แชร์

บทที่ 0014

ผู้เขียน: สายธารสะท้อนเงา
“เฟ่ยชุ่ย เจ้าไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของตนเองเสียก่อน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา “เจ้าไปดูแลหู่พั่วที่อยู่ในห้องให้ดี ข้าจักออกไปดูข้างนอกเสียหน่อย”

“พระชายาเพคะ” ใบหน้าของเฟ่ยชุ่ยพลันซีดลงไปในทันที ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “พระชายาอ๋องสามหาได้มาดีไม่ อีกทั้ง นางยังพาแม่นมกงเจิ้งซือมาด้วยอีก เกรงว่าพวกเราคงมิอาจปิดบังความลับไว้ได้อีกแล้วเพคะ”

“มีข้าอยู่ตรงนี้ทั้งคน” น้ำเสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์อ่อนลงไปเล็กน้อย นางยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะตบไปที่ไหล่ของเฟ่ยชุ่ยเบา ๆ “เข้าไปรั้งรออยู่ในห้องดี ๆ เสีย ไม่ว่าจักเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามออกมาเป็นอันขาด”

"จำไว้" ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบสั่งการที่ข้างหูของเฟ่ยชุ่ยอยู่สองสามคำ

"จำได้หรือไม่?"

เฟ่ยชุ่ยพลันกำหมัดแน่น "จำได้แล้วเพคะ พระชายาโปรดระวังตัวด้วยนะเพคะ"

"เจ้าวางใจเถิด" ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงเดินออกมาภายในจวนในทันที พร้อมทั้งแย้มยิ้มที่มิได้แสดงถึงรอยยิ้มจ้องมองไปทางฉินเสวี่ยเย่ว์

ฉินเสวี่ยเย่ว์อารมณ์มิค่อยดีนัก ถึงแม้ว่านางจะผัดแป้งหนา ๆ ทับบนใบหน้าของตนเองนั้น แต่ก็พอจะมองออกว่า ช่วงนี้นางเลือดลมไหลเวียนมิค่อยดีเท่าใดนัก

“น้องสาว มิได้เจอเจ้านานเลย เหตุใดวันนี้จึงมีเวลาว่างมาหาข้าได้เล่า? หรือเจ้ายังติดใจเอาความเรื่องที่ทะเลสาบนั้นอยู่อีก เจ้าอยากจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกหรือไม่เล่า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันเดินย่างกรายเข้าไปหาพวกนางในทันที

“ในยามนี้ข้าเป็นพระเชษฐนีของท่าน” ฉินเสวี่ยเย่ว์พลางเชิดหน้าขึ้น “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้ายังมีหน้ายกเรื่องในคราที่แล้วขึ้นมาพูดอีกหรือ?”

“เหตุใดข้าจึงพูดไม่ได้เล่า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงตอบกลับด้วยความเย็นชาว่า “ผู้ใดติดหนี้ย่อมต้องจ่าย ผู้ใดเป็นคนร้ายย่อมต้องชดใช้กรรม หากคนที่ตายไปแล้วต้องการจักมาแก้แค้น ก็มิอาจมาหาข้าได้ ข้าหาได้ทำสิ่งที่ละอายใจลงไปไม่”

สีหน้าของฉินเสวี่ยเย่ว์พลันแข็งค้างไปในทันที

เรื่องในคราก่อนนั้น เพียงเพื่อต้องการจะป้ายความผิดไปให้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ นางจึงฉวยโอกาสที่ไห่ถังนอนหมดสติอยู่ในน้ำ จับนางกดลงไป ทำให้นางจมน้ำตายเพราะหายใจไม่ออก หลังจากนั้น นางแสดงงิ้วทุ่มสุดตัว เพื่อให้ท่านอ๋องสามสงสัยในตัวฉินเหยี่ยนเย่ว์ หากว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์ต้องถูกจำคุกข้อหาสังหารคนนั้น เช่นนี้นางก็มิอาจพลิกตัวกลับมาผงาดได้อีก

เดิมทีนางคิดว่าคนโง่เง่าเช่นนั้นจักรู้สึกผิดจนยอมรับออกมาว่าตนเองทำการสังหารคนออกมานั้น

หากแต่ฉินเสวี่ยเย่ว์มิคิดเลยว่า ท่านอ๋องสามจักนำศพของไห่ถังกลับมา พร้อมทั้งกล่าวตักเตือนนางอย่างรุนแรง แม้แต่สีหน้าดี ๆ ก็หาได้มอบให้กับนางไม่

นางขโทยไก่ไม่สำเร็จ ซ้ำร้ายยังต้องมาเสียข้าวสารในกำมือไปอีก ทุกวันนี้ ยามที่นางหวนกลับไปคิดถึงเรื่องนี้เมื่อใดกลับรู้สึกเจ็บใจอยู่ทุกครา

“เรือนโยวหลานที่ข้าอาศัยอยู่ทรุดโทรมเป็นอย่างยิ่ง เกรงว่าจะเป็นการจะทำให้ทุกท่านเสียสายตา เช่นนั้นข้าขอมิเชิญทุกคนเข้าไปดื่มชาด้านในแล้วกัน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จ้องมองดูสีหน้าของฉินเสวี่ยเย่ว์อยู่ตลอด

“หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ภายในครึ่งชั่วยามนี้ กรงว่าคงไม่หยุดง่าย ๆ เป็นแน่ อากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ เชิญพวกท่านกล่าวธุระของตนเองมาโดยไวเถิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่กระชับเสื้อคลุมของตนเองเอาไว้

ฉินเสวี่ยเย่ว์เกลียดท่าทีของฉินเหยี่ยนเย่ว์ในยามนี้ยิ่งนัก นางได้แต่กำหมัดเอาไว้แน่น นัยน์ตาพลันเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความเกลียดชัง"หู่พั่วอยู่ที่ใด?"

ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลับตาลงในทันที

ที่แท้

หู่พั่วที่กำลังจะหมดลมหายใจมาปรากฏอยู่ภายในเรือนของนางนั้น เป็นฝีมือของใครบางคนนั่นเอง

เป้าหมายก็คือ ต้องการให้การตายของหู่พั่วตกมาอยู่บนหัวของนาง

หากนางช้าไปสักนิดเดียวละก็ ปล่อยให้คนเจ็บเช่นหู่พั่วนอนจมกองหิมะอยู่นอกเรือนนั้น คงได้ถูกพวกนางหมายหัวเอาแน่ ๆ ทั้งยังไม่อาจแก้ต่างให้กับตนเองได้อีกด้วย

การเคลื่อนไหวของฉินเสวี่ยเย่ว์ในครานี้ ทั้งโหดร้ายและเลือดเย็นเสียยิ่งกว่าคราของไห่ถังเสียอีก

“วันอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ หู่พั่วย่อมต้องอยู่ภายในตัวเรือนอยู่แล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์แสร้งทำเป็นแปลกใจออกมา “เจ้ารีบร้อนมาที่นี่ในวันหิมะตกหนักเช่นนี้ เพียงเพื่อต้องการมาหาหู่พั่วงั้นหรือ?”

“มิผิด เรียกหู่พั่วออกมาเสีย” ฉินเสวี่ยเย่ว์กล่าว“สองวันก่อน ข้าได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากหู่พั่ว นางกล่าวว่าตนเองกำลังถูกทรมานอยู่ภายในจวนอ๋องแห่งนี้ ให้ข้ารีบส่งคนมาช่วยเหลือนาง หากมาช้ากว่านี้ เกรงว่านางคงได้ถูกทรมานจนตายเป็นแน่”

"ทั้งหู่พั่วและข้าล้วนเป็นนายบ่าวที่ดีต่อกัน ข้ามิอาจเห็นคนตายแล้วมิหยิบยื่นมือออกมาช่วยเหลือได้"

"โอ้?" ฉินเหยี่ยนเย่ว์สะบัดมือไปเล็กน้อย

ก่อนที่มุมปากของนางจะยกยิ้มขึ้นมา พลางเอ่ยน้ำเสียงติดขบขันออกมาว่า "เจ้าได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากหู่พั่วงั้นหรือ?"

"มิผิด"

“สัญญาณขอความช่วยเหลือคืออันใดเล่า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยถาม

"เจ้าเล่าเสีย" ฉินเสวี่ยเย่ว์ผลักหญิงชรานางหนึ่งขึ้นไปข้างหน้า

หญิงชราผู้นั้นสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อหยาบ ผิวคล้ำ นิ้วมือหยาบกร้าน บนใบหน้าและใบหูยังมีรอยน้ำแข็งกัดอยู่อีกด้วย เพียงแค่มองก็รู้ได้ในทันทีว่าหญิงชราผู้นี้มีชีวิตที่ยากจนข้นแค้นต้องดิ้นรนทำงานใช้ชีวิตอยู่แต่ด้านนอกบ้าน

หญิงชราผู้นั้นนั่งคุกเข่าลงพร้อมด้วยร่างกายสั่นเทาในทันที “ทูลพระชายาเพคะ หญิงชราเช่นหม่อมฉันเป็นแม่ค้าขายเต้าหู้เพคะ ทุก ๆ วันหม่อมฉันมีหน้าที่ส่งเต้าหู้มายังจวนอ๋องแห่งนี้ ทว่า ไม่กี่วันก่อนนั้น ยามที่หม่อมฉันส่งเต้าหู้เสร็จและกำลังจะกลับบ้าน กลับพบเจอแม่นางน้อยนางหนึ่งที่วิ่งออกมา พร้อมด้วยบาดแผลที่เต็มไปทั่วร่าง”

“นางขอร้องให้หม่อมฉันช่วยเหลือนาง ทำเอาหม่อมฉันตกใจยิ่งนัก หาได้กล้าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ไม่ ยามที่จะหนีออกมานั้น แม่นางน้อยกลับขอร้องอ้อนวอน ทำเอาหม่อมฉันถึงกับต้องใจอ่อน จึงได้นำความของแม่นางผู้นี้ไปบอกเล่าให้แก่พระชายาท่านอ๋องสามฟังเพคะ”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองไปยังหญิงชราผู้นั้น ด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา

แม้แต่พยานว่าความเท็จฉินเสวี่ยเย่ว์ยังไปตามหามาได้ ทั้งยังเอ่ยออกมาอย่างมีเหตุมีผลยิ่งนัก

ในเมื่อทั้งหลักฐานและพยานมากันครบเช่นนี้แล้ว เหลือเพียงแค่ไปนำตัวหู่พั่วที่ได้รับบาดเจ็บออกมาจากจวนของนาง เช่นนี้ ไม่ว่านางจักแก้ต่างให้ตัวเองเช่นไรก็มิอาจฟังขึ้นอีกแล้ว

“ เจ้าเห็นหู่พั่วเมื่อกี่วันก่อนกัน?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ

"สี่วัน ไม่ สามวันก่อนเพคะ" หญิงชราตอบ

“สรุปกี่วันกันแน่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพิ่มน้ำเสียงของตนเองให้ดังขึ้น “เรื่องแค่นี้เจ้ายังจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ?”

“สาม สามวันเพคะ” หญิงชราพลันตัวสั่นไปในทันที

“โอ้? สามวันก่อน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “นี่มิใช่เรื่องบังเอิญหรอกหรือ? เมื่อสามวันก่อน ข้าอยากจะกินน้ำแกงเต้าหู้ยิ่งนัก ทว่า คนในโรงครัวกลับบอกว่า คนที่มาส่งเต้าหู้นั้นเกิดอาการไม่สบาย จึงไม่อาจมาส่งเต้าหู้ได้ ท่านอ๋องเองก็มิคุ้นชินกับเต้าหู้จากเจ้าอื่นนัก นับตั้งแต่วันนั้น รายการอาหารที่มีเต้าหูจึงมิถูกจัดขึ้นสำรับภายในจวนอ๋องเป็นการชั่วคราว”

“ข้าอยากจะถามว่า เจ้าไปที่จวนอ๋องจวนใดกัน?”

ใบหน้าของหญิงชราพลันเปลี่ยนไปในทันที พร้อมทั้งแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ ไหลอาบลงมามากมาย

คำพูดที่นางเอ่ยออกมาเมื่อครู่นั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่พระชายาท่านอ๋องสามสอนสั่ง เมื่อถูกตอบโต้กลับมาเช่นนี้ หญิงชราเองจึงมิรู้ว่าควรจะตอบกลับไปเช่นไร

“ในเมื่อช่วงนี้จวนอ๋องมิมีเต้าหู้มาส่งเลยนั้น เจ้ามาส่งเต้าหู้ให้ได้อย่างไรกัน? ส่งไปที่ใด? ผู้ใดเป็นคนรับเต้าหู้จากเจ้ากัน? เรือนที่ข้าอยู่นั้น นับว่าอยู่ไกลจากห้องเครื่องยิ่งนัก สาวใช้ของข้าไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าได้อย่างไรกันเล่า? นางมีลักษณะเช่นไร? สวมใส่อาภรณ์เช่นไร? พูด!" ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เมื่อหญิงชราถูกรัวคำถามเข้ามาเช่นนี้ ก็เกิดอาการมึนงงยิ่งนัก พลางหันไปหาฉินเสวี่ยเย่ว์โดยไม่รู้ตัว

“ป้า ท่านรู้หรือไม่ว่า โทษฐานการเอ่ยวาจาใส่ร้ายข้านั้นมีความผิดหนักหนาเพียงใด? หากท่านมิมีคำตอบดี ๆ มามอบให้กับข้าแล้วละก็ ข้าจักจับท่านส่งให้กับทางการเสีย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยออกมาตามตรง "ข้าเตือนท่าน ควรตอบตามจริงเสีย"

เมื่อได้ยินมาว่าจะจับส่งให้กับทางการนั้น หญิงชราพลันมีท่าทีตื่นตระหนกไปในทันที

นางเป็นเพียงคนขายเต้าหู้ในระแวกใกล้ ๆ เท่านั้น เป็นพระชายาอ๋องสามที่มอบเงินให้นางส่วนหนึ่ง ทั้งยังสอนให้นางเอ่ยคำพุดเหล่านั้นออกมา นางที่โลภเพราะเห็นแก่เงินนั้น จึงได้เอ่ยเล่าคำโกหกออกมาเช่นนี้

หากว่าถูกส่งตัวให้ทางการแล้วนั้น หลังจากที่ความจริงถูกเปิดเผย นางมิแคว้นคงต้องจบลงที่เข้าคุกเป็นแน่

“พระชายาเพคะ ได้โปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วย...” หญิงชราที่ตกใจกลัวนั้น รีบคุกเข่าโขกหัวเพื่อขอร้องอ้อนวอนในทันที

ฉินเสวี่ยเย่ว์มิคิดว่าหญิงชราจักไร้ประโยชน์มากถึงเพียงนี้ ทั้งยังคิดไม่ถึงด้วยว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จักมีวาจาที่คมคายมากถึงเพียงนี้ เพียงเอ่ยออกมามิเท่าไหร่ก็กดดันเสียจนทำเอาหญิงชรามาถึงทางตันในทันที

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก ฉินเสวี่ยเย่ว์จึงรีบเอ่ยขัดจังหวะหญิงชราในทันที "พี่สาวท่านจักกล่าวอันใดให้มากมาย นางก็แค่อยากจะพิสูจน์ว่าหู่พั่วยังอยู่ดีอยู่หรือไม่ หญิงชราผู้นี้อายุอานามมากแล้ว นางย่อจำผิดจำถูกบ้างเป็นธรรมดา พี่จักไปเค้นข้อมูลจากนางเช่นนี้หาได้มีประโยชน์ไม่”

ฉินเสวี่ยเย่ว์แสร้งทำเป็นเช็ดน้ำหูน้ำตาพลางกล่าวว่า "ท่านพี่ ท่านอย่าได้เข้าใจข้าผิดไป ช่วงนี้ข้ารู้สึกวิตกกังวลและไม่ค่อยสบายใจนัก ราวกับว่ามีเรื่องบางอย่างจะเกิดขึ้น จึงอยากมาเจอนางสักครั้ง ขอเพียงแค่พี่สาวให้ข้าได้เห็นหน้าค่าตาหู่พั่วก็พอ”

“ตราบใดที่ท่านพาหู่พั่วออกมาได้ เพื่อให้ข้าเห็นว่านางแข็งแรงอยู่สุขสบายดี เช่นนี้ข้าจักได้วางใจ”

แววตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันส่องประกายระยิบระยับออกมา

มิแปลกใจเลยที่ฉินเสวี่ยเย่ว์สามารถทำให้เจ้าของร่างเดิมหัวหมุนได้เช่นนี้ สตรีนางนี้มิเพียงแต่จิตใจโหดร้าย หากแต่นางยังเฉลียวฉลาดอีกด้วย

ฉินเสวี่ยเย่ว์วางแผนทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสมเหตุสมผลมากอีกด้วย หากว่านางมิระวังหรือช้าไปสักนิดเดียวละก็ คงได้ตกลงไปในกำดักหลุมพรางที่ฉินเสวี่ยเย่ว์สร้างเอาไว้แล้ว
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Toy M
นี้มันจวนออ๋งนะอยู่เอาร่างคนเจ็บเข้ามาไว้ง่ายๆได้ไงไม่มีคนเห็นหรือ คนเฝ้าประตูไม่มีหรอ? แล้วชายาออ๋ง3พาคนบุกเข้ามาได้ด้วย ตีสาวใช้ตายชายาออ๋งจะต้องติดคุกโอ้ๆๆ นักเขียนก่อนเขียนก็คิดดีๆปรึกษาเพื่อนมั้งก็ได้นะ 15ตอนนี้เนี้ยมีแต่ความไม่สมเหตุสมผลเลย
goodnovel comment avatar
Chatree Sedakum
ขอบคุณครับ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0015

    “ทั้งหู่พั่วและเฟ่ยชุ่ยช่วงนี้ต้องเก็บตัวเพื่อรักษาอาการป่วยอยู่ มิอาจให้พบผู้ใดได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกล่าวออกมา “หากพวกนางรักษาตัวจนหายเมื่อใดแล้ว ข้าจักให้หู่พั่วไปที่จวนท่านอ๋องสามเพื่อขอเข้าเฝ้าเจ้าเอง”หลังจากได้ยินฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยออกมาเช่นนั้น มุมปากของฉินเสวี่ยเย่ว์พลันยกยิ้มได้ใจขึ้นมาใ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0016

    “อุ๊ยตาย ขออภัยด้วยเพคะ บ่าวทำงานหนักจนเคยชินแล้ว แรงเลยมากเกินไปหน่อย ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมเพคะ” แม้ปากของนางสกุลเฉินจะกล่าวขอโทษ แต่บนใบหน้าไม่ได้มีเจตนาขอโทษเลยสักนิดหลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนตรง ขมวดคิ้วแน่นยายเฒ่าผู้นี้ จงใจทำ จงใจออกแรงผลักไสนางการกระทำเมื่อครู่นี้ในมุมมองของคนนอกนั้นไม่ได้ท

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0017

    “พระนาง บ่าวจะประคองท่านเข้าเรือนก่อนเพคะ” ตอนที่เฟ่ยชุ่ยเดินเข้ามา รองเท้าได้สัมผัสกับรอยเลือดแล้วรอยเท้าประทับลงไปบนพื้นหิมะ ทำให้สีค่อย ๆ จางลงสีขาวซีดและสีแดงสด สีสันที่อยู่ภายในความทรงจำมาโดยตลอด สีเหล่านั้น เป็นสีที่เข้าใกล้กับความตายมากที่สุดฉินเหยี่ยนเย่ว์จ้องมองเลือดสีแดงสดที่ใกล้เข้ามาเ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0018

    ฉินเหยี่ยนเย่ว์จิตใจไม่สงบนางไม่อยากทนรออีกต่อไป จึงสวมเสื้อคลุม ถือตะเกียงแล้วเดินไปทางห้องครัวใหญ่เปลวไฟภายในห้องครัวใหญ่กำลังส่องสว่างตอนนี้เป็นเวลาอาหาร คนในจวนท่านอ๋องเจ็ดไม่มาก หลังจากที่ส่งอาหารไปให้บรรดาเจ้านายแล้ว ก็เป็นเวลาที่บรรดาบ่าวรับใช้ทานอาหารตอนที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ผลักประตูเข้ามา

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0019

    เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วพวกเขาต่างก็คิดไม่ถึงว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ท่าทางดูอ่อนแอจะสามารถพลิกคว่ำโต๊ะได้ ยิ่งคิดไม่ถึงว่า นางจะมีกำลังมากถึงขนาดนี้หม้อไฟและหม้อน้ำแกงเนื้อวัวที่อยู่บนโต๊ะ ไม่ว่าจะตกอยู่บนตัวของผู้ใด ก็อันตรายยิ่งต่อให้เป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำในห้องครัวหลาย ๆ คนก็ไม่กล้

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0020

    “ผู้ที่โดนน้ำร้อนลวกสองสามคนนั้น พวกเจ้าไปจัดการตนเองเสียก่อน ที่ข้ามียาสูตรลับ ทาแล้วแทบจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ หากทำตัวดีข้าจะให้ยาสูตรลับแก่พวกเจ้า หากทำตัวไม่ดี เช่นนั้นก็อย่าได้โทษข้า”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบ ก็พาคนไปที่ห้องเลี้ยงนกพิราบภายในห้องครัวเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง พวกเขาถูกทำให้ตกตะลึง

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0021

    “พวกเจ้าสองคน ปลุกเขาให้ตื่น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำหมัดแน่น“พระชายา เป็นไปไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ เขาดื่มสุราจนเมามายปลุกไม่ตื่น ต้องรอให้สุราหมดฤทธิ์พ่ะย่ะค่ะ” ผู้ชายคนหนึ่งกล่าว “พวกเราไปตามหาแม่นางเฟ่ยชุ่ยกันต่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“พวกเข้าไปยกน้ำเย็นจัดมาหนึ่งกะละมัง เอาแบบที่มีเศษน้ำแข็งด้วย” ฉินเหยี่ยนเย่ว

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0022

    ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้มหน้าจ้องมองเศษกระดูกที่อยู่ด้านข้าง รวมทั้งจานและกล่องอาหาร ที่ตกกระจัดกระจายอยู่ด้านข้างคิดว่าเป็นเพราะตาแก่นั่นคงมีอาการติดสุรา เมื่ออาหารเลิศรสที่อยู่ภายในกล่องอาหารก็ควบคุมตนเองไม่ได้ อยากจะลิ้มรสอาหารรสเลิศก่อน หลังจากที่กินอิ่มหนำสำราญแล้วค่อยกระทำการอันป่าเถื่อนต่อเฟ่ยชุ่ย

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1229

    หลังจากลู่จิ้นป้อนยาที่มีชื่อว่ามังกรพ่นมุกนี้ให้นาง ก็ได้ทำลายสมดุลนี้ลงครั้นพิษของปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธ์ถูกกดลง พิษของยาอีกหนึ่งชนิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันยาพิษบางชนิดมีพิษมากกว่าพิษจากปลาทรายแดงครีบทอง จึงเท่ากับต้องพิษเป็นครั้งที่สองหลังจากสมดุลถูกทำลาย ซูเตี่ยนฉิงย่อมไม่มีชีวิตที่ดีแล้

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1228

    “เจ้าตาบอดหรือ? มองไม่ออกว่านี่คือตัวหนอนหรือย่างไร? ก็คือตัวหนอนที่กลายเป็นแมลงวันได้อย่างไรเล่า รักษาให้ดี ๆ เถิด” ลู่จิ้นเอ่ยเสียงเย็นซูจิ้นยืนยันคำตอบอยู่ในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันทีคนคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงอาเจียนเอาของน่ารังเกียจพรรค์นี้ออกมาได้?

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1227

    หากมีสุรารสเลิศก็ดียิ่งขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็คิดจะจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทว่า...นางเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงที่นอนอยู่บนเตียงปราดหนึ่งจากไปทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักจำต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับไปบ้างถึงจะได้ไม่มาเสียเที่ยว“ศิษย์พี่รอสักครู่นะเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1226

    “ผู้ใดให้เจ้าไม่ตั้งใจเรียน ให้เจ้าทำยาคุณภาพต่ำออกมามั่วซั่ว หลายปีนี้เจ้ามัวทำอะไร? สิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปที่ตัวสุนัขหมดแล้วหรืออย่างไร?” ลูจิ้นตะคอก“กล้าให้ศิษย์น้องหญิงได้รับความทรมานเช่นนั้น ข้าจะตีเด็กสารเลวอย่างเจ้าให้ตาย”ลู่ซิวถึงได้เข้าใจเป็นท่านบรรพบุรุษรังเกียจยาน้ำคุณภาพต่ำที่เขาทำข

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1225

    ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1224

    ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1223

    นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1222

    “หลีกไป หลีกไปให้พ้น ใครกล้ามาขัดขวางข้า!”เสียงนั้นดังกึกก้องเป็นอย่างยิ่ง ทรงพลังและดุดันก่อนจะตามมาด้วยเสียงล้มลงกับพื้นของคนหลายคน แล้วประตูใหญ่ก็ถูกคนถีบออกอย่างแรงจากนั้น ชายชราผมขาวเคราขาวคนหนึ่งบุกเข้ามาด้วยความกรุ่นโกรธคนที่เข้ามาคือลู่จิ้นบรรพบุรุษของสกุลลู่ที่ด้านหลังของลูจิ้น ยังมีลู

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1221

    คนทั่วไปเมื่อรับเงินทองผู้อื่นไปแล้วต้องปัดเป่าความกังวลของผู้นั้นมีเพียงนาง ที่รับเงินไปแล้วยังหน้าไม่อายอย่างเปิดเผยเช่นนี้“นายท่าน ท่านเชื่อข้านะเจ้าคะ นางจงใจปล่อยให้ฉิงเอ๋อร์ตายโดยที่ไม่ช่วย” ฮูหยินซูนึกถึงคำเตือนของคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ใต้หล้านี้มีเพียงนางที่ช่วยชีวิตฉิงเอ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status