Share

บทที่ 3

Author: มู่โร่ว
จ้านเฉิงอิ้นยัดกล่องข้าวใส่อกพวกเขา “เดี๋ยวท่านเทพก็ประทานอาหารให้ข้าอีกนั่นแหละ พวกเจ้ารับไว้เถอะ”

นายทหารทั้งสิบคนมองหน้ากัน อยากบ่ายเบี่ยง แต่แล้วก็นึกถึงคนในครอบครัวที่หิวโหยจนเหลือเพียงลมหายใจรวยริน

รู้สึกว่าในอกหนักอึ้งนับพันชั่ง!

อู๋ซานหลางที่ในครอบครัวมีลูกชายอายุยังน้อยใกล้จะหิวตายรับมาคนแรก

เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เอ่ยทั้งน้ำตาคลอหน่วย “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ข้าสามารถเอากลับไปส่งที่บ้านก่อนได้หรือไม่ ภรรยากับลูกข้าหิวจนใกล้จะไม่ไหวแล้ว”

จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า “รีบเอาไปส่งเถอะ!”

อู๋ซานหลางกอดกล่องข้าววิ่งกลับบ้านไปก่อน

นายทหารอีกเก้านายซ่อนกล่องข้าวไว้ในอก นำอาหารกลับไปส่งที่บ้าน

จ้านเฉิงอิ้นกำชับให้พวกเขากลับมาเร็วหน่อย จะได้มากินโจ๊กด้วยกัน

อย่าดูแคลนข้าวกับอาหารหนึ่งกล่องเชียว ถ้านำไปต้มเป็นโจ๊ก คนทั้งครอบครัวรับประทานอย่างประหยัดก็สามารถเก็บไว้กินได้สองวัน ช่วยให้ไม่อดตายในช่วงหลายวันนี้

หากผสมใบไม้เปลือกไม้ลงไปยังสามารถเก็บไว้ได้นานกว่านั้น

ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป นายทหารทั้งสิบก็กลับมา แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งเครียด ขอบตาแดงเรื่อ

หลังนั่งลง อาหลี่ก็ยกหม้อโจ๊กเข้ามา

ข้าวครึ่งกล่องนำไปต้มเป็นโจ๊ก ยังมีกับข้าวอีกครึ่งกล่อง

โจ๊กไม่ข้นและไม่ใสเกิน กำลังพอดี

เมื่อรวมกับกับข้าว กลิ่นหอมก็พลันอบอวล

อาหลี่หยิบถ้วยใบเล็กสิบเอ็ดใบออกมาตักแจกจ่ายให้คนละใบ วางลงตรงหน้าเหล่านายทหาร

จ้านเฉิงอิ้นเห็นอย่างนั้นก็กล่าวกับเขาว่า “อาหลี่ กินด้วยกันเถอะ! ท่านไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว”

อาหลี่กินดินขาว ยามนี้ท้องเริ่มป่องออกมาแล้ว

เขาน้ำตาไหล ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาตรงหางตา

“ท่านแม่ทัพ ไม่ต้องหรอก ท่านกับทุกท่านตรงนี้เป็นแม่ทัพนายกอง ต้องพึ่งพาพวกท่านขับไล่ศัตรู ควรกินให้มากหน่อย”

จ้านเฉิงอิ้นตักโจ๊กที่เหลือในหม้อใส่ถ้วยเล็ก แล้ววางลงตรงหน้าเขา

เขาประคองโจ๊กร้อนกรุ่น ดีใจจนน้ำตาไหล เดินจากไปพร้อมขอบตาแดงเรื่อ

แต่ละคนได้รับหนึ่งถ้วยเล็ก

แม้จะกินไม่อิ่ม แต่ก็เลิศรสมากพอ โจ๊กที่ใช้ข้าวสวยต้มยังหอมหวนชวนกิน

กินเสร็จก็เลียถ้วย ในโพรงปากยังทิ้งกลิ่นหอมเอาไว้

ทุกคนวางถ้วยลงอย่างตัดใจไม่ได้

ครุ่นคิดว่าในเมื่อเทพยดาทราบว่าพวกเขาขาดแคลนเสบียงและน้ำ สามารถอธิษฐานขอให้ประทานน้ำและเสบียงมาอีกหน่อยได้หรือไม่

ข้าวแปดกล่องไม่พอให้แบ่งกันจริง ๆ!

ยังมีทหารอีกสองหมื่นนายกับราษฎรแปดหมื่นคนที่กำลังลำบากแสนเข็ญเพราะขาดแคลนน้ำและอาหาร

เมื่อคนเราถูกบีบคั้นจนถึงที่สุด ไม่ว่าสิ่งใดล้วนกล้าทำ

ระหว่างทางกลับมา เฉินขุยเห็นสตรีจากสองครอบครัวกำลังร่ำไห้แลกเปลี่ยนลูกกันเพื่อนำไปกินเป็นอาหาร

ยังมีคนเฒ่าคนแก่ในครอบครัวฆ่าตัวตาย เรียกลูกหลานมากินตัวเอง เพื่อให้คนในครอบครัวมีชีวิตรอดต่อไป

เรื่องราวน่าสลดบนโลกมนุษย์แต่ละเรื่องนี้...

พวกเขาไม่กลัวสู้รบจนตัวตาย แต่กลัวการเห็นชาวบ้านอดอยากจนต้องบอกให้คนในครอบครัวมากินเนื้อหนังมังสาของตัวเอง

เจ็บปวดประหนึ่งใช้มีดกรีดหัวใจ

ถ้าสามารถอ้อนวอนต่อท่านเทพให้ประทานน้ำและอาหารลงมามากกว่านี้ได้ โศกนาฏกรรมบนโลกมนุษย์ก็คงจะไม่มีมากมายถึงเพียงนี้!

จ้านเฉิงอิ้นกำหมัดทั้งสองแน่น!

เขาไม่รู้ว่าอาหารและน้ำมาจากไหน

ทั้งไม่กล้าเชื่อว่าบนโลกมีเทพยดาอยู่จริง ๆ

ถ้ามีจริง คนในครอบครัวเขาที่อุทิศตัวเพื่อแผ่นดินเหล่านั้นก็คงไม่ถูกฮ่องเต้พระราชทานความตาย

กองทัพตระกูลจ้านของเขาก็คงจะไม่เหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนแบบนี้!

แต่ด้วยความอับจนปัญญา ความโกรธเกรี้ยวคับแค้นใจทั้งหมดทั้งมวลก็ได้แต่อ้อนวอนขอร้องสิ่งเหนือธรรมชาติมาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ยากลำบากในปัจจุบัน!

เขาวิงวอนให้เทพยดาประทานน้ำและอาหารช่วยเหลือราษฎรในเมือง

เขายินดีสร้างวัด กราบไหว้บูชาไปชั่วลูกชั่วหลาน

ต่อให้ต้องสละความชอบทางทหาร อุทิศตนสวดภาวนา ก็หวังว่าเทพยดาจะช่วยเหลือราษฎรในใต้หล้า!

เขากางกระดาษจรดพู่กัน เขียนคำอธิษฐานลงไป

“ข้าแด่ท่านเทพ!”

“แคว้นต้าฉี่ รัชศกชูหยวนปีที่สาม จ้านเฉิงอิ้นแม่ทัพตระกูลจ้าน หนิงกวนโหวขุนนางขั้นหนึ่ง ประจำการที่ด่านเจิ้นกวนทางตะวันตกเฉียงใต้ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ในระยะพันลี้ฝนไม่ตกมาเนิ่นนาน แผ่นดินแตกระแหง แม่น้ำเหือดแห้ง ต้นไม้เหี่ยวตาย พันลี้ร้างผู้คน แรงอาฆาตคลุ้งฟ้า!

“ขอท่านเทพโปรดประทานน้ำและอาหาร ช่วยเหลือทหารสองหมื่นนายและราษฎรแปดหมื่นคนในด่านเจิ้นกวน ข้าหวาดหวั่นเหลือประมาณ ท่านเทพโปรดเมตตามนุษย์ผู้ทุกข์ยาก ข้ายินดีสร้างวัด อุทิศตนสวดภาวนา สักการะบูชาไปชั่วลูกชั่วหลาน!”

เขียนเสร็จ เขาก็ไปขอธูปสามดอกมาจากอาหลี่แล้วจุดไฟเผา

ชูธูปคำนับไปทางแจกันสามครั้ง แล้วปักธูปลงในแจกัน

ตามด้วยเผาคำอธิษฐานตามลงไป

*

เย่มู่มู่กินข้าวเสร็จเตรียมเก็บกวาด ทันใดนั้นพลันมีควันลอยออกมาจากในแจกัน

กลิ่นควันคุณภาพต่ำนั้นรมจนเธอกระอักกระไอ

เธอหักตะเกียบ จับจ้องแจกันด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม

ถ้ามันกล้าขนขยะมาอีกได้ตายแน่!

ฉับพลันนั้นก็มีขี้เถ้าดำปี๋ก้อนหนึ่งลอยออกมาจากปากแจกัน

ตกลงบนพรมปูพื้นสีขาว ทิ้งรอยดำไว้เป็นทางยาวสายหนึ่ง

ขี้เถ้าดำ ๆ ก้อนนั้นยังคงกลิ้งมาข้างหน้า

นี่คือพรมที่คุณแม่รักมากที่สุดสมัยยังมีชีวิตอยู่ จ่ายค่าขนส่งแพงหูฉี่ซื้อมาจากตะวันออกกลางเชียวนะ!

เธอโมโหจริง ๆ แล้ว

“นอกจากวัน ๆ ขนขยะมาที่บ้านแล้ว แกยังทำอะไรได้อีก?”

“ครอบครัวฉันปรนนิบัติแกเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่ามากี่รุ่นต่อกี่รุ่น แต่พอมาถึงรอบฉัน แกกลับทำแบบนี้กับฉันเนี่ยนะ?”

“ฉันติดค้างอะไรแกงั้นเหรอ?”

แจกันขนส่งขยะ!

ได้ มันเริ่มก่อน เธอก็เอาคืนได้เหมือนกัน!

เธอปิดฝากล่องข้าวที่ยังกินไม่หมดแล้วโยนลงไปในแจกัน

จากนั้นก็ไปค้นหาสิ่งของในห้องครัว

ค้นเจอบะหมี่แห้งที่หมดอายุแล้วหนึ่งกล่อง มีทั้งหมดห้าสิบซอง ซองละสองชั่ง โยนทิ้งลงในแจกัน

ยังไม่พอ เธอค้นหาอาหารที่หมดอายุออกมาจากในครัว

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งกล่อง ผักดองสิบกว่าซอง เครื่องปรุงที่หมดอายุ ถุงผักอบแห้งรสมันและเค็ม

ในครัวมีตู้แช่แข็งขนาดใหญ่สองเครื่องและตู้เย็นแบบตั้งอีกหนึ่งเครื่อง

ในตู้แช่แข็งมีเนื้ออกไก่ เกี๊ยว หุนทุน[1]และหมั่นโถวที่ไม่รู้ว่าแช่ไว้นานเท่าไรแล้ว...

เธอขนแจกันไปในครัว

แกะกล่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเทลงไปทั้งหมด

โยนผักดองลงไปในนั้นทั้งหมด

เครื่องปรุง ผักอบแห้ง เนื้อแช่แข็งพันปี เกี๊ยว หุนทุน หมั่นโถว...ยัดลงไปในนั้นทั้งหมด

ตู้แช่แข็งสองตู้ ว่างไปแล้วหนึ่งตู้

ในตู้เย็นทรงตั้งมีเครื่องดื่ม เบียร์กับผลไม้ที่ไม่รู้ว่าซื้อมานานเท่าไรแล้ว...

เธอทิ้งลงไปในแจกันทั้งหมดเช่นกัน

จนกระทั่งค้นหาขยะในครัวไม่เจออีกถึงย้ายแจกันกลับไปที่ห้องรับแขก

เธอจ้องมันอย่างดุร้าย ถ้ายังพ่นขยะออกมาอีกก็ลงไปปิดตายอยู่ในห้องใต้ดินก็แล้วกัน!

*

คำอธิษฐานเพิ่งเผาไปได้ไม่นานก็มีบะหมี่แห้งตกลงมาจากแจกัน

บะหมี่ชั้นดี บะหมี่ชั้นดีที่ทำจากแป้งสีขาวขนาดเท่า ๆ กัน

ความประณีตในการทำเส้นบะหมี่นี้ ต่อให้เป็นครัวหลวงในวังก็ยังไม่อาจทำเส้นบะหมี่ออกมาให้มีขนาดเท่า ๆ กันหมดเช่นนี้ได้

จากนั้น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและผักดองก็ร่วงตามลงมา

ความประณีตของซองใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคือสิ่งที่ทหารอย่างพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

ยังมีผักดอง เฉินอู่ฉีกออกมาซองหนึ่ง ชิมคำเล็ก ๆ

แล้วกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ “ท่านแม่ทัพ เกลือขอรับ ผักแท่งพวกนี้มีเกลือ!”

“กองทัพขาดแคลนเกลือมานาน ในที่สุดพวกเราก็ได้กินเกลือเสียที!”

เนื้อที่ถูกแช่เย็นจนแข็งโป๊กตกตามลงมา

ยังกระแทกถูกศีรษะของเฉินขุย

ทุกคนเห็นเนื้อแช่แข็งเต็มโต๊ะแล้วก็ตื่นเต้นยิ่งนัก

“เนื้อขอรับ ท่านแม่ทัพ นี่มันเนื้อแช่แข็ง”

“เนื้อวัว ยังมีเนื้อแพะ ที่เยอะที่สุดคือเนื้อหมู! ท่านแม่ทัพ อธิษฐานขอท่านเทพได้ผลจริง ๆ ด้วย! ประทานอาหารให้พวกเราจริง ๆ!”

มีเนื้อร่วงลงมาสามร้อยกว่าชั่ง ทั้งยังมีสิ่งของร่วงลงมาไม่หยุด

“เกี๊ยว หุนทุนคืออันใดกัน ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อน? เอ๊ะ มีหมั่นโถวกับซาลาเปาด้วย!”

“เจ้าสิ่งที่อยู่ในขวดแก้วหลิวหลีสีเขียวนี้คืออันใดกัน? ผีจิ่ว[2]...คือสุรางั้นรึ?”

“ทำไมยังมีน้ำชา แต่ไฉนต้องบรรจุไว้ในขวดสำหรับดื่มด้วย ขวดนี้ทำมาจากวัสดุอันใดกัน ไยจึงไม่เคยเห็นมาก่อน?”

“ท่านแม่ทัพ เกลือบริสุทธิ์ เกลือบริสุทธิ์สีขาวล้วนละขอรับ!”

ครั้นได้ยินว่ามีเกลือ ทุกคนก็วางสิ่งของในมือลงแล้วล้อมเข้าไปดู

“เกลือนี้ขาวมากจริง ๆ ไม่มีสิ่งเจือปนเลยงั้นรึ?”

“เกลือละเอียดประณีตมาก เป็นเม็ด ๆ ชัดเจน เทพเซียนบนสวรรค์ใช้เกลือปรุงอาหารที่วิเศษถึงเพียงนี้เชียว?”

“เทพเซียนบรรจุสุราไว้ในขวดแก้วหลิวหลี ช่างฟุ้งเฟ้ออะไรเช่นนี้!”

นายทหารทั้งสิบคุ้ยดูสิ่งของไม่หยุด หลายสิ่งหลายอย่างล้วนเกินขอบเขตความรู้ของพวกเขา

พวกเขาแยกสิ่งของที่ท่านเทพประทานให้มาตามประเภท

บะหมี่แห้งห้าสิบห่อ

ประเภทเนื้อสัตว์สามร้อยยี่สิบชั่ง

ผีจิ่วในขวดแก้วหลิวหลียี่สิบสี่ขวด

ผลไม้สามชนิด มีผิงกั่ว[3]สิบสองผล สาลี่แปดผล ลูกไม้สีเหลืองยาว ๆ ที่ส่วนปลายงอนไม่รู้ว่าคือผลอันใดอีกสิบลูก!

เกี๊ยวสามถุง หุนทุนห้าถุง ซาลาเปาหมั่นโถวสิบถุง ผักอบแห้งอีกสิบถุง

ผักดองสิบสองซอง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่สิบสี่ซอง

ยังมีน้ำมันอีกหนึ่งขวดเล็ก เกลือหลายถุง เครื่องปรุงสิบซอง...

สิ่งของจำนวนไม่ใช่น้อย ๆ แต่ก็ยังไม่พอให้ทหารและราษฎรทั้งเมืองบริโภค

ด้วยเหตุนี้ จ้านเฉิงอิ้นจึงเขียนคำขอบคุณให้ท่านเทพ

“ขอบคุณท่านเทพที่ประทานอาหารมาให้ อิ้นเรียกร้องมากเกินไป ทำให้ท่านเทพต้องลำบากแล้ว”

“อิ้นเกรงใจยิ่งนักที่รบกวนท่านเทพ อิ้นจะจุดธูปบูชาวันละสามดอกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”

เขาเขียนจบก็โยนลงไปในแจกัน

โยนไปแล้วค่อยตระหนักว่าลืมเผานี่นา!

[1] หุนทุน ลักษณะคล้ายเกี๊ยว ใช้แป้งแผ่นบางห่อไส้ (มักเป็นไส้หมู) ต้มกินพร้อมกับน้ำซุป

[2] ผีจิ่ว แปลว่า เบียร์ ขณะที่จิ่ว แปลว่า สุรา

[3] ผิงกั่ว แปลว่า แอปเปิล

Related chapters

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 4

    หลังเย่มู่มู่โยนอาหารหมดอายุลงไปจนหมดก็ขึ้นไปชั้นบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอสว่างขึ้นไม่หยุด เป็นคุณอาคุณลุงในครอบครัวเธอโทรมาพ่อแม่ล่วงลับ เธอกลายเป็นเด็กกำพร้า คุณอาคุณลุงร่วมมือกับคุณย่ามาหาถึงบ้าน หมายจะฮุบทรัพย์สินของเธอโชคดีที่คุณพ่อคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าจึงทิ้งพินัยกรรมเอาไว้ในโถงตั้งโลงศพของคุณพ่อคุณแม่ คุณอาคุณลุงรวมถึงคุณย่ากดดันให้เธอมอบทรัพย์สินของคุณพ่อออกไปยังอ้างเสียสวยหรูว่าจะช่วยดูแลให้เธอบอกว่าเธอเป็นผู้หญิง ต้องแต่งงานไม่ช้าก็เร็ว จะบริหารบริษัทใหญ่มูลค่าหลายหมื่นล้านได้อย่างไรห้องชุดสิบกว่าห้อง ร้านค้าหลายร้านกับตึกปล่อยเช่าอีกสองตึกบอกให้เธอส่งมอบทั้งหมดนั้นออกไปให้พี่น้องของคุณพ่อแบ่งสรรปันส่วนกันคุณพ่อไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเพียงหนึ่งเดียวของบริษัท แต่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ถือหุ้นสามสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เย่มู่มู่ขอให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นช่วยออกหน้า ช่วยเธอปกป้องทรัพย์สมบัติเอาไว้เธอไม่เข้าร่วมการบริหาร รับแค่เงินปันผลเท่านั้นเธอสละสิทธิ์ในการบริหาร ผู้ถือหุ้นรายอื่นย่อมยินดีอยู่แล้วบอดี้การ์ดปรากฏตัวขึ้นในโถงตั้งโลงศพจึงควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 5

    เย่มู่มู่ตื่นขึ้นมาก็เป็นตอนกลางคืนแล้ว เธอนอนอยู่บนโซฟาในห้องนอนของพ่อแม่ บนหมอนยังคงเปียกชื้นเธอคิดถึงพวกเขามากเกินไปจนร้องไห้ระหว่างหลับฝันอีกแล้วตีสองครึ่ง ตอนลงมาชั้นล่างไฟในห้องรับแขกยังคงสว่างอยู่แต่มีกระดาษเหลืองโบราณเพิ่มมาหลายแผ่นอ้าก!เจ้าแจกันนี่เอาขยะมาทิ้งในบ้านอีกแล้ว!เธอเดินเข้าไปในห้องรับแขกชั้นล่างด้วยความเดือดดาล คว้ากระดาษเหลืองเขรอะฝุ่นแผ่นนั้นลงมาตัวอักษรเป็นแบบตัวเต็ม เขียนตามแนวตั้งลักษณะรอยหมึกขาด ๆ หาย ๆ เหมือนใช้ขี้เถ้าเขียนรอบก่อนมีแค่ไม่กี่ตัวอักษร รอบนี้กลับเขียนมายาวพรืด รอยพู่กันคมกริบ ตัวอักษรหวัดฉวัดเฉวียนมีทั้งหมดสี่หน้ากระดาษ เธอไม่รู้ว่าเขียนอะไรบ้างใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเอาเข้าโปรแกรมแปลภาษาค่อยทราบว่าคือคำอธิษฐานขอพรแคว้นต้าฉี่ รัชศกชูหยวนปีที่สาม กองทัพตระกูลจ้านพิทักษ์ด่านสำคัญบริเวณชายแดน ถูกกองทัพสามแสนของเผ่าหมานปิดล้อมกลายเป็นเมืองที่ปิดตายทหารหาญสองแสนคนพลีชีพในสมรภูมิเหลือเพียงสองหมื่นคนด่านเจิ้นกวนเกิดภัยแล้งรุนแรง แม่น้ำเหือดแห้งพืชพรรณเฉาตายราษฎรเพาะปลูกไร้ผลเก็บเกี่ยว กินเปลือกไม้ใบหญ้าจนหมดเกลี้ยงในเมื

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 6

    เมื่อเห็นกองทองคำที่เหลืองอร่ามกองนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้หลงใหลในเงินตรา แต่ก็ยากที่จะปล่อยออกจากมือใครจะสามารถปฏิเสธเครื่องประดับอัญมณีได้ล่ะ?เธอวิ่งไปสัมผัสกับก้อนทองคำอย่างมีความสุข แล้วลองสวมสร้อยข้อมือทองคำมีสร้อยคอหลายเส้นห้อยอยู่รอบคอของเธอ เส้นผมของเธอก็ประดับประดาเต็มไปด้วยปิ่นปักผมทองและปิ่นระย้ารวยแล้ว!ตามราคาทองคำในปัจจุบัน ทองคำกองนี้มีมูลค่าหลายสิบล้านยิ่งเป็นของโบราณ เมื่อเอาไปขาย ก็ยิ่งประเมินค่าไม่ได้อ๊า หนิงกวนโหวช่างเป็นคนดีจริง ๆ!ตอนนี้เธอชอบการช่วยเหลือคนเสียแล้วสิ!ชอบทำบุญสุด ๆ!ชอบเลี้ยงคนโบราณหนึ่งแสนคน!ไม่หวังอะไรอย่างอื่น การได้มองดูทองคำเหลืองอร่ามระยิบระยับแสนน่ารัก ก็ทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างยิ่งแล้ว!*เย่มู่มู่ยกลังไม้ใบใหญ่สามใบลงมาจากชั้นบน แล้วนำทองคำออกมาจัดระเบียบแค่ทองก้อน เหรียญทอง ทองหยวนเป่า ก็ใส่เต็มสองลังใหญ่แล้วจากนั้นก็นำลังใบใหญ่อีกใบมาใส่เครื่องประดับมุกและทอง แยกใส่ถุงซิปล็อค แล้ววางไว้เป็นระเบียบแต่ใส่ไม่หมดมันไม่สามารถใส่ให้หมดได้อยู่แล้ว!ของที่เหลือล้วนเป็นของที่ทำด้วยทองคำ รวมถึงชุดจอกสุรากาสุรา กาสุราแ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 7

    ทหารสิบนายเดินกลับมาจากบ้าน พวกเขาขอบตาแดงก่ำ ต่างผ่านการร้องไห้มาเมื่อวานนี้สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าปนความสิ้นหวังทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ต่อให้ขอบตาจะแดงก่ำ แต่ปากกลับฉีกยิ้มพวกเขากำลังรอให้เย่มู่มู่ส่งน้ำมาให้!ในเวลานี้ ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพเกิดเสียงดังวุ่นวาย มีผู้ลี้ภัยกำลังสร้างปัญหาจ้านเฉิงอิ้นให้เถียนฉินออกไปดูพวกเขาออกไปได้ไม่นาน คนที่มารวมตัวกันสร้างปัญหาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงดังเข้ามาในจวนด้านในได้ยินกันชัดเจนจ้านเฉิงอิ้นลุกขึ้น เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงทุกคนร้องตะโกนว่า “ขอท่านแม่ทัพได้โปรดเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายธัญพืชออกมาด้วยเถอะ”“ท่านแม่ทัพ ทั้งที่จวนของท่านมีข้าวสาร เหตุใดต้องซ่อนไว้กินเพียงคนเดียว? หรือว่าท่านอยากจะมองดูชาวบ้านด่านเจิ้นกวนหิวตายทั้งเป็นไปต่อหน้าต่อตาหรือ?”“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดช่วยพวกชาวบ้านด้วยเถอะ พวกเราไม่อยากหิวตาย!”หน้าประตูจวนแม่ทัพ ชาวบ้านที่สร้างปัญหาก็มีถึงสองร้อยคนแล้ว!ผู้นำก็คือชายที่มีนามว่าหลิวซื่อ ภายใต้ใบหน้ายาวนั้นคือดวงตาสามขาวและโหนกแก้มโดดเด่นเขารู้จักกับพ่อที่แลก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 8

    เมื่อพ่อได้ยินคำพูดนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก ไล่ญาติ ๆ ทุกคนออกจากบริษัทแล้วก็จัดทำพินัยกรรมล่วงหน้าทรัพย์สินของเขา พี่น้องกับหลาน ๆ ไม่มีใครได้ไปสักสตางค์เดียวพอพวกนั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากพินัยกรรม พยายามโทรหาเย่มู่มู่ก็ไม่ติด ก็เลยเริ่มวนเวียนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน หวังจะเจอเธอเย่ซินไม่รู้ว่ารออยู่หน้าหมู่บ้านนานแค่ไหน จนสุดท้ายก็ดันเจอเธอที่กำลังจะออกไปข้างนอกเขารีบพาผู้ชายวัยกลางคนมาพบเธอทันทีเย่มู่มู่ขมวดคิ้วถามเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”เย่ซินยิ้มอย่างกระตือรือร้น“มู่มู่ เรามานั่งคุยกันหน่อย พี่จะแนะนำคนให้เธอรู้จัก คุณหวัง เขาเพิ่งหย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้เป็นหนุ่มโสดสุดฮอตเลยนะ!”“ดูสิ คุณหวังทั้งสุขุมและมั่นคง ภายนอกก็ดูภูมิฐาน เขาเป็นเจ้าของใหญ่ของหัวหวังกรุ๊ป...”“เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”คุณหวังที่พูดถึงนั้นหัวล้านกลางศีรษะ พุงก็ใหญ่จนดูอ้วนกว่าปกติ ดูแล้วอายุมากกว่าพ่อของเธอเสียอีกอายุอย่างน้อยก็คงห้าสิบห้าปีขึ้นไปเขาสวมแหวนทองวงใหญ่ มืออ้วน ๆ ของเขาลูบคางแล้วมองเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหื่นกามเมื่อเห็นว่าเธอมีผิวขาวเนียน รูปร่างผอมเพรียว โดยเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 9

    “ยัยหนู เธอคิดจะขายหรือไม่? จอกสุราปกติต้องมีเป็นคู่ ถ้าเธอมีครบคู่ ฉันจะเสนอราคาให้ถึงสองหมื่นห้าพันล้าน!”เย่มู่มู่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เธอไม่อยากให้จ้านเฉิงอิ้นต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้สองหมื่นห้าพันล้านเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนหนึ่งแสนคนได้แต่สำหรับให้ทหารสองหมื่นนายของเขาเอาชนะกองทัพคนเถื่อนสามแสนนาย คงไม่เพียงพอแน่!เย่มู่มู่กัดฟัน ก่อนจะหยิบจอกสุราอีกใบออกมา“ฉันมีสองใบ สองหมื่นห้าพันล้านน้อยเกินไป!”เมื่อผู้อาวุโสมู่มองเห็นว่าเย่มู่มู่มีจอกสุราครบทั้งสองใบจริง ๆ เขาก็ดีใจมากจนทำแว่นตาหลุดมือที่สั่นเทาของเขารีบหยิบจอกขึ้นมา ตรวจสอบด้วยแว่นขยายเขาตื่นเต้นจนริมฝีปากสั่นระริก “ใช่แล้ว ใช่เลย! นี่คือจอกสุราคู่ที่สภาพสมบูรณ์ และยังคงงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”“เธอต้องการเท่าไหร่?”เย่มู่มู่ตอบว่า “ฉันต้องการเงินสด และราคาต้องถึงขีดสูงสุด”ผู้อาวุโสมู่เบิกตากว้าง “เธอต้องการสามหมื่นล้านเหรอ?”เย่มู่มู่พยักหน้าเขาเริ่มลังเลแล้ว!เมื่อเย่มู่มู่เห็นเช่นนั้น ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “ถ้าคุณไม่มีปัญญาจ่าย ฉันไปถามร้านข้าง ๆ ก็ได้!”เธอลุกขึ้นเตรียมเก็บจอกสุราคืนแต่ผู้อาวุโสมู่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 10

    เย่มู่มู่ขับรถไปถึงตลาดสด และมองหารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกได้ถึงสามสิบตันเธอบอกว่าจะซื้อของบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย!ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดเล็ก หัวไชเท้า แครอท มันเทศ มันฝรั่ง และข้าวโพด…เธอเหมาผักหมดทั้งตลาดแล้วพ่อค้าแม่ค้าผักเห็นเธอซื้อของมากขนาดนี้ ต่างรีบกรูเข้ามาล้อมเธอ พร้อมเสนอลดราคาขายให้เธอในราคาถูกกว่าปกติ!เย่มู่มู่ซื้อของทั้งหมดในตลาดสดจนเกลี้ยง พร้อมจ้างรถบรรทุกสองคันจากนั้นเธอก็จัดหาคนมาช่วยขนของขึ้นรถ พร้อมให้ที่อยู่ของโกดังกับคนขับรถบรรทุก ให้พวกเขาขนของไปที่โกดังคุณลุงที่ดูแลโกดังอยู่ทั้งวันก็ยังคงเฝ้าประตูตามปกติหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เย่มู่มู่จึงเดินทางไปร้านขายยาไม่ว่าจะเป็นผ้าก๊อซ แอลกอฮอล์ล้างแผล แหนบ คีม มีดผ่าตัด กรรไกร และไหมเย็บแผลเธอซื้อมาอย่างครบครันรวมถึงเข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา ยาปฏิชีวนะ ยาห้ามเลือด และยาแผนตะวันตกอื่น ๆ ก็ซื้อไปหมดนอกจากนี้ยังมียาแผนจีนแบบสำเร็จรูป เช่น อวิ๋นหนานไป๋เย่า[1] ยารักษาอาการฟกช้ำ ยาห้ามเลือดต่าง ๆ ยาลดการอักเสบ และยาช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ…เธอแวะร้านขายสมุ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 11

    จ้านเฉิงอิ้นยืนเฝ้าข้างแจกันไม่ห่างฉับพลันนั้นน้ำก็หยุดไหล เขาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนข้างแจกัน เห็นกระดาษสีขาวโปรยลงมาอักษรคมกริบ จดจำได้ง่ายเพียงแต่อักษรเหล่านี้ขาดแขนและขา จ้านเฉิงอิ้นอ่านปะติดปะต่อกันก็เข้าใจท่านเทพยาดากล่าวว่า ส่งยามาหนึ่งชุด!ยาหรือ!!!หากมียา ทหารน้อยซ่อมเกือกม้าเป็นก็จะรอดชีวิตแล้วประชาชนในเมืองอาจไม่ต้องหิวตาย เพราะขาดน้ำและอาหารร่างกายจึงย่ำแย่ แค่อาการหวัดเล็กน้อยก็สามารถคร่าชีวิตคนได้หากมียา ทหารห้าพันนายที่ตายไปในสมรภูมิครั้งก่อน อย่างน้อยก็คงช่วยชีวิตได้ครึ่งหนึ่ง!จ้านเฉิงอิ้นกำกระดาษไว้แน่น น้ำใส ๆ รื้นขอบตา เพียงส่งอาหารและน้ำมาก็เป็นความปรารถนาสูงสุดของเขาแล้วนึกไม่ถึงว่าท่านเทพยดาถึงขั้นส่งยามาให้ด้วยสิ่งที่กองทัพตระกูลจ้านขาดแคลนก็คือยา!จ้านเฉิงอิ้นน้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เถียนไท่ เรียกหมอทหารทุกคนมาที่นี่”เถียนไท่กับทหารนายอื่นได้ยิน ก็พลันลุกขึ้น รายล้อมเขาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน“ท่านแม่ทัพ ท่านเทพยดาส่งยามาแล้วหรือขอรับ?”“จริงหรือขอรับ? หากมียา ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในค่ายก็ไม่ต้องรอความตายอีกแล้ว!”“บา

Latest chapter

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 548

    ขณะหลี่หยวนจงเขียนจดหมาย ยังมีความกังวลใจเล็กน้อยว่ากันตามเหตุผล ทำความผิดเช่นนี้ เมื่อออกคำสั่งทางทหาร ที่ร้ายแรงอาจถูกบั่นคอสองทัพทำศึกใหญ่ ผู้บัญชาการพามาผิดทาง ความผิดที่ได้ทำร้ายแรงเพียงใดฉะนั้น ในจดหมายเขาอธิบายให้ตัวเองสารพัด วันนี้ยังดึงคนกองกำลังมาได้หนึ่งแสนคนนับว่าชดเชยความดีความชอบแล้ว!ไม่ว่าอย่างไร แม่ทัพใหญ่ก็ไม่คงลงโทษเขากระมัง!อันที่จริงอาจจะยังน่าเดือดดาลอยู่ เขาจึงหอบความหวังไปไว้ที่การซุ่มโจมตีสองหมื่นคน อีกฝ่ายสามแสนคน!จำนวนคนเหลื่อมล้ำ ไม่แน่ว่าเขาจะควบคุมได้ทว่า ไม่ลองจะรู้ได้อย่างไร ระเบิดกองทัพแคว้นฉู่ไม่ตาย?มิหนำซ้ำ ข่าวในเมืองก็คงไหลรั่วออกไปฮ่องเต้แคว้นฉู่คงได้รับข่าว และรีบกลับมาโดยเร็วเขาได้แต่รอจะถูกโบยลงโทษหรือนับเป็นผลงานทางทหาร จะสำเร็จหรือคว้าน้ำเหลวอยู่ที่ตรงนี้*ภูเขาเหมือง!จ้านเฉิงอิ้นได้รับจดหมายของหลี่หยวนจงในวันที่สิบห้าไม่คิดเลยว่าเขาจะไปผิดทาง?เขาไปเมืองหลวงแคว้นฉู่?ไม่คิดเลยว่ายังจะโจมตีเข้าไปด้วย!มิหนำซ้ำยังรับคนเข้ามาหนึ่งแสนคน!เรื่องไร้สาระเช่นนี้ เขาทำสำเร็จเสียด้วยนี่เป็นเมืองหลวงแคว้นฉู่เลยนะ!

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 547

    บางครั้งองครักษ์ที่เฝ้าเมืองก็คิดจะไล่พวกเขาเช่นกันทว่าสู้ไม่ได้แล้วจะทำอะไรได้!ทำได้เพียงมองดูพวกเขาปล้นคนรวยไปช่วยคนจนในเมือง และตั้งโรงทานโจ๊ก!กระทั่งชาวบ้านที่เข้าแถวซื้อโจ๊กยังขวางพวกเขา ตั้วตนเป็นศัตรูกับพวกเขา!ตอนนี้ คำสรรเสริญจากประชาชนในเมืองต่อพวกเขาดีเป็นอย่างมากหนึ่งคือเรื่องที่พวกเขาทำ ล้วนเป็นการผดุงธรรมแทนสวรรค์ แม้จะเป็นเสบียงอาหารที่ปล้นออกมาจากแต่ละจวนก็ตาม ทว่าล้วนแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ไม่ได้กินข้าว มอบทางรอดชีวิตให้แก่พวกเขาและเนื่องจากผลพลอยจากการได้รับคำสรรเสริญของประชาชนในเมือง กระทั่งมีคนคิดจะเข้าร่วมกับพวกเขาตรงนั้นเลยภายในเวลาสองวัน จำนวนของผู้ที่เข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้านมีมากถึงหนึ่งแสนคนมิหนำซ้ำหลี่หยวนจงไม่ปฏิเสธผู้ที่เข้ามา เพียงมีรูปร่างดีหน่อยก็สามารถเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้านได้แล้วเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนคน ทหารที่เฝ้าเมืองยิ่งไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม เพียงแต่รีบส่งข่าวให้ฮ่องเต้แคว้นฉู่อย่างรวดเร็ว ให้เขารีบกลับมา!ไม่นานบัลลังก์ของเขาจะเปลี่ยนเจ้าของแล้วไม่นานหัวเมืองของเขาก็ถูกกองทัพตระกูลจ้านยึดครองจนหมดใช่แล้ว เหลวไหลสิ้นด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 546

    เขามาผิดทางแล้ว จะทำภารกิจใดไม่แล้วเสร็จเลยไม่ได้เมื่อเทียบแคว้นฉู่และแคว้นเยี่ยน ในด้านกองกำลังแคว้นฉู่เหนือกว่า!หลังจากนั้นคำบอกเล่าของเถ้าแก่เจ้าของร้าน ก็ทำเอาเขาตกตะลึงไปเลย“ท่านแม่ทัพหลี่ เกรงว่าครั้งนี้ท่านจะคว้าน้ำเหลวแล้ว! ที่พวกท่านโจมตีเข้ามาในแคว้นฉู่ได้ ไม่ใช่เพราะทหารคุ้มกันของเมืองหลวงหละหลวม ทว่าทหารคุ้มกันในเมืองส่วนใหญ่ ตามฉู่อ๋องไปเซ่นไหว้ที่เขาเทพยดาต่างหาก!”“ราชวงศ์ตระกูลชนชั้นสูง ตระกูลทรงอิทธิพล ขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์...ต่างไปในครานี้ ยกขบวนกันไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรสามแสนคน!”“เพื่อให้พวกเขาได้กินดีอยู่สบาย จึงนำข้าทาสส่วนใหญ่และทหารรักษาการณ์ไปด้วย!”หลี่หยวนจงปรบมือทีหนึ่ง “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!”เช่นนี้ก็จัดการได้ง่ายมิใช่หรือ?พวกเขาไปเซ่นไหว้ที่เขาเทพยดา เช่นนั้นเขาไปขวางไว้กลางทาง ก็เท่ากับกวาดเรียบไม่มีเหลือไม่ใช่หรือ!เยี่ยม นี่เป็นวิธีที่ดี!เขารู้สึกว่าตนฉลาดหลักแหลมเป็นที่สุด!“แต่ว่าท่านแม่ทัพ นอกจากองครักษ์ในวังแล้ว ยังมีทหารประจำจวน และยังมีกองทหารหนึ่งแสนคนติดตามไปด้วย!”“ในสามแสนนายนี้ มีสองแสนนายเป็นทหาร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 545

    หลี่หยวนจงคิดไม่ถึงเลยว่า พวกเขาจะบุกเข้าเมืองหลวงได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังขโมยของจวนท่านอ๋องได้หลายจวนอีกด้วยเขาเพียงมาถึงยังเมืองหลวงแคว้นฉู่ เพราะมาผิดทางจึงเลยตามเลยมาแล้วก็ทำศึกสักหน่อย...สุดท้ายกลับมาพร้อมข้าวของเต็มลำใช่แล้ว เพียงโกดังยุ้งฉางในจวนขุนนางใหญ่และองค์ชายไม่กี่จวน ก็ใส่จนเต็มรถแล้วชาวบ้านนับไม่ถ้วนนอกเมืองอดจนผอมแห้งเหลือแต่กระดูกพวกเขาร่ำไห้ขอให้ทหารคุ้มกันเปิดประตูปล่อยพวกเขาเข้าเมืองอยู่หน้าประตูเมือง ทหารคุ้มกันมองดูชาวบ้านอ้อนวอนอย่างเย็นชา ทนมองพวกเขาอดตายทั้งเป็น ไม่สนใจใยดี!หากในเมืองเสบียงอาหารร่อยหรอก็ช่างมันเถอะทว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยพวกเขายึดจวนของขุนนางใหญ่สองสามจวน!เสบียงอาหารในยุ้งฉางเต็มจนล้นออกมาแล้วมิหนำซ้ำไม่ได้มีแค่ข้าวโพดธรรมดา ๆ ยังมีข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง...หลากหลายมากมาย ขอให้เป็นธัญพืชในตลาดล้วนมีทุกอย่าง!หลี่หยวนจงไม่รู้ว่าพวกเขาเอาธัญพืชมากมายเช่นนี้มาจากที่ใด!สิ่งที่ยิ่งทำให้เขาตกตะลึงก็คือ โกดังของพวกเขามีมากมายหนึ่งจวนมีสามสี่โกดังทุกโกดังล้วนอัดแน่นจนเต็มบนรถสองสามคันที่ว่าง ครั้นขนเครื่องประดับ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 544

    ตอนนี้ในดินแดนแคว้นฉู่ยังมีให้ใช้อีกสี่แสนคนสองแสนคนเบื้องล่างเจียงเหว่ย หนึ่งแสนไปโจมตีแคว้นเยี่ยนสุดท้ายกลับมาพร้อมกับความพ่ายแพ้!อีกหนึ่งแสนคนคุ้มครองฉู่อ๋องไปเซ่นไหว้ที่เขาเทพยดาก่อนหน้านี้เทพสงครามหลิงเซี่ยวเฟิงโรยราอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นเจียงเหว่ยก็กลับมาพร้อมกับความพ่ายแพ้จากช่องเขาเป้าเสีย...ฉู่อ๋องรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของแคว้นฉู่ไม่ค่อยดีนักก่อนหน้านี้รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ตอนนี้ชนะครั้งเดียวยังยากพร้อมกับพาขุนนางในราชสำนัก วังหลัง องครักษ์สองสามหมื่นนายจากในวัง มุ่งหน้าไปเซ่นไหว้ยังเขาเทพยดาที่สูงเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นฉู่อย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรก่อกองดินที่เขาเทพยดา ฝังหนังสือแผนภูมิหยก...ขุนนางในราชสำนัก วังหลัง กราบไหว้บูชา!หนึ่งหมื่นคนที่คุ้มกันไปคือคนของเจียงเหว่ยส่วนเมืองหลวงยังมีอีกสองแสนคนหนึ่งในนั้นแปดหมื่นทั้งหมดมายังประตูทิศตะวันตก คุ้มกันประตูเมืองเกรงว่าทั้งราชวงศ์แคว้นฉู่ มิมีผู้ใดนึกเลยว่า หลี่หยวนจง...ไม่คิดเลยว่ารองแม่ทัพใต้อาณัติจ้านเฉิงอิ้นผู้หนึ่ง จะนำกำลังคนสองหมื่นคน เป่าหูและรวบรวมคนมาตลอดทั้งทาง นำราษฎรหกหมื่นคนก่อกบฏ...ไม

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 543

    แม้ทหารใหม่ที่เข้ามาจะเยอะ เนื่องจากไม่มีประสบการณ์การสู้รบพวกเขาฟังคำบัญชาการจากหลี่หยวนจงมาตลอดทั้งทาง จนชินไปแล้ว!ทุกคนต่างถอยหลัง ถอยจนกระทั่งห่างออกไปหลายร้อยเมตร ไกลจากศูนย์กลางการทำสงครามในขณะนี้ เหล่าทหารใหม่เพิ่งจะเห็นความโหดร้ายของการทำสงครามแปดหมื่นคน ต่อสู้กับสองหมื่นคน...ส่วนใหญ่ยังเป็นกองกำลังกบฏชาวนาของอู๋ลี่ พวกเขาฝึกซ้อมกันมาสองเดือนกว่า คงเป็นเพราะง่วนอยู่กับการเพาะปลูก เดี๋ยวฝึกซ้อมเดี๋ยวเลิกฝึกซ้อมผู้ที่กล้าหาญจริง ๆ คือทหารผ่านศึกสองพันของกองทัพตระกูลจ้านที่ผ่านการรบมามากมาย กำดาบม่อเตาพุ่งไปอยู่หน้าสุดครั้นยกดาบขึ้นและฟันลงมา ศีรษะคนก็ตกลงมาบนพื้น!เลือดไหลทะลักออกมา...ทีแรกคิดว่าเมื่อเหล่าทหารใหม่ต้องเผชิญกับความตาย จะตื่นตระหนกและกลัวแต่คิดไม่ถึงเลยว่าความสนใจของพวกเขา จะไปอยู่ที่คำขวัญบุกโจมตีข้าศึกของหลี่หยวนจง“ตอนท่านแม่ทัพบุกทัพศัตรู ตะโกนว่าอะไร...”ทหารใหม่ที่เลื่อนขั้นเป็นนายกองคนหนึ่ง ถามทหารชั้นผู้น้อยที่อยู่ข้าง ๆ“หัวคน ท่านแม่ทัพกำลังตะโกนว่า หัวคนหนึ่งหัวแลกเสบียงอาหารได้สิบชั่ง หัวคนสองคน เสบียงอาหารยี่สิบชั่ง...”“และยังมีร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 542

    ขนาดของแปดหมื่นคน ก็สามารถตัดสินแพ้ชนะกับทหารคุ้มกันเมืองหลวงได้แล้ว!เพียงแต่พวกเขาจะอธิบายกับท่านแม่ทัพใหญ่อย่างไร?ท่านแม่ทัพใหญ่ให้พวกเขากำจัดกำลังทหารของแคว้นเยี่ยน!ผู้ใดจะไปคิดว่า พวกเขาจะยกทัพทหารมาก่อกบฏที่เมืองหลวงข้าง ๆ แทน!หกหมื่นนายที่มาพร้อมเขาตลอดทาง ล้วนเป็นราษฎรแคว้นฉู่ทั้งสิ้น!เรื่องนี้จัดการได้ยากแล้วตลอดทั้งชีวิตของหลี่หยวนจงนี่เป็นครั้งแรกที่ปรากฏความรู้สึกสับสนโจมตีหรือว่าไม่โจมตี?โจมตี ทว่าที่นี่คือแคว้นฉู่?พวกเขาจะสู้ได้หรือไม่?โจมตีเข้าไปได้หรือไม่?ทว่าหากไม่โจมตี เขาจะอธิบายกับท่านแม่ทัพใหญ่อย่างไรถึงอย่างไร กองกำลังห้าหมื่นนายที่เซี่ยเวยและจ้าวเฉียนนำมาก็ถึงแคว้นเยี่ยนแล้วภายใต้การร่วมแรงของทั้งสองฝ่าย ทำให้แคว้นเยี่ยนกลายเป็นแคว้นใต้อาณัติของกองทัพตระกูลจ้าน แม้จะไม่สามารถทำให้แคว้นเยี่ยนผลัดเปลี่ยนแผ่นดินได้ ทว่าก็สามารถกำจัดฮ่องเต้และตระกูลขุนนางทรงอิทธิพลเบื้องบนได้วันหน้าขณะโจมตีเข้าไปในแคว้นเยี่ยน คงไม่มีแรงต้านทานมากมายขนาดนี้แล้วทว่า...เขามาผิดที่แล้วมิหนำซ้ำยังรับราษฎรแคว้นฉู่หกหมื่นคนเข้าร่วมกองทัพแล้วจะอธิบายกับท่าน

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 541

    ในเมืองไม่น้อยยังพอมีเสบียงอาหารแก้ปัญหาเรื่องเสบียงอาหาร จากการมีคนเข้าร่วมทัพกลางทางอย่างต่อเนื่องได้สมบูรณ์!ทว่าขุนนางกังฉินทำร้ายประชาชนของแคว้นฉู่ก็มีไม่น้อย ประชาชนด้านนอกอดจนผอมเห็นกระดูก บางคนแย่งเด็กมาเผากินบนถนนเลยภายในยุ้งฉางของเจ้าเมือง เสบียงอาหารในโกดังล้นจนยัดไม่ลงหนูกินจนอ้วนท้วมตัวจ้ำม่ำ!เพียงแค่ด้านนอกคั่นด้วยกำแพง ก็มีหนึ่งร้อยคนที่อดตายทั้งเป็นเนื่องจากการกินดินขาวแล้วทว่าด้านในครั้นเปิดยุ้งฉาง เสบียงอาหารก็เทกระจาดออกมาเมื่อหลี่หยวนจงเห็นสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้ ก็ก่นด่าว่าฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนมิใช่คนทหารใหม่ที่ก่อกบฏร่วมกับเขา ก็กลัดกลุ้มอย่างมากเช่นกันเหตุใดเขาจึงก่นด่าฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนในเขตแดนแคว้นฉู่!นี่เกี่ยวข้องอะไรกับฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนหรือ?ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนไม่ได้เป็นคนกักตุนเสบียงเสียหน่อย!กระทั่งพวกเขาจู่โจมเมืองหลวงแคว้นฉู่ได้...หลี่หยวนจงถึงค้นพบในฉับพลัน...คล้ายกับเขามาผิดทางแล้วใช่แล้ว ในที่สุดเขาก็เห็นมังกรดำเลื่อมงดงามที่อยู่บนธงชัดเจน!เป็นธงที่เป็นสัญลักษณ์ของแคว้นฉู่ ธงมังกรดำ!ฉะนั้นที่พวกเขาเดินทัพมาอย่างยิ่งใหญ่เกรีย

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 540

    ชาวบ้านต่างพากันนำทางพวกเขาไปยังถ้ำ แล้วเดินลึกลงไปอีกภาพของบ่อน้ำขนาดมหึมาปรากฏขึ้นเนื่องจากอยู่ลึกจากพื้นดินมาก แสงแดดส่องไม่ถึง และผนังหินช่วยป้องกันการระเหย น้ำจึงยังคงอยู่ ไม่แห้งขอดหลี่หยวนจงและเหล่าทหารดีใจมากที่เห็นน้ำมากมายขนาดนี้โชคดีที่พวกเขานำเครื่องสูบน้ำมาด้วย!พวกเขาดึงท่อสูบน้ำยาว ๆ สองท่อไปที่ปากถ้ำ ตั้งหม้อขนาดใหญ่ แล้วต้มข้าวต้มแจกจ่ายให้ทุกคน!เนื่องจากหลายคนอดอยากมานาน จึงให้คนละเพียงเล็กน้อยถึงอย่างนั้น ก็ใช้เสบียงของกองทัพไปไม่น้อยชาวเมืองทั้งเมืองอิ่มหนำสำราญ ต่างก็ดีใจอาหารมื้อนี้ช่วยให้พวกเขาไม่ต้องอดตายไปอีกสองวันเมื่อรู้ว่าหลี่หยวนจงและคณะกำลังจะไปเมืองหลวง ชาวบ้านก็อาสาเป็นผู้นำทาง...แม้แต่ชายฉกรรจ์ก็อาสาเข้าร่วมกับพวกเขา เพียงเพื่อแลกกับอาหาร!ในบรรดาประชากรกว่าสองแสนคน ที่รอดชีวิตมาได้ห้าหมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นชายฉกรรจ์ คนชรา ผู้หญิง และเด็กมีไม่ถึงหนึ่งในสามหลี่หยวนจงมองดูผู้คนที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ถึงแม้จะกินข้าวต้มหมดแล้ว ก็ยังเลียชามอยู่...ผู้หญิงแต่ละคนหน้าเหลืองซีดเซียว ท้องป่องโต หลบอยู่ตามมุมเด็ก ๆ ยิ่งไม่กล้าเข้าใกล้ หลบอย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status