มู่อันหนิงยังอยากจะพูดอะไร แต่จวินเย่เสวียนก็ไม่ตอบสนองใดๆ สุดท้ายเขาก็พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า "ไสหัวไป"มู่อันหนิงรีบออกไปอย่างเร็วถึงแม้จะถูกไล่ออกไป แต่จิตใจของมู่อันหนิงกลับรู้สึกอารมณ์ดีมากนางได้จัดการกู้อวิ๋นซีไปอย่างหนักหนา จนเกือบทำให้กู้อวิ๋นซีตายไปแล้ว แต่จวินเย่เสวียนก็ไม่ได้ลงโทษนางนี่เป็นสัญญาณที่ดีมากๆในใจของเขาตอนนี้ กู้อวิ๋นซีได้กลายเป็นผู้หญิงชั่วร้ายไปแล้วต่อไปจวินเย่เสวียนก็จะมีแค่ความเกลียดให้กลับกู้อวิ๋นซีเท่านั้น จะไม่มีความรักและทะนุถนอมนางอีก…คืนนั้น กู้อวิ๋นซีเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ยังไม่ทันจะได้ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ประตูห้องก็ถูกคนๆ หนึ่งเตะให้เปิดออกจากนั้น นางก็ถูกคนอุ้มขึ้นมาจากอ่างน้ำแล้วโยนลงไปบนเตียงจากนั้นก็ถูกทรมานอย่างหนักหน่วงนางเจ็บปวดจนอดที่จะน้ำตาไหลออกมาไม่ได้แต่ดูเหมือนผู้ชายที่อยู่ด้านหลังจะยังไม่คลายความโมโห!"เจ้าใช้วิชามารอะไร กล้าหว่านเสน่ห์ใส่แม้แต่คนของข้า? พูดมาสิ! เจ้าไปหว่านเสน่ห์ใส่พวกเขายังไง?""ข้าไม่รู้...ท่านอ๋องกำลัง...อ๊า! พูดอะไร"นางกัดริมฝีปากไว้ เกือบจะพูดอะไรไม่ออกแล้วเพราะว่าแค่อ้าปาก ตัวเองก็จะได้ยิ
กู้อวิ๋นซีหยุดร้องแล้วที่หางตายังมีหยดน้ำตาคลออยู่ ยังไม่ทันจะหยดลงมาร่างกายที่อ่อนแอของนาง ถูกเขาดึงขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวราวกับเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่งด้วยท่าทางที่ไร้เกียรติ ไร้ความเป็นมนุษย์ที่สุด ลอยอยู่ระหว่างแขนของเขากับเตียงนอนนางร่างกายไร้เรี่ยวแรง มีเพียงแขนที่เกี่ยวกับฝ่ามือใหญ่ของจวินเย่เสวียนเอาไว้ ร่างกายอ่อนปวกเปียก ลอยเขว้งอยู่กลางอากาศดูแบบนี้แล้ว ราวกับ...คนตายไปแล้วอย่างนั้นจวินเย่เสวียนรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก นี่มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าตอนที่นางร้องไห้ซะอีกในที่สุดเขาก็คลายมือ ปล่อยนางกู้อวิ๋นซีก็ราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นตามสายลม ร่วงลงบนผ้าปูเตียงล้มลงอย่างแรง จนกระแทกโดนหัวนี่เป็นสิ่งที่จวินเย่เสวียนไม่คาดคิดมาก่อนเมื่อได้ยินเสียง ตึง ในใจเขาก็รู้สึกกังวล อยากจะเข้าไปดูว่านางเป็นอะไรมากหรือเปล่าโดยสัญชาตญาณแต่ในตอนที่กำลังจะยื่นมือออกไป ความแค้นในใจก็ทำให้เขาต้องชักมือกลับมา!เขาบอกแล้วว่านางก็เป็นเพียงของเล่น!นางจะเป็นหรือตายมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?ความสงสารในแววตา หายวับไปอย่างรวดเร็ว เหลืออยู่เพียงแค่ความเกลียดชัง"คำถามที่ข
กู้อวิ๋นซีคิดว่าตัวเองไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ แล้ว แต่เมื่อจวินเย่เสวียนบีบข้อมือของนางหนักขึ้น นางก็ยังเจ็บจนอดไม่ได้ที่จะต้องขมวดคิ้วมุ่นแต่ว่า ที่ทำให้นางตกใจไปกว่านั้นกลับเป็นคำพูดของจวินเย่เสวียนเยี่ยนอี...อยากได้นาง?นี่เป็นสิ่งที่เกินกว่ากู้อวิ๋นซีจะคาดคิดฉับพลัน ก็เกิดกลัวขึ้นมา มองดูสายตาของจวินเย่เสวียน สายตาที่ไร้ความรู้สึกนั้นกลับพร่ามัวขึ้นมา"ในใจของเจ้ามีเขาอยู่จริงด้วย!" จวินเย่เสวียนโมโหจนตาแดงก่ำสายตาเมื่อสักครู่ยังไร้ความรู้สึกอยู่เลย ราวกับว่าบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรให้น่าสนใจอีกแล้วแต่ตอนนี้ พอได้ยินว่าเยี่ยนอีอยากได้นาง ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือนั้นกลับปรากฎสีหน้าที่มากมายขนาดนี้!สีหน้าที่ปรากฎออกมาในเวลาอันสั้นนี้ มากกว่าสีหน้าที่มีต่อเขาในทั้งคืนรวมกันซะอี!"กู้อวิ๋นซี เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? ในใจของเจ้าไม่ใช่มีเพียงฉู่หลีเหรอ? ตอนนี้แม้แต่เยี่ยนอีเจ้าก็อยากได้อย่างนั้นเหรอ? ยัยผู้หญิงไร้ยางอาย!"กู้อวิ๋นซีรู้สึกพูดไม่ออกจริงๆทั้งน้อยใจ สิ้นหวัง เจ็บปวดใจแล้วแต่เขาจะเข้าใจยังไงเถอะ ถึงยังไง นางก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตรอดไปจนถึงพรุ่งนี้หรือเปล่า
ห้องของอันเซี่ยถูกลงกลอนจากด้านในกู้อวิ๋นซีลองอยู่หลายครั้งแต่ก็ผลักไม่ออกเลยพอเรียกนาง คนด้านในก็ไม่มีการตอบรับเลยสักนิดกู้อวิ๋นซีรู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งเครียดขึ้นทุกที"อันเซี่ย เจ้าตื่นหรือยัง? รีบเปิดประตูสิ ไม่เช่นนั้นข้าจะพังประตูเข้าไปแล้วนะ!"ด้านในก็ยังไม่มีการตอบรับใดๆกู้อวิ๋นซีรู้สึกใจหาย ไม่คิดอะไรมากอีก นางกระแทกประตูเข้าไปอย่างแรงเพราะว่าใช้แรงเยอะมาก ดังนั้นตัวนางเลยกระเด้งกลับมานั่งล้มอยู่บนพื้นแต่ประตูบานนั้นก็ยังถูกปิดไว้สนิทอยู่นางไม่มีแรงแล้วสองวันนี้ นางถูกจวินเย่เสวียนทรมานทุกคืน แค่กระแทกประตู ก็รู้สึกเจ็บไปหมดทั้งตัวไม่มีแรงเลยสักนิดกู้อวิ๋นซีพยายามลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก หยิบเอามีดที่นางใช้ป้องกันตัวออกมาจากรองเท้าข้อยาวจากนั้นก็เดินไปข้างประตู เสียบปลายมีดเข้าไปตรงช่องประตู ยกเอากลอนที่ขัดอยู่ด้านในออกตอนที่กำลังยกกลอนออกนั้นมือของกู้อวิ๋นซีก็สั่นระริกอยู่ตลอดนางไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ รู้เพียงว่าเมื่อคืนอันเซี่ยมาอยู่ที่หน้าประตูห้องนางส่วนเรื่องที่ว่าทำไมจวินเย่เสวียนถึงสัมผัสไม่ได้ คงเป็นเพราะตอนนั้นเสวียนอ๋องคง...กำลังหมกม
มู่อันหนิงคิดที่จะเดินเข้าไปจวินเย่เสวียนยิ่งขมวดคิ้วรุนแรงขึ้น มองนางอย่างเย็นชามู่อันหนิงไม่กล้าที่จะขยับอีกนางรู้มานานแล้วว่าเขาไม่อนุญาตให้ตัวเองเข้าใกล้ ต่อให้เขาจะนั่งและนางจะยืนอยู่ก็ตามที ก็ยังต้องยืนห่างจากเขาออกไปไม่ต่ำกว่าห้าก้าวขนาดจะเข้าไปช่วยเขาฝนหมึกเขายังไม่ยอมนอกจากกู้อวิ๋นซีแล้ว มู่อันหนิงก็ยังไม่เคยเห็นว่าจะมีผู้หญิงคนไหนได้รับสิทธิให้เข้าไปช่วยเสวียนอ๋องฝนหมึกได้"เมื่อคืนท่านไม่ได้พักผ่อนดีๆ เลย เหตุใดวันนี้ถึงไม่พักสักหน่อยล่ะ?"มู่อันหนิงรอเขาอยู่ที่เรือนหลักทั้งคืนบางทีแม้กระทั่งนางเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรออะไรเพียงแค่อยากจะรอ ดูว่าเขาจะออกมาจากเรือนซอมซ่อหลังนั้นของกู้อวิ๋นซีแล้วกลับเรือนหลักของตัวเองเมื่อไรต่อให้จะรู้ว่ายิ่งรอหัวใจของนางก็ยิ่งเจ็บก็ตาม แต่นางก็ยังอยากที่จะรอ คิดไม่ถึงเลยว่าการรอครั้งนี้จะต้องรอจนถึงเลยเที่ยงคืนไปแล้วจากนั้นเขาก็ไม่ยอมแม้กระทั่งกลับไปพักผ่อนที่ห้องนอนของตัวเอง แต่กลับตรงมาที่ห้องหนังสือเลยเมื่อคืนจวินเย่เสวียนไม่ได้นอน มู่อันหนิงเองก็ไม่ได้นอนสองวันมานี้ แค่คิดว่าเขาไปหากู้อวิ๋นซีอย่างเปิดเผย ไม่เกร
มู่อันหนิงมองเห็นมีดเล่มนั้นอย่างชัดเจน มันอยู่ห่างจากหน้าอกของนางเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้นเห็นได้ชัดว่าอีกผ่ายไม่มีสติ จนเรียกว่าแทบบ้าคลั่งแล้วด้วยวรยุทธ์ของมู่อันหนิง นางมีโอกาสที่จะสามารถหลบพ้นได้แต่นางกลับเปลี่ยนฝีเท้าของตัวเอง หดขาที่ก้าวออกกลับไปเอียงตัวหลบมีดเล่มนั้นให้พ้นจากตำแหน่งหัวใจของนาง แต่ก็ยังปักเข้ากลางอกของนางอยู่ดี"อ๊า..." ตอนที่กู้อวิ๋นซีดึงมีดออกมา มู่อันหนิงก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ล้มลงไปบนพื้นเลือดไหลทะลักออกจากหน้าอกของนางไม่หยุดการแทงของกู้อวิ๋นซีครั้งนี้ไม่สามารถคร่าชีวิตของนางได้ นางยกมีดขึ้นอีกครั้งคิดจะปักเข้าไปใหม่แต่ครั้งนี้ กลับถูกแรงกระแทกจะฝ่ามือหนึ่งซะก่อนนางที่ยืนอยู่ตรงบันได กำลังเตรียมจะวิ่งเข้าไปอีกครั้งถูกแรงกระแทกจากฝ่ามือของจวินเย่เสวียนบีบให้ล่าถอยออกไป ไม่ทันระวังลื่นล้มจนกลิ้งตกลงมาจากบันได"เจ้า..." แววตาของจวินเย่เสวียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาอยากที่จะเข้าไปช่วยประคองนางโดยสัญชาตญาณแต่ที่ข้างเท้ากลับมีเสียงร้องอย่างน่าสงสารของมู่อันหนิงดังขึ้น "ฮือ เจ็บมาก เย่เสวียน...เย่เสวียนนี่ข้าจะตายแล้วใช่หรือไม่?"กู้อวิ๋นซีที่กลิ้งตกบันไดลงไป
มู่อันหนิงได้รับบาดเจ็บสาหัส กู้อวิ๋นซีเองก็โดนฝ่ามือของมู่อันหนิงไปทีหนึ่ง ตอนนี้สลบไม่ได้สติหลังจากที่หมอในจวนยุ่งหัวหมุนอยู่สักพักในที่สุดเยียนเป่ยก็หาสาเหตุที่กู้อวิ๋นซีเกิดคลั่งขึ้นมาได้แล้วตอนที่กลับมา เขาตัวแข็งไปทั้งตัว รู้สึกเย็นไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้าตัวสั่นไปทั้งตัว ขนาดนิ้วมือก็ยังสั่น"อันเซี่ย...ผูกคอตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อเยียนเป่ยพูดจบ เยี่ยนอีที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อไปจวินเย่เสวียนที่ยืนอยู่ข้างเตียง ก็มีอาการนิ้วเกร็งเครียดผ่านไปสักพัก ทุกคนถึงทำใจยอมรับกับข่าวนี้ได้ตอนที่จวินเย่เสวียนหันกลับมามองเขา ในสายตาไม่มีความรู้สึกใดๆ แล้ว"เพราะอะไร?"เยียนเป่ยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เดินไปอยู่ตรงหน้าของจวินเย่เสวียนอย่างเงียบๆ แล้วยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้อย่างนอบน้อมเป็นจดหมายสั่งเสียของอันเซี่ย"คุณหนู ขอโทษด้วย นางพูดถูก การที่ข้ามีชีวิตอยู่ก็จะเป็นภาระให้ท่านเปล่าๆ"คุณหนู อันเซี่ยขอลาก่อน ต่อไปท่านก็จะไม่ต้องถูกเสวียนอ๋องข่มขู่อีกต่อไปท่านก็ไปในที่ที่ท่านอยากจะไป มีชีวิตในแบบที่ท่านอยากจะมีเถอะเจ้าค่ะแต่เสียดาย อันเซี่ยไม่อาจอยู่เป็นเพื่อ
"เยี่ยนอี เจ้าจะทำอะไร?"เยียนเป่ยรู้อยู่แล้วว่าเยี่ยนอีจะต้องใจร้อนดังนั้นเมื่อรอให้หลานโจวรายงานเสร็จ หลังจากที่ท่านอ๋องกลับไปเฝ้ากู้อวิ๋นซีต่อแล้ว เยียนเป่ยก็รีบพุ่งตัวออกมาเลยอย่างที่คิด เขาได้เจอเยี่ยนอีที่ใบหน้าบึ้งตึงอยู่ที่หน้าเรือนของมู่อันหนิง"ด้วยวรยุทธ์ของนาง สภาพของแม่นางซีในตอนนั้นจะทำร้ายนางให้บาดเจ็บจริงๆ ได้อย่างไร?"เยี่ยนอีขมวดคิ้วมุ่น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ"นางกำลังใช้แผนเรียกร้องความสงสาร! นางจงใจให้แม่นางซีทำร้ายตัวเองได้!""เจ้าคิดว่าท่านอ๋องไม่รู้หรือยังไง?" เยียนเป่ยทำหน้าเอือมระอา "ท่านอ๋องไม่ใช่คนโง่! แต่ตอนนี้จะทำอย่างไรได้? นางไม่ได้ลงมือกับอันเซี่ยจริงๆ เป็นอันเซี่ยที่รับความกดดันไม่ได้เอง!"ถึงแม้ในใจของเยียนเป่ยเองก็จะรู้สึกเจ็บปวดเด็กร่าเริงบริสุทธิ์จริงใจคนนั้น ไม่กี่วันก่อนยังพูดเสียงแจ้วๆ ต่อหน้าเขาอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับไม่อยู่แล้ว!ในใจของเขารู้สึกแย่มากจริงๆแต่เขาจะทำอะไรได้? คนตายไปแล้วไม่อาจฟื้นคืน!เยี่ยนอีรู้ว่าคนตายไปแล้วไม่อาจฟื้นคืนเขาเองก็รู้ ด้วยสภาพของมู่อันหนิงในตอนนี้ ต่อให้ตัวเองบุกเข้าไปก็คงไม่สามารถลงมือทำร้ายนางจ