"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
“คุณหนูต้องจำเอาไว้ให้ดีนะเจ้าคะ คนที่มีไฝเสน่ห์ที่หางตาถึงจะเป็นเจ้าบ่าวของคุณหนูนะเจ้าคะ”ก่อนจะเดินออกไป บ่าวรับใช้ยังไม่วายจะกำชับเพิ่มอีกว่า “คุณหนูเจ้าคะ หากว่าพวกเขามีการแกล้งบ่าวสาวก่อนเข้าหอ คุณหนูต้องห้ามคว้าเจ้าบ่าวผิดตัวนะเจ้าคะ!”กู้อวิ๋นซีพยักหน้าลงเป็นเชิงว่านางเข้าใจแล้ววันนี้เป็นวันแต่งงานของนางกับจวินฉู่หลีเจ้าบ่าวของนางมีฝาแฝดผู้พี่อยู่คนหนึ่ง ทั้งคู่มีหน้าตาเหมือนกันมากจนแทบจะแยกไม่ออกสิ่งเดียวที่จะสามารถใช้เป็นเครื่องจำแนกได้ก็คือ ที่หางตาของสามีนางมีไฝเสน่ห์อยู่เม็ดหนึ่งฉู่จวินหลีมีเป็นคนที่อบอุ่น ดูแลนางเป็นอย่างดีไม่มีบกพร่องส่วนจวินเย่เสวียนผู้เป็นพี่ชาย เป็นถึงเสวียนอ๋องเทพแห่งสงครามของหนานหลิงกั๋ว ว่ากันว่า จิตใจโหดเหี้ยม เย็นชา ชอบใช้กำลังแถมยังชอบฆ่าคนอยู่เป็นนิจถึงแม้กู้อวิ๋นซีจะไม่เคยเจอกับเสวียนอ๋องมาก่อน แต่นางคิดว่า นางจะต้องแยกความแตกต่างของทั้งสองคนออกได้แน่นอนแต่จะว่าไป ใครจะแยกสามีของตัวเองไม่ออกบ้างล่ะตอนนี้บ่าวรับใช้กับแม่เฒ่าผู้ทำพิธีก็ออกไปแล้วในคืนเข้าหอนี้เหลือเพียงกู้อวิ๋นซีที่นั่งรออยู่ในห้องหอเพียงคนเดียว นางมองตรงไปย
กู้อวิ๋นซีรู้สึกเหมือนว่าตัวเธอใกล้จะตายเต็มทีพละกำลังของชายหนุ่มช่างน่ากลัวยิ่งนักคล้ายกับเทพแห่งสงครามที่ศัตรูได้ยินชื่อก็ต่างพากันกลัวจนหัวหด เขารุกเธอกระหน่ำรุนแรง คล้ายจะบดขยี้ตัวเธอให้แหลกละเอียดไปซะเดี๋ยวนั้น!เนื่องจากตัวเขาแนบชิดเธอจากด้านหลัง ทำให้กู้อวิ๋นซีไม่สามารถมองใบหน้าของเขาได้ชัดเจนทุกครั้งที่เธอพยายามจะหันหลังกลับไปมอง เขาก็มักจะใช้ริมฝีปากของเขามาปิดปากของเธอไว้ก่อนเสมอจากนั้นก็จะยิ่งรุกรุนแรงขึ้นอย่างน่ากลัว!ทั้งร่างกายและวิญญาณของเธอ ถูกเขากระแทกกระทั้นจนแทบจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆจนสุดท้าย เธอก็หลับไป เนื่องจากความหวาดกลัวและอ่อนล้าที่สะสม...ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอหลับไปนานเท่าไร แต่ตอนนี้เหมือนจะใกล้ถึงเวลาย่ำรุ่งแล้วกู้อวิ๋นซีที่ยังคงมึนๆ งงๆ อยู่ รู้สึกได้ว่าเหมือนมีใครกำลังโอบกอดตัวเธอด้วยท่าทีที่ไม่หยาบคาย แต่ก็เป็นความอ่อนโยนที่เธอเองก็อธิบายไม่ถูกเช่นกัน"...ฉู่หลี?" กู้อวิ๋นซีรู้สึกหวาดระแวงในใจ เธอรีบลืมตาขึ้นมาดูพร้อมกับเรียกชื่อของเขาออกไป "ฉู่หลี!"ที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้ คือใบหน้าหล่อเหลาของจวินฉู่หลีไฝเสน่ห์ที่หางตาของเขา ยังค
กู้อวิ๋นซีรู้ว่าจวินเย่เสวียนกับจวินฉู่หลีหน้าตาเหมือนกันมากแต่เธอคิดไม่ถึงเลย ว่าทั้งสองคนจะเหมือนกันมากขนาดนี้!เขาค่อยๆ สาวเท้าลงบันไดมา เงาร่างสูงใหญ่ แผ่กระจายไอเย็นเยียบราวกับเป็นก้อนน้ำแข็งเดินได้ทั้งแข็งกระด้าง เผด็จการ และเย็นชา!เป็นคนที่แค่ได้มองแว๊บแรก ก็ต้องรีบละสายตาไม่กล้ามองอีกเป็นครั้งที่สองทั้งตัวเขามีรัศมีความเป็นราชนิกูลผู้สูงส่งมาแต่กำเนิด มีความน่าเกรงขาม ที่แค่เข้าใกล้ก็สามารถกดดันให้เธอแทบจะหายใจไม่ออกอย่างที่คิด เขาช่างเป็นคนที่มีนิสัยแตกต่างจากสามีของเธอโดยสิ้นเชิงเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา กู้อวิ๋นซีก็รีบถวายความเคารพอย่างรวดเร็ว "คารวะองค์ชายสี่"คนที่เดินมาไม่ได้มีปฏิกริยาตอบรับอะไรจวินเย่เสวียนเดินผ่านตัวของเธอไป ราวกับตัวเธอเป็นเพียงอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตนในสายตาเขาเขาเดินขึ้นรถม้าไป ม่านที่ปิดลงช่วยบดบังความเย็นชาจากตัวเขาไปได้บ้างกู้อวิ๋นซีถอนหายออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะได้ยินองค์รักษ์เยียนเป่ยพูดว่า "พระชายา รถม้าของพระชายาเกิดปัญหานิดหน่อย ไม่สามารถใช้การได้พ่ะย่ะค่ะ""เหลือเวลาไม่มากแล้ว สามารถซ่อมได้หรือไม่?" กู้อวิ๋นซีถามออกไปอย่างร้อน
"ขอประทานอภัยเพคะ!" กู้อวิ๋นซีรีบร้อนจะลุกขึ้นมาแต่คิดไม่ถึงว่ารถม้าจะเกิดการสั่นไหวขึ้นอีก ทำให้กู้อวิ๋นซีที่เพิ่งพยุงตัวขึ้นได้ต้องล้มลงไปอีกครั้งครั้งนี้เธอล้มลงไปบนตัวของจวินเย่เสวียนพอดีแถมมือของเธอก็ดันไปทับเข้ากับอะไรบางอย่างที่แม้จะปกปิดไว้ด้วยเสื้อผ้าก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุและแข็งขืน!"อ๊ะ!" กู้อวิ๋นซีตกใจจนตัวโยน เธอรีบชักมือกลับมาทันทีหน้าเธอแดงจัดจนแทบจะบีบเป็นหยดเลือดออกมาได้แล้ว!เธอไม่ทันระวัง ดันจับไปโดน...ขององค์ชายสี่ซะได้แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ ตอนที่ถูกเธอสัมผัสโดนอย่างไม่ทันระวัง ร่างกายขององค์ชายสี่กลับเกิดปฏิกริยาตอบสนองซะได้!มันถึงขั้นสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตาเปล่าเลยเชียวนะ!กู้อวิ๋นซีไม่รู้แล้วว่าเธอควรจะวางสายตาไว้ที่จุดไหนดี"บังอาจ!" แววตาของจวินเย่เสวียนมืดลง เขาใช้มือบีบไปที่คางของเธอนิ้วทั้งห้ากำแน่น จากนั้นก็ดันใบหน้าของเธอให้เงยขึ้นมามอง"เจ้าแต่งงานกับฉู่หลีไปแล้ว แต่ยังบังอาจมาให้ท่าข้าอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ไม่รักษากฎของภรรยา ต้องได้รับโทษเช่นไร""องค์ชายสี่ หม่อมฉันเปล่านะเพคะ!" กู้อวิ๋นซีจับไปที่มือของเขาเพื่อจะผลั
กู้อวิ๋นซีไม่อยากทำให้เขาโกรธ เธอกลัวว่าถ้าหากเขาโกรธ เขาจะทำเรื่องที่เธอรับไม่ได้ขึ้นมาอีกแล้วเธอก็เชื่อว่าเขาจะทำมันแน่!เสวียนอ๋องน่ากลัวเสียยิ่งกว่าที่เขาเล่าลือกันเสียอีกไม่เพียงนิสัยเย็นชามุทะลุ อีกทั้งยังไม่มีความรู้สึกเห็นใจคนอื่นเลยสักนิด!บทจะน่ากลัวขึ้นมาก็ไม่สนความเป็นความเป็นความตายของคนอื่นเลยในใต้หล้านี้ ทำไมถึงได้มีปีศาจบ้าคลั่งเช่นนี้อยู่ได้นะแต่เขาก็ดันเป็นพี่ชายที่ฉู่หลีให้ความเคารพมาก...กู้อวิ๋นซีพูดขอโทษอย่างระมัดระวัง"ขอประทานอภัยเพคะ องค์ชายสี่ หม่อมฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วย ต่อไปหม่อมฉันจะไม่ทำอีกแล้ว"ตั้งแต่เกิดมากู้อวิ๋นซีก็ไม่เคยกลัวใครมาก่อน แต่ตอนนี้ เธอกลัวเขามาก!ฝ่ามือของชายหนุ่มยังคงจับอยู่บนแก้มก้นของเธอ นิ้วมือเรียวยาวของเขาดูเหมือนจะกำลังเคาะอยู่เบาๆคล้ายกับว่าเขากำลังพิจรณาอยู่ว่าจะลงโทษเธอต่อไปดีหรือไม่รถม้ายังคงวิ่งไปข้างหน้า กู้อวิ๋นซีก็ยังคงนอนทาบอยู่บนตักของจวินเย่เสวียนเหมือนกับปลาที่นอนอยู่บนเขียง ความรู้สึกรอคอยให้ใครสักคนมาตัดสินชีวิตของตัวเองแบบนี้ มันรู้สึกแย่มากจริงๆไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร แต