้ายประชาชนของแคว้นฉู่ก็มีไม่น้อย ประชาชนด้านนอกอดจนผอมเห็นกระดูก บางคนแย่งเด็กมาเผากินบนถนนเลยภายในยุ้งฉางของเจ้าเมือง เสบียงอาหารในโกดังล้นจนยัดไม่ลงหนูกินจนอ้วนท้วมตัวจ้ำม่ำ!เพียงแค่ด้านนอกคั่นด้วยกำแพง ก็มีหนึ่งร้อยคนที่อดตายทั้งเป็นเนื่องจากการกินดินขาวแล้วทว่าด้านในครั้นเปิดยุ้งฉาง เสบียงอาหารก็เทกระจาดออกมาเมื่อหลี่หยวนจงเห็นสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้ ก็ก่นด่าว่าฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนมิใช่คนทหารใหม่ที่ก่อกบฏร่วมกับเขา ก็กลัดกลุ้มอย่างมากเช่นกันเหตุใดเขาจึงก่นด่าฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนในเขตแดนแคว้นฉู่!นี่เกี่ยวข้องอะไรกับฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนหรือ?ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนไม่ได้เป็นคนกักตุนเสบียงเสียหน่อย!กระทั่งพวกเขาจู่โจมเมืองหลวงแคว้นฉู่ได้...หลี่หยวนจงถึงค้นพบในฉับพลัน...คล้ายกับเขามาผิดทางแล้วใช่แล้ว ในที่สุดเขาก็เห็นมังกรดำเลื่อมงดงามที่อยู่บนธงชัดเจน!เป็นธงที่เป็นสัญลักษณ์ของแคว้นฉู่ ธงมังกรดำ!ฉะนั้นที่พวกเขาเดินทัพมาอย่างยิ่งใหญ่เกรีย
ชาวบ้านต่างพากันนำทางพวกเขาไปยังถ้ำ แล้วเดินลึกลงไปอีกภาพของบ่อน้ำขนาดมหึมาปรากฏขึ้นเนื่องจากอยู่ลึกจากพื้นดินมาก แสงแดดส่องไม่ถึง และผนังหินช่วยป้องกันการระเหย น้ำจึงยังคงอยู่ ไม่แห้งขอดหลี่หยวนจงและเหล่าทหารดีใจมากที่เห็นน้ำมากมายขนาดนี้โชคดีที่พวกเขานำเครื่องสูบน้ำมาด้วย!พวกเขาดึงท่อสูบน้ำยาว ๆ สองท่อไปที่ปากถ้ำ ตั้งหม้อขนาดใหญ่ แล้วต้มข้าวต้มแจกจ่ายให้ทุกคน!เนื่องจากหลายคนอดอยากมานาน จึงให้คนละเพียงเล็กน้อยถึงอย่างนั้น ก็ใช้เสบียงของกองทัพไปไม่น้อยชาวเมืองทั้งเมืองอิ่มหนำสำราญ ต่างก็ดีใจอาหารมื้อนี้ช่วยให้พวกเขาไม่ต้องอดตายไปอีกสองวันเมื่อรู้ว่าหลี่หยวนจงและคณะกำลังจะไปเมืองหลวง ชาวบ้านก็อาสาเป็นผู้นำทาง...แม้แต่ชายฉกรรจ์ก็อาสาเข้าร่วมกับพวกเขา เพียงเพื่อแลกกับอาหาร!ในบรรดาประชากรกว่าสองแสนคน ที่รอดชีวิตมาได้ห้าหมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นชายฉกรรจ์ คนชรา ผู้หญิง และเด็กมีไม่ถึงหนึ่งในสามหลี่หยวนจงมองดูผู้คนที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ถึงแม้จะกินข้าวต้มหมดแล้ว ก็ยังเลียชามอยู่...ผู้หญิงแต่ละคนหน้าเหลืองซีดเซียว ท้องป่องโต หลบอยู่ตามมุมเด็ก ๆ ยิ่งไม่กล้าเข้าใกล้ หลบอย