“ผู้ที่โดนน้ำร้อนลวกสองสามคนนั้น พวกเจ้าไปจัดการตนเองเสียก่อน ที่ข้ามียาสูตรลับ ทาแล้วแทบจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ หากทำตัวดีข้าจะให้ยาสูตรลับแก่พวกเจ้า หากทำตัวไม่ดี เช่นนั้นก็อย่าได้โทษข้า”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบ ก็พาคนไปที่ห้องเลี้ยงนกพิราบภายในห้องครัวเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง พวกเขาถูกทำให้ตกตะลึง
“พวกเจ้าสองคน ปลุกเขาให้ตื่น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำหมัดแน่น“พระชายา เป็นไปไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ เขาดื่มสุราจนเมามายปลุกไม่ตื่น ต้องรอให้สุราหมดฤทธิ์พ่ะย่ะค่ะ” ผู้ชายคนหนึ่งกล่าว “พวกเราไปตามหาแม่นางเฟ่ยชุ่ยกันต่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“พวกเข้าไปยกน้ำเย็นจัดมาหนึ่งกะละมัง เอาแบบที่มีเศษน้ำแข็งด้วย” ฉินเหยี่ยนเย่ว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้มหน้าจ้องมองเศษกระดูกที่อยู่ด้านข้าง รวมทั้งจานและกล่องอาหาร ที่ตกกระจัดกระจายอยู่ด้านข้างคิดว่าเป็นเพราะตาแก่นั่นคงมีอาการติดสุรา เมื่ออาหารเลิศรสที่อยู่ภายในกล่องอาหารก็ควบคุมตนเองไม่ได้ อยากจะลิ้มรสอาหารรสเลิศก่อน หลังจากที่กินอิ่มหนำสำราญแล้วค่อยกระทำการอันป่าเถื่อนต่อเฟ่ยชุ่ย
ยายแก่ผู้เป็นหัวหน้าพลันส่งสายตาไปให้บุรุษร่างใหญ่ทั้งสองคนในทันที บุรุษร่างใหญ่ทั้งสองมิกล้าคิดแข็งข้ออีกต่อไป พลางรีบส่งตัวตาเฒ่าหลานจอมขี้เมาไปยังห้องตอนขันทีในชั่วข้ามคืน เฟ่ยชุ่ยหาได้รับอันตรายใด ๆ ไม่ นางเพียงแต่มีอาการตกใจจนหน้าตาซีดขาวเพียงเท่านั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตบหลังมือของนางเล็กน้อย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงได้แต่มองนางด้วยรอยยิ้ม จนกระทั่งยายเฒ่าตระกูลซูกินอาหารจนเกลี้ยงมิมีเหลือ “ตัวเองทำตัวเองแท้ ๆ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวออกมาลอย ๆ “นับว่าโชคดีที่เฟ่ยชุ่ยหาได้เป็นอันใดไม่ พวกเจ้าเองก็ได้รับบทเรียนกันแล้ว เช่นนั้นข้าจักไม่ติดใจเอาความอันใดอีก”“ทว่า หากยังมีครั้งต่อไปอีก” น้ำเสียงข
ภายในบริเวณเรือนโยวหลาน ฉินเสวี่ยเย่ว์ที่สวมใส่เสื้อคลุมขนาดใหญ่ พร้อมทั้งข้ารับใช้และหญิงชรามากมายกำลังยืนอยู่บนหิมะห้องที่หู่พั่วอาศัยอยู่นั้น กำลังถูกกองเพลิงกลืนกินพร้อมทั้งควันไฟมากมายที่ลอยขโมงโฉงเฉงร่างของหู่พั่วถูกคนนำห่อด้วยผ้า ก่อนจะนำออกมาวางไว้บนหิมะ ในยามที่แสงไฟสลัว ๆ เช่นนี้ เสมือนก
นางกำนัลพลันชะงักไปในทันที นางที่เป็นเพียงนางกำนัลตำแหน่งเล็ก ๆ นางมีหน้าที่เพียงเข้ามาส่งสารเท่านั้น หากว่าพระชายาอ๋องเจ็ดตายต่อหน้าต่อตาของนางแล้วไซร้ นางย่อมมิอาจหลีกหนีความผิดของตนเองได้พ้น “พระชายาอ๋องเจ็ดอย่าได้วู่วามนะเพคะ บ่าวเพียงแค่มาเชื้อเชิญให้ท่านไปเยือนที่กงเจิ้งซือเท่านั้น ท่านอย่าได
“เจ้าคิดจะทำอันใด?” ฉินเสวี่ยเย่ว์พลางตัวสั่นไปด้วยความตกใจในทันที“เมื่อครู่ เจ้าคิดจะทำอันใดกับเฟ่ยชุ่ยเล่า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวออกมาด้วยท่าทีเย็นชา “ข้าก็จักทำเช่นนั้นกับเจ้าเหมือนกัน”“ เจ้ากล้าหรือ! ฉินเหยี่ยนเย่ว์ หากกล้าไฟละก็ ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่”"หากข้ามิจุด มิยุ่งกับเจ้า เจ้าจักปล่
“วางใจได้ ข้าจะส่งเจ้ากลับมาเร็ว ๆ ” นางเคาะจมูกแมวดำแมวดำเมินนาง ถูหัวกับตัวนาง และหาตำแหน่งที่สบายแล้วซุกตัวนอนลงไปอุ้งเท้าน้อยกดหน้าอกของนางอย่างแรง และแสดงความรังเกียจอีกครั้ง“...จึ๊ เจ้าแมว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลูบหัวของมันแค่แมวหนึ่งตัว ทำหน้ารังเกียจก็ช่างเถอะ ยังจะเอาเปรียบคนด้วยหรือ?“เฮยตั้
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดไม่ออก “ข้าไม่สนใจที่จะเอาตัวเองเป็นอาหารแลกซื้อให้โก่วตั้นกินหรอกนะ ข้าแค่อยากใช้งานมัน”ชื่อเจี้ยนยิ่งพูดไม่ออก “แม้ว่าเสือจะเป็นแมวตัวใหญ่ แต่ก็เป็นสัตว์กินเนื้อนะเพคะ พระนาง พระองค์โปรดเลิกคิดเรื่องนี้เสียเถอะ ทันทีที่พระองค์เข้าใกล้ มันจะถือว่าพระองค์เป็นของว่าง”“...มันไม่เข้
ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา นางกลับลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างในขณะเดียวกัน กลับเสมือนการตื่นรู้ คำสามคำว่าหลิ่วชีชี และน้ำเสียงกังวลยังคงก้องอยู่ในหูฉินเหยี่ยนเย่ว์ผ่อนลมหายใจออกพระสนมเหยาสามารถเอ่ยชื่อหลิ่วชีชีนี้ออกมาได้ ภาพเหมือนก็ตรงกัน ดังนั้นเรื่องนี้จึงได้สิ้นสุดลงแล้วหลังจากห่างหายกันไปนานกว่ายี่ส
สถานการณ์วุ่นวายเหลือคณาแมวที่เชื่องในยามปกติกลับมีขนตั้งชัน พลางส่งเสียงขู่ฟ่ออย่างดุร้ายวัวที่นิสัยอ่อนไหว ก้มหัวลง ดันเขาไปข้างหน้าบางตัวกระโดดไปอยู่ข้างพระสนมเหยา และที่เหลือส่วนใหญ่ล้อมรอบฉินเหยี่ยนเย่ว์และชื่อเจี้ยนทั้งตัวโตตัวเล็ก ล้วนแต่มีท่าทางดุร้าย มีเสียงขู่เตือนดังออกมาจากในลำคอ“บ้
นางมองฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างไม่อยากเชื่อ น้ำตาไหลทะลักลงมา “เหยี่ยนเย่ว์ เจ้า เจ้าหมายความว่า...”“ข้าคือพี่สาวที่เด็กคนนั้นต้องการตามหาหรือ?” นางต้องใช้เรี่ยวแรงเป็นอย่างมากถึงจะพูดประโยคนี้ออกมาได้“สวรรค์ จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ได้อย่างไร” พระสนมเหยาไม่รอให้นางตอบคำถาม ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นนางกุมใ
พระสนเหยาขวดคิ้วหากัน ที่หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเศร้าโศกนางจับจ้องภาพวาดอยู่เนิ่นนาน ถึงได้วางภาพลงข้าง ๆ ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เอ่ยถามขึ้น “คนวาดภาพนี้เป็นใคร?”“เป็นนักวาดภาพคนหนึ่งของพี่เจ็ด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดตัดบท “สนมเหยา แม้ข้าจะรู้ว่าท่านเจ็บปวดมาก ทว่า นี่เป็นเรื่องใหญ่มากจริง ๆ...”“ทั
ครั้นเห็นนางวิ่งหอบแฮกแฮกเข้ามา พลันเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ “เหยี่ยนเย่ว์ ท่าทางเร่งรีบ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”หลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นพระสนมเหยาที่เป็นที่โปรดปราณของสวรรค์ จิตใจพลันผ่อนคลายลงทันทีบุตรีสวรรค์อยู่ที่นี่ ของเละเทะวุ่นวายอะไรนั่นล้วนต้องถอยกลับไป“ข้ามาดูดซับโชคดีสักหน่อย” นางทรุดกา
“ของอะไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว“จีอู๋เยียน?”“ท่านพูดมาให้ชัดเจนสิ”จีอู๋เยียนเดินออกไปไกลแล้ว เสียงก็เลือนหายไปด้วยเช่นเดียวกัน“บ้าจริง!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ห่อไหล่ ลอบสบถคำหยาบออกมาหนึ่งคำจีอู๋เยียนไม่พูดคำพูดนั้นออกมายังดี หลังจากพูดออกมาแล้ว นางมักจะรู้สึกจั๊กจี้อยู่ในใจในห้องจะมีข
จีอู๋เยียนยังคงมีกลิ่นอายสังหารลอยวนเวียนอยู่ร่างกายกลิ่นอายสังหารนั้นแตกต่างจากกลิ่นอายสังหารทั่วไป คล้ายกับว่ามีกระบี่แหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างของเขา บริเวณโดยรอบเงียบสงัดราวกับจักจั่นในหน้าหนาวสีหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยถึงอย่างไรนี่ก็กำลังอยู่ในวังหลวงจีอู๋เยียนถึงกับปล