โก่วตั้นไม่ได้กินขนมในส่วนแรกก็ผิดหวังมากแล้ว เมื่อเห็นขนมในส่วนที่สองถูกส่งถึงหน้าประตูบ้าน ก็เริ่มน้ำลายไหลยืดน่าเสียดายที่ขนมส่วนที่สองนั้นค่อนข้างดุร้าย และเร็วมาก แถมยังสามารถคว้าโก่วตั้นน้อยมาใช้เป็นโล่กำบัง เกรงว่าก็จะกินไม่ได้เช่นกันมันผิดหวังมาก เดินเข้าไปด้านในพร้อมส่ายหาง“บรู๊ว” โก่วตั
ปิ่นปักผมอันนี้ท่านอ๋องเจ็ดมอบให้กับพระชายามีนามของพระชายาสลักไว้บนนั้น พระชายาทะนุถนอมมันเป็นอย่างดี ไม่มีทางทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจได้ยิ่งไปกว่านั้น นางกำนัลคนนั้นก็บอกแล้วว่า พวกเขาอยากจะพาพระชายาไปยังสถานที่อบอุ่นเพื่อเปลี่ยนอาภรณ์ ทว่าพระชายากลับเมินเฉยพระชายาในตอนนี้รู้จักเพียงท่านอ๋องเจ็ดและพร
แต่เขากลับไม่สังเกตเลยเมื่อเจ้าสิบเห็นว่ากลวิธีนี้ได้ผล ก็หัวเราะเฮะเฮะ “พี่เจ็ด ท่านกินอีกสองชิ้นสิ นี่เป็นของที่ข้าทำเป็นพิเศษเลยนะ หลังจากกินแล้วพละกำลังจักพลุ่งพล่าน ท่านดูอิดโรยมาก เมื่อวานเกรงว่าจะนอนไม่หลับทั้งคืนกระมัง? เฮะเฮะ เป็นการเติมพลังให้ร่างกายได้พอดีทีเดียว”ตงฟางหลีจ้องมองขนมเงียบ
คำพูดของลู่จิ้นยังไม่ทันจบ มองไปที่ฮ่องเต้ในอาภรณ์และหมวกขุนนาง ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะคุกเข่าลง “กระหม่อมลู่จิ้นคารวะองค์ฮ่องเต้ ขอให้พระองค์มีพระชนมายุหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”ใบหน้าของฮ่องเต้มืดทะมึนกล้าบุกรุกเข้ามาในวัดวั่นชิง ทั้งยังกล้าส่งเสียงดังเช่นนี้ในพิธีเซ่นไหว้อันเคร่งขรึมกระทั่ง เรียกขา
“ลู่จิ้น ท่านบุกเข้ามาเป็นการส่วนตัวในวัดวั่นชิง ขัดขวางพิธีเซ่นไหว้ หากเราปล่อยท่านไปง่ายดาย เกรงว่าจะไม่สามารถโน้มน้าวผู้คนได้ ทหาร ขังลู่จิ้นไว้ก่อน” ฮ่องเต้กล่าวอย่างเย็นชา“กระหม่อมมิได้บุกเข้ามาเป็นการส่วนตัว กระหม่อมมีราชโองการ” ลู่จิ้นเห็นว่าฮ่องเต้มีท่าทีจริงจัง จึงหยิบราชโองการออกมาอย่างไม
หลังจากที่ตงฟางหลีและลู่จิ้นออกจากวัดวั่นชิงตงฟางหลีถึงได้ถามด้วยเสียงสั่นเครือ “ลู่จิ้น มีเรื่องเกิดขึ้นกับเหยี่ยนเย่ว์ใช่หรือไม่?”สีหน้าของลู่จิ้นจริงจัง “ตำหนักบรรทมของพระสนมเหยาเกิดเพลิงไหม้ สถานการณ์ของศิษย์น้องหญิงไม่ดีนัก”“เพลิงไหม้?” หัวใจของตงฟางหลีกระตุกวูบ “สถานการณ์ของศิษย์น้องหญิงไม่
ผู้ใดจะรู้ นี่คือกลยุทธ์ล่อเสือออกจากถ้ำ!“หลังจากที่กระหม่อมออกไปไม่นานนัก ตำหนักบรรทมของพระสนมเหยาเกิดเพลิงไหม้” เฟยอิ่งกล่าว “เมื่อกระหม่อมกลับมา เพลิงค่อย ๆ ลดลงภายใต้หิมะที่ตกหนัก”“ครั้นกระหม่อมรู้ว่าถูกล่อเสือออกจากถ้ำ ตอนที่อยากจะไปตามหาพระชายา ชื่อเจี้ยนก็มาพบกระหม่อมเข้า นางเล่าเรื่องทั้งห
“กระหม่อมอยู่ในสวนหมื่นอสูร” ชื่อเจี้ยนก้มศีรษะลง น้ำเสียงสะอึกสะอื้น “พระสนมเหยากำชับให้กระหม่อมไปที่สวนหมื่นอสูรเพื่อไปส่งของบางอย่าง พอกระหม่อมกลับมาก็พบว่าตำหนักเกิดเพลิงไหม้ ไฟโหมกระหน่ำ ควบคุมเพลิงไม่ได้”ตงฟางหลีค้นหาไปทั่วอาคารที่ถูกเผาไหม้ แล้วเดินไปหานาง “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเหยี่ยนเย่ว์ถูกค
เวลาเดียวกับที่เช็ดเลือดออก ได้ใส่ยาห้ามเลือด และในเวลาเดียวกันก็ฉีดยาฉุกเฉินเช่น ยากระตุ้นหัวใจอาการของเซียวเซี่ยงหวั่นค่อนข้างแย่แม้จะได้รับการรักษาฉุกเฉินแล้ว แต่การหายใจของนางยังคงอ่อนแรงมากโดยเฉพาะมือและเท้าเริ่มแข็ง ทำให้ไม่สามารถวัดชีพจรได้สิ่งที่เร่งด่วนที่สุด ทำได้เพียงตรวจคลื่นไฟฟ้าหัว
หลังจากกินยาช่วยชีวิตแล้ว เซียวเซี่ยงหวั่นก็เกิดอาการชักอย่างรุนแรงทันทีใบหน้าที่แทบจะจำไม่ได้บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดนางดิ้นรนด้วยความทรมาน มีเสียงร้องครวญครางอย่างไม่รู้สึกตัวออกมาจากลำคอ“แย่แล้ว” หัวใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังไม่ทันวางลง ก็ลอยขึ้นสูงอีกครั้งเซียวเซี่ยงหวั่นถูกเฉียนอ๋องทรมานจนหาย
เมื่อพวกเขาได้กลิ่นของฉินเหยี่ยนเย่ว์นั้น ทุกสายตาพลันหันไปหานางในทันที ก่อนจะน้ำลายไหลออกมา พร้อมทั้งนัยน์ตาที่แดงก่ำพวกเขาทั้งหมดล้วนแต่มีร่างกายสูงใหญ่ บนร่างกายนั้นกลับมีเงามันแปลก ๆ พร้อมทั้งเปรอะเปื้อนเลือดของพระชายาเฉียนอีกด้วยพวกมันราวกับสัตว์ร้ายที่จ้องมองนางด้วยสายตาราวกับอยากจะจับนางฉีก
ยามที่นางตกอยู่ในสภาวะว่างเปล่านั้น ย่อมมิอาจทำอันใดกับเฉียนอ๋องได้ทว่า นางในสภาวะปกติเช่นนี้ หาได้เห็นเขาอยู่ในสายตาไม่ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงในยามที่พลังแห่งจิตวิญญาณของนางได้เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าตัวเช่นนี้เลยเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสารเลวอย่างเฉียนอ๋องที่รังแกสตรีเช่นนี้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ย่อมมิมีทางวิ่ง
“อ๊าก มือข้า”เฉียนอ๋องพลันมองไปยังข้อมือของตนเองที่กำลังมีเลือดไหลออกมาก่อนหน้านั้น มือนั้นยังอยู่บนข้อมือของเขา เพียงพริบตาเดียวมิรู้ว่าหายไปไหนแล้วหลงเหลือไว้เพียงข้อมือว่างเปล่าที่มีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาเลือดสด ๆ ที่ไหลออกมาไม่หยุดนั้น พลันไหลปกคลุมเตียงหินที่มีรอยเลือดแห้งดำด่างเก่า ๆ ในทันที
ความโกรธเกรี้ยวที่โหมกระหน่ำราวกับคลื่นที่ซัดเข้ามาฉินเหยี่ยนเย่ว์แทบจะควบคุมความโกรธที่สุมอยู่เต็มอกของนางไม่ไหวนางพยายามดิ้นรน เพื่อที่จะหลุดออกจากโซ่ตรวนนี้ภายในห้องลับที่มืดมิดนั้น เสียงดังของโซ่ตรวนเหล็กที่กระทบกันไปมาพลันกลบเสียงร้องของพระชายาเฉียนไปจนหมด“โกรธหรือ? ดิ้นรนหรือ? ฮ่าฮ่า ฉินเห
นางมิคิดเลยว่า เฉียนอ๋องจักกล้าโยนชายาของตนเองลงไปในดงบุรุษเหล่านั้นได้หูของนางพลันได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของพระชายาเฉียนดังขึ้นมาเสียงนั่น ดังกึกก้องลึกเข้าไปในใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์ในทันทีถึงแม้ว่านางจักมิไปเห็น มิได้ยิน แต่นางก็สัมผัสได้ว่าพระชายาเฉียนกำลังทุกข์ทรมานใจมากเพียงใดในยามน
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันลืมตาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวการมองในครานี้ กลับทำเอาทั่วร่างเย็นยะเยือก พร้อมทั้งเลือดในกายที่ถูกสูบฉีดไหลเวียนไปทั่วร่างยามที่นางกำลังปิดกั้นตนเองจากโลกภายนอก เพื่อมุ่งมั่นในการรวบรวมสมาธิของตนเองมิรู้ว่าเฉียนอ๋องไปนำบุรุษสามสี่คนมาจากที่ใดบุรุษเหล่านั้นรูปร่างสูงใหญ่กำยำมิต่างอัน
“หากมิใช่เพราะข้าคิดถึงเจ้ามากถึงเพียงนั้น จนถึงกับลอบสังเกตติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างใกล้ชิดแล้วละก็ ถึงได้พบนกกางเขนเงาที่บินไปที่จวนอ๋องเจ็ดตัวนั้น มิเช่นนั้นข้าก็คงมิมีทางหาเจ้าพบแน่”“เจ้าเป็นของของข้า แต่กลับคิดหาทางหลบหนี ผู้ใดให้ความกล้าแก่เจ้ากัน? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นตัวอันใด? ถึงกล้า