ภายในบริเวณเรือนโยวหลาน ฉินเสวี่ยเย่ว์ที่สวมใส่เสื้อคลุมขนาดใหญ่ พร้อมทั้งข้ารับใช้และหญิงชรามากมายกำลังยืนอยู่บนหิมะห้องที่หู่พั่วอาศัยอยู่นั้น กำลังถูกกองเพลิงกลืนกินพร้อมทั้งควันไฟมากมายที่ลอยขโมงโฉงเฉงร่างของหู่พั่วถูกคนนำห่อด้วยผ้า ก่อนจะนำออกมาวางไว้บนหิมะ ในยามที่แสงไฟสลัว ๆ เช่นนี้ เสมือนก
นางกำนัลพลันชะงักไปในทันที นางที่เป็นเพียงนางกำนัลตำแหน่งเล็ก ๆ นางมีหน้าที่เพียงเข้ามาส่งสารเท่านั้น หากว่าพระชายาอ๋องเจ็ดตายต่อหน้าต่อตาของนางแล้วไซร้ นางย่อมมิอาจหลีกหนีความผิดของตนเองได้พ้น “พระชายาอ๋องเจ็ดอย่าได้วู่วามนะเพคะ บ่าวเพียงแค่มาเชื้อเชิญให้ท่านไปเยือนที่กงเจิ้งซือเท่านั้น ท่านอย่าได
“เจ้าคิดจะทำอันใด?” ฉินเสวี่ยเย่ว์พลางตัวสั่นไปด้วยความตกใจในทันที“เมื่อครู่ เจ้าคิดจะทำอันใดกับเฟ่ยชุ่ยเล่า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวออกมาด้วยท่าทีเย็นชา “ข้าก็จักทำเช่นนั้นกับเจ้าเหมือนกัน”“ เจ้ากล้าหรือ! ฉินเหยี่ยนเย่ว์ หากกล้าไฟละก็ ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่”"หากข้ามิจุด มิยุ่งกับเจ้า เจ้าจักปล่
“โอ้? มีเรื่องอันใดหรือ?”“คือ…” แม่นมเจียงพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พระชายาอ๋องเจ็ดถูกสงสัยว่ากระทำการทรมานและสังหารข้ารับใช้ของนางเพคะ ดังนั้นกงเจิ้งซือจึงได้เชิญพระชายาอ๋องเจ็ดไปสืบหาความจริง”“ทรมานและสังหารข้ารับใช้?” ตงฟางหลีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตามกฎหมายของราชวงศ์ตงลู่ ผู้ใดก็ตามที่ทำการสั
ท่านอ๋องเจ็ดทำการลงโทษหงเย้า ทั้งยังตั้งใจให้หงเย้ามาพักฟื้นที่เรือนพระชายาอ๋องเจ็ดเช่นนี้ แน่นอนว่าพระองค์ย่อมมีเจตนาแอบแฝงเมื่อกงเจิ้งซือเปิดเผยเรื่องราวออกมาเช่นนี้ ถือเป็นการสร้างความยุ่งยากครั้งใหญ่ เห็นได้ชัดว่าพวกนางถูกผู้อื่นยืมมือเข้าแล้ว วังวนแห่งอำนาจนั้น นางที่เป็นเพียงนางกำนัลตัวเล็ก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิรู้ว่าเขาคิดอันใดอยู่ นางจึงตระเตรียมของขึ้นมาหลายอย่าง หลังจากที่นางเดินออกมาจากห้องครัวแล้วนั้น นางพลันเห็นเขายังคงยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวและหิมะอยู่เช่นเดิม ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเลิกคิ้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า "ตงฟางหลี ท่านมิหนาวหรือ?"“ต่อแต่นี้ไป เจ้าห้ามเอ่ยเรียกนามของข้าเฉย ๆ อีกเป็นอั
ตงฟางหลีทำทีเสมือนว่ามิได้ยินในสิ่งที่นางเอ่ยขึ้นมา"หม่อมฉันเดาว่า หม่อมคงจะได้พบจุดอ่อนของฉินเสวี่ยเย่ว์และท่านอ๋องสามได้แล้วนั้น" ฉินเหยี่ยนเย่ว์หาได้สนใจอันใดไม่ "มันเพียงพอที่จะทำลายชื่อเสียงของพวกเขาลงได้เพคะ หากหม่อมฉันมิตาย พวกเขาย่อมพยายามหาทางให้หม่อมฉันตายอย่างแน่นอน"“โอ้?” ตงฟางหลีพลันห
ตงฟางหลีมองสำรวจนางอย่างละเอียดฉินเหยี่ยนเย่ว์สบตาอย่างไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย “ตงฟางหลี ผู้ที่หม่อมฉันต้องขอโทษก็คือท่าน ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นที่เลือกแต่งงานกับหม่อมฉันก็คือท่าน และนี่ก็คือการตัดสินใจของท่านเอง”ตงฟางหลีเหลือบตาขึ้น นัยน์ตาคู่นั้นเย็นยะเยือก ความอาฆาตค่อย
“ลูกพี่ไม่ต้องการพวกเราแล้ว”“ลูกพี่ให้พวกเราทำเรื่องเลวร้าย แต่พอเกิดเรื่องกลับไม่สนใจพวกเรา”“พวกเราถูกลูกพี่หลอกแล้ว”พอเขาร้องไห้โฮเสียงดัง เด็ก ๆ อีกหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะก็ร้องไห้โฮตามสีหน้ามู่เหยี่ยไม่น่ามองเป็นอย่างมากนางคาดไม่ถึงเลยว่า เจ้าไร้ประโยชน์พวกนี้จะมาตกม้าตายในช่วงเวลาเช่นน
“เจ้าไม่พูดความจริงใช่หรือไม่?” พระสนมเหยาพูดด้วยเสียงเย็นชา “เจ้าคงไม่รู้ว่า หากพูดโกหก พอถึงกลางคืนก็จะมีผีมาตัดลิ้นของเจ้า?”เด็กน้อยหน้าซีดเผือดเขาถูกพระสนมเหยาและเฮยตั้นที่มีท่าทีดุดันทำให้ตกใจจนยากจะทานทนไหว เหลือบไปมองทางอื่นโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่ากำลังร้องขอความช่วยเหลือพระสนมเหยาจึงมองตามไ
“ข้าขอแนะนำเจ้าสักคำ วันนี้เหยี่ยนเย่ว์เป็นคนที่ข้าต้องปกป้อง หากเจ้ากล้าทำอะไร ข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่”มู่เหยี่ยถูกพระสนมเหยาตำหนิไปหนึ่งคำรบ ก็ไม่รู้สึกรำคาญใจนางเอามือเท้าคางพลางหัวเราะฮ่าฮ่า “พระสนมเหยาต้องโกรธไปไย เมื่อครู่มิใช่ข้าพูดไปแล้วหรือว่าข้าไม่สนใจคนโง่? ข้าย่อมไม่มีทางทำอะไรฉินเหยี่ยนเ
พระสนมหยาได้ยินดังนั้น พลันชะงักงันไปนางหมุนตัวกลับมา สายตาเย็นชาเล็กน้อย “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”“ข้าบอกว่าพวกท่านถูกคนจับจ้องแล้ว” มู่เหยี่ยกระพริบตา “หวังว่าพวกท่านจะสนุกกับมันนะ”สีหน้าของพระสนมเหยาเคร่งขรึมขึ้นมาก่อนมาเจ้าเจ็ดได้กำชับครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าจะต้องระมัดระวังรอบด้านบางที อาจจะมีคนจั
ตอนที่กลับมาถึงท้องพระโรงใหญ่ของตำหนักไท่เวยนั้น ที่กลางท้องพระโรงได้จัดวางโต๊ะไว้เป็นแถว ๆบนโต๊ะยังจัดวางป้ายเอาไว้ป้ายทำขึ้นมาจากป้ายทองแดงชุบด้วยทองคำ มีรูปลักษณ์งดงามและเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครฉินเหยี่ยนเย่ว์นัยน์ตาสองข้างเปล่งประกาย ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าป้ายอันหนึ่งขึ้นมาเล่นครู่หนึ่งเป็น
ดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงสะอาดและกระจ่างใสจนเห็นก้นบึ้งความบริสุทธิ์ระดับนั้นมิใช่สิ่งที่สามารถแสร้งทำได้อย่างแน่นอนพระสนมเหยาขมวดคิ้วงุนงงวิธีการลงโทษเจ้าอ้วนน้อยเมื่อครู่นี้ มิใช่สิ่งที่เหยี่ยนเย่ว์ผู้มีดวงตากระจ่างใสจะทำออกมาได้แน่นอนทว่าเหยี่ยนเย่ว์ก็ลงโทษเจ้าอ้วนน้อยด้วยท่าทีวางอำนาจบาง
“เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้” พระสนมเหยากล่าว “ถูกผิดล้วนรู้อยู่แก่ใจ เชื่อว่าในใจของพวกท่านทุกคนชั่งน้ำหนักได้แล้ว ควรพูดอะไรไม่ควรพูดอะไร ย่อมแยกแยะเองได้”นางพูดจบ ก็หันไปหาฮูหยินกั๋วกงมู่และฮูหยินเหมียวที่มีใบหน้าซีดเผือด “ข้าแนะนำพวกท่านนะ หากมีเวลาโต้เถียงกับเราที่นี่ มิสู้รีบพาเจ้าอ้วนน้อยบ้านท่าน
เดิมทีฮูหยินกั๋วกงมู่คิดว่าความคิดเห็นของมวลชนอยู่ข้างพวกเขา และยังคิดวาทศิลป์เรียบร้อยแล้วยามเผชิญหน้ากับพระพักตร์พระพันปีตราบใดที่คนส่วนใหญ่สนับสนุนนาง นางก็มีโอกาสที่จะชนะและลงโทษฉินเหยี่ยนเย่ว์กับพระสนมเหยาอย่างรุนแรงได้ใครจะรู้ คนเหล่านี้จะถูกเสี้ยมด้วยคำพูดไม่กี่คำของพระสนมเหยา!นางข่มอารมณ์
คนผู้นั้นที่มักเอ่ยวาจาชั่วร้ายซึ่ง ๆ หน้ายิ้มเย้ยหยัน “แน่นอนว่าให้นางได้ลิ้มรสประทัดเช่นกัน หากสิ่งนี้ตกลงไปบนตัวคน จะต้องตายไปครึ่งหนึ่ง หากไม่สอนบทเรียนสักเล็กน้อยเกรงว่าจะไม่จดจำไปอีกนาน”“พวกท่านก็หมายถึงสิ่งนี้สินะ?” พระสนมเหยาถามทุกคนยังคงนิ่งเงียบ ยอมรับคำพูดนี้เงียบ ๆพระสนมเหยาพึงพอใจมาก