หลายวันต่อมา ฉินมู่หลานตื่นขึ้นมาแต่เช้า เพื่อมาสูดอากาศที่สดชื่นในยามเช้า สายตาของนางทอดมองออกไป ก่อนจะพบกับเสี่ยวเยี่ยนจื่อ ที่กำลังวิ่งวุ่นไปมาภายในตำหนัก
"หลิงหลิง"
"เพคะพระชายา"
"เหตุใดเสี่ยวเยี่ยนจื่อจึงวิ่งวุ่นเช่นนั้น?"
"พระชายาจำไม่ได้หรือเพคะ?"
"จำอะไร?"
ฉินมู่หลานหันกลับไปมองหลิงหลิงก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
"วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านอ๋องเพคะ"
"จริงรึ?"
"เพคะ"
ฉินมู่หลานพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะด้านใน มือเรียวงามยื่นไปจับถ้วยนมสดอุ่นร้อนขึ้นมาดื่มดับกระหาย
"พระชายาทรงเตรียมของขวัญให้ท่านอ๋องหรือยังเพคะ"
"ต้องเตรียมด้วยหรือ?"
"ต้องเตรียมสิเพคะ อย่าให้พระชายารองได้หน้าคนเดียวนะเพคะ"
"ช่างนางสิ ท่านพี่อ๋องยังไม่เห็นจะบอกข้าสักคำว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา แล้วยังให้เมียน้อยไปจัดการแทนข้าอีก ข้าจะทำของขวัญให้เขาไปเพื่ออะไรกัน"
ฉินมู่หลานไม่ใส่ใจนางยกถ้วยนมขึ้นมาดื่มต่ออย่างสบายอารมณ์
"โกรธข้าหรือ?"
มู่หรงเสี่ยวหมิงเดินเข้ามาหาฉินมู่หลาน ก่อนจะสะบัดมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกไปจนหมด แล้วจึงปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา
ฉินมู่หลานขมวดคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย
"ปิดประตูทำไมเพคะ?"
"เจ้าไม่ลุกขึ้นมาทำความเคารพสวามีหน่อยหรือ?"
"หวัดดี"
ฉินมู่หลานยกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกไปมาอย่างขอไปที มู่หรงเสี่ยวหมิงปรายตามองนางเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้ามกับนาง
"เจ้าโกรธข้า?"
"เพคะ วันเกิดท่านพี่อ๋องทั้งที แต่กลับไม่บอกหม่อมฉันสักคำ แล้วยังให้เมียน้อยออกหน้าแทนเสียอีก"
"เมียน้อย เสี่ยวเยี่ยนจื่อน่ะหรือ? ภาษาเจ้าประหลาดยิ่งนัก นางเป็นชายารอง"
"ชายารองเท่ากับเมียน้อยเพคะ หรือจะให้เรียกว่าเมียหลวงเบอร์สอง หึ!!!"
"เอาเถอะๆ ข้าเห็นว่าเจ้าสุขภาพไม่ดี จึงให้นางไปจัดเตรียมงานแทนเจ้า เจ้าก็อย่าถือสานางเลย แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าก็เอ็นดูนางมาตลอดมิใช่หรือ"
ฉินมู่หลานพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนัก เจ้าของร่างเดิมคงจะใจดีมากเลยสินะ เขาถึงพูดเช่นนี้
"มาหาหม่อมฉันแต่เช้ามีสิ่งใดจะสั่งหรือเพคะ?"
มู่หรงเสี่ยวหมิงยกถ้วยชาขึ้นจิบคำหนึ่ง ก่อนจะมองฉินมู่หลานด้วยสายตาเป็นประกาย
"ได้ยินว่าเจ้าไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดให้ข้า"
"เพคะ หม่อมฉันจัดเตรียมไม่ทันเพคะ"
"เช่นนั้นเจ้าก็เตรียมตอนนี้เสียเลยสิ"
"เตรียมอะไรเพคะ? อู้วววว!!!"
มู่หรงเสี่ยวหมิงลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจนหมด เผยให้เห็นแท่งมังกรลำใหญ่ยาวที่ผงาดชูชัน จนฉินมู่หลานลอบกลืนน้ำลายลงคอ
"ถอดชุดออกทำไมเพคะ ยั่วยวนหม่อมฉันหรือ?"
"มู่หลาน"
"เพคะ"
"เจ้าช่วยทำเหมือนวันนั้นอีกครั้งได้หรือไม่?"
พรวดดด!!!
ฉินมู่หลานพ่นนมสดในปากออกมาจนเลอะเทอะบนโต๊ะเต็มไปหมด
นี่เขาเป็นคนหน้าด้านขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดกัน!!!
"ยังเช้าอยู่นะเพคะ"
"เช้าๆ แบบนี้สิดี มันใหญ่จนจะระเบิดออกมาแล้ว ถือซะว่านี่คือของขวัญที่เจ้าจะมอบให้แก่ข้า"
ฉินมู่หลานมองมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
"เฮ้ออ หม่อมฉันก็อยากทำให้นะเพคะ แต่หม่อมฉันสุขภาพไม่ดี เงินทองที่จะใช้ก็ขัดสนยิ่งนัก สินเดิมที่ติดตัวมาก็มีไม่มากเพคะ"
ฉินมู่หลานทำตาปริบๆ อย่างน่าสงสาร
ก็เป็นจริงอย่างที่นางพูด สองวันก่อนนางไปเปิดหีบสมบัติสินทรัพย์เดิมที่ติดตัวออกมาดู ก็พบว่ามันน้อยนิดเสียจนน่าอนาถ
จวนตระกูลฉินยากจนถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
แต่ว่า? นางเหมือนจำได้เลือนรางว่าเคยให้คนผู้หนึ่งหยิบยืมไปจนหมด ใครกันนะ? นึกเท่าใดก็นึกไม่ออก
มู่หรงเสี่ยวหมิงขมวดคิ้วจ้องมองนางด้วยสายตาสงสัย
"สินเดิมเจ้าตั้งมากมาย หายไปไหนหมด?"
"จำไม่ได้เพคะ คล้ายกับว่าเคยให้ผู้ใดยืมไปสักคน แต่จำไม่ได้เพคะ"
"หึ!!! สมบัติเพียงเท่านี้ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้"
"ก็หม่อมฉันจำไม่ได้นี่เพคะ โอ๊ะ!!!"
แท่งมังกรใหญ่ยาวของมู่หรงเสี่ยวหมิง ชี้ตั้งตรงมาทางนาง เขาใช้มือรูดชักลำขึ้นลง แล้วมองนางด้วยสายตาเว้าวอน
"มู่หลาน"
"เพคะ"
"ทำให้ข้าเสียวที่สุด แล้วข้าจะประทานรางวัลแก่เจ้า"
"เอารางวัลมายั่วเย้าหม่อมฉันหรือเพคะ? คิดว่าหม่อมฉันเห็นแก่รางวัลหรือเพคะ"
"ใช้ปากของเจ้าทำให้ข้าเสียวที่สุด ข้าให้แสนตำลึง"
"อุ๊ย!!! อยู่ดีดีปากก็อ้ารอเลยเพคะ"
"โอ้วว ซี้ดดด!!!"
ฉินมู่หลานดึงร่างของมู่หรงเสี่ยวหมิงให้ขยับเข้าไปหานาง ก่อนจะใช้มือเรียวงามจับแท่งเอ็นร้อนลำใหญ่ยาวค่อยๆ รูดชักขึ้นลงอย่างช้าๆ แล้วจึงใช้ลิ้นอุ่นร้อนม้วนเลียที่หัวมังกรของเขาอย่างหยอกเย้า
"ซี้ดดดดด มู่หลานน!!!"
นางครอบริมฝีปากชมพูระเรื่อลงไปที่แท่งมังกรจนมิดลำ แล้วจึงขยับศีรษะขึ้นลงอย่างถี่เร่า มือเรียวงามก็ชักรูดแท่งเอ็นร้อนขึ้นลง เร่งจังหวะมือให้เร็วขึ้น จนมู่หรงเสี่ยวหมิงถึงกับร้องครวญครางออกมาด้วยความเสียวกระสัน
"ซี้ดดดด!!! โอ้วว ให้ข้ากระแทกเข้าไปในริมฝีปากของเจ้าเถิด!!!"
เขายื่นมือหนาใหญ่ไปจับใบหน้าของนางให้เงยขึ้น ประคองแก้มขาวนวลเนียนของนางเอาไว้ แล้วจึงบดเบียดแท่งเอ็นร้อนให้เข้าไปจนมิดลำ
อ๊อก อ๊อก!!!
"อื้อออ!!!"
ฉินมู่หลานดวงตาเบิกกว้างเพราะความใหญ่ยาวของเขามันทิ่มแทงเข้ามาในลำคอของนางเสียจนรู้สึกหายใจไม่ทัน นางใช้สองมือเรียวงามกอดรัดสะโพกของเขาเอาไว้ไม่ให้ร่วงหล่นลงจากเก้าอี้
มู่หรงเสี่ยวหมิงขยับสะโพกกระแทกกระทั้นแก่นกายเข้าไปในริมฝีปากอมชมพูของนางอย่างถี่เร่า มันเสียวซ่านเสียจนเขาแทบจะทนไม่ไหว
"ซี้ดดด เสียวเหลือเกิน เสียวทั้งหัวทั้งลำ โอ้ววว อีกนิดเดียวชายาของข้า!!! อ่าส์"
น้ำรักสีขาวขุ่นของเขาพุ่งล้นทะลักออกมาจากมุมปากทั้งสองฝั่งของฉินมู่หลาน มันไหลย้อยลงมาที่เนินอกของนางจนเลอะเทอะไปหมด
ฉินมู่หลานใช้มือเช็ดทำความสะอาด ก่อนจะดูดเลียนิ้วมือที่เลอะเทอะไปด้วยสายธารสวาทของมู่หรงเสี่ยวหมิงจนสะอาดหมดจด
"แสบคอหรือไม่ ความจริงข้าอยากจะยัดเข้าไปจนถึงคอหอยของเจ้าด้วยซ้ำ"
"เมื่อครู่หม่อมฉันรู้สึกว่าเกือบจะไหลลงไปที่ลำไส้แล้วเพคะ"
"เป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตข้า ข้าจะให้คนนำตั๋วเงินหนึ่งแสนตำลึงมามอบให้แก่เจ้าเป็นรางวัล"
"ขอบพระทัยเพคะ"
"คืนนี้หลังงานเลี้ยงจบลงข้าจะมาอีก"
"มาอีกหรือเพคะ!!!"
"ใช่ ข้ารู้สึกว่ามันจะขยายตัวอีกแล้ว"
ฉินมู่หลานลอบสบถในใจอย่างหัวเสีย
ให้ตายสิไม่น่าทำเลย!!! เขาติดใจปากนางเสียแล้ว
งานเลี้ยงวันเกิดของชินอ๋องมู่หรงเสี่ยวหมิง จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในตำหนัก มีแขกเหรื่อมากมายมาร่วมงาน ฮ่องเต้และฮองเฮา ทรงส่งของขวัญมาอวยพรอย่างสมเกียรติมู่หรงเสี่ยวหมิงยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี เขามองไปโดยรอบ ก่อนจะหยุดสายตาเอาไว้ที่ฉินมู่หลาน เห็นนางกำลังยกสุราขึ้นดื่ม พร้อมกับกินเนื้อย่างอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อใดกันที่เขามองนางเปลี่ยนไป เหตุใดนางจึงดูเย้ายวนมากกว่าแต่ก่อนภาพของฉินมู่หลานในความทรงจำของเขานั้น นางเป็นสตรีเรียบร้อย เขินอาย และไม่เคยกล้ายั่วยวนเขาเช่นนี้มาก่อนแต่เขากลับชอบที่นางเป็นเช่นนี้ฉินมู่หลานเงยหน้ามองมู่หรงเสี่ยวหมิงเล็กน้อย ใบหน้างามแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์ของสุรา"ท่านอ๋องเพคะ ลองเสวยเนื้อนี้ดูเถิดเพคะ รสชาติดีไม่น้อย"เสี่ยวเยี่ยนจื่อเมื่อสัมผัสได้ว่ามู่หรงเสี่ยวหมิงกำลังจ้องมองฉินมู่หลานไม่วางตา ก็หาทางดึงดูดความสนใจจากเขามู่หรงเสี่ยวหมิงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะคีบชิ้นเนื้อขึ้นมาลองชิมดู"หม่อมฉันจะเต้นรำถวายพระองค์นะเพคะ""อืม เราอยากดูเจ้าร่ายรำ ได้ยินมาว่าฝีมือการร่ายรำของเจ้าเป็นอันดับหนึ่งในเมืองหลวง""ท่านอ๋องทรงชมเกินไปแล้วเพคะ"เสี่ยวเยี่ยนจื่อยิ้มด้วยควา
ฉินมู่หลานลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ก่อนจะค่อยๆ ถอดเสื้อด้านบนออกจนหมด เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มขนาดใหญ่โตที่มียอดอกสีชมพูสวยหวานกำลังรอให้มู่หรงเสี่ยวหมิงเข้าไปเชยชมอย่างเย้ายวนเขาผลักร่างนางให้นอนลงบนเตียง ก่อนจะดึงทึ้งเสื้อผ้าของนางออกจนหมด เผยให้เห็นเรือนร่างงดงามราวกับภาพวาดที่สะกดสายตาของเขาให้หลงใหล"งามเหลือเกิน"มู่หรงเสี่ยวหมิงโน้มใบหน้าลงไปทาบทับริมฝีปากของนางอย่างดูดดื่ม เขาสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากสวย แล้วใช้ลิ้นเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของนาง ดูดดื่มความหอมหวานอย่างหยุดไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าลงมาดูดดื่มที่สองเต้าอวบอิ่มด้วยความหื่นกระหายจ๊วบ จ๊วบ"อื้อออ!!!" ฉินมู่หลานส่งเสียงหวานครางกระเส่า เมื่อถูกมู่หรงเสี่ยวหมิงครอบริมฝีปากดูดดึงขบเม้มที่ยอดจุกสีชมพูสวยหวานอย่างหยอกเย้า สองมือใหญ่ขยำบีบเคล้นคลึงช่อดอกบัวใหญ่สองเต้าจนเนื้อล้นทะลักออกมาตามซอกนิ้ว"อ๊าส์!!! หม่อมฉันเสียวเพคะ อื้อ!!!"มู่หรงเสี่ยวหมิงใช้ลิ้นสากร้อนโลมเลียลงมาที่ท้องน้อยของนาง ก่อนจะหยุดสายตามองดูเนินสวาทที่ไร้เส้นขนด้วยสายตาเป็นประกายนี่คือสิ่งที่เขาปรารถนา เขาชอบเนินสวาทที่ปราศจากเส้นไหมสีดำมาปก
มู่หรงเสี่ยวหมิงเข้าวังหลวงแต่เช้าตรู่ ฉินมู่หลานจึงออกมาให้อาหารปลาที่ริมสระอย่างเพลิดเพลิน"พี่หญิงอารมณ์ดีจังเลยนะเพคะ เมื่อคืนท่านอ๋องคงจะเอาใจใส่พี่หญิงเป็นอย่างดี"ฉินมู่หลานหันไปมองเสี่ยวเยี่ยนจื่อเล็กน้อยในใจนึกเบ้ปากอย่างดูแคลน มาแล้วพวกชอบตีสองหน้านางโยนอาหารปลาลงไปในสระ ก่อนจะยกยิ้มน้อยๆ ด้วยท่าทีเขินอาย"น้องหญิงช่างรู้ดียิ่งนัก ท่านพี่อ๋องทั้ง "เอา" ใจ ทั้ง "ใส่" พี่อย่างเต็มที่เลยละ คิกคิก"เสี่ยวเยี่ยนจื่อลอบกำมือแน่น แต่ยังคงส่งยิ้มหวานไร้เดียงสา แสร้งทำเป็นเขินอายตามฉินมู่หลาน"น้องอิจฉาพี่หญิงยิ่งนักเพคะ ท่านอ๋องเป็นบุรุษเย็นชา เวลาอยู่กับน้องก็เขินอายเพคะ แต่ก็ร้อนแรงไม่เบา"เสี่ยวเยี่ยนจื่อส่งสายตาท้าทายให้แก่ฉินมู่หลาน สาวน้อยนางนี้กำลังจะบอกนางอ้อมๆ ว่า ได้กินท่านพี่อ๋องก่อนนางเช่นนั้นหรือ?ใครเชื่อก็โง่แล้ว!!!"นี่น้องหญิงได้ร่วมหลับนอนกับท่านพี่อ๋องก่อนพี่อีกหรือ?""เอ่อ ..เพคะ?"เสี่ยวเยี่ยนจื่อมีสีหน้ากระอักกระอ่วนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เรื่องเช่นนี้ใครเขาเอามาถามกันตรงๆ แบบนี้ !!! อันที่จริงแล้ว ท่านอ๋องไม่เคยแตะต้องตัวนางเลยแม้แต่ครั้งเดียวฉินมู่หลานมองเสี
การเดินทางไปล่าสัตว์ตามราชโองการของฮ่องเต้มาถึงอย่างรวดเร็ว ฉินมู่หลานเตรียมตัวพร้อมอย่างเต็มที่ ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน นางเองก็ชอบเดินป่าชมธรรมชาติที่สวยงามอยู่เป็นประจำเสี่ยวเยี่ยนจื่อไปขอร้องให้ไทเฮาทรงใส่ชื่อของนางเข้าร่วมในการล่าสัตว์ครั้งนี้ด้วย เหตุผลเพราะนางไม่กล้าอยู่ตำหนักชินอ๋องเพียงลำพังและอยากไปปรนนิบัติดูแลสามี สร้างความไม่พอใจแก่มู่หรงเสี่ยวหมิงเป็นอย่างมาก เขาต้องการพาฉินมู่หลานมาเพียงผู้เดียว แต่เสี่ยวเยี่ยนจื่อกลับติดสอยห้อยตามมาด้วยตามรับสั่งของเสด็จแม่มู่หรงเสี่ยวหมิงล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ตอนนี้จึงมีเพียงฉินมู่หลานและเสี่ยวเยี่ยนจื่อที่นั่งรถม้ามาด้วยกัน ฉินมู่หลานไม่ต้องการให้วุ่นวายใช้รถม้ามาหลายคัน มันจะดูยิ่งใหญ่กว่าคนอื่นๆ จึงให้เสี่ยวเยี่ยนจื่อนั่งในรถม้าคันเดียวกับนางเสียฉินมู่หลานยกถ้วยนมสดที่นางชอบขึ้นมาดื่ม สายตาพลางชื่นชมมองดูทิวทัศน์รอบด้านที่มีต้นไม้ให้ความร่มรื่นอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้ใส่ใจเสี่ยวเยี่ยนจื่อที่นั่งมาด้วยกันเลยแม้แต่น้อยเสี่ยวเยี่ยนจื่อลอบเบะปากใส่ฉินมู่หลานในใจ แต่ลึกๆ แล้ว นางก็รู้สึกพึงพอใจไม่น้อย ที่จะได้มีโอกาสออกมาแย่งคว
มู่หรงเสี่ยวหมิงพาฉินมู่หลานและเสี่ยวเยี่ยนจื่อมาถวายพระพรฮ่องเต้มู่หรงเสี่ยวเฉินและฮองเฮา ฉินมู่หลานแอบชำเลืองมองฮ่องเต้มู่หรงเสี่ยวเฉิน ที่มีใบหน้าคล้ายสามีของนางราวเจ็ดแปดส่วนด้วยสายตาพิจารณาหล่อน้อยกว่าท่านพี่อ๋องของข้า"มู่หลานเจ้าหายดีแล้วหรือ อาเป็นห่วงเจ้าแทบแย่"ฉินมู่หลานเงยหน้าไปมองสตรีสวมใส่อาภรณ์ชุดสีแดงที่นั่งเคียงข้างฮ่องเต้ด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ แต่แล้วความทรงจำภายในหัวของร่างเดิมก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง'ฮองเฮา ฉินเหยาเซียว เป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่านพ่อที่รักนางมาก คอยตักเตือนนาง....'"มู่หลาน ฮองเฮาทรงตรัสถามเจ้าไม่ได้ยินหรือ?"มู่หรงเสี่ยวหมิงกระซิบที่ข้างหูของฉินมู่หลานทำให้สติของนางกลับคืนมา นางย่อกายลงเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มให้ฮองเฮาฉินเหยาเซียวที่มองนางด้วยสายตาห่วงใย"หม่อมฉันหายดีแล้วเพคะ คงเพราะเดินทางมาไกลจึงรู้สึกว่าร่างกายเชื่องช้าไป ขออภัยฮ่องเต้และฮองเฮาด้วยเพคะ""ช่างเถิด อาไม่ถือสาเจ้าหรอก""เสี่ยวหมิง เจ้าไปเดินเยี่ยมชมบรรยากาศโดยรอบกับข้าเถิด ปล่อยให้เหล่าสตรีพูดคุยกันไป""พ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่"มู่ หรงเสี่ยวหมิงหันกลับมามองฉินมู่หลานอีกครั้ง ก่อนจะเดินตา
ฉินมู่หลานมองมู่หรงเสี่ยวหมิงที่ถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองออกจนหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วค่อยๆ ก้าวเข้ามาหานางด้วยสายตาที่เร่าร้อน"ถอดเถิด ทำเรื่องสนุกกันก่อนแล้วค่อยอาบน้ำ"ฉินมู่หลานก้มลงมองแท่งเอ็นร้อนที่แข็งชูชันของเขา พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออย่างอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่น่ากินจัง!ฉินมู่หลานมองมู่หรงเสี่ยวหมิง ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นมากระดิกนิ้วเรียกเขาให้เข้าไปหาด้วยสายตาเชิญชวน"อยากเห็นตรงไหนก็เข้ามาถอดดูสิเพคะ"มู่หรงเสี่ยวหมิงรีบพุ่งตัวเข้าไปหานางอย่างไม่รอช้า เขาบรรจงถอดเสื้อผ้าของนางออกด้วยความตื่นเต้นเรือนร่างของนางยังคงงดงามเหมือนเช่นคืนนั้นคืนที่เขาตกเป็นของนางจ๊วบ จ๊วบ"อื้ออออ!"มู่หรงเสี่ยวหมิงดันร่างของฉินมู่หลานให้พิงกับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล แล้วประคองร่างบางระหงของนางเอาไว้ ริมฝีปากหนาใหญ่ โน้มลงไปดูดเลียขบเม้มที่ยอดดอกบัวงามอย่างหื่นกระหาย"อื้ออ ท่านพี่อ๋อง""ข้ามาดูที่ตรงนี้แล้วถูกใจ จึงอยากจะชวนเจ้ามาเล่นสนุกกับข้าที่นี่!!!""อื้อออ เสียวเหลือเกินเพคะ"มู่หรงเสี่ยวหมิงใช้ลิ้นม้วนเลียยอดอกสีชมพูที่แข็งเป็นไตอย่างดูดดื่ม จนฉินมู่หลานรู้สึกเสียวกระสันเป็นอย่างยิ่งเขา
รุ่งเช้าวันต่อมา ฉินมู่หลานแต่งกายด้วยชุดที่ทะมัดทะแมงเหมาะแก่การล่าสัตว์ ฮองเฮาฉินเหยาเซียวให้คนนำชุดนี้มามอบให้นางพร้อมกับคันธนูตั้งแต่เมื่อเย็นวาน นางเองก็รู้สึกพอใจไม่น้อย นานมากแล้วที่นางไม่ได้ยิงธนู ในชาติปัจจุบันที่นางจากมานั้น นางชอบยิงธนูมาก ฝึกยิงจนชำนาญ แต่ทว่าหลังจากที่นางตัดสินใจทำอาชีพเต้นยั่วๆ บดๆ นางก็ไม่เคยได้กลับไปจับมันอีกเลย"ไปกันเถอะ""เพคะ"มู่หรงเสี่ยวหมิงมองฉินมู่หลานด้วยสายตาที่ร้อนแรง ยิ่งนางสวมชุดล่าสัตว์เช่นนั้น มันรัดเรือนร่างของนางจนเห็นส่วนโค้งส่วนเว้าเห็นส่วนโค้งส่วนเว้าเช่นนั้นหรือ?มู่หรงเสี่ยวหมิงขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าฉินมู่หลานจะต้องเป็นที่จับจ้องในสายตาของชายอื่น"มู่หลาน""เพคะ""ชุดของเจ้ามันรัดเกินไปหรือไม่?"ฉินมู่หลานขมวดคิ้วแล้วจึงก้มลงมองดูร่างกายของตนเอง"ไม่เห็นจะรัดตรงไหนเลยนี่เพคะ?""ข้าไม่ชอบ เจ้าไปเปลี่ยนชุดอื่นดีหรือไม่?""จะเอาชุดที่ไหนมาเปลี่ยนกันเล่าเพคะ นี่เป็นชุดที่ฮองเฮาทรงประทานมาให้นะเพคะ""มันรัดเรือนร่างเจ้าเกินไป""แหมๆๆ ท่านพี่อ๋อง หึงหวงหม่อมฉันหรือเพคะ?""ใช่ ข้าหึงหวงเจ้ามาก ข้าไม่อยากให้
เสี่ยวเยี่ยนจื่อยืนมองดูหมอหลวงที่กำลังวิ่งวุ่นวายเข้าออกกระโจมของฉินมู่หลานด้วยสายตาเย้ยหยัน ได้ยินมาว่าลูกธนูอาบยาพิษเสียด้วย ขอให้ตกตายไปเสีย นางจะได้เป็นชายาเอกเพียงคนเดียวของชินอ๋องมู่หรงเสี่ยวหมิงรีบเดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้ากระโจมด้วยหัวใจที่ร้อนรนราวกับไฟ นางใช้ตนเองเป็นโล่กำบังภัยให้แก่เขาช่างน่าละอายยิ่งนัก เขาเป็นสามีของนางแท้ๆ กลับปกป้องนางไม่ได้!!!"ท่านอ๋องเพคะ พี่หญิงจะต้องปลอดภัยเพคะ"เสี่ยวเยี่ยนจื่อเดินเข้าไปลูบที่แขนของมู่หรงเสี่ยวหมิงเบาๆ แต่เขากลับไม่รับรู้ถึงสัมผัสจากมือนั้นของเสี่ยวเยี่ยนจื่อเลยแม้แต่น้อย จิตใจของเขาว้าวุ่นไปหมด เป็นห่วงฉินมู่หลานเหลือเกินไม่นานนักหมอหลวงก็เดินออกมา มู่หรงเสี่ยวหมิงรีบเดินเข้าไปถามอาการของฉินมู่หลานอย่างไม่รอช้า"ท่านหมอหลวง พระชายาของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?""ทรงปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ต้องพักผ่อนให้มากๆ พระวรกายจะได้แข็งแรงโดยไว โชคดีที่พิษไม่ร้ายแรงเท่าใดนักพ่ะย่ะค่ะ"มู่หรงเสี่ยวหมิงพยักหน้าและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขารีบเดินเข้าไปดูฉินมู่หลานทันทีสตรีตรงหน้ากำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงไม้ ใบหน้าซีดเซียวราวกระดาษสร้างความปวด
เขาอุ้มร่างบางของฮองเฮาผู้เป็นที่รักเข้ามาในตำหนัก ก่อนจะวางนางลงบนโต๊ะเสวยอาหาร สองแขนใหญ่สอดเข้าไปที่ใต้เรียวขางามของนาง กอดรัดเอวบางเอาไว้ ฉินมู่หลานจึงใช้สองมือจับขอบโต๊ะเอาไว้ เพื่อรอรับความหรรษาที่เขาจะมอบให้แก่นางมู่หรงเสี่ยวหมิงกระแทกกระทั้นลำแท่งใหญ่ยักษ์เข้ามาในร่องรูของนางจนเกิดเสียงดังตับตับตับ โต๊ะไม้สั่นสะเทือนตามแรงบดเบียดเสียดสีของคนทั้งสอง ฉินมู่หลานใบหน้าบิดเบี้ยว ส่งเสียงหวานครวญครางไม่เป็นภาษา มู่หรงเสี่ยวหมิงโน้มใบหน้าลงไปจูบนางอย่างหนักหน่วง ลิ้นร้อนสอดแทรกบดเบียดเกี่ยวกระหวัดพัวพันกับลิ้นชื้นของนางอย่างเสน่หา ไฟแห่งความปรารถนาของคนทั้งคู่กำลังลุกโชนสว่างเจิดจ้า ไร้วี่แววที่จะมอดดับลง มีแต่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ"อ๊าส์!!! มันแน่นไปหมดเพคะ อื้ออออ!!! หม่อมฉันจุกเหลือเกินเพคะ!!!""ซี้ดดดด สุดยอดมาก ข้าเสียวเหลือเกิน โอ้วว!!!"เขาช้อนร่างของนางขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วจึงพานางลงไปนอนหงายบนเตียง อ้าขานางออกจนกว้าง ก่อนจะบดเบียดแท่งเอ็นร้อนเข้ามาในซอกหลืบดอกไม้งามจนมิดลำ เขาขยับแท่งแก่นกายกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเร็วแรง จนกลีบกุหลาบบวมแดงไปหมดตับตับตับเขาโน้มใบหน้าลงไ
ฉินมู่หลานดีดนิ้วมือจนเกิดเสียงดังเปาะ เหล่านางกำนัลต่างรีบนำผ้าขาวมาล้อมรอบบริเวณระเบียงด้านนอกจนมิดชิด และนำฟูกนอนมาวางเอาไว้ก่อนจะออกไปรอที่ด้านนอกตำหนักจนหมด ตอนนี้จึงมีเพียงแสงจันทร์ที่ทอแสงลงมานางค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกายจนสิ้น แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหามู่หรงเสี่ยวหมิง ดึงทึ้งเสื้อผ้าของเขาออกเช่นกัน และลูบไล้ฝ่ามือลงไปบนแผงอกล่ำสันของเขาด้วยความหลงใหล สายตาของนางมองต่ำลงไปที่ลำแท่งมังกรขนาดใหญ่ที่แข็งชูชันรอคอยให้นางเล่นสนุกกับมันนางย่อตัวลงไปนั่งที่พื้น ก่อนจะใช้มือขาวเรียวงามจับแท่งเอ็นร้อนของเขารูดชักขึ้นลง ลิ้นอุ่นร้อนม้วนเลียที่ปลายหัวสีชมพูจนฉ่ำแฉะ แล้วจึงครอบริมฝีปากลงไปกลืนกินลำแท่งแก่นกายที่ใหญ่ยาวจนมิดลำ พร้อมกับขยับศีรษะขึ้นลงอย่างเร็วแรงและถี่เร่า"ซี้ดดดด!!! อ่าส์!!!"เขากดศีรษะของนางเอาไว้ แล้วกระแทกลำแท่งเอ็นร้อนเข้าออกในโพรงปากสวยของนางอย่างเอาแต่ใจอ๊อก อ๊อก"โอ้ววว มู่หลาน ซี้ดดด!!! จะแตกแล้ว!!!"ฉินมู่หลานเร่งขยับศีรษะให้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น ไม่นานนักน้ำรักสีขาวขุ่นก็พุ่งล้นทะลักผ่านเข้ามาในลำคอของนาง ฉินมู่หลานเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยกลัวว่าน้ำรักของสามีอันเ
รัชศกเสี่ยวหมิงปีที่ 1ฮ่องเต้มู่หรงเสี่ยวหมิง ทรงขึ้นครองราชย์ราชสมบัติ และสถาปนาพระชายาเอกนามว่าฉินมู่หลานขึ้นเป็นฮองเฮา เขาไม่รับพระสนมใดใดเพิ่มอีกเลยแม้แต่คนเดียวฉินมู่หลานกำลังยืนรับลมอยู่ที่ตำหนักเฟิ่งหวง นางสวมชุดฮองเฮาสีแดงสด ปักลายมังกรเหยียบเมฆาม้าสวรรค์ หงส์คู่มังกร สวมทับด้วยแถบเซียะเพ่ยสีแดงปักลายหงส์ฟ้าสิบสองตัว บริเวณแขนเสื้อทำเป็นทรงกว้างปักลายมังกรทอง มงกุฎหงส์บนศีรษะประดับด้วยหงส์พิลาสสามตัว บริเวณท้ายมงกุฎ ด้านบนคือหงส์พิลาสข้างละหนึ่งตัว ห้อยระย้าแปดพฤกษ์ ที่เป็นลูกปัดร้อยทรงสี่เหลี่ยมสลับกับตารางเรียงครบแปดชั้นวันนี้อากาศค่อนข้างดีไม่น้อย นางจึงออกมาเดินเล่นเสียหน่อย"เจ้าท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว ไม่ควรออกมาเดินรับลมเช่นนี้"ฉินมู่หลานหันไปมองมู่หรงเสี่ยวหมิงที่สวมชุดมังกรทองเดินเข้ามาหานาง และประคองโอบไหล่นางให้เดินกลับเข้าไปในตำหนักด้วยกัน"อากาศอบอ้าวเพคะ อยากออกมารับลมเสียหน่อยเพคะท่านพี่ฝ่าบาท""เจ้าใกล้คลอดแล้ว เกิดไม่ระวังขึ้นมาจะเป็นอันตรายได้""รู้แล้วเพคะ เลิกบ่นเสียที โอ๊ะ!ท่านพี่ฝ่าบาท""มู่หลาน!!! เจ้าเป็นอะไร?""น้ำคร่ำแตกเพคะ น้ำคร่ำแตก!!!"ฉินมู่หลานช
ฉินเหยาเซียวง้างคันธนูขึ้นมาเตรียมจะยิงมันเข้ามาที่ฉินมู่หลานและมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยสายตาโกรธเกลียด นางเกลียดมันทั้งสอง คนที่ควรอยู่ในอ้อมกอดของมู่หรงเสี่ยวหมิงควรจะต้องเป็นนางเพียงเท่านั้น!!!นักฆ่าของนางถูกทหารของฝ่าบาทฆ่าตายจนหมดสิ้นแล้วนางไม่ยอม!!! มันจะต้องไม่จบลงเช่นนี้ ไม่มีทาง!!!ฉึก!!!มู่หรงเสี่ยวหมิงกอดฉินมู่หลานเอาไว้แน่น หากจะต้องตายเขาก็พร้อมที่จะยอมตายไปพร้อมกับนางทั้งสองค่อยๆ ลืมตาขึ้นไปมอง ลูกธนูที่พุ่งตรงมาเมื่อครู่ไม่ได้ปักลงมาที่เขาทั้งสอง แต่ทว่ามันกลับพุ่งแทงทะลุหน้าอกของฉินเหยาเซียว นางกระอักเลือดออกคำโต สายตาจ้องมองมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยสายตาเว้าวอน ก่อนจะล้มลงกับพื้น นางสิ้นใจตายทั้งที่ดวงตายังเบิกโพลงจ้องมองมาที่ฉินมู่หลานและมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยความเกลียดชัง"เสี่ยวหมิง""เสด็จพี่ โอ๊ย!!!"มู่หรงเสี่ยวเฉินเป็นคนฆ่าฉินเหยาเซียวด้วยมือของเขาเอง เขามองนางที่ล้มลงตายอยู่บนพื้นด้วยสายตาที่เจ็บปวด"ท่านพี่อ๋องท่านบาดเจ็บ ให้ข้าพยุงท่านเถิดเพคะ"ฉินมู่หลานค่อยๆ ประคองร่างของมู่หรงเสี่ยวหมิงให้ค่อยๆ เดินไปพร้อมกับนาง"โอ๊ย!!!""มู่หลาน!!! มู่หลานเจ้า เลือด!!!"ฉินมู่
ฉินมู่หลานหันไปมองเสี่ยวเยี่ยนจื่อด้วยสายตาที่สงสัยไม่น้อย ตอนนี้องครักษ์เงาของตำหนักชินอ๋องกำลังล้อมนางกับเสี่ยวเยี่ยนจื่อเอาไว้ตรงกลาง คอยคุ้มกันความปลอดภัยให้แก่พวกนางทั้งสอง"เจ้ามาได้เช่นไร?""หลิงหลิงนางกำนัลของเจ้าไปแจ้งข้าที่จวนว่าเจ้าหายตัวไปกลางดึก ปกติเจ้าจะลุกขึ้นมาเรียกนางให้เข้าไปปรนนิบัติทุกคืน แต่เมื่อคืนเจ้ากลับเงียบหายพอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเจ้าหายตัวไป นางจึงรีบมาหาข้าที่จวน""แล้วองครักษ์เงาเล่าเจ้าไปพาพวกเขามาได้เช่นไร?""องครักษ์เงาแท้จริงแล้วเป็นทหารฝีมือดีที่ไทเฮาทรงบ่มเพาะเอาไว้ กลุ่มหนึ่งตามท่านพี่ไป อีกกลุ่มคอยอารักขาตำหนักชินอ๋องเอาไว้ ไทเฮาทรงมอบพวกเขาให้กับท่านพี่มู่หรงเสี่ยวหมิง หลิงหลิงบอกว่าเห็นหย่งเยี่ยมีท่าทีลับๆ ล่อๆ จึงแอบตามนางมา ตอนที่ข้าไปถึงองครักษ์กำลังฟื้นคืนสติ พวกเขาถูกวางยานอนหลับ""นางเป็นนักฆ่าที่ฮองเฮาเลี้ยงดูเอาไว้ ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน""โหดเหี้ยมจริงๆ แล้วยังคิดไม่ซื่อต่อข้ากับไทเฮาอีกด้วย""นางกำลังส่งคนไปฆ่าท่านพี่อ๋อง""จริงหรือ เรารีบหนีกันก่อนเถิด!!!""คิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือนังสารเลว!!!"ฉินเหยาเซียวง้างคันธนูเตรียมยิงเข้ามาที่
"เหตุใดพระองค์ถึง...."ฉินเหยาเซียวปรายตามองฉินมู่หลานด้วยสายตาเย็นชา ในแววตานั้นไม่มีแม้แต่ความเอ็นดูรักใคร่หลงเหลือต่อนางเช่นแต่ก่อนอยู่เลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าฉินมู่หลานไม่ใช่หลานสาวร่วมสายเลือดเดียวกันกับนาง"แปลกใจมากเลยหรือ ที่เป็นข้า?"ฉินมู่หลานไม่ตอบสิ่งใด นางค่อยๆ พยุงร่างตนเองให้ลุกขึ้น แต่ทว่าเพราะฤทธิ์ของยาสลบจึงทำให้นางรู้สึกเวียนหัวและดวงตาพร่ามัวคล้ายจะเป็นลม"เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจะลงมือเร็วเช่นนี้ หากเจ้าไม่ได้ตั้งครรภ์ขึ้นมาเสียก่อน""หมายความว่าอย่างไร? หม่อมฉันไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเกลียดกันเพคะ หม่อมฉันเป็นหลานสาวแท้ๆ ของพระองค์นะเพคะ""หลานสาวหรือ ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าช่างเพ้อฝันไม่เคยเปลี่ยน"ฉินมู่หลานขมวดคิ้วมุ่นมองฉินเหยาเซียวด้วยความสงสัยแรงจูงใจในการลักพาตัวนางมาคือสิ่งใดกันแน่?ฉินเหยาเซียวทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ"ข้าอุตส่าห์วางยาพิษเจ้าทีละนิดมานานแรมปี จนร่างกายของเจ้าอ่อนแอลงทุกวัน ข้าคิดว่าเจ้าจะตกตายไปตั้งแต่วันนั้น แต่เจ้ากลับดวงแข็งฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง ข้าจึงลงมือเป็นครั้งที่สองพยายามเป่าหูเจ้าเรื่องไทเฮ
เวลาล่วงเลยผ่านมาจวบจนถึงวันที่มู่หรงเสี่ยวหมิงต้องเดินทางไปหมู่บ้านที่เกิดภัยแล้งแล้ว ฉินมู่หลานกับหย่งเยี่ยมาส่งเขาที่หน้าตำหนักด้วยแววตาที่ห่วงหาอาทร "ดูแลตนเองให้ดี รอข้ากลับมา""เพคะ"มู่หรงเสี่ยวหมิงหันไปมองหย่งเยี่ยด้วยแววตาเรียบเฉย เห็นเพียงนางร่างกายโงนเงนคล้ายจะล้มได้ตลอดเวลา นางกำนัลข้างกายต้องคอยประคองเอาไว้ ได้ยินมาว่าร่างกายของนางไม่ค่อยจะแข็งแรงมาตั้งแต่เด็กมู่หรงเสี่ยวหมิงขึ้นนั่งบนหลังม้า เขาหันมามองนางอีกครั้งก่อนที่ร่างของเขาจะลับหายไปจากสายตาของนาง"กลับเข้าเรือนเถิด ใบหน้าเจ้าซีดเซียวเช่นนี้ ให้ข้าไปตามหมอหลวงมาดูเจ้าเสียหน่อยดีหรือไม่?""ขอบพระทัยพี่หญิงเพคะ อาการเช่นนี้น้องเป็นมาตั้งแต่จำความได้ ไม่ต้องตามหมอหลวงมาให้เสียเวลาหรอกเพคะ"ฉินมู่หลานขมวดคิ้ว มองหย่งเยี่ยอย่างพิจารณาเล็กน้อยค่ำคืนที่ไร้มู่หรงเสี่ยวหมิงคอยเคียงข้างกายนาง มันช่างเงียบเหงาและเหน็บหนาวเกินทน ฉินมู่หลานออกมายืนรับลมที่ระเบียง สายตาเหม่อมองไปบนท้องฟ้า เฝ้าคิดถึงคนไกล ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะถึงที่หมายแล้วหรือยัง จะลำบากเพียงใดยามเมื่ออยู่ไกลจากนาง"พระชายาเอกเพคะ ไหวหรือไม่เพคะ?""เอาออกไปข
เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบสองเดือน ภายในตำหนักชินอ๋องยังคงเงียบสงบเช่นเคย หย่งเยี่ยยังคงอยู่ในเรือนของนาง น้อยครั้งนักที่นางจะออกมานอกเรือนนอนและที่ฉินมู่หลานรู้สึกแปลกใจก็คือ ตั้งแต่หย่งเยี่ยเข้ามาในตำหนักชินอ๋อง นางไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่สนใจว่ามู่หรงเสี่ยวหมิงจะใส่ใจไยดีต่อนางหรือไม่ช่างผิดวิสัยของการเป็นชายายิ่งนัก?ฉินมู่หลานมองดูมู่หรงเสี่ยวหมิงที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมสัมภาระเพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านที่อยู่ติดชายแดนทุรกันดาร ปีนี้ภัยแล้งค่อนข้างรุนแรงไม่น้อย ผู้คนอดอยากล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ฮ่องเต้มู่หรงเสี่ยวเฉินจึงสั่งให้มู่หรงเสี่ยวหมิง เดินทางไปแก้ปัญหาภัยแล้งในครั้งนี้ และถือโอกาสสำรวจความเป็นอยู่ของราษฎรด้วยตนเองว่าลำบากยากแค้นเพียงใด และพอจะมีทางแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยวิธีใดบ้าง"ไปนานหรือไม่เพคะ?""รวมเวลาเดินทางไปกลับก็คงจะร่วมสองเดือน เจ้าเองจงระวังเหตุการณ์รอบด้านเอาไว้ให้ดี หากเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นจนเจ้ารับมือไม่ไหว ให้ส่งคนไปแจ้งต่อข้า และถ้ามีคนคิดไม่ซื่อหากจำเป็นต้องฆ่าก็ให้เจ้าฆ่าทิ้งเสีย""เพคะ""ข้าไม่อยากไปเลย แต่มันเป็นเรื่องปากท้องและความเป็
ฉินมู่หลานตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวันด้วยอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว นางหันไปมองข้างกายก็พบว่ามู่หรงเสี่ยวหมิงไม่ได้นอนอยู่ข้างกายนางแล้ว คงจะไปวังหลวงแต่เช้าแล้วสินะฉินมู่หลานลุกขึ้นมาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์แล้วจึงมานั่งรับสำรับเช้า สายตาของนางมองออกไปที่ด้านนอก ก็พบว่าเหล่านางกำนัลกำลังวุ่นวายขนของบางอย่างอยู่ที่ด้านนอก"หลิงหลิง""เพคะ""นางกำนัลเหล่านั้นกำลังขนสิ่งใดกันอยู่?""ของใช้ต่างๆ ของอดีตพระชายารองเพคะ""อดีตพระชายารอง?""ขออภัยเพคะ บ่าวเห็นพระชายาเอกทรงบรรทมอยู่จึงไม่กล้าปลุก ท่านอ๋องทรงให้แจ้งต่อพระชายาเอกว่า พระชายารองเสี่ยวเยี่ยนจื่อได้เขียนหนังสือหย่ามอบให้แก่ท่านอ๋อง ไทเฮาทรงพิโรธเป็นอย่างมาก จึงถูกเรียกตัวเข้าวังหลวงทันทีเพคะ""ไปทั้งสองคนเลยหรือ?""เพคะ"ฉินมู่หลานขมวดคิ้วมุ่น เสี่ยวเยี่ยนจื่อรักมู่หรงเสี่ยวหมิงขนาดนั้น เหตุใดนางจึงยอมถอดใจง่ายดายเช่นนี้กันเล่าวังหลวง"พวกเจ้าทั้งสองคนเห็นข้าเป็นตัวตลกหรือไร? นึกจะหย่ากันก็เขียนหนังสือหย่าขึ้นมาเสียดื้อๆ โดยไม่ปรึกษาข้าก่อนเลยเช่นนี้มันใช้ได้หรือ?"ไทเฮาเขวี้ยงหนังสือหย่าลงมาบนพื้น เสี่ยวเยี่ยนจื่อทำได้เพียงยืนตัวสั่นเ