Share

บทที่ 2

Penulis: มู่โร่ว
จ้านเฉิงอิ้นหันขวับไปทางนั้น แจกันเขรอะฝุ่นตรงมุมผนังมีน้ำพุ่งออกมาไม่หยุด

น้ำพุ่งรุนแรงมาก สาดถูกอาภรณ์ของเขากับหมอซ่งจนเปียกชุ่ม

เขาผุดลุกขึ้นยืน มือสองข้างกำแน่นจนสั่นน้อย ๆ

“นี่ คือน้ำงั้นรึ?”

ทุกคนไม่ได้เห็นน้ำมาครึ่งค่อนปีแล้ว หมอซ่งใช้สองมือกอบน้ำมาดื่ม

หวานเย็นชุ่มชื้น เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!

เขาร้องเสียงดังด้วยความพลุ่งพล่านใจ “ท่านแม่ทัพ เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!”

เหล่าทหารในด่านเจิ้นกวนเฝ้ารอน้ำทุกวัน รอมาครึ่งค่อนปีแล้ว

ขุดหาแหล่งน้ำใต้ดิน ขุดไปสิบกว่าบ่อ ขุดลงไปลึกเกินสามสิบจั้ง[1]แล้วก็เจอแต่ทรายเหลืองแห้ง ๆ ไม่เจอน้ำแต่อย่างใด

หมอซ่งนำชามแตกเป็นรูมารองน้ำให้แม่ทัพ ประคองด้วยสองมือที่สั่นระริก

“ท่านแม่ทัพ ท่านลองชิมดูสิ”

จ้านเฉิงอิ้นใช้มือข้างเดียวรับมาจิบคำหนึ่ง หวานเย็นชื่นใจ เป็นน้ำสะอาด

เขาดื่มรวดเดียวจนหมด!

“สวรรค์ประทานน้ำอมฤต สวรรค์ไม่ได้ต้องการให้กองทัพตระกูลจ้านของข้าพินาศ!”

สิ้นคำ นายทหารหลายนายก็ถลาเข้ามาด้วยความยินดี ใช้สองมือรองน้ำดื่มอึก ๆ ๆ

หมอซ่งรองน้ำให้แม่ทัพอีกชาม ส่งมาให้เขาดื่ม

นายทหารหลายนายนั้นดื่มน้ำไปพลางเอ่ยด้วยความยินดี “ท่านแม่ทัพ เทพยดาบันดาลน้ำอมฤตมาให้ นี่คือนิมิตหมายอันดี ศึกใหญ่ครานี้ พวกเราจะต้องเอาชนะพวกหมานได้แน่นอน!”

เมื่อมีน้ำก็จะสามารถเพาะปลูกได้ อุปสรรคทั้งหลายก็จะสามารถคลี่คลายได้อย่างง่ายดาย!

จ้านเฉิงอิ้นเชิดหน้ายืนตรง มือข้างหนึ่งไพล่หลัง

เขาอายุสิบหกควบม้าเข้าสู่สมรภูมิ อายุสิบเจ็ดสร้างชื่อจนโด่งดัง อายุสิบแปดนำกำลังคนไม่กี่ร้อย สวมเกราะเบาบุกเข้าไปตัดศีรษะแม่ทัพในค่ายของศัตรู

อายุยี่สิบได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์โหว

เขาเป็นแม่ทัพที่อายุน้อยที่สุดในช่วงร้อยปีมานี้ของราชสำนักต้าฉี่ คือหนิงกวนโหวผู้มีชื่อเสียงขจรขจาย

กระทั่งสวรรค์ก็ยังประทานน้ำอมฤตมาช่วยเหลือเขาในช่วงเวลาที่เขาสิ้นหวังที่สุด

กองทัพตระกูลจ้านจะต้องชนะศึกครั้งนี้อย่างแน่นอน

จ้านเฉิงอิ้นออกคำสั่งด้วยความยินดี “ไปหาโอ่งน้ำใบใหญ่มาสองใบ ยกเข้ามาในห้อง รองน้ำจนเต็มแล้วยกออกไปทีละโอ่ง”

“แจ้งทหารในกองทัพว่าให้นำภาชนะใส่น้ำมาต่อแถวรองน้ำ ส่วนชาวบ้านในเมือง ให้แต่ละครัวเรือนส่งตัวแทนหนึ่งคนมารับน้ำ”

เฉินขุย “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”

“เรื่องนี้ไม่อาจแพร่งพรายออกไป”

ทุกคนคุกเข่าลงรับบัญชา!

เฉินขุยออกไปข้างนอกแล้วแจ้งให้ทหารนำถุงน้ำมารองน้ำอย่างรวดเร็ว

ชาวบ้านละแวกนั้นรู้เรื่องก่อน พวกเขาต่อแถวยาวเหยียดอยู่หน้าประตู

ทหารต่อแถวสามแถว ชาวบ้านต่อแถวห้าแถว

แจกันเอนลงมา ข้างล่างคือโอ่งน้ำใบใหญ่ น้ำไหลลงไปในโอ่ง

หลังจากน้ำเต็มโอ่งแล้วก็ถูกคนเคลื่อนย้ายออกไปหน้าประตูจวนแม่ทัพ

กลุ่มละแปดคน รองน้ำเสร็จก็เปลี่ยนเป็นคนกลุ่มใหม่ทันที

ในไม่ช้า คนทั้งเมืองก็ทราบว่าเทพยดาประทานน้ำอมฤตให้จวนแม่ทัพ คนที่มาต่อแถวรอรับน้ำต่อแถวยาวเหยียดไปสามลี้...

*

เย่มู่มู่ใช้สายยางต่อกรกับแจกัน เธอนั่งยองเท้าคาง ดวงตากลมโตจ้องแจกันเขม็ง

หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง...เวลาผ่านไปนานแล้ว น้ำก็ยังไม่เต็มแจกัน!

เธอนั่งยองจนเมื่อยจึงเปลี่ยนไปนอนบนโซฟา

แจกันไม่ได้พ่นขยะออกมาอีก

แต่จุน้ำได้เยอะจริง ๆ!

เธอหาววอดแล้วผล็อยหลับไปท่ามกลางเสียงน้ำไหล

เนื่องจากพ่อแม่เสียไป เธอใช้ชีวิตไปอย่างเลอะ ๆ เลือน ๆ เหมือนจมดิ่งลงสู่ความซึมเศร้า

บางครั้งเธอจะนอนไม่หลับ

บางครั้งก็นอนหลับแล้วตื่นไม่ไหว

วันรุ่งขึ้นตอนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว

โทรศัพท์มือถือของเธอแสดงว่ามีสายไม่ได้รับสิบกว่าสาย

เป็นสายจากนิติบุคคลทั้งสิ้น

เธอรับสาย

“ฮัลโหล คุณเย่ ที่บ้านคุณไม่ได้ปิดก๊อกน้ำใช่ไหมครับ ทางส่วนกลางมีข้อมูลขึ้นมาว่าคุณใช้น้ำไปร้อยกว่าตันภายในวันเดียว!”

“ติดต่อคุณไม่ได้ ส่วนกลางจึงแจ้งตำรวจไปแล้ว การควบคุมการใช้น้ำในชุมชนเข้มงวดมาก คดีฆ่าหั่นศพที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศใช้น้ำแปดสิบกว่าตันไปภายในคืนเดียว คุณทราบใช่ไหมครับ...”

เย่มู่มู่ตกใจจนเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เห็นน้ำยังคงไหลไม่หยุด

แจกันดอกไม้ยังไม่เต็ม พรมแห้งสนิท ไม่มีน้ำซึมออกมาแม้แต่น้อย

แจกันของที่บ้านเธอมีอิทธิฤทธิ์จริง ๆ ด้วย

ความจุมหาศาล!

เย่มู่มู่บอกฝ่ายนิติบุคคลไปว่าเธอลืมปิดก๊อกน้ำ

หลังวางสาย เธอสั่งดิลิเวอรี กินมื้อเช้าควบมื้อเที่ยงไปในคราวเดียว

หลังจากปิดก๊อกน้ำ ระดับน้ำในแจกันก็ลดลงจนเห็นก้นแจกันภายในเวลาสั้น ๆ

หมดแล้วเหรอ?

น้ำมากมายขนาดนั้น หมดแล้ว?

ตอนดิลิเวอรีมาส่ง เธอสั่งอาหารไปหกอย่าง เถ้าแก่ร้านอาหารให้ข้าวฟรีมาสามกล่อง ตะเกียบสี่คู่

เวลาทำงานและเวลาพักผ่อนของเธอไม่แน่นอน ตอนนี้หิวจนท้องกิ่วแล้ว

เธอหยิบอาหารและข้าวออกมาอย่างละกล่อง จ้องแจกันพลางคิดว่าแจกันใบนี้เขมือบน้ำได้

แล้วเขมือบข้าวได้ด้วยไหมนะ?

เพื่อพิสูจน์ความคิดสุดพิสดารนี้ เธอหยิบข้าวกล่องหนึ่งมาโยนไปในแจกัน

ไม่ได้ยินเสียงกล่องกระทบก้นแจกัน เธอมองลงไปที่ก้นแจกัน กล่องข้าวหายไปแล้ว

ว้าว~

แจกันที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของครอบครัวเธอกินกล่องข้าวได้ด้วย!

เธอโยนกล่องข้าวที่เหลือป้อนลงไปทีละกล่อง

รวมทั้งหมดแปดกล่อง ทุกกล่องล้วนอันตรธานหายไปจนหมด

น่าอัศจรรย์จริง ๆ!

*

จ้านเฉิงอิ้นกับเหล่านายทหารนึกว่าจะมีน้ำออกมาจากแจกันเรื่อย ๆ คิดไม่ถึงว่าพอถึงตอนเที่ยงน้ำกลับหยุดไหลเสียอย่างนั้น

พวกเขารู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง

ทุกครัวเรือนได้รับน้ำเรียบร้อย เหล่าทหารก็รองน้ำใส่ถุงน้ำจนเต็ม อาศัยน้ำเหล่านี้สามารถทนไปได้อีกหลายวัน

จ้านเฉิงอิ้นกับนายกองทั้งสิบหารือกันว่าต่อจากนี้จะรับมือทัพใหญ่เผ่าหมานอย่างไรดี!

เผ่าหมานแห่งมั่วเป่ยนั้นเพราะทุ่งหญ้าแห้งเหี่ยว วัวและแกะขาดน้ำจนตายไปนับล้าน

ถ้าพวกเขาไม่ลงใต้ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้

ยามนี้กระทั่งเสบียงบรรเทาภัยพิบัติราชสำนักก็ไม่แจกจ่ายลงมา ขูดรีดภาษี รีดนาทาเร้น เป็นเหตุให้ราษฎรต้าฉี่มีความเป็นอยู่ยากแค้นแสนเข็ญ

เผ่าหมานก็อยากมีชีวิตต่อไปเช่นกัน ต่อให้ต้องกินคนหรือกินสัตว์ร้ายก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่เลือกวิธีการ

ถ้าแจกันมีน้ำไหลออกมาตลอดไป

พวกเขาก็อาจใช้น้ำซื้อใจทหารเผ่าหมานได้

ราษฎรที่ยากจนจำนวนนับไม่ถ้วนยอมมาเข้าร่วมกองทัพเพื่อน้ำ เพิ่มจำนวนทหารในกองทัพ เฝ้าพิทักษ์ชายแดน ทำให้แคว้นศัตรูไม่กล้ารุกราน

พวกเขายังสามารถใช้น้ำรดที่นา ทำให้ชาวบ้านสามารถเพาะปลูกได้

มีผลเก็บเกี่ยวก็ย่อมมีความหวัง!

หากน่าเสียดาย น้ำไหลอยู่เพียงคืนเดียวก็หยุดแล้ว

เหล่าทหารหาญไม่มีใครไม่ถอนหายใจ!

พวกเขายกแจกันมาวางไว้บนโต๊ะไม้ ข้างล่างรองไว้ด้วยผ้าไหม รัดผ้าไหมสีแดงไว้บนขอบแจกัน วางไว้ตรงนั้นประหนึ่งจะสักการะบูชา

พวกเขาหวังว่าจะเกิดปฏิหาริย์

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังตึง

กล่องสีโปร่งใสกล่องหนึ่งร่วงลงมาจากปากแจกัน

ในกล่องคือข้าวหุงสุกอันแสนล้ำค่าที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนาน

นายกองทั้งสิบพลันตื่นเต้นขึ้นมา

“ท่านแม่ทัพ ข้าวขอรับ เป็นข้าวสวยเม็ดอ้วน ๆ ทั้งนั้น ของพวกนี้มีแต่ชนชั้นสูงในเมืองหลวงเท่านั้นถึงจะได้กิน”

“ไม่สิ ตอนนี้เกิดภัยแล้งมาหลายปี กระทั่งเชื้อพระวงศ์ก็ยังไม่ได้กินข้าวสวยแบบนี้”

ตึง~

ตามมาด้วยข้าวกล่องที่มีเนื้ออีกกล่อง เป็นไก่ชิ้นผัดเผ็ด

เฉินขุยเปิดออกมา กลิ่นหอมของอาหารก็พลันตลบอบอวลไปทั่ว นายทหารทุกคนกลืนน้ำลายเอื๊อก

“มีเนื้อ ท่านแม่ทัพ ท่านดูสิ นี่มันเนื้อไก่!”

“เทพเซียนไม่ได้ทอดทิ้งกองทัพตระกูลจ้าน ส่งทั้งข้าวและเนื้อมาให้พวกเรา”

มีข้าวกล่องตกลงมาอีกครั้ง รวมทั้งสิ้นแปดกล่อง

นายทหารทั้งสิบนายมีสีหน้าตื่นเต้นพลุ่งพล่าน

พวกเขาหิวโหยจนเห็นดาวทอง ไม่ได้กินข้าวมาครึ่งปี ทั้งยังเป็นข้าวสวยที่ประณีตขนาดนี้

ยามนี้พอได้กลิ่นหอมของอาหาร น้ำลายก็ทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง ต่างคนต่างพยายามควบคุมตัวเองสุดชีวิต

จ้านเฉิงอิ้นแบ่งข้าวในกล่องออกครึ่งหนึ่ง แบ่งกับข้าวอีกกล่องออกครึ่งหนึ่ง แล้วส่งให้คนใช้ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตระกูลจ้าน

“อาหลี่ ใช้หม้อใบใหญ่ต้มเป็นโจ๊ก ให้นายทหารทุกท่านกับข้ารับประทานด้วยกัน”

อาหลี่รับไปแล้วนำไปทำเป็นโจ๊ก

ทุกคนดีใจมาก นานเหลือเกินที่ไม่ได้กลิ่นหอมของข้าวสวย

บางคนทนกลิ่นหอมเช่นนี้ไม่ไหว หันหน้าหนีไม่ยอมมองอีก กลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ไปแย่งกล่องข้าวมากินเสียก่อน

จ้านเฉิงอิ้นเห็นดังนั้นก็แบ่งข้าวกล่องที่เหลืออยู่เจ็ดกล่องออกเป็นสิบชุด พยายามแบ่งให้ทุกคนได้ทั้งกับและข้าว

จากนั้นก็แจกจ่ายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสิบคน

“เอากลับไปกินที่บ้าน คนในครอบครัวทนหิวมาครึ่งปีแล้ว ให้พวกเขาได้บำรุงร่างกายสักหน่อย”

เหล่านายทหารต่างคุกเข่าปฏิเสธทั้งน้ำตา

“ท่านแม่ทัพ ท่านยังไม่ได้กิน เทพเซียนเดิมก็มอบให้ท่าน ท่านไม่อาจเอามาแบ่งให้พวกข้า”

“ใช่แล้ว ท่านแม่ทัพ พวกข้าได้กินโจ๊กก็พอใจมากแล้ว”

ราษฎรข้างนอกหิวตายไปครึ่งหนึ่ง

พวกเขาหน้าเหลืองตัวซูบ ท้องป่องผิดปกติ เพราะในท้องเต็มไปด้วยดินขาว [2]

[1] หน่วยความยาวจีน 1 จั้ง เท่ากับ 3.33 เมตร

[2] สมัยโบราณ คนจีนจะกินดินกวนอิมหรือดินขาวในยุคข้าวยากหมากแพงเพื่อให้อิ่มท้อง แต่ก็ทำให้เสียชีวิตในที่สุดเนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยดินได้
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Potichan Pam Rungnapa
อ่านสนุกมากค่ะ
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 3

    จ้านเฉิงอิ้นยัดกล่องข้าวใส่อกพวกเขา “เดี๋ยวท่านเทพก็ประทานอาหารให้ข้าอีกนั่นแหละ พวกเจ้ารับไว้เถอะ”นายทหารทั้งสิบคนมองหน้ากัน อยากบ่ายเบี่ยง แต่แล้วก็นึกถึงคนในครอบครัวที่หิวโหยจนเหลือเพียงลมหายใจรวยรินรู้สึกว่าในอกหนักอึ้งนับพันชั่ง!อู๋ซานหลางที่ในครอบครัวมีลูกชายอายุยังน้อยใกล้จะหิวตายรับมาคนแรกเขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เอ่ยทั้งน้ำตาคลอหน่วย “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ข้าสามารถเอากลับไปส่งที่บ้านก่อนได้หรือไม่ ภรรยากับลูกข้าหิวจนใกล้จะไม่ไหวแล้ว”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า “รีบเอาไปส่งเถอะ!”อู๋ซานหลางกอดกล่องข้าววิ่งกลับบ้านไปก่อนนายทหารอีกเก้านายซ่อนกล่องข้าวไว้ในอก นำอาหารกลับไปส่งที่บ้านจ้านเฉิงอิ้นกำชับให้พวกเขากลับมาเร็วหน่อย จะได้มากินโจ๊กด้วยกันอย่าดูแคลนข้าวกับอาหารหนึ่งกล่องเชียว ถ้านำไปต้มเป็นโจ๊ก คนทั้งครอบครัวรับประทานอย่างประหยัดก็สามารถเก็บไว้กินได้สองวัน ช่วยให้ไม่อดตายในช่วงหลายวันนี้หากผสมใบไม้เปลือกไม้ลงไปยังสามารถเก็บไว้ได้นานกว่านั้นช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป นายทหารทั้งสิบก็กลับมา แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งเครียด ขอบตาแดงเรื่อหลังนั่งลง อาหลี่ก็ยกหม้อโจ๊กเข้ามาข้

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 4

    หลังเย่มู่มู่โยนอาหารหมดอายุลงไปจนหมดก็ขึ้นไปชั้นบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอสว่างขึ้นไม่หยุด เป็นคุณอาคุณลุงในครอบครัวเธอโทรมาพ่อแม่ล่วงลับ เธอกลายเป็นเด็กกำพร้า คุณอาคุณลุงร่วมมือกับคุณย่ามาหาถึงบ้าน หมายจะฮุบทรัพย์สินของเธอโชคดีที่คุณพ่อคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าจึงทิ้งพินัยกรรมเอาไว้ในโถงตั้งโลงศพของคุณพ่อคุณแม่ คุณอาคุณลุงรวมถึงคุณย่ากดดันให้เธอมอบทรัพย์สินของคุณพ่อออกไปยังอ้างเสียสวยหรูว่าจะช่วยดูแลให้เธอบอกว่าเธอเป็นผู้หญิง ต้องแต่งงานไม่ช้าก็เร็ว จะบริหารบริษัทใหญ่มูลค่าหลายหมื่นล้านได้อย่างไรห้องชุดสิบกว่าห้อง ร้านค้าหลายร้านกับตึกปล่อยเช่าอีกสองตึกบอกให้เธอส่งมอบทั้งหมดนั้นออกไปให้พี่น้องของคุณพ่อแบ่งสรรปันส่วนกันคุณพ่อไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเพียงหนึ่งเดียวของบริษัท แต่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ถือหุ้นสามสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เย่มู่มู่ขอให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นช่วยออกหน้า ช่วยเธอปกป้องทรัพย์สมบัติเอาไว้เธอไม่เข้าร่วมการบริหาร รับแค่เงินปันผลเท่านั้นเธอสละสิทธิ์ในการบริหาร ผู้ถือหุ้นรายอื่นย่อมยินดีอยู่แล้วบอดี้การ์ดปรากฏตัวขึ้นในโถงตั้งโลงศพจึงควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 5

    เย่มู่มู่ตื่นขึ้นมาก็เป็นตอนกลางคืนแล้ว เธอนอนอยู่บนโซฟาในห้องนอนของพ่อแม่ บนหมอนยังคงเปียกชื้นเธอคิดถึงพวกเขามากเกินไปจนร้องไห้ระหว่างหลับฝันอีกแล้วตีสองครึ่ง ตอนลงมาชั้นล่างไฟในห้องรับแขกยังคงสว่างอยู่แต่มีกระดาษเหลืองโบราณเพิ่มมาหลายแผ่นอ้าก!เจ้าแจกันนี่เอาขยะมาทิ้งในบ้านอีกแล้ว!เธอเดินเข้าไปในห้องรับแขกชั้นล่างด้วยความเดือดดาล คว้ากระดาษเหลืองเขรอะฝุ่นแผ่นนั้นลงมาตัวอักษรเป็นแบบตัวเต็ม เขียนตามแนวตั้งลักษณะรอยหมึกขาด ๆ หาย ๆ เหมือนใช้ขี้เถ้าเขียนรอบก่อนมีแค่ไม่กี่ตัวอักษร รอบนี้กลับเขียนมายาวพรืด รอยพู่กันคมกริบ ตัวอักษรหวัดฉวัดเฉวียนมีทั้งหมดสี่หน้ากระดาษ เธอไม่รู้ว่าเขียนอะไรบ้างใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเอาเข้าโปรแกรมแปลภาษาค่อยทราบว่าคือคำอธิษฐานขอพรแคว้นต้าฉี่ รัชศกชูหยวนปีที่สาม กองทัพตระกูลจ้านพิทักษ์ด่านสำคัญบริเวณชายแดน ถูกกองทัพสามแสนของเผ่าหมานปิดล้อมกลายเป็นเมืองที่ปิดตายทหารหาญสองแสนคนพลีชีพในสมรภูมิเหลือเพียงสองหมื่นคนด่านเจิ้นกวนเกิดภัยแล้งรุนแรง แม่น้ำเหือดแห้งพืชพรรณเฉาตายราษฎรเพาะปลูกไร้ผลเก็บเกี่ยว กินเปลือกไม้ใบหญ้าจนหมดเกลี้ยงในเมื

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 6

    เมื่อเห็นกองทองคำที่เหลืองอร่ามกองนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้หลงใหลในเงินตรา แต่ก็ยากที่จะปล่อยออกจากมือใครจะสามารถปฏิเสธเครื่องประดับอัญมณีได้ล่ะ?เธอวิ่งไปสัมผัสกับก้อนทองคำอย่างมีความสุข แล้วลองสวมสร้อยข้อมือทองคำมีสร้อยคอหลายเส้นห้อยอยู่รอบคอของเธอ เส้นผมของเธอก็ประดับประดาเต็มไปด้วยปิ่นปักผมทองและปิ่นระย้ารวยแล้ว!ตามราคาทองคำในปัจจุบัน ทองคำกองนี้มีมูลค่าหลายสิบล้านยิ่งเป็นของโบราณ เมื่อเอาไปขาย ก็ยิ่งประเมินค่าไม่ได้อ๊า หนิงกวนโหวช่างเป็นคนดีจริง ๆ!ตอนนี้เธอชอบการช่วยเหลือคนเสียแล้วสิ!ชอบทำบุญสุด ๆ!ชอบเลี้ยงคนโบราณหนึ่งแสนคน!ไม่หวังอะไรอย่างอื่น การได้มองดูทองคำเหลืองอร่ามระยิบระยับแสนน่ารัก ก็ทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างยิ่งแล้ว!*เย่มู่มู่ยกลังไม้ใบใหญ่สามใบลงมาจากชั้นบน แล้วนำทองคำออกมาจัดระเบียบแค่ทองก้อน เหรียญทอง ทองหยวนเป่า ก็ใส่เต็มสองลังใหญ่แล้วจากนั้นก็นำลังใบใหญ่อีกใบมาใส่เครื่องประดับมุกและทอง แยกใส่ถุงซิปล็อค แล้ววางไว้เป็นระเบียบแต่ใส่ไม่หมดมันไม่สามารถใส่ให้หมดได้อยู่แล้ว!ของที่เหลือล้วนเป็นของที่ทำด้วยทองคำ รวมถึงชุดจอกสุรากาสุรา กาสุราแ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 7

    ทหารสิบนายเดินกลับมาจากบ้าน พวกเขาขอบตาแดงก่ำ ต่างผ่านการร้องไห้มาเมื่อวานนี้สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าปนความสิ้นหวังทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ต่อให้ขอบตาจะแดงก่ำ แต่ปากกลับฉีกยิ้มพวกเขากำลังรอให้เย่มู่มู่ส่งน้ำมาให้!ในเวลานี้ ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพเกิดเสียงดังวุ่นวาย มีผู้ลี้ภัยกำลังสร้างปัญหาจ้านเฉิงอิ้นให้เถียนฉินออกไปดูพวกเขาออกไปได้ไม่นาน คนที่มารวมตัวกันสร้างปัญหาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงดังเข้ามาในจวนด้านในได้ยินกันชัดเจนจ้านเฉิงอิ้นลุกขึ้น เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงทุกคนร้องตะโกนว่า “ขอท่านแม่ทัพได้โปรดเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายธัญพืชออกมาด้วยเถอะ”“ท่านแม่ทัพ ทั้งที่จวนของท่านมีข้าวสาร เหตุใดต้องซ่อนไว้กินเพียงคนเดียว? หรือว่าท่านอยากจะมองดูชาวบ้านด่านเจิ้นกวนหิวตายทั้งเป็นไปต่อหน้าต่อตาหรือ?”“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดช่วยพวกชาวบ้านด้วยเถอะ พวกเราไม่อยากหิวตาย!”หน้าประตูจวนแม่ทัพ ชาวบ้านที่สร้างปัญหาก็มีถึงสองร้อยคนแล้ว!ผู้นำก็คือชายที่มีนามว่าหลิวซื่อ ภายใต้ใบหน้ายาวนั้นคือดวงตาสามขาวและโหนกแก้มโดดเด่นเขารู้จักกับพ่อที่แลก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 8

    เมื่อพ่อได้ยินคำพูดนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก ไล่ญาติ ๆ ทุกคนออกจากบริษัทแล้วก็จัดทำพินัยกรรมล่วงหน้าทรัพย์สินของเขา พี่น้องกับหลาน ๆ ไม่มีใครได้ไปสักสตางค์เดียวพอพวกนั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากพินัยกรรม พยายามโทรหาเย่มู่มู่ก็ไม่ติด ก็เลยเริ่มวนเวียนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน หวังจะเจอเธอเย่ซินไม่รู้ว่ารออยู่หน้าหมู่บ้านนานแค่ไหน จนสุดท้ายก็ดันเจอเธอที่กำลังจะออกไปข้างนอกเขารีบพาผู้ชายวัยกลางคนมาพบเธอทันทีเย่มู่มู่ขมวดคิ้วถามเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”เย่ซินยิ้มอย่างกระตือรือร้น“มู่มู่ เรามานั่งคุยกันหน่อย พี่จะแนะนำคนให้เธอรู้จัก คุณหวัง เขาเพิ่งหย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้เป็นหนุ่มโสดสุดฮอตเลยนะ!”“ดูสิ คุณหวังทั้งสุขุมและมั่นคง ภายนอกก็ดูภูมิฐาน เขาเป็นเจ้าของใหญ่ของหัวหวังกรุ๊ป...”“เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”คุณหวังที่พูดถึงนั้นหัวล้านกลางศีรษะ พุงก็ใหญ่จนดูอ้วนกว่าปกติ ดูแล้วอายุมากกว่าพ่อของเธอเสียอีกอายุอย่างน้อยก็คงห้าสิบห้าปีขึ้นไปเขาสวมแหวนทองวงใหญ่ มืออ้วน ๆ ของเขาลูบคางแล้วมองเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหื่นกามเมื่อเห็นว่าเธอมีผิวขาวเนียน รูปร่างผอมเพรียว โดยเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 9

    “ยัยหนู เธอคิดจะขายหรือไม่? จอกสุราปกติต้องมีเป็นคู่ ถ้าเธอมีครบคู่ ฉันจะเสนอราคาให้ถึงสองหมื่นห้าพันล้าน!”เย่มู่มู่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เธอไม่อยากให้จ้านเฉิงอิ้นต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้สองหมื่นห้าพันล้านเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนหนึ่งแสนคนได้แต่สำหรับให้ทหารสองหมื่นนายของเขาเอาชนะกองทัพคนเถื่อนสามแสนนาย คงไม่เพียงพอแน่!เย่มู่มู่กัดฟัน ก่อนจะหยิบจอกสุราอีกใบออกมา“ฉันมีสองใบ สองหมื่นห้าพันล้านน้อยเกินไป!”เมื่อผู้อาวุโสมู่มองเห็นว่าเย่มู่มู่มีจอกสุราครบทั้งสองใบจริง ๆ เขาก็ดีใจมากจนทำแว่นตาหลุดมือที่สั่นเทาของเขารีบหยิบจอกขึ้นมา ตรวจสอบด้วยแว่นขยายเขาตื่นเต้นจนริมฝีปากสั่นระริก “ใช่แล้ว ใช่เลย! นี่คือจอกสุราคู่ที่สภาพสมบูรณ์ และยังคงงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”“เธอต้องการเท่าไหร่?”เย่มู่มู่ตอบว่า “ฉันต้องการเงินสด และราคาต้องถึงขีดสูงสุด”ผู้อาวุโสมู่เบิกตากว้าง “เธอต้องการสามหมื่นล้านเหรอ?”เย่มู่มู่พยักหน้าเขาเริ่มลังเลแล้ว!เมื่อเย่มู่มู่เห็นเช่นนั้น ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “ถ้าคุณไม่มีปัญญาจ่าย ฉันไปถามร้านข้าง ๆ ก็ได้!”เธอลุกขึ้นเตรียมเก็บจอกสุราคืนแต่ผู้อาวุโสมู่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 10

    เย่มู่มู่ขับรถไปถึงตลาดสด และมองหารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกได้ถึงสามสิบตันเธอบอกว่าจะซื้อของบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย!ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดเล็ก หัวไชเท้า แครอท มันเทศ มันฝรั่ง และข้าวโพด…เธอเหมาผักหมดทั้งตลาดแล้วพ่อค้าแม่ค้าผักเห็นเธอซื้อของมากขนาดนี้ ต่างรีบกรูเข้ามาล้อมเธอ พร้อมเสนอลดราคาขายให้เธอในราคาถูกกว่าปกติ!เย่มู่มู่ซื้อของทั้งหมดในตลาดสดจนเกลี้ยง พร้อมจ้างรถบรรทุกสองคันจากนั้นเธอก็จัดหาคนมาช่วยขนของขึ้นรถ พร้อมให้ที่อยู่ของโกดังกับคนขับรถบรรทุก ให้พวกเขาขนของไปที่โกดังคุณลุงที่ดูแลโกดังอยู่ทั้งวันก็ยังคงเฝ้าประตูตามปกติหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เย่มู่มู่จึงเดินทางไปร้านขายยาไม่ว่าจะเป็นผ้าก๊อซ แอลกอฮอล์ล้างแผล แหนบ คีม มีดผ่าตัด กรรไกร และไหมเย็บแผลเธอซื้อมาอย่างครบครันรวมถึงเข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา ยาปฏิชีวนะ ยาห้ามเลือด และยาแผนตะวันตกอื่น ๆ ก็ซื้อไปหมดนอกจากนี้ยังมียาแผนจีนแบบสำเร็จรูป เช่น อวิ๋นหนานไป๋เย่า[1] ยารักษาอาการฟกช้ำ ยาห้ามเลือดต่าง ๆ ยาลดการอักเสบ และยาช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ…เธอแวะร้านขายสมุ

Bab terbaru

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 636

    คนที่มาถึงก่อนคือฮ่าวอี้ หวังเสี่ยวเฉิง สวีเฟิงและพวกบอดี้การ์ดครั้นพวกเขาเห็นหลูหมิงซ้อมคนจนอยู่ในสภาพนี้ ก็รู้สึกเพียงจบเห่แล้วเขาต้องติดคุกแน่พวกเขาต่างจนปัญญาที่จะไปช่วยออกมา!ฮ่าวอี้ส่งสายตาให้พวกหวังเสี่ยวเฉิง พวกเขารีบล้อมนักศึกษาที่มามุงดูความสนุกเอาไว้ และขอให้พวกเขาทุกคนลบวิดีโอให้หมดกระทั่งฟอร์แมตมือถือทั้งเครื่องไปเลยการกระทำของหลูหมิง ทำเอานักศึกษาที่แสนบริสุทธิ์อึ้งกันไปตาม ๆ กันพวกเขาต่างผวากันไปหมดโดยเฉพาะภาพสุดท้ายของเขา สองมือกดศีรษะของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ คิดจะหักคอของเธออำมหิตเกินไปแล้ว!น่ากลัวเกินไปแล้ว!ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ขอเพียงเป็นคนที่มามุงดู ต่างก็ส่งมือถือออกมาทั้งสั่นเทิ้ม และลบวิดีโอทั้งหมดทิ้งไป!หลังจากนั้น ตำรวจและรปภ.ของมหาวิทยาลัยก็มาถึงฮ่าวอี้กล่าวกับหลูหมิงว่า “เดี๋ยวหากถูกจับ จำเอาไว้ว่าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รอทนายมา!”สีหน้าของเย่มู่มู่ซีดเผือด ถามฮ่าวอี้ “เขาจะถูกตัดสินนานเท่าไร!”ฮ่าวอี้มองไปที่หญิงสาวที่ร้องไห้โอดครวญ“กระดูกมือซ้ายของเธอหักแหลกเหลว กระดูกแขนขวาหัก...คงมีอาการบาดเจ็บภายในอื่นอีก แค่พิการระดับหนึ่งก็หนี

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 635

    หญิงสาวพุ่งเข้ามา เตรียมจะคว้าผมของเย่มู่มู่เอาไว้ ข่วนหน้าของเธอให้เป็นแผล ฉีกเสื้อผ้าของเธอ...ทำให้เธอสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียง!ทว่าคนที่มุงดู ไม่มีใครเข้ามาโน้มน้าวเลยพวกผู้หญิงล้อมอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม ๆ เอามือปิดปากพลางหัวเราะ กระทั่งล้วงโทรศัพท์ออกมา เตรียมจะแชร์ภาพที่เย่มู่มู่ถูกตบสุดจะทนได้ลงในโซเชียลตอนที่ไม่มีใครสนใจเธอก่อนหน้านี้ พวกเธอไม่รู้ถึงการมีอยู่ของคนคนนี้เสียด้วยซ้ำทว่าตอนนี้ ทุกคนสนใจไปที่เธอ ล้วนกำลังแพร่ข่าวลือว่าเธอเป็นชู้กระทั่งถูกคนปล่อยข่าวบนกระดานสารภาพรักเธอเริ่มถูกคนมากมายด่าทว่าตามการกลับมหาวิทยาลัยของเธอ รูปภาพของเธอจะถูกปล่อยในเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย ปล่อยข่าวบนกำแพงสารภาพรัก ถูกคนด่าว่าชู้พวกเธอถึงได้รู้ว่า ในมหาวิทยาลัยมีผู้หญิงที่สวยขนาดนี้อยู่ด้วยแม้ว่าคำนินทาว่าร้ายของเธอในมหาวิทยาลัยจะมีเยอะมาก เธอราวกับไม่เป็นไร ไปมาลุกลี้ลุกลน และไปมาเพียงลำพังทุกวันกระทั่งมีผู้ชายบางคนชอบใบหน้าสะสวยจองเธอ คิดอยากจะขอไลน์ของเธอ อยากไปจีบเธอกระทั่งเธอไม่ชายตามองอีกฝ่ายเลยคงเพราะท่าทีถือตัวโอหังและเย็นชา จึงทำให้ไปยั่วโมโหพวกผู้ชายเข้า

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 634

    “ตลอดทางที่เราเดินทางมาไม่ง่ายเลย หากไม่มีจ้านเฉิงอิ้น บางทีงานใหญ่ของเราคงสำเร็จไปนานแล้ว”“รอข้าได้ขึ้นครองตำแหน่งนั้น ก็จะแต่งตั้งเจ้าเป็นอ๋อง ประทานศักดินาที่เดิน ขอเพียงเป็นสตรีที่เจ้าถูกตาต้องใจ อัญมณี ขอแค่เจ้าชอบ ข้าก็ให้เจ้าได้ทั้งหมด!”“ดูสิ เบื้องหน้าก็คือเมืองหลวงแล้ว ความปรารถนาของเราใกล้จะบรรลุแล้ว!”ซาเทียนอี้มองไปที่ยังทิศทางของเมืองหลวง ใกล้แล้ว เหลืออีกเพียงสองร้อยลี้เท่านั้น พวกเขาก็จะโจมตีเข้าไปในเมืองหลวงได้แล้วบิดาที่ทิ้งลูกทิ้งเมียไปของเขาผู้นั้น เป็นขุนนางอยู่ที่เมืองหลวงเขาเอาสินเดิมของมารดาไปจนเกลี้ยง ขายที่ดินผืนนาถูก ๆ จำนองจวนกับพวกอันธพาลพาอนุและลูกของอนุมาถึงยังเมืองหลวงอย่างปีกกล้าขาแข็งปล่อยให้เขากับมารดาเร่ร่อนอยู่ข้างถนนมารดาเพื่อเลี้ยงดูเขา ยินยอมขายตัวเองที่หอโคมเขียว ถูกแขกที่มาเที่ยวหอนางโลมข่มเหงจนตายเขาเพิ่งอายุสิบสอง ฆ่าแขกที่มาเที่ยวหอนางโลม แล้วก็หนีออกมาหลังจากนั้นก็เร่ร่อนมาตลอดทาง เคยทำมาหมดแล้วทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป เกียรติและคุณธรรมต่างทิ้งไปทั้งหมดหลังจากนั้นใต้หล้าก็เกิดภัยแล้ง เขาเข้าร่วมกองทัพธงเหลืองเร็

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 633

    แม่ทัพข้างกายเขาคือซาเทียนอี้และเซวียเหวินเต๋อสีหน้าของเซวียเหวินเต๋อเคร่งขรึม บางทีเขาอาจจะไม่เห็นด้วย มู่ฉีซิวเป็นพวกเดียวกับเผ่าหมาน สังหารหมู่ราษฎรต้าฉี่ เห็นราษฎรเป็นอาหาร...ทว่าหากไม่ร่วมมือกับเผ่าหมาน พวกเขาก็ไม่สามารถมั่นใจได้ บุกเข้าเมืองหลวง พลิกการปกครองของฮ่องเต้ต้าฉี่ ระหว่างทาง เขาอีรุงตุงนังมาตลอดซาเทียนอี้มีความทะเยอะทะยานเขาคิดว่า สังหารหมู่ชาวบ้านสองสามหมื่นคนเป็นอาหารก็เท่านั้น ขอเพียงเผ่าหมานเป็นบริวารหน้ารถม้า ช่วยพวกเขากำจัดอุปสรรค เสียสละแค่นี้จะเป็นไรไป?ผู้กระทำการใหญ่ ไม่สนใจเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ที่พวกเขาจะทำคือเปลี่ยนแผ่นดินไม่มีทางปล่อยให้ผู้อื่นมาทำเสียเรื่องอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดแฝงอยู่ นั่นก็คือกองทัพตระกูลจ้านกองทัพตระกูลจ้านไม่ถูกละเว้นเลยแม้แต่วันเดียว แม้พวกเขาจะเอาราชวงศ์ต้าฉี่มาได้ ก็ยังอันตรายอยู่ดีเนื่องจากจ้านเฉิงอิ้นสามารถโค่นล้มราชวงศ์ใหม่ที่พวกเขาสร้างขึ้นได้ทุกเมื่อศัตรูตัวฉกาจที่สุดของพวกเขาก็คือกองทัพตระกูลจ้าน คือจ้านเฉิงอิ้นส่วนเผ่าหมาน มีเพียงความสัมพันธ์เป็นประโยชน์ต่อกันเท่าน

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 632

    ไม่ว่าจะเป็นโจ๊กข้าว หรือเนื้อตุ๋น หรือว่าน้ำใสสะอาดคนตงโจวที่หิวมาครึ่งปีกว่า ผู้ใดจะอดกลั้นได้พวกชาวบ้านถือหม้อไหถ้วยชามออกมาจากบ้าน จากนั้นก็เดินตามรถไปมั่วฝานให้พวกเขาออกจากเมือง...แจกจ่ายโจ๊กตรงหน้าประตูเมืองทั้งสี่ขณะที่พวกเขาถือหม้อเดินไปยังประตูเมือง มองไปจากไกล ๆ พบว่ามีถังเหล็กวางอยู่จริง ๆคนที่วิ่งไหว วิ่งไปข้างหน้าราวกับผึ้งแตกรังคนที่วิ่งไม่ไหว ถูกคนทั้งครอบครัวพยุงเดินไปยังประตูเมืองยังมีบางคนแม้แต่คลานยังคลานไม่ไหว ถูกกองทัพตระกูลจ้านลากขึ้นมาบนรถบรรทุก ยัดเข้าไปในรถโดยตรงเลยพวกชาวบ้านต่างวิ่งไปที่หน้าประตูเมืองราวกับผึ้งแตกรัง คิดว่าในถังมีของกิน ทว่าคิดไม่ถึง ถังที่ประตูเมืองล้วนมีฝาปิดเอาไว้แต่ทหารที่แก้มมีเนื้อหนัง กลับเรียกให้พวกเขาขึ้นรถเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นรถยนต์ ที่สูงและใหญ่ขนาดนี้มีสี่ล้อ ประหลาดเป็นอย่างมาก!แต่บนรถกลับมีอาหาร!มิหนำซ้ำ ยังมีขนม มีแหล่งน้ำ มีทหารบนรถเรียกพวกเขา...“ขึ้นมารับตรงนี้!”เขายังตักน้ำสะอาดให้พวกเขาดูหนึ่งกระบวยพวกชาวบ้านริมฝีปากแห้งแตก คนมากมายไม่ได้ดื่มแหล่งน้ำสะอาดมานานอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ ร่างก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 631

    ครั้นเฉินอู่ ซ่งตั๋ว และมั่วฝานเห็นภาพเช่นนี้ ขอบตาของทุกคนก็แดงก่ำเห็นประชาชนต้าฉี่เป็นอาหาร ในดินแดนต้าฉี่...พวกเขาล้วนเป็นบุรุษแข็งแกร่งห้าวหาญ จะอดกลั้นได้อย่างไรหนำซ้ำยังเป็นแม่ทัพพ่ายแพ้ที่ถูกผู้ใต้บัญชาของกองทัพตระกูลจ้านรบพ่ายติดต่อกันสองสามคราพวกเขากล้าได้อย่างไร!หลัวซู่ เขากล้าได้อย่างไร?ชาวบ้านที่ถูกมัดมือทั้งสองด้วยเชือกและมัดเชื่อมต่อกันมีเยอะมาก กะประมาณคร่าว ๆ หลายหมื่นคนพวกเขามาถึงเมืองตงแล้ว ยังมีอีกหลายหมื่นนายบุรุษสตรีคนแก่และยังมีเด็กเล็กอีกด้วยในนั้นมีสตรีเยอะที่สุด รองลงมาคือเด็ก บุรุษน้อย บุรุษยิ่งน้อย...เช่นนั้น หลัวซู่ฆ่าเผาปล้นสะดมมาตลอดทั้งทาง อย่างน้อยก็เข่นฆ่าประชาชนชาวต้าฉี่ไปมากกว่าล้านคนตอนนี้สตรีและเด็กที่ยังมีชีวิตอยู่น้อยมาก ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทัพใหญ่เผ่าหมานจะจับมาได้เยอะขนาดนี้!นี่เป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ประชากรเท่าหนึ่งเมืองใหญ่ไม่ได้เป็นเพราะอดตาย ทว่าเป็นเพราะแม่ทัพเหล่านี้ประมาทเลินเล่อ จึงนำไปสู่โศกนาฏกรรมขอบตาของจ้านเฉิงอิ้นมีน้ำตากลิ้งไปมาเขาหันหลังไป กดเสียงต่ำแหบพร่าอย่างเจ็บปวด“แพร่ลงไป เตรียมวัตถุระเบิดใ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 630

    หลังจากที่เย่มู่มู่ทำความรู้จักกับทุกคนแล้ว ก็ได้เรียกประชุมพนักงานขยายปั๊มน้ำมัน สร้างมินิมาร์ทและศูนย์ล้างรถขึ้นมา รวมถึงจัดสร้างสำนักงานให้เรียบร้อยถังเก็บน้ำมันของปั๊มน้ำมันเล็กเกินไป ต้องเพิ่มความจุอีกเท่าตัวมอบหมายให้ผู้จัดการเป็นผู้ดำเนินการ แน่นอนว่าจะให้เวินลี่แต่งตั้งคนที่ไว้ใจได้มาคอยกำกับดูแลหลังจบการประชุม ให้ขึ้นเงินเดือนพนักงานทุกคน เพิ่มอีกห้าพันผู้จัดการได้เงินเดือนขึ้นหนึ่งหมื่นต่อไปยังมีค่าคอมมิชชั่นให้ด้วยพนักงานดีใจกันมาก แต่ผู้จัดการกลับเป็นกังวลอย่างหนักเขาคิดว่าเย่มู่มู่ทำเรื่องเหลวไหล สภาพของปั๊มน้ำมันเป็นอย่างไร เขารู้ดียิ่งกว่าใคร ขาดทุนแทบทุกเดือน จนแทบจะไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างอยู่แล้วแต่กลับยังกล้าขยายกิจการอย่างใหญ่โต!เขานึกว่าเย่มู่มู่เป็นลูกคุณหนูผู้มั่งคั่ง ไม่มีอะไรทำเลยอยากซื้อปั๊มน้ำมันมาเล่นสนุกแต่แนวทางที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น กลับทำให้ผู้จัดการต้องอึ้งตาค้างวันที่สอง เย่มู่มู่ก็สั่งซื้อถังเก็บน้ำมันเปล่าหลายสิบใบ แล้วนำไปวางไว้ในโกดังที่อยู่ไม่ไกลจากปั๊มน้ำมันเธอให้เหตุผลว่า “เก็บน้ำมันสำรองไว้ก่อน พอปั๊มน้ำมันตกแต่งเสร็จ จะได

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 629

    เย่มู่มู่ไปที่ตลาดรถบ้านมือสองและพบรถบ้านกับรถบรรทุกใหญ่จำนวนมากตลาดในเมืองหลวงมีขนาดใหญ่พ่อค้ารถมือสองที่นี่ไม่เหมือนกับบ้านเกิดของเธอ ที่มักมีสต็อกเพียงสิบหรือยี่สิบคัน...แต่พ่อค้ารถมือสองแถบชานเมืองหลวง หากมีสต็อกรถร้อยกว่าคัน ก็ถือว่าเป็นร้านขนาดเล็กแล้วที่มีสต็อกสี่ถึงห้าร้อยคันก็มีอยู่มากยิ่งไปกว่านั้น ยังมีพ่อค้าที่มีรถในสต็อกถึงพันหรือสองพันคัน กระจายส่งไปทั่วประเทศ!ยานพาหนะมีจำนวนมาก ราคาค่อนข้างถูก และการแข่งขันสูงเย่มู่มู่เดินสำรวจย่านรถมือสอง กวาดซื้อเกือบทั่วทั้งถนนเย่มู่มู่เดินอยู่ในย่านรถมือสอง ราวกับกวาดซื้อรถบรรทุกคันใหญ่เกือบทั้งถนนเธอให้ทางร้านจัดส่งไปยังโกดังชานเมือง ซึ่งมีคนรับเรื่องอยู่แล้วแน่นอนว่ารถบ้านมือสอง โดยเฉพาะรุ่นขนาดใหญ่นั้นหายาก แต่รถบ้านขนาดเล็กที่ใช้ใบขับขี่ประเภท C กลับมีอยู่มากช่วงนี้ตลาดรถบ้านมือสองล้นตลาด พ่อค้าหลายรายปล่อยรถค้างสต็อกมานานจนขายไม่ออกเย่มู่มู่จึงกวาดซื้อทั้งหมดมาไว้เองรถบ้านราคาหนึ่งล้านห้าแสนกว่า ๆ ตอนนี้เหลือแค่ราว ๆ ห้าแสน ลดไปกว่าครึ่ง เรียกได้ว่าคุ้มสุด ๆ!เย่มู่มู่กวาดซื้อรถบ้านมือสองขนาดกลางและเล็

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 628

    หากไม่มีการเสริมกำลังคน ไม่ว่าอุปกรณ์สวมใส่จะดีแค่ไหน ก็ต้องตายหมดไม่ว่าช้าก็เร็วหลัวซู่อาจไม่เห็นค่าแคว้นเยี่ยน แต่ถ้ามีโอกาสบุกเข้ายึดเมืองหลวงของแคว้นต้าฉี่ เขาจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปแน่นอน ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือ เผ่าหมานม่อเป่ยอาจกำลังบุกเข้าเมืองหลวงเมื่อคิดถึงจุดนี้ จ้านเฉิงอิ้นก็รู้สึกว่าการตั้งรับที่หมิ่นโจวอาจไม่ใช่ทางเลือกที่มั่นคงเขาพูดกับซ่งตั๋วว่า “แจ้งออกไป ให้ย้ายจากหมิ่นโจวไปตงโจวคืนนี้”แม่ทัพหลายคนมองหน้ากันด้วยความสงสัย ทำไมต้องย้ายไปตงโจวตงโจวมีคนน้อยกว่า การค้าไม่เจริญเท่าหมิ่นโจว ประชากรก็เบาบางที่นั่นแม้จะมีเส้นทางสายหลักที่นำเข้าสู่เมืองหลวง แต่~มู่ฉีซิวมีถนนการค้าอยู่ในหมิ่นโจว เขาจะอ้อมไปตงโจวทำไม?ถึงแม้หมิ่นโจวและตงโจวจะเป็นเมืองป้องกันเมืองหลวงเหมือนกันแต่ระยะทางตรงนั้นแปดร้อยลี้การขี่ม้ารอบทางอ้อมต้องใช้เวลาเพิ่มอีกสิบวันในยุคที่ขาดแคลนเสบียง นี่เป็นราคาที่แพงมากเฉินอู่ดูเหมือนจะเข้าใจเจตนาของจ้านเฉิงอิ้นเขาขมวดคิ้วถามว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านคิดว่าเผ่าหมานจะบุกเข้าเมืองหลวงจากทางตงโจวหรือ?”“ใช่!”“แต่เขาพาทหารที่

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status