“พระนาง บ่าวจะประคองท่านเข้าเรือนก่อนเพคะ” ตอนที่เฟ่ยชุ่ยเดินเข้ามา รองเท้าได้สัมผัสกับรอยเลือดแล้วรอยเท้าประทับลงไปบนพื้นหิมะ ทำให้สีค่อย ๆ จางลงสีขาวซีดและสีแดงสด สีสันที่อยู่ภายในความทรงจำมาโดยตลอด สีเหล่านั้น เป็นสีที่เข้าใกล้กับความตายมากที่สุดฉินเหยี่ยนเย่ว์จ้องมองเลือดสีแดงสดที่ใกล้เข้ามาเ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์จิตใจไม่สงบนางไม่อยากทนรออีกต่อไป จึงสวมเสื้อคลุม ถือตะเกียงแล้วเดินไปทางห้องครัวใหญ่เปลวไฟภายในห้องครัวใหญ่กำลังส่องสว่างตอนนี้เป็นเวลาอาหาร คนในจวนท่านอ๋องเจ็ดไม่มาก หลังจากที่ส่งอาหารไปให้บรรดาเจ้านายแล้ว ก็เป็นเวลาที่บรรดาบ่าวรับใช้ทานอาหารตอนที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ผลักประตูเข้ามา
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วพวกเขาต่างก็คิดไม่ถึงว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ท่าทางดูอ่อนแอจะสามารถพลิกคว่ำโต๊ะได้ ยิ่งคิดไม่ถึงว่า นางจะมีกำลังมากถึงขนาดนี้หม้อไฟและหม้อน้ำแกงเนื้อวัวที่อยู่บนโต๊ะ ไม่ว่าจะตกอยู่บนตัวของผู้ใด ก็อันตรายยิ่งต่อให้เป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำในห้องครัวหลาย ๆ คนก็ไม่กล้
“ผู้ที่โดนน้ำร้อนลวกสองสามคนนั้น พวกเจ้าไปจัดการตนเองเสียก่อน ที่ข้ามียาสูตรลับ ทาแล้วแทบจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ หากทำตัวดีข้าจะให้ยาสูตรลับแก่พวกเจ้า หากทำตัวไม่ดี เช่นนั้นก็อย่าได้โทษข้า”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบ ก็พาคนไปที่ห้องเลี้ยงนกพิราบภายในห้องครัวเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง พวกเขาถูกทำให้ตกตะลึง
“พวกเจ้าสองคน ปลุกเขาให้ตื่น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำหมัดแน่น“พระชายา เป็นไปไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ เขาดื่มสุราจนเมามายปลุกไม่ตื่น ต้องรอให้สุราหมดฤทธิ์พ่ะย่ะค่ะ” ผู้ชายคนหนึ่งกล่าว “พวกเราไปตามหาแม่นางเฟ่ยชุ่ยกันต่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“พวกเข้าไปยกน้ำเย็นจัดมาหนึ่งกะละมัง เอาแบบที่มีเศษน้ำแข็งด้วย” ฉินเหยี่ยนเย่ว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้มหน้าจ้องมองเศษกระดูกที่อยู่ด้านข้าง รวมทั้งจานและกล่องอาหาร ที่ตกกระจัดกระจายอยู่ด้านข้างคิดว่าเป็นเพราะตาแก่นั่นคงมีอาการติดสุรา เมื่ออาหารเลิศรสที่อยู่ภายในกล่องอาหารก็ควบคุมตนเองไม่ได้ อยากจะลิ้มรสอาหารรสเลิศก่อน หลังจากที่กินอิ่มหนำสำราญแล้วค่อยกระทำการอันป่าเถื่อนต่อเฟ่ยชุ่ย
ยายแก่ผู้เป็นหัวหน้าพลันส่งสายตาไปให้บุรุษร่างใหญ่ทั้งสองคนในทันที บุรุษร่างใหญ่ทั้งสองมิกล้าคิดแข็งข้ออีกต่อไป พลางรีบส่งตัวตาเฒ่าหลานจอมขี้เมาไปยังห้องตอนขันทีในชั่วข้ามคืน เฟ่ยชุ่ยหาได้รับอันตรายใด ๆ ไม่ นางเพียงแต่มีอาการตกใจจนหน้าตาซีดขาวเพียงเท่านั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตบหลังมือของนางเล็กน้อย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงได้แต่มองนางด้วยรอยยิ้ม จนกระทั่งยายเฒ่าตระกูลซูกินอาหารจนเกลี้ยงมิมีเหลือ “ตัวเองทำตัวเองแท้ ๆ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวออกมาลอย ๆ “นับว่าโชคดีที่เฟ่ยชุ่ยหาได้เป็นอันใดไม่ พวกเจ้าเองก็ได้รับบทเรียนกันแล้ว เช่นนั้นข้าจักไม่ติดใจเอาความอันใดอีก”“ทว่า หากยังมีครั้งต่อไปอีก” น้ำเสียงข
หลังจากลู่จิ้นป้อนยาที่มีชื่อว่ามังกรพ่นมุกนี้ให้นาง ก็ได้ทำลายสมดุลนี้ลงครั้นพิษของปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธ์ถูกกดลง พิษของยาอีกหนึ่งชนิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันยาพิษบางชนิดมีพิษมากกว่าพิษจากปลาทรายแดงครีบทอง จึงเท่ากับต้องพิษเป็นครั้งที่สองหลังจากสมดุลถูกทำลาย ซูเตี่ยนฉิงย่อมไม่มีชีวิตที่ดีแล้
“เจ้าตาบอดหรือ? มองไม่ออกว่านี่คือตัวหนอนหรือย่างไร? ก็คือตัวหนอนที่กลายเป็นแมลงวันได้อย่างไรเล่า รักษาให้ดี ๆ เถิด” ลู่จิ้นเอ่ยเสียงเย็นซูจิ้นยืนยันคำตอบอยู่ในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันทีคนคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงอาเจียนเอาของน่ารังเกียจพรรค์นี้ออกมาได้?
หากมีสุรารสเลิศก็ดียิ่งขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็คิดจะจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทว่า...นางเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงที่นอนอยู่บนเตียงปราดหนึ่งจากไปทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักจำต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับไปบ้างถึงจะได้ไม่มาเสียเที่ยว“ศิษย์พี่รอสักครู่นะเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “
“ผู้ใดให้เจ้าไม่ตั้งใจเรียน ให้เจ้าทำยาคุณภาพต่ำออกมามั่วซั่ว หลายปีนี้เจ้ามัวทำอะไร? สิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปที่ตัวสุนัขหมดแล้วหรืออย่างไร?” ลูจิ้นตะคอก“กล้าให้ศิษย์น้องหญิงได้รับความทรมานเช่นนั้น ข้าจะตีเด็กสารเลวอย่างเจ้าให้ตาย”ลู่ซิวถึงได้เข้าใจเป็นท่านบรรพบุรุษรังเกียจยาน้ำคุณภาพต่ำที่เขาทำข
ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ
ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้
นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้
“หลีกไป หลีกไปให้พ้น ใครกล้ามาขัดขวางข้า!”เสียงนั้นดังกึกก้องเป็นอย่างยิ่ง ทรงพลังและดุดันก่อนจะตามมาด้วยเสียงล้มลงกับพื้นของคนหลายคน แล้วประตูใหญ่ก็ถูกคนถีบออกอย่างแรงจากนั้น ชายชราผมขาวเคราขาวคนหนึ่งบุกเข้ามาด้วยความกรุ่นโกรธคนที่เข้ามาคือลู่จิ้นบรรพบุรุษของสกุลลู่ที่ด้านหลังของลูจิ้น ยังมีลู
คนทั่วไปเมื่อรับเงินทองผู้อื่นไปแล้วต้องปัดเป่าความกังวลของผู้นั้นมีเพียงนาง ที่รับเงินไปแล้วยังหน้าไม่อายอย่างเปิดเผยเช่นนี้“นายท่าน ท่านเชื่อข้านะเจ้าคะ นางจงใจปล่อยให้ฉิงเอ๋อร์ตายโดยที่ไม่ช่วย” ฮูหยินซูนึกถึงคำเตือนของคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ใต้หล้านี้มีเพียงนางที่ช่วยชีวิตฉิงเอ