ตงฟางหลีทำทีเสมือนว่ามิได้ยินในสิ่งที่นางเอ่ยขึ้นมา"หม่อมฉันเดาว่า หม่อมคงจะได้พบจุดอ่อนของฉินเสวี่ยเย่ว์และท่านอ๋องสามได้แล้วนั้น" ฉินเหยี่ยนเย่ว์หาได้สนใจอันใดไม่ "มันเพียงพอที่จะทำลายชื่อเสียงของพวกเขาลงได้เพคะ หากหม่อมฉันมิตาย พวกเขาย่อมพยายามหาทางให้หม่อมฉันตายอย่างแน่นอน"“โอ้?” ตงฟางหลีพลันห
ตงฟางหลีมองสำรวจนางอย่างละเอียดฉินเหยี่ยนเย่ว์สบตาอย่างไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย “ตงฟางหลี ผู้ที่หม่อมฉันต้องขอโทษก็คือท่าน ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นที่เลือกแต่งงานกับหม่อมฉันก็คือท่าน และนี่ก็คือการตัดสินใจของท่านเอง”ตงฟางหลีเหลือบตาขึ้น นัยน์ตาคู่นั้นเย็นยะเยือก ความอาฆาตค่อย
ใบหน้าตอนนี้กับใบหน้าเดิมของนางคล้ายคลึงกันยิ่ง แต่ลักษณะท่าทางในตอนนี้ดูโบราณกว่า และผิวพรรณก็ดีกว่าเล็กน้อยนางไม่ค่อยรำคาณการแต่งกายในตอนนี้สักเท่าใดเฟ่ยชุ่ยทาสีผึ้งลงไปบนริมฝีปากขอนางเล็กน้อย “เสร็จแล้วเพคะ”นางหยิบของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นพวกขนมและผลไม้ให้นางเล็กน้อย “บ่าวได้ยินมาว่า หลังจากเ
สาวงามมองเห็นฉินเหยี่ยนเย่ว์จับตงฟางหลีเอาไว้ และตงฟางหลีไม่ได้ผลักไส แต่กลับประคองนาง แทบจะมีไฟลุกโชนขึ้นในดวงดา“ขอบคุณ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าซีดขาวหน้ามืดตาลาย ใจสั่นและหูอื้อ นี่เป็นอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำร่างกายนี้เดิมทีก็มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เพิ่งจะบำรุงรักษาร่างกายได้ไม่กี่วัน ยังไม่ท
ถ้าหากนางวินิจฉัยโรคไม่ผิด อาการป่วยของฉินเหยี่ยนเย่ว์น่าจะเป็นโรคในกะโหลกศีรษะ ตอนที่อาการไม่กำเริบยังพอไหว หากอาการกำเริบก็จะเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดตกอยู่ในอาการเสียสติโรคในกะโหลกศีรษะมีทั้งไม่รุนแรงและสาหัส ในกรณีที่ไม่รุนแรงอาการจะค่อย ๆ ทุเลา ในกรณีที่รุนแรงอาจจะเส้นเลือดในสมองแตกและ
“หากเป็นเมื่อคืนวานนี้ ท่านสังหารหม่อมฉัน หม่อมฉันก็คงขัดขืนมิได้ แต่ หากเป็นท่านในวันนี้ ก็คงจะไม่มีปัญญาหรอกเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์น้ำเสียงอ่อนแอ ทันทีที่พูดจบ นางก็หาโอกาสเหมาะ โจมตีที่จุดถันจงของตงฟางหลีเดิมทีตงฟางหลีก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว หลังจากที่ถูกโจมตี ก็รู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณหน้าเป็นอย่างยิ่ง
ต่อไป เขาย่อมสูญเสียการควบคุมตนเองไปอย่างแน่นอน“เจ้ามีหนทางงั้นหรือ?” ตงฟางหลีหยุดลง พร้อมทั้งร่างกายที่โอนเอนไปมาเล็กน้อย พลางแย้มยิ้มออกมาด้วยความเย็นชาว่า “เจ้าจักไปทำอันใดได้?”“มีเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางบีบขวดแมนนิทอลในแขนเสื้อของตนเองเอาไว้แน่นขวดแมนนิทอลขวดนี้ เดิมทีมันปรากฏขึ้นมานานแล้ว
ตงฟางหลียังคงหลับตาอยู่เช่นเดิมเมื่อครู่เขามองอันใดไม่ค่อยชัดแจ้งนัก จึงมิเห็นว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์ทำอันใดกับเขากันแน่สิ่งเดียวที่เขารู้สึกได้ก็คือ หลังจากที่รู้เจ็บปวดจากการแทงเข็มลงไปนั้น ร่างกายพลันมีอะไรเย็น ๆ บางอย่างถูกฉีดเข้ามาที่แขนในทันที ไม่นานนักอาการปวดหัวของเขาก็หายไปเสมือนกับคลื่นลมพาย
แต่เขากลับไม่สังเกตเลยเมื่อเจ้าสิบเห็นว่ากลวิธีนี้ได้ผล ก็หัวเราะเฮะเฮะ “พี่เจ็ด ท่านกินอีกสองชิ้นสิ นี่เป็นของที่ข้าทำเป็นพิเศษเลยนะ หลังจากกินแล้วพละกำลังจักพลุ่งพล่าน ท่านดูอิดโรยมาก เมื่อวานเกรงว่าจะนอนไม่หลับทั้งคืนกระมัง? เฮะเฮะ เป็นการเติมพลังให้ร่างกายได้พอดีทีเดียว”ตงฟางหลีจ้องมองขนมเงียบ
ปิ่นปักผมอันนี้ท่านอ๋องเจ็ดมอบให้กับพระชายามีนามของพระชายาสลักไว้บนนั้น พระชายาทะนุถนอมมันเป็นอย่างดี ไม่มีทางทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจได้ยิ่งไปกว่านั้น นางกำนัลคนนั้นก็บอกแล้วว่า พวกเขาอยากจะพาพระชายาไปยังสถานที่อบอุ่นเพื่อเปลี่ยนอาภรณ์ ทว่าพระชายากลับเมินเฉยพระชายาในตอนนี้รู้จักเพียงท่านอ๋องเจ็ดและพร
โก่วตั้นไม่ได้กินขนมในส่วนแรกก็ผิดหวังมากแล้ว เมื่อเห็นขนมในส่วนที่สองถูกส่งถึงหน้าประตูบ้าน ก็เริ่มน้ำลายไหลยืดน่าเสียดายที่ขนมส่วนที่สองนั้นค่อนข้างดุร้าย และเร็วมาก แถมยังสามารถคว้าโก่วตั้นน้อยมาใช้เป็นโล่กำบัง เกรงว่าก็จะกินไม่ได้เช่นกันมันผิดหวังมาก เดินเข้าไปด้านในพร้อมส่ายหาง“บรู๊ว” โก่วตั
หลังจากคนผู้นั้นทำให้ฉินเหยี่ยนเย่ว์หมดสติ ก็โบกมือไปมาทันใดนั้นมีคนผู้หนึ่งรูปลักษณ์เหมือนองครักษ์เข้ามาพร้อมถุงกระสอบ แล้วเอาตัวคนใส่เข้าไป“เจ้าไปก่อน”“ขอรับ” องครักษ์อุ้มคนหายลับไปท่ามกลางหิมะตกหนักอย่างรวดเร็วคนผู้นั้นมองไปรอบ ๆรอบด้านไร้คน มีเพียงหิมะที่ตกลงมาปกคลุมกระเบื้องเคลือบเป็นสีขา
หลังจากเพลิงไหม้เล็กลง ในที่สุดชื่อเจี้ยนก็กระโดดผ่านสิ่งกีดขวางต่าง ๆ มาถึงเบื้องหน้าพระสนมเหยาได้“พระสนมเหยา ท่านไม่เป็นอะไรกระมังเพคะ?”ชื่อเจี้ยนตบแก้มพระสนมเหยา “ท่านเป็นอะไรหรือไม่? ท่านรีบตื่นสิเพคะ อย่าทำให้หม่อมฉันตกใจสิ”พระสนมเหยาสูดควันไฟเข้าไปมากเกิน ความร้อนและเขม่าควันไฟจึงไปทำร้ายปอ
เนื่องจากเป็นช่วงฤดูเหมันต์ อากาศจึงแห้งแล้งอีกทั้งห้องนี้ส่วนใหญ่ทำขึ้นจากไม้ เปลวไฟจึงลุกลามได้ง่ายที่สุดเปลวไฟเริ่มลุกขึ้นจากในห้องนอน ผ่านการกลืนกินมาเป็นเวลานานเช่นนี้ ได้ลามมาถึงเรือนนอกนานแล้ว เรือนนอกก็กลายเป็นทะเลเพลิงไปด้วยเช่นกันตัวคนอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงอันกว้างใหญ่ คล้ายกับเป็นมดที่ถ
ทว่าความเป็นจริงคือ พวกเด็ก ๆ ขนปุยไม่ร้องแม้แต่คำเดียว แม้กระทั่งเฮยตั้นที่ฉลาดที่สุดก็ยังไม่เห็นเงาเป็นไปไม่ได้ที่เหล่าเด็ก ๆ ขนปุยทั้งหมดจะจากไปความเป็นไปได้มากที่สุดคือ พวกมันยังอยู่ในเรือนนอก และเนื่องด้วยเหตุผลต่าง ๆ พวกมันจึงไม่อาจส่งเสียงร้อง และไม่อาจหลบหนีได้“เหยี่ยนเย่ว์ ข้าไม่ไปห้องที
“โฮก...”“ปัง!”สิ่งที่มาพร้อมกับเสียงกระแทกผนัง ยังมีเสียงคำรามอย่างดุดัน“โก่วตั้นรึ?” ยามที่พระสนมเหยาได้ยินเสียงนี้ พลันนิ่งงันไปชั่วขณะ ตามมาด้วยความยินดีอย่างบ้าคลั่งนางลืมไปได้อย่างไร!ต้าโก่วตั้นและเสี่ยวโก่วตั้นถูกเลี้ยงอยู่ที่ลานด้านหลังนั้นเองลานด้านหลังเชื่อมต่อกับเรือนของนาง ช่างบังเ
ลำคอของนางพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ไอออกมาอย่างแรงอยู่หลายครั้ง ใบหน้าไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง“แย่แล้ว” พระสนมเหยาตบที่ศีรษะ“เจ้าอยู่ในนี้นาน เกรงว่าจะกระทบไปถึงปอดแล้ว” ขณะที่นางพูดนั้น ก็ได้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำจนเปียกชุ่ม “นี่ ใช้สิ่งนี้ปิดปากไว้เสีย พวกเรารีบออกไปกันเถิด”“เห็นผีจริง ๆ หรือ? ข้าเพียง