Share

บทที่ 2

จ้านเฉิงอิ้นหันขวับไปทางนั้น แจกันเขรอะฝุ่นตรงมุมผนังมีน้ำพุ่งออกมาไม่หยุด

น้ำพุ่งรุนแรงมาก สาดถูกอาภรณ์ของเขากับหมอซ่งจนเปียกชุ่ม

เขาผุดลุกขึ้นยืน มือสองข้างกำแน่นจนสั่นน้อย ๆ

“นี่ คือน้ำงั้นรึ?”

ทุกคนไม่ได้เห็นน้ำมาครึ่งค่อนปีแล้ว หมอซ่งใช้สองมือกอบน้ำมาดื่ม

หวานเย็นชุ่มชื้น เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!

เขาร้องเสียงดังด้วยความพลุ่งพล่านใจ “ท่านแม่ทัพ เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!”

เหล่าทหารในด่านเจิ้นกวนเฝ้ารอน้ำทุกวัน รอมาครึ่งค่อนปีแล้ว

ขุดหาแหล่งน้ำใต้ดิน ขุดไปสิบกว่าบ่อ ขุดลงไปลึกเกินสามสิบจั้ง[1]แล้วก็เจอแต่ทรายเหลืองแห้ง ๆ ไม่เจอน้ำแต่อย่างใด

หมอซ่งนำชามแตกเป็นรูมารองน้ำให้แม่ทัพ ประคองด้วยสองมือที่สั่นระริก

“ท่านแม่ทัพ ท่านลองชิมดูสิ”

จ้านเฉิงอิ้นใช้มือข้างเดียวรับมาจิบคำหนึ่ง หวานเย็นชื่นใจ เป็นน้ำสะอาด

เขาดื่มรวดเดียวจนหมด!

“สวรรค์ประทานน้ำอมฤต สวรรค์ไม่ได้ต้องการให้กองทัพตระกูลจ้านของข้าพินาศ!”

สิ้นคำ นายทหารหลายนายก็ถลาเข้ามาด้วยความยินดี ใช้สองมือรองน้ำดื่มอึก ๆ ๆ

หมอซ่งรองน้ำให้แม่ทัพอีกชาม ส่งมาให้เขาดื่ม

นายทหารหลายนายนั้นดื่มน้ำไปพลางเอ่ยด้วยความยินดี “ท่านแม่ทัพ เทพยดาบันดาลน้ำอมฤตมาให้ นี่คือนิมิตหมายอันดี ศึกใหญ่ครานี้ พวกเราจะต้องเอาชนะพวกหมานได้แน่นอน!”

เมื่อมีน้ำก็จะสามารถเพาะปลูกได้ อุปสรรคทั้งหลายก็จะสามารถคลี่คลายได้อย่างง่ายดาย!

จ้านเฉิงอิ้นเชิดหน้ายืนตรง มือข้างหนึ่งไพล่หลัง

เขาอายุสิบหกควบม้าเข้าสู่สมรภูมิ อายุสิบเจ็ดสร้างชื่อจนโด่งดัง อายุสิบแปดนำกำลังคนไม่กี่ร้อย สวมเกราะเบาบุกเข้าไปตัดศีรษะแม่ทัพในค่ายของศัตรู

อายุยี่สิบได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์โหว

เขาเป็นแม่ทัพที่อายุน้อยที่สุดในช่วงร้อยปีมานี้ของราชสำนักต้าฉี่ คือหนิงกวนโหวผู้มีชื่อเสียงขจรขจาย

กระทั่งสวรรค์ก็ยังประทานน้ำอมฤตมาช่วยเหลือเขาในช่วงเวลาที่เขาสิ้นหวังที่สุด

กองทัพตระกูลจ้านจะต้องชนะศึกครั้งนี้อย่างแน่นอน

จ้านเฉิงอิ้นออกคำสั่งด้วยความยินดี “ไปหาโอ่งน้ำใบใหญ่มาสองใบ ยกเข้ามาในห้อง รองน้ำจนเต็มแล้วยกออกไปทีละโอ่ง”

“แจ้งทหารในกองทัพว่าให้นำภาชนะใส่น้ำมาต่อแถวรองน้ำ ส่วนชาวบ้านในเมือง ให้แต่ละครัวเรือนส่งตัวแทนหนึ่งคนมารับน้ำ”

เฉินขุย “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”

“เรื่องนี้ไม่อาจแพร่งพรายออกไป”

ทุกคนคุกเข่าลงรับบัญชา!

เฉินขุยออกไปข้างนอกแล้วแจ้งให้ทหารนำถุงน้ำมารองน้ำอย่างรวดเร็ว

ชาวบ้านละแวกนั้นรู้เรื่องก่อน พวกเขาต่อแถวยาวเหยียดอยู่หน้าประตู

ทหารต่อแถวสามแถว ชาวบ้านต่อแถวห้าแถว

แจกันเอนลงมา ข้างล่างคือโอ่งน้ำใบใหญ่ น้ำไหลลงไปในโอ่ง

หลังจากน้ำเต็มโอ่งแล้วก็ถูกคนเคลื่อนย้ายออกไปหน้าประตูจวนแม่ทัพ

กลุ่มละแปดคน รองน้ำเสร็จก็เปลี่ยนเป็นคนกลุ่มใหม่ทันที

ในไม่ช้า คนทั้งเมืองก็ทราบว่าเทพยดาประทานน้ำอมฤตให้จวนแม่ทัพ คนที่มาต่อแถวรอรับน้ำต่อแถวยาวเหยียดไปสามลี้...

*

เย่มู่มู่ใช้สายยางต่อกรกับแจกัน เธอนั่งยองเท้าคาง ดวงตากลมโตจ้องแจกันเขม็ง

หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง...เวลาผ่านไปนานแล้ว น้ำก็ยังไม่เต็มแจกัน!

เธอนั่งยองจนเมื่อยจึงเปลี่ยนไปนอนบนโซฟา

แจกันไม่ได้พ่นขยะออกมาอีก

แต่จุน้ำได้เยอะจริง ๆ!

เธอหาววอดแล้วผล็อยหลับไปท่ามกลางเสียงน้ำไหล

เนื่องจากพ่อแม่เสียไป เธอใช้ชีวิตไปอย่างเลอะ ๆ เลือน ๆ เหมือนจมดิ่งลงสู่ความซึมเศร้า

บางครั้งเธอจะนอนไม่หลับ

บางครั้งก็นอนหลับแล้วตื่นไม่ไหว

วันรุ่งขึ้นตอนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว

โทรศัพท์มือถือของเธอแสดงว่ามีสายไม่ได้รับสิบกว่าสาย

เป็นสายจากนิติบุคคลทั้งสิ้น

เธอรับสาย

“ฮัลโหล คุณเย่ ที่บ้านคุณไม่ได้ปิดก๊อกน้ำใช่ไหมครับ ทางส่วนกลางมีข้อมูลขึ้นมาว่าคุณใช้น้ำไปร้อยกว่าตันภายในวันเดียว!”

“ติดต่อคุณไม่ได้ ส่วนกลางจึงแจ้งตำรวจไปแล้ว การควบคุมการใช้น้ำในชุมชนเข้มงวดมาก คดีฆ่าหั่นศพที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศใช้น้ำแปดสิบกว่าตันไปภายในคืนเดียว คุณทราบใช่ไหมครับ...”

เย่มู่มู่ตกใจจนเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เห็นน้ำยังคงไหลไม่หยุด

แจกันดอกไม้ยังไม่เต็ม พรมแห้งสนิท ไม่มีน้ำซึมออกมาแม้แต่น้อย

แจกันของที่บ้านเธอมีอิทธิฤทธิ์จริง ๆ ด้วย

ความจุมหาศาล!

เย่มู่มู่บอกฝ่ายนิติบุคคลไปว่าเธอลืมปิดก๊อกน้ำ

หลังวางสาย เธอสั่งดิลิเวอรี กินมื้อเช้าควบมื้อเที่ยงไปในคราวเดียว

หลังจากปิดก๊อกน้ำ ระดับน้ำในแจกันก็ลดลงจนเห็นก้นแจกันภายในเวลาสั้น ๆ

หมดแล้วเหรอ?

น้ำมากมายขนาดนั้น หมดแล้ว?

ตอนดิลิเวอรีมาส่ง เธอสั่งอาหารไปหกอย่าง เถ้าแก่ร้านอาหารให้ข้าวฟรีมาสามกล่อง ตะเกียบสี่คู่

เวลาทำงานและเวลาพักผ่อนของเธอไม่แน่นอน ตอนนี้หิวจนท้องกิ่วแล้ว

เธอหยิบอาหารและข้าวออกมาอย่างละกล่อง จ้องแจกันพลางคิดว่าแจกันใบนี้เขมือบน้ำได้

แล้วเขมือบข้าวได้ด้วยไหมนะ?

เพื่อพิสูจน์ความคิดสุดพิสดารนี้ เธอหยิบข้าวกล่องหนึ่งมาโยนไปในแจกัน

ไม่ได้ยินเสียงกล่องกระทบก้นแจกัน เธอมองลงไปที่ก้นแจกัน กล่องข้าวหายไปแล้ว

ว้าว~

แจกันที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของครอบครัวเธอกินกล่องข้าวได้ด้วย!

เธอโยนกล่องข้าวที่เหลือป้อนลงไปทีละกล่อง

รวมทั้งหมดแปดกล่อง ทุกกล่องล้วนอันตรธานหายไปจนหมด

น่าอัศจรรย์จริง ๆ!

*

จ้านเฉิงอิ้นกับเหล่านายทหารนึกว่าจะมีน้ำออกมาจากแจกันเรื่อย ๆ คิดไม่ถึงว่าพอถึงตอนเที่ยงน้ำกลับหยุดไหลเสียอย่างนั้น

พวกเขารู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง

ทุกครัวเรือนได้รับน้ำเรียบร้อย เหล่าทหารก็รองน้ำใส่ถุงน้ำจนเต็ม อาศัยน้ำเหล่านี้สามารถทนไปได้อีกหลายวัน

จ้านเฉิงอิ้นกับนายกองทั้งสิบหารือกันว่าต่อจากนี้จะรับมือทัพใหญ่เผ่าหมานอย่างไรดี!

เผ่าหมานแห่งมั่วเป่ยนั้นเพราะทุ่งหญ้าแห้งเหี่ยว วัวและแกะขาดน้ำจนตายไปนับล้าน

ถ้าพวกเขาไม่ลงใต้ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้

ยามนี้กระทั่งเสบียงบรรเทาภัยพิบัติราชสำนักก็ไม่แจกจ่ายลงมา ขูดรีดภาษี รีดนาทาเร้น เป็นเหตุให้ราษฎรต้าฉี่มีความเป็นอยู่ยากแค้นแสนเข็ญ

เผ่าหมานก็อยากมีชีวิตต่อไปเช่นกัน ต่อให้ต้องกินคนหรือกินสัตว์ร้ายก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่เลือกวิธีการ

ถ้าแจกันมีน้ำไหลออกมาตลอดไป

พวกเขาก็อาจใช้น้ำซื้อใจทหารเผ่าหมานได้

ราษฎรที่ยากจนจำนวนนับไม่ถ้วนยอมมาเข้าร่วมกองทัพเพื่อน้ำ เพิ่มจำนวนทหารในกองทัพ เฝ้าพิทักษ์ชายแดน ทำให้แคว้นศัตรูไม่กล้ารุกราน

พวกเขายังสามารถใช้น้ำรดที่นา ทำให้ชาวบ้านสามารถเพาะปลูกได้

มีผลเก็บเกี่ยวก็ย่อมมีความหวัง!

หากน่าเสียดาย น้ำไหลอยู่เพียงคืนเดียวก็หยุดแล้ว

เหล่าทหารหาญไม่มีใครไม่ถอนหายใจ!

พวกเขายกแจกันมาวางไว้บนโต๊ะไม้ ข้างล่างรองไว้ด้วยผ้าไหม รัดผ้าไหมสีแดงไว้บนขอบแจกัน วางไว้ตรงนั้นประหนึ่งจะสักการะบูชา

พวกเขาหวังว่าจะเกิดปฏิหาริย์

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังตึง

กล่องสีโปร่งใสกล่องหนึ่งร่วงลงมาจากปากแจกัน

ในกล่องคือข้าวหุงสุกอันแสนล้ำค่าที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนาน

นายกองทั้งสิบพลันตื่นเต้นขึ้นมา

“ท่านแม่ทัพ ข้าวขอรับ เป็นข้าวสวยเม็ดอ้วน ๆ ทั้งนั้น ของพวกนี้มีแต่ชนชั้นสูงในเมืองหลวงเท่านั้นถึงจะได้กิน”

“ไม่สิ ตอนนี้เกิดภัยแล้งมาหลายปี กระทั่งเชื้อพระวงศ์ก็ยังไม่ได้กินข้าวสวยแบบนี้”

ตึง~

ตามมาด้วยข้าวกล่องที่มีเนื้ออีกกล่อง เป็นไก่ชิ้นผัดเผ็ด

เฉินขุยเปิดออกมา กลิ่นหอมของอาหารก็พลันตลบอบอวลไปทั่ว นายทหารทุกคนกลืนน้ำลายเอื๊อก

“มีเนื้อ ท่านแม่ทัพ ท่านดูสิ นี่มันเนื้อไก่!”

“เทพเซียนไม่ได้ทอดทิ้งกองทัพตระกูลจ้าน ส่งทั้งข้าวและเนื้อมาให้พวกเรา”

มีข้าวกล่องตกลงมาอีกครั้ง รวมทั้งสิ้นแปดกล่อง

นายทหารทั้งสิบนายมีสีหน้าตื่นเต้นพลุ่งพล่าน

พวกเขาหิวโหยจนเห็นดาวทอง ไม่ได้กินข้าวมาครึ่งปี ทั้งยังเป็นข้าวสวยที่ประณีตขนาดนี้

ยามนี้พอได้กลิ่นหอมของอาหาร น้ำลายก็ทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง ต่างคนต่างพยายามควบคุมตัวเองสุดชีวิต

จ้านเฉิงอิ้นแบ่งข้าวในกล่องออกครึ่งหนึ่ง แบ่งกับข้าวอีกกล่องออกครึ่งหนึ่ง แล้วส่งให้คนใช้ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตระกูลจ้าน

“อาหลี่ ใช้หม้อใบใหญ่ต้มเป็นโจ๊ก ให้นายทหารทุกท่านกับข้ารับประทานด้วยกัน”

อาหลี่รับไปแล้วนำไปทำเป็นโจ๊ก

ทุกคนดีใจมาก นานเหลือเกินที่ไม่ได้กลิ่นหอมของข้าวสวย

บางคนทนกลิ่นหอมเช่นนี้ไม่ไหว หันหน้าหนีไม่ยอมมองอีก กลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ไปแย่งกล่องข้าวมากินเสียก่อน

จ้านเฉิงอิ้นเห็นดังนั้นก็แบ่งข้าวกล่องที่เหลืออยู่เจ็ดกล่องออกเป็นสิบชุด พยายามแบ่งให้ทุกคนได้ทั้งกับและข้าว

จากนั้นก็แจกจ่ายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสิบคน

“เอากลับไปกินที่บ้าน คนในครอบครัวทนหิวมาครึ่งปีแล้ว ให้พวกเขาได้บำรุงร่างกายสักหน่อย”

เหล่านายทหารต่างคุกเข่าปฏิเสธทั้งน้ำตา

“ท่านแม่ทัพ ท่านยังไม่ได้กิน เทพเซียนเดิมก็มอบให้ท่าน ท่านไม่อาจเอามาแบ่งให้พวกข้า”

“ใช่แล้ว ท่านแม่ทัพ พวกข้าได้กินโจ๊กก็พอใจมากแล้ว”

ราษฎรข้างนอกหิวตายไปครึ่งหนึ่ง

พวกเขาหน้าเหลืองตัวซูบ ท้องป่องผิดปกติ เพราะในท้องเต็มไปด้วยดินขาว [2]

[1] หน่วยความยาวจีน 1 จั้ง เท่ากับ 3.33 เมตร

[2] สมัยโบราณ คนจีนจะกินดินกวนอิมหรือดินขาวในยุคข้าวยากหมากแพงเพื่อให้อิ่มท้อง แต่ก็ทำให้เสียชีวิตในที่สุดเนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยดินได้

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status