เยี่ยนอีก็แค่คิดอยากจะปกป้องดูแลกู้อวิ๋นซีด้วยความจริงใจความคิดนี้ ไม่ได้เคลือบแฝงความรู้สึกอื่นใด เขาก็แค่อยากปกป้องนางเยียนเป่ยทำงานร่วมกับเขามาสิบกว่าปี ความคิดของเยี่ยนอี เขามองออกเยียนเป่ยอดที่จะพูดอย่างโมโหไม่ได้ "เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่? เจ้าไม่รู้หรือไงว่านางทำร้ายท่านอ๋องไว้หนักหนาขนาดไหน? แต่เจ้ากลับไปสงสารผู้หญิงคนนั้น! ในใจของเจ้ามีท่านอ๋องอยู่ไหมเนี่ย?"ในใจของเยี่ยนอีเองก็รู้สึกเครียดมากเขาควรที่จะเกลียดกู้อวิ๋นซี แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นท่าทางอ่อนแอของนาง เขาก็ทำใจเกลียดไม่ลงจริงๆ!เขาทำอย่างอื่นไม่ได้!เขาทำได้แค่เกลียดตัวเองเท่านั้น!เยี่ยนอีหมุนตัวไป หันหลังให้กับเยียนเป่ย สายตายังคงมองไปที่มุมๆ หนึ่ง "เจ้าเคยเห็นสภาพตอนนางร้องไห้หรือเปล่า?"เยียนเป่ยไม่อยากจะตอบคำถามนี้ ก็แค่ร้องไห้เอง ผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่ร้องไห้?มีอะไรน่าแปลกกัน?"นางนั่งอยู่ในมุมเล็กๆ มุมหนึ่งคนเดียว บนถนนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน เพราะว่าไม่มีคน นางถึงกล้าที่จะกอดตัวเองแล้วร้องไห้ออกมาเบาๆ"ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว ภาพนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา สลัดยังไงก็ไม่ออกเขาหลงรักผู้หญิงอ่อนแอ
มู่อันหนิงยังอยากจะพูดอะไร แต่จวินเย่เสวียนก็ไม่ตอบสนองใดๆ สุดท้ายเขาก็พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า "ไสหัวไป"มู่อันหนิงรีบออกไปอย่างเร็วถึงแม้จะถูกไล่ออกไป แต่จิตใจของมู่อันหนิงกลับรู้สึกอารมณ์ดีมากนางได้จัดการกู้อวิ๋นซีไปอย่างหนักหนา จนเกือบทำให้กู้อวิ๋นซีตายไปแล้ว แต่จวินเย่เสวียนก็ไม่ได้ลงโทษนางนี่เป็นสัญญาณที่ดีมากๆในใจของเขาตอนนี้ กู้อวิ๋นซีได้กลายเป็นผู้หญิงชั่วร้ายไปแล้วต่อไปจวินเย่เสวียนก็จะมีแค่ความเกลียดให้กลับกู้อวิ๋นซีเท่านั้น จะไม่มีความรักและทะนุถนอมนางอีก…คืนนั้น กู้อวิ๋นซีเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ยังไม่ทันจะได้ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ประตูห้องก็ถูกคนๆ หนึ่งเตะให้เปิดออกจากนั้น นางก็ถูกคนอุ้มขึ้นมาจากอ่างน้ำแล้วโยนลงไปบนเตียงจากนั้นก็ถูกทรมานอย่างหนักหน่วงนางเจ็บปวดจนอดที่จะน้ำตาไหลออกมาไม่ได้แต่ดูเหมือนผู้ชายที่อยู่ด้านหลังจะยังไม่คลายความโมโห!"เจ้าใช้วิชามารอะไร กล้าหว่านเสน่ห์ใส่แม้แต่คนของข้า? พูดมาสิ! เจ้าไปหว่านเสน่ห์ใส่พวกเขายังไง?""ข้าไม่รู้...ท่านอ๋องกำลัง...อ๊า! พูดอะไร"นางกัดริมฝีปากไว้ เกือบจะพูดอะไรไม่ออกแล้วเพราะว่าแค่อ้าปาก ตัวเองก็จะได้ยิ
กู้อวิ๋นซีหยุดร้องแล้วที่หางตายังมีหยดน้ำตาคลออยู่ ยังไม่ทันจะหยดลงมาร่างกายที่อ่อนแอของนาง ถูกเขาดึงขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวราวกับเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่งด้วยท่าทางที่ไร้เกียรติ ไร้ความเป็นมนุษย์ที่สุด ลอยอยู่ระหว่างแขนของเขากับเตียงนอนนางร่างกายไร้เรี่ยวแรง มีเพียงแขนที่เกี่ยวกับฝ่ามือใหญ่ของจวินเย่เสวียนเอาไว้ ร่างกายอ่อนปวกเปียก ลอยเขว้งอยู่กลางอากาศดูแบบนี้แล้ว ราวกับ...คนตายไปแล้วอย่างนั้นจวินเย่เสวียนรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก นี่มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าตอนที่นางร้องไห้ซะอีกในที่สุดเขาก็คลายมือ ปล่อยนางกู้อวิ๋นซีก็ราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นตามสายลม ร่วงลงบนผ้าปูเตียงล้มลงอย่างแรง จนกระแทกโดนหัวนี่เป็นสิ่งที่จวินเย่เสวียนไม่คาดคิดมาก่อนเมื่อได้ยินเสียง ตึง ในใจเขาก็รู้สึกกังวล อยากจะเข้าไปดูว่านางเป็นอะไรมากหรือเปล่าโดยสัญชาตญาณแต่ในตอนที่กำลังจะยื่นมือออกไป ความแค้นในใจก็ทำให้เขาต้องชักมือกลับมา!เขาบอกแล้วว่านางก็เป็นเพียงของเล่น!นางจะเป็นหรือตายมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?ความสงสารในแววตา หายวับไปอย่างรวดเร็ว เหลืออยู่เพียงแค่ความเกลียดชัง"คำถามที่ข
กู้อวิ๋นซีคิดว่าตัวเองไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ แล้ว แต่เมื่อจวินเย่เสวียนบีบข้อมือของนางหนักขึ้น นางก็ยังเจ็บจนอดไม่ได้ที่จะต้องขมวดคิ้วมุ่นแต่ว่า ที่ทำให้นางตกใจไปกว่านั้นกลับเป็นคำพูดของจวินเย่เสวียนเยี่ยนอี...อยากได้นาง?นี่เป็นสิ่งที่เกินกว่ากู้อวิ๋นซีจะคาดคิดฉับพลัน ก็เกิดกลัวขึ้นมา มองดูสายตาของจวินเย่เสวียน สายตาที่ไร้ความรู้สึกนั้นกลับพร่ามัวขึ้นมา"ในใจของเจ้ามีเขาอยู่จริงด้วย!" จวินเย่เสวียนโมโหจนตาแดงก่ำสายตาเมื่อสักครู่ยังไร้ความรู้สึกอยู่เลย ราวกับว่าบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรให้น่าสนใจอีกแล้วแต่ตอนนี้ พอได้ยินว่าเยี่ยนอีอยากได้นาง ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือนั้นกลับปรากฎสีหน้าที่มากมายขนาดนี้!สีหน้าที่ปรากฎออกมาในเวลาอันสั้นนี้ มากกว่าสีหน้าที่มีต่อเขาในทั้งคืนรวมกันซะอี!"กู้อวิ๋นซี เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? ในใจของเจ้าไม่ใช่มีเพียงฉู่หลีเหรอ? ตอนนี้แม้แต่เยี่ยนอีเจ้าก็อยากได้อย่างนั้นเหรอ? ยัยผู้หญิงไร้ยางอาย!"กู้อวิ๋นซีรู้สึกพูดไม่ออกจริงๆทั้งน้อยใจ สิ้นหวัง เจ็บปวดใจแล้วแต่เขาจะเข้าใจยังไงเถอะ ถึงยังไง นางก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตรอดไปจนถึงพรุ่งนี้หรือเปล่า
ห้องของอันเซี่ยถูกลงกลอนจากด้านในกู้อวิ๋นซีลองอยู่หลายครั้งแต่ก็ผลักไม่ออกเลยพอเรียกนาง คนด้านในก็ไม่มีการตอบรับเลยสักนิดกู้อวิ๋นซีรู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งเครียดขึ้นทุกที"อันเซี่ย เจ้าตื่นหรือยัง? รีบเปิดประตูสิ ไม่เช่นนั้นข้าจะพังประตูเข้าไปแล้วนะ!"ด้านในก็ยังไม่มีการตอบรับใดๆกู้อวิ๋นซีรู้สึกใจหาย ไม่คิดอะไรมากอีก นางกระแทกประตูเข้าไปอย่างแรงเพราะว่าใช้แรงเยอะมาก ดังนั้นตัวนางเลยกระเด้งกลับมานั่งล้มอยู่บนพื้นแต่ประตูบานนั้นก็ยังถูกปิดไว้สนิทอยู่นางไม่มีแรงแล้วสองวันนี้ นางถูกจวินเย่เสวียนทรมานทุกคืน แค่กระแทกประตู ก็รู้สึกเจ็บไปหมดทั้งตัวไม่มีแรงเลยสักนิดกู้อวิ๋นซีพยายามลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก หยิบเอามีดที่นางใช้ป้องกันตัวออกมาจากรองเท้าข้อยาวจากนั้นก็เดินไปข้างประตู เสียบปลายมีดเข้าไปตรงช่องประตู ยกเอากลอนที่ขัดอยู่ด้านในออกตอนที่กำลังยกกลอนออกนั้นมือของกู้อวิ๋นซีก็สั่นระริกอยู่ตลอดนางไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ รู้เพียงว่าเมื่อคืนอันเซี่ยมาอยู่ที่หน้าประตูห้องนางส่วนเรื่องที่ว่าทำไมจวินเย่เสวียนถึงสัมผัสไม่ได้ คงเป็นเพราะตอนนั้นเสวียนอ๋องคง...กำลังหมกม
มู่อันหนิงคิดที่จะเดินเข้าไปจวินเย่เสวียนยิ่งขมวดคิ้วรุนแรงขึ้น มองนางอย่างเย็นชามู่อันหนิงไม่กล้าที่จะขยับอีกนางรู้มานานแล้วว่าเขาไม่อนุญาตให้ตัวเองเข้าใกล้ ต่อให้เขาจะนั่งและนางจะยืนอยู่ก็ตามที ก็ยังต้องยืนห่างจากเขาออกไปไม่ต่ำกว่าห้าก้าวขนาดจะเข้าไปช่วยเขาฝนหมึกเขายังไม่ยอมนอกจากกู้อวิ๋นซีแล้ว มู่อันหนิงก็ยังไม่เคยเห็นว่าจะมีผู้หญิงคนไหนได้รับสิทธิให้เข้าไปช่วยเสวียนอ๋องฝนหมึกได้"เมื่อคืนท่านไม่ได้พักผ่อนดีๆ เลย เหตุใดวันนี้ถึงไม่พักสักหน่อยล่ะ?"มู่อันหนิงรอเขาอยู่ที่เรือนหลักทั้งคืนบางทีแม้กระทั่งนางเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรออะไรเพียงแค่อยากจะรอ ดูว่าเขาจะออกมาจากเรือนซอมซ่อหลังนั้นของกู้อวิ๋นซีแล้วกลับเรือนหลักของตัวเองเมื่อไรต่อให้จะรู้ว่ายิ่งรอหัวใจของนางก็ยิ่งเจ็บก็ตาม แต่นางก็ยังอยากที่จะรอ คิดไม่ถึงเลยว่าการรอครั้งนี้จะต้องรอจนถึงเลยเที่ยงคืนไปแล้วจากนั้นเขาก็ไม่ยอมแม้กระทั่งกลับไปพักผ่อนที่ห้องนอนของตัวเอง แต่กลับตรงมาที่ห้องหนังสือเลยเมื่อคืนจวินเย่เสวียนไม่ได้นอน มู่อันหนิงเองก็ไม่ได้นอนสองวันมานี้ แค่คิดว่าเขาไปหากู้อวิ๋นซีอย่างเปิดเผย ไม่เกร
มู่อันหนิงมองเห็นมีดเล่มนั้นอย่างชัดเจน มันอยู่ห่างจากหน้าอกของนางเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้นเห็นได้ชัดว่าอีกผ่ายไม่มีสติ จนเรียกว่าแทบบ้าคลั่งแล้วด้วยวรยุทธ์ของมู่อันหนิง นางมีโอกาสที่จะสามารถหลบพ้นได้แต่นางกลับเปลี่ยนฝีเท้าของตัวเอง หดขาที่ก้าวออกกลับไปเอียงตัวหลบมีดเล่มนั้นให้พ้นจากตำแหน่งหัวใจของนาง แต่ก็ยังปักเข้ากลางอกของนางอยู่ดี"อ๊า..." ตอนที่กู้อวิ๋นซีดึงมีดออกมา มู่อันหนิงก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ล้มลงไปบนพื้นเลือดไหลทะลักออกจากหน้าอกของนางไม่หยุดการแทงของกู้อวิ๋นซีครั้งนี้ไม่สามารถคร่าชีวิตของนางได้ นางยกมีดขึ้นอีกครั้งคิดจะปักเข้าไปใหม่แต่ครั้งนี้ กลับถูกแรงกระแทกจะฝ่ามือหนึ่งซะก่อนนางที่ยืนอยู่ตรงบันได กำลังเตรียมจะวิ่งเข้าไปอีกครั้งถูกแรงกระแทกจากฝ่ามือของจวินเย่เสวียนบีบให้ล่าถอยออกไป ไม่ทันระวังลื่นล้มจนกลิ้งตกลงมาจากบันได"เจ้า..." แววตาของจวินเย่เสวียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาอยากที่จะเข้าไปช่วยประคองนางโดยสัญชาตญาณแต่ที่ข้างเท้ากลับมีเสียงร้องอย่างน่าสงสารของมู่อันหนิงดังขึ้น "ฮือ เจ็บมาก เย่เสวียน...เย่เสวียนนี่ข้าจะตายแล้วใช่หรือไม่?"กู้อวิ๋นซีที่กลิ้งตกบันไดลงไป
มู่อันหนิงได้รับบาดเจ็บสาหัส กู้อวิ๋นซีเองก็โดนฝ่ามือของมู่อันหนิงไปทีหนึ่ง ตอนนี้สลบไม่ได้สติหลังจากที่หมอในจวนยุ่งหัวหมุนอยู่สักพักในที่สุดเยียนเป่ยก็หาสาเหตุที่กู้อวิ๋นซีเกิดคลั่งขึ้นมาได้แล้วตอนที่กลับมา เขาตัวแข็งไปทั้งตัว รู้สึกเย็นไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้าตัวสั่นไปทั้งตัว ขนาดนิ้วมือก็ยังสั่น"อันเซี่ย...ผูกคอตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อเยียนเป่ยพูดจบ เยี่ยนอีที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อไปจวินเย่เสวียนที่ยืนอยู่ข้างเตียง ก็มีอาการนิ้วเกร็งเครียดผ่านไปสักพัก ทุกคนถึงทำใจยอมรับกับข่าวนี้ได้ตอนที่จวินเย่เสวียนหันกลับมามองเขา ในสายตาไม่มีความรู้สึกใดๆ แล้ว"เพราะอะไร?"เยียนเป่ยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เดินไปอยู่ตรงหน้าของจวินเย่เสวียนอย่างเงียบๆ แล้วยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้อย่างนอบน้อมเป็นจดหมายสั่งเสียของอันเซี่ย"คุณหนู ขอโทษด้วย นางพูดถูก การที่ข้ามีชีวิตอยู่ก็จะเป็นภาระให้ท่านเปล่าๆ"คุณหนู อันเซี่ยขอลาก่อน ต่อไปท่านก็จะไม่ต้องถูกเสวียนอ๋องข่มขู่อีกต่อไปท่านก็ไปในที่ที่ท่านอยากจะไป มีชีวิตในแบบที่ท่านอยากจะมีเถอะเจ้าค่ะแต่เสียดาย อันเซี่ยไม่อาจอยู่เป็นเพื่อ
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี