Share

บทที่ 0006

Author: สายธารสะท้อนเงา
สีหน้าของเฟ่ยชุ่ยมีความซับซ้อน “พระนาง ท่านอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ หู่พั่วนางมิได้มีเจตนา นางก็แค่ปากเสียเท่านั้นเพคะ...”

“ไม่ต้องพูดแล้ว จะดีหรือเลวข้าสามารถแยกแยะได้ คนเช่นนั้น ข้าไม่ต้องการ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบตาลง “นำยามาให้ข้าเถิด”

“บ่าวช่วยทาให้เพคะ” เฟ่ยชุ่ยถอนหายใจ รู้สึกเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง “เดิมทีบ่าวอยากจะเชิญท่านหมอ พวกองครักษ์ไม่ยอมปล่อยผ่าน พวกเขาทำเกินไปมากเพคะ ท่านอ๋องเพียงแค่ทรงกล่าวว่ามิอนุญาตให้พระนางเชิญหมอหลวง แต่มิได้ทรงกล่าวว่ามิอนุญาตให้เชิญท่านหมอ”

“ข้าทาเองได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รับยามาแล้วดมกลิ่น ไม่มีกลิ่นอื่นใดนอกจากพวกสมุนไพรธรรมดาทั่วไปเช่นตังกุย ดอกคำฝอย และดอกดิน

“ขอบใจเจ้าที่หลายวันมานี้นำยามาให้ข้าทุกวัน ข้าอาการดีขึ้นมากแล้ว”

“พระนาง ท่านจะกล่าวขอบคุณบ่าวได้อย่างไรกันเพคะ? เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่บ่าวสมควรทำเพคะ” เฟ่ยชุ่ยตกใจ

ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบตาลง

ยารักษาแผลฟกช้ำทั่วไปประสิทธิผลไม่ดีเท่าใดนัก แต่เมื่อใช้กับร่างกายของนางอาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ

“อาหารนี่ ห้องครัวให้มารึ?” นางเหลือบตามองอาหารบนโต๊ะแวบหนึ่ง อาหารไม่มีควันลอยออกมา อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียวก็ยังเย็นชืด ผักก็ไม่สดอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเป็นอาหารเหลือ

เฟ่ยชุ่ยกัดริมฝีปาก เอ่ย “บ่าวไปมาหลายรอบแล้วเพคะ ผู้ดูแลมักจะกล่าวว่ายังทำไม่เสร็จทุกครั้ง มีเพียงอาหารเหลือพวกนี้เพคะ”

“บ่าวรอจนพวกเขาตุ๋นโจ๊กเสร็จ กว่าจะได้โจ๊กร้อน ๆ สักถ้วยไม่ง่ายเลย ทั้งยังถูกปัดคว่ำอีก พระนาง ท่านอดทนเอาไว้ก่อนนะเพคะ บ่าว บ่าวจะไปซื้อซาลาเปาที่ข้างนอก ตอนกลางคืนบ่าวจะไปเฝ้าที่ห้องครัวเอาไว้เพคะ...”

“ไม่ต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ช่วยเอาไปอุ่นบนเตาให้ข้าหน่อย”

เฟ่ยชุ่ยตะลึงงันไปทันที แต่ก่อนหลังจากที่พระชายาเห็นอาหารเหลือพวกนี้ จะปัดจานออก จะเกรี้ยวกราดใส่นางโดยที่ไม่ฟังเหตุผล ถึงขนาดดุด่าตบตีนาง ระบายความโกรธใส่นาง

แต่หลายวันมานี้ ไม่เพียงไม่โมโห ทั้งยังกินอาหารที่เย็นชืดพวกนี้อีกด้วย

พระชายา อย่างกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

“อย่ามัวอึ้งอยู่เลย ช่วยข้าอุ่นให้ร้อนเสียหน่อยแล้วค่อยยกมา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์อ่อนระโหยโรยแรง เป็นเพราะหมดเรี่ยวแรงไปกับการตบหู่พั่วสี่ห้าฉาดเมื่อครู่นี้

เธอต้องการเติมพลัง อาหารเหลือก็คืออาหารเช่นกัน นางไม่เลือกกินอาหารเท่าใดนัก แล้วก็จะไม่ยอมสิ้นเปลืองง่าย ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น บาดแผลของเธอในตอนนี้ยังไม่หายดี จำต้องรอจนกว่าบาดแผลจะหายดี และสามารถเดินเหินได้ด้วยตนเอง แล้วค่อยทวงคืนสิ่งของที่ควรเป็นของนางกลับคืนมาทีละอย่าง

เฟ่ยชุ่ยไม่รู้ถึงความคิดภายในใจของนาง นำอาหารวางไว้บนเตา ควันหนาทึบจากถ่านทำให้นางสำลักจนไอออกมา

นางนำผ้าเช็คหน้าปิดปากเอาไว้ หลังจากที่ไออย่างรุนแรง บนผ้าเช็คหน้าของนางก็เปื้อนไปด้วยเลือกสีแดงสด

นางตกใจ รีบนำผ้าเช็คหน้าไปซุกเอาไว้

“เจ้าไอเป็นเลือดงั้นรึ?” หลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์มองเห็นบนผ้าเช็คหน้าขาวดุจหิมะของนางเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด ก็ตัวสั่นเทาทันที

วันนั้นที่พ่อแม่ของนางประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต นางพยายามช่วยชีวิตพวกเขา เลือดแดงสดไหลนองเต็มพื้น บนตัวของเธอก็เปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสดเช่นกัน แต่ไม่ว่านางจะพยายามยื้อชีวิตขนาดไหน พ่อกับแม่ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีก

นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา นางก็มีอาการกลัวเลือด ทันทีที่เห็นเลือดก็ตัวสั่นไม่หยุด ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถเป็นหมอได้อีก

คิดไม่ถึงว่า อาการผิดปกตินี้จะตามมาด้วย

“ไม่ ไม่เป็นอะไรเพคะ” เฟ่ยชุ่ยพยายามเช็ดมุมปากอย่างลวก ๆ “ก็แค่ผลกระทบจากลมเย็น กินยานิดหน่อยก็หายแล้วเพคะ”

“นานแค่ไหนแล้ว มีอาการอย่างไรบ้าง?”

“ประมาณ สามเดือนแล้วเพคะ พระนาง บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ” เฟ่ยชุ่ยพูดไป ก็พยายามฝืนยกอาหารที่อุ่นเสร็จมาวางบนโต๊ะ กุมปากเอาไว้ แล้วออกไปอย่างรีบร้อน

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขยับแหวนเล็กน้อย ทำให้มือที่สั่นเทาทั้งสองข้างหยุดลง

ตามความทรงจำ เดิมทีเฟ่ยชุ่ยเป็นสาวใช้ที่อ้วนตุต๊ะคนหนึ่ง จู่ ๆก็ผอมลงในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมา สีหน้าซีดเหลือง สีหน้าแย่เป็นอย่างยิ่ง

นางมักจะไออยู่บ่อย ๆ ทั้งยังไอเป็นเลือดอีกด้วย อาการแบบนี้ มีความคล้ายคลึงกับโรคปอด หรือก็คือวัณโรค

ณ ยุคสมัยนี้ วัณโรคเป็นการเจ็บป่วยที่ถึงแก่ชีวิต

เมื่อเริ่มป่วยได้สามเดือน คนรอบข้างจะยังไม่ติดเชื้อ

ถ้าหากเป็นวัณโรค มีความเป็นไปได้มากที่ยังอยู่ในระยะไม่แพร่เชื้อ ตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อ

ถ้าหากไม่ใช่วัณโรค แต่เป็นอาการของปอดอักเสบ ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นโรคประเภทใด โรคปอดล้วนถึงแก่ชีวติได้ จำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัย และรักษาอย่างทันท่วงที

ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิด จู่ ๆ แหวนเกิดร้อนขึ้น

โรงพยาบาลปรากฏขึ้นตรงหน้า ที่แตกต่างจากตามปกติก็คือ นางมองเห็นสถานการณ์ภายในได้อย่างชัดเจน

ท่ามกลางห้องยาใหญ่ที่อยู่ชั้นหนึ่งของอาคาร หน้าต่างบานหนึ่งกำลังเปิดอยู่ ยาถูกเข็นออกมาจากทางด้านใน

จากนั้น มีผลิตภัณฑ์ยาปรากฏขึ้นใกล้ ๆ มือ

กระบวนการผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งน่ามหัศจรรย์ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งถึงก้มหน้ามองไปทางผลิตภัณฑ์ยาที่ปรากฏขึ้นใหม่

หลังจากที่มองเห็นตัวหนังสือบนขวดยาอย่างชัดเจน ขมับกระตุกเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าจะมียาจำพวกต้านวัณโรคเช่นไรแฟมพิซิน สเตรปโตมัยซินปรากฏขึ้น คิดไม่ถึงว่า ด้านในขวดเล็กจะบรรจุด้วยแมนนิทอล แล้วก็ยังมีอุปกรณ์ฉีดยาอีกหนึ่งชุด

ส่วนใหญ่แมนนิทอลใช้สำหรับภาวะขาดน้ำ สำหรับมีผลต่อผู้ที่มีภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง และความดันในตาสูง แต่ไม่มีผลต่อผู้ที่เป็นโรคปอด

“เชื่อไม่ได้จริง ๆ” นางแอบแขวะ หยิบขวดยาและอุปกรณ์ฉีดยาขึ้นมา ซ่อนไว้อย่างดี

อาหารอุ่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางฝืนกินสองสามคำ รสเค็มจัด รสชาติแย่เป็นอย่างยิ่ง

“เฟ่ยชุ่ย ช่วยรินน้ำให้ข้าหน่อย” นางเขย่ากาน้ำชา ข้างในว่างเปล่า จึงเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น เพื่อเรียกสาวใช้

ผ่านไปนาน ไม่มีเสียงตอบรับ

นางจึงเรียกอีกสองสามครั้ง ยังคงไม่มีเสียงตอบรับเช่นเคย

ฉินเหยี่ยนเย่ว์คอแห้งจนทนไม่ไหว อยากจะไปขอน้ำร้อนจากห้องครัว

ทันทีที่เปิดประตู ก็มีลมหนาวพัดโชยมา

เมฆอึมครึม ท้องฟ้ามืดสลัว ราวกับว่ากำลังจะมีหิมะตกหนัก

นางกระชับเสื้อผ้าแน่น เดินมุ่งไปข้างหน้า

เพิ่งเดินไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงคนกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น ขอร้องให้ยกโทษ ไม่หยุด น้ำเสียงเศร้าระทม ยังมีเสียงที่พยายามกลั้นไอเอาไว้ดังมาเป็นระยะ ๆ

ราวกับว่าบริเวณรอบ ๆ ยังมีผู้คนมุงดูอยู่อีกด้วย มีเสียงหัวเราะอย่างหยอกเย้าดังออกมาเป็นครั้งคราว

ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

เสียงขอร้องให้ยกโทษนี้ เป็นเสียงของเฟ่ยชุ่ย!

นางเดินอย่างรวดเร็ว เลี้ยวที่มุมกำแพง ก็เห็นฝูงชนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมวงกัน ใจกลางฝูงชน มีผู้หญิงชุดแดงคนหนึ่งกำลังออกแรงสะบัดแส้ แส้ฟาดลงที่บนตัวของเฟ่ยชุ่ย

ชุดฤดูหนาวหนา ๆ ถูกตีจนขาดวิ่น ใยฝ้ายที่ขาดรุ่งริ่งปลิวว่อน

โชคดีที่เป็นฤดูหนาว เสื้อผ้าค่อนข้างหนา ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่าใดนัก

เฟ่ยชุ่ยกุมหัวเอาไว้ เจ็บจนกลิ้งไปมา พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางขอร้องให้ยกโทษ

การขอร้องให้ยกโทษกลับไม่ได้รับการให้อภัย แต่กลับเป็นการกระตุ้นสตรีชุดแดง ให้นางตีแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดวงตาเย็นเยือก

สตรีชุดแดงคนนี้มีนามว่าหงเย้า เป็นสาวใช้ที่เสด็จแม่ของตงฟางหลีส่งไปให้เขา ในจวนอ๋องมักจะแสดงตัวเป็นนายหญิง ไม่เห็นนางผู้เป็นพระชายาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ยังเสี้ยมสอนให้คนรับใช้ปฏิบัติต่อนางอย่างโหดร้าย

ไม่เพียงเท่านี้ ตอนที่เจ้าของร่างเดิมตามประกบท่านอ๋องสามอย่างคลั่งไคล้ เคยเจอกับแม่นางหงเย้าผู้นี้ ราวกับว่านางเป็นคนของท่านอ๋องสาม ภายในสมองที่โง่เขลาของเจ้าของร่างเดิมเต็มไปด้วยผู้ชายสารเลว เพียงแค่รำคาณที่นางเข้าใกล้ท่านอ๋องสาม บัดนี้ดูเหมือนว่า หงเย้าผู้นี้ เกรงว่าจะเป็นหูตาของท่านอ๋องสามที่ซ่อนไว้ในจวนท่านอ๋องเจ็ด

เพียงเพราะนางเป็นคนที่เสด็จแม่ของตงฟางหลีส่งตัวมา ตลอดเวลาหลายปีมานี้จึงไม่ถูกผู้ใดสงสัย

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ้มเยาะ ยากที่จะหลบเลี่ยงจริง ๆ ได้เจอกับคนของผู้ชายสารเลวเร็วถึงเพียงนี้

ผู้ชายสารเลวพยายามวางแผนในระยะยาว นางจะต้องจัดการให้เรียบร้อยถึงจะไม่รู้สึกละอายใจต่อเขา

“หยุดเดี๋ยวนี้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินเข้าไปด้วยใบหน้าเย็นเยือก ออกแรงคว้าข้อมือของสตรีชุดแดงเอาไว้ น้ำเสียงเคร่งขรึม “สาวใช้ของข้าทำผิดอันใด? ถึงต้องให้แม่นางหงเย้าลงไม้ลงมือเช่นนี้?”
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Chatree Sedakum
อ่านแล้วตีความหมายเป็นหนังได้เลยครับ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0007

    หงเย้าคิดไม่ถึงว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะปรากฏตัวขึ้น จึงเก็บแส้ เอ่ยอย่างฝืนยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นพระชายา อากาศหนาวเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องรบกวนให้ท่านเสด็จออกมาด้วยพระองค์เอง? พระนางโปรดวางใจเพคะ สาวใช้ของท่านไม่เชื่อฟัง บ่าวได้ช่วยท่านสั่งสอนนางไปแล้วเรียบร้อยแล้วเพคะ”“ขอบใจในความหวังดีของเจ้า” ฉินเหยี่ยนเย่

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0008

    พวกองครักษ์สีหน้าค่อนข้างแย่เรื่องราวถูกพระชายาทรงกล่าวออกมาเช่นนี้ หากเรื่องใหญ่ขึ้นมา พวกเขาทั้งหลายคงมีจุดจบที่ไม่ดีนัก ยังจะพลอยเดือดร้อนไปถึงท่านอ๋องเจ็ดอีกด้วยพวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง เอ่ยแสดงความขอโทษ “พระชายา ได้โปรดอย่าทรงกริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมยอมทำตามคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”พวกเขาหยิบไม้โบย

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0009

    “เหตุใดจึงโบยหงเย้า?” เขาเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง“นางโบยสาวใช้ของหม่อมฉัน เหตุใดหม่อมฉันจึงโบยเขามิได้เพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์นั่งลง รินชาร้อนถ้วยหนึ่ง ใช้เล็บค่อย ๆ หยิบก้านชาออกมา “เพื่อสาวใช้คนหนึ่ง ท่านผู้เป็นท่านอ๋องถึงกับมาทวงความยุติธรรมด้วยองค์เองหรือเพคะ? ช่างน่าซาบซึ้งพระทัยยิ่งนัก”ตงฟางหลีได้ย

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0010

    “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ มีเพียงเจ้า ที่ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงชื่อนั้น” น้ำเสียงของตงฟางหลีเย็นชาเขาบีบคอแน่นขึ้น สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์เปลี่ยนเป็นสีม่วงเนื่องจากหายใจไม่ออกฉินเหยี่ยนเย่ว์หายใจไม่ออก พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก จนสามารถมองเห็นใบหน้าของเขา ดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน เธอมองความโศกเศร้าจากนัยน์ตาค

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0011

    ภายในเรือนโยวหลานเฟ่ยชุ่ยที่กำลังเก็บเศษซากแจกันที่แตกหักอยู่ด้วยหยาดน้ำตาคลอเบ้า พร้อมทั้งไหล่ทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทาเบา ๆ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่นอนบนเตียงนั้น ได้แต่มองท่าทีผิดหวังของเฟ่ยชุ่ย ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เฟ่ยชุ่ย ข้ามิเป็นอันใด เจ้าหยุดร้องไห้ได้แล้ว”เฟ่ยชุ่ยพลันซืดน้ำมูกเข้าไป “เดิมที

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0012

    “เจ้าลืมวันมงคลของทุกเดือนไปแล้วหรือ?” ตงฟางหลีกล่าว “วันรุ่งพรุ่งนี้ เจ้าจักต้องเข้าวังพร้อมกับข้า ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับต่างก็จัดเตรียมเอาไว้ให้เจ้าครบหมดแล้ว”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันทีว่า วันพระบรมราชสมภพขององค์จักรพรรดินั้นเป็นวันยี่สิบสามของเดือนหนึ่ง ฉะนั้นแล้ววันที่

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0013

    “เฟ่ยชุ่ย พาคนไปอยู่ในที่อุ่น ๆ ที” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกำมือของตนเองเอาไว้แน่น “ข้ามิอาจสัมผัสเลือดได้ คุณทำเอง ได้หรือไม่?”เมื่อเฟ่ยชุ่ยได้ยินเช่นนั้น นางจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็วในทันที "พระชายามิจำเป็นต้องลงมือเองก็ได้เพคะ บ่าวทำได้ บ่าวทำได้เพคะ”เฟ่ยชุ่ยจึงพาหู่พั่วไปที่ห้องของนางในทันทีฉินเหยี

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0014

    “เฟ่ยชุ่ย เจ้าไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของตนเองเสียก่อน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา “เจ้าไปดูแลหู่พั่วที่อยู่ในห้องให้ดี ข้าจักออกไปดูข้างนอกเสียหน่อย”“พระชายาเพคะ” ใบหน้าของเฟ่ยชุ่ยพลันซีดลงไปในทันที ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “พระชายาอ๋องสามหาได้มาดีไม่ อีกทั้ง นางยังพาแม่น

Latest chapter

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1047

    จีอู๋เยียนยังคงมีกลิ่นอายสังหารลอยวนเวียนอยู่ร่างกายกลิ่นอายสังหารนั้นแตกต่างจากกลิ่นอายสังหารทั่วไป คล้ายกับว่ามีกระบี่แหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างของเขา บริเวณโดยรอบเงียบสงัดราวกับจักจั่นในหน้าหนาวสีหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยถึงอย่างไรนี่ก็กำลังอยู่ในวังหลวงจีอู๋เยียนถึงกับปล

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1046

    “ใช่ แหวนขอแต่งงาน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ท่าทีจริงจัง “ในที่พวกเราอยู่นั้น หลังจากที่ชายหญิงสองฝ่ายมั่นใจในความรู้สึกแล้ว ฝ่ายชายก็จะมอบแหวนแต่งงานให้กับฝ่ายหญิง”“หากฝ่ายหญิงรับแหวนไว้ ก็เท่ากับยอมรับการขอแต่งงาน นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากเชียวนะ ท่านก็สู้ ๆ ล่ะ”ใบหน้าจีอู๋เยียนแดงก่ำเขาสังหารคนเหมือนเป็น

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1045

    ไอเย็นสายนั้นแผ่มาจากในห้อง ทะลุผ่านผ้าห่ม ปกคลุมความร้อนในเตาไฟ เสียดแทงผิวหนังของนางจนรู้สึกเจ็บปวดไม่สบายตัวมากเลยทีเดียวฉินเหยี่ยนเย่ว์มุ่นหัวคิ้วดิ้นรนอยู่สักพัก ถูกความรู้สึกถูกเข็มทิ่มนี้รบกวนจนมิอาจนอนหลับได้อีก ได้แต่ลืมตาขึ้นในผ้าม่าน มีเงาร่างคนผู้หนึ่งยืนอยู่ที่ข้างเตียง กำลังจับจ้องน

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1044

    “หม่อมฉันต้องการภาพเหมือนวัยเยาว์ของสนมเหยา ท่านให้สิ่งนี้กับหม่อมฉันทำไมหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองภาพนั้นขึ้นลงคนในภาพไม่คล้ายกับเด็กหนุ่มแม้แต่น้อยถือภาพที่น่าเกลียดขนาดนี้ไปตามหาคน ลำบากพวกฉยงฮวาแล้ว“ให้เจ้าได้เห็นความยากลำบากในการตามหาคนของพวกฉยงฮวาต่างหากเล่า” ตงฟางหลีกล่าวกลั้วหัวเราะ “ข้าเค

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1043

    “เจ็บหรือไม่?”“ยังพอไหว”นางคว้าข้อมือของเขาขึ้นมาก่อนจะกัดลงไปอย่างแรงครานี้ได้ใช้แรงมหาศาล“ยัยหนู เจ้าเกิดปีสุนัขหรือ” รอยฟันฝังลึกบนข้อมือ นัยน์ตาตงฟางหลีเริ่มฉายแววดำคล้ำ“เจ็บหรือไม่?” ฉินเหยี่เย่ว์กล่าว พลางล้วงเข็มเล่มใหญ่ออกมา หมายจะลอบทิ่มบนร่างกายของเขาเงียบ ๆตงฟางหลีใบหน้าดำทะมึนเป็นแ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1042

    “อ้อ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้วคราก่อนนางได้ช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนั้นที่จวนสกุลฉินไว้ หลังจากที่ถูกนางช่วยชีวิต ก็รักษาตัวอยู่ในจวนสกุลฉินมาตลอดเรื่องที่เด็กหนุ่มตามหาพี่สาวนั้น นางได้มอบให้ตงฟางหลีไปจัดการในยุคสมัยที่ข้อมูลเข้าถึงได้ยากนี้ การตามหาคนเดิมก็เป็นงานที่เพ้อฝันอยู่แล้ว บางครั้งตามหาทั้

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1041

    “เสด็จพ่อชื่นชอบนิสัยเรียบง่ายของเสด็จแม่ ยามที่อยู่กับนางก็ไร้ซึ่งความกดดัน ดังนั้นพระองค์จึงปล่อยให้เสด็จแม่ทำตามอำเภอใจ เสด็จพ่อชอบตัวตนที่แท้จริงของสนมเหยา เมื่ออยู่กับสนมเหยา จะสามารถรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของตนเองได้ บางครั้งเสด็จพ่ออาจรักเสด็จแม่มากกว่าหลายส่วน ทว่า หากเจ้าพูดว่าเสด็จพ่อชื่น

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1040

    กระถางธูปจินหนีเย็นตัวลง หลงเหลือไว้เพียงกลิ่นหอมของเจี้ยงเจินเซียงที่ฝังลึกอยู่ในผ้าม่านแสงอาทิตย์สาดส่องทะลุผ่านผ้าม่านโปร่งสีเขียว ติดเลือนรางอยู่ในผ้าม่านที่ปลิวไหวฉินเหยี่ยนเย่ว์คร้านลืมตา นิ้วมือขยุ้มลวดลายดอกไม้ที่ปักบนผ้าห่ม ตำหนิด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านใจแคบเสียจริง”แค่เรียกเขาว่าเจ้าหน

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1039

    “พระชายางดงามเหมือนกับภาพวาดเลย” ตงฟางหลีพูดยิ้ม ๆ“เอ๋ ท่านกินยาผิดหรือเพคะ? จู่ ๆ ถึงได้พูดถ้อยคำแปลกประหลาดเช่นนี้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไร้คำใดจะเอ่ย “พี่เจ็ดหม่อมฉันพบว่าท่านมักจะพ่นถ้อยคำหวานซึ้งออกมาโดยที่มิมีสัญญาณบอกกล่าวล่วงหน้า”ตงฟางหลียิ้มกว้าง“เจ้าไม่ชอบหรือ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิดชั่วอึด

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status