แชร์

บทที่ 0011

ผู้เขียน: สายธารสะท้อนเงา
ภายในเรือนโยวหลาน

เฟ่ยชุ่ยที่กำลังเก็บเศษซากแจกันที่แตกหักอยู่ด้วยหยาดน้ำตาคลอเบ้า พร้อมทั้งไหล่ทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทาเบา ๆ

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่นอนบนเตียงนั้น ได้แต่มองท่าทีผิดหวังของเฟ่ยชุ่ย ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“เฟ่ยชุ่ย ข้ามิเป็นอันใด เจ้าหยุดร้องไห้ได้แล้ว”

เฟ่ยชุ่ยพลันซืดน้ำมูกเข้าไป “เดิมทีท่านอ๋องก็เป็นปรปักษ์กับพระชายาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านยังต้องมาทะเลาะกับท่านอ๋องเพียงเพราะเรื่องของบ่าวอีก บ่าวเกรงว่าในอนาคตข้างหน้าจะ...”

“ข้าหาได้ทะเลาะกับเขาไม่ หากเอ่ยออกมาเกรงว่าเจ้าคงจักทำใจเชื่อได้ยาก แจกันใบนั้นมันแตกเอง ทั้งข้าและตงฟางหลีหาได้มีผู้ใดไปแตะต้องมันไม่” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว

“พระชายาเพคะ ท่านอย่าได้โกหกหม่อมฉันเลยเพคะ แจกันที่อยู่ดี ๆ มันจักแตกเองได้อย่างไรกันเพคะ? ต้องเป็นเพราะพวกท่านทั้งสองคนทะเลาะกันเป็นแน่”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้จักอธิบายถึงกลิ่นอายสังหารออกมาเช่นไรดี ทั้งยังคร้านที่จะอธิบายออกมาอีกด้วย "เจ้าเลิกคิดอันใดไร้สาระได้แล้ว เจ้าเก็บกวาดเศษซากแจกันเสร็จเมื่อใดเจ้าเข้ามาหาข้าด้วยเล่า ข้าจักตรวจร่างกายเจ้าอีกครั้ง ในระยะนี้ข้าได้แต่ภาวนาว่าขอให้มันมิกลายเปลี่ยนเป็นวัณโรคไปเสียก่อน”

มือของเฟ่ยชุ่ยพลันชะงักไปในทันที เศษซากแจกันพลันหล่นลงบนพื้นอีกครั้ง พร้อมด้วยเสียงที่ดังลั่น

ร่างกายของเฟ่ยชุ่ยเกิดอาการสั่นเทาขึ้นมา พร้อมทั้งสีหน้าที่ซีดเผือดไปในทันใด “พระชายาเพคะ…”

เฟ่ยชุ่ยถึงกับก้มหัวกระแทกกับพื้นเสียงดัง พลางส่งเสียงกระสะอีกสะอื้นออกมาว่า “พระชายาเพคะ บ่าวมิเป็นอันใดเพคะ ที่บ่าวไอเพียงเพราะบ่าวได้รับไอเย็นเท่านั้น หาใช่วัณโรคไม่ มิใช่วัณโรคเพคะ พระชายาอย่าได้ไล่บ่าวไปเลยนะเพคะ”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปครู่หนึ่ง

นางพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันทีว่า ณ สถานที่แห่งนี้ วัณโรคถือเป็นโรคที่อัปมงคลยิ่งนัก หากมีผู้ใดถูกพบเจอเข้า จักถูกส่งตัวไปยังที่ไร้ผู้คนเพื่อรั้งรอความตายของตนเองในทันที

เฟ่ยชุ่ยพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะซ่อนอาการป่วยของตนเองเอาไว้เช่นนี้ เกรงว่าคงจะกลัวตนเองโดนไล่ออกไปกระมัง

“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น” น้ำเสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา “อาการของเจ้าในยามนี้ คล้ายกับวัณโรคมากนัก ทว่า โรคปอดนั้นมีหลายประเภท การติดเชื้อจากแบคทีเรียยังแตกต่างกัน ข้าต้องตรวจวินิจฉัยให้แน่ใจเสียก่อน จึงจะสามารถจ่ายยาให้กับเจ้าได้"

“วางใจเถอะ ข้ามิไล่เจ้าออกไปอย่างแน่นอน อาการป่วยของเจ้านั้น ข้าจักเป็นผู้รักษาให้เอง”

เฟ่ยชุ่ยลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปาดหยาดน้ำตาลง พลางเดินมายืนอยู่ข้างกายฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยท่าทีหวาดกลัว

ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงหยิบแก้วใบหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะกดมันลงไปที่แผ่นหลังของเฟ่ยชุ่ย

“เจ้าร้องตะโกน...ตะโกนออกมาให้ดังกว่านี้”

เฟ่ยชุ่ยทำตามที่นางบอกในทันที

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ตั้งใจฟังอยู่นั้น จึงสามารถได้ยินภายในปอดได้ในทันที ช่วงทรวงอกและปอดของนางมีของเหลวอยู่ด้านใน

ทว่า ด้วยวิธีการนี้ไม่อาจวินิจฉัยอันใดได้มากนัก

เนื่องจากโรคปอดอักแสบและวัณโรคนั้น ในทางการแพทย์และมีอาการที่คล้ายคลึงกันมาก หากต้องการจะรู้สาเหตุให้แน่ชัดละก็ จำเป็นจักต้องตรวจเสมหะผ่านทางกล้องจุลทรรศ์ว่าติดเชื้อจากแบคทีเรียชนิดใด

ทว่า นางในยามนี้ไม่มีทางเลือกมากนัก

“เฟ่ยชุ่ย ข้าจักจ่ายยาให้เจ้าก่อนเสีย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงนำพู่กันและกระดาษมา ก่อนจะเขียนตัวยาลงไปในเทียบยาเสียสองสามตัว “เจ้ากินยาตามนี้ไปเสียก่อน”

เฟ่ยชุ่ยจ้องมองมาที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยท่าทีกระสับกระส่าย

เมื่อเห็นว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์มิได้มีท่าทีจักไล่ตนเองออกไปนั้น นางจึงได้แสดงท่าทีโล่งใจออกมา

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่ใช้นิ้มมือถูแหวนของตนเองไปมา ทว่า นับตั้งแต่การปรากฏตัวของขวดแมนนิทอลขวดนั้น แหวนหาได้มีการตอบสนองอันใดกลับมาไม่

นางพยายามลองใช้วิธีการต่าง ๆ มากมาย เพื่อมาควบคุมแหวนวงนี้ ทั้งยังเพื่อควบคุมโรงพยาบาลอีกด้วย ทว่า ล้วนแต่ล้มเหลวทั้งหมด

ในระหว่างนี้จึงจำเป็นต้องรักษาไปตามอาการเสียก่อน

เฟ่ยชุ่ยกินยาตามเทียบยาที่นางสั่งเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์

หลังจากผ่านไปได้เจ็ดวันนั้น

อาการป่วยของเฟ่ยชุ่ยหาได้ทุเลาลงไม่ ทั้งอาการยังแย่ลงอีกด้วย ทุกครั้งนางไอออกมาคล้ายว่าปอดจะหลุดออกมาด้วยก็ไม่ปาน

ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันรู้สึกกังวลใจอยู่เล็กน้อย

หากเฟ่ยชุ่ยเป็นวัณโรคจริง ๆ แล้วละก็ เกรงว่านี่อาจจะเป็นระยะแสดงอาการก็เป็นได้ มันอยู่ในะระยะแพร่เชื้อทั้งยังไม่มียาตัวใดสามารถรักษาได้อีก นี่มิใช่เรื่องเล่น ๆ แล้ว

นางจักต้องหามาตรการมารับมือให้ได้

ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงนำพู่กันและกระดาษออกมา ขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับตัวยาสมุนไพรเป็นจำนวนมาก เพื่อออกยาเทียบใหม่ให้เฟ่ยชุ่ยกินอีกครั้ง

“พระชายาเพคะ สำรับอาหารมาแล้วเพคะ” เมื่อเฟ่ยชุ่ยผลักประตูนำอาหารเข้ามาวางไว้บนโต๊ะแล้วนั้น ก่อนจะชะโงกหน้ามามองดูสิ่งที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เขียน ทว่า นางหาได้อ่านเข้าใจไม่

“พระชายากำลังเขียนสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ?”

“เปลี่ยนเทียบยา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวออกมา “ข้าได้เพิ่มตัวยาลงไปสองสามชนิดบนใบสั่งที่ท่านหมอให้เจ้า ลองดูว่าผลลัพธ์ในครานี้จักเป็นเช่นไร”

เฟ่ยชุ่ยกล่าว"บ่าวมิเคยรู้มาก่อนเลยว่าพระชายารู้จักทักษะการแพทย์ด้วย"

“เจ้ายังมีอะไรที่ไม่รู้อีกเยอะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ค่อย ๆ ยืนขึ้นด้วยท่าทีลึกลับ “เฟ่ยชุ่ย นี่คือความลับของข้า เจ้าอย่าได้เอ่ยเล่าอันใดออกไปเป็นอันขาด”

เฟ่ยชุ่ยจึงแย้มยิ้มกล่าวออกมา "บ่าวจักมิพูดออกไปแน่นอนเพคะ วันนี้อากาศหนาวยิ่งนัก ท่านรีบมารับสำรับในยามที่สำรับอาหารกำลังร้อนอยู่เถิดเพคะ"

เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์หันกายกลับมานั้น นางพลันเหลือบไปเห็นขอบดวงตาที่แดงก่ำของเฟ่ยชุ่ยในทันที เสมือนกับเพิ่งผ่านการร่ำไห้ออกมาอย่างหนักก็ไม่ปาน ก่อนนางจะเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย "เหตุใดดวงตาของเจ้าถึงบวมเป่งเช่นนั้น มีคนมารังแกเจ้าอีกแล้วหรือ?"

หลังจากที่นางแสดงอิทธิฤทธิ์ไปในคราที่แล้วนั้น ก็หาได้มีผู้ใดกล้ามารังแกหรือยั่วยุเฟ่ยชุ่ยอีกไม่ ดังนั้นชีวิตของพวกนางในยามนี้จึงเป็นปกติสุขยิ่งนัก

นี่เพิ่งผ่านไปได้เพียงแค่เจ็ดวัน กลับมีพวกมีตาแต่ไร้แววเข้ามายุ่งวุ่นวายด้วยอีกแล้วหรือ?

“ไม่ ไม่ใช่เพคะ หาได้มีผู้ใดมารังแกบ่าวไม่ หากแต่แมวที่บ่าวเลี้ยงเอาไว้ตายแล้วเพคะ” ดวงตาของเฟ่ยชุ่ยพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำอีกครั้ง “มันเป็นลูกแมวที่บ่าวเก็บมาได้ มันน่ารักน่าชังยิ่งนัก ทั้งยังขี้อ้อนเป็นอย่างมากอีกด้วย จู่ ๆ ช่วงนี้มันก็หายไปเพคะ วันนี้หม่อมฉันไปเจอมันเข้าที่ห้องเก็บฟืน ทว่า ยามที่บ่าวไปถึง เจ้าลูกแมวมองที่บ่าวครู่หนึ่งก่อนจะสิ้นใจตายไป”

“บ่าวกับลูกแมวตัวนั้นต่างก็กินนอนอยู่ด้วยกัน ดังนั้นจึงรู้สึกผูกพันธ์กับมันยิ่งนัก เมื่อมันตายไปบ่าวจึงรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก ถึงได้ร่ำไห้ออกมาเสียฉากใหญ่เสียจนดวงตาถึงได้บวมเป่งเช่นนี้ ทำไห้พระชายามาเห็นเรื่องที่น่าอับอายเช่นนี้แล้ว”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันดีดตัวลุกขึ้นมาในทันที "แมวตัวนั้นอยู่กับเจ้าทุกวันเลยหรือ? กินนอนกับเจ้าทุกคืนเลยหรือ?"

เฟ่ยชุ่ยพยักหน้าลงเล็กน้อย

“เฟ่ยชุ่ย เจ้าพาข้าไปดูแมวตัวนั้นหน่อยสิ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วลง ก่อนจะหยิบสวมเสื้อคลุมตัวหนาขึ้นมาไส พร้อมทั้งรีบไปที่ฝังศพของแมวตัวนั้นในทันที

นางลงมือขุดดินเพื่อนำร่างของแมวออกมาจากดินน้ำแข็งในทันที ก่อนจะหยิบมีดออกมาเพื่อเตรียมชำแหละร่างของแมว

“พระชายาเพคะ” ใบหน้าของเฟ่ยชุ่ยพลันซีดเผือดไปด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะรีบนั่งคุกเข่าลง “มันตายไปแล้วเพคะ พระชายาปล่อยมันไปเถิดนะเพคะ”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงมีท่าทีแน่นิ่งไม่ไหวติง

นางใช้ผ้าขนหนูพันจมูกและปากของตนเองเอาไว้ ก่อนจะสวมถุงมือที่ทำจากลำไส้แกะ

แมวที่เพิ่งตายได้ไม่นานนั้น ด้วยอากาศที่หนาวเย็นและพื้นดินที่กลายเป็นน้ำแข็งเช่นนี้ อวัยวะต่าง ๆ ของมันย่อมถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี

เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ผ่าร่างของแมวออกมาแล้วนั้น

ถึงแม้ว่าลูกแมวจักตายไปแล้ว ทว่า ยามที่ชำแหละร่างของมันออกมานั้น ก็ยังสามารถเห็นเลือดด้านในอยู่

หลังจากที่เห็นเลือดแล้วนั้น มือของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันเกิดอาการสั่นขึ้นมาในทันที พร้อมเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลออกมา นางใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการผ่าชำแหละให้เสร็จสิ้น

พร้อมทั้งตรวจดูปอดของแมวอย่างละเอียด

ผลปรากฏว่า ปอดของแมวตัวนี้มีอาการผิดปกติ สีของปอดหาได้ปกติไม่ มีเม็ดนูนออกมาบนปอด กลับเป็นลักษณะของโรคปอดอักแสบปรสิตที่พบได้ทั่วไป

แมวตัวนี้ตายเพราะมันเป็นโรค

“เฟ่ยชุ่ย เจ้านำร่างของแมวตัวนี้ไปเผาเสีย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันหันหน้าไปอีกด้านในทันที เพื่อให้มือทั้งสองข้างของนางหยุดสั่นลง “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจักให้ยาเทียบใหม่กับเจ้า”

“เผาหรือ?”

“ใช่ เผาเสีย ปล่อยให้ร่างของแมวตัวนี้กลายเป็นฝุ่นขี้เถ้าและหลับให้สบาย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยออกมา “หลังจากเผามันแล้ว เจ้ามาหาข้าที่ห้องด้วย ข้าพอจะทราบสาเหตุของอาการป่วยของเจ้าแล้ว”

เฟ่ยชุ่ยมองดูร่างของลูกแมวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมทั้งร่ำไห้ออกมาเสียฉากใหญ่ พลางลุกขึ้นไปทำตามคำสั่งของฉินเหยี่ยนเย่ว์ เพื่อเผาร่างของลูกแมวตัวนั้น ก่อนจะสร้างหลุมศพเล็ก ๆ ให้กับมัน

ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินซวนเซกลับไปที่ห้อง ด้วยใบหน้าที่ซีดขาว

มือของนางที่ยังคงสั่นเทาไม่มีหยุด พร้อมด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เปียกโชกไปมากกว่าครึ่ง

เมื่อกลับมาถึงภายในห้องนั้น ร่างกายของนางก็แทบจะหมดแรงไปในทันที

"ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสนใจแมวที่ตายไปแล้วมากถึงเพียงนี้" น้ำเสียงที่ติดเย็นชาของตงฟางหลีพลันดังขึ้นมาจากมุมห้องในทันที

ฉินเหยี่ยนเย่ว์หาได้มีท่าทีแปลกใจไม่ ก่อนที่นางจักเดินมาที่เตียงของตนเอง "ท่านอ๋องมาที่นี่ด้วยเหตุอันใดหรือเพคะ?"

"เข้าวัง"

“เข้าวัง?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Chatree Sedakum
ขอบคุณครับ เหมือนชีวิตจริงเลยครับ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0012

    “เจ้าลืมวันมงคลของทุกเดือนไปแล้วหรือ?” ตงฟางหลีกล่าว “วันรุ่งพรุ่งนี้ เจ้าจักต้องเข้าวังพร้อมกับข้า ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับต่างก็จัดเตรียมเอาไว้ให้เจ้าครบหมดแล้ว”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันทีว่า วันพระบรมราชสมภพขององค์จักรพรรดินั้นเป็นวันยี่สิบสามของเดือนหนึ่ง ฉะนั้นแล้ววันที่

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0013

    “เฟ่ยชุ่ย พาคนไปอยู่ในที่อุ่น ๆ ที” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกำมือของตนเองเอาไว้แน่น “ข้ามิอาจสัมผัสเลือดได้ คุณทำเอง ได้หรือไม่?”เมื่อเฟ่ยชุ่ยได้ยินเช่นนั้น นางจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็วในทันที "พระชายามิจำเป็นต้องลงมือเองก็ได้เพคะ บ่าวทำได้ บ่าวทำได้เพคะ”เฟ่ยชุ่ยจึงพาหู่พั่วไปที่ห้องของนางในทันทีฉินเหยี

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0014

    “เฟ่ยชุ่ย เจ้าไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของตนเองเสียก่อน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา “เจ้าไปดูแลหู่พั่วที่อยู่ในห้องให้ดี ข้าจักออกไปดูข้างนอกเสียหน่อย”“พระชายาเพคะ” ใบหน้าของเฟ่ยชุ่ยพลันซีดลงไปในทันที ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “พระชายาอ๋องสามหาได้มาดีไม่ อีกทั้ง นางยังพาแม่น

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0015

    “ทั้งหู่พั่วและเฟ่ยชุ่ยช่วงนี้ต้องเก็บตัวเพื่อรักษาอาการป่วยอยู่ มิอาจให้พบผู้ใดได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกล่าวออกมา “หากพวกนางรักษาตัวจนหายเมื่อใดแล้ว ข้าจักให้หู่พั่วไปที่จวนท่านอ๋องสามเพื่อขอเข้าเฝ้าเจ้าเอง”หลังจากได้ยินฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยออกมาเช่นนั้น มุมปากของฉินเสวี่ยเย่ว์พลันยกยิ้มได้ใจขึ้นมาใ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0016

    “อุ๊ยตาย ขออภัยด้วยเพคะ บ่าวทำงานหนักจนเคยชินแล้ว แรงเลยมากเกินไปหน่อย ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมเพคะ” แม้ปากของนางสกุลเฉินจะกล่าวขอโทษ แต่บนใบหน้าไม่ได้มีเจตนาขอโทษเลยสักนิดหลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนตรง ขมวดคิ้วแน่นยายเฒ่าผู้นี้ จงใจทำ จงใจออกแรงผลักไสนางการกระทำเมื่อครู่นี้ในมุมมองของคนนอกนั้นไม่ได้ท

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0017

    “พระนาง บ่าวจะประคองท่านเข้าเรือนก่อนเพคะ” ตอนที่เฟ่ยชุ่ยเดินเข้ามา รองเท้าได้สัมผัสกับรอยเลือดแล้วรอยเท้าประทับลงไปบนพื้นหิมะ ทำให้สีค่อย ๆ จางลงสีขาวซีดและสีแดงสด สีสันที่อยู่ภายในความทรงจำมาโดยตลอด สีเหล่านั้น เป็นสีที่เข้าใกล้กับความตายมากที่สุดฉินเหยี่ยนเย่ว์จ้องมองเลือดสีแดงสดที่ใกล้เข้ามาเ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0018

    ฉินเหยี่ยนเย่ว์จิตใจไม่สงบนางไม่อยากทนรออีกต่อไป จึงสวมเสื้อคลุม ถือตะเกียงแล้วเดินไปทางห้องครัวใหญ่เปลวไฟภายในห้องครัวใหญ่กำลังส่องสว่างตอนนี้เป็นเวลาอาหาร คนในจวนท่านอ๋องเจ็ดไม่มาก หลังจากที่ส่งอาหารไปให้บรรดาเจ้านายแล้ว ก็เป็นเวลาที่บรรดาบ่าวรับใช้ทานอาหารตอนที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ผลักประตูเข้ามา

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0019

    เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วพวกเขาต่างก็คิดไม่ถึงว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ท่าทางดูอ่อนแอจะสามารถพลิกคว่ำโต๊ะได้ ยิ่งคิดไม่ถึงว่า นางจะมีกำลังมากถึงขนาดนี้หม้อไฟและหม้อน้ำแกงเนื้อวัวที่อยู่บนโต๊ะ ไม่ว่าจะตกอยู่บนตัวของผู้ใด ก็อันตรายยิ่งต่อให้เป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำในห้องครัวหลาย ๆ คนก็ไม่กล้

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1051

    นางมองฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างไม่อยากเชื่อ น้ำตาไหลทะลักลงมา “เหยี่ยนเย่ว์ เจ้า เจ้าหมายความว่า...”“ข้าคือพี่สาวที่เด็กคนนั้นต้องการตามหาหรือ?” นางต้องใช้เรี่ยวแรงเป็นอย่างมากถึงจะพูดประโยคนี้ออกมาได้“สวรรค์ จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ได้อย่างไร” พระสนมเหยาไม่รอให้นางตอบคำถาม ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นนางกุมใ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1050

    พระสนเหยาขวดคิ้วหากัน ที่หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเศร้าโศกนางจับจ้องภาพวาดอยู่เนิ่นนาน ถึงได้วางภาพลงข้าง ๆ ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เอ่ยถามขึ้น “คนวาดภาพนี้เป็นใคร?”“เป็นนักวาดภาพคนหนึ่งของพี่เจ็ด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดตัดบท “สนมเหยา แม้ข้าจะรู้ว่าท่านเจ็บปวดมาก ทว่า นี่เป็นเรื่องใหญ่มากจริง ๆ...”“ทั

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1049

    ครั้นเห็นนางวิ่งหอบแฮกแฮกเข้ามา พลันเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ “เหยี่ยนเย่ว์ ท่าทางเร่งรีบ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”หลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นพระสนมเหยาที่เป็นที่โปรดปราณของสวรรค์ จิตใจพลันผ่อนคลายลงทันทีบุตรีสวรรค์อยู่ที่นี่ ของเละเทะวุ่นวายอะไรนั่นล้วนต้องถอยกลับไป“ข้ามาดูดซับโชคดีสักหน่อย” นางทรุดกา

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1048

    “ของอะไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว“จีอู๋เยียน?”“ท่านพูดมาให้ชัดเจนสิ”จีอู๋เยียนเดินออกไปไกลแล้ว เสียงก็เลือนหายไปด้วยเช่นเดียวกัน“บ้าจริง!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ห่อไหล่ ลอบสบถคำหยาบออกมาหนึ่งคำจีอู๋เยียนไม่พูดคำพูดนั้นออกมายังดี หลังจากพูดออกมาแล้ว นางมักจะรู้สึกจั๊กจี้อยู่ในใจในห้องจะมีข

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1047

    จีอู๋เยียนยังคงมีกลิ่นอายสังหารลอยวนเวียนอยู่ร่างกายกลิ่นอายสังหารนั้นแตกต่างจากกลิ่นอายสังหารทั่วไป คล้ายกับว่ามีกระบี่แหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างของเขา บริเวณโดยรอบเงียบสงัดราวกับจักจั่นในหน้าหนาวสีหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยถึงอย่างไรนี่ก็กำลังอยู่ในวังหลวงจีอู๋เยียนถึงกับปล

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1046

    “ใช่ แหวนขอแต่งงาน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ท่าทีจริงจัง “ในที่พวกเราอยู่นั้น หลังจากที่ชายหญิงสองฝ่ายมั่นใจในความรู้สึกแล้ว ฝ่ายชายก็จะมอบแหวนแต่งงานให้กับฝ่ายหญิง”“หากฝ่ายหญิงรับแหวนไว้ ก็เท่ากับยอมรับการขอแต่งงาน นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากเชียวนะ ท่านก็สู้ ๆ ล่ะ”ใบหน้าจีอู๋เยียนแดงก่ำเขาสังหารคนเหมือนเป็น

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1045

    ไอเย็นสายนั้นแผ่มาจากในห้อง ทะลุผ่านผ้าห่ม ปกคลุมความร้อนในเตาไฟ เสียดแทงผิวหนังของนางจนรู้สึกเจ็บปวดไม่สบายตัวมากเลยทีเดียวฉินเหยี่ยนเย่ว์มุ่นหัวคิ้วดิ้นรนอยู่สักพัก ถูกความรู้สึกถูกเข็มทิ่มนี้รบกวนจนมิอาจนอนหลับได้อีก ได้แต่ลืมตาขึ้นในผ้าม่าน มีเงาร่างคนผู้หนึ่งยืนอยู่ที่ข้างเตียง กำลังจับจ้องน

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1044

    “หม่อมฉันต้องการภาพเหมือนวัยเยาว์ของสนมเหยา ท่านให้สิ่งนี้กับหม่อมฉันทำไมหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองภาพนั้นขึ้นลงคนในภาพไม่คล้ายกับเด็กหนุ่มแม้แต่น้อยถือภาพที่น่าเกลียดขนาดนี้ไปตามหาคน ลำบากพวกฉยงฮวาแล้ว“ให้เจ้าได้เห็นความยากลำบากในการตามหาคนของพวกฉยงฮวาต่างหากเล่า” ตงฟางหลีกล่าวกลั้วหัวเราะ “ข้าเค

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1043

    “เจ็บหรือไม่?”“ยังพอไหว”นางคว้าข้อมือของเขาขึ้นมาก่อนจะกัดลงไปอย่างแรงครานี้ได้ใช้แรงมหาศาล“ยัยหนู เจ้าเกิดปีสุนัขหรือ” รอยฟันฝังลึกบนข้อมือ นัยน์ตาตงฟางหลีเริ่มฉายแววดำคล้ำ“เจ็บหรือไม่?” ฉินเหยี่เย่ว์กล่าว พลางล้วงเข็มเล่มใหญ่ออกมา หมายจะลอบทิ่มบนร่างกายของเขาเงียบ ๆตงฟางหลีใบหน้าดำทะมึนเป็นแ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status