Share

บทที่ 3

จ้านเฉิงอิ้นยัดกล่องข้าวใส่อกพวกเขา “เดี๋ยวท่านเทพก็ประทานอาหารให้ข้าอีกนั่นแหละ พวกเจ้ารับไว้เถอะ”

นายทหารทั้งสิบคนมองหน้ากัน อยากบ่ายเบี่ยง แต่แล้วก็นึกถึงคนในครอบครัวที่หิวโหยจนเหลือเพียงลมหายใจรวยริน

รู้สึกว่าในอกหนักอึ้งนับพันชั่ง!

อู๋ซานหลางที่ในครอบครัวมีลูกชายอายุยังน้อยใกล้จะหิวตายรับมาคนแรก

เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เอ่ยทั้งน้ำตาคลอหน่วย “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ข้าสามารถเอากลับไปส่งที่บ้านก่อนได้หรือไม่ ภรรยากับลูกข้าหิวจนใกล้จะไม่ไหวแล้ว”

จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า “รีบเอาไปส่งเถอะ!”

อู๋ซานหลางกอดกล่องข้าววิ่งกลับบ้านไปก่อน

นายทหารอีกเก้านายซ่อนกล่องข้าวไว้ในอก นำอาหารกลับไปส่งที่บ้าน

จ้านเฉิงอิ้นกำชับให้พวกเขากลับมาเร็วหน่อย จะได้มากินโจ๊กด้วยกัน

อย่าดูแคลนข้าวกับอาหารหนึ่งกล่องเชียว ถ้านำไปต้มเป็นโจ๊ก คนทั้งครอบครัวรับประทานอย่างประหยัดก็สามารถเก็บไว้กินได้สองวัน ช่วยให้ไม่อดตายในช่วงหลายวันนี้

หากผสมใบไม้เปลือกไม้ลงไปยังสามารถเก็บไว้ได้นานกว่านั้น

ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป นายทหารทั้งสิบก็กลับมา แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งเครียด ขอบตาแดงเรื่อ

หลังนั่งลง อาหลี่ก็ยกหม้อโจ๊กเข้ามา

ข้าวครึ่งกล่องนำไปต้มเป็นโจ๊ก ยังมีกับข้าวอีกครึ่งกล่อง

โจ๊กไม่ข้นและไม่ใสเกิน กำลังพอดี

เมื่อรวมกับกับข้าว กลิ่นหอมก็พลันอบอวล

อาหลี่หยิบถ้วยใบเล็กสิบเอ็ดใบออกมาตักแจกจ่ายให้คนละใบ วางลงตรงหน้าเหล่านายทหาร

จ้านเฉิงอิ้นเห็นอย่างนั้นก็กล่าวกับเขาว่า “อาหลี่ กินด้วยกันเถอะ! ท่านไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว”

อาหลี่กินดินขาว ยามนี้ท้องเริ่มป่องออกมาแล้ว

เขาน้ำตาไหล ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาตรงหางตา

“ท่านแม่ทัพ ไม่ต้องหรอก ท่านกับทุกท่านตรงนี้เป็นแม่ทัพนายกอง ต้องพึ่งพาพวกท่านขับไล่ศัตรู ควรกินให้มากหน่อย”

จ้านเฉิงอิ้นตักโจ๊กที่เหลือในหม้อใส่ถ้วยเล็ก แล้ววางลงตรงหน้าเขา

เขาประคองโจ๊กร้อนกรุ่น ดีใจจนน้ำตาไหล เดินจากไปพร้อมขอบตาแดงเรื่อ

แต่ละคนได้รับหนึ่งถ้วยเล็ก

แม้จะกินไม่อิ่ม แต่ก็เลิศรสมากพอ โจ๊กที่ใช้ข้าวสวยต้มยังหอมหวนชวนกิน

กินเสร็จก็เลียถ้วย ในโพรงปากยังทิ้งกลิ่นหอมเอาไว้

ทุกคนวางถ้วยลงอย่างตัดใจไม่ได้

ครุ่นคิดว่าในเมื่อเทพยดาทราบว่าพวกเขาขาดแคลนเสบียงและน้ำ สามารถอธิษฐานขอให้ประทานน้ำและเสบียงมาอีกหน่อยได้หรือไม่

ข้าวแปดกล่องไม่พอให้แบ่งกันจริง ๆ!

ยังมีทหารอีกสองหมื่นนายกับราษฎรแปดหมื่นคนที่กำลังลำบากแสนเข็ญเพราะขาดแคลนน้ำและอาหาร

เมื่อคนเราถูกบีบคั้นจนถึงที่สุด ไม่ว่าสิ่งใดล้วนกล้าทำ

ระหว่างทางกลับมา เฉินขุยเห็นสตรีจากสองครอบครัวกำลังร่ำไห้แลกเปลี่ยนลูกกันเพื่อนำไปกินเป็นอาหาร

ยังมีคนเฒ่าคนแก่ในครอบครัวฆ่าตัวตาย เรียกลูกหลานมากินตัวเอง เพื่อให้คนในครอบครัวมีชีวิตรอดต่อไป

เรื่องราวน่าสลดบนโลกมนุษย์แต่ละเรื่องนี้...

พวกเขาไม่กลัวสู้รบจนตัวตาย แต่กลัวการเห็นชาวบ้านอดอยากจนต้องบอกให้คนในครอบครัวมากินเนื้อหนังมังสาของตัวเอง

เจ็บปวดประหนึ่งใช้มีดกรีดหัวใจ

ถ้าสามารถอ้อนวอนต่อท่านเทพให้ประทานน้ำและอาหารลงมามากกว่านี้ได้ โศกนาฏกรรมบนโลกมนุษย์ก็คงจะไม่มีมากมายถึงเพียงนี้!

จ้านเฉิงอิ้นกำหมัดทั้งสองแน่น!

เขาไม่รู้ว่าอาหารและน้ำมาจากไหน

ทั้งไม่กล้าเชื่อว่าบนโลกมีเทพยดาอยู่จริง ๆ

ถ้ามีจริง คนในครอบครัวเขาที่อุทิศตัวเพื่อแผ่นดินเหล่านั้นก็คงไม่ถูกฮ่องเต้พระราชทานความตาย

กองทัพตระกูลจ้านของเขาก็คงจะไม่เหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนแบบนี้!

แต่ด้วยความอับจนปัญญา ความโกรธเกรี้ยวคับแค้นใจทั้งหมดทั้งมวลก็ได้แต่อ้อนวอนขอร้องสิ่งเหนือธรรมชาติมาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ยากลำบากในปัจจุบัน!

เขาวิงวอนให้เทพยดาประทานน้ำและอาหารช่วยเหลือราษฎรในเมือง

เขายินดีสร้างวัด กราบไหว้บูชาไปชั่วลูกชั่วหลาน

ต่อให้ต้องสละความชอบทางทหาร อุทิศตนสวดภาวนา ก็หวังว่าเทพยดาจะช่วยเหลือราษฎรในใต้หล้า!

เขากางกระดาษจรดพู่กัน เขียนคำอธิษฐานลงไป

“ข้าแด่ท่านเทพ!”

“แคว้นต้าฉี่ รัชศกชูหยวนปีที่สาม จ้านเฉิงอิ้นแม่ทัพตระกูลจ้าน หนิงกวนโหวขุนนางขั้นหนึ่ง ประจำการที่ด่านเจิ้นกวนทางตะวันตกเฉียงใต้ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ในระยะพันลี้ฝนไม่ตกมาเนิ่นนาน แผ่นดินแตกระแหง แม่น้ำเหือดแห้ง ต้นไม้เหี่ยวตาย พันลี้ร้างผู้คน แรงอาฆาตคลุ้งฟ้า!

“ขอท่านเทพโปรดประทานน้ำและอาหาร ช่วยเหลือทหารสองหมื่นนายและราษฎรแปดหมื่นคนในด่านเจิ้นกวน ข้าหวาดหวั่นเหลือประมาณ ท่านเทพโปรดเมตตามนุษย์ผู้ทุกข์ยาก ข้ายินดีสร้างวัด อุทิศตนสวดภาวนา สักการะบูชาไปชั่วลูกชั่วหลาน!”

เขียนเสร็จ เขาก็ไปขอธูปสามดอกมาจากอาหลี่แล้วจุดไฟเผา

ชูธูปคำนับไปทางแจกันสามครั้ง แล้วปักธูปลงในแจกัน

ตามด้วยเผาคำอธิษฐานตามลงไป

*

เย่มู่มู่กินข้าวเสร็จเตรียมเก็บกวาด ทันใดนั้นพลันมีควันลอยออกมาจากในแจกัน

กลิ่นควันคุณภาพต่ำนั้นรมจนเธอกระอักกระไอ

เธอหักตะเกียบ จับจ้องแจกันด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม

ถ้ามันกล้าขนขยะมาอีกได้ตายแน่!

ฉับพลันนั้นก็มีขี้เถ้าดำปี๋ก้อนหนึ่งลอยออกมาจากปากแจกัน

ตกลงบนพรมปูพื้นสีขาว ทิ้งรอยดำไว้เป็นทางยาวสายหนึ่ง

ขี้เถ้าดำ ๆ ก้อนนั้นยังคงกลิ้งมาข้างหน้า

นี่คือพรมที่คุณแม่รักมากที่สุดสมัยยังมีชีวิตอยู่ จ่ายค่าขนส่งแพงหูฉี่ซื้อมาจากตะวันออกกลางเชียวนะ!

เธอโมโหจริง ๆ แล้ว

“นอกจากวัน ๆ ขนขยะมาที่บ้านแล้ว แกยังทำอะไรได้อีก?”

“ครอบครัวฉันปรนนิบัติแกเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่ามากี่รุ่นต่อกี่รุ่น แต่พอมาถึงรอบฉัน แกกลับทำแบบนี้กับฉันเนี่ยนะ?”

“ฉันติดค้างอะไรแกงั้นเหรอ?”

แจกันขนส่งขยะ!

ได้ มันเริ่มก่อน เธอก็เอาคืนได้เหมือนกัน!

เธอปิดฝากล่องข้าวที่ยังกินไม่หมดแล้วโยนลงไปในแจกัน

จากนั้นก็ไปค้นหาสิ่งของในห้องครัว

ค้นเจอบะหมี่แห้งที่หมดอายุแล้วหนึ่งกล่อง มีทั้งหมดห้าสิบซอง ซองละสองชั่ง โยนทิ้งลงในแจกัน

ยังไม่พอ เธอค้นหาอาหารที่หมดอายุออกมาจากในครัว

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งกล่อง ผักดองสิบกว่าซอง เครื่องปรุงที่หมดอายุ ถุงผักอบแห้งรสมันและเค็ม

ในครัวมีตู้แช่แข็งขนาดใหญ่สองเครื่องและตู้เย็นแบบตั้งอีกหนึ่งเครื่อง

ในตู้แช่แข็งมีเนื้ออกไก่ เกี๊ยว หุนทุน[1]และหมั่นโถวที่ไม่รู้ว่าแช่ไว้นานเท่าไรแล้ว...

เธอขนแจกันไปในครัว

แกะกล่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเทลงไปทั้งหมด

โยนผักดองลงไปในนั้นทั้งหมด

เครื่องปรุง ผักอบแห้ง เนื้อแช่แข็งพันปี เกี๊ยว หุนทุน หมั่นโถว...ยัดลงไปในนั้นทั้งหมด

ตู้แช่แข็งสองตู้ ว่างไปแล้วหนึ่งตู้

ในตู้เย็นทรงตั้งมีเครื่องดื่ม เบียร์กับผลไม้ที่ไม่รู้ว่าซื้อมานานเท่าไรแล้ว...

เธอทิ้งลงไปในแจกันทั้งหมดเช่นกัน

จนกระทั่งค้นหาขยะในครัวไม่เจออีกถึงย้ายแจกันกลับไปที่ห้องรับแขก

เธอจ้องมันอย่างดุร้าย ถ้ายังพ่นขยะออกมาอีกก็ลงไปปิดตายอยู่ในห้องใต้ดินก็แล้วกัน!

*

คำอธิษฐานเพิ่งเผาไปได้ไม่นานก็มีบะหมี่แห้งตกลงมาจากแจกัน

บะหมี่ชั้นดี บะหมี่ชั้นดีที่ทำจากแป้งสีขาวขนาดเท่า ๆ กัน

ความประณีตในการทำเส้นบะหมี่นี้ ต่อให้เป็นครัวหลวงในวังก็ยังไม่อาจทำเส้นบะหมี่ออกมาให้มีขนาดเท่า ๆ กันหมดเช่นนี้ได้

จากนั้น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและผักดองก็ร่วงตามลงมา

ความประณีตของซองใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคือสิ่งที่ทหารอย่างพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

ยังมีผักดอง เฉินอู่ฉีกออกมาซองหนึ่ง ชิมคำเล็ก ๆ

แล้วกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ “ท่านแม่ทัพ เกลือขอรับ ผักแท่งพวกนี้มีเกลือ!”

“กองทัพขาดแคลนเกลือมานาน ในที่สุดพวกเราก็ได้กินเกลือเสียที!”

เนื้อที่ถูกแช่เย็นจนแข็งโป๊กตกตามลงมา

ยังกระแทกถูกศีรษะของเฉินขุย

ทุกคนเห็นเนื้อแช่แข็งเต็มโต๊ะแล้วก็ตื่นเต้นยิ่งนัก

“เนื้อขอรับ ท่านแม่ทัพ นี่มันเนื้อแช่แข็ง”

“เนื้อวัว ยังมีเนื้อแพะ ที่เยอะที่สุดคือเนื้อหมู! ท่านแม่ทัพ อธิษฐานขอท่านเทพได้ผลจริง ๆ ด้วย! ประทานอาหารให้พวกเราจริง ๆ!”

มีเนื้อร่วงลงมาสามร้อยกว่าชั่ง ทั้งยังมีสิ่งของร่วงลงมาไม่หยุด

“เกี๊ยว หุนทุนคืออันใดกัน ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อน? เอ๊ะ มีหมั่นโถวกับซาลาเปาด้วย!”

“เจ้าสิ่งที่อยู่ในขวดแก้วหลิวหลีสีเขียวนี้คืออันใดกัน? ผีจิ่ว[2]...คือสุรางั้นรึ?”

“ทำไมยังมีน้ำชา แต่ไฉนต้องบรรจุไว้ในขวดสำหรับดื่มด้วย ขวดนี้ทำมาจากวัสดุอันใดกัน ไยจึงไม่เคยเห็นมาก่อน?”

“ท่านแม่ทัพ เกลือบริสุทธิ์ เกลือบริสุทธิ์สีขาวล้วนละขอรับ!”

ครั้นได้ยินว่ามีเกลือ ทุกคนก็วางสิ่งของในมือลงแล้วล้อมเข้าไปดู

“เกลือนี้ขาวมากจริง ๆ ไม่มีสิ่งเจือปนเลยงั้นรึ?”

“เกลือละเอียดประณีตมาก เป็นเม็ด ๆ ชัดเจน เทพเซียนบนสวรรค์ใช้เกลือปรุงอาหารที่วิเศษถึงเพียงนี้เชียว?”

“เทพเซียนบรรจุสุราไว้ในขวดแก้วหลิวหลี ช่างฟุ้งเฟ้ออะไรเช่นนี้!”

นายทหารทั้งสิบคุ้ยดูสิ่งของไม่หยุด หลายสิ่งหลายอย่างล้วนเกินขอบเขตความรู้ของพวกเขา

พวกเขาแยกสิ่งของที่ท่านเทพประทานให้มาตามประเภท

บะหมี่แห้งห้าสิบห่อ

ประเภทเนื้อสัตว์สามร้อยยี่สิบชั่ง

ผีจิ่วในขวดแก้วหลิวหลียี่สิบสี่ขวด

ผลไม้สามชนิด มีผิงกั่ว[3]สิบสองผล สาลี่แปดผล ลูกไม้สีเหลืองยาว ๆ ที่ส่วนปลายงอนไม่รู้ว่าคือผลอันใดอีกสิบลูก!

เกี๊ยวสามถุง หุนทุนห้าถุง ซาลาเปาหมั่นโถวสิบถุง ผักอบแห้งอีกสิบถุง

ผักดองสิบสองซอง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่สิบสี่ซอง

ยังมีน้ำมันอีกหนึ่งขวดเล็ก เกลือหลายถุง เครื่องปรุงสิบซอง...

สิ่งของจำนวนไม่ใช่น้อย ๆ แต่ก็ยังไม่พอให้ทหารและราษฎรทั้งเมืองบริโภค

ด้วยเหตุนี้ จ้านเฉิงอิ้นจึงเขียนคำขอบคุณให้ท่านเทพ

“ขอบคุณท่านเทพที่ประทานอาหารมาให้ อิ้นเรียกร้องมากเกินไป ทำให้ท่านเทพต้องลำบากแล้ว”

“อิ้นเกรงใจยิ่งนักที่รบกวนท่านเทพ อิ้นจะจุดธูปบูชาวันละสามดอกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”

เขาเขียนจบก็โยนลงไปในแจกัน

โยนไปแล้วค่อยตระหนักว่าลืมเผานี่นา!

[1] หุนทุน ลักษณะคล้ายเกี๊ยว ใช้แป้งแผ่นบางห่อไส้ (มักเป็นไส้หมู) ต้มกินพร้อมกับน้ำซุป

[2] ผีจิ่ว แปลว่า เบียร์ ขณะที่จิ่ว แปลว่า สุรา

[3] ผิงกั่ว แปลว่า แอปเปิล

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status