ในเมื่อท่านชอบ "ดู" ข้าก็จะ "ยั่ว" จนกว่าท่านจะทนไม่ไหว แล้วปล่อยตัวปล่อยใจมาหลงใหลในตัวข้า
View Moreเสียงดนตรีที่ดังเป็นจังหวะเร่งเร้าพลันปรากฏร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังร่อนสะโพกหมุนเป็นวงกลม ก่อนจะขยับบั้นท้ายที่งดงามส่ายสะบัดเด้งขึ้นเด้งลงด้วยท่าทางยั่วสวาท สร้างความเสียวซ่านวาบหวิวให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็นไม่น้อย
ติ๊ง!!!
"มียอดเงินโอนเข้า 30,000"
"เปิดเนินอกโชว์หน่อยครับ"
"ขอซื้อชั้นใน โอนแล้ว 20,000"
ฉินมู่หลานที่กำลังใส่หน้ากากขนนกปิดบังใบหน้าเอาไว้ยืนมองยอดเงินในบัญชีที่เด้งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก
เดือนนี้ยอดปังไม่เบา!!!
ฉินมู่หลานวัยยี่สิบปี มีอาชีพเป็นดาวยั่วบนเพจแห่งหนึ่ง ชื่อว่าเพจ Take care fan นามแฝงของเธอคือ angelbell ทุกๆ วันเธอจะสวมหน้ากากขนนก พร้อมกับชุดบิกินีตัวจิ๋วสีชมพู มีปีกนกสยายอยู่ด้านหลัง กำลังเต้นยั่วยวนเหล่าชายหนุ่มที่มารอชมความงดงามและเซ็กซี่ของเธอ เธอไม่ได้ขายตัว เธอแค่โชว์เรือนร่างเพียงเท่านั้น
"angelbell จะถอดแล้วนะคะ อื้อออ!!!"
ฉินมู่หลานส่งเสียงหวานครางกระเส่า ก่อนจะค่อยๆ ปลดเปลื้องบิกินีตัวจิ๋วออกอย่างเย้ายวน
"ขอดูบั้นท้ายโอนแล้ว 30,000"
"ถอดชั้นในออกมาขายเร็วเข้า โอนนานแล้ว!!!"
ปัง!!!
"เฮ้ยย!!!"
"เวรฉิบ ใครยิง angelbell วะ?"
ร่างของฉินมู่หลานค่อยๆ ล้มลงไปกองกับพื้น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วห้อง มือปริศนายื่นไปปัดโน้ตบุ๊กบนโต๊ะทิ้งจนมันดับลง ก่อนจะหันมามองฉินมู่หลาน
"แก อึก เป็นใคร?"
ร่างปริศนาค่อยๆ เปิดผ้าที่คลุมใบหน้าออกอย่างช้าๆ ฉินมู่หลานดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่เข้ามาฆ่าเธออย่างชัดเจน
"พี่!!!"
"ตายซะเถอะฉินมู่หลาน ฉันสัญญาว่าจะดูแลสมบัติของแกเป็นอย่างดี"
"ไม่!!!"
ปัง!!!
สิ้นสุดเสียงปืนร่างของฉินมู่หลานก็แน่นิ่งไป ฉินมู่ฟาง พี่สาวต่างแม่ของฉินมู่หลานยกยิ้มเย้ยหยันด้วยความสะใจ
แต่ไหนแต่ไรมา พ่อก็รักมันมากกว่าเธอมาตลอด สมบัติทุกชิ้นก็ให้แต่ฉินมู่หลาน ทั้งๆ ที่เธอเป็นลูกสาวคนโต เป็นลูกของภรรยาหลวง แต่พ่อกลับรักฉินมู่หลานที่เป็นลูกของภรรยาน้อยมากกว่าเธอ
ไปตายซะนังสารเลว!!! อยู่ไปก็อับอายต่อวงศ์ตระกูล เบื้องหน้าทำตัวเป็นคุณหนูผู้แสนดี แต่เบื้องหลังกลับมาอวดเรือนร่างให้ผู้ชายดู น่าขยะแขยงที่สุด!!!
ตำหนักชินอ๋อง
"พระชายาเอก เสวยยาถ้วยนี้เถิดเพคะ"
หญิงสาวที่นอนซมอยู่บนเตียงส่ายหน้าไปมาด้วยความสิ้นหวัง นางคือฉินมู่หลาน พระชายาเอกของชินอ๋องมู่หรงเสี่ยวหมิง
นางกับเขาอภิเษกสมรสกันมาปีกว่าแล้ว แต่เขากลับไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวนางเลยแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อไม่นานมานี้เขาก็แต่งพระชายารองอีกคนเข้าตำหนัก พระชายารองผู้นี้มีนามว่า เสี่ยวเยี่ยนจื่อ เป็นบุตรสาวของท่านเจ้ากรมพิธีการ
นางเองเป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพ ตระกูลฉินทำความดีความชอบมากมาย ฮ่องเต้จึงพระราชทานตำแหน่งโหวให้แก่ตระกูลฉิน และพระราชทานสมรสแก่นางกับมู่หรงเสี่ยวหมิง
เวลาผ่านไปปีกว่า เมื่อนางเองไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ไทเฮาจึงพระราชทานสมรสให้แก่เสี่ยวเยี่ยนจื่อ หลานสาวฝั่งมารดาของตนให้แก่มู่หรงเสี่ยวหมิงอีกคนหนึ่ง
มู่หรงเสี่ยวหมิง มักจะเย็นชาใส่นางเสมอ ยามที่เขามาที่เรือนของนาง ก็จะทำราวกับว่านางไม่มีตัวตนในสายตาของเขา
"พระชายาเอกเพคะ"
"แค่กๆ หลิงหลิง เห็นทีข้าคงไม่รอดคืนนี้เป็นแน่ ข้าป่วยเรื้อรังมานานเหลือเกิน"
"อีกครู่ ท่านอ๋องก็จะเสด็จมานะเพคะ"
"เขาไม่มาหรอก ท่านอ๋องไม่เคยมีใจรักต่อข้า แค่กๆ"
ฉินมู่หลานกระอักเลือดออกมาคำโต นางรู้สึกราวกับว่าทุกอย่างกำลังจะดับมืดลง ราวกับว่าช่วงชีวิตนางในตอนนี้ได้ดับสลายลงไปแล้ว
"พระชายาเอก พระชายาเอก!!! ฮืออ พระชายาเอกสิ้นลมแล้ว!!!"
หลิงหลิงสาวใช้คนสนิทของฉินมู่หลาน ร้องไห้คร่ำครวญปานจะขาดใจ เสี่ยวเยี่ยนจื่อ พระชายารองที่ได้ยินเข้า ก็ยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ
ตายซะได้ก็ดี!!! ตำแหน่งพระชายาเอกจะได้ตกเป็นของข้าเสียที!!!
ด้านมู่หรงเสี่ยวหมิง เขากำลังกลับมาจากการประชุมลับกับฮ่องเต้ที่วังหลวง เมื่อกลับมาถึงก็ได้ยินเสียงนางกำนัลร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งตำหนัก
"เกิดอะไรขึ้น?"
"ฮือออ ท่านอ๋องเพคะ พระชายาเอกสิ้นแล้วเพคะ!!!"
มู่หรงเสี่ยวหมิงมีสีหน้าเรียบเฉย แววตาของเขาสั่นไหวเพียงครู่เดียว ก่อนจะกลับมาเป็นปกติเช่นเดิม
"ส่งคนไปแจ้งต่อจวนตระกูลฉินว่าพระชายาเอกสิ้นแล้ว ส่วนงานศพของนางให้จัดอย่างสมเกียรติ"
"พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง!!!"
มู่หรงเสี่ยวหมิงเองก็รู้สึกรันทดในใจไม่น้อย ตั้งแต่แต่งนางเข้ามาในตำหนักอ๋อง เขาก็ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวนางเลย และยังเหินห่างกับนางไม่น้อย
เขาไม่ได้มีใจชอบพอต่อนาง กับพระชายารองและอนุคนอื่นๆ เขาก็ไม่เคยมีใจรักใคร่
เขาคือชินอ๋องมู่หรงเสี่ยวหมิง เป็นน้องชายร่วมมารดาเดียวกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เขาเก่งทั้งการศึกและการเดินหมากรุก รวมทั้งการวาดภาพ ฮ่องเต้ทรงรักเขามาก ให้อำนาจทางทหารฝากไว้กับเขาอย่างไว้วางใจ ในวังหลวงสะดวกสบายเช่นไร ในตำหนักอ๋องของเขาก็เป็นเช่นนั้น
"ท่านอ๋อง นางกำนัลได้จัดการเปลี่ยนอาภรณ์และแต่งองค์ให้พระชายาเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"อืม พรุ่งนี้ข้าจะไปส่งนางเป็นครั้งสุดท้าย"
"พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"
เมื่อองครักษ์คนสนิทเดินออกไปแล้ว มู่หรงเสี่ยวหมิงก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาเปิดดู
ภาพวาดแดนสวรรค์
"เสด็จพี่ช่างตาถึงยิ่งนัก ภาพวาดที่ส่งมาใหม่นี้งดงามเหลือเกิน"
มู่หรงเสี่ยวหมิงนั่งมองภาพสตรีเปลือยกายตรงหน้าด้วยสายตาที่ล้ำลึก หลายวันก่อนเสด็จพี่มู่หรงเสี่ยวเฉินผู้เป็นฮ่องเต้ ได้สั่งคนให้นำภาพวาดแดนสวรรค์มามอบให้แก่เขา
เขามีรสนิยมที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง คือเขาชอบดูภาพสตรีเปลื้องอาภรณ์ นอนอ้าขาจนกว้างสุด และอิริยาบทต่างๆ ที่ชวนเย้ายวนแก่สายตาเขา
แต่สตรีรอบกายเขา มีแต่พวกเขินอาย รักในการสงวนท่าที
เขาเป็นสามีนางนะ อ้าให้ดูเสียหน่อยจะเป็นไรไป!!!
มู่หรงเสี่ยวหมิงรับรู้ได้ถึงแก่นกายภายในร่มผ้าที่แข็งดุนดัน เขาค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจนหมด ก่อนจะใช้ฝ่ามือหนาใหญ่ จับแท่งเอ็นร้อนที่ใหญ่และยาว ชักรูดขึ้นลงอย่างเชื่องช้า แล้วจึงเร่งจังหวะให้ถี่รัวเร็วขึ้น
"อ่าส์!!! ซี้ดดดดด"
เขายกขาข้างหนึ่งขึ้นมาเหยียบบนเก้าอี้ ฝ่ามือใหญ่ชักแท่งเอ็นสวรรค์เข้าออกอย่างถี่เร่า สายตาก็มองไปยังภาพวาดของสตรีที่อ้าขาทั้งสองข้างกว้างจนสุด เผยให้เห็นร่องกลีบบุปผาที่งดงามตายิ่งนัก
"ซี้ดด!!! เสียวลำเหลือเกิน โอ้ววว!!!"
น้ำเมือกสีขาวขุ่นไหลทะลักพุ่งไปโดนหนังสือภาพวาดแดนสวรรค์จนเปรอะเปื้อนไปหมด มู่หรงเสี่ยวหมิงรู้สึกเสียวกระสันจนถึงขีดสุด
เขาเก็บพับหนังสือหน้านั้นเอาไว้ โดยไม่เช็ดทำความสะอาด เขาจะให้มันเลอะเช่นนี้ เพื่อที่เขาจะได้จำเอาไว้ว่าหน้าไหนเขาได้ดูไปแล้ว เขาไม่ชอบดูภาพซ้ำ
เช้าวันรุ่งขึ้น พิธีเคลื่อนขบวนศพของพระชายาเอกฉินมู่หลานกำลังเคลื่อนไปที่สุสานอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนต่างออกมายืนดูและไว้อาลัยแก่พระนาง
น่าสงสารเหลือเกิน ยังสาวยังสวยแท้ๆ แต่กลับอายุสั้นเช่นนี้!!!
บิดามารดาของนาง ทำได้เพียงร้องไห้คร่ำครวญให้กับโชคชะตาที่แสนอาภัพของบุตรสาว ฉินมู่หลานเป็นบุตรสาวคนโตของจวนตระกูลฉินอายุปีนี้ก็ยี่สิบหนาวแล้ว และนางมีน้องชายหนึ่งคนนามว่าฉินมู่หลง อายุเพียงสิบสองขวบปี
มู่หรงเสี่ยวหมิง สวมชุดสีขาวไว้ทุกข์ ขี่ม้านำขบวนเพื่อส่งนางไปสู่ปรโลกอย่างสมเกียรติ
"แค่กแค่ก ทำไมมันแคบงี้วะเนี่ย?!!!"
ฉินมู่หลานลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนจะพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในสถานที่แคบๆ แห่งหนึ่ง เมื่อนางตั้งสติและสังเกตไปรอบๆ ก็พบว่า
เวรฉิบ!!! โลงศพนี่หว่า ใครเอาฉันมานอนในนี้!!!
ฉินมู่หลานตั้งสติพยายามคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางถูกพี่สาวฆ่าตายนี่นา? ถูกฆ่าตายตอนที่กำลังอยู่ในห้อง แล้วทำไม?
นางรีบสำรวจตามร่างกาย ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ยังไม่ตายนี่!!! สงสัยจะฝันไป ต้องออกไปจากโลงบ้าๆ นี่ก่อน!!! คนภายนอกจะได้รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่
กึก กึก!!! โครม
ฉินมู่หลานที่มีใบหน้าซีดเซียว พยายามใช้กำลังสุดแรงก่อนจะกระแทกฝาโลงศพจนกระเด็นเปิดออก นางค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งมองไปโดยรอบด้วยสายตาที่มึนงง
แห่อะไรกันวะเนี่ย ใครตายเหรอ?
"วร้ายยย!!! ผีพระชายาทะลุโลงแล้ววววว!!!"
"โอ้ววว อยู่ไม่ได้แล้ว เฮี้ยนแน่ๆ ถึงกับเปิดโลงลุกขึ้นมานั่งเชียวหรือ?"
"ใครไม่ไปอั๊วไปแล้วเด้ออออ!!!"
ผู้คนต่างพากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงจนฉินมู่หลานรู้สึกแปลกใจ
มู่หรงเสี่ยวหมิงที่เห็นผู้คนวิ่งหนีกันเป็นพรวนก็หันกลับมามองทันที ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ฉินมู่หลานหันไปสบตากับมู่หรงเสี่ยวหมิงเข้าพอดี
อื้อหือ!!! ความหล่อทะลุตามากๆ อยากจะเอามาทำสามีเสียจริงเชียว นั่นถ่ายหนังเหรอ? มีนางเอกรึยังจ๊ะ?
"ฮายยยย สุดหล่อ!!!"
"เจ้ายังไม่ตายรึมู่หลาน!!!"
เขาอุ้มร่างบางของฮองเฮาผู้เป็นที่รักเข้ามาในตำหนัก ก่อนจะวางนางลงบนโต๊ะเสวยอาหาร สองแขนใหญ่สอดเข้าไปที่ใต้เรียวขางามของนาง กอดรัดเอวบางเอาไว้ ฉินมู่หลานจึงใช้สองมือจับขอบโต๊ะเอาไว้ เพื่อรอรับความหรรษาที่เขาจะมอบให้แก่นางมู่หรงเสี่ยวหมิงกระแทกกระทั้นลำแท่งใหญ่ยักษ์เข้ามาในร่องรูของนางจนเกิดเสียงดังตับตับตับ โต๊ะไม้สั่นสะเทือนตามแรงบดเบียดเสียดสีของคนทั้งสอง ฉินมู่หลานใบหน้าบิดเบี้ยว ส่งเสียงหวานครวญครางไม่เป็นภาษา มู่หรงเสี่ยวหมิงโน้มใบหน้าลงไปจูบนางอย่างหนักหน่วง ลิ้นร้อนสอดแทรกบดเบียดเกี่ยวกระหวัดพัวพันกับลิ้นชื้นของนางอย่างเสน่หา ไฟแห่งความปรารถนาของคนทั้งคู่กำลังลุกโชนสว่างเจิดจ้า ไร้วี่แววที่จะมอดดับลง มีแต่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ"อ๊าส์!!! มันแน่นไปหมดเพคะ อื้ออออ!!! หม่อมฉันจุกเหลือเกินเพคะ!!!""ซี้ดดดด สุดยอดมาก ข้าเสียวเหลือเกิน โอ้วว!!!"เขาช้อนร่างของนางขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วจึงพานางลงไปนอนหงายบนเตียง อ้าขานางออกจนกว้าง ก่อนจะบดเบียดแท่งเอ็นร้อนเข้ามาในซอกหลืบดอกไม้งามจนมิดลำ เขาขยับแท่งแก่นกายกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเร็วแรง จนกลีบกุหลาบบวมแดงไปหมดตับตับตับเขาโน้มใบหน้าลงไ
ฉินมู่หลานดีดนิ้วมือจนเกิดเสียงดังเปาะ เหล่านางกำนัลต่างรีบนำผ้าขาวมาล้อมรอบบริเวณระเบียงด้านนอกจนมิดชิด และนำฟูกนอนมาวางเอาไว้ก่อนจะออกไปรอที่ด้านนอกตำหนักจนหมด ตอนนี้จึงมีเพียงแสงจันทร์ที่ทอแสงลงมานางค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกายจนสิ้น แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหามู่หรงเสี่ยวหมิง ดึงทึ้งเสื้อผ้าของเขาออกเช่นกัน และลูบไล้ฝ่ามือลงไปบนแผงอกล่ำสันของเขาด้วยความหลงใหล สายตาของนางมองต่ำลงไปที่ลำแท่งมังกรขนาดใหญ่ที่แข็งชูชันรอคอยให้นางเล่นสนุกกับมันนางย่อตัวลงไปนั่งที่พื้น ก่อนจะใช้มือขาวเรียวงามจับแท่งเอ็นร้อนของเขารูดชักขึ้นลง ลิ้นอุ่นร้อนม้วนเลียที่ปลายหัวสีชมพูจนฉ่ำแฉะ แล้วจึงครอบริมฝีปากลงไปกลืนกินลำแท่งแก่นกายที่ใหญ่ยาวจนมิดลำ พร้อมกับขยับศีรษะขึ้นลงอย่างเร็วแรงและถี่เร่า"ซี้ดดดด!!! อ่าส์!!!"เขากดศีรษะของนางเอาไว้ แล้วกระแทกลำแท่งเอ็นร้อนเข้าออกในโพรงปากสวยของนางอย่างเอาแต่ใจอ๊อก อ๊อก"โอ้ววว มู่หลาน ซี้ดดด!!! จะแตกแล้ว!!!"ฉินมู่หลานเร่งขยับศีรษะให้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น ไม่นานนักน้ำรักสีขาวขุ่นก็พุ่งล้นทะลักผ่านเข้ามาในลำคอของนาง ฉินมู่หลานเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยกลัวว่าน้ำรักของสามีอันเ
รัชศกเสี่ยวหมิงปีที่ 1ฮ่องเต้มู่หรงเสี่ยวหมิง ทรงขึ้นครองราชย์ราชสมบัติ และสถาปนาพระชายาเอกนามว่าฉินมู่หลานขึ้นเป็นฮองเฮา เขาไม่รับพระสนมใดใดเพิ่มอีกเลยแม้แต่คนเดียวฉินมู่หลานกำลังยืนรับลมอยู่ที่ตำหนักเฟิ่งหวง นางสวมชุดฮองเฮาสีแดงสด ปักลายมังกรเหยียบเมฆาม้าสวรรค์ หงส์คู่มังกร สวมทับด้วยแถบเซียะเพ่ยสีแดงปักลายหงส์ฟ้าสิบสองตัว บริเวณแขนเสื้อทำเป็นทรงกว้างปักลายมังกรทอง มงกุฎหงส์บนศีรษะประดับด้วยหงส์พิลาสสามตัว บริเวณท้ายมงกุฎ ด้านบนคือหงส์พิลาสข้างละหนึ่งตัว ห้อยระย้าแปดพฤกษ์ ที่เป็นลูกปัดร้อยทรงสี่เหลี่ยมสลับกับตารางเรียงครบแปดชั้นวันนี้อากาศค่อนข้างดีไม่น้อย นางจึงออกมาเดินเล่นเสียหน่อย"เจ้าท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว ไม่ควรออกมาเดินรับลมเช่นนี้"ฉินมู่หลานหันไปมองมู่หรงเสี่ยวหมิงที่สวมชุดมังกรทองเดินเข้ามาหานาง และประคองโอบไหล่นางให้เดินกลับเข้าไปในตำหนักด้วยกัน"อากาศอบอ้าวเพคะ อยากออกมารับลมเสียหน่อยเพคะท่านพี่ฝ่าบาท""เจ้าใกล้คลอดแล้ว เกิดไม่ระวังขึ้นมาจะเป็นอันตรายได้""รู้แล้วเพคะ เลิกบ่นเสียที โอ๊ะ!ท่านพี่ฝ่าบาท""มู่หลาน!!! เจ้าเป็นอะไร?""น้ำคร่ำแตกเพคะ น้ำคร่ำแตก!!!"ฉินมู่หลานช
ฉินเหยาเซียวง้างคันธนูขึ้นมาเตรียมจะยิงมันเข้ามาที่ฉินมู่หลานและมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยสายตาโกรธเกลียด นางเกลียดมันทั้งสอง คนที่ควรอยู่ในอ้อมกอดของมู่หรงเสี่ยวหมิงควรจะต้องเป็นนางเพียงเท่านั้น!!!นักฆ่าของนางถูกทหารของฝ่าบาทฆ่าตายจนหมดสิ้นแล้วนางไม่ยอม!!! มันจะต้องไม่จบลงเช่นนี้ ไม่มีทาง!!!ฉึก!!!มู่หรงเสี่ยวหมิงกอดฉินมู่หลานเอาไว้แน่น หากจะต้องตายเขาก็พร้อมที่จะยอมตายไปพร้อมกับนางทั้งสองค่อยๆ ลืมตาขึ้นไปมอง ลูกธนูที่พุ่งตรงมาเมื่อครู่ไม่ได้ปักลงมาที่เขาทั้งสอง แต่ทว่ามันกลับพุ่งแทงทะลุหน้าอกของฉินเหยาเซียว นางกระอักเลือดออกคำโต สายตาจ้องมองมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยสายตาเว้าวอน ก่อนจะล้มลงกับพื้น นางสิ้นใจตายทั้งที่ดวงตายังเบิกโพลงจ้องมองมาที่ฉินมู่หลานและมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยความเกลียดชัง"เสี่ยวหมิง""เสด็จพี่ โอ๊ย!!!"มู่หรงเสี่ยวเฉินเป็นคนฆ่าฉินเหยาเซียวด้วยมือของเขาเอง เขามองนางที่ล้มลงตายอยู่บนพื้นด้วยสายตาที่เจ็บปวด"ท่านพี่อ๋องท่านบาดเจ็บ ให้ข้าพยุงท่านเถิดเพคะ"ฉินมู่หลานค่อยๆ ประคองร่างของมู่หรงเสี่ยวหมิงให้ค่อยๆ เดินไปพร้อมกับนาง"โอ๊ย!!!""มู่หลาน!!! มู่หลานเจ้า เลือด!!!"ฉินมู่
ฉินมู่หลานหันไปมองเสี่ยวเยี่ยนจื่อด้วยสายตาที่สงสัยไม่น้อย ตอนนี้องครักษ์เงาของตำหนักชินอ๋องกำลังล้อมนางกับเสี่ยวเยี่ยนจื่อเอาไว้ตรงกลาง คอยคุ้มกันความปลอดภัยให้แก่พวกนางทั้งสอง"เจ้ามาได้เช่นไร?""หลิงหลิงนางกำนัลของเจ้าไปแจ้งข้าที่จวนว่าเจ้าหายตัวไปกลางดึก ปกติเจ้าจะลุกขึ้นมาเรียกนางให้เข้าไปปรนนิบัติทุกคืน แต่เมื่อคืนเจ้ากลับเงียบหายพอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเจ้าหายตัวไป นางจึงรีบมาหาข้าที่จวน""แล้วองครักษ์เงาเล่าเจ้าไปพาพวกเขามาได้เช่นไร?""องครักษ์เงาแท้จริงแล้วเป็นทหารฝีมือดีที่ไทเฮาทรงบ่มเพาะเอาไว้ กลุ่มหนึ่งตามท่านพี่ไป อีกกลุ่มคอยอารักขาตำหนักชินอ๋องเอาไว้ ไทเฮาทรงมอบพวกเขาให้กับท่านพี่มู่หรงเสี่ยวหมิง หลิงหลิงบอกว่าเห็นหย่งเยี่ยมีท่าทีลับๆ ล่อๆ จึงแอบตามนางมา ตอนที่ข้าไปถึงองครักษ์กำลังฟื้นคืนสติ พวกเขาถูกวางยานอนหลับ""นางเป็นนักฆ่าที่ฮองเฮาเลี้ยงดูเอาไว้ ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน""โหดเหี้ยมจริงๆ แล้วยังคิดไม่ซื่อต่อข้ากับไทเฮาอีกด้วย""นางกำลังส่งคนไปฆ่าท่านพี่อ๋อง""จริงหรือ เรารีบหนีกันก่อนเถิด!!!""คิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือนังสารเลว!!!"ฉินเหยาเซียวง้างคันธนูเตรียมยิงเข้ามาที่
"เหตุใดพระองค์ถึง...."ฉินเหยาเซียวปรายตามองฉินมู่หลานด้วยสายตาเย็นชา ในแววตานั้นไม่มีแม้แต่ความเอ็นดูรักใคร่หลงเหลือต่อนางเช่นแต่ก่อนอยู่เลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าฉินมู่หลานไม่ใช่หลานสาวร่วมสายเลือดเดียวกันกับนาง"แปลกใจมากเลยหรือ ที่เป็นข้า?"ฉินมู่หลานไม่ตอบสิ่งใด นางค่อยๆ พยุงร่างตนเองให้ลุกขึ้น แต่ทว่าเพราะฤทธิ์ของยาสลบจึงทำให้นางรู้สึกเวียนหัวและดวงตาพร่ามัวคล้ายจะเป็นลม"เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจะลงมือเร็วเช่นนี้ หากเจ้าไม่ได้ตั้งครรภ์ขึ้นมาเสียก่อน""หมายความว่าอย่างไร? หม่อมฉันไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเกลียดกันเพคะ หม่อมฉันเป็นหลานสาวแท้ๆ ของพระองค์นะเพคะ""หลานสาวหรือ ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าช่างเพ้อฝันไม่เคยเปลี่ยน"ฉินมู่หลานขมวดคิ้วมุ่นมองฉินเหยาเซียวด้วยความสงสัยแรงจูงใจในการลักพาตัวนางมาคือสิ่งใดกันแน่?ฉินเหยาเซียวทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ"ข้าอุตส่าห์วางยาพิษเจ้าทีละนิดมานานแรมปี จนร่างกายของเจ้าอ่อนแอลงทุกวัน ข้าคิดว่าเจ้าจะตกตายไปตั้งแต่วันนั้น แต่เจ้ากลับดวงแข็งฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง ข้าจึงลงมือเป็นครั้งที่สองพยายามเป่าหูเจ้าเรื่องไทเฮ
เวลาล่วงเลยผ่านมาจวบจนถึงวันที่มู่หรงเสี่ยวหมิงต้องเดินทางไปหมู่บ้านที่เกิดภัยแล้งแล้ว ฉินมู่หลานกับหย่งเยี่ยมาส่งเขาที่หน้าตำหนักด้วยแววตาที่ห่วงหาอาทร "ดูแลตนเองให้ดี รอข้ากลับมา""เพคะ"มู่หรงเสี่ยวหมิงหันไปมองหย่งเยี่ยด้วยแววตาเรียบเฉย เห็นเพียงนางร่างกายโงนเงนคล้ายจะล้มได้ตลอดเวลา นางกำนัลข้างกายต้องคอยประคองเอาไว้ ได้ยินมาว่าร่างกายของนางไม่ค่อยจะแข็งแรงมาตั้งแต่เด็กมู่หรงเสี่ยวหมิงขึ้นนั่งบนหลังม้า เขาหันมามองนางอีกครั้งก่อนที่ร่างของเขาจะลับหายไปจากสายตาของนาง"กลับเข้าเรือนเถิด ใบหน้าเจ้าซีดเซียวเช่นนี้ ให้ข้าไปตามหมอหลวงมาดูเจ้าเสียหน่อยดีหรือไม่?""ขอบพระทัยพี่หญิงเพคะ อาการเช่นนี้น้องเป็นมาตั้งแต่จำความได้ ไม่ต้องตามหมอหลวงมาให้เสียเวลาหรอกเพคะ"ฉินมู่หลานขมวดคิ้ว มองหย่งเยี่ยอย่างพิจารณาเล็กน้อยค่ำคืนที่ไร้มู่หรงเสี่ยวหมิงคอยเคียงข้างกายนาง มันช่างเงียบเหงาและเหน็บหนาวเกินทน ฉินมู่หลานออกมายืนรับลมที่ระเบียง สายตาเหม่อมองไปบนท้องฟ้า เฝ้าคิดถึงคนไกล ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะถึงที่หมายแล้วหรือยัง จะลำบากเพียงใดยามเมื่ออยู่ไกลจากนาง"พระชายาเอกเพคะ ไหวหรือไม่เพคะ?""เอาออกไปข
เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบสองเดือน ภายในตำหนักชินอ๋องยังคงเงียบสงบเช่นเคย หย่งเยี่ยยังคงอยู่ในเรือนของนาง น้อยครั้งนักที่นางจะออกมานอกเรือนนอนและที่ฉินมู่หลานรู้สึกแปลกใจก็คือ ตั้งแต่หย่งเยี่ยเข้ามาในตำหนักชินอ๋อง นางไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่สนใจว่ามู่หรงเสี่ยวหมิงจะใส่ใจไยดีต่อนางหรือไม่ช่างผิดวิสัยของการเป็นชายายิ่งนัก?ฉินมู่หลานมองดูมู่หรงเสี่ยวหมิงที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมสัมภาระเพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านที่อยู่ติดชายแดนทุรกันดาร ปีนี้ภัยแล้งค่อนข้างรุนแรงไม่น้อย ผู้คนอดอยากล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ฮ่องเต้มู่หรงเสี่ยวเฉินจึงสั่งให้มู่หรงเสี่ยวหมิง เดินทางไปแก้ปัญหาภัยแล้งในครั้งนี้ และถือโอกาสสำรวจความเป็นอยู่ของราษฎรด้วยตนเองว่าลำบากยากแค้นเพียงใด และพอจะมีทางแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยวิธีใดบ้าง"ไปนานหรือไม่เพคะ?""รวมเวลาเดินทางไปกลับก็คงจะร่วมสองเดือน เจ้าเองจงระวังเหตุการณ์รอบด้านเอาไว้ให้ดี หากเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นจนเจ้ารับมือไม่ไหว ให้ส่งคนไปแจ้งต่อข้า และถ้ามีคนคิดไม่ซื่อหากจำเป็นต้องฆ่าก็ให้เจ้าฆ่าทิ้งเสีย""เพคะ""ข้าไม่อยากไปเลย แต่มันเป็นเรื่องปากท้องและความเป็
ฉินมู่หลานตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวันด้วยอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว นางหันไปมองข้างกายก็พบว่ามู่หรงเสี่ยวหมิงไม่ได้นอนอยู่ข้างกายนางแล้ว คงจะไปวังหลวงแต่เช้าแล้วสินะฉินมู่หลานลุกขึ้นมาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์แล้วจึงมานั่งรับสำรับเช้า สายตาของนางมองออกไปที่ด้านนอก ก็พบว่าเหล่านางกำนัลกำลังวุ่นวายขนของบางอย่างอยู่ที่ด้านนอก"หลิงหลิง""เพคะ""นางกำนัลเหล่านั้นกำลังขนสิ่งใดกันอยู่?""ของใช้ต่างๆ ของอดีตพระชายารองเพคะ""อดีตพระชายารอง?""ขออภัยเพคะ บ่าวเห็นพระชายาเอกทรงบรรทมอยู่จึงไม่กล้าปลุก ท่านอ๋องทรงให้แจ้งต่อพระชายาเอกว่า พระชายารองเสี่ยวเยี่ยนจื่อได้เขียนหนังสือหย่ามอบให้แก่ท่านอ๋อง ไทเฮาทรงพิโรธเป็นอย่างมาก จึงถูกเรียกตัวเข้าวังหลวงทันทีเพคะ""ไปทั้งสองคนเลยหรือ?""เพคะ"ฉินมู่หลานขมวดคิ้วมุ่น เสี่ยวเยี่ยนจื่อรักมู่หรงเสี่ยวหมิงขนาดนั้น เหตุใดนางจึงยอมถอดใจง่ายดายเช่นนี้กันเล่าวังหลวง"พวกเจ้าทั้งสองคนเห็นข้าเป็นตัวตลกหรือไร? นึกจะหย่ากันก็เขียนหนังสือหย่าขึ้นมาเสียดื้อๆ โดยไม่ปรึกษาข้าก่อนเลยเช่นนี้มันใช้ได้หรือ?"ไทเฮาเขวี้ยงหนังสือหย่าลงมาบนพื้น เสี่ยวเยี่ยนจื่อทำได้เพียงยืนตัวสั่นเ
Comments