Share

บทที่ 4

หลังเย่มู่มู่โยนอาหารหมดอายุลงไปจนหมดก็ขึ้นไปชั้นบน

หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอสว่างขึ้นไม่หยุด เป็นคุณอาคุณลุงในครอบครัวเธอโทรมา

พ่อแม่ล่วงลับ เธอกลายเป็นเด็กกำพร้า คุณอาคุณลุงร่วมมือกับคุณย่ามาหาถึงบ้าน หมายจะฮุบทรัพย์สินของเธอ

โชคดีที่คุณพ่อคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าจึงทิ้งพินัยกรรมเอาไว้

ในโถงตั้งโลงศพของคุณพ่อคุณแม่ คุณอาคุณลุงรวมถึงคุณย่ากดดันให้เธอมอบทรัพย์สินของคุณพ่อออกไป

ยังอ้างเสียสวยหรูว่าจะช่วยดูแลให้เธอ

บอกว่าเธอเป็นผู้หญิง ต้องแต่งงานไม่ช้าก็เร็ว จะบริหารบริษัทใหญ่มูลค่าหลายหมื่นล้านได้อย่างไร

ห้องชุดสิบกว่าห้อง ร้านค้าหลายร้านกับตึกปล่อยเช่าอีกสองตึก

บอกให้เธอส่งมอบทั้งหมดนั้นออกไปให้พี่น้องของคุณพ่อแบ่งสรรปันส่วนกัน

คุณพ่อไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเพียงหนึ่งเดียวของบริษัท แต่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ถือหุ้นสามสิบกว่าเปอร์เซ็นต์

เย่มู่มู่ขอให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นช่วยออกหน้า ช่วยเธอปกป้องทรัพย์สมบัติเอาไว้

เธอไม่เข้าร่วมการบริหาร รับแค่เงินปันผลเท่านั้น

เธอสละสิทธิ์ในการบริหาร ผู้ถือหุ้นรายอื่นย่อมยินดีอยู่แล้ว

บอดี้การ์ดปรากฏตัวขึ้นในโถงตั้งโลงศพจึงควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

มีทนายและโนตารี พับลิค[1]อยู่ด้วย ประกาศพินัยกรรมของคุณพ่อต่อหน้าสาธารณะ ทรัพย์สินทั้งหมดให้เย่มู่มู่เป็นผู้สืบทอด

พี่ชายน้องชายของคุณพ่อร้องไห้คร่ำครวญ ด่าทอว่าเธอเลือดเย็น ด่าทอว่าคุณพ่อใจดำ

คุณย่ายังคิดจะลงมือตีเธอ แต่ถูกบอดี้การ์ดขวางไว้

พอพวกเขาไม่สามารถแย่งชิงทรัพย์สมบัติอย่างเปิดเผยก็เริ่มหงายไพ่คนในครอบครัว โทรศัพท์มาหาเธอทุกวัน

เห็นเธอไม่สะทกสะท้าน เอาเงินไปจากเธอไม่ได้ก็เริ่มโทรศัพท์มาด่าทอเธอทุกวัน

ด่าเธอว่าใจดำ ด่าเธอว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ด่าเธอว่าเห็นผู้ใหญ่ในครอบครัวมีชีวิตลำบากก็ไม่รู้จักให้เงินทองช่วยเหลือ

ภายหลัง เธอบล็อกเบอร์โทรศัพท์มือถือของญาติ ๆ จนหมด พวกเขาก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์โทรมาหาเธอ

เย่มู่มู่ปล่อยให้หน้าจอโทรศัพท์มือถือสว่างต่อไป ไม่เคยรับสาย

เธอเดินเข้าไปในห้องนอนของคุณพ่อคุณแม่ ขดตัวนอนบนโซฟาของพวกเขา

ได้กลิ่นที่คุ้นเคย จินตนาการว่าพ่อแม่ยังอยู่ข้างกายเธอ

เช่นนี้เธอถึงสบายใจ

*

หลังจ้านเฉิงอิ้นโยนกระดาษลงไป แจกันก็ไม่ตอบสนองอีกเลย

เขาคิดว่าหรือจะเป็นเพราะตัวเองโลภมากเกินไป เรียกร้องมากเกินไปจนทำให้ท่านเทพโกรธเคือง

เขาข่มความไม่สบายใจเดินออกไปจากจวนแม่ทัพที่ทรุดโทรม

กลางถนนใหญ่ สองฟากถนนเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ทรุดโทรมเกินบรรยาย สายลมม้วนเอาทรายสีเหลืองปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ

ชาวบ้านร่างผอมเหลือแต่กระดูกนับไม่ถ้วนต้องทนหิวโหย นอนรอความตายอยู่ข้างถนน

พวกเขาเห็นแม่ทัพเดินออกมา สายตาเลื่อนลอยทุกคู่มองมาที่เขา

คนที่ยังมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่คุกเข่าคำนับเขา

ก่อนหน้านี้มีผู้อพยพมารวมตัวที่จวนแม่ทัพ ขอร้องให้แม่ทัพเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายเสบียง

ผู้อพยพกับคนใช้ในจวนแม่ทัพเกิดขัดแย้งกัน คนใช้ในจวนแม่ทัพบอกว่าในจวนไม่มีเสบียงอาหารมานานแล้ว

สิ่งที่แม่ทัพกับพวกเขากินคือเปลือกไม้

แต่ผู้อพยพไม่เชื่อ สองฝ่ายจึงปะทะกันขึ้นมา

คนใช้ในจวนแม่ทัพเดิมมีสิบกว่าคน ถูกทำร้ายบาดเจ็บไปหกคน สุดท้ายก็ตายไปเพราะไร้ยารักษา

มีหกคนที่หิวตาย

เหลือพ่อบ้านชราเพียงคนเดียว พ่อบ้านชราก็เริ่มกินดินขาวไปแล้ว

พวกเขาแสดงความสำนึกผิดต่อหน้าท่านแม่ทัพ รู้สึกผิดต่อความผิดบาปที่ตนเองได้กระทำลงไป

พวกเขาเฝ้าอยู่หน้าจวนแม่ทัพ หลังตายไป ร่างกายยังสามารถนำมาเลี้ยงทหารสองหมื่นนาย พวกเขาเต็มใจอุทิศร่างกายของตนเอง

จ้านเฉิงอิ้นเดินมาถึงปากทาง สตรีออกเรือนแล้วที่หน้าเหลืองร่างผอมคนหนึ่งคุกเข่าร่ำไห้ต่อหน้าเขา

“ท่านแม่ทัพได้โปรดช่วยชีวิตลูกชายของข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ ขอร้องท่านแล้ว”

นายกองเถียนไท่เห็นดังนั้นก็คิดจะกันสตรีที่เข้ามาขวางทางผู้นั้นออกไป

สตรีผู้นั้นร่ำไห้รำพัน “ข้าน้อยมีลูกเล็กสองคน คนหนึ่งถูกพ่อพวกเขาเอาตัวไปแลกอาหารแล้ว เหลืออยู่คนเดียวเท่านั้น เขายังมีชีวิตอยู่ พ่อเขาไยจึงตัดใจทำได้ลงคอ”

“ท่านได้โปรดช่วยเขาด้วยเถอะเจ้าค่ะ ถึงต้องตาย ข้าก็อยากจะช่วยชีวิตลูกชายเอาไว้!”

จ้านเฉิงอิ้นได้ยินเช่นนั้นก็กำสองมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

ในเมืองมีเรื่องไร้ความเป็นมนุษย์เกิดขึ้นไม่เว้นวัน

เขานึกว่าตัวเองได้ยินมามากแล้ว เห็นมามากแล้วจะชินชาไปเองเสียอีก

ทว่ามโนธรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ทำให้ยากจะยอมรับได้

ต้องเห็นชาวบ้านแลกเปลี่ยนลูกของกันและกันเพื่อนำไปกินเป็นอาหาร ทั้งยังเป็นคนเป็น ๆ อีกด้วย

นี่คือราษฎรที่ตระกูลจ้านของเขาสละชีวิตปกป้องอย่างนั้นหรือ!

“สามีของท่านอยู่ที่ไหน?”

สตรีผู้นั้นเห็นแม่ทัพเต็มใจช่วยเหลือก็ชี้ไปทางปากตรอกเก่า ๆ แห่งหนึ่งทันที

จ้านเฉิงอิ้นหมุนกายเดินตรงไปทางตรอกนั้น

ในตรอกนั้น บิดาผู้หนึ่งเช็ดน้ำตาแลกเปลี่ยนลูกกันอย่างอาลัยอาวรณ์

ลูกของเขากอดขาเขาไว้แน่น ร้องไห้งอแงว่าเขาไม่กินอะไรอีกแล้ว ขอร้องให้บิดาไว้ชีวิตเขาด้วย

อย่าเอาเขาไปแลกเลย!

ยังมีเด็กอีกคนที่ไม่ได้ใส่เสื้อ ร่างกายผอมแห้ง เห็นซี่โครงชัดเจน เขานั่งอยู่บนพื้นดินอย่างเงียบงัน

เขาร้องไห้ไม่ออกแล้ว บนใบหน้ามอมแมมเปื้อนฝุ่นนั้นมีคราบน้ำตาคดเคี้ยวสองสาย

สำหรับความเป็นความตาย ราวกับเขาสิ้นหวังจนยอมรับชะตากรรมไปแล้ว

สตรีผู้นั้นร้องเรียกลูกชาย “ย่างเอ๋อร์!”

เด็กน้อยที่เงียบงันผู้นั้นได้ยินเสียงของมารดาก็พยุงกำแพงลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ต้องการจะเดินมาหามารดา

แต่กลับถูกบิดาถีบล้มอย่างรุนแรง

บิดาขยุ้มคอเขาขึ้นมาแล้วตะคอกเสียงดัง “ยังจะแลกหรือไม่แลก? ถ้าอยากตายก็อย่ามาทำให้ข้าเสียเวลา”

กระบี่ยาวของเถียนไท่พาดอยู่เหนือลำคอชายผู้นั้น

ชายผู้นั้นสะดุ้งตกใจ ทำลูกชายร่วงลงบนพื้น

สตรีผู้นั้นถลาเข้าไปโอบกอดลูกชายเอาไว้

เด็กน้อยถึงได้ปล่อยโฮออกมา “ท่านแม่ ในที่สุดท่านแม่ก็มาช่วยข้า ข้ามีชีวิตต่อไปได้แล้ว ไม่ต้องถูกกินเหมือนน้องชายน้องสาวแล้วใช่ไหมขอรับ!”

มารดาผู้นั้นปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น “ขอโทษ แม่ไม่ดีเอง ไม่ได้ปกป้องน้องชายน้องสาวของเจ้าไว้ให้ดี”

ฝ่ายบิดาได้ยินดังนั้นก็ด่าทอว่า “อย่ามาทำเป็นพูดดี พูดเสียราวกับว่าแลกเด็กมาได้แล้ว เจ้าไม่ได้กินอย่างนั้นแหละ เจ้าซดน้ำแกงเนื้อเยอะกว่าข้าเสียอีก”

สตรีผู้นั้นได้ยินดังนั้นก็ปิดหูลูกชาย ร้องเสียงดังด้วยความตระหนก

“เจ้าไม่ได้บอกข้านี่ว่าใช้ชีวิตลูกข้าแลกมา เจ้าหลอกให้ข้าไปที่อื่นแล้วแอบเอาลูกไปแลก”

“เหตุใดเจ้าจึงใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ พวกเขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้านะ”

บุรุษผู้นั้นคิดจะตีภรรยาจึงถูกคมกระบี่ของเถียนไท่ที่พาดอยู่บนลำคอบาดเข้า

หยดเลือดไหลลงมาจากลำคอของเขา

เขาเอ่ยเสียงตระหนก “ท่านแม่ทัพ ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ท่านโปรดไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถอะ”

“ข้าไม่เอาลูกไปแลกอีกแล้ว จะเลี้ยงดูให้ดีจนเขาเติบใหญ่”

คนอย่างเขาเมื่อก่อนก็เป็นพวกเกียจคร้านไม่ทำการทำงาน โกหกจนเป็นนิสัย สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก!

จ้านเฉิงอิ้นเอ่ยเสียงเย็นชา “เอาตัวไปรับใช้กองทัพที่ค่ายทหาร”

บุรุษผู้นั้นร้องโหยหวนเหมือนหมูที่จะถูกเชือด พยายามอ้อนวอนร้องขอชีวิต

ทัพใหญ่สามแสนของเผ่าหมานล้อมด่านเจิ้นกวนเอาไว้ แมลงวันตัวเดียวยังบินออกไปไม่ได้ ไปค่ายทหารก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว

บุรุษผู้นั้นด่าทอภรรยา ด่าทอลูกชาย ร้องโวยวายขณะถูกลากตัวไป

ส่วนอีกครอบครัวหนึ่งที่จะแลกเด็กด้วยกันหนีไปแต่แรกแล้ว

จ้านเฉิงอิ้นมองดูเด็กน้อยที่ผมแห้งเหลือแต่กระดูก เขาสัมผัสข้าวปั้นสองก้อนในอกเสื้อ

เขาล้วงข้าวปั้นก้อนหนึ่งออกมาแอบยัดใส่มือสตรีผู้นั้น

สตรีผู้นั้นสัมผัสถึงข้าวปั้นที่ยังอุ่นอยู่ก็พลันอึ้งไปชั่วขณะ แต่ก็รับเอาไว้

ตอนจ้านเฉิงอิ้นจากไป นางพาลูกชายคำนับศีรษะขอบพระคุณเขา!

*

ในอกเสื้อจ้านเฉิงอิ้นเหลือข้าวปั้นก้อนเล็กอยู่เพียงก้อนเดียว

เขาจะเอาไปให้ทหารเด็กคนหนึ่ง

ทหารน้อยซ่อมบำรุงเกือกม้า ซ่อมโต๊ะเก้าอี้เป็น เป็นที่นิยมชมชอบในหมู่ทหารในกองทัพอย่างมาก

สองวันก่อน เผ่าหมานบุกโจมตี เขาถูกธนูยิงหลายดอก ธนูไม่ถึงกับเอาชีวิต แต่เพราะขาดแคลนสมุนไพร บาดแผลจึงติดเชื้อ

หมอบอกว่าเขาไม่รอดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายรอความตายเท่านั้น

ทหารน้อยดวงตาสดใส ยิ้มบอกว่าไม่กลัวตาย

เพียงหวังว่าจะสามารถกินอิ่มก่อนตาย ถึงจะเป็นรากหญ้าก็ยังดี

เขานำข้าวปั้นสองก้อนติดตัวมา แม้ไม่พอให้เขากินอิ่ม แต่ก็เป็นข้าวปั้นที่ทำจากข้าวสวย ห่อไส้เนื้อเอาไว้ข้างใน

ทหารน้อยน่าจะชอบเหมือนกัน

จ้านเฉิงอิ้นตรงไปยังค่ายทหาร

ฉับพลันนั้น หญิงชราที่หน้าเหลืองร่างผอมท่าทางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงพลันล้มลงตรงหน้าเขา

นางคุกเข่าลงตรงหน้าเขาอย่างอ่อนแรง ในอ้อมกอดคือตะกร้าที่บรรจุรากหญ้าไว้จนเต็ม

“ท่านแม่ทัพ ข้าใกล้ตายแล้ว หวังว่าท่านแม่ทัพจะสามารถปกป้องหลานสาวข้าไปได้อีกสักระยะ”

“คนในครอบครัวตายไปหมดแล้ว เหลือแค่ข้ากับหลานสาวเป็นที่พึ่งของกันและกัน ข้าทำใจเห็นนางกลายเป็นอาหารของคนอื่นไม่ได้จริง ๆ”

“รากหญ้าพวกนี้ ข้าเก็บหอมรอมริบมาหลายวัน หวังว่าท่านแม่ทัพจะรับเอาไว้”

จ้านเฉิงอิ้นมองแขนของผู้ชรา หลังมือเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย เป็นแผลที่เกิดจากการถูกอาวุธทื่อ ๆ เชือดเฉือน

มุมปากของหลานสาววัยสามขวบมีคราบเลือดแห้งเกรอะกรัง ทุกอย่างล้วนสามารถเข้าใจได้ในทันที

เขากำข้าวปั้นในมือแน่น!

เขาเป็นลูกผู้ชายจิตใจเด็ดเดี่ยวที่สังหารศัตรูในสนามรบมานับไม่ถ้วน

เห็นผู้ชรากรีดเลือดช่วยชีวิตหลานสาว…ฉากที่แสนโหดร้ายเช่นนี้ ต่อให้เขาใจแข็งกว่านี้ก็ยังต้องแหงนหน้าบังคับให้น้ำตาไหลกลับลงไป!

“มีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี เอารากหญ้าพวกนี้ไปต้มกินเถอะ!”

เขาวางข้าวปั้นก้อนสุดท้ายนั้นลงในตะกร้า

ระหว่างทางกลับจวนแม่ทัพ เขาเดินด้วยฝีเท้าเร่งร้อน จิตใจว้าวุ่นสับสน

เห็นราษฎรในเมืองเป็นเช่นนี้ หัวใจเขาเจ็บปวดราวถูกมีดกรีด

เขาจะไปขอร้องให้ท่านเทพช่วยเหลือเหล่าทหารหาญและช่วยชีวิตชาวบ้านในเมือง

ต่อให้ต้องใช้ชีวิตเขาเป็นเครื่องแลกก็ตาม

เขาไม่อยากเห็นผู้คนหิวตายเกลื่อนถนนและชาวบ้านกรีดเลือดรอความตายด้วยความสิ้นหวังอีกแล้ว

[1] โนตารี พับลิค คือ บุคคลผู้มีอำนาจรับรองเอกสารและลายมือชื่อในการทำนิติกรรมต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status