Share

บทที่ 7

นัยน์ตาฮั่วหยุนถิงแวววาวไปด้วยความหวัง ทว่าดูชื่อที่ขยับไปมาบนหน้าจอโทรศัพท์ สีหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นผิดหวังทันที

ปลายสายคือฉือซวนที่โทรเข้ามา ทันทีที่กดรับโทรศัพท์น้ำเสียงอารมณ์ดีก็ดังออกมา"พี่หยุนถิง ใกล้ถึงวันเกิดคุณปู่แล้ว คุณพ่อคุณแม่ให้ฉันแจกจดหมายเชิญ หลังจากนี้พี่ว่างไหมคะ ฉันผ่านบริษัทฮั่วซือพอดี จะเอาจดหมายเชิญให้ ถ้าสะดวกไปกินข้าวด้วยกันไหมคะ?"

ฮั่วหยุนถิงเอ่ยปากด้วยสีหน้านิ่งๆ:"ได้"

"โอเค งั้นเอาไว้เท่านี้ก่อนแล้วกันค่ะ"

หลังจากวางโทรศัพท์ลง ความหงุดหงิดในใจของฮั่วหยุนถิงไม่เพียงแต่ไม่ลดน้อยลงแต่กลับเพิ่มความหดหู่ขึ้นอีก ทำไมเอกสารในมือที่อ่านไม่เข้าหัวเลยนะ

เขาไม่คิดเลยว่าครั้งนี้เฉินมู่เจินจะเด็ดเดี่ยว ถึงขั้นห้ามใจไม่ติดต่อมาหาเขาได้!

"ก็อก ก็อก ก็อก!"

มีเสียงเคาะประตูจากหน้าห้องทำงาน เค่อหนิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมกับเอกสารหนึ่งชุด:"ท่านประธานครับ เมื่อสักครู่ผมได้ยินข่าวว่าที่ดินทางตะวันออกของเมืองดูเหมือนเริ่มประมูลล่วงหน้าครับ!"

ฮั่วหยุนถิงหน้านิ่ง เขาพูดขึ้นทันทีว่า:"แจ้งผู้รับผิดชอบโครงการนี้กับผู้ถือหุ้นว่าประชุมในอีกห้านาที!"

จังหวะที่ฉือซวนมาถึงนั้น ฮั่วหยุนถิงกำลังประชุมอยู่พอดี คนที่มาต้อนรับเธอนั้นก็คือเค่อหนิง

"คุณหนูฉือครับ ท่านประธานเพิ่งเริ่มประชุมได้ไม่นาน ท่านให้ผมพาคุณหนูไปรอท่านที่ห้องทำงานครับ"

ฉือซวนยิ้มอย่างอบอุ่น"ขอบคุณค่ะ "

หลังพาฉือซวนไปที่ห้องทำงานฮั่วหยุนถิง เค่อหนิงก็บอกเธอว่าหากมีอะไรสามารถเรียกเขาได้ตลอด ก่อนจะเดินจากไป

หลังจากประตูปิดลง ฉือซวนก็เดินไปที่โต๊ะของฮั่วหยุนถิง กำลังจะวางจดหมายเชิญสีบรอนซ์ไว้บนโต๊ะ สายตาเหลือบไปเห็นกล่องสีแดงแวววาวที่วางอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ อดไม่ได้ที่จะหยุดดู

กล่องนี้เหมือนกล่องใส่เครื่องประดับเลย เธอนึกขึ้นได้ว่าใกล้ถึงวันเกิดตัวเองแล้ว หรือว่านี่จะเป็นของขวัญวันเกิดเธอที่ฮั่วหยุนถิงเตรียมไว้ให้

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉือซวนก็หยิบกล่องสวยๆนั้นขึ้นมา

ยังไงซะมันก็เป็นของที่เขาซื้อให้ฉันอยู่ดี แอบดูหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม?

ขณะที่คิดมือเธอก็เปิดกล่องไปด้วย ในกล่องก็คือสร้อยคอเส้นที่ฮั่วหยุนถิงประมูลที่งานประมูลซีแอตเทิล

ตอนนั้นเธอถามเขาว่าซื้อให้ใคร เขาไม่ตอบ เพิ่งจะรู้ว่าที่แท้ก็คิดจะเซอร์ไพรซื้อให้เธอนี่เอง

ฉือซวนอารมณ์ดีขึ้นมาในทันที เธอกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะนำกล่องนั้นกลับไปวางที่เดิม

กว่าฮั่วหยุนถิงจะประชุมเสร็จก็หนึ่งชั่วโมงต่อมา

เมื่อเห็นฉือซวน แววตาของเขาก็ฉายแววคำขอโทษ"เมื่อกี้ประชุมกะทันหันน่ะ"

ฉือซวนลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน:"อื้ม ฉันเข้าใจ เมื่อกี้ฉันสั่งอาหารไป น่าจะใกล้ถึงแล้วแหละ"

"ครับ "

"อ๋อใช่ จดหมายเชิญฉันวางไว้บนโต๊ะนะ เสาร์หน้าวันเกิดคุณปู่ ตอนนั้นพี่ว่างมาร่วมงานไหมนะ?"

ฮั่วหยุนถิงขมวดคิ้ว"อีกสองวันพี่ต้องเดินทางไปติดต่องาน วันเสาร์ไม่แน่ใจว่ารีบกลับได้ไหม แต่จะพยายามนะ"

"เอ่อ ว่าแต่......ช่วงนี้พี่เธอติดต่อกับเธอบ้างไหมพี่โทรหาแล้วขึ้นรอสายตลอดเลย เธอรู้ไหมว่าพี่เธอตอนนี้อยู่ไหน?"

เมื่อพูดถึงฉือมู่เจิน ฮั่วหยุนถิงก็ยิ่งขมวดคิ้ว น้ำเสียงก็เย็นชาขึ้น"พี่ตามหาทำไมอ่ะ?"

ฉือซวนเม้มริมฝีปาก เธอตอบด้วยสีหน้ากังวล:"พี่ก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวกับพี่ฉันไม่ค่อยดี พี่ถูกพากลับมาตอนอายุสิบหก หลังจากนั้นก็คิดมาตลอดว่าคุณพ่อคุณแม่รักฉัน ช่วงนี้เหมือนจะวุ่นวายจนไม่มีความสุข ลองใช้ประโยชน์จากวันเกิดปู่ปรับความเข้าใจแล้วกัน"

ฮั่วหยุนถิงเงียบไปหลายวินาที เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น:"เรื่องนี้พี่จะคุยกับพี่เธอเอง"

เมื่อเห็นว่าอั่วหยุนถิงดูไม่เต็มใจจะพูดถึงเรื่องนี้มากนัก ฉือซวนก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน

......

ทันทีที่ฉือมู่เจินทำแผนงานเสร็จ ก็ได้รับโทรศัพท์จากฉือเจิ้น

"เสาร์หน้าวันเกิดปู่แก กลับมาด้วย!"

ฉือมู่เจินเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ:"หนูเพิ่งหางานได้ น่าจะยุ่งมาก ไม่แน่ใจว่าจะมีเวลา "

ทันทีที่พูดจบ เสียงโกรธๆของฉือเจิ้นก็ดังขึ้น"จะมีอะไรสำคัญไปกว่าวันเกิดปู่แก?! ไม่ว่ายังไง เสาร์หน้าแกก็ต้องมา ทางที่ดีพาฮั่วหยุนถิงมาด้วย!"

ตอนนี้ตระกูลฉือไม่เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว หนึ่งเดือนก่อนเฒ่าแก่ฉือได้กำชับฉือเจิ้น ต้องพาฮั่วหยุนถิงมางานวันเกิดเขาให้ได้ ทำแบบนี้ถึงจะจัดการคนอื่นๆไม่ให้ระรานตระกูลฉือได้

ฉือมู่เจินคิดอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องที่เธอกำลังจะหย่ากับฮั่วหยุนถิง จริงๆแล้วควรบอกพวกเขาต่อหน้า จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในอนาคต

"ได้ หนูเข้าใจแล้ว ถึงตอนนั้นหนูจะหาเวลาไปนะ"

ฉือเจิ้นไม่พูดอะไรต่อ แต่กดวางสายทันที

สวีโร่วไม่พอใจกับสิ่งที่เขาทำ เธอขมวดคิ้ว:"คุณให้ฉือซวนเอาจดหมายเชิญไปให้ฮั่วหยุนถิงแล้ว ทำไมต้องให้ฉือมู่เจินไปพูดเรื่องนี้อีก? !"

สำหรับลูกสาวที่ไม่ได้โตมาข้างๆกายเธอนั้น ถึงจะคล้ายฉือซวนอยู่เจ็ดแปดส่วน แต่สวีโร่วก็ไม่ชอบอยู่ดี

ตอนเธอให้กำเนิดฉือมู่เจินกับฉือซวนได้ไม่นาน ซินแสที่ตระกูลฉือไว้ใจจู่ๆก็โผล่มาที่บ้าน เขาว่าถ้าเก็บแือมุ่เจินไว้จะเป็นกาลกิณีกับคนในบ้าน

หลังชั่งน้ำหนักอยู่นาน ตระกูลฉือก็ตัดสินใจเอาฉือมู่เจินไปทิ้งไว้หน้าประตูสถานสงเคราะห์

ใครจะไปคิดว่าพออายุสิบหกปี ฉือซวนจู่ๆจะล้มป่วย คนในตระกูลฉือก็ไม่มีใครเหมาะกับปลูกถ่ายอวัยวะเลย พวกเขาทำได้แค่พาฉือมู่เจินกลับมา

เพราะพวกเขาเป็นฝาแฝดกัน ยีนของฉือมู่เจินกับฉือซวนนั้นคล้ายกันมาก สุดท้ายก็ปลูกถ่ายอวัยวะสำเร็จ ฉือมู่เจินให้ไขกระดูกกับฉือซวน พวกเขาถึงยอมให้ฉือมู่เจินอยู่ต่อในตระกูลฉือ

แต่ทุกครั้งที่เห็นฉือมู่เจิน ทุกคนในตระกูลฉือต่างก็นึกถึงคำพูดของซินแสคนนั้นราวกับมีหนามในใจจึงปฏิบัติกับมู่เจินด้วยท่าทีที่เย็นชา

โดยเฉพาะสวีโร่วที่รู้ว่าฉือมู่เจินถูกชาวบ้านรับไปเลี้ยงบุตรบุญธรรมในพื้นที่ห่างไกล ก็รู้สึกว่าบนตัวของฉือมู่เจินนั้นมีกลิ่นดิน เวลามายืนกับลูกสาวที่เธอเลี้ยงมาสิบปีอย่างฉือซวนก็รู้สึกไม่สบายใจ

หลังจากนั้นฉือมู่เจินมักจะไม่ค่อยเชื่อฟังเธอ สวีโร่วคุยกับสองประโยคก็ทะเลาะกันแล้ว ความสัมพันธ์นับยิ่งยิ่งแย่

ตอนนี้แค่พูดถึงฉือมู่เจิน สวีโร่วก็อดไม่ไหวที่จะรู้สึกขยะแขยง

ฉือเจิ้นเหลือบมองเธอและพูดอย่างเย็นชา:"เธออย่าลืมว่าตอนนี้มู่เจินคือเป็นภรรยาของฮั่วหยุนถิง"

สวีโร่วหัวเราะอย่างดูถูก"ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นซวนซวนไปต่างประเทศ เธอจะมีโอกาสได้แต่งงานกับฮั่วหยุนถิงไหม?! ตอนนี้ซวนซวนกลับมาแล้ว ฮั่วหยุนถิงก็ไม่ชอบเธอ ฉันว่ารีบๆ ให้พวกเขาหย่ากันแล้วให้ฮั่วหยุนถิงแต่งงานกับซวนซวนจะดีกว่า แบบนี้จะเป็นผลดีต่อทุกคน!!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉือเจิ้นก็ขมวดคิ้วและอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดถึงเรื่องนี้ในใจ

ทุกครั้งที่เขาโทรไปให้ฉือมู่เจินไปโน้มน้าวฮั่วหยุนถิงให้ช่วยเหลือตระกูลฉือ ทว่าฉือมู่เจินก็ปฏิเสธทุกครั้ง ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

ฉือมู่เจินกับฮั่วหยุนถิงแต่งงานมาสามปีแล้ว และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีลูก ถ้าจะให้หย่ามาแต่งกับฉือซวน ก็ไม่เป็นผลเสียอะไรกับตระกูลฉือ

ถึงอย่างไรฉือเจิ้นเป็นคนที่ระมัดระวังมาก ถ้าเขายังไม่เข้าใจความคิดของฮั่วหยุนถิงอย่างถ่องแท้ เขาจะไม่ทำอะไรอย่างรีบร้อน

"เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง ผมเตือนคุณเลย ถ้าผมไม่อนุญาต อย่าพูดอะไรกับมู่เจินมั่วซั่ว ถ้ามันบานปลายขึ้นมา ผมจะไม่ปล่อยคุณไว้แน่!"

สวีโร่วเปลี่ยนสีหน้า จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า: "รู้แล้ว ยังไงช้าเร็วก็ต้องเลิกกันอยู่ดี ฉันขี้เกียจเกินกว่าจะไปทำเรื่องไม่ดี!"

หลังจากเงียบไปสักพัก ฉือเจิ้นก็พูดด้วยเสียงต่ำ:"คุณบางครั้งทำดีกับมู่เจินบ้างก็ดี ยังไงเราก็เป็นหนี้เธอ"

ความรังเกียจฉายแววในตาของสวีโร่ว เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: "ถ้าคุณจะดีกับเธอ คุณก็ทำเอง อย่ามาลากฉันไปเกี่ยว! ฉันยอมรับแค่ว่ามีซวนซวนเป็นลูกสาวเท่านั้น! และอย่าลืมนะ ว่าครั้งก่อนที่ซินแสบอกว่าหลังจาก"

"สวีโร่ว!"

ฉือเจิ้นขัดจังหวะเธออย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ"ถ้าผมได้ยินคุณพูดแบบนี้อีก อย่าหาว่าผมไม่ไว้หน้านะ!"

สีหน้าของสวีโร่วซีดเผือกเมื่อโดนฉือเจิ้นดุ กระทั่งฉือเจิ้นเดินออกไปเธอถึงค่อยๆผ่อนคลายลง

ในใจเธอก็แอบกลัวเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็ขยะแขยงฉือมู่เจินมากขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะฉือมู่เจิน ตอนนี้จะเกิดเรื่องเยอะแยะแบบนี้เหรอ!

ตกกลางคืนแล้วได้เวลาเลิกงาน ฉือมู่เจินกำลังจะออกไป ลมก็หอบเสิ่นเถียนเข้ามา

"มู่เจิน คืนนี้มีแพลนอะไรไหม?!"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status