แชร์

บทที่ 0009

ผู้เขียน: สายธารสะท้อนเงา
“เหตุใดจึงโบยหงเย้า?” เขาเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง

“นางโบยสาวใช้ของหม่อมฉัน เหตุใดหม่อมฉันจึงโบยเขามิได้เพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์นั่งลง รินชาร้อนถ้วยหนึ่ง ใช้เล็บค่อย ๆ หยิบก้านชาออกมา “เพื่อสาวใช้คนหนึ่ง ท่านผู้เป็นท่านอ๋องถึงกับมาทวงความยุติธรรมด้วยองค์เองหรือเพคะ? ช่างน่าซาบซึ้งพระทัยยิ่งนัก”

ตงฟางหลีได้ยินคำเย้ยหยันที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวของนาง ขมวดคิ้ว ใช้น้ำเสียงควบคุมอารมณ์ที่เย็นเยือก “นางเป็นคนที่เสด็จแม่ส่งตัวมา เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าเยี่ยงไร?”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์เท้าคาง “ท่านอ๋องโปรดชี้แจงให้กระจ่างด้วยเพคะ”

“ใช้ศาลเตี้ยลงโทษบ่าวรับใช้ถือเป็นความผิดร้ายแรง แม้ข้ามิคิดหยุมหยิม แต่เจ้าจะอธิบายกับทางเสด็จแม่เช่นไร?”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิด พยักหน้า “สาวใช้ที่ชื่อว่าหงเย้าผู้นั้นใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกผู้อื่น แอบอ้างพระนามของพระสนมอวิ๋นกับท่านอ๋องกระทำเรื่องที่ไม่สามารถอภัยได้เพคะ เป็นแค่สาวใช้คนหนึ่งคาดไม่ถึงว่าจะใช้ศาลเตี้ยกับคนข้างกายของหม่อมฉัน ถ้าสืบหาความขึ้นมา เป็นความผิดร้ายแรงจริง ๆ เพคะ”

ตงฟางหลีจ้องมองนางด้วยสายตาล้ำลึกแวบหนึ่ง นับเป็นการเถียงข้าง ๆ คู ๆ ที่สมเหตุสมผล ข้อแก้ต่างเหมือนกันกับตอนที่นางต้องเผชิญหน้ากับพี่สาม

เขาแทบจะสามารถแน่ใจได้ว่า

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตรงหน้า นางไม่ใช่คนโง่เขลาคนนั้นอีกแล้ว

แต่ นางก็ยังเป็นฉินเหยี่ยนเย่ว์คนเดิม

ในระหว่างนี้ เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นกันแน่?

“ใช่แล้ว หม่อมฉันให้พวกองครักษ์นำความไปให้ท่าน ได้แจ้งหรือไม่เพคะ? ถ้าหากท่านอ๋องเข้าใจความหมายของคำพูดเหล่านั้น ก็จะต้องทรงทราบว่า หงเย้าผู้นั้นไม่กล้าไปฟ้องเอาความต่อหน้าพระพักตร์พระสนมอวิ๋นอย่างเด็ดขาด ท่านวางใจเถิดเพคะ เรื่องที่ท่านกังวลไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอนเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ย

ตงฟางหลีมองสำรวจนางอย่างละเอียด

ไม่ว่าเขาจะจ้องมองฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างไรนางก็ไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน ยังคงสง่าผ่าเผยเช่นเดิม

สตรีนางนี้ล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของหงเย้าแล้วจริง ๆ

แม้ไม่รู้ว่านางทราบมาจากที่ใดว่าหงเย้าก็คือหมากที่พี่สามจัดให้มาอยู่ข้างกายของเขา แต่ สิ่งที่สามารถแน่ใจได้ก็คือ นางทราบเรื่อง

ทั้งยัง ใช้โอกาสที่หงเย้ากระทำความผิดครั้งนี้ เอาคืนทุกสิ่งที่นางต้องแบกรับให้แก่พี่สามทั้งหมด

หงเย้าเพื่อให้ได้อยู่ในจวนท่านอ๋องเจ็ดต่อไป ไม่กล้าทำให้เรื่องราวบานปลาย ทำได้แค่เพียงก้มหน้ารับชะตากรรม

การกระทำครั้งนี้ ทั้งอำมหิตทั้งโหดร้าย

“ดูท่าทางของท่านอ๋อง เหมือนกับว่าคิดตกแล้วนะเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จ้องมองท่าทางที่ไม่ไหวติงของตงฟางหลี จึงวางถ้วยชาลง เลิกคิ้ว “ลงไม้ลงมือกับพระชายาที่อภิเษกอย่างถูกธรรมนองคลองธรรมของท่านเพื่อสาวใช้เพียงคนเดียวไม่คุ้มค่า มา ดื่มชากันเถิดเพคะ”

ตงฟางหลีเยาะหยัน

สตรีผู้นี้ เตือนให้เราระวังสถานะในตอนที่เขากำลังชักแม่น้ำทั้งห้า

นางไม่โง่เขลาเลยจริง ๆ ในทางกลับกัน ยังกลายเป็นคนกล้าหาญมากอีกด้วย

ฉินเหยี่ยนเย่ว์รินน้ำชาถ้วยหนึ่งยื่นให้เขา “น้ำชารสชาติแย่ถ้วยหนึ่ง หวังว่าท่านอ๋องจะทรงให้อภัย”

ตงฟางหลีจ้องมองถ้วยชาที่ทำขึ้นจากดินเหนียว ด้านในถ้วยชามีก้านชานอนเรียงรายอยู่ เนื่องจากชงนานเกินไป น้ำกลายเป็นสีอำพันเข้ม มองดูแล้วน่าคลื่นเหียน

ใบชาชั้นยอดส่วนมากเป็นยอดอ่อนใบชา

ก้านชา มักเป็นที่นิยมใช้ในครอบครัวที่ยากจน เป็นครั้งแรกที่เขาได้ทราบว่า ภายในจวนอ๋องยังมีใบชาคุณภาพต่ำเช่นนี้อยู่ด้วย

ใบชาคุณภาพต่ำ ถ่านคุณภาพต่ำ ยังมีอาหารเหลือถูกวางไว้ที่หน้าประตูอย่างจงใจอีก...

คิดว่านางคงจงใจนำออกมาเพื่อให้เขาเห็น

“เจ้ากำลังตำหนิที่ข้าปฏิบัติต่อเจ้าอย่างโหดร้ายอย่างนั้นรึ?” ตงฟางหลีถาม

ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้ว “อยู่ดี ๆ เหตุใดท่านอ๋องจึงกล่าวถึงเรื่องพวกนี้เพคะ?”

นางจิบชาอึกหนึ่ง แล้วถอนหายใจ “อาหารหนึ่งจาน น้ำหนึ่งขัน มิได้ทำให้ความสุขเปลี่ยนไป ท่านอ๋องอย่าทรงคิดมากไปเลยเพคะ”

“อย่างนั้นรึ?” ตงฟางหลียิ้มเยาะ

“ท่านอ๋องก็เป็นเหมือนกับท่านเทพ มิดื่มกินอาหารของโลกมนุษย์ ย่อมไม่เข้าใจความทุกข์ยากของโลกมนุษย์ สิ่งของบางอย่างที่ท่านอ๋องคิดว่าคุณภาพต่ำ แต่อันที่จริงแล้วล้ำค่ายิ่ง อย่างเช่นน้ำชากานี้อย่างไรล่ะเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชี้ไปที่ถ้วยชา “น้ำร้อนนี้ สาวใช้ของหม่อมฉันเป็นผู้ลากร่างกายที่เจ็บป่วยมานานไปรออยู่หลายชั่วยามถึงจะได้มาเพคะ”

“ตอนที่ท่านอ๋องเดินเข้าประตูมาคงจะมองเห็นอาหารเหลือที่วางอยู่หน้าประตูแล้วเช่นกัน สุนัขภายในจวนอ๋องส่วนมากถูกเลี้ยงอย่างประคบประหงม เมื่อเห็นอาหารพวกนั้นยังคร้านที่จะมาดมเลยเพคะ แต่นั่นเป็นอาหารที่สาวใช้ของหม่อมฉันไปขอร้องอ้อนวอนอยู่นานแสนนานถึงจะได้มา เพื่อให้ได้ทานอาหารร้อน นางถึงกับต้องเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องครัว จนถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมย ถูกคนทุบตีจนมีรอยฟกช้ำดำเขียวไปทั่วทั้งตัวเลยเพคะ”

“ของพวกนี้ มีค่าแค่ไม่กี่สตางค์ แต่มันแฝงไปด้วยน้ำใจที่มีค่าที่สุด เป็นของล้ำค่าที่ประเมินค่ามิได้เพคะ”

ตงฟางหลีมองสำรวจนางอย่างละเอียด เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ในเมื่อเจ้าคิดว่านี่เป็นของล้ำค่าที่ประเมินค่ามิได้ ก็ควรต้องเห็นคุณค่าให้มาก วันข้างหน้าก็จงเพิ่มความทะนุถนอมให้มาก ๆ”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตะลึงงันไปทันที

นางคิดไม่ถึงว่าตงฟางหลีจะหน้าทนเช่นนี้ นางอธิบายสถานการณ์ ก็เพียงอยากจะเตือนเขา ให้เขาเข้าใจว่าบ่าวรับใช้ในจวนอ๋องปฏิบัติต่อนางผู้ซึ่งเป็นพระชายาอย่างไรเท่านั้น

เพียงแค่ตงฟางหลียังพอมีเกียรติอยู่บ้าง ก็ควรจะทำอะไรบ้าง ยกระดับค่าใช้จ่ายในเรื่องอาหารและเสื้อผ้า นางค่อยฉวยโอกาสทวงคืนสิทธิและประโยชน์บางส่วนที่พระชายาพึงมี ให้เฟ่ยชุ่ยทรมานน้อยลงบ้าง

ผู้ชายคนนี้ตอกคำนางกลับด้วยท่าทีสบาย ๆ

“ท่านอ๋องมิต้องเตือน หม่อมฉันก็เห็นคุณค่าอยู่แล้วเพคะ อันที่จริงหม่อมฉันก็มิได้คิดเล็กคิดน้อย เกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่ายของอาหารและเสื้อผ้าเช่นนี้มากนัก กินอิ่มท้องมีเสื้อผ้าอุ่น ๆ ให้ใส่ก็เพียงพอแล้ว แต่ ถ้าหากมีบางคนรังแกกันมากเกินไป บีบบังคับหม่อมฉัน ไม่แน่ว่าหม่อมฉันอาจจะทำเรื่องอะไรบ้า ๆ ขึ้นมาก็ได้เพคะ”

“อย่างเช่น เหตุการณ์นองเลือดส่วนด้านหลังของจวนอ๋อง ท่านอ๋องจะต้องสั่งสอนพวกเขาให้ดี ๆ ชีวิตของคนมีเพียงชีวิตเดียวเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลียนแบบท่าทางของเขา ใช้น้ำเสียงที่เย็นชาแต่ท่าทีสบาย ๆ

“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าอย่างนั้นรึ?”

“มิบังอาจเพคะ”

นัยน์ตาของตงฟางหลีเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจตำแหน่งและสถานการณ์ของตนเองอย่างชัดแจ้ง อยู่ในจวนอ๋องแห่งนี้ อย่าได้ทำเรื่องที่เลยเถิดมากเกินไป”

สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์เย็นชา “ตงฟางหลี เรื่องสมัยก่อนเป็นข้าที่ทำผิดต่อท่าน ลากท่านเข้ามาในบ่อโคลน กลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวง ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ท่านถูกบังคับแต่งงานกับหม่อมฉันเพื่อรักษาชื่อเสียงของราชวงศ์ หม่อมฉันรู้สถานการณ์และสถานะของตนเองดี แต่ นี่มิใช่เหตุผลที่หม่อมฉันจะต้องได้รับการข่มเหงรังแกตอนอยู่ในจวนอ๋อง”

เป็นครั้งแรกที่ตงฟางหลีได้ยินนางเป็นฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องนั้น ภายในใจสั่นสะท้านทันที สีหน้าแย่ลงเล็กน้อย

“ไม่ว่าจะพูดจากด้านใด พวกเราล้วนเป็นเหยื่อ หลังจากที่หม่อมฉันทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนงานเลี้ยงเทศกาลวันไหว้พระจันทร์เป็นฝีมือของฉินเสวี่ยเย่ว์ หม่อมฉันได้ไปตามหาตัวนางเพื่อคิดบัญชีที่จวนท่านอ๋องสามด้วยความโกรธแค้น แต่ถูกสาวใช้ของนางกดน้ำจนจมน้ำตาย อาจจะเป็นเพราะดวงของหม่อมฉันยังไม่ถึงฆาต ยมบาลจึงไม่กล้ารับตัวไป หม่อมฉันจึงได้ฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เป็นความโชคดีในความโชคร้าย หม่อมฉันเริ่มมีสติ และสมองปลอดโปร่งชัดเจนขึ้นแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวทีเล่นทีจริง

“หม่อมฉันติดค้างบุญคุณของท่านอ๋องหนึ่งครั้ง บุญคุณครั้งนี้ หม่อมฉันจะชดใช้ให้แน่นอนเพคะ” นางกล่าว

“ชดใช้อย่างนั้นรึ?” ตงฟางหลียิ้มเยาะ เขาหลุบตาลง ขนตายาวสั่นเครือ มีความโศกเศร้าที่ขัดกับบุคลิคของเขาเอ่อล้นมาจากบนตัว “เจ้าจะชดใช้อย่างไร?”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์กัดริมฝีปาก “รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม หม่อมฉันจะขอหย่าเพคะ”

นางจ้องตาของตงฟางหลี “หม่อมฉันจะเตรียมการเป็นอย่างดี ไม่มีทางทำให้ท่านต้องอับอายแม้แต่น้อยอีก หลังจากที่หย่ากับหม่อมฉัน ท่านสามารถแต่งงานกับ...”

ตอนที่นางเอ่ยชื่อนั้นออกมา สีหน้าของตงฟางหลีเปลี่ยนไปทันที

ท่าทางที่สบาย ๆ มลายหายไป แทนที่ด้วยความโมโหโกรธเกรี้ยว

เพลิงโกรธแผ่ซ่าน เต็มไปทั่วทั้งภายในห้องทันที

ไม่รอให้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ปฏิกิริยาตอบโต้ นิ้วที่เรียวยาวของเขาก็บีบที่บริเวณลำคอของนางทันที
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Chatree Sedakum
ขอบคุณครับ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0010

    “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ มีเพียงเจ้า ที่ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงชื่อนั้น” น้ำเสียงของตงฟางหลีเย็นชาเขาบีบคอแน่นขึ้น สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์เปลี่ยนเป็นสีม่วงเนื่องจากหายใจไม่ออกฉินเหยี่ยนเย่ว์หายใจไม่ออก พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก จนสามารถมองเห็นใบหน้าของเขา ดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน เธอมองความโศกเศร้าจากนัยน์ตาค

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0011

    ภายในเรือนโยวหลานเฟ่ยชุ่ยที่กำลังเก็บเศษซากแจกันที่แตกหักอยู่ด้วยหยาดน้ำตาคลอเบ้า พร้อมทั้งไหล่ทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทาเบา ๆ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่นอนบนเตียงนั้น ได้แต่มองท่าทีผิดหวังของเฟ่ยชุ่ย ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เฟ่ยชุ่ย ข้ามิเป็นอันใด เจ้าหยุดร้องไห้ได้แล้ว”เฟ่ยชุ่ยพลันซืดน้ำมูกเข้าไป “เดิมที

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0012

    “เจ้าลืมวันมงคลของทุกเดือนไปแล้วหรือ?” ตงฟางหลีกล่าว “วันรุ่งพรุ่งนี้ เจ้าจักต้องเข้าวังพร้อมกับข้า ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับต่างก็จัดเตรียมเอาไว้ให้เจ้าครบหมดแล้ว”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันทีว่า วันพระบรมราชสมภพขององค์จักรพรรดินั้นเป็นวันยี่สิบสามของเดือนหนึ่ง ฉะนั้นแล้ววันที่

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0013

    “เฟ่ยชุ่ย พาคนไปอยู่ในที่อุ่น ๆ ที” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกำมือของตนเองเอาไว้แน่น “ข้ามิอาจสัมผัสเลือดได้ คุณทำเอง ได้หรือไม่?”เมื่อเฟ่ยชุ่ยได้ยินเช่นนั้น นางจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็วในทันที "พระชายามิจำเป็นต้องลงมือเองก็ได้เพคะ บ่าวทำได้ บ่าวทำได้เพคะ”เฟ่ยชุ่ยจึงพาหู่พั่วไปที่ห้องของนางในทันทีฉินเหยี

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0014

    “เฟ่ยชุ่ย เจ้าไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของตนเองเสียก่อน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา “เจ้าไปดูแลหู่พั่วที่อยู่ในห้องให้ดี ข้าจักออกไปดูข้างนอกเสียหน่อย”“พระชายาเพคะ” ใบหน้าของเฟ่ยชุ่ยพลันซีดลงไปในทันที ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “พระชายาอ๋องสามหาได้มาดีไม่ อีกทั้ง นางยังพาแม่น

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0015

    “ทั้งหู่พั่วและเฟ่ยชุ่ยช่วงนี้ต้องเก็บตัวเพื่อรักษาอาการป่วยอยู่ มิอาจให้พบผู้ใดได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกล่าวออกมา “หากพวกนางรักษาตัวจนหายเมื่อใดแล้ว ข้าจักให้หู่พั่วไปที่จวนท่านอ๋องสามเพื่อขอเข้าเฝ้าเจ้าเอง”หลังจากได้ยินฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยออกมาเช่นนั้น มุมปากของฉินเสวี่ยเย่ว์พลันยกยิ้มได้ใจขึ้นมาใ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0016

    “อุ๊ยตาย ขออภัยด้วยเพคะ บ่าวทำงานหนักจนเคยชินแล้ว แรงเลยมากเกินไปหน่อย ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมเพคะ” แม้ปากของนางสกุลเฉินจะกล่าวขอโทษ แต่บนใบหน้าไม่ได้มีเจตนาขอโทษเลยสักนิดหลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนตรง ขมวดคิ้วแน่นยายเฒ่าผู้นี้ จงใจทำ จงใจออกแรงผลักไสนางการกระทำเมื่อครู่นี้ในมุมมองของคนนอกนั้นไม่ได้ท

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0017

    “พระนาง บ่าวจะประคองท่านเข้าเรือนก่อนเพคะ” ตอนที่เฟ่ยชุ่ยเดินเข้ามา รองเท้าได้สัมผัสกับรอยเลือดแล้วรอยเท้าประทับลงไปบนพื้นหิมะ ทำให้สีค่อย ๆ จางลงสีขาวซีดและสีแดงสด สีสันที่อยู่ภายในความทรงจำมาโดยตลอด สีเหล่านั้น เป็นสีที่เข้าใกล้กับความตายมากที่สุดฉินเหยี่ยนเย่ว์จ้องมองเลือดสีแดงสดที่ใกล้เข้ามาเ

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1229

    หลังจากลู่จิ้นป้อนยาที่มีชื่อว่ามังกรพ่นมุกนี้ให้นาง ก็ได้ทำลายสมดุลนี้ลงครั้นพิษของปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธ์ถูกกดลง พิษของยาอีกหนึ่งชนิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันยาพิษบางชนิดมีพิษมากกว่าพิษจากปลาทรายแดงครีบทอง จึงเท่ากับต้องพิษเป็นครั้งที่สองหลังจากสมดุลถูกทำลาย ซูเตี่ยนฉิงย่อมไม่มีชีวิตที่ดีแล้

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1228

    “เจ้าตาบอดหรือ? มองไม่ออกว่านี่คือตัวหนอนหรือย่างไร? ก็คือตัวหนอนที่กลายเป็นแมลงวันได้อย่างไรเล่า รักษาให้ดี ๆ เถิด” ลู่จิ้นเอ่ยเสียงเย็นซูจิ้นยืนยันคำตอบอยู่ในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันทีคนคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงอาเจียนเอาของน่ารังเกียจพรรค์นี้ออกมาได้?

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1227

    หากมีสุรารสเลิศก็ดียิ่งขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็คิดจะจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทว่า...นางเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงที่นอนอยู่บนเตียงปราดหนึ่งจากไปทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักจำต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับไปบ้างถึงจะได้ไม่มาเสียเที่ยว“ศิษย์พี่รอสักครู่นะเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1226

    “ผู้ใดให้เจ้าไม่ตั้งใจเรียน ให้เจ้าทำยาคุณภาพต่ำออกมามั่วซั่ว หลายปีนี้เจ้ามัวทำอะไร? สิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปที่ตัวสุนัขหมดแล้วหรืออย่างไร?” ลูจิ้นตะคอก“กล้าให้ศิษย์น้องหญิงได้รับความทรมานเช่นนั้น ข้าจะตีเด็กสารเลวอย่างเจ้าให้ตาย”ลู่ซิวถึงได้เข้าใจเป็นท่านบรรพบุรุษรังเกียจยาน้ำคุณภาพต่ำที่เขาทำข

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1225

    ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1224

    ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1223

    นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1222

    “หลีกไป หลีกไปให้พ้น ใครกล้ามาขัดขวางข้า!”เสียงนั้นดังกึกก้องเป็นอย่างยิ่ง ทรงพลังและดุดันก่อนจะตามมาด้วยเสียงล้มลงกับพื้นของคนหลายคน แล้วประตูใหญ่ก็ถูกคนถีบออกอย่างแรงจากนั้น ชายชราผมขาวเคราขาวคนหนึ่งบุกเข้ามาด้วยความกรุ่นโกรธคนที่เข้ามาคือลู่จิ้นบรรพบุรุษของสกุลลู่ที่ด้านหลังของลูจิ้น ยังมีลู

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1221

    คนทั่วไปเมื่อรับเงินทองผู้อื่นไปแล้วต้องปัดเป่าความกังวลของผู้นั้นมีเพียงนาง ที่รับเงินไปแล้วยังหน้าไม่อายอย่างเปิดเผยเช่นนี้“นายท่าน ท่านเชื่อข้านะเจ้าคะ นางจงใจปล่อยให้ฉิงเอ๋อร์ตายโดยที่ไม่ช่วย” ฮูหยินซูนึกถึงคำเตือนของคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ใต้หล้านี้มีเพียงนางที่ช่วยชีวิตฉิงเอ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status