แชร์

บทที่ 7

ผู้เขียน: สายธารสะท้อนเงา
หงเย้าคิดไม่ถึงว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะปรากฏตัวขึ้น จึงเก็บแส้ เอ่ยอย่างฝืนยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นพระชายา อากาศหนาวเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องรบกวนให้ท่านเสด็จออกมาด้วยพระองค์เอง? พระนางโปรดวางใจเพคะ สาวใช้ของท่านไม่เชื่อฟัง บ่าวได้ช่วยท่านสั่งสอนนางไปแล้วเรียบร้อยแล้วเพคะ”

“ขอบใจในความหวังดีของเจ้า” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่แสดงสีหน้า “สาวใช้ของข้าย่อมต้องเป็นข้าที่คอยสั่งสอน แม่นางหงเย้าก้าวก่ายหน้าที่ อาจจะเป็นเพราะไม่ได้เห็นข้าผู้เป็นพระชายาอยู่ในสายตาเท่าใดนัก”

“พระชายาทรงกล่าวเกินไปแล้วเพคะ บ่าวมิกล้า” หงเย้าพับแส้เรียบร้อย แล้วใส่กลับไปในแขนเสื้อ

ฉินเหยี่ยนเย่ว์มือไว ฉวยโอกาสตอนที่นางไม่ทันระวัง แย่งเอาแส้มา

“ท่านทำอะไร?” หงเย้าตกใจ ตอนที่อยากจะแย่งแส้กลับคืนมา ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอยหลังไปสองก้าว เพื่อรักษาระยะห่างกับนาง

“ข้าไม่คิดจะทำอะไร ยังคงเป็นคำถามข้อเดิม ข้าเพียงแค่อยากถามแม่นางหงเย้าว่า สาวใช้ของข้าทำผิดอันใด ถึงต้องให้เจ้ามาสั่งสอนนางเช่นนี้? ข้ายังอยากถามเจ้าอีกว่า เจ้ามาสั่งสอนสาวใช้ของข้าด้วยสถานะอันใด?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ย “ถ้าหากแม่นางหงเย้าไม่สามารถให้คำตอบที่ข้าพึงพอใจได้ เรื่องในวันนี้ เกรงว่าจะจบลงด้วยดีมิได้”

“พระชายา” เฟ่ยชุ่ยคลานลุกขึ้นมาจากพื้น จัดแจงผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงและเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งเล็กน้อย “บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ ท่านอย่าทรงเป็นกังวล...”

นางยังไม่ทันพูดจบประโยค ก็ไอออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง

“เจ้าไม่ต้องพูด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวตำหนิ “เจ้าถูกตีจนสภาพเป็นเช่นนี้ ยังบอกว่าไม่เป็นอะไร? จักต้องให้นางตีเจ้าจนตายถึงจะบอกว่าเป็นอะไรใช่หรือไม่?”

นัยน์ตาของเฟ่ยชุ่ยเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา นางคุกเข่าลงบนพื้น ไหล่สั่นระริกไม่หยุด

เมื่อหงเย้าเห็นเพลิงโกรธที่พลุ่งพล่านของฉินเหยี่ยนเย่ว์ เกิดความหวาดกลัวขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

แต่ ความหวาดกลัวนี้เกิดขึ้นชั่วครู่แล้วก็มลายหายไป

นางแอบกำหมัดแน่น พระชายาผู้โง่เขลาเพียงแค่ปากแข็งเท่านั้น อันที่จริงขี้ขลาดมาก เพียงแค่นางท่าทีแข็งกร้าว แล้วนำความผิดโยนไปให้สาวใช้คนนั้น พระชายาผู้โง่เขลาก็จะหันไปทรงกริ้วสาวใช้แทน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงเงยหน้าขึ้น “พระชายาเพคะ สาวใช้ผู้นี้เดินวนไปเวียนมาอยู่ละแวกห้องครัว ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ตลอด มิรู้ว่ากำลังก่อเรื่องไม่เหมาะสมอะไร บ่าวยังได้ยินพวกคนใช้พูดว่า นางมักจะแอบออกไปข้างนอก มักจะนำสิ่งของจำนวนหนึ่งกลับมาด้วยทุกครั้งเพคะ”

“ชื่อเสียงจวนอ๋องของพวกเราเดิมทีก็ไม่ดีอยู่แล้วเพคะ หากยังไม่ระมัดระวัง ไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องเสียหายอะไรแพร่งพรายออกไปอีก ที่บ่าวทำเช่นนี้เพราะนึกถึงชื่อเสียงของจวนอ๋อง พระชายาเพิ่งจะเสด็จมาที่นี้ได้ไม่นาน ไม่สามารถดูแลเรื่องเหล่านี้ได้ทั่วถึง บ่าวอยู่ที่จวนอ๋องนี้มานานแล้ว เกรงว่าถ้ามีข่าวลือที่ไม่ดีแพร่งพรายออกไปอีก จะทำให้สถานการณ์ของท่านอ๋องยิ่งแย่ลงเพคะ”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้าใจความเหน็บแนมในคำพูดของหงเย้า สตรีผู้นี้ เพียงแค่ต้องการเหน็บแนมข่าวอื้อฉาวที่นางก่อขึ้นตอนอภิเษกกับตงฟางหลีเท่านั้น

นางจ้องเขม็ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นเยือก ความเย็นเยือกกลุ่มนั้น ทำให้หงเย้ารู้สึกประหม่าเล็กน้อย

“เนื่องด้วยเหตุนี้?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เสียงเบา ไร้ความรู้สึก “แม่นางหงเย้า ตีสาวใช้ของข้าเนื่องด้วยเหตุนี้?”

“เหตุเหล่านี้ยังไม่พออีกหรือเพคะ?” หงเย้าไม่พอใจ เมื่อเห็นว่านางหยิบยกสถานะขึ้นมา ย้อนถามด้วยจิตใต้สำนึก

“ดี ดีมาก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เยาะหยัน “ข้าจะเป็นคนบอกเจ้าเองว่า เฟ่ยชุ่ยมาที่ห้องครัว เนื่องด้วยอาหารที่ห้องครัวจัดให้ข้าล้วนแต่เป็นอาหารเหลือ นางมานั่งรอเวลาที่อาหารเพิ่งปรุงเสร็จ และจะขอนำอาหารร้อน ๆ ออกมา นี่คือข้อที่หนึ่ง ข้อสอง ที่เฟ่ยชุ่ยออกไปข้างนอกบ่อย ๆ เป็นเพราะช่วยซื้อยารักษาแผลฟกช้ำให้ข้า”

“ยังมิต้องพูดถึงอาหารสภาพแย่ ๆ ทุกวันของข้า แล้วก็ยังมิเอ่ยถึงการกลั่นแกล้งของคนในห้องครัว พูดถึงแค่เพียงเฟ่ยชุ่ย เรื่องเหล่านี้ที่เฟ่ยชุ่ยกระทำ ล้วนทำเพื่อข้าทั้งสิ้น แม่นางหงเย้าอาศัยเพียงการคาดเดาก็ตีนางจนสภาพเป็นเช่นนี้ หลักฐานคืออะไร?”

หงเย้าพูดไม่ออก นางคิดไม่ถึงว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ได้เป็นเหมือนเฉกเช่นตอนปกติ ทันทีที่ถูกยุยงก็จะทำตัวโง่เขลา แต่กลับเงียบสงบจนทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว

ทันใดนั้น นางกลับไม่รู้ว่าควรจะโต้ตอบอย่างไร

“สาวใช้ของข้า ย่อมต้องให้ข้าเป็นคนสั่งสอน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าก็เป็นพระชายาที่ถูกต้องตามหลักธรรมนองคลองธรรมของท่านอ๋องเจ็ด เป็นพระชายาอ๋องเจ็ดที่เสด็จพ่อทรงเป็นผู้กำหนด ในฐานะที่แม่นางหงเย้าเป็นสาวใช้ของจวนอ๋อง พยามยามชี้นิ้วสั่งผู้เป็นเจ้านาย ลงมือต่อสาวใช้ของข้า ก็เท่ากับลงมือต่อข้า ความผิดร้ายแรงเช่นนี้ ควรได้ลงโทษเช่นไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพิ่มระดับเสียงขึ้น

แผ่นหลังของหงเย้าเต็มไปด้วยเหงื่อ

นางทำตัวอวดเบ่งในจวนอ๋องได้ ทั้งหมดเป็นเพราะอาศัยบารมีเสด็จแม่ผู้ให้กำเนิดของท่านอ๋องเจ็ด คนในจวนอ๋องล้วนให้เกียรตินางอยู่บ้าง

บัดนี้เมื่อได้เจอกับผู้ที่เด็ดเดี่ยวหัวแข็งเฉกเช่นฉินเหยี่ยนเย่ว์ จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็มิได้

“ใครก็ได้ หงเย้าลบหลู่เบื้องสูง ไม่เห็นเจ้านายอยู่ในสายตา ใช้อำนาจในทางมิควร โทษหลายกระทง โบยสามสิบไม้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยกับผู้คนที่มุงดู “พวกเจ้า ไปเรียกตัวองครักษ์ในเรือนของท่านอ๋องเจ็ดมา”

บรรดาคนรับใช้มองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน

“พวกเจ้าไม่ไป ข้าไปเอง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จ้องมองพวกเขาราวกับจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “จะว่าไป เรื่องนี้พวกเจ้าก็หนีความผิดไม่พ้นเช่นกัน บัดนี้ข้ากล่าวโทษหงเย้าเพียงผู้เดียว ไม่สืบสาหาความกับพวกเจ้า เมื่อใดที่ข้าจริงจังขึ้นมา พวกเจ้าก็หนีไม่พ้นแม้แต่ผู้เดียว”

“พระชายา พวกบ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เพคะ” มีสองสามคนที่ขานรับและปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านาย รีบวิ่งไปเรียกองครักษ์

สีหน้าของหงเย้ากลัวจนหน้าถอดสี นางคาดไม่ถึง “บ่าวเป็นคนที่พระสนมอวิ๋นส่งตัวมาให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่าน ท่านกล้าตีบ่าว?”

“เหตุใดข้าจึงไม่กล้า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกน่าขัน “เจ้ากล้าตีสาวใช้ของข้า เหตุใดข้าจึงไม่กล้าตีเจ้า? อนุญาตให้เจ้าวางเพลิงได้ แต่ห้ามให้ข้าจุดไฟ นี่มันเหตุผลอันใดกัน?”

“ท่านอ๋องเจ็ดมิมีทางปล่อยท่านไปแน่ หากท่านตีบ่าวแล้วละก็ ท่านอ๋องมีแต่จะยิ่งรังเกียจท่าน” หงเย้าที่อยู่ในอาการวิตกกังวล จึงพูดออกมาโดยไม่ทันยั้งคิด

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ้มหนักขึ้น “เขารังเกียจข้า นั่นเป็นเรื่องของเขา เกี่ยวข้องอันใดกับข้า?”

นางมององครักษ์ที่คนที่รีบเดินเข้ามา ชี้ไปที่สองคนนั้นที่โบยนางเมื่อหลายวันก่อน “เจ้า แล้วก็เจ้า ใช้แรงแบบที่พวกเจ้าใช้โบยข้าวันนั้น โบยนางสามสิบไม้”

องครักษ์สองคนนั้นงุนงงเล็กน้อย พวกเขาสบตากัน แล้วประสานมืออย่างพร้อมเพรียงกัน “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ พระชายา กระหม่อมเชื่อฟังเพียงคำสั่งของท่านอ๋องเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

“งั้นรึ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยอย่างเยาะหยัน “เชื่อฟังเพียงคำสั่งของท่านอ๋องเท่านั้นรึ?”

“พ่ะย่ะค่ะ?” พวกองครักษ์กะพริบตาปริบ ๆ “พระชายาได้โปรดอย่าทำให้กระหม่อมลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“พวกเจ้าจิตใจซื่อสัตย์ เชื่อฟังเพียงคำสั่งของท่านอ๋องเท่านั้น ดีมาก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กอดอก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคงทำได้เพียงแค่เข้าวังเพื่อร้องขอคำสั่งจากเสด็จพ่อ มิรู้ว่าคำสั่งของเสด็จพ่อ พวกเจ้าจะเชื่อฟังหรือไม่?”

พวกองครักษ์หน้าถอดสี รีบคุกเข่าทันที “กระหม่อมเชื่อฟังแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

“เมื่อครู่นี้พวกเจ้ากล่าวว่าเชื่อฟังแค่เพียงคำสั่งของท่านอ๋องเท่านั้น เช่นนี้จะไม่ขัดแย้งกันไปหน่อยรึ? ช่างน่าขันเสียจริง ตอนพวกเจ้าโบยข้าช่างมีความสุขเหลือเกิน ยังโบยเสียรุนแรงเช่นนั้น แต่กลับมิยอมโบยสาวใช้ที่กระทำความผิดใหญ่หลวงอย่างนั้นรึ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ย “ในสายตาของพวกเจ้า ข้าสูงศักดิ์มิสู้สาวใช้ข้างกายของท่านอ๋องใช่หรือไม่?”

“กระหม่อมมิได้หมายความตามนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นพวกเจ้าหมายความเช่นไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพิ่มระดับเสียง “ด้านหนึ่งขัดแย้งกับตนเอง ด้านหนึ่งก็หาข้ออ้าง คิดว่าข้าน่ารังแกเช่นนั้นรึ? ในเมื่อคำสั่งของข้าไร้ประโยชน์ เช่นนั้น ข้าก็จะเข้าวังเดี๋ยวนี้ ทูลขอให้เสด็จพ่อทรงอนุญาตพระราชทานองครักษ์ที่มีวรยุทธ์สูงส่งจำนวนหนึ่งให้ข้า เพื่อที่จะได้ไม่ถูกพวกเจ้ารังแกเสียยิ่งกว่าสุนัขตัวหนึ่ง”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
ออนกนก โพธิรักษ์
กลับไปอ่านเรื่องเดิมได้ทางไหนคะ
goodnovel comment avatar
Chatree Sedakum
ขอบคุณครับ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 8

    พวกองครักษ์สีหน้าค่อนข้างแย่เรื่องราวถูกพระชายาทรงกล่าวออกมาเช่นนี้ หากเรื่องใหญ่ขึ้นมา พวกเขาทั้งหลายคงมีจุดจบที่ไม่ดีนัก ยังจะพลอยเดือดร้อนไปถึงท่านอ๋องเจ็ดอีกด้วยพวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง เอ่ยแสดงความขอโทษ “พระชายา ได้โปรดอย่าทรงกริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมยอมทำตามคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”พวกเขาหยิบไม้โบย

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 9

    “เหตุใดจึงโบยหงเย้า?” เขาเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง“นางโบยสาวใช้ของหม่อมฉัน เหตุใดหม่อมฉันจึงโบยเขามิได้เพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์นั่งลง รินชาร้อนถ้วยหนึ่ง ใช้เล็บค่อย ๆ หยิบก้านชาออกมา “เพื่อสาวใช้คนหนึ่ง ท่านผู้เป็นท่านอ๋องถึงกับมาทวงความยุติธรรมด้วยองค์เองหรือเพคะ? ช่างน่าซาบซึ้งพระทัยยิ่งนัก”ตงฟางหลีได้ย

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 10

    “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ มีเพียงเจ้า ที่ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงชื่อนั้น” น้ำเสียงของตงฟางหลีเย็นชาเขาบีบคอแน่นขึ้น สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์เปลี่ยนเป็นสีม่วงเนื่องจากหายใจไม่ออกฉินเหยี่ยนเย่ว์หายใจไม่ออก พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก จนสามารถมองเห็นใบหน้าของเขา ดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน เธอมองความโศกเศร้าจากนัยน์ตาค

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 11

    ภายในเรือนโยวหลานเฟ่ยชุ่ยที่กำลังเก็บเศษซากแจกันที่แตกหักอยู่ด้วยหยาดน้ำตาคลอเบ้า พร้อมทั้งไหล่ทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทาเบา ๆ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่นอนบนเตียงนั้น ได้แต่มองท่าทีผิดหวังของเฟ่ยชุ่ย ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เฟ่ยชุ่ย ข้ามิเป็นอันใด เจ้าหยุดร้องไห้ได้แล้ว”เฟ่ยชุ่ยพลันซืดน้ำมูกเข้าไป “เดิมที

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 12

    “เจ้าลืมวันมงคลของทุกเดือนไปแล้วหรือ?” ตงฟางหลีกล่าว “วันรุ่งพรุ่งนี้ เจ้าจักต้องเข้าวังพร้อมกับข้า ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับต่างก็จัดเตรียมเอาไว้ให้เจ้าครบหมดแล้ว”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันทีว่า วันพระบรมราชสมภพขององค์จักรพรรดินั้นเป็นวันยี่สิบสามของเดือนหนึ่ง ฉะนั้นแล้ววันที่

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 13

    “เฟ่ยชุ่ย พาคนไปอยู่ในที่อุ่น ๆ ที” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกำมือของตนเองเอาไว้แน่น “ข้ามิอาจสัมผัสเลือดได้ คุณทำเอง ได้หรือไม่?”เมื่อเฟ่ยชุ่ยได้ยินเช่นนั้น นางจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็วในทันที "พระชายามิจำเป็นต้องลงมือเองก็ได้เพคะ บ่าวทำได้ บ่าวทำได้เพคะ”เฟ่ยชุ่ยจึงพาหู่พั่วไปที่ห้องของนางในทันทีฉินเหยี

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 14

    “เฟ่ยชุ่ย เจ้าไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของตนเองเสียก่อน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา “เจ้าไปดูแลหู่พั่วที่อยู่ในห้องให้ดี ข้าจักออกไปดูข้างนอกเสียหน่อย”“พระชายาเพคะ” ใบหน้าของเฟ่ยชุ่ยพลันซีดลงไปในทันที ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “พระชายาอ๋องสามหาได้มาดีไม่ อีกทั้ง นางยังพาแม่น

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 15

    “ทั้งหู่พั่วและเฟ่ยชุ่ยช่วงนี้ต้องเก็บตัวเพื่อรักษาอาการป่วยอยู่ มิอาจให้พบผู้ใดได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกล่าวออกมา “หากพวกนางรักษาตัวจนหายเมื่อใดแล้ว ข้าจักให้หู่พั่วไปที่จวนท่านอ๋องสามเพื่อขอเข้าเฝ้าเจ้าเอง”หลังจากได้ยินฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยออกมาเช่นนั้น มุมปากของฉินเสวี่ยเย่ว์พลันยกยิ้มได้ใจขึ้นมาใ

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1413

    เวลาเดียวกับที่เช็ดเลือดออก ได้ใส่ยาห้ามเลือด และในเวลาเดียวกันก็ฉีดยาฉุกเฉินเช่น ยากระตุ้นหัวใจอาการของเซียวเซี่ยงหวั่นค่อนข้างแย่แม้จะได้รับการรักษาฉุกเฉินแล้ว แต่การหายใจของนางยังคงอ่อนแรงมากโดยเฉพาะมือและเท้าเริ่มแข็ง ทำให้ไม่สามารถวัดชีพจรได้สิ่งที่เร่งด่วนที่สุด ทำได้เพียงตรวจคลื่นไฟฟ้าหัว

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1412

    หลังจากกินยาช่วยชีวิตแล้ว เซียวเซี่ยงหวั่นก็เกิดอาการชักอย่างรุนแรงทันทีใบหน้าที่แทบจะจำไม่ได้บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดนางดิ้นรนด้วยความทรมาน มีเสียงร้องครวญครางอย่างไม่รู้สึกตัวออกมาจากลำคอ“แย่แล้ว” หัวใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังไม่ทันวางลง ก็ลอยขึ้นสูงอีกครั้งเซียวเซี่ยงหวั่นถูกเฉียนอ๋องทรมานจนหาย

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1411

    เมื่อพวกเขาได้กลิ่นของฉินเหยี่ยนเย่ว์นั้น ทุกสายตาพลันหันไปหานางในทันที ก่อนจะน้ำลายไหลออกมา พร้อมทั้งนัยน์ตาที่แดงก่ำพวกเขาทั้งหมดล้วนแต่มีร่างกายสูงใหญ่ บนร่างกายนั้นกลับมีเงามันแปลก ๆ พร้อมทั้งเปรอะเปื้อนเลือดของพระชายาเฉียนอีกด้วยพวกมันราวกับสัตว์ร้ายที่จ้องมองนางด้วยสายตาราวกับอยากจะจับนางฉีก

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1410

    ยามที่นางตกอยู่ในสภาวะว่างเปล่านั้น ย่อมมิอาจทำอันใดกับเฉียนอ๋องได้ทว่า นางในสภาวะปกติเช่นนี้ หาได้เห็นเขาอยู่ในสายตาไม่ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงในยามที่พลังแห่งจิตวิญญาณของนางได้เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าตัวเช่นนี้เลยเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสารเลวอย่างเฉียนอ๋องที่รังแกสตรีเช่นนี้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ย่อมมิมีทางวิ่ง

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1409

    “อ๊าก มือข้า”เฉียนอ๋องพลันมองไปยังข้อมือของตนเองที่กำลังมีเลือดไหลออกมาก่อนหน้านั้น มือนั้นยังอยู่บนข้อมือของเขา เพียงพริบตาเดียวมิรู้ว่าหายไปไหนแล้วหลงเหลือไว้เพียงข้อมือว่างเปล่าที่มีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาเลือดสด ๆ ที่ไหลออกมาไม่หยุดนั้น พลันไหลปกคลุมเตียงหินที่มีรอยเลือดแห้งดำด่างเก่า ๆ ในทันที

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1408

    ความโกรธเกรี้ยวที่โหมกระหน่ำราวกับคลื่นที่ซัดเข้ามาฉินเหยี่ยนเย่ว์แทบจะควบคุมความโกรธที่สุมอยู่เต็มอกของนางไม่ไหวนางพยายามดิ้นรน เพื่อที่จะหลุดออกจากโซ่ตรวนนี้ภายในห้องลับที่มืดมิดนั้น เสียงดังของโซ่ตรวนเหล็กที่กระทบกันไปมาพลันกลบเสียงร้องของพระชายาเฉียนไปจนหมด“โกรธหรือ? ดิ้นรนหรือ? ฮ่าฮ่า ฉินเห

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1407

    นางมิคิดเลยว่า เฉียนอ๋องจักกล้าโยนชายาของตนเองลงไปในดงบุรุษเหล่านั้นได้หูของนางพลันได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของพระชายาเฉียนดังขึ้นมาเสียงนั่น ดังกึกก้องลึกเข้าไปในใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์ในทันทีถึงแม้ว่านางจักมิไปเห็น มิได้ยิน แต่นางก็สัมผัสได้ว่าพระชายาเฉียนกำลังทุกข์ทรมานใจมากเพียงใดในยามน

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1406

    ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันลืมตาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวการมองในครานี้ กลับทำเอาทั่วร่างเย็นยะเยือก พร้อมทั้งเลือดในกายที่ถูกสูบฉีดไหลเวียนไปทั่วร่างยามที่นางกำลังปิดกั้นตนเองจากโลกภายนอก เพื่อมุ่งมั่นในการรวบรวมสมาธิของตนเองมิรู้ว่าเฉียนอ๋องไปนำบุรุษสามสี่คนมาจากที่ใดบุรุษเหล่านั้นรูปร่างสูงใหญ่กำยำมิต่างอัน

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1405

    “หากมิใช่เพราะข้าคิดถึงเจ้ามากถึงเพียงนั้น จนถึงกับลอบสังเกตติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างใกล้ชิดแล้วละก็ ถึงได้พบนกกางเขนเงาที่บินไปที่จวนอ๋องเจ็ดตัวนั้น มิเช่นนั้นข้าก็คงมิมีทางหาเจ้าพบแน่”“เจ้าเป็นของของข้า แต่กลับคิดหาทางหลบหนี ผู้ใดให้ความกล้าแก่เจ้ากัน? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นตัวอันใด? ถึงกล้า

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status