“คุณหนูต้องจำเอาไว้ให้ดีนะเจ้าคะ คนที่มีไฝเสน่ห์ที่หางตาถึงจะเป็นเจ้าบ่าวของคุณหนูนะเจ้าคะ”ก่อนจะเดินออกไป บ่าวรับใช้ยังไม่วายจะกำชับเพิ่มอีกว่า “คุณหนูเจ้าคะ หากว่าพวกเขามีการแกล้งบ่าวสาวก่อนเข้าหอ คุณหนูต้องห้ามคว้าเจ้าบ่าวผิดตัวนะเจ้าคะ!”กู้อวิ๋นซีพยักหน้าลงเป็นเชิงว่านางเข้าใจแล้ววันนี้เป็นวันแต่งงานของนางกับจวินฉู่หลีเจ้าบ่าวของนางมีฝาแฝดผู้พี่อยู่คนหนึ่ง ทั้งคู่มีหน้าตาเหมือนกันมากจนแทบจะแยกไม่ออกสิ่งเดียวที่จะสามารถใช้เป็นเครื่องจำแนกได้ก็คือ ที่หางตาของสามีนางมีไฝเสน่ห์อยู่เม็ดหนึ่งฉู่จวินหลีมีเป็นคนที่อบอุ่น ดูแลนางเป็นอย่างดีไม่มีบกพร่องส่วนจวินเย่เสวียนผู้เป็นพี่ชาย เป็นถึงเสวียนอ๋องเทพแห่งสงครามของหนานหลิงกั๋ว ว่ากันว่า จิตใจโหดเหี้ยม เย็นชา ชอบใช้กำลังแถมยังชอบฆ่าคนอยู่เป็นนิจถึงแม้กู้อวิ๋นซีจะไม่เคยเจอกับเสวียนอ๋องมาก่อน แต่นางคิดว่า นางจะต้องแยกความแตกต่างของทั้งสองคนออกได้แน่นอนแต่จะว่าไป ใครจะแยกสามีของตัวเองไม่ออกบ้างล่ะตอนนี้บ่าวรับใช้กับแม่เฒ่าผู้ทำพิธีก็ออกไปแล้วในคืนเข้าหอนี้เหลือเพียงกู้อวิ๋นซีที่นั่งรออยู่ในห้องหอเพียงคนเดียว นางมองตรงไปย
กู้อวิ๋นซีรู้สึกเหมือนว่าตัวเธอใกล้จะตายเต็มทีพละกำลังของชายหนุ่มช่างน่ากลัวยิ่งนักคล้ายกับเทพแห่งสงครามที่ศัตรูได้ยินชื่อก็ต่างพากันกลัวจนหัวหด เขารุกเธอกระหน่ำรุนแรง คล้ายจะบดขยี้ตัวเธอให้แหลกละเอียดไปซะเดี๋ยวนั้น!เนื่องจากตัวเขาแนบชิดเธอจากด้านหลัง ทำให้กู้อวิ๋นซีไม่สามารถมองใบหน้าของเขาได้ชัดเจนทุกครั้งที่เธอพยายามจะหันหลังกลับไปมอง เขาก็มักจะใช้ริมฝีปากของเขามาปิดปากของเธอไว้ก่อนเสมอจากนั้นก็จะยิ่งรุกรุนแรงขึ้นอย่างน่ากลัว!ทั้งร่างกายและวิญญาณของเธอ ถูกเขากระแทกกระทั้นจนแทบจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆจนสุดท้าย เธอก็หลับไป เนื่องจากความหวาดกลัวและอ่อนล้าที่สะสม...ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอหลับไปนานเท่าไร แต่ตอนนี้เหมือนจะใกล้ถึงเวลาย่ำรุ่งแล้วกู้อวิ๋นซีที่ยังคงมึนๆ งงๆ อยู่ รู้สึกได้ว่าเหมือนมีใครกำลังโอบกอดตัวเธอด้วยท่าทีที่ไม่หยาบคาย แต่ก็เป็นความอ่อนโยนที่เธอเองก็อธิบายไม่ถูกเช่นกัน"...ฉู่หลี?" กู้อวิ๋นซีรู้สึกหวาดระแวงในใจ เธอรีบลืมตาขึ้นมาดูพร้อมกับเรียกชื่อของเขาออกไป "ฉู่หลี!"ที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้ คือใบหน้าหล่อเหลาของจวินฉู่หลีไฝเสน่ห์ที่หางตาของเขา ยังค
กู้อวิ๋นซีรู้ว่าจวินเย่เสวียนกับจวินฉู่หลีหน้าตาเหมือนกันมากแต่เธอคิดไม่ถึงเลย ว่าทั้งสองคนจะเหมือนกันมากขนาดนี้!เขาค่อยๆ สาวเท้าลงบันไดมา เงาร่างสูงใหญ่ แผ่กระจายไอเย็นเยียบราวกับเป็นก้อนน้ำแข็งเดินได้ทั้งแข็งกระด้าง เผด็จการ และเย็นชา!เป็นคนที่แค่ได้มองแว๊บแรก ก็ต้องรีบละสายตาไม่กล้ามองอีกเป็นครั้งที่สองทั้งตัวเขามีรัศมีความเป็นราชนิกูลผู้สูงส่งมาแต่กำเนิด มีความน่าเกรงขาม ที่แค่เข้าใกล้ก็สามารถกดดันให้เธอแทบจะหายใจไม่ออกอย่างที่คิด เขาช่างเป็นคนที่มีนิสัยแตกต่างจากสามีของเธอโดยสิ้นเชิงเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา กู้อวิ๋นซีก็รีบถวายความเคารพอย่างรวดเร็ว "คารวะองค์ชายสี่"คนที่เดินมาไม่ได้มีปฏิกริยาตอบรับอะไรจวินเย่เสวียนเดินผ่านตัวของเธอไป ราวกับตัวเธอเป็นเพียงอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตนในสายตาเขาเขาเดินขึ้นรถม้าไป ม่านที่ปิดลงช่วยบดบังความเย็นชาจากตัวเขาไปได้บ้างกู้อวิ๋นซีถอนหายออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะได้ยินองค์รักษ์เยียนเป่ยพูดว่า "พระชายา รถม้าของพระชายาเกิดปัญหานิดหน่อย ไม่สามารถใช้การได้พ่ะย่ะค่ะ""เหลือเวลาไม่มากแล้ว สามารถซ่อมได้หรือไม่?" กู้อวิ๋นซีถามออกไปอย่างร้อน
"ขอประทานอภัยเพคะ!" กู้อวิ๋นซีรีบร้อนจะลุกขึ้นมาแต่คิดไม่ถึงว่ารถม้าจะเกิดการสั่นไหวขึ้นอีก ทำให้กู้อวิ๋นซีที่เพิ่งพยุงตัวขึ้นได้ต้องล้มลงไปอีกครั้งครั้งนี้เธอล้มลงไปบนตัวของจวินเย่เสวียนพอดีแถมมือของเธอก็ดันไปทับเข้ากับอะไรบางอย่างที่แม้จะปกปิดไว้ด้วยเสื้อผ้าก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุและแข็งขืน!"อ๊ะ!" กู้อวิ๋นซีตกใจจนตัวโยน เธอรีบชักมือกลับมาทันทีหน้าเธอแดงจัดจนแทบจะบีบเป็นหยดเลือดออกมาได้แล้ว!เธอไม่ทันระวัง ดันจับไปโดน...ขององค์ชายสี่ซะได้แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ ตอนที่ถูกเธอสัมผัสโดนอย่างไม่ทันระวัง ร่างกายขององค์ชายสี่กลับเกิดปฏิกริยาตอบสนองซะได้!มันถึงขั้นสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตาเปล่าเลยเชียวนะ!กู้อวิ๋นซีไม่รู้แล้วว่าเธอควรจะวางสายตาไว้ที่จุดไหนดี"บังอาจ!" แววตาของจวินเย่เสวียนมืดลง เขาใช้มือบีบไปที่คางของเธอนิ้วทั้งห้ากำแน่น จากนั้นก็ดันใบหน้าของเธอให้เงยขึ้นมามอง"เจ้าแต่งงานกับฉู่หลีไปแล้ว แต่ยังบังอาจมาให้ท่าข้าอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ไม่รักษากฎของภรรยา ต้องได้รับโทษเช่นไร""องค์ชายสี่ หม่อมฉันเปล่านะเพคะ!" กู้อวิ๋นซีจับไปที่มือของเขาเพื่อจะผลั
กู้อวิ๋นซีไม่อยากทำให้เขาโกรธ เธอกลัวว่าถ้าหากเขาโกรธ เขาจะทำเรื่องที่เธอรับไม่ได้ขึ้นมาอีกแล้วเธอก็เชื่อว่าเขาจะทำมันแน่!เสวียนอ๋องน่ากลัวเสียยิ่งกว่าที่เขาเล่าลือกันเสียอีกไม่เพียงนิสัยเย็นชามุทะลุ อีกทั้งยังไม่มีความรู้สึกเห็นใจคนอื่นเลยสักนิด!บทจะน่ากลัวขึ้นมาก็ไม่สนความเป็นความเป็นความตายของคนอื่นเลยในใต้หล้านี้ ทำไมถึงได้มีปีศาจบ้าคลั่งเช่นนี้อยู่ได้นะแต่เขาก็ดันเป็นพี่ชายที่ฉู่หลีให้ความเคารพมาก...กู้อวิ๋นซีพูดขอโทษอย่างระมัดระวัง"ขอประทานอภัยเพคะ องค์ชายสี่ หม่อมฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วย ต่อไปหม่อมฉันจะไม่ทำอีกแล้ว"ตั้งแต่เกิดมากู้อวิ๋นซีก็ไม่เคยกลัวใครมาก่อน แต่ตอนนี้ เธอกลัวเขามาก!ฝ่ามือของชายหนุ่มยังคงจับอยู่บนแก้มก้นของเธอ นิ้วมือเรียวยาวของเขาดูเหมือนจะกำลังเคาะอยู่เบาๆคล้ายกับว่าเขากำลังพิจรณาอยู่ว่าจะลงโทษเธอต่อไปดีหรือไม่รถม้ายังคงวิ่งไปข้างหน้า กู้อวิ๋นซีก็ยังคงนอนทาบอยู่บนตักของจวินเย่เสวียนเหมือนกับปลาที่นอนอยู่บนเขียง ความรู้สึกรอคอยให้ใครสักคนมาตัดสินชีวิตของตัวเองแบบนี้ มันรู้สึกแย่มากจริงๆไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร แต
"อ๊ะ..." กู้อวิ๋นซีส่งเสียงร้องออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจก็เธอถูกจวินเย่เสวียนกระแทกหัวเข้ามาแต็มแรงแบบนั้น ก็ต้องเผลอร้องออกไปบ้างสิกระแทกมาซะแรง เจ็บจะแย่!เธอขมวดคิ้วมุ่นแต่ทันใดนั้นก็เหมือนจะเข้าใจในเจตนาของจวินเย่เสวียนแต่ว่า วิธีนี้มันจะเสี่ยงไปหน่อยหรือเปล่า? ถ้าหากว่าองค์หญิงแปดเกิดเปิดม่านขึ้นมาจริงๆ...เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าขององค์หญิงแปดใกล้รถม้าขึ้นมาเรื่อยๆกู้อวิ๋นซีก็ไม่คิดอะไรมากอีก เธอกัดริมฝีปากแน่น และเมื่อจวินเย่เสวียนกดทับลงมาอีกครั้งเธอก็ค่อยๆ ส่งเสียงครางออกไปเบาๆ "อ๊า..."องค์หญิงแปดหยุดชะงักฝีเท้าก่อนจะเบิกตาโพลงอย่างตกใจสุดขีดนั่นเสียงอะไรน่ะ?คล้ายกับว่า มีอะไรกระทบกัน แล้วยัง เสียงผู้หญิงครางต่ำๆ นั่นอีก..."หลิวหลี ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง!" องค์ชายรองหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาในทันใด ก่อนจะรีบลากตัวองค์หญิงแปดออกจากตรงนั้นทันทีคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเจ้าบ่าวป้ายแดงอย่างน้องห้า จะไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจถึงเพียงนี้ ถึงขั้น...กันบนรถม้าทำตามอำเภอใจเกินไปแล้ว!เยียนเป่ยที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งคนขับรถม้าย่อมรู้สถานการณ์ดี แต่เมื่อได้ยินเสียงครางของกู้อวิ๋นซีก็ยังอด
กู้อวิ๋นซีอึ้งมากหัวใจเธอเต้นระรัวเร็วไปหมดจวินเย่เสวียนเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเดินลงจากรถม้าไปก่อนจากนั้นก็หันกลับมา ก่อนจะยื่นมือออกมาให้กู้อวิ๋นซีจับในที่สุดกู้อวิ๋นซีก็เหมือนกับว่าจะตั้งสติได้แล้วเขาไม่ใช่ฉู่หลี จะเป็นไปได้อย่างไรไฝเสน่ห์เม็ดนี้ เธอเป็นคนวาดเพิ่มเข้าไปเอง มันลบออกได้!แต่ไฝเสน่ห์เม็ดเมื่อคืนของฉู่หลี เธอลบมันไม่ออก!นี่เธอคิดอะไรไร้สาระอยู่กันเนี่ยกู้อวิ๋นซีสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ เอามือไปเปิดม่านออกเมื่อเห็นฝ่ามือของจวินเย่เสวียนที่ยื่นมาทางเธอแล้ว เธอก็หลบเองโดยสัญชาตญาณ แล้วหันไปคว้าจับเอาขอบของรถม้าแทน ก่อนจะค่อยๆ ก้าวลงมาอย่างระมัดระวังจวินเย่เสวียนทำเสียงเย็นๆ ในลำคออย่างขัดใจ ก่อนจะชักมือกลับไปไม่ไกลนัก องค์หญิงแปดส่งยิ้มจนตาหยีก่อนจะวิ่งเข้ามาทัก "ท่านพี่ห้า ไม่ได้พบกันนานเลยนะเพคะ!"องค์ชายรองจวินหนานถิงเองก็เดินอย่างรวดเร็วเข้ามาหาเช่นกัน "น้องห้า วันนี้พาภรรยาเข้าวังมาคารวะผู้ใหญ่หรือ ยินดีด้วยๆ!"แผ่นหลังที่ทั้งเย็นชาและเคร่งเครียดของจวินเย่เสวียนทำให้กู้อวิ๋นซีที่มองอยู่ รู้สึกกระวนกระวายในใจเขายังคงเย็นชาเช่นเดิม ช่างด
"ท่านจะทำอะไร" กู้อวิ๋นซีตกใจจนรีบผลักจวินเย่เสวียนออกทันทีจวินเย่เสวียนแสดงสีหน้าเย็นชา สายตาแสดงออกถึงความไม่พอใจ "ข้ากับเสด็จพ่อ เสด็จแม่ไม่ค่อยได้พบเจอกัน แต่กับเสด็จย่าพบกันบ่อย!"เพียงไม่กี่ประโยค กู้อวิ๋นซีก็เข้าใจได้ในทันทีเธอสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างพยายามระงับอารมณ์ เพียงครู่เดียวก็ใจเย็นลงได้เธอพยายามทำความคุ้นชินที่จะต้องยืนอยู่เคียงข้างเขา จากนั้น เธอก็เอาแขนไปคล้องกับแขนของเขาแต่ก่อนจะที่เดินเข้าประตูไป ก็อดที่จะกระซิบถามเขาเสียงเบาไม่ได้ว่า "ตกลงแล้วฉู่หลีไปไหนเหรอเพคะ""เรื่องในวัง เจ้าอยากเข้ามาวุ่นวายด้วยหรือไง" จวินเย่เสวียนจ้องตาเธอกลับไปตรงๆกู้อวิ๋นซีส่ายหน้า "ไม่เพคะ!"เธอก็เพียงอยากรู้ว่าเธอจะได้เจอฉู่หลีเมื่อไรบางที ถ้าฉู่หลีกลับมา ทุกอย่างอาจจะเรียบร้อยดีแล้วก็ได้เธอไม่อยากอยู่กับจวินเย่เสวียนอีกต่อไปแล้วจริงๆถ้าต้องอยู่อย่างหวาดกลัวแบบนี้ จิตใจเธอคงรับความกดดันนี้ไม่ไหวที่ในวังหนิงอัน ไทเฮารอพวกเขาทั้งคู่อยู่นานแล้ววันนั้นทั้งวัน กู้อวิ๋นซีรับหน้าที่เป็นคนคอยอยู่พูดคุยสนทนากับไทเฮา โดยที่จวินเย่เสวียนแทบจะไม่ได้เปิดปากพูดสิ่งใดเลยแต่ว่า ต
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี