“เฟ่ยชุ่ย เจ้าไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของตนเองเสียก่อน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา “เจ้าไปดูแลหู่พั่วที่อยู่ในห้องให้ดี ข้าจักออกไปดูข้างนอกเสียหน่อย”
“พระชายาเพคะ” ใบหน้าของเฟ่ยชุ่ยพลันซีดลงไปในทันที ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “พระชายาอ๋องสามหาได้มาดีไม่ อีกทั้ง นางยังพาแม่นมกงเจิ้งซือมาด้วยอีก เกรงว่าพวกเราคงมิอาจปิดบังความลับไว้ได้อีกแล้วเพคะ”
“มีข้าอยู่ตรงนี้ทั้งคน” น้ำเสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์อ่อนลงไปเล็กน้อย นางยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะตบไปที่ไหล่ของเฟ่ยชุ่ยเบา ๆ “เข้าไปรั้งรออยู่ในห้องดี ๆ เสีย ไม่ว่าจักเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามออกมาเป็นอันขาด”
"จำไว้" ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบสั่งการที่ข้างหูของเฟ่ยชุ่ยอยู่สองสามคำ
"จำได้หรือไม่?"
เฟ่ยชุ่ยพลันกำหมัดแน่น "จำได้แล้วเพคะ พระชายาโปรดระวังตัวด้วยนะเพคะ"
"เจ้าวางใจเถิด" ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงเดินออกมาภายในจวนในทันที พร้อมทั้งแย้มยิ้มที่มิได้แสดงถึงรอยยิ้มจ้องมองไปทางฉินเสวี่ยเย่ว์
ฉินเสวี่ยเย่ว์อารมณ์มิค่อยดีนัก ถึงแม้ว่านางจะผัดแป้งหนา ๆ ทับบนใบหน้าของตนเองนั้น แต่ก็พอจะมองออกว่า ช่วงนี้นางเลือดลมไหลเวียนมิค่อยดีเท่าใดนัก
“น้องสาว มิได้เจอเจ้านานเลย เหตุใดวันนี้จึงมีเวลาว่างมาหาข้าได้เล่า? หรือเจ้ายังติดใจเอาความเรื่องที่ทะเลสาบนั้นอยู่อีก เจ้าอยากจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกหรือไม่เล่า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันเดินย่างกรายเข้าไปหาพวกนางในทันที
“ในยามนี้ข้าเป็นพระเชษฐนีของท่าน” ฉินเสวี่ยเย่ว์พลางเชิดหน้าขึ้น “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้ายังมีหน้ายกเรื่องในคราที่แล้วขึ้นมาพูดอีกหรือ?”
“เหตุใดข้าจึงพูดไม่ได้เล่า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงตอบกลับด้วยความเย็นชาว่า “ผู้ใดติดหนี้ย่อมต้องจ่าย ผู้ใดเป็นคนร้ายย่อมต้องชดใช้กรรม หากคนที่ตายไปแล้วต้องการจักมาแก้แค้น ก็มิอาจมาหาข้าได้ ข้าหาได้ทำสิ่งที่ละอายใจลงไปไม่”
สีหน้าของฉินเสวี่ยเย่ว์พลันแข็งค้างไปในทันที
เรื่องในคราก่อนนั้น เพียงเพื่อต้องการจะป้ายความผิดไปให้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ นางจึงฉวยโอกาสที่ไห่ถังนอนหมดสติอยู่ในน้ำ จับนางกดลงไป ทำให้นางจมน้ำตายเพราะหายใจไม่ออก หลังจากนั้น นางแสดงงิ้วทุ่มสุดตัว เพื่อให้ท่านอ๋องสามสงสัยในตัวฉินเหยี่ยนเย่ว์ หากว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์ต้องถูกจำคุกข้อหาสังหารคนนั้น เช่นนี้นางก็มิอาจพลิกตัวกลับมาผงาดได้อีก
เดิมทีนางคิดว่าคนโง่เง่าเช่นนั้นจักรู้สึกผิดจนยอมรับออกมาว่าตนเองทำการสังหารคนออกมานั้น
หากแต่ฉินเสวี่ยเย่ว์มิคิดเลยว่า ท่านอ๋องสามจักนำศพของไห่ถังกลับมา พร้อมทั้งกล่าวตักเตือนนางอย่างรุนแรง แม้แต่สีหน้าดี ๆ ก็หาได้มอบให้กับนางไม่
นางขโทยไก่ไม่สำเร็จ ซ้ำร้ายยังต้องมาเสียข้าวสารในกำมือไปอีก ทุกวันนี้ ยามที่นางหวนกลับไปคิดถึงเรื่องนี้เมื่อใดกลับรู้สึกเจ็บใจอยู่ทุกครา
“เรือนโยวหลานที่ข้าอาศัยอยู่ทรุดโทรมเป็นอย่างยิ่ง เกรงว่าจะเป็นการจะทำให้ทุกท่านเสียสายตา เช่นนั้นข้าขอมิเชิญทุกคนเข้าไปดื่มชาด้านในแล้วกัน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จ้องมองดูสีหน้าของฉินเสวี่ยเย่ว์อยู่ตลอด
“หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ภายในครึ่งชั่วยามนี้ กรงว่าคงไม่หยุดง่าย ๆ เป็นแน่ อากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ เชิญพวกท่านกล่าวธุระของตนเองมาโดยไวเถิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่กระชับเสื้อคลุมของตนเองเอาไว้
ฉินเสวี่ยเย่ว์เกลียดท่าทีของฉินเหยี่ยนเย่ว์ในยามนี้ยิ่งนัก นางได้แต่กำหมัดเอาไว้แน่น นัยน์ตาพลันเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความเกลียดชัง"หู่พั่วอยู่ที่ใด?"
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลับตาลงในทันที
ที่แท้
หู่พั่วที่กำลังจะหมดลมหายใจมาปรากฏอยู่ภายในเรือนของนางนั้น เป็นฝีมือของใครบางคนนั่นเอง
เป้าหมายก็คือ ต้องการให้การตายของหู่พั่วตกมาอยู่บนหัวของนาง
หากนางช้าไปสักนิดเดียวละก็ ปล่อยให้คนเจ็บเช่นหู่พั่วนอนจมกองหิมะอยู่นอกเรือนนั้น คงได้ถูกพวกนางหมายหัวเอาแน่ ๆ ทั้งยังไม่อาจแก้ต่างให้กับตนเองได้อีกด้วย
การเคลื่อนไหวของฉินเสวี่ยเย่ว์ในครานี้ ทั้งโหดร้ายและเลือดเย็นเสียยิ่งกว่าคราของไห่ถังเสียอีก
“วันอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ หู่พั่วย่อมต้องอยู่ภายในตัวเรือนอยู่แล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์แสร้งทำเป็นแปลกใจออกมา “เจ้ารีบร้อนมาที่นี่ในวันหิมะตกหนักเช่นนี้ เพียงเพื่อต้องการมาหาหู่พั่วงั้นหรือ?”
“มิผิด เรียกหู่พั่วออกมาเสีย” ฉินเสวี่ยเย่ว์กล่าว“สองวันก่อน ข้าได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากหู่พั่ว นางกล่าวว่าตนเองกำลังถูกทรมานอยู่ภายในจวนอ๋องแห่งนี้ ให้ข้ารีบส่งคนมาช่วยเหลือนาง หากมาช้ากว่านี้ เกรงว่านางคงได้ถูกทรมานจนตายเป็นแน่”
"ทั้งหู่พั่วและข้าล้วนเป็นนายบ่าวที่ดีต่อกัน ข้ามิอาจเห็นคนตายแล้วมิหยิบยื่นมือออกมาช่วยเหลือได้"
"โอ้?" ฉินเหยี่ยนเย่ว์สะบัดมือไปเล็กน้อย
ก่อนที่มุมปากของนางจะยกยิ้มขึ้นมา พลางเอ่ยน้ำเสียงติดขบขันออกมาว่า "เจ้าได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากหู่พั่วงั้นหรือ?"
"มิผิด"
“สัญญาณขอความช่วยเหลือคืออันใดเล่า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยถาม
"เจ้าเล่าเสีย" ฉินเสวี่ยเย่ว์ผลักหญิงชรานางหนึ่งขึ้นไปข้างหน้า
หญิงชราผู้นั้นสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อหยาบ ผิวคล้ำ นิ้วมือหยาบกร้าน บนใบหน้าและใบหูยังมีรอยน้ำแข็งกัดอยู่อีกด้วย เพียงแค่มองก็รู้ได้ในทันทีว่าหญิงชราผู้นี้มีชีวิตที่ยากจนข้นแค้นต้องดิ้นรนทำงานใช้ชีวิตอยู่แต่ด้านนอกบ้าน
หญิงชราผู้นั้นนั่งคุกเข่าลงพร้อมด้วยร่างกายสั่นเทาในทันที “ทูลพระชายาเพคะ หญิงชราเช่นหม่อมฉันเป็นแม่ค้าขายเต้าหู้เพคะ ทุก ๆ วันหม่อมฉันมีหน้าที่ส่งเต้าหู้มายังจวนอ๋องแห่งนี้ ทว่า ไม่กี่วันก่อนนั้น ยามที่หม่อมฉันส่งเต้าหู้เสร็จและกำลังจะกลับบ้าน กลับพบเจอแม่นางน้อยนางหนึ่งที่วิ่งออกมา พร้อมด้วยบาดแผลที่เต็มไปทั่วร่าง”
“นางขอร้องให้หม่อมฉันช่วยเหลือนาง ทำเอาหม่อมฉันตกใจยิ่งนัก หาได้กล้าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ไม่ ยามที่จะหนีออกมานั้น แม่นางน้อยกลับขอร้องอ้อนวอน ทำเอาหม่อมฉันถึงกับต้องใจอ่อน จึงได้นำความของแม่นางผู้นี้ไปบอกเล่าให้แก่พระชายาท่านอ๋องสามฟังเพคะ”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองไปยังหญิงชราผู้นั้น ด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
แม้แต่พยานว่าความเท็จฉินเสวี่ยเย่ว์ยังไปตามหามาได้ ทั้งยังเอ่ยออกมาอย่างมีเหตุมีผลยิ่งนัก
ในเมื่อทั้งหลักฐานและพยานมากันครบเช่นนี้แล้ว เหลือเพียงแค่ไปนำตัวหู่พั่วที่ได้รับบาดเจ็บออกมาจากจวนของนาง เช่นนี้ ไม่ว่านางจักแก้ต่างให้ตัวเองเช่นไรก็มิอาจฟังขึ้นอีกแล้ว
“ เจ้าเห็นหู่พั่วเมื่อกี่วันก่อนกัน?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
"สี่วัน ไม่ สามวันก่อนเพคะ" หญิงชราตอบ
“สรุปกี่วันกันแน่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพิ่มน้ำเสียงของตนเองให้ดังขึ้น “เรื่องแค่นี้เจ้ายังจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ?”
“สาม สามวันเพคะ” หญิงชราพลันตัวสั่นไปในทันที
“โอ้? สามวันก่อน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “นี่มิใช่เรื่องบังเอิญหรอกหรือ? เมื่อสามวันก่อน ข้าอยากจะกินน้ำแกงเต้าหู้ยิ่งนัก ทว่า คนในโรงครัวกลับบอกว่า คนที่มาส่งเต้าหู้นั้นเกิดอาการไม่สบาย จึงไม่อาจมาส่งเต้าหู้ได้ ท่านอ๋องเองก็มิคุ้นชินกับเต้าหู้จากเจ้าอื่นนัก นับตั้งแต่วันนั้น รายการอาหารที่มีเต้าหูจึงมิถูกจัดขึ้นสำรับภายในจวนอ๋องเป็นการชั่วคราว”
“ข้าอยากจะถามว่า เจ้าไปที่จวนอ๋องจวนใดกัน?”
ใบหน้าของหญิงชราพลันเปลี่ยนไปในทันที พร้อมทั้งแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ ไหลอาบลงมามากมาย
คำพูดที่นางเอ่ยออกมาเมื่อครู่นั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่พระชายาท่านอ๋องสามสอนสั่ง เมื่อถูกตอบโต้กลับมาเช่นนี้ หญิงชราเองจึงมิรู้ว่าควรจะตอบกลับไปเช่นไร
“ในเมื่อช่วงนี้จวนอ๋องมิมีเต้าหู้มาส่งเลยนั้น เจ้ามาส่งเต้าหู้ให้ได้อย่างไรกัน? ส่งไปที่ใด? ผู้ใดเป็นคนรับเต้าหู้จากเจ้ากัน? เรือนที่ข้าอยู่นั้น นับว่าอยู่ไกลจากห้องเครื่องยิ่งนัก สาวใช้ของข้าไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าได้อย่างไรกันเล่า? นางมีลักษณะเช่นไร? สวมใส่อาภรณ์เช่นไร? พูด!" ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อหญิงชราถูกรัวคำถามเข้ามาเช่นนี้ ก็เกิดอาการมึนงงยิ่งนัก พลางหันไปหาฉินเสวี่ยเย่ว์โดยไม่รู้ตัว
“ป้า ท่านรู้หรือไม่ว่า โทษฐานการเอ่ยวาจาใส่ร้ายข้านั้นมีความผิดหนักหนาเพียงใด? หากท่านมิมีคำตอบดี ๆ มามอบให้กับข้าแล้วละก็ ข้าจักจับท่านส่งให้กับทางการเสีย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยออกมาตามตรง "ข้าเตือนท่าน ควรตอบตามจริงเสีย"
เมื่อได้ยินมาว่าจะจับส่งให้กับทางการนั้น หญิงชราพลันมีท่าทีตื่นตระหนกไปในทันที
นางเป็นเพียงคนขายเต้าหู้ในระแวกใกล้ ๆ เท่านั้น เป็นพระชายาอ๋องสามที่มอบเงินให้นางส่วนหนึ่ง ทั้งยังสอนให้นางเอ่ยคำพุดเหล่านั้นออกมา นางที่โลภเพราะเห็นแก่เงินนั้น จึงได้เอ่ยเล่าคำโกหกออกมาเช่นนี้
หากว่าถูกส่งตัวให้ทางการแล้วนั้น หลังจากที่ความจริงถูกเปิดเผย นางมิแคว้นคงต้องจบลงที่เข้าคุกเป็นแน่
“พระชายาเพคะ ได้โปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วย...” หญิงชราที่ตกใจกลัวนั้น รีบคุกเข่าโขกหัวเพื่อขอร้องอ้อนวอนในทันที
ฉินเสวี่ยเย่ว์มิคิดว่าหญิงชราจักไร้ประโยชน์มากถึงเพียงนี้ ทั้งยังคิดไม่ถึงด้วยว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จักมีวาจาที่คมคายมากถึงเพียงนี้ เพียงเอ่ยออกมามิเท่าไหร่ก็กดดันเสียจนทำเอาหญิงชรามาถึงทางตันในทันที
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก ฉินเสวี่ยเย่ว์จึงรีบเอ่ยขัดจังหวะหญิงชราในทันที "พี่สาวท่านจักกล่าวอันใดให้มากมาย นางก็แค่อยากจะพิสูจน์ว่าหู่พั่วยังอยู่ดีอยู่หรือไม่ หญิงชราผู้นี้อายุอานามมากแล้ว นางย่อจำผิดจำถูกบ้างเป็นธรรมดา พี่จักไปเค้นข้อมูลจากนางเช่นนี้หาได้มีประโยชน์ไม่”
ฉินเสวี่ยเย่ว์แสร้งทำเป็นเช็ดน้ำหูน้ำตาพลางกล่าวว่า "ท่านพี่ ท่านอย่าได้เข้าใจข้าผิดไป ช่วงนี้ข้ารู้สึกวิตกกังวลและไม่ค่อยสบายใจนัก ราวกับว่ามีเรื่องบางอย่างจะเกิดขึ้น จึงอยากมาเจอนางสักครั้ง ขอเพียงแค่พี่สาวให้ข้าได้เห็นหน้าค่าตาหู่พั่วก็พอ”
“ตราบใดที่ท่านพาหู่พั่วออกมาได้ เพื่อให้ข้าเห็นว่านางแข็งแรงอยู่สุขสบายดี เช่นนี้ข้าจักได้วางใจ”
แววตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันส่องประกายระยิบระยับออกมา
มิแปลกใจเลยที่ฉินเสวี่ยเย่ว์สามารถทำให้เจ้าของร่างเดิมหัวหมุนได้เช่นนี้ สตรีนางนี้มิเพียงแต่จิตใจโหดร้าย หากแต่นางยังเฉลียวฉลาดอีกด้วย
ฉินเสวี่ยเย่ว์วางแผนทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสมเหตุสมผลมากอีกด้วย หากว่านางมิระวังหรือช้าไปสักนิดเดียวละก็ คงได้ตกลงไปในกำดักหลุมพรางที่ฉินเสวี่ยเย่ว์สร้างเอาไว้แล้ว