คำพูดของลู่จิ้นยังไม่ทันจบ มองไปที่ฮ่องเต้ในอาภรณ์และหมวกขุนนาง ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะคุกเข่าลง “กระหม่อมลู่จิ้นคารวะองค์ฮ่องเต้ ขอให้พระองค์มีพระชนมายุหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”ใบหน้าของฮ่องเต้มืดทะมึนกล้าบุกรุกเข้ามาในวัดวั่นชิง ทั้งยังกล้าส่งเสียงดังเช่นนี้ในพิธีเซ่นไหว้อันเคร่งขรึมกระทั่ง เรียกขา
“ลู่จิ้น ท่านบุกเข้ามาเป็นการส่วนตัวในวัดวั่นชิง ขัดขวางพิธีเซ่นไหว้ หากเราปล่อยท่านไปง่ายดาย เกรงว่าจะไม่สามารถโน้มน้าวผู้คนได้ ทหาร ขังลู่จิ้นไว้ก่อน” ฮ่องเต้กล่าวอย่างเย็นชา“กระหม่อมมิได้บุกเข้ามาเป็นการส่วนตัว กระหม่อมมีราชโองการ” ลู่จิ้นเห็นว่าฮ่องเต้มีท่าทีจริงจัง จึงหยิบราชโองการออกมาอย่างไม
หลังจากที่ตงฟางหลีและลู่จิ้นออกจากวัดวั่นชิงตงฟางหลีถึงได้ถามด้วยเสียงสั่นเครือ “ลู่จิ้น มีเรื่องเกิดขึ้นกับเหยี่ยนเย่ว์ใช่หรือไม่?”สีหน้าของลู่จิ้นจริงจัง “ตำหนักบรรทมของพระสนมเหยาเกิดเพลิงไหม้ สถานการณ์ของศิษย์น้องหญิงไม่ดีนัก”“เพลิงไหม้?” หัวใจของตงฟางหลีกระตุกวูบ “สถานการณ์ของศิษย์น้องหญิงไม่
ผู้ใดจะรู้ นี่คือกลยุทธ์ล่อเสือออกจากถ้ำ!“หลังจากที่กระหม่อมออกไปไม่นานนัก ตำหนักบรรทมของพระสนมเหยาเกิดเพลิงไหม้” เฟยอิ่งกล่าว “เมื่อกระหม่อมกลับมา เพลิงค่อย ๆ ลดลงภายใต้หิมะที่ตกหนัก”“ครั้นกระหม่อมรู้ว่าถูกล่อเสือออกจากถ้ำ ตอนที่อยากจะไปตามหาพระชายา ชื่อเจี้ยนก็มาพบกระหม่อมเข้า นางเล่าเรื่องทั้งห
“กระหม่อมอยู่ในสวนหมื่นอสูร” ชื่อเจี้ยนก้มศีรษะลง น้ำเสียงสะอึกสะอื้น “พระสนมเหยากำชับให้กระหม่อมไปที่สวนหมื่นอสูรเพื่อไปส่งของบางอย่าง พอกระหม่อมกลับมาก็พบว่าตำหนักเกิดเพลิงไหม้ ไฟโหมกระหน่ำ ควบคุมเพลิงไม่ได้”ตงฟางหลีค้นหาไปทั่วอาคารที่ถูกเผาไหม้ แล้วเดินไปหานาง “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเหยี่ยนเย่ว์ถูกค
“เพคะ” ชื่อเจี้ยนตอบรับตงฟางหลีเดินไปรอบ ๆ ซากปรักหักพัง คิ้วขมวดแน่นตามที่เฟยอิ่งเล่า นับตั้งแต่ค้นพบกับดักจนกระทั่งกลับมาใช้เวลาไม่ถึงสองเค่อทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาสองเค่อนี้จากนี้จะเห็นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนระมัดระวังตัว และมีการวางแผนที่ดีสาเหตุที่ตำหนักบรรทมของพระสนมเหยาเกิดเพลิงไหม้
ตงฟางหลีย่นหัวคิ้วแน่นคราก่อนตอนที่พี่สามใช้อีกาดำมาจัดการเหยี่ยนเย่ว์ เขาได้ส่งจื่อจินไปกำจัดอีกาดำแล้วขอเพียงเห็นคนของอีกาดำ ย่อมไม่ปล่อยไปให้รอดอย่างแน่นอนและเนื่องด้วยเหตุนี้ อีกาดำจึงแทบจะหยุดการเคลื่อนไหวหากกล่าวว่าที่พวกเขามาครานี้เพื่อแก้แค้นตามแผนที่วางไว้นานมาแล้ว ก็อาจจะเป็นไปได้ทว่า
“ล้วนโทษนางที่กลายเป็นเหมือนเด็ก ข้ามิอาจถือสาหาความกับเด็กคนหนึ่งได้ จึงได้ยุยงให้เด็ก ๆ พวกนั้นไปกลั่นแกล้งนาง”“พี่เจ็ด นางไม่ได้รับบาดเจ็บ แล้วก็มิได้เสียเปรียบนะ กลับเป็นข้าที่เสียเปรียบ ข้าถูกนางสาดน้ำสกปรกใส่ถึงสองถัง มิหนำซ้ำยังลื่นล้มจนหัวกระแทก ข้าถูกปฏิบัติไม่เป็นธรรมมากกว่านางเสียอีก ท่า
เวลาเดียวกับที่เช็ดเลือดออก ได้ใส่ยาห้ามเลือด และในเวลาเดียวกันก็ฉีดยาฉุกเฉินเช่น ยากระตุ้นหัวใจอาการของเซียวเซี่ยงหวั่นค่อนข้างแย่แม้จะได้รับการรักษาฉุกเฉินแล้ว แต่การหายใจของนางยังคงอ่อนแรงมากโดยเฉพาะมือและเท้าเริ่มแข็ง ทำให้ไม่สามารถวัดชีพจรได้สิ่งที่เร่งด่วนที่สุด ทำได้เพียงตรวจคลื่นไฟฟ้าหัว
หลังจากกินยาช่วยชีวิตแล้ว เซียวเซี่ยงหวั่นก็เกิดอาการชักอย่างรุนแรงทันทีใบหน้าที่แทบจะจำไม่ได้บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดนางดิ้นรนด้วยความทรมาน มีเสียงร้องครวญครางอย่างไม่รู้สึกตัวออกมาจากลำคอ“แย่แล้ว” หัวใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังไม่ทันวางลง ก็ลอยขึ้นสูงอีกครั้งเซียวเซี่ยงหวั่นถูกเฉียนอ๋องทรมานจนหาย
เมื่อพวกเขาได้กลิ่นของฉินเหยี่ยนเย่ว์นั้น ทุกสายตาพลันหันไปหานางในทันที ก่อนจะน้ำลายไหลออกมา พร้อมทั้งนัยน์ตาที่แดงก่ำพวกเขาทั้งหมดล้วนแต่มีร่างกายสูงใหญ่ บนร่างกายนั้นกลับมีเงามันแปลก ๆ พร้อมทั้งเปรอะเปื้อนเลือดของพระชายาเฉียนอีกด้วยพวกมันราวกับสัตว์ร้ายที่จ้องมองนางด้วยสายตาราวกับอยากจะจับนางฉีก
ยามที่นางตกอยู่ในสภาวะว่างเปล่านั้น ย่อมมิอาจทำอันใดกับเฉียนอ๋องได้ทว่า นางในสภาวะปกติเช่นนี้ หาได้เห็นเขาอยู่ในสายตาไม่ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงในยามที่พลังแห่งจิตวิญญาณของนางได้เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าตัวเช่นนี้เลยเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสารเลวอย่างเฉียนอ๋องที่รังแกสตรีเช่นนี้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ย่อมมิมีทางวิ่ง
“อ๊าก มือข้า”เฉียนอ๋องพลันมองไปยังข้อมือของตนเองที่กำลังมีเลือดไหลออกมาก่อนหน้านั้น มือนั้นยังอยู่บนข้อมือของเขา เพียงพริบตาเดียวมิรู้ว่าหายไปไหนแล้วหลงเหลือไว้เพียงข้อมือว่างเปล่าที่มีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาเลือดสด ๆ ที่ไหลออกมาไม่หยุดนั้น พลันไหลปกคลุมเตียงหินที่มีรอยเลือดแห้งดำด่างเก่า ๆ ในทันที
ความโกรธเกรี้ยวที่โหมกระหน่ำราวกับคลื่นที่ซัดเข้ามาฉินเหยี่ยนเย่ว์แทบจะควบคุมความโกรธที่สุมอยู่เต็มอกของนางไม่ไหวนางพยายามดิ้นรน เพื่อที่จะหลุดออกจากโซ่ตรวนนี้ภายในห้องลับที่มืดมิดนั้น เสียงดังของโซ่ตรวนเหล็กที่กระทบกันไปมาพลันกลบเสียงร้องของพระชายาเฉียนไปจนหมด“โกรธหรือ? ดิ้นรนหรือ? ฮ่าฮ่า ฉินเห
นางมิคิดเลยว่า เฉียนอ๋องจักกล้าโยนชายาของตนเองลงไปในดงบุรุษเหล่านั้นได้หูของนางพลันได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของพระชายาเฉียนดังขึ้นมาเสียงนั่น ดังกึกก้องลึกเข้าไปในใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์ในทันทีถึงแม้ว่านางจักมิไปเห็น มิได้ยิน แต่นางก็สัมผัสได้ว่าพระชายาเฉียนกำลังทุกข์ทรมานใจมากเพียงใดในยามน
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันลืมตาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวการมองในครานี้ กลับทำเอาทั่วร่างเย็นยะเยือก พร้อมทั้งเลือดในกายที่ถูกสูบฉีดไหลเวียนไปทั่วร่างยามที่นางกำลังปิดกั้นตนเองจากโลกภายนอก เพื่อมุ่งมั่นในการรวบรวมสมาธิของตนเองมิรู้ว่าเฉียนอ๋องไปนำบุรุษสามสี่คนมาจากที่ใดบุรุษเหล่านั้นรูปร่างสูงใหญ่กำยำมิต่างอัน
“หากมิใช่เพราะข้าคิดถึงเจ้ามากถึงเพียงนั้น จนถึงกับลอบสังเกตติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างใกล้ชิดแล้วละก็ ถึงได้พบนกกางเขนเงาที่บินไปที่จวนอ๋องเจ็ดตัวนั้น มิเช่นนั้นข้าก็คงมิมีทางหาเจ้าพบแน่”“เจ้าเป็นของของข้า แต่กลับคิดหาทางหลบหนี ผู้ใดให้ความกล้าแก่เจ้ากัน? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นตัวอันใด? ถึงกล้า