“โอ้? มีเรื่องอันใดหรือ?”“คือ…” แม่นมเจียงพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พระชายาอ๋องเจ็ดถูกสงสัยว่ากระทำการทรมานและสังหารข้ารับใช้ของนางเพคะ ดังนั้นกงเจิ้งซือจึงได้เชิญพระชายาอ๋องเจ็ดไปสืบหาความจริง”“ทรมานและสังหารข้ารับใช้?” ตงฟางหลีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตามกฎหมายของราชวงศ์ตงลู่ ผู้ใดก็ตามที่ทำการสั
ท่านอ๋องเจ็ดทำการลงโทษหงเย้า ทั้งยังตั้งใจให้หงเย้ามาพักฟื้นที่เรือนพระชายาอ๋องเจ็ดเช่นนี้ แน่นอนว่าพระองค์ย่อมมีเจตนาแอบแฝงเมื่อกงเจิ้งซือเปิดเผยเรื่องราวออกมาเช่นนี้ ถือเป็นการสร้างความยุ่งยากครั้งใหญ่ เห็นได้ชัดว่าพวกนางถูกผู้อื่นยืมมือเข้าแล้ว วังวนแห่งอำนาจนั้น นางที่เป็นเพียงนางกำนัลตัวเล็ก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิรู้ว่าเขาคิดอันใดอยู่ นางจึงตระเตรียมของขึ้นมาหลายอย่าง หลังจากที่นางเดินออกมาจากห้องครัวแล้วนั้น นางพลันเห็นเขายังคงยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวและหิมะอยู่เช่นเดิม ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเลิกคิ้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า "ตงฟางหลี ท่านมิหนาวหรือ?"“ต่อแต่นี้ไป เจ้าห้ามเอ่ยเรียกนามของข้าเฉย ๆ อีกเป็นอั
ตงฟางหลีทำทีเสมือนว่ามิได้ยินในสิ่งที่นางเอ่ยขึ้นมา"หม่อมฉันเดาว่า หม่อมคงจะได้พบจุดอ่อนของฉินเสวี่ยเย่ว์และท่านอ๋องสามได้แล้วนั้น" ฉินเหยี่ยนเย่ว์หาได้สนใจอันใดไม่ "มันเพียงพอที่จะทำลายชื่อเสียงของพวกเขาลงได้เพคะ หากหม่อมฉันมิตาย พวกเขาย่อมพยายามหาทางให้หม่อมฉันตายอย่างแน่นอน"“โอ้?” ตงฟางหลีพลันห
ตงฟางหลีมองสำรวจนางอย่างละเอียดฉินเหยี่ยนเย่ว์สบตาอย่างไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย “ตงฟางหลี ผู้ที่หม่อมฉันต้องขอโทษก็คือท่าน ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นที่เลือกแต่งงานกับหม่อมฉันก็คือท่าน และนี่ก็คือการตัดสินใจของท่านเอง”ตงฟางหลีเหลือบตาขึ้น นัยน์ตาคู่นั้นเย็นยะเยือก ความอาฆาตค่อย
ใบหน้าตอนนี้กับใบหน้าเดิมของนางคล้ายคลึงกันยิ่ง แต่ลักษณะท่าทางในตอนนี้ดูโบราณกว่า และผิวพรรณก็ดีกว่าเล็กน้อยนางไม่ค่อยรำคาณการแต่งกายในตอนนี้สักเท่าใดเฟ่ยชุ่ยทาสีผึ้งลงไปบนริมฝีปากขอนางเล็กน้อย “เสร็จแล้วเพคะ”นางหยิบของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นพวกขนมและผลไม้ให้นางเล็กน้อย “บ่าวได้ยินมาว่า หลังจากเ
สาวงามมองเห็นฉินเหยี่ยนเย่ว์จับตงฟางหลีเอาไว้ และตงฟางหลีไม่ได้ผลักไส แต่กลับประคองนาง แทบจะมีไฟลุกโชนขึ้นในดวงดา“ขอบคุณ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าซีดขาวหน้ามืดตาลาย ใจสั่นและหูอื้อ นี่เป็นอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำร่างกายนี้เดิมทีก็มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เพิ่งจะบำรุงรักษาร่างกายได้ไม่กี่วัน ยังไม่ท
ถ้าหากนางวินิจฉัยโรคไม่ผิด อาการป่วยของฉินเหยี่ยนเย่ว์น่าจะเป็นโรคในกะโหลกศีรษะ ตอนที่อาการไม่กำเริบยังพอไหว หากอาการกำเริบก็จะเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดตกอยู่ในอาการเสียสติโรคในกะโหลกศีรษะมีทั้งไม่รุนแรงและสาหัส ในกรณีที่ไม่รุนแรงอาการจะค่อย ๆ ทุเลา ในกรณีที่รุนแรงอาจจะเส้นเลือดในสมองแตกและ
หลังจากลู่จิ้นป้อนยาที่มีชื่อว่ามังกรพ่นมุกนี้ให้นาง ก็ได้ทำลายสมดุลนี้ลงครั้นพิษของปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธ์ถูกกดลง พิษของยาอีกหนึ่งชนิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันยาพิษบางชนิดมีพิษมากกว่าพิษจากปลาทรายแดงครีบทอง จึงเท่ากับต้องพิษเป็นครั้งที่สองหลังจากสมดุลถูกทำลาย ซูเตี่ยนฉิงย่อมไม่มีชีวิตที่ดีแล้
“เจ้าตาบอดหรือ? มองไม่ออกว่านี่คือตัวหนอนหรือย่างไร? ก็คือตัวหนอนที่กลายเป็นแมลงวันได้อย่างไรเล่า รักษาให้ดี ๆ เถิด” ลู่จิ้นเอ่ยเสียงเย็นซูจิ้นยืนยันคำตอบอยู่ในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันทีคนคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงอาเจียนเอาของน่ารังเกียจพรรค์นี้ออกมาได้?
หากมีสุรารสเลิศก็ดียิ่งขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็คิดจะจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทว่า...นางเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงที่นอนอยู่บนเตียงปราดหนึ่งจากไปทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักจำต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับไปบ้างถึงจะได้ไม่มาเสียเที่ยว“ศิษย์พี่รอสักครู่นะเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “
“ผู้ใดให้เจ้าไม่ตั้งใจเรียน ให้เจ้าทำยาคุณภาพต่ำออกมามั่วซั่ว หลายปีนี้เจ้ามัวทำอะไร? สิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปที่ตัวสุนัขหมดแล้วหรืออย่างไร?” ลูจิ้นตะคอก“กล้าให้ศิษย์น้องหญิงได้รับความทรมานเช่นนั้น ข้าจะตีเด็กสารเลวอย่างเจ้าให้ตาย”ลู่ซิวถึงได้เข้าใจเป็นท่านบรรพบุรุษรังเกียจยาน้ำคุณภาพต่ำที่เขาทำข
ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ
ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้
นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้
“หลีกไป หลีกไปให้พ้น ใครกล้ามาขัดขวางข้า!”เสียงนั้นดังกึกก้องเป็นอย่างยิ่ง ทรงพลังและดุดันก่อนจะตามมาด้วยเสียงล้มลงกับพื้นของคนหลายคน แล้วประตูใหญ่ก็ถูกคนถีบออกอย่างแรงจากนั้น ชายชราผมขาวเคราขาวคนหนึ่งบุกเข้ามาด้วยความกรุ่นโกรธคนที่เข้ามาคือลู่จิ้นบรรพบุรุษของสกุลลู่ที่ด้านหลังของลูจิ้น ยังมีลู
คนทั่วไปเมื่อรับเงินทองผู้อื่นไปแล้วต้องปัดเป่าความกังวลของผู้นั้นมีเพียงนาง ที่รับเงินไปแล้วยังหน้าไม่อายอย่างเปิดเผยเช่นนี้“นายท่าน ท่านเชื่อข้านะเจ้าคะ นางจงใจปล่อยให้ฉิงเอ๋อร์ตายโดยที่ไม่ช่วย” ฮูหยินซูนึกถึงคำเตือนของคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ใต้หล้านี้มีเพียงนางที่ช่วยชีวิตฉิงเอ