นางกำนัลพลันชะงักไปในทันที นางที่เป็นเพียงนางกำนัลตำแหน่งเล็ก ๆ นางมีหน้าที่เพียงเข้ามาส่งสารเท่านั้น หากว่าพระชายาอ๋องเจ็ดตายต่อหน้าต่อตาของนางแล้วไซร้ นางย่อมมิอาจหลีกหนีความผิดของตนเองได้พ้น “พระชายาอ๋องเจ็ดอย่าได้วู่วามนะเพคะ บ่าวเพียงแค่มาเชื้อเชิญให้ท่านไปเยือนที่กงเจิ้งซือเท่านั้น ท่านอย่าได
“เจ้าคิดจะทำอันใด?” ฉินเสวี่ยเย่ว์พลางตัวสั่นไปด้วยความตกใจในทันที“เมื่อครู่ เจ้าคิดจะทำอันใดกับเฟ่ยชุ่ยเล่า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวออกมาด้วยท่าทีเย็นชา “ข้าก็จักทำเช่นนั้นกับเจ้าเหมือนกัน”“ เจ้ากล้าหรือ! ฉินเหยี่ยนเย่ว์ หากกล้าไฟละก็ ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่”"หากข้ามิจุด มิยุ่งกับเจ้า เจ้าจักปล่
“โอ้? มีเรื่องอันใดหรือ?”“คือ…” แม่นมเจียงพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พระชายาอ๋องเจ็ดถูกสงสัยว่ากระทำการทรมานและสังหารข้ารับใช้ของนางเพคะ ดังนั้นกงเจิ้งซือจึงได้เชิญพระชายาอ๋องเจ็ดไปสืบหาความจริง”“ทรมานและสังหารข้ารับใช้?” ตงฟางหลีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตามกฎหมายของราชวงศ์ตงลู่ ผู้ใดก็ตามที่ทำการสั
ท่านอ๋องเจ็ดทำการลงโทษหงเย้า ทั้งยังตั้งใจให้หงเย้ามาพักฟื้นที่เรือนพระชายาอ๋องเจ็ดเช่นนี้ แน่นอนว่าพระองค์ย่อมมีเจตนาแอบแฝงเมื่อกงเจิ้งซือเปิดเผยเรื่องราวออกมาเช่นนี้ ถือเป็นการสร้างความยุ่งยากครั้งใหญ่ เห็นได้ชัดว่าพวกนางถูกผู้อื่นยืมมือเข้าแล้ว วังวนแห่งอำนาจนั้น นางที่เป็นเพียงนางกำนัลตัวเล็ก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิรู้ว่าเขาคิดอันใดอยู่ นางจึงตระเตรียมของขึ้นมาหลายอย่าง หลังจากที่นางเดินออกมาจากห้องครัวแล้วนั้น นางพลันเห็นเขายังคงยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวและหิมะอยู่เช่นเดิม ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเลิกคิ้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า "ตงฟางหลี ท่านมิหนาวหรือ?"“ต่อแต่นี้ไป เจ้าห้ามเอ่ยเรียกนามของข้าเฉย ๆ อีกเป็นอั
ตงฟางหลีทำทีเสมือนว่ามิได้ยินในสิ่งที่นางเอ่ยขึ้นมา"หม่อมฉันเดาว่า หม่อมคงจะได้พบจุดอ่อนของฉินเสวี่ยเย่ว์และท่านอ๋องสามได้แล้วนั้น" ฉินเหยี่ยนเย่ว์หาได้สนใจอันใดไม่ "มันเพียงพอที่จะทำลายชื่อเสียงของพวกเขาลงได้เพคะ หากหม่อมฉันมิตาย พวกเขาย่อมพยายามหาทางให้หม่อมฉันตายอย่างแน่นอน"“โอ้?” ตงฟางหลีพลันห
ตงฟางหลีมองสำรวจนางอย่างละเอียดฉินเหยี่ยนเย่ว์สบตาอย่างไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย “ตงฟางหลี ผู้ที่หม่อมฉันต้องขอโทษก็คือท่าน ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นที่เลือกแต่งงานกับหม่อมฉันก็คือท่าน และนี่ก็คือการตัดสินใจของท่านเอง”ตงฟางหลีเหลือบตาขึ้น นัยน์ตาคู่นั้นเย็นยะเยือก ความอาฆาตค่อย
ใบหน้าตอนนี้กับใบหน้าเดิมของนางคล้ายคลึงกันยิ่ง แต่ลักษณะท่าทางในตอนนี้ดูโบราณกว่า และผิวพรรณก็ดีกว่าเล็กน้อยนางไม่ค่อยรำคาณการแต่งกายในตอนนี้สักเท่าใดเฟ่ยชุ่ยทาสีผึ้งลงไปบนริมฝีปากขอนางเล็กน้อย “เสร็จแล้วเพคะ”นางหยิบของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นพวกขนมและผลไม้ให้นางเล็กน้อย “บ่าวได้ยินมาว่า หลังจากเ
หลังจากเพลิงไหม้เล็กลง ในที่สุดชื่อเจี้ยนก็กระโดดผ่านสิ่งกีดขวางต่าง ๆ มาถึงเบื้องหน้าพระสนมเหยาได้“พระสนมเหยา ท่านไม่เป็นอะไรกระมังเพคะ?”ชื่อเจี้ยนตบแก้มพระสนมเหยา “ท่านเป็นอะไรหรือไม่? ท่านรีบตื่นสิเพคะ อย่าทำให้หม่อมฉันตกใจสิ”พระสนมเหยาสูดควันไฟเข้าไปมากเกิน ความร้อนและเขม่าควันไฟจึงไปทำร้ายปอ
เนื่องจากเป็นช่วงฤดูเหมันต์ อากาศจึงแห้งแล้งอีกทั้งห้องนี้ส่วนใหญ่ทำขึ้นจากไม้ เปลวไฟจึงลุกลามได้ง่ายที่สุดเปลวไฟเริ่มลุกขึ้นจากในห้องนอน ผ่านการกลืนกินมาเป็นเวลานานเช่นนี้ ได้ลามมาถึงเรือนนอกนานแล้ว เรือนนอกก็กลายเป็นทะเลเพลิงไปด้วยเช่นกันตัวคนอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงอันกว้างใหญ่ คล้ายกับเป็นมดที่ถ
ทว่าความเป็นจริงคือ พวกเด็ก ๆ ขนปุยไม่ร้องแม้แต่คำเดียว แม้กระทั่งเฮยตั้นที่ฉลาดที่สุดก็ยังไม่เห็นเงาเป็นไปไม่ได้ที่เหล่าเด็ก ๆ ขนปุยทั้งหมดจะจากไปความเป็นไปได้มากที่สุดคือ พวกมันยังอยู่ในเรือนนอก และเนื่องด้วยเหตุผลต่าง ๆ พวกมันจึงไม่อาจส่งเสียงร้อง และไม่อาจหลบหนีได้“เหยี่ยนเย่ว์ ข้าไม่ไปห้องที
“โฮก...”“ปัง!”สิ่งที่มาพร้อมกับเสียงกระแทกผนัง ยังมีเสียงคำรามอย่างดุดัน“โก่วตั้นรึ?” ยามที่พระสนมเหยาได้ยินเสียงนี้ พลันนิ่งงันไปชั่วขณะ ตามมาด้วยความยินดีอย่างบ้าคลั่งนางลืมไปได้อย่างไร!ต้าโก่วตั้นและเสี่ยวโก่วตั้นถูกเลี้ยงอยู่ที่ลานด้านหลังนั้นเองลานด้านหลังเชื่อมต่อกับเรือนของนาง ช่างบังเ
ลำคอของนางพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ไอออกมาอย่างแรงอยู่หลายครั้ง ใบหน้าไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง“แย่แล้ว” พระสนมเหยาตบที่ศีรษะ“เจ้าอยู่ในนี้นาน เกรงว่าจะกระทบไปถึงปอดแล้ว” ขณะที่นางพูดนั้น ก็ได้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำจนเปียกชุ่ม “นี่ ใช้สิ่งนี้ปิดปากไว้เสีย พวกเรารีบออกไปกันเถิด”“เห็นผีจริง ๆ หรือ? ข้าเพียง
ผีเท่านั้นที่รู้ว่าสภาพจิตใจของการถูกขังอยู่ที่นี่ โดยไม่ต้องกินดื่มหรือขับถ่าย หรือแม้กระทั่งไม่ต้องพักผ่อน ความรู้สึกเช่นนั้นแปลกประหลาดมากเพียงใด!มีนับครั้งไม่ถ้วน ที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดว่าตนเองได้ตายไปแล้ว ร่างกายในยามนี้ถูกวิญญาณอื่นเข้าสิงอยู่ และนางก็ได้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนตัวหนึ่งยิ่งเวลาผ
หลังจากแหวนเรืองแสงออกมาแล้ว แสงสว่างก็ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็จางหายไปทว่าในเวลานั้นเอง ภายในแหวนประหลาดวงนั้นด้านในโรงพยาบาล ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่สภาพเป็นปกติได้รับแรงกระแทกจากแหวน คุกเข่าอยู่บนพื้น ตอบสนองไม่ได้อยู่เป็นเวลานาน“บ้าจริง ล้มเหลวอีกแล้ว” นางถอนหายใจยาวเหยียดนับตั้งแต่ช่วงเวลา
ระยะทางจากตำหนักพระสนมเหยากับตำหนักไท่เวยค่อนข้างไกลกันตอนที่กลับมาถึงตำหนักนั้น ผมของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ได้แข็งตัว ปอยผมค้างเติ่งอยู่บนศีรษะเป็นกระจุก ๆจากที่ที่หนาวเย็นมาถึงห้องที่อบอุ่น น้ำแข็งที่ยังไม่ทันได้จับตัวเป็นดีก็ละลาย น้ำจึงได้ไหลตามใบหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ลงมา“เฮ้อ เวรกรรม” พระสนมเหยา
เนื่องจากตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น คนที่สนใจทางฝั่งนี้มีไม่มากกอปรกับปกติมู่เหยี่ยมีนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง แทบจะล่วงเกินทุกคนในวังไปแล้วรอบหนึ่งดังนั้น จึงไม่มีคนคิดเล็กคิดน้อยว่ามู่เหยี่ยหกล้มได้อย่างไร แล้วก็ไม่มีคนไล่ตามสืบว่าน้ำสกปรกบนตัวของมู่เหยี่ยมาจากอะไรเว้นแต่เด็ก ๆ พวกนั้นหลังจากมู่เหยี่ย