Share

บทที่ 6

เธอเปิดประตูลงจากรถก่อนจะหันหลังเดินกลับ รถมายบัคคันสีดำจอดนิ่งไม่ขยับอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าสุดท้ายรถก็ขับออกไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเธอ

บนรถฮั่วหยุนถิงที่มองผ่านกระจกหลัง เห็นเงาฉือมู่เฉินที่เล็กลงเรื่อยๆ ในใจเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

เขาไม่เข้าใจ ฉือมู่เจินที่มักอ่อนโยนอยู่เสมอ ทำไมครั้งนี้กลับดื้อด้านเสียอย่างงั้น เขาอุตส่าห์ลดตัวลงมาเพื่อมาหาเธอ เธอก็ยังคิดจะหย่า

แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องไปหาฉือซวนก่อน ไว้ค่อยหาเวลาคุยกับฉือมู่เจินทีหลังแล้วกัน

ฉือมู่เจินเดินกลับมาได้ประมาณหนึ่งร้อยเมตร เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากซืออีเหิง

"มู่เจิน ตอนนี้เธออยู่ไหน?"

ได้ฟังน้ำเสียงที่แฝงด้วยความกังวลของเขาแล้ว ในใจของฉือมู่เจินก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

"ฉันอยู่ครึ่งทางเขาน่ะ อยู่บนถนนกำลังกลับ"

"ประธานฮั่วล่ะ?"

นัยน์ตาฉือมู่เจินไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใด เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย:"ไปแล้วล่ะ"

"เขาก็เลยทิ้งผู้หญิงอย่างเธอไว้คนเดียวกลางเขาดึกๆดื่นๆเนี้ยนะ?! ฉันจะไปรับเธอเดี๋ยวนี้ รอฉันนาที!"

ไม่เปิดโอกาสให้ฉือมู่เจินปฏิเสธ ทันทีที่พูดจบซืออีเหิงก็วางสาย

ฉือมู่เจินยกหูโทรศัพทืลง เธอยืนอยู่กับที่รอซืออีเหิง

เมื่อซืออีเหิง ฉือมู่เจินกำลังยืนอยู่ข้างถนนเตะก้อนหินเล่นอย่างเบื่อหน่าย

เธอเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ เธอเห็นรถของซืออีเหิงจอดตรงหน้าเธอ

เขาเปิดประตูลงมา เมื่อเห็นว่าฉือมู่เจินไม่เป็นอะไร เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขารีบเดินไปข้างเธอพร้อมเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ

"มู่เจิน ขึ้นรถเถอะ"

เห็นท่าทีที่ใส่ใจของเขา ฉือมู่เจินก็อดหัวเราะไม่ได้ เธอพูดอย่างติดตลก:"ไม่แปลกใจเลยทำไมเหล่าสาวๆถึงอยากเป็นแฟนนาย นายนี่สุภาพบุรุษมากเลยนะ"

ซืออีเหิงกระตุกยิ้มมุมปาก"แล้วเธอล่ะ คิดว่าฉันจะเป็นแฟนที่ดีไหม?"

เห็นเขาพูดด้วยสีหน้าไม่จริงจังก็รู้ว่าเขาพูดเล่นเป็นแน่ ฉือมู่เจินก็พยักหน้าราวเห็นด้วย:"อยู่แล้ว ถ้าได้นายเป็นแฟนใครสักคนคงได้คะแนนเต็มแฟนดีเด่น "

นัยน์ตาเศร้าของซืออีเหิงปรากฎขึ้นแวบหนึ่ง ทว่าเขายังคงยิ้ม:"น่าเสียดายที่คนที่ฉันชอบไม่ได้ชอบฉัน"

ฉือมู่เจินตบไหล่เขาเบาๆ พร้อมพูดปลอบโยน:"บังเอิญจริงๆ คนที่ฉันชอบก็ไม่ชอบฉัน"

ซืออีเหิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา"เธอนี่ปลอบได้แย่มาก ฉันเศร้ากว่าเดิมอีกนะเนี้ย"

"พอๆ เรารีบกลับกันเถอะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปทํางาน"

ซืออีเหิงเลิกคิ้ว"กลับมาเป็นเอเจนซี่ฉันเหรอ?"

"ไม่ใช่อยู่แล้ว อีกอย่างนายก็มีเอเจนซี่อยู่แล้ว ถึงฉันจะกลับไปเป็นเอเจนซี่แต่จะให้ไปหางานให้นายก็คงไม่ได้"

ซืออีเหิงยิ้มแล้วก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก

กลับมาถึงวิลล่า กาแฟที่ชงไว้ก็เย็นไปตั้งนานแล้ว ฉือมู่เจินเองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะกินกาแฟ เธอบอกราตรีสวัสดิ์ซืออีเหิงก่อนจะเข้าห้อง

เช้าวันที่สอง ฉือมู่เจินลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยเดินลงมาข้างล่าง เห็นเสิ่นเถียนที่มารออยู่ที่ห้องรับแขกด้านล่าง เธอก็รีบเดินลงบันได

"ท่านประธานเสิ่น ลองคิดพิจารณาให้ฉันพักผ่อนอีกสักวันดีไหม?"

เสิ่นเถียนหัวเราะอย่างเยือกเย็นราวกับปีศาจกินคน เธอเอาเอกสารในมือเธอใส่ในอ้อมแขนฉือมู่เจิน

"พักมาสามปีแล้ว ยังคิดจะพักอีกเหรอ ระหว่างทางไปบริษัทก็ดูเอกสารพวกนี้ให้เสร็จ วันนี้ยังมีศึกหนักต้องรับอีกนะ!"

ฉือมู่เจินมองเอกสารในอ้อมแขน แทบพูดไม่ออกจนจะสำลัก"ทำงานวันแรกงานก็กดดันแบบนี้แล้วเหรอ?"

"เลิกพูดได้แล้ว เธอไม่อยู่สามปี พวกตาแก่นั่นจะทำบริษัทเอ็มวายล่มอยู่แล้ว เอาลูกเอาหลานตัวเอามาในบริษัท มาเป็นกาฝากงานการไม่ทำเอาแต่รับเงิน ถ้าเธอยังไม่กลับมาอีก ไม่ช้าก็เร็วบริษัทล้มแน่!"

ฉือมู่เจิน:"......"

ระหว่างทางไปบริษัท เสิ่นเถียนไม่อาจสะกดผีขี้เม้าท์ในใจเธอได้

"เออนี่ ตอนไปหาเธอเมื่อเช้าฉันเห็น ซืออีเหิง นักแสดงนำหน้าใหม่ในบ้านเธอ เธอเพิ่งหย่ากับฮั่วหยุนถิงได้ไม่นานก็เลี้ยงเด็กอย่างนักแสดงนำหน้าใหม่นั่นแล้วงั้นเหรอ?"

ฉือมู่เจินละสายตาจากเอกสารมามองหน้าเธอ ก่อนจะด้วยสีหน้าจริงจัง:"ข้อแรกฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน ข้อสองฉันยังไม่ได้หย่าจบกับฮั่วหยุนถิงเพราะงั้นเขายังไม่นับเป็นสามีเก่า"

สายตาเสิ่นเถียนเต็มไปด้วยความตกใจ"ก็คือเธอยังไม่ได้หย่ากับฮั่วหยุนถิง ก็เลี้ยงนักแสดงแล้ว? ! แรงมาก!"

ฉือมู่เจิน:"......เมื่อก่อนเธอสอบวาทกรรมผ่านไหม?"

เสิ่นเถียนเชิ่ดหน้าขึ้น"แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อก่อนฉันนี่ที่หนึ่งของชั้น"

"ทั้งชั้นมีเธอคนเดียวสินะ?"

เสิ่นเถียน:"ฉือมู่เจิน เธอน่ะเงียบไปเลย!"

ฉือมู่เจินก็ไม่พูดอะไรต่อ ก้มหน้าก้มตาดูเอกสารต่อไป

ดูไปสักพัก จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์แปลกแววตาสงสัยก็ปรากฎขึ้นในตาเธอ

ทันทีที่กดรับ เสียงที่กัดฟันพูดของฮั่วหยุนก็ดังออกมา

"ฉือมู่เจิน เอาเบอร์ผมออกจากรายชื่อที่ถูกบล็อกนะ!"

ฉือมู่เจินกดตัดสายทันทีพร้อมปิดเครื่องแล้วส่งโทรศัพท์ให้เสิ่นเถียน:"ขอเบอร์ใหม่มาให้ฉัน ส่วนเบอร์นี้ยกเลิกไปซะ"

เสิ่นเถียนนึกถึงตอนเมื่อตะกี้ที่ฉือมู่เจินแกล้งเธอ เธอเลยจงใจพูดแขวะ:"ฉันไม่ใช่เลขาเธอนะ! ไปบอกเลขาเธอสิ!"

ฉือมู่เจินปิดเอกสาร เธอยักคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า:"ก็ดี ไหนๆฉันก็เห็นว่าบริษัทเอ็มวายเองใกล้หมดหวังเต็มที งั้นก็รอเซ็นล้มละลายเลยแล้วกัน"

"อย่าๆๆ คุณผู้หญิงฉันผิดไปแล้วว จะไปหามาให้เดี๋ยวนี้โอเคไหม?!"

ฉือมู่เจินมองดูท่าทีอย่างกับลูกหมาของเธอ กลั้นไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว"เมื่อกี้ฉันล้อเล่น อย่าจริงจังสิ"

เสิ่นเถียน:"......"

ถึงบริษัทเอ็มวาย งานแรกของฉือมู่เจินก็คือเรียกประชุมผู้ถือหุ้น

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ผู้ถือหุ้นที่มักทำตัวโอ้อวดก็เดินออกจากห้องทีละคนด้วยใบหน้าซีดเซียวและนัยน์ตาโกรธแค้น

ไม่ทันไรในห้องประชุมก็เหลือเพียงเสิ่นเถียนและฉือมู่เจินในห้อง

เสิ่นเถียนยกนิ้วโป้งให้ฉือมู่เจินด้วยสีหน้าชื่นชม:"ประธานฉือ เธอนี่เก่งยังไงก็อย่างงั้นเลย! ฉันอึ้งเลยเมื่อกี้ตอนเห็นเธอเล่นพวกตาแก่นั่นจนพูดไม่ออก ฉันไม่เคยเห็นพวกเขาแพ้ย่อยยับขนาดนี้มาก่อนเลย"

ฉือมู่เจินเหลือบตามองเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์:"รีบทำรายชื่อผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ พนักงานในบริษัทเอ็มวายมาให้ที พรุ่งนี้จะเริ่มลดจำนวนพนักงานแล้ว"

ดวงตาของเสิ่นเถียนแวววาบไปด้วยแห่งความตกใจ"เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?! พวกตาแก่นั่นเพิ่งรับความพ่ายแพ้จากเธอไป ยังไม่ทันจะหายโกรธดี ถ้าไปแตะต้องคนของพวกเขาตอนนี้ กลัวว่าจะทำให้พวกเขาไม่พอใจนะ"

"ถ้าใครมีความเห็นอะไร ก็ให้เขามาหาฉันที่ห้องทำงาน"

ฉือมู่เจินพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะลุกเดินจากไป เธอตอนนี้รู้ปัญหาคร่าวๆของบริษัทเอ็มวายแล้ว ถ้าไม่ลงมือแก้ไขล่ะก็บริษัทเอ็มวายคาดว่าไม่ถึงปีหน้าล้มละลายแน่

ได้กลับมาห้องทำงานที่ห่างหายไปสามปี ฉือมู่เจินไม่มีแม้แต่จะซึมซับความรู้สึกใด เธอลงมือทำงานทันที

ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงข่าวการกลับมาของผู้ก่อตั้งบริษัทเอ็มวายก็แพร่สะพัดทั่วแวดวงธุรกิจเมืองหรงเฉิง

แต่ว่าเมื่อก่อนนั้นฉือมู่เจินไม่เคยปรากฎตัวสู่สาธารณชน สำหรับคนภายนอกนั้นเธอดูลึกลับ ตอนนี้ทุกคนต่างจับตาดูว่าที่เธอกลับมานั้นเพื่อช่วยบริษัทเอ็มวายจากการล้มละลายหรือเปล่า

ณ ห้องทำงานบริษัท ฮั่วซือ กรุ๊ป

ฮั่วหยุนถิงยังคงพยายามติดต่อฉือมู่เจิน ทว่าอีกฝ่ายกลับปิดเครื่องอยู่ตลอด ความอดทนของเขาเริ่มค่อยๆหมดลงทุกที

เค่อหนิงที่เดินเข้าไปในห้องทำงานรู้สึกราวกับตัวเองอยู่แดนหิมะ แม้แต่จะเดินยังต้องเดินเบาที่สุด

"ท่านประธานครับ แผนที่จะซื้อบริษัทเอ็มวายเราคงต้องชะลอก่อนครับ ได้ยินว่าผู้ก่อตั้งบริษัทเอ็มวายกลับมาแล้วครับ"

ฮั่วหยุนถิงขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก:"ดำเนินแผนการซื้อต่อ เสนอเงินเพิ่มจากเดิมห้าร้อยล้าน"

"ตอนนั้นก็ผู้ก่อตั้งบริษัทเอ็มวายที่ทำให้บริษัทเอ็มวายก้าวขึ้นมาได้ในแวดวงธุรกิจ แต่ภายหลังถอยออกจากบริษัทไป ครั้งนี้คงกลับมาเพื่อช่วยบริษัทเอ็มวาย ถ้าพูดเรื่องแผนซื้อบริษัทต่อ บริษัทเอ็มวายไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดนะครับ"

ฮั่วหยุนถิงแสดงออกจากไม่แยแสอะไร เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:"ดำเนินแผนต่อไป เงินไม่พอก็เพิ่มมันเข้าไปอีก ฉันไม่อยากพูดซ้ำเป็นครั้งที่สาม! แล้วก็ส่งคนไปเฝ้าที่วิลล่าซืออีเหิง เมื่อไหร่ที่ฉือมู่เจินโผล่มาให้แจ้งฉันด้วย"

"ครับ ท่านประธาน "

เค่อหนิงเห็นความหงุดหงิดในสายตาฮั่วหยุนถิง นั่นทำให้เขารู้สึกแปลกๆ เห็นได้ชัดว่าฮั่วหยุนถิงชอบฉือซวน แต่ทำไมไม่ยอมหย่ากับฉือมู่เจินมาแต่งกับฉือซวนล่ะ

แต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฮั่วหยุนถิง เขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ เขาทําได้แค่ทำตามคําสั่งของฮั่วหยุนถิงเท่านั้น

"ว่าแต่ท่านครับ เพชรหยาดน้ำตานางฟ้าที่ท่านประมูลตอนอยู่ซีแอตเทิลมาถึงแล้วนะครับ ท่านจะมอบให้คุณหนูฉือเองไหมครับ ?"

เพชรหยาดน้ำตานางฟ้าคือสร้อยคอที่มีอัญมณีรูปหยดน้ำสีฟ้าเป็นอัญมณีหลัก ประดับด้วยเพชรนับพันเม็ด สร้อยคอนี้เปล่งประกายใต้แสงไฟ สวยงามจนคนมองไม่อาจละสายตา

ครั้งแรกที่เขาเห็นมัน ฮั่วหยุนถิงก็รู้สึกว่ามันช่างเหมาะกับฉือมู่เจิน เขาประมูลมาเพราะตั้งใจจะให้ฉือมุ่เจินเป็นของขวัญครบรอบสามปี แต่ดันมาทะเลาะกับฉือมู่เจินเสียก่อน เขาจึงลืมไปเสียสนิท

เขาขบริมฝีปากบางนั่นและพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ :"เอามาให้ฉัน ฉันจะเอาไปให้เธอด้วยตัวเอง"

เค่อหนิงนำเพชรหยาดน้ำตานางฟ้ามาส่งให้ฮั่วหยุนถิงที่ห้องทำงานก่อนจะจากไป ฮั่วหยุนถิงหยิบเอกสารขึ้นมาหนึ่งฉบับ ทว่าอ่านยังไงก็ไม่เข้าหัว ในความคิดเขามีแต่ท่าทีที่ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะหย่าของฉือมู่เจินเมื่อคืน

เขาปิดเอกสารด้วยความหงุดหงิด ความรู้สึกที่ควบคุมอะไรไม่ได้นี่ทำให้เขาไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง

ขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นเพื่อหายใจสักหน่อย จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status