Share

บทที่ 4

Author: มู่โร่ว
last update Last Updated: 2024-09-30 18:18:14
หลังเย่มู่มู่โยนอาหารหมดอายุลงไปจนหมดก็ขึ้นไปชั้นบน

หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอสว่างขึ้นไม่หยุด เป็นคุณอาคุณลุงในครอบครัวเธอโทรมา

พ่อแม่ล่วงลับ เธอกลายเป็นเด็กกำพร้า คุณอาคุณลุงร่วมมือกับคุณย่ามาหาถึงบ้าน หมายจะฮุบทรัพย์สินของเธอ

โชคดีที่คุณพ่อคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าจึงทิ้งพินัยกรรมเอาไว้

ในโถงตั้งโลงศพของคุณพ่อคุณแม่ คุณอาคุณลุงรวมถึงคุณย่ากดดันให้เธอมอบทรัพย์สินของคุณพ่อออกไป

ยังอ้างเสียสวยหรูว่าจะช่วยดูแลให้เธอ

บอกว่าเธอเป็นผู้หญิง ต้องแต่งงานไม่ช้าก็เร็ว จะบริหารบริษัทใหญ่มูลค่าหลายหมื่นล้านได้อย่างไร

ห้องชุดสิบกว่าห้อง ร้านค้าหลายร้านกับตึกปล่อยเช่าอีกสองตึก

บอกให้เธอส่งมอบทั้งหมดนั้นออกไปให้พี่น้องของคุณพ่อแบ่งสรรปันส่วนกัน

คุณพ่อไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเพียงหนึ่งเดียวของบริษัท แต่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ถือหุ้นสามสิบกว่าเปอร์เซ็นต์

เย่มู่มู่ขอให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นช่วยออกหน้า ช่วยเธอปกป้องทรัพย์สมบัติเอาไว้

เธอไม่เข้าร่วมการบริหาร รับแค่เงินปันผลเท่านั้น

เธอสละสิทธิ์ในการบริหาร ผู้ถือหุ้นรายอื่นย่อมยินดีอยู่แล้ว

บอดี้การ์ดปรากฏตัวขึ้นในโถงตั้งโลงศพจึงควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

มีทนายและโนตารี พับลิค[1]อยู่ด้วย ประกาศพินัยกรรมของคุณพ่อต่อหน้าสาธารณะ ทรัพย์สินทั้งหมดให้เย่มู่มู่เป็นผู้สืบทอด

พี่ชายน้องชายของคุณพ่อร้องไห้คร่ำครวญ ด่าทอว่าเธอเลือดเย็น ด่าทอว่าคุณพ่อใจดำ

คุณย่ายังคิดจะลงมือตีเธอ แต่ถูกบอดี้การ์ดขวางไว้

พอพวกเขาไม่สามารถแย่งชิงทรัพย์สมบัติอย่างเปิดเผยก็เริ่มหงายไพ่คนในครอบครัว โทรศัพท์มาหาเธอทุกวัน

เห็นเธอไม่สะทกสะท้าน เอาเงินไปจากเธอไม่ได้ก็เริ่มโทรศัพท์มาด่าทอเธอทุกวัน

ด่าเธอว่าใจดำ ด่าเธอว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ด่าเธอว่าเห็นผู้ใหญ่ในครอบครัวมีชีวิตลำบากก็ไม่รู้จักให้เงินทองช่วยเหลือ

ภายหลัง เธอบล็อกเบอร์โทรศัพท์มือถือของญาติ ๆ จนหมด พวกเขาก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์โทรมาหาเธอ

เย่มู่มู่ปล่อยให้หน้าจอโทรศัพท์มือถือสว่างต่อไป ไม่เคยรับสาย

เธอเดินเข้าไปในห้องนอนของคุณพ่อคุณแม่ ขดตัวนอนบนโซฟาของพวกเขา

ได้กลิ่นที่คุ้นเคย จินตนาการว่าพ่อแม่ยังอยู่ข้างกายเธอ

เช่นนี้เธอถึงสบายใจ

*

หลังจ้านเฉิงอิ้นโยนกระดาษลงไป แจกันก็ไม่ตอบสนองอีกเลย

เขาคิดว่าหรือจะเป็นเพราะตัวเองโลภมากเกินไป เรียกร้องมากเกินไปจนทำให้ท่านเทพโกรธเคือง

เขาข่มความไม่สบายใจเดินออกไปจากจวนแม่ทัพที่ทรุดโทรม

กลางถนนใหญ่ สองฟากถนนเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ทรุดโทรมเกินบรรยาย สายลมม้วนเอาทรายสีเหลืองปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ

ชาวบ้านร่างผอมเหลือแต่กระดูกนับไม่ถ้วนต้องทนหิวโหย นอนรอความตายอยู่ข้างถนน

พวกเขาเห็นแม่ทัพเดินออกมา สายตาเลื่อนลอยทุกคู่มองมาที่เขา

คนที่ยังมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่คุกเข่าคำนับเขา

ก่อนหน้านี้มีผู้อพยพมารวมตัวที่จวนแม่ทัพ ขอร้องให้แม่ทัพเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายเสบียง

ผู้อพยพกับคนใช้ในจวนแม่ทัพเกิดขัดแย้งกัน คนใช้ในจวนแม่ทัพบอกว่าในจวนไม่มีเสบียงอาหารมานานแล้ว

สิ่งที่แม่ทัพกับพวกเขากินคือเปลือกไม้

แต่ผู้อพยพไม่เชื่อ สองฝ่ายจึงปะทะกันขึ้นมา

คนใช้ในจวนแม่ทัพเดิมมีสิบกว่าคน ถูกทำร้ายบาดเจ็บไปหกคน สุดท้ายก็ตายไปเพราะไร้ยารักษา

มีหกคนที่หิวตาย

เหลือพ่อบ้านชราเพียงคนเดียว พ่อบ้านชราก็เริ่มกินดินขาวไปแล้ว

พวกเขาแสดงความสำนึกผิดต่อหน้าท่านแม่ทัพ รู้สึกผิดต่อความผิดบาปที่ตนเองได้กระทำลงไป

พวกเขาเฝ้าอยู่หน้าจวนแม่ทัพ หลังตายไป ร่างกายยังสามารถนำมาเลี้ยงทหารสองหมื่นนาย พวกเขาเต็มใจอุทิศร่างกายของตนเอง

จ้านเฉิงอิ้นเดินมาถึงปากทาง สตรีออกเรือนแล้วที่หน้าเหลืองร่างผอมคนหนึ่งคุกเข่าร่ำไห้ต่อหน้าเขา

“ท่านแม่ทัพได้โปรดช่วยชีวิตลูกชายของข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ ขอร้องท่านแล้ว”

นายกองเถียนไท่เห็นดังนั้นก็คิดจะกันสตรีที่เข้ามาขวางทางผู้นั้นออกไป

สตรีผู้นั้นร่ำไห้รำพัน “ข้าน้อยมีลูกเล็กสองคน คนหนึ่งถูกพ่อพวกเขาเอาตัวไปแลกอาหารแล้ว เหลืออยู่คนเดียวเท่านั้น เขายังมีชีวิตอยู่ พ่อเขาไยจึงตัดใจทำได้ลงคอ”

“ท่านได้โปรดช่วยเขาด้วยเถอะเจ้าค่ะ ถึงต้องตาย ข้าก็อยากจะช่วยชีวิตลูกชายเอาไว้!”

จ้านเฉิงอิ้นได้ยินเช่นนั้นก็กำสองมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

ในเมืองมีเรื่องไร้ความเป็นมนุษย์เกิดขึ้นไม่เว้นวัน

เขานึกว่าตัวเองได้ยินมามากแล้ว เห็นมามากแล้วจะชินชาไปเองเสียอีก

ทว่ามโนธรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ทำให้ยากจะยอมรับได้

ต้องเห็นชาวบ้านแลกเปลี่ยนลูกของกันและกันเพื่อนำไปกินเป็นอาหาร ทั้งยังเป็นคนเป็น ๆ อีกด้วย

นี่คือราษฎรที่ตระกูลจ้านของเขาสละชีวิตปกป้องอย่างนั้นหรือ!

“สามีของท่านอยู่ที่ไหน?”

สตรีผู้นั้นเห็นแม่ทัพเต็มใจช่วยเหลือก็ชี้ไปทางปากตรอกเก่า ๆ แห่งหนึ่งทันที

จ้านเฉิงอิ้นหมุนกายเดินตรงไปทางตรอกนั้น

ในตรอกนั้น บิดาผู้หนึ่งเช็ดน้ำตาแลกเปลี่ยนลูกกันอย่างอาลัยอาวรณ์

ลูกของเขากอดขาเขาไว้แน่น ร้องไห้งอแงว่าเขาไม่กินอะไรอีกแล้ว ขอร้องให้บิดาไว้ชีวิตเขาด้วย

อย่าเอาเขาไปแลกเลย!

ยังมีเด็กอีกคนที่ไม่ได้ใส่เสื้อ ร่างกายผอมแห้ง เห็นซี่โครงชัดเจน เขานั่งอยู่บนพื้นดินอย่างเงียบงัน

เขาร้องไห้ไม่ออกแล้ว บนใบหน้ามอมแมมเปื้อนฝุ่นนั้นมีคราบน้ำตาคดเคี้ยวสองสาย

สำหรับความเป็นความตาย ราวกับเขาสิ้นหวังจนยอมรับชะตากรรมไปแล้ว

สตรีผู้นั้นร้องเรียกลูกชาย “ย่างเอ๋อร์!”

เด็กน้อยที่เงียบงันผู้นั้นได้ยินเสียงของมารดาก็พยุงกำแพงลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ต้องการจะเดินมาหามารดา

แต่กลับถูกบิดาถีบล้มอย่างรุนแรง

บิดาขยุ้มคอเขาขึ้นมาแล้วตะคอกเสียงดัง “ยังจะแลกหรือไม่แลก? ถ้าอยากตายก็อย่ามาทำให้ข้าเสียเวลา”

กระบี่ยาวของเถียนไท่พาดอยู่เหนือลำคอชายผู้นั้น

ชายผู้นั้นสะดุ้งตกใจ ทำลูกชายร่วงลงบนพื้น

สตรีผู้นั้นถลาเข้าไปโอบกอดลูกชายเอาไว้

เด็กน้อยถึงได้ปล่อยโฮออกมา “ท่านแม่ ในที่สุดท่านแม่ก็มาช่วยข้า ข้ามีชีวิตต่อไปได้แล้ว ไม่ต้องถูกกินเหมือนน้องชายน้องสาวแล้วใช่ไหมขอรับ!”

มารดาผู้นั้นปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น “ขอโทษ แม่ไม่ดีเอง ไม่ได้ปกป้องน้องชายน้องสาวของเจ้าไว้ให้ดี”

ฝ่ายบิดาได้ยินดังนั้นก็ด่าทอว่า “อย่ามาทำเป็นพูดดี พูดเสียราวกับว่าแลกเด็กมาได้แล้ว เจ้าไม่ได้กินอย่างนั้นแหละ เจ้าซดน้ำแกงเนื้อเยอะกว่าข้าเสียอีก”

สตรีผู้นั้นได้ยินดังนั้นก็ปิดหูลูกชาย ร้องเสียงดังด้วยความตระหนก

“เจ้าไม่ได้บอกข้านี่ว่าใช้ชีวิตลูกข้าแลกมา เจ้าหลอกให้ข้าไปที่อื่นแล้วแอบเอาลูกไปแลก”

“เหตุใดเจ้าจึงใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ พวกเขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้านะ”

บุรุษผู้นั้นคิดจะตีภรรยาจึงถูกคมกระบี่ของเถียนไท่ที่พาดอยู่บนลำคอบาดเข้า

หยดเลือดไหลลงมาจากลำคอของเขา

เขาเอ่ยเสียงตระหนก “ท่านแม่ทัพ ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ท่านโปรดไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถอะ”

“ข้าไม่เอาลูกไปแลกอีกแล้ว จะเลี้ยงดูให้ดีจนเขาเติบใหญ่”

คนอย่างเขาเมื่อก่อนก็เป็นพวกเกียจคร้านไม่ทำการทำงาน โกหกจนเป็นนิสัย สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก!

จ้านเฉิงอิ้นเอ่ยเสียงเย็นชา “เอาตัวไปรับใช้กองทัพที่ค่ายทหาร”

บุรุษผู้นั้นร้องโหยหวนเหมือนหมูที่จะถูกเชือด พยายามอ้อนวอนร้องขอชีวิต

ทัพใหญ่สามแสนของเผ่าหมานล้อมด่านเจิ้นกวนเอาไว้ แมลงวันตัวเดียวยังบินออกไปไม่ได้ ไปค่ายทหารก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว

บุรุษผู้นั้นด่าทอภรรยา ด่าทอลูกชาย ร้องโวยวายขณะถูกลากตัวไป

ส่วนอีกครอบครัวหนึ่งที่จะแลกเด็กด้วยกันหนีไปแต่แรกแล้ว

จ้านเฉิงอิ้นมองดูเด็กน้อยที่ผมแห้งเหลือแต่กระดูก เขาสัมผัสข้าวปั้นสองก้อนในอกเสื้อ

เขาล้วงข้าวปั้นก้อนหนึ่งออกมาแอบยัดใส่มือสตรีผู้นั้น

สตรีผู้นั้นสัมผัสถึงข้าวปั้นที่ยังอุ่นอยู่ก็พลันอึ้งไปชั่วขณะ แต่ก็รับเอาไว้

ตอนจ้านเฉิงอิ้นจากไป นางพาลูกชายคำนับศีรษะขอบพระคุณเขา!

*

ในอกเสื้อจ้านเฉิงอิ้นเหลือข้าวปั้นก้อนเล็กอยู่เพียงก้อนเดียว

เขาจะเอาไปให้ทหารเด็กคนหนึ่ง

ทหารน้อยซ่อมบำรุงเกือกม้า ซ่อมโต๊ะเก้าอี้เป็น เป็นที่นิยมชมชอบในหมู่ทหารในกองทัพอย่างมาก

สองวันก่อน เผ่าหมานบุกโจมตี เขาถูกธนูยิงหลายดอก ธนูไม่ถึงกับเอาชีวิต แต่เพราะขาดแคลนสมุนไพร บาดแผลจึงติดเชื้อ

หมอบอกว่าเขาไม่รอดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายรอความตายเท่านั้น

ทหารน้อยดวงตาสดใส ยิ้มบอกว่าไม่กลัวตาย

เพียงหวังว่าจะสามารถกินอิ่มก่อนตาย ถึงจะเป็นรากหญ้าก็ยังดี

เขานำข้าวปั้นสองก้อนติดตัวมา แม้ไม่พอให้เขากินอิ่ม แต่ก็เป็นข้าวปั้นที่ทำจากข้าวสวย ห่อไส้เนื้อเอาไว้ข้างใน

ทหารน้อยน่าจะชอบเหมือนกัน

จ้านเฉิงอิ้นตรงไปยังค่ายทหาร

ฉับพลันนั้น หญิงชราที่หน้าเหลืองร่างผอมท่าทางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงพลันล้มลงตรงหน้าเขา

นางคุกเข่าลงตรงหน้าเขาอย่างอ่อนแรง ในอ้อมกอดคือตะกร้าที่บรรจุรากหญ้าไว้จนเต็ม

“ท่านแม่ทัพ ข้าใกล้ตายแล้ว หวังว่าท่านแม่ทัพจะสามารถปกป้องหลานสาวข้าไปได้อีกสักระยะ”

“คนในครอบครัวตายไปหมดแล้ว เหลือแค่ข้ากับหลานสาวเป็นที่พึ่งของกันและกัน ข้าทำใจเห็นนางกลายเป็นอาหารของคนอื่นไม่ได้จริง ๆ”

“รากหญ้าพวกนี้ ข้าเก็บหอมรอมริบมาหลายวัน หวังว่าท่านแม่ทัพจะรับเอาไว้”

จ้านเฉิงอิ้นมองแขนของผู้ชรา หลังมือเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย เป็นแผลที่เกิดจากการถูกอาวุธทื่อ ๆ เชือดเฉือน

มุมปากของหลานสาววัยสามขวบมีคราบเลือดแห้งเกรอะกรัง ทุกอย่างล้วนสามารถเข้าใจได้ในทันที

เขากำข้าวปั้นในมือแน่น!

เขาเป็นลูกผู้ชายจิตใจเด็ดเดี่ยวที่สังหารศัตรูในสนามรบมานับไม่ถ้วน

เห็นผู้ชรากรีดเลือดช่วยชีวิตหลานสาว…ฉากที่แสนโหดร้ายเช่นนี้ ต่อให้เขาใจแข็งกว่านี้ก็ยังต้องแหงนหน้าบังคับให้น้ำตาไหลกลับลงไป!

“มีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี เอารากหญ้าพวกนี้ไปต้มกินเถอะ!”

เขาวางข้าวปั้นก้อนสุดท้ายนั้นลงในตะกร้า

ระหว่างทางกลับจวนแม่ทัพ เขาเดินด้วยฝีเท้าเร่งร้อน จิตใจว้าวุ่นสับสน

เห็นราษฎรในเมืองเป็นเช่นนี้ หัวใจเขาเจ็บปวดราวถูกมีดกรีด

เขาจะไปขอร้องให้ท่านเทพช่วยเหลือเหล่าทหารหาญและช่วยชีวิตชาวบ้านในเมือง

ต่อให้ต้องใช้ชีวิตเขาเป็นเครื่องแลกก็ตาม

เขาไม่อยากเห็นผู้คนหิวตายเกลื่อนถนนและชาวบ้านกรีดเลือดรอความตายด้วยความสิ้นหวังอีกแล้ว

[1] โนตารี พับลิค คือ บุคคลผู้มีอำนาจรับรองเอกสารและลายมือชื่อในการทำนิติกรรมต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด

Related chapters

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 5

    เย่มู่มู่ตื่นขึ้นมาก็เป็นตอนกลางคืนแล้ว เธอนอนอยู่บนโซฟาในห้องนอนของพ่อแม่ บนหมอนยังคงเปียกชื้นเธอคิดถึงพวกเขามากเกินไปจนร้องไห้ระหว่างหลับฝันอีกแล้วตีสองครึ่ง ตอนลงมาชั้นล่างไฟในห้องรับแขกยังคงสว่างอยู่แต่มีกระดาษเหลืองโบราณเพิ่มมาหลายแผ่นอ้าก!เจ้าแจกันนี่เอาขยะมาทิ้งในบ้านอีกแล้ว!เธอเดินเข้าไปในห้องรับแขกชั้นล่างด้วยความเดือดดาล คว้ากระดาษเหลืองเขรอะฝุ่นแผ่นนั้นลงมาตัวอักษรเป็นแบบตัวเต็ม เขียนตามแนวตั้งลักษณะรอยหมึกขาด ๆ หาย ๆ เหมือนใช้ขี้เถ้าเขียนรอบก่อนมีแค่ไม่กี่ตัวอักษร รอบนี้กลับเขียนมายาวพรืด รอยพู่กันคมกริบ ตัวอักษรหวัดฉวัดเฉวียนมีทั้งหมดสี่หน้ากระดาษ เธอไม่รู้ว่าเขียนอะไรบ้างใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเอาเข้าโปรแกรมแปลภาษาค่อยทราบว่าคือคำอธิษฐานขอพรแคว้นต้าฉี่ รัชศกชูหยวนปีที่สาม กองทัพตระกูลจ้านพิทักษ์ด่านสำคัญบริเวณชายแดน ถูกกองทัพสามแสนของเผ่าหมานปิดล้อมกลายเป็นเมืองที่ปิดตายทหารหาญสองแสนคนพลีชีพในสมรภูมิเหลือเพียงสองหมื่นคนด่านเจิ้นกวนเกิดภัยแล้งรุนแรง แม่น้ำเหือดแห้งพืชพรรณเฉาตายราษฎรเพาะปลูกไร้ผลเก็บเกี่ยว กินเปลือกไม้ใบหญ้าจนหมดเกลี้ยงในเมื

    Last Updated : 2024-09-30
  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 6

    เมื่อเห็นกองทองคำที่เหลืองอร่ามกองนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้หลงใหลในเงินตรา แต่ก็ยากที่จะปล่อยออกจากมือใครจะสามารถปฏิเสธเครื่องประดับอัญมณีได้ล่ะ?เธอวิ่งไปสัมผัสกับก้อนทองคำอย่างมีความสุข แล้วลองสวมสร้อยข้อมือทองคำมีสร้อยคอหลายเส้นห้อยอยู่รอบคอของเธอ เส้นผมของเธอก็ประดับประดาเต็มไปด้วยปิ่นปักผมทองและปิ่นระย้ารวยแล้ว!ตามราคาทองคำในปัจจุบัน ทองคำกองนี้มีมูลค่าหลายสิบล้านยิ่งเป็นของโบราณ เมื่อเอาไปขาย ก็ยิ่งประเมินค่าไม่ได้อ๊า หนิงกวนโหวช่างเป็นคนดีจริง ๆ!ตอนนี้เธอชอบการช่วยเหลือคนเสียแล้วสิ!ชอบทำบุญสุด ๆ!ชอบเลี้ยงคนโบราณหนึ่งแสนคน!ไม่หวังอะไรอย่างอื่น การได้มองดูทองคำเหลืองอร่ามระยิบระยับแสนน่ารัก ก็ทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างยิ่งแล้ว!*เย่มู่มู่ยกลังไม้ใบใหญ่สามใบลงมาจากชั้นบน แล้วนำทองคำออกมาจัดระเบียบแค่ทองก้อน เหรียญทอง ทองหยวนเป่า ก็ใส่เต็มสองลังใหญ่แล้วจากนั้นก็นำลังใบใหญ่อีกใบมาใส่เครื่องประดับมุกและทอง แยกใส่ถุงซิปล็อค แล้ววางไว้เป็นระเบียบแต่ใส่ไม่หมดมันไม่สามารถใส่ให้หมดได้อยู่แล้ว!ของที่เหลือล้วนเป็นของที่ทำด้วยทองคำ รวมถึงชุดจอกสุรากาสุรา กาสุราแ

    Last Updated : 2024-10-01
  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 7

    ทหารสิบนายเดินกลับมาจากบ้าน พวกเขาขอบตาแดงก่ำ ต่างผ่านการร้องไห้มาเมื่อวานนี้สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าปนความสิ้นหวังทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ต่อให้ขอบตาจะแดงก่ำ แต่ปากกลับฉีกยิ้มพวกเขากำลังรอให้เย่มู่มู่ส่งน้ำมาให้!ในเวลานี้ ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพเกิดเสียงดังวุ่นวาย มีผู้ลี้ภัยกำลังสร้างปัญหาจ้านเฉิงอิ้นให้เถียนฉินออกไปดูพวกเขาออกไปได้ไม่นาน คนที่มารวมตัวกันสร้างปัญหาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงดังเข้ามาในจวนด้านในได้ยินกันชัดเจนจ้านเฉิงอิ้นลุกขึ้น เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงทุกคนร้องตะโกนว่า “ขอท่านแม่ทัพได้โปรดเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายธัญพืชออกมาด้วยเถอะ”“ท่านแม่ทัพ ทั้งที่จวนของท่านมีข้าวสาร เหตุใดต้องซ่อนไว้กินเพียงคนเดียว? หรือว่าท่านอยากจะมองดูชาวบ้านด่านเจิ้นกวนหิวตายทั้งเป็นไปต่อหน้าต่อตาหรือ?”“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดช่วยพวกชาวบ้านด้วยเถอะ พวกเราไม่อยากหิวตาย!”หน้าประตูจวนแม่ทัพ ชาวบ้านที่สร้างปัญหาก็มีถึงสองร้อยคนแล้ว!ผู้นำก็คือชายที่มีนามว่าหลิวซื่อ ภายใต้ใบหน้ายาวนั้นคือดวงตาสามขาวและโหนกแก้มโดดเด่นเขารู้จักกับพ่อที่แลก

    Last Updated : 2024-10-01
  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 8

    เมื่อพ่อได้ยินคำพูดนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก ไล่ญาติ ๆ ทุกคนออกจากบริษัทแล้วก็จัดทำพินัยกรรมล่วงหน้าทรัพย์สินของเขา พี่น้องกับหลาน ๆ ไม่มีใครได้ไปสักสตางค์เดียวพอพวกนั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากพินัยกรรม พยายามโทรหาเย่มู่มู่ก็ไม่ติด ก็เลยเริ่มวนเวียนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน หวังจะเจอเธอเย่ซินไม่รู้ว่ารออยู่หน้าหมู่บ้านนานแค่ไหน จนสุดท้ายก็ดันเจอเธอที่กำลังจะออกไปข้างนอกเขารีบพาผู้ชายวัยกลางคนมาพบเธอทันทีเย่มู่มู่ขมวดคิ้วถามเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”เย่ซินยิ้มอย่างกระตือรือร้น“มู่มู่ เรามานั่งคุยกันหน่อย พี่จะแนะนำคนให้เธอรู้จัก คุณหวัง เขาเพิ่งหย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้เป็นหนุ่มโสดสุดฮอตเลยนะ!”“ดูสิ คุณหวังทั้งสุขุมและมั่นคง ภายนอกก็ดูภูมิฐาน เขาเป็นเจ้าของใหญ่ของหัวหวังกรุ๊ป...”“เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”คุณหวังที่พูดถึงนั้นหัวล้านกลางศีรษะ พุงก็ใหญ่จนดูอ้วนกว่าปกติ ดูแล้วอายุมากกว่าพ่อของเธอเสียอีกอายุอย่างน้อยก็คงห้าสิบห้าปีขึ้นไปเขาสวมแหวนทองวงใหญ่ มืออ้วน ๆ ของเขาลูบคางแล้วมองเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหื่นกามเมื่อเห็นว่าเธอมีผิวขาวเนียน รูปร่างผอมเพรียว โดยเ

    Last Updated : 2024-10-01
  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 9

    “ยัยหนู เธอคิดจะขายหรือไม่? จอกสุราปกติต้องมีเป็นคู่ ถ้าเธอมีครบคู่ ฉันจะเสนอราคาให้ถึงสองหมื่นห้าพันล้าน!”เย่มู่มู่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เธอไม่อยากให้จ้านเฉิงอิ้นต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้สองหมื่นห้าพันล้านเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนหนึ่งแสนคนได้แต่สำหรับให้ทหารสองหมื่นนายของเขาเอาชนะกองทัพคนเถื่อนสามแสนนาย คงไม่เพียงพอแน่!เย่มู่มู่กัดฟัน ก่อนจะหยิบจอกสุราอีกใบออกมา“ฉันมีสองใบ สองหมื่นห้าพันล้านน้อยเกินไป!”เมื่อผู้อาวุโสมู่มองเห็นว่าเย่มู่มู่มีจอกสุราครบทั้งสองใบจริง ๆ เขาก็ดีใจมากจนทำแว่นตาหลุดมือที่สั่นเทาของเขารีบหยิบจอกขึ้นมา ตรวจสอบด้วยแว่นขยายเขาตื่นเต้นจนริมฝีปากสั่นระริก “ใช่แล้ว ใช่เลย! นี่คือจอกสุราคู่ที่สภาพสมบูรณ์ และยังคงงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”“เธอต้องการเท่าไหร่?”เย่มู่มู่ตอบว่า “ฉันต้องการเงินสด และราคาต้องถึงขีดสูงสุด”ผู้อาวุโสมู่เบิกตากว้าง “เธอต้องการสามหมื่นล้านเหรอ?”เย่มู่มู่พยักหน้าเขาเริ่มลังเลแล้ว!เมื่อเย่มู่มู่เห็นเช่นนั้น ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “ถ้าคุณไม่มีปัญญาจ่าย ฉันไปถามร้านข้าง ๆ ก็ได้!”เธอลุกขึ้นเตรียมเก็บจอกสุราคืนแต่ผู้อาวุโสมู่

    Last Updated : 2024-10-01
  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 10

    เย่มู่มู่ขับรถไปถึงตลาดสด และมองหารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกได้ถึงสามสิบตันเธอบอกว่าจะซื้อของบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย!ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดเล็ก หัวไชเท้า แครอท มันเทศ มันฝรั่ง และข้าวโพด…เธอเหมาผักหมดทั้งตลาดแล้วพ่อค้าแม่ค้าผักเห็นเธอซื้อของมากขนาดนี้ ต่างรีบกรูเข้ามาล้อมเธอ พร้อมเสนอลดราคาขายให้เธอในราคาถูกกว่าปกติ!เย่มู่มู่ซื้อของทั้งหมดในตลาดสดจนเกลี้ยง พร้อมจ้างรถบรรทุกสองคันจากนั้นเธอก็จัดหาคนมาช่วยขนของขึ้นรถ พร้อมให้ที่อยู่ของโกดังกับคนขับรถบรรทุก ให้พวกเขาขนของไปที่โกดังคุณลุงที่ดูแลโกดังอยู่ทั้งวันก็ยังคงเฝ้าประตูตามปกติหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เย่มู่มู่จึงเดินทางไปร้านขายยาไม่ว่าจะเป็นผ้าก๊อซ แอลกอฮอล์ล้างแผล แหนบ คีม มีดผ่าตัด กรรไกร และไหมเย็บแผลเธอซื้อมาอย่างครบครันรวมถึงเข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา ยาปฏิชีวนะ ยาห้ามเลือด และยาแผนตะวันตกอื่น ๆ ก็ซื้อไปหมดนอกจากนี้ยังมียาแผนจีนแบบสำเร็จรูป เช่น อวิ๋นหนานไป๋เย่า[1] ยารักษาอาการฟกช้ำ ยาห้ามเลือดต่าง ๆ ยาลดการอักเสบ และยาช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ…เธอแวะร้านขายสมุ

    Last Updated : 2024-10-01
  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 11

    จ้านเฉิงอิ้นยืนเฝ้าข้างแจกันไม่ห่างฉับพลันนั้นน้ำก็หยุดไหล เขาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนข้างแจกัน เห็นกระดาษสีขาวโปรยลงมาอักษรคมกริบ จดจำได้ง่ายเพียงแต่อักษรเหล่านี้ขาดแขนและขา จ้านเฉิงอิ้นอ่านปะติดปะต่อกันก็เข้าใจท่านเทพยาดากล่าวว่า ส่งยามาหนึ่งชุด!ยาหรือ!!!หากมียา ทหารน้อยซ่อมเกือกม้าเป็นก็จะรอดชีวิตแล้วประชาชนในเมืองอาจไม่ต้องหิวตาย เพราะขาดน้ำและอาหารร่างกายจึงย่ำแย่ แค่อาการหวัดเล็กน้อยก็สามารถคร่าชีวิตคนได้หากมียา ทหารห้าพันนายที่ตายไปในสมรภูมิครั้งก่อน อย่างน้อยก็คงช่วยชีวิตได้ครึ่งหนึ่ง!จ้านเฉิงอิ้นกำกระดาษไว้แน่น น้ำใส ๆ รื้นขอบตา เพียงส่งอาหารและน้ำมาก็เป็นความปรารถนาสูงสุดของเขาแล้วนึกไม่ถึงว่าท่านเทพยดาถึงขั้นส่งยามาให้ด้วยสิ่งที่กองทัพตระกูลจ้านขาดแคลนก็คือยา!จ้านเฉิงอิ้นน้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เถียนไท่ เรียกหมอทหารทุกคนมาที่นี่”เถียนไท่กับทหารนายอื่นได้ยิน ก็พลันลุกขึ้น รายล้อมเขาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน“ท่านแม่ทัพ ท่านเทพยดาส่งยามาแล้วหรือขอรับ?”“จริงหรือขอรับ? หากมียา ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในค่ายก็ไม่ต้องรอความตายอีกแล้ว!”“บา

    Last Updated : 2024-10-01
  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 12

    เขาหยิบผ้าพันแผลที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ยังมีสำลีฆ่าเชื้อ เข็มฉีดยา น้ำยาฆ่าเชื้อเตี่ยนฝู[1]…และมีอุปกรณ์ผ่าตัดนานาชนิด ทั้งมีดผ่าตัด คีมผ่าตัด…เขาตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค “ท่านแม่ทัพ นะ นี่มันยาฆ่าเชื้อ ใช่…?”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้าให้เขาซ่งอวิ๋นฮุยกำคีมผ่าตัดในมืออย่างตื้นตันจนไม่อาจบรรยาย!ท่านเทพยดามอบให้แก่พวกเขาท่านเทพยดาไม่เพียงส่งยามาให้ ยังส่งวิทยาการด้านการแพทย์ที่ล้ำยุคมาให้ด้วยคีมผ่าตัด กรรไกรผ่าตัด…เครื่องมือเหล่านี้ประณีตกว่าของในสำนักหมอหลวงหลายเท่า!จ้านเฉิงอิ้นมอบหนังสือ ‘คู่มือหมอเท้าเปล่า’ ให้ซ่งอวิ๋นฮุยหนึ่งเล่มเขาเปิดอ่านอย่างไม่รีรอ เห็นในตำรามีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รับมือกับโรคระบาด ก็พลันดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง“ท่านแม่ทัพ มีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รักษาโรคระบาดต่าง ๆ อยู่ด้วย! มีตำราเล่มนี้อยู่ หมอในแคว้นต้าฉี่ก็ไม่ต้องปวดหัวกับโรคระบาดอีกแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มตอบ “หมอทหารซ่ง ท่านนำกลับไปศึกษาเสีย ยังมียาเหล่านี้อีก มีวิธีใช้เขียนติดอยู่บนถุง”ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่รู้อักษร จึงได้มอบตารางโครงสร้างส่วนประกอบอักษรแบบใหม่ให้เขาด้วยส่วนหมอทหารที่เหลือ ก็ได้ร

    Last Updated : 2024-10-01

Latest chapter

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 258

    *จ้านเฉิงอิ้นนั่งลง หยิบกระดาษจับพู่กันแล้วตอบจดหมายเย่มู่มู่“ท่านเทพ ตื่นแล้วหรือ?”เย่มู่มู่มองเวลาเก้าโมงเช้า ยังดี ถือว่าตื่นเช้า!“ด่านเจิ้นกวนเริ่มงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จแล้วหรือ?”“ใช่ กำลังกินขอรับ”“ในค่ายทหารทำของอร่อยอะไรบ้าง?”“เมื่อคืนนำเนื้อม้ากลับมาได้จำนวนมาก จึงทำเนื้อม้าเป็นกะมะลังใหญ่ ยังมีพืชผักที่ส่งมาเมื่อครั้งก่อน มีข้าวสารนึ่งสุก พลเมืองทั่วทั้งเมืองมาร่วมกินด้วยกันทุกคน ทุกคนดีใจมาก...”กระบี่คมกริบที่แขวนไว้ในด่านเจิ้นกวนหายไปแล้วเย่มู่มู่จินตนาการได้ว่าทุกคนดีใจเพียงใดหนึ่งปี!หนึ่งปีเต็ม ๆ กองทัพตระกูลจ้านต้องสูญเสียคนถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นคนชาวเมืองด่านเจิ้นกวนสองแสนคนล้มตายเสียชีวิตจากนี้ไป ทุกคนสามารถดำรงชีวิตต่อไปและเดินทางเข้าออกเมืองได้อย่างอิสระ จะไม่มีกองทัพศัตรูปิดล้อมพวกเขาอีกแล้ว!“ทำดีมาก! นักเรียนจ้านเฉิงอิ้น เมื่อคืนเจ้าทำตัวกล้าหาญองอาจเป็นอย่างมาก!”“ท่านเทพยกยอเกินไป เป็นเพราะท่านเทพส่งเสื้อเกราะกันกระสุนกับปืนล่าสัตว์มาได้ทันเวลา ทำให้หน่วยดาบม่อเตาที่เป็นแนวหน้า ฆ่าฟันศัตรูได้ตามใจชอบราวกับเข้าไปในดินแดนไร้คน…”“อืม ในเม

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 257

    จ้านเฉิงอิ้นกล่าวหยุดเฉินขุย“เจ้าออกไปทางลับ ถ้ามีคนยอมติดตามกองทัพตระกูลจ้าน นำตัวกลับเข้ากองทัพ!”“ขอรับ แม่ทัพ!”“สำหรับสวีหวย ข้าไม่ลงมือฆ่าเขาด้วยตนเอง ถือว่าให้ความเมตตาที่สุดแล้ว!”“พระราชโองการนั่นที่เขากล่าวถึง ข้าออกรบชนะศึก ฮ่องเต้จะยกให้คนอื่นมารับช่วงด่านเจิ้นกวนต่อได้อย่างไร ต้องเป็นของปลอมแน่!”เฉินขุยเฉินอู่พยักหน้าซ้ำ ๆ เห็นด้วย“ใช่ เป็นของปลอม สวีหวยประกาศพระราชโองการปลอม ความผิดของเขาต้องฆ่าทิ้งทันที!”“เพื่อเพิ่มความปรีดาให้แก่ท่าน ข้าน้อยจะไปกวาดล้างคนเลวข้างกายฮ่องเต้ ตัดหัวสวีหวยผู้ประกาศพระราชโองการปลอมเดี๋ยวนี้!”สองพี่น้องนำคนและม้าออกจากเมืองไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรจ้านเฉิงอิ้นจึงนั่งลงอีกครั้ง เห็นมั่วฝานทอดมองแผ่นหลังที่กำลังจากไปของสองพี่น้องพร้อมกับขมวดคิ้วเขาจึงถามมั่วฝาน “เป็นอะไรไป?”“ตอนนี้ยังฆ่าสวีหวยไม่ได้!”“เพราะเหตุใด?”มั่วฝานนำสารลับที่ได้รับวันนี้จากไทเฮา ยื่นให้จ้านเฉิงอิ้นจ้านเฉิงอิ้นเปิดสารลับอ่าน คิ้วยาวดุจดาบพลางขมวดเล็กน้อยมั่วฝานกล่าวต่อ “บุตรสาวของสวีหวยได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมากในพระราชวังถูกแต่งตั้งให้เป็นกุ้

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 256

    อำนาจทางการทหารของกองทัพตระกูลจ้านจะถูกส่งต่อให้กับคนอื่นกองทัพตระกูลจ้านไม่เป็นที่พอใจในสายตาของฮ่องเต้ตั้งแต่ต้นวันนี้พวกเขามีเสบียงมีน้ำ มีอุปกรณ์ติดตัวที่ยอดเยี่ยม…สมาชิกราชวงศ์ต้าฉี่ประพฤติตนไร้สาระ เสนาบดีซูขูดรีดพลเมืองสภาพการณ์ของชาวเมือง ไม่ต่างจากด่านเจิ้นกวนในเวลานั้นภายในแคว้นต้าฉี่มีอิทธิพลหลายกลุ่มเริ่มผนึกตัว เพียงแต่ถูกกำลังทหารสองแสนคนขวางไว้ถ้าชาวเมืองมีชีวิตต่อไปได้ ใครจะรวมพลก่อกบฏอีกเล่าทุกคนล้วนอยู่ภายใต้หนทางตัน สุดท้ายจึงจำใจเลือกเส้นทางนี้จ้านเฉิงอิ้นทำลายกองทัพพันธมิตรของแคว้นฉู่กับแคว้นฉีอย่างแสนสาหัส ทำให้กองทัพเผ่าหมานต้องถอยทัพด้วยความปราชัย ชื่อเสียงของเขาในหมู่พลเมือง อยู่เหนือกว่าสมาชิกราชวงศ์ไปมากฮ่องเต้ไม่อาจยอมรับเขาได้ถอดชุดเกราะเป็นเพียงก้าวแรก ยึดอำนาจทางการทหารของแม่ทัพแล้วยังไม่สบายใจต้องประหารชีวิตแม่ทัพอย่างแน่นอน!พวกเขามีมิตรภาพที่ผ่านความตายมาด้วยกันทั้งนั้น เผชิญความอดอยากด้วยกันในด่านเจิ้นกวน ฆ่าศัตรูในสนามรบไปด้วยกันยิ่งไปกว่านั้น แม่ทัพสามารถติดต่อกับท่านเทพเช่นนั้นแม่ทัพจะกลับเข้าเมืองหลวงไม่ได้ในเวลานี้ ทุ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 255

    ลำโพงประกาศเสียงบนกำแพงเมืองราวกับเสียงประหลาดที่ดังก้องหู มันเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทหารใต้บังคับบัญชาของสวีหวยล้วนรู้สึกสนใจ!ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ สำหรับข่าวคราวที่ว่าด่านเจิ้นกวนมีน้ำมีเสบียงอาหาร บางทียังยึดมั่นในความสงสัยวันนี้เมื่อเห็นบนกำแพงมีทหารชั้นผู้น้อยเฝ้าประตูเมือง กินข้าวโดยใช้กะละมังและดื่มน้ำอย่างตามใจโดยไม่รู้สึกสิ้นเปลือง!ชีวิตดี ๆ ที่พวกเขามี เทียบได้กับช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยไม่ ดีกว่าช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยเสียอีกชีวิตของทหารในด่านเจิ้นกวน เทียบเท่ากับตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างนับไม่ถ้วนล้วนเกิดแรงปรารถนาพวกเขาอยากเข้าไปในเมือง อยากเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้าน อยากมีข้าวสวยกินทุกวัน อยากมีน้ำที่ดื่มไม่หมดทุกคน!สวีหวยโมโหและดุด่า “ไปเรียกจ้านเฉิงอิ้นออกมา ข้ามารับช่วงด่านเจิ้นกวนพร้อมด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้!”ครั้งนี้ คนที่อยู่ใกล้กำแพงเมืองไม่กี่คน มองสวีหวยคราหนึ่งโดยไม่แสดงอารมณ์ใดในสายตานั้น ไร้ซึ่งความเคารพและความกลัวของทหารที่พึงมีต่อแม่ทัพอย่างสิ้นเชิงใช้แววตาเรียบนิ่งมองสวีหวย กระทั่งแฝงความรังเกียจ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 254

    นายทหารหนึ่งในนั้นกลับยกกาน้ำแล้วเริ่มดื่มน้ำเนื่องจากดื่มเร็วและรีบเกินไป น้ำจึงไหลตามมุมปากลงมาที่ลำคอและทำให้คอเสื้อเปียกเขาไม่ประหยัดน้ำแม้แต่น้อย!จวบจนวินาทีนี้ ทุกคนจึงมั่นใจว่าในเมืองด่านเจิ้นกวนมีน้ำ มีเสบียง…นายทหารข้างล่างกำแพงเมือง เผยดวงตาอันแดงก่ำพวกเขาแทบอดไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปบนกำแพงแล้วแย่งน้ำมาดื่มเองแย่งข้าวสารของพวกเขาแล้วกินเข้าไปเอง!พวกเขาอยากดื่มน้ำ อยากกินเนื้อมากจริง ๆที่ทำเกินไปยิ่งกว่านั้น โต๊ะที่ห่างจากกำแพงเมืองโต๊ะนั้น มีทหารหนึ่งคนถือกะละมังเคลือบเซรามิกไว้อันหนึ่ง ข้างในมีข้าวหุงสุกข้าวหุงสุกเป็นเม็ด ๆ ชัดเจน พวกเขาใช้กะละมังเคลือบเซรามิกที่ใหญ่กว่าหม้อมาใส่ข้าว และราดเต็มไปด้วยเนื้อกับผักเขานั่งยองบนกำแพงเมือง ใช้ตะเกียบหนึ่งคู่ปัดเข้าปากอย่างเต็มกำลังเขากินอย่างรวดเร็วและรีบเร่ง…จนนายทหารข้างล่างที่ทอดมองมา พากันกลืนน้ำลายไม่หยุดถ้าสามารถบินได้ พวกเขาจะบินขึ้นบนกำแพงเมืองและแย่งข้าวหุงสุกกะละมังนั้นมาจากเขาให้จงได้ทหารชั้นผู้น้อยที่เฝ้าเมืองคนนี้ เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก อันเนื่องจากจ้านเฉิงอิ้นเดินทางไปกลับเมื่อคืนเขาเหนื่อ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 253

    จ้านเฉิงอิ้นสวมเสื้อยาวขาวดุจหิมะ มีลายพิมพ์ต้นไผ่อยู่ตรงหัวไหล่ของเสื้อยาว ใบไผ่ประดับตรงปลายแขนเสื้อ ช่วงเอวเหน็บเครื่องประดับทรงกลมไว้เขาเดินออกจากจวนแม่ทัพ ราวกับท่านชายฟ้าหลังฝน!ตรงทางเข้าประตูจวนแม่ทัพ เขาเดินผ่านพลเมืองสองสามคนทุกคนเคยชินกับแม่ทัพผู้สวมชุดเกราะอย่างวีรบุรุษ น้อยครั้งที่จะเห็นเขาแต่งตัวเช่นนี้คนตรงหน้าคือชายหนุ่มรูปหล่อรวบผมหางม้าสูง ใบหน้าเรียวผอมราวมีดเล่มยาว ดูไม่ออกเลยว่าจะเป็นแม่ทัพที่สังหารศัตรูในสนามรบมาแล้วจำนวนนับไม่ถ้วนเถียนฉินจูงม้าขาวเดินเข้ามาจ้านเฉิงอิ้นพลิกตัวขึ้นหลังม้าอย่างกระฉับกระเฉงและเริ่มขี่ม้าจากไปพลเมืองข้างนอกจวนแม่ทัพมองยิ้มแย้มดูนั่น ชายหนุ่มจิตใจฮึกเฮิมผู้นั้น คือหนิงกวนโหวผู้กำจัดสองกองทัพของแคว้นฉู่และแคว้นฉีและขับไล่ชนเผ่าหมานออกไปจ้านเฉิงอิ้นขี่ม้ามาถึงค่ายทหารพื้นที่ว่างในค่ายทหารถูกวางเต็มไปด้วยโต๊ะเก้าอี้วันนี้ ไม่เพียงแต่เป็นงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของกองทัพตระกูลจ้านแต่ยังเป็นงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของชาวเมืองทั่วทั้งเมืองอีกด้วยพลเมืองทั่วทั้งเมืองมาร่วมยินดีทุกคน!ครั้นพ่อครัวไม่เพียงพอ พวกชาวบ้านจึ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 252

    “วู้ฮู้…”ชาวบ้านนับไม่ถ้วนปรบมือร้องดีใจ!เฉินขุยอยู่ข้างหลังแม่ทัพ ชูลำโพงประกาศเสียงขึ้นสูงพร้อมเปิดซ้ำตลอดทาง“กองทัพตระกูลจ้านชนะแล้ว กองทัพเผ่าฉู่ตายเกลี้ยง กองทัพรเผ่าฉีเผ่นหนี ชนเผ่าหมานวิ่งหนี…”“ด่านเจิ้นกวนของเราเป็นอิสระแล้ว!”“ด่านเจิ้นกวนเป็นอิสระแล้ว!”“แม่ทัพใหญ่องอาจห้าวหาญ!”“แม่ทัพเฉินขุยองอาจห้าวหาญ!”“กองทัพตระกูลจ้านองอาจห้าวหาญ!”พลเมืองนับไม่ถ้วนหัวเราะเสียงดังมีความสุขกลุ่มเด็ก ๆ ดีใจกระโดดโลดเต้น“พวกเราสามารถแผ่ขยายได้แล้ว สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้แล้ว!”กลุ่มคนสูงวัยต่างคุกเข่า กราบไหว้ต่อสรวงสวรรค์“เทวดาฟ้าสวรรค์ ทรงเปิดตาเสียที ให้แม่ทัพชนะศึกสงคราม ด่านเจิ้นกวนจะไม่ถูกปิดล้อม พวกเราสามารถมีชีวิตรอดและเดินออกไปได้แล้ว!”กลุ่มผู้หญิงใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา หนึ่งปีที่ผ่านมา เป็นห่วงว่าด่านเจิ้นกวนจะถูกบุกทะลวงกังวลว่าจะถูกชนเผ่าหมานลากไปทำเป็นอาหารเนื้อคนความรู้สึกทุกข์ทรมานจากความวิตกกังวลเช่นนี้ ในที่สุดก็จบลงเสียที!กลุ่มบุรุษส่งคืนธนูทดกำลังด้วยสองมือเสร็จ พอหันหลังก็ปาดน้ำตาเงียบ ๆ !กลุ่มพลเมืองถึงแม้ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าร่วมการรบแต่มี

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 251

    จ้านเฉิงอิ้นมองดูหน้าจอ กำลังคนและม้าของสวีหวยสวมอุปกรณ์เต็มตัว มุ่งหน้ามาอย่างกระตือรือร้นออกหน้าในกองทัพตระกูลจ้านมีทหารบาดเจ็บจำนวนไม่น้อย ถ้ากลับเข้าเมืองเกรงว่าคงไม่ทันจ้านเฉิงอิ้นถามซ่งตั๋ว “ยังมีระเบิดอีกเท่าไหร่?”ซ่งตั๋วตอบ “ไม่มีแล้วขอรับ! ตอนระเบิดทหารเผ่าฉู่และฉีสองกองทัพที่ใต้ประตูเมือง ถูกใช้จนหมดแล้วขอรับ!”เขากำลังมองหน่วยหน้าไม้ราชวงศ์ฉินพวกเขาชักคันธนูตลอดทั้งคืน เหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหวนั่งอยู่ที่พื้นทุกคน มีบางคนถึงกระทั่งนอนหลับไปเรียบร้อยหน่วยดาบม่อเตาเหนื่อยล้ายิ่งกว่า ล้วนนอนกองอยู่กับพื้นไม่สนใจนองเลือดในพื้นทรายและศพทหารเผ่าหมานที่นอนเกลื่อนกลาดพวกเขาเหนื่อยมาก เหนื่อยมาก ๆ !ครั้นรถสองคันจอดนิ่ง ทหารยิงธนูทดกำลังบนรถ กระบอกใส่ลูกธนูล้วนว่างเปล่าไม่มีเหลือจ้านเฉิงอิ้นกล่าว “พยุงผู้บาดเจ็บขึ้นรถแล้วส่งกลับไป!”“คนทั้งหมด สองคนควมม้าหนึ่งตัว คนร่างผอมหน่อยสามคนควบม้าหนึ่งตัว…แล้วกลับเมือง!”มั่วฝานถาม “ทันการณ์หรือไม่?”จ้านเฉิงอิ้นส่ายศีรษะ ตอบกลับตามจริง “ไม่ทันการณ์แล้ว!”ทหารที่เตรียมขี่ม้าในตอนแรก หยุดขี่ม้าทั้งหมดทันที!“เช่นนั้นจะทำอย

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 250

    ทหารที่นอนอยู่บนพื้น ส่งเสียงตอบรับทันทีล้วนขึ้นม้าอย่างพร้อมเพรียงกันผู้ที่ไม่มีม้า ก็วิ่งไปพร้อมกับกองทัพชาวบ้านที่ยังอายุน้อยอยู่หน่อย ก็หยิบธนูทดกำลังติดตามกองทัพออกจากเมืองไปด้วยจ้านเฉิงอิ้นจึงนำกำลังพลจำนวนสองหมื่นนาย ขี่ม้ากลับมายังจุดที่ทำการต่อสู้กับกองทัพเผ่าหมานอีกครั้งหลังจ้านเฉิงอิ้นจากไป สถานการณ์การรบก็เลวร้ายเป็นอย่างมากเฉินขุยกับเฉินอู่ที่เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ร่วมกันต่อสู้กับหลัวซู่อย่างรู้ใจ ทว่า มิเพียงไม่ได้เปรียบกลับยังถูกฟันจนเกิดบาดแผลไปทั่วทั้งตัวด้วยพวกเขาสวมชุดเกราะกันกระสุนรุ่นใหม่ล่าสุดแต่ดาบของหลัวซู่หนักหน่วง แม้เสื้อกันกระสุนและชุดเกราะจะสามารถป้องกันการเกิดบาดแผลภายนอกได้ แต่เมื่อดาบฟันลงมา ก็ยังคงถูกน้ำหนักอันรุนแรงกระแทกจนซี่โครงหักคนทั้งสองได้รับบาดเจ็บไม่เบาส่วนทหารที่เหลือหมื่นกว่านาย แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน ต้านทานเผ่าหมานไว้อย่างยากลำบากจนกระทั่ง จ้านเฉิงอิ้นนำกำลังพลสองหมื่นคนที่เหลืออยู่ในเมือง บุกสังหารกลับมาหลัวซู่จึงรู้ว่า หลิงเซี่ยวเฟิงและฉีซวนเหิง พวกเขาโจมตีเมืองล้มเหลวแล้วไม่เช่นนั้น จ้านเฉิงอิ้นไม่มีทางกลั

DMCA.com Protection Status