“ข้าขอแนะนำเจ้าสักคำ วันนี้เหยี่ยนเย่ว์เป็นคนที่ข้าต้องปกป้อง หากเจ้ากล้าทำอะไร ข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่”มู่เหยี่ยถูกพระสนมเหยาตำหนิไปหนึ่งคำรบ ก็ไม่รู้สึกรำคาญใจนางเอามือเท้าคางพลางหัวเราะฮ่าฮ่า “พระสนมเหยาต้องโกรธไปไย เมื่อครู่มิใช่ข้าพูดไปแล้วหรือว่าข้าไม่สนใจคนโง่? ข้าย่อมไม่มีทางทำอะไรฉินเหยี่ยนเ
“เจ้าไม่พูดความจริงใช่หรือไม่?” พระสนมเหยาพูดด้วยเสียงเย็นชา “เจ้าคงไม่รู้ว่า หากพูดโกหก พอถึงกลางคืนก็จะมีผีมาตัดลิ้นของเจ้า?”เด็กน้อยหน้าซีดเผือดเขาถูกพระสนมเหยาและเฮยตั้นที่มีท่าทีดุดันทำให้ตกใจจนยากจะทานทนไหว เหลือบไปมองทางอื่นโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่ากำลังร้องขอความช่วยเหลือพระสนมเหยาจึงมองตามไ
“ลูกพี่ไม่ต้องการพวกเราแล้ว”“ลูกพี่ให้พวกเราทำเรื่องเลวร้าย แต่พอเกิดเรื่องกลับไม่สนใจพวกเรา”“พวกเราถูกลูกพี่หลอกแล้ว”พอเขาร้องไห้โฮเสียงดัง เด็ก ๆ อีกหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะก็ร้องไห้โฮตามสีหน้ามู่เหยี่ยไม่น่ามองเป็นอย่างมากนางคาดไม่ถึงเลยว่า เจ้าไร้ประโยชน์พวกนี้จะมาตกม้าตายในช่วงเวลาเช่นน
มู่เหยี่ยยังไม่ทันเรียกสติกลับคืนมา น้ำที่ทั้งสกปรกทั้งเย็นอีกถังหนึ่งก็ได้ราดรดลงมาบนศีรษะอีกครั้งเสียงของนางยังไม่ทันได้เรียกกลับคืน ปากก็ยังอ้าอยู่อย่างนั้นน้ำสกปรกไหลเข้าปากนางอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้ ตอนที่ไอโขลกอย่างแรงนั้น น้ำสกปรกก็ถูกกลืนลงไปไม่น้อยมู่เหยี่ยมีโรครักความสะอาดที่ค่อนข้างรุน
เนื่องจากตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น คนที่สนใจทางฝั่งนี้มีไม่มากกอปรกับปกติมู่เหยี่ยมีนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง แทบจะล่วงเกินทุกคนในวังไปแล้วรอบหนึ่งดังนั้น จึงไม่มีคนคิดเล็กคิดน้อยว่ามู่เหยี่ยหกล้มได้อย่างไร แล้วก็ไม่มีคนไล่ตามสืบว่าน้ำสกปรกบนตัวของมู่เหยี่ยมาจากอะไรเว้นแต่เด็ก ๆ พวกนั้นหลังจากมู่เหยี่ย
ระยะทางจากตำหนักพระสนมเหยากับตำหนักไท่เวยค่อนข้างไกลกันตอนที่กลับมาถึงตำหนักนั้น ผมของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ได้แข็งตัว ปอยผมค้างเติ่งอยู่บนศีรษะเป็นกระจุก ๆจากที่ที่หนาวเย็นมาถึงห้องที่อบอุ่น น้ำแข็งที่ยังไม่ทันได้จับตัวเป็นดีก็ละลาย น้ำจึงได้ไหลตามใบหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ลงมา“เฮ้อ เวรกรรม” พระสนมเหยา
หลังจากแหวนเรืองแสงออกมาแล้ว แสงสว่างก็ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็จางหายไปทว่าในเวลานั้นเอง ภายในแหวนประหลาดวงนั้นด้านในโรงพยาบาล ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่สภาพเป็นปกติได้รับแรงกระแทกจากแหวน คุกเข่าอยู่บนพื้น ตอบสนองไม่ได้อยู่เป็นเวลานาน“บ้าจริง ล้มเหลวอีกแล้ว” นางถอนหายใจยาวเหยียดนับตั้งแต่ช่วงเวลา
ผีเท่านั้นที่รู้ว่าสภาพจิตใจของการถูกขังอยู่ที่นี่ โดยไม่ต้องกินดื่มหรือขับถ่าย หรือแม้กระทั่งไม่ต้องพักผ่อน ความรู้สึกเช่นนั้นแปลกประหลาดมากเพียงใด!มีนับครั้งไม่ถ้วน ที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดว่าตนเองได้ตายไปแล้ว ร่างกายในยามนี้ถูกวิญญาณอื่นเข้าสิงอยู่ และนางก็ได้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนตัวหนึ่งยิ่งเวลาผ
แต่เขากลับไม่สังเกตเลยเมื่อเจ้าสิบเห็นว่ากลวิธีนี้ได้ผล ก็หัวเราะเฮะเฮะ “พี่เจ็ด ท่านกินอีกสองชิ้นสิ นี่เป็นของที่ข้าทำเป็นพิเศษเลยนะ หลังจากกินแล้วพละกำลังจักพลุ่งพล่าน ท่านดูอิดโรยมาก เมื่อวานเกรงว่าจะนอนไม่หลับทั้งคืนกระมัง? เฮะเฮะ เป็นการเติมพลังให้ร่างกายได้พอดีทีเดียว”ตงฟางหลีจ้องมองขนมเงียบ
ปิ่นปักผมอันนี้ท่านอ๋องเจ็ดมอบให้กับพระชายามีนามของพระชายาสลักไว้บนนั้น พระชายาทะนุถนอมมันเป็นอย่างดี ไม่มีทางทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจได้ยิ่งไปกว่านั้น นางกำนัลคนนั้นก็บอกแล้วว่า พวกเขาอยากจะพาพระชายาไปยังสถานที่อบอุ่นเพื่อเปลี่ยนอาภรณ์ ทว่าพระชายากลับเมินเฉยพระชายาในตอนนี้รู้จักเพียงท่านอ๋องเจ็ดและพร
โก่วตั้นไม่ได้กินขนมในส่วนแรกก็ผิดหวังมากแล้ว เมื่อเห็นขนมในส่วนที่สองถูกส่งถึงหน้าประตูบ้าน ก็เริ่มน้ำลายไหลยืดน่าเสียดายที่ขนมส่วนที่สองนั้นค่อนข้างดุร้าย และเร็วมาก แถมยังสามารถคว้าโก่วตั้นน้อยมาใช้เป็นโล่กำบัง เกรงว่าก็จะกินไม่ได้เช่นกันมันผิดหวังมาก เดินเข้าไปด้านในพร้อมส่ายหาง“บรู๊ว” โก่วตั
หลังจากคนผู้นั้นทำให้ฉินเหยี่ยนเย่ว์หมดสติ ก็โบกมือไปมาทันใดนั้นมีคนผู้หนึ่งรูปลักษณ์เหมือนองครักษ์เข้ามาพร้อมถุงกระสอบ แล้วเอาตัวคนใส่เข้าไป“เจ้าไปก่อน”“ขอรับ” องครักษ์อุ้มคนหายลับไปท่ามกลางหิมะตกหนักอย่างรวดเร็วคนผู้นั้นมองไปรอบ ๆรอบด้านไร้คน มีเพียงหิมะที่ตกลงมาปกคลุมกระเบื้องเคลือบเป็นสีขา
หลังจากเพลิงไหม้เล็กลง ในที่สุดชื่อเจี้ยนก็กระโดดผ่านสิ่งกีดขวางต่าง ๆ มาถึงเบื้องหน้าพระสนมเหยาได้“พระสนมเหยา ท่านไม่เป็นอะไรกระมังเพคะ?”ชื่อเจี้ยนตบแก้มพระสนมเหยา “ท่านเป็นอะไรหรือไม่? ท่านรีบตื่นสิเพคะ อย่าทำให้หม่อมฉันตกใจสิ”พระสนมเหยาสูดควันไฟเข้าไปมากเกิน ความร้อนและเขม่าควันไฟจึงไปทำร้ายปอ
เนื่องจากเป็นช่วงฤดูเหมันต์ อากาศจึงแห้งแล้งอีกทั้งห้องนี้ส่วนใหญ่ทำขึ้นจากไม้ เปลวไฟจึงลุกลามได้ง่ายที่สุดเปลวไฟเริ่มลุกขึ้นจากในห้องนอน ผ่านการกลืนกินมาเป็นเวลานานเช่นนี้ ได้ลามมาถึงเรือนนอกนานแล้ว เรือนนอกก็กลายเป็นทะเลเพลิงไปด้วยเช่นกันตัวคนอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงอันกว้างใหญ่ คล้ายกับเป็นมดที่ถ
ทว่าความเป็นจริงคือ พวกเด็ก ๆ ขนปุยไม่ร้องแม้แต่คำเดียว แม้กระทั่งเฮยตั้นที่ฉลาดที่สุดก็ยังไม่เห็นเงาเป็นไปไม่ได้ที่เหล่าเด็ก ๆ ขนปุยทั้งหมดจะจากไปความเป็นไปได้มากที่สุดคือ พวกมันยังอยู่ในเรือนนอก และเนื่องด้วยเหตุผลต่าง ๆ พวกมันจึงไม่อาจส่งเสียงร้อง และไม่อาจหลบหนีได้“เหยี่ยนเย่ว์ ข้าไม่ไปห้องที
“โฮก...”“ปัง!”สิ่งที่มาพร้อมกับเสียงกระแทกผนัง ยังมีเสียงคำรามอย่างดุดัน“โก่วตั้นรึ?” ยามที่พระสนมเหยาได้ยินเสียงนี้ พลันนิ่งงันไปชั่วขณะ ตามมาด้วยความยินดีอย่างบ้าคลั่งนางลืมไปได้อย่างไร!ต้าโก่วตั้นและเสี่ยวโก่วตั้นถูกเลี้ยงอยู่ที่ลานด้านหลังนั้นเองลานด้านหลังเชื่อมต่อกับเรือนของนาง ช่างบังเ
ลำคอของนางพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ไอออกมาอย่างแรงอยู่หลายครั้ง ใบหน้าไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง“แย่แล้ว” พระสนมเหยาตบที่ศีรษะ“เจ้าอยู่ในนี้นาน เกรงว่าจะกระทบไปถึงปอดแล้ว” ขณะที่นางพูดนั้น ก็ได้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำจนเปียกชุ่ม “นี่ ใช้สิ่งนี้ปิดปากไว้เสีย พวกเรารีบออกไปกันเถิด”“เห็นผีจริง ๆ หรือ? ข้าเพียง