รถม้าเคลื่อนมาจอดที่หน้าตำหนักจวนอ๋องแล้ว มู่หรงเสี่ยวหมิงรีบจัดการเสื้อผ้าของตนเองให้เข้าที่ ก่อนจะปรายตามองฉินมู่หลานด้วยสายตาโกรธเคือง
"เจ้าเห็นหรือไม่ว่ามันเลอะ!!!"
"หม่อมฉันก็บอกแล้วว่าจะดูดออกให้ พระองค์ก็เล่นตัวนี่เพคะ"
"มู่หลาน ฝากไว้ก่อนเถอะ!!! ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าลวนลามข้าได้เป็นครั้งที่สอง"
"เพคะ"
"พระชายาเอก!!! ฮือ พระชายาเอก!"
ฉินมู่หลานหันไปมองสาวใช้นางหนึ่งที่วิ่งเข้ามากอดนางเอาไว้ พร้อมกับร้องไห้ปานจะขาดใจ
"เจ้าเป็นใครกัน?"
"หม่อมฉันหลิงหลิง สาวใช้คนสนิทของพระชายาอย่างไรเล่าเพคะ"
"อ้ออออ"
ไม่รู้จักหรอก อ้อ ไปก่อน!!!
"พาพระชายาเอกไปพักในเรือน อีกครู่หมอหลวงจะเข้าไปตรวจดูอาการ"
"เพคะท่านอ๋อง"
หลิงหลิงพยุงฉินมู่หลานเข้าไปในเรือนอย่างระมัดระวัง พระชายาเอกของนางเจ็บป่วยมาตั้งแต่ยังเด็ก ร่างกายจึงค่อนข้างบอบบางไม่น้อย
"พี่หญิง ฟื้นแล้วหรือเพคะ ข้าเป็นห่วงพี่หญิงแทบแย่"
ฉินมู่หลานหันไปมองสตรีน้อยนางหนึ่ง ที่วิ่งเข้ามาจับมือของนางเอาไว้ด้วยสายตาห่วงใย
"ถวายพระพรพระชายารองเพคะ"
พระชายารองหรือ?
ฉินมู่หลานหันไปมองมู่หรงเสี่ยวหมิง ก่อนจะลอบเบ้ปากน้อยๆ
เมียเยอะซะด้วย ร้ายกาจไม่เบา!!!
เสี่ยวเยี่ยนจื่อส่งยิ้มอ่อนหวานให้ฉินมู่หลานด้วยสายตาที่ไร้เดียงสา แต่ฉินมู่หลานกลับมองนางกลับด้วยสายตาที่เรียบเฉย
"ถ้าเสแสร้งแล้วมันเหนื่อย เจ้าก็เป็นตัวของตัวเองเถิดนะ"
เสี่ยวเยี่ยนจื่อยืนอ้าปากค้างอยู่กับที่ ในขณะที่ฉินมู่หลานพยักหน้าให้หลิงหลิงพานางกลับเรือน
นางสัมผัสได้ถึงความไม่จริงใจของสตรีน้อยนางนั้นได้อย่างชัดเจน รอยยิ้มที่งดงาม แววตาดูเหมือนไร้เดียงสา แต่หากสังเกตดูดีดีจะพบกับความอิจฉาริษยาอยู่ในนั้น
เหมือนกับพี่สาวของนาง ที่ใช้ปืนยิงนางจนถึงแก่ชีวิต โดยไม่คิดถึงความเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันมาเลยแม้แต่น้อย
ไม่นานนักก็มีท่านหมอมาตรวจดูอาการของนางอย่างละเอียด ร่างนี้อ่อนแอไม่น้อย นางต้องทนดื่มยาต้มขมนี้ลงคออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ท่านแม่ทัพฉินบิดาของฉินมู่หลานส่งของบำรุงมากมายมาที่ตำหนักชินอ๋องจนนางเองกินใช้ไม่หมด จึงได้ให้หลิงหลิงนำไปแบ่งเอาไว้ที่เรือนท่านอ๋อง ให้นางกำนัลต้มให้เขาดื่มเพื่อบำรุงร่างกายด้วย
เสี่ยวเยี่ยนจื่อกลับไปที่เรือนด้วยความขุ่นเคืองไม่น้อย แต่ก่อนฉินมู่หลานรักเอ็นดูนางเหมือนน้องสาวมาตลอด แต่ทว่าวันนี้สายตาที่มองนางกลับดูห่างเหินและเย็นชา หรือว่าฉินมู่หลานจะไปล่วงรู้สิ่งใดมา
"เยี่ยนจื่อ"
"ท่านอ๋อง"
เมื่อพบว่าเป็นมู่หรงเสี่ยวหมิงที่มาหานางถึงเรือน ใบหน้างอง้ำเมื่อครู่ก็กลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง
"วันนี้ข้าจะมาค้างกับเจ้า ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกเจ้าก่อน"
"ไม่เลยเพคะท่านอ๋อง เชิญท่านอ๋องนั่งพักให้หายเหนื่อยสักครู่เถิดเพคะ"
เสี่ยวเยี่ยนจื่อเทชาร้อนอย่างดีใส่ถ้วยส่งให้แก่มู่หรงเสี่ยวหมิง ก่อนจะคอยดูแลปรนนิบัติเรื่องสำรับยามเย็นให้แก่เขา
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ท่านอ๋องกับนางจะได้ร่วมหลับนอนด้วยกัน
มู่หรงเสี่ยวหมิงเองก็พยักหน้าให้นางอย่างอ่อนโยน อย่างไรเสียนางก็เป็นถึงหลานสาวฝั่งมารดาของไทเฮาผู้เป็นเสด็จแม่ของเขา
เสี่ยวเยี่ยนจื่อมีศักดิ์เป็นญาติผู้น้องของเขา นางเป็นบุตรสาวของฮูหยินเอกตระกูลเสี่ยว มารดาของนางเป็นน้องสาวของเสด็จแม่ของเขา
หลังจากรับสำรับเย็นเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเยี่ยนจื่อก็ปรนนิบัติมู่หรงเสี่ยวหมิงให้อาบน้ำ ก่อนที่นางจะมานั่งรอเขาบนเตียงนอน
มู่หรงเสี่ยวหมิงมองเสี่ยวเยี่ยนจื่อที่สวมชุดนอนปกปิดถึงลำคอพลางมองเขาด้วยสายตาเขินอาย
เขาทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างกายของนาง เสี่ยวเยี่ยนจื่อก้มหน้างุด ใบหน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสบตากับมู่หรงเสี่ยวหมิง
เขาค่อยๆ ยื่นมือไปเพื่อจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออก แต่ทว่าเสี่ยวเยี่ยนจื่อกลับบิดกายหลบหนีจากเขา
"ท่านอ๋อง เยี่ยนจื่ออายเพคะ "
อายอีกแล้ว!!!
"เช่นนั้นเจ้าก็นอนอายไปเถิด ข้าจะไปอ่านตำราต่อ"
มู่หรงเสี่ยวหมิงสะบัดชายเสื้อเดินออกมาจากเรือนนอนของเสี่ยวเยี่ยนจื่อด้วยความหงุดหงิดใจ
ระหว่างทางสายตาของเขาก็พบเข้ากับฉินมู่หลานกำลังยืนรับลมอยู่ริมระเบียงทางเดินที่เรือนนอนของนาง
เมื่อสังเกตดีดีเขาก็พบว่า วันนี้นางสวมชุดนอนบางเบา เผยให้เห็นเนินอกที่ใหญ่ล้นทะลักออกมา
นางนมใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ? เหตุใดเขาจึงไม่เคยเห็นมาก่อน
ฉินมู่หลานรับรู้ได้ว่าถูกมู่หรงเสี่ยวหมิงจับจ้องอยู่ นางจึงค่อยๆ ยกชายกระโปรงของตนเองให้สูงขึ้นเผยให้เห็นเรียวขาขาวนวลเนียนของนาง มู่หรงเสี่ยวหมิงราวกับถูกดึงดูดสายตาโดยไม่รู้ตัว เขาจ้องมองนางอย่างไม่อาจละสายตาได้เลยแม้แต่น้อย
"อื้อออ วันนี้ยังไม่ได้บริหารนมเลย ไม่ได้เสียแล้ว เดี๋ยวหย่อนยานไปจะเสียของเปล่าๆ!!!"
ฉินมู่หลานค่อยๆ ใช้มือเรียวงามบีบเคล้นคลึงยอดอกงามของตนเอง จนเนินอกของนางแทบจะล้นทะลักออกมานอกชุดนอนที่บางเบาตัวนั้น เรียวขางามค่อยๆ ยกขึ้นเหยียบบนเก้าอี้ ก่อนจะเด้งเอวขึ้นลงเป็นจังหวะ
มู่หรงเสี่ยวหมิงขมวดคิ้วมุ่น
นางกำลังทำสิ่งใดกัน?
แต่จะว่าไปก็น่าดูไม่น้อย!
"อุ๊ย!!! ท่านพี่อ๋อง"
ฉินมู่หลานแกล้งทำเป็นตกใจเมื่อได้พบกับมู่หรงเสี่ยวหมิง เขาค่อยๆ เดินมาหานางก่อนจะจ้องมองนางด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้
"เจ้าทำสิ่งใดอยู่ เหตุใดจึงต้องแอ่นเอวขึ้นลง แล้วจับเอ่อ... จับ"
"อ้อ หม่อมฉันบริหารทรวงอกน่ะเพคะ"
"หืม?"
"หม่อมฉันกลัวมันหย่อนยานน่ะเพคะ จึงต้องดูแลเสียหน่อย อื้อออ อ่าส์!!!"
ฉินมู่หลานขยับเด้งเอวงามให้ขึ้นลงอย่างถี่เร่าพร้อมกับส่งเสียงหวานครางกระเส่า มู่หรงเสี่ยวหมิงมองตามเอวงอนงามของนางที่เด้งขึ้นเด้งลงอย่างไม่ละสายตา
เหมือนสตรีในภาพวาดเหล่านั้นเลย หากเขาควักแท่งมังกรออกมารูดชักแล้วปล่อยพิษของมันราดรดบนตัวนางคงจะดีไม่น้อย
ความคิดช่างอุบาทว์สิ้นดี!!!
"ดึกดื่นป่านนี้ไม่รู้จักหลับจักนอน ออกมาส่ายเอวเด้งขึ้นเด้งลง เจ้านี่ช่างหน้าไม่อายมากขึ้นทุกวัน"
"ท่านพี่อ๋องระวังเพคะ!!!"
"มู่หลาน!!! โอ๊ะ อื้อหือ!!!"
ฉินมู่หลานมองไปเห็นเสี่ยวเยี่ยนจื่อกำลังวิ่งมาทางที่นางกับมู่หรงเสี่ยวหมิงยืนอยู่ จึงยื่นมือไปดึงร่างของเขาเข้ามาหาตัวนาง แล้วกดศีรษะของเขาเข้ามาแนบกับเนินอกงามของนาง ใบหน้าของมู่หรงเสี่ยวหมิงซุกลงไปในร่องอกของนางจนเขาแทบหายใจไม่ออก เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของนางลอยมาเตะจมูก ช่างสร้างความตื่นเต้นแก่เขาไม่น้อย
"ท่านอ๋องเพคะ!!!"
"โอ๊ะ น้องหญิง ขออภัยเจ้าด้วย พอดีว่าท่านอ๋องกำลังเสวยนมอยู่"
เสี่ยวเยี่ยนจื่อ เมื่อได้เห็นว่ามู่หรงเสี่ยวหมิงและฉินมู่หลานกำลังกอดรัดนัวเนียกันอยู่อย่างแนบชิด อารมณ์โทสะภายในใจก็ยิ่งพลุ่งพล่าน นางลอบกำมือแน่นแต่ยังคงแสร้งตีหน้าไร้เดียงสาและเขินอาย"ขออภัยพี่หญิงเพคะ น้องไม่ทราบว่าท่านอ๋องจะทรงมาหาพี่หญิงที่นี่"ฉินมู่หลานยิ้มตาหยี ก่อนจะปล่อยศีรษะของมู่หรงเสี่ยวหมิงให้ออกมาจากร่องอกอวบอิ่มของนาง เขามองนางตาขวาง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ให้เต็มปอดเกือบตายคาอกแล้วมั้ยล่ะตัวข้า!!!"โอ๊ะ ท่านพี่อ๋องเสด็จไปที่เรือนน้องเยี่ยนจื่อมาหรือ พี่ไม่รู้ พี่ก็ยืนรับลมอยู่ที่ริมระเบียง จู่ๆ ท่านพี่อ๋องก็วิ่งเข้ามาเสวยนมพี่"ฉินมู่หลานเอ่ยคำโกหกได้อย่างหน้าตาย มู่หรงเสี่ยวหมิงหันไปมองฉินมู่หลานก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเจ้าต่างหากที่กดหน้าข้าลงไปในร่องนมของเจ้า!!!เสี่ยวเยี่ยนจื่อเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะมองมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยสายตาไร้เดียงสา"ท่านอ๋อง จู่ๆ ท่านก็ออกจากเรือนหม่อมฉันไป หม่อมฉัน""เจ้ากลับไปพักเถอะ คืนนี้ข้าจะค้างที่เรือนฉินมู่หลาน""เพคะ"เสี่ยวเยี่ยนจื่อทำได้เพียงตอบรับอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนัก ฉินมู่หลานหันไปมองมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ มู่หรงเ
ฉินมู่หลานรีบเบี่ยงตัวหลบจากสายธารสวาทของมู่หรงเสี่ยวหมิง ที่พุ่งทะยานออกมาจากลำแท่งสวรรค์ด้วยความตื่นตระหนก นางรีบวิ่งไปที่ด้านนอกแล้วหันมองซ้ายขวา ก่อนจะปิดประตูเอาไว้โดยไม่ได้ลงกลอนมู่หรงเสี่ยวหมิง ยืนมองฉินมู่หลานด้วยสายตาที่ตกตะลึง ร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งค้าง มือหนึ่งกอบกุมลำแท่งเอ็นร้อนเอาไว้ จ้องมองนางด้วยสายตาที่ตื่นตระหนกฉินมู่หลานมองแท่งมังกรของเขา ก่อนจะยกมือป้องปากหัวเราะคิกคัก มู่หรงเสี่ยวหมิงรีบหยิบเสื้อคลุม มาคลุมร่างกายเอาไว้อย่างลวกๆ"ไม่ต้องปิดหรอกเพคะ หม่อมฉันเห็นหมดแล้ว อันเท่านี่!!!"ฉินมู่หลานยกแขนเรียวงามข้างหนึ่งของนางขึ้นมา เพื่อจะเปรียบเทียบว่าลำไผ่ของมู่หรงเสี่ยวหมิงใหญ่เท่าท่อนแขนข้างหนึ่งของนาง"เจ้าเข้ามาได้อย่างไร?""เดินเข้ามาเพคะ ""เหตุใดจึงไม่บอกข้าก่อน!!!""บอกก่อนจะได้เห็นฉากเด็ดหรือเพคะ โอ้วว ซี้ดดด พุ่ง ปิ้วๆๆๆ"ฉินมู่หลานเลียนแบบท่าทางของมู่หรงเสี่ยวหมิงอย่างสนุกสนานจนเขาใบหน้าแดงซ่านไปหมดแล้ว ก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าไปหยิบหนังสือบนโต๊ะตำราของเขาขึ้นมาเปิดอ่านภาพวาดแดนสวรรค์ภาพเปลือยสตรีชัดๆ!!! อ้าขากว้างเช่นนี้ เห็นไปถึงร่องหลืบข้างในฉินมู่หลานเ
หลายวันต่อมา ฉินมู่หลานตื่นขึ้นมาแต่เช้า เพื่อมาสูดอากาศที่สดชื่นในยามเช้า สายตาของนางทอดมองออกไป ก่อนจะพบกับเสี่ยวเยี่ยนจื่อ ที่กำลังวิ่งวุ่นไปมาภายในตำหนัก"หลิงหลิง""เพคะพระชายา""เหตุใดเสี่ยวเยี่ยนจื่อจึงวิ่งวุ่นเช่นนั้น?""พระชายาจำไม่ได้หรือเพคะ?""จำอะไร?"ฉินมู่หลานหันกลับไปมองหลิงหลิงก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น"วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านอ๋องเพคะ""จริงรึ?""เพคะ"ฉินมู่หลานพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะด้านใน มือเรียวงามยื่นไปจับถ้วยนมสดอุ่นร้อนขึ้นมาดื่มดับกระหาย"พระชายาทรงเตรียมของขวัญให้ท่านอ๋องหรือยังเพคะ""ต้องเตรียมด้วยหรือ?""ต้องเตรียมสิเพคะ อย่าให้พระชายารองได้หน้าคนเดียวนะเพคะ""ช่างนางสิ ท่านพี่อ๋องยังไม่เห็นจะบอกข้าสักคำว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา แล้วยังให้เมียน้อยไปจัดการแทนข้าอีก ข้าจะทำของขวัญให้เขาไปเพื่ออะไรกัน"ฉินมู่หลานไม่ใส่ใจนางยกถ้วยนมขึ้นมาดื่มต่ออย่างสบายอารมณ์"โกรธข้าหรือ?"มู่หรงเสี่ยวหมิงเดินเข้ามาหาฉินมู่หลาน ก่อนจะสะบัดมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกไปจนหมด แล้วจึงปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนาฉินมู่หลานขมวดคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย"ปิดป
งานเลี้ยงวันเกิดของชินอ๋องมู่หรงเสี่ยวหมิง จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในตำหนัก มีแขกเหรื่อมากมายมาร่วมงาน ฮ่องเต้และฮองเฮา ทรงส่งของขวัญมาอวยพรอย่างสมเกียรติมู่หรงเสี่ยวหมิงยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี เขามองไปโดยรอบ ก่อนจะหยุดสายตาเอาไว้ที่ฉินมู่หลาน เห็นนางกำลังยกสุราขึ้นดื่ม พร้อมกับกินเนื้อย่างอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อใดกันที่เขามองนางเปลี่ยนไป เหตุใดนางจึงดูเย้ายวนมากกว่าแต่ก่อนภาพของฉินมู่หลานในความทรงจำของเขานั้น นางเป็นสตรีเรียบร้อย เขินอาย และไม่เคยกล้ายั่วยวนเขาเช่นนี้มาก่อนแต่เขากลับชอบที่นางเป็นเช่นนี้ฉินมู่หลานเงยหน้ามองมู่หรงเสี่ยวหมิงเล็กน้อย ใบหน้างามแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์ของสุรา"ท่านอ๋องเพคะ ลองเสวยเนื้อนี้ดูเถิดเพคะ รสชาติดีไม่น้อย"เสี่ยวเยี่ยนจื่อเมื่อสัมผัสได้ว่ามู่หรงเสี่ยวหมิงกำลังจ้องมองฉินมู่หลานไม่วางตา ก็หาทางดึงดูดความสนใจจากเขามู่หรงเสี่ยวหมิงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะคีบชิ้นเนื้อขึ้นมาลองชิมดู"หม่อมฉันจะเต้นรำถวายพระองค์นะเพคะ""อืม เราอยากดูเจ้าร่ายรำ ได้ยินมาว่าฝีมือการร่ายรำของเจ้าเป็นอันดับหนึ่งในเมืองหลวง""ท่านอ๋องทรงชมเกินไปแล้วเพคะ"เสี่ยวเยี่ยนจื่อยิ้มด้วยควา
ฉินมู่หลานลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ก่อนจะค่อยๆ ถอดเสื้อด้านบนออกจนหมด เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มขนาดใหญ่โตที่มียอดอกสีชมพูสวยหวานกำลังรอให้มู่หรงเสี่ยวหมิงเข้าไปเชยชมอย่างเย้ายวนเขาผลักร่างนางให้นอนลงบนเตียง ก่อนจะดึงทึ้งเสื้อผ้าของนางออกจนหมด เผยให้เห็นเรือนร่างงดงามราวกับภาพวาดที่สะกดสายตาของเขาให้หลงใหล"งามเหลือเกิน"มู่หรงเสี่ยวหมิงโน้มใบหน้าลงไปทาบทับริมฝีปากของนางอย่างดูดดื่ม เขาสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากสวย แล้วใช้ลิ้นเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของนาง ดูดดื่มความหอมหวานอย่างหยุดไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าลงมาดูดดื่มที่สองเต้าอวบอิ่มด้วยความหื่นกระหายจ๊วบ จ๊วบ"อื้อออ!!!" ฉินมู่หลานส่งเสียงหวานครางกระเส่า เมื่อถูกมู่หรงเสี่ยวหมิงครอบริมฝีปากดูดดึงขบเม้มที่ยอดจุกสีชมพูสวยหวานอย่างหยอกเย้า สองมือใหญ่ขยำบีบเคล้นคลึงช่อดอกบัวใหญ่สองเต้าจนเนื้อล้นทะลักออกมาตามซอกนิ้ว"อ๊าส์!!! หม่อมฉันเสียวเพคะ อื้อ!!!"มู่หรงเสี่ยวหมิงใช้ลิ้นสากร้อนโลมเลียลงมาที่ท้องน้อยของนาง ก่อนจะหยุดสายตามองดูเนินสวาทที่ไร้เส้นขนด้วยสายตาเป็นประกายนี่คือสิ่งที่เขาปรารถนา เขาชอบเนินสวาทที่ปราศจากเส้นไหมสีดำมาปก
มู่หรงเสี่ยวหมิงเข้าวังหลวงแต่เช้าตรู่ ฉินมู่หลานจึงออกมาให้อาหารปลาที่ริมสระอย่างเพลิดเพลิน"พี่หญิงอารมณ์ดีจังเลยนะเพคะ เมื่อคืนท่านอ๋องคงจะเอาใจใส่พี่หญิงเป็นอย่างดี"ฉินมู่หลานหันไปมองเสี่ยวเยี่ยนจื่อเล็กน้อยในใจนึกเบ้ปากอย่างดูแคลน มาแล้วพวกชอบตีสองหน้านางโยนอาหารปลาลงไปในสระ ก่อนจะยกยิ้มน้อยๆ ด้วยท่าทีเขินอาย"น้องหญิงช่างรู้ดียิ่งนัก ท่านพี่อ๋องทั้ง "เอา" ใจ ทั้ง "ใส่" พี่อย่างเต็มที่เลยละ คิกคิก"เสี่ยวเยี่ยนจื่อลอบกำมือแน่น แต่ยังคงส่งยิ้มหวานไร้เดียงสา แสร้งทำเป็นเขินอายตามฉินมู่หลาน"น้องอิจฉาพี่หญิงยิ่งนักเพคะ ท่านอ๋องเป็นบุรุษเย็นชา เวลาอยู่กับน้องก็เขินอายเพคะ แต่ก็ร้อนแรงไม่เบา"เสี่ยวเยี่ยนจื่อส่งสายตาท้าทายให้แก่ฉินมู่หลาน สาวน้อยนางนี้กำลังจะบอกนางอ้อมๆ ว่า ได้กินท่านพี่อ๋องก่อนนางเช่นนั้นหรือ?ใครเชื่อก็โง่แล้ว!!!"นี่น้องหญิงได้ร่วมหลับนอนกับท่านพี่อ๋องก่อนพี่อีกหรือ?""เอ่อ ..เพคะ?"เสี่ยวเยี่ยนจื่อมีสีหน้ากระอักกระอ่วนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เรื่องเช่นนี้ใครเขาเอามาถามกันตรงๆ แบบนี้ !!! อันที่จริงแล้ว ท่านอ๋องไม่เคยแตะต้องตัวนางเลยแม้แต่ครั้งเดียวฉินมู่หลานมองเสี
การเดินทางไปล่าสัตว์ตามราชโองการของฮ่องเต้มาถึงอย่างรวดเร็ว ฉินมู่หลานเตรียมตัวพร้อมอย่างเต็มที่ ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน นางเองก็ชอบเดินป่าชมธรรมชาติที่สวยงามอยู่เป็นประจำเสี่ยวเยี่ยนจื่อไปขอร้องให้ไทเฮาทรงใส่ชื่อของนางเข้าร่วมในการล่าสัตว์ครั้งนี้ด้วย เหตุผลเพราะนางไม่กล้าอยู่ตำหนักชินอ๋องเพียงลำพังและอยากไปปรนนิบัติดูแลสามี สร้างความไม่พอใจแก่มู่หรงเสี่ยวหมิงเป็นอย่างมาก เขาต้องการพาฉินมู่หลานมาเพียงผู้เดียว แต่เสี่ยวเยี่ยนจื่อกลับติดสอยห้อยตามมาด้วยตามรับสั่งของเสด็จแม่มู่หรงเสี่ยวหมิงล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ตอนนี้จึงมีเพียงฉินมู่หลานและเสี่ยวเยี่ยนจื่อที่นั่งรถม้ามาด้วยกัน ฉินมู่หลานไม่ต้องการให้วุ่นวายใช้รถม้ามาหลายคัน มันจะดูยิ่งใหญ่กว่าคนอื่นๆ จึงให้เสี่ยวเยี่ยนจื่อนั่งในรถม้าคันเดียวกับนางเสียฉินมู่หลานยกถ้วยนมสดที่นางชอบขึ้นมาดื่ม สายตาพลางชื่นชมมองดูทิวทัศน์รอบด้านที่มีต้นไม้ให้ความร่มรื่นอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้ใส่ใจเสี่ยวเยี่ยนจื่อที่นั่งมาด้วยกันเลยแม้แต่น้อยเสี่ยวเยี่ยนจื่อลอบเบะปากใส่ฉินมู่หลานในใจ แต่ลึกๆ แล้ว นางก็รู้สึกพึงพอใจไม่น้อย ที่จะได้มีโอกาสออกมาแย่งคว
มู่หรงเสี่ยวหมิงพาฉินมู่หลานและเสี่ยวเยี่ยนจื่อมาถวายพระพรฮ่องเต้มู่หรงเสี่ยวเฉินและฮองเฮา ฉินมู่หลานแอบชำเลืองมองฮ่องเต้มู่หรงเสี่ยวเฉิน ที่มีใบหน้าคล้ายสามีของนางราวเจ็ดแปดส่วนด้วยสายตาพิจารณาหล่อน้อยกว่าท่านพี่อ๋องของข้า"มู่หลานเจ้าหายดีแล้วหรือ อาเป็นห่วงเจ้าแทบแย่"ฉินมู่หลานเงยหน้าไปมองสตรีสวมใส่อาภรณ์ชุดสีแดงที่นั่งเคียงข้างฮ่องเต้ด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ แต่แล้วความทรงจำภายในหัวของร่างเดิมก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง'ฮองเฮา ฉินเหยาเซียว เป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่านพ่อที่รักนางมาก คอยตักเตือนนาง....'"มู่หลาน ฮองเฮาทรงตรัสถามเจ้าไม่ได้ยินหรือ?"มู่หรงเสี่ยวหมิงกระซิบที่ข้างหูของฉินมู่หลานทำให้สติของนางกลับคืนมา นางย่อกายลงเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มให้ฮองเฮาฉินเหยาเซียวที่มองนางด้วยสายตาห่วงใย"หม่อมฉันหายดีแล้วเพคะ คงเพราะเดินทางมาไกลจึงรู้สึกว่าร่างกายเชื่องช้าไป ขออภัยฮ่องเต้และฮองเฮาด้วยเพคะ""ช่างเถิด อาไม่ถือสาเจ้าหรอก""เสี่ยวหมิง เจ้าไปเดินเยี่ยมชมบรรยากาศโดยรอบกับข้าเถิด ปล่อยให้เหล่าสตรีพูดคุยกันไป""พ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่"มู่ หรงเสี่ยวหมิงหันกลับมามองฉินมู่หลานอีกครั้ง ก่อนจะเดินตา
เขาอุ้มร่างบางของฮองเฮาผู้เป็นที่รักเข้ามาในตำหนัก ก่อนจะวางนางลงบนโต๊ะเสวยอาหาร สองแขนใหญ่สอดเข้าไปที่ใต้เรียวขางามของนาง กอดรัดเอวบางเอาไว้ ฉินมู่หลานจึงใช้สองมือจับขอบโต๊ะเอาไว้ เพื่อรอรับความหรรษาที่เขาจะมอบให้แก่นางมู่หรงเสี่ยวหมิงกระแทกกระทั้นลำแท่งใหญ่ยักษ์เข้ามาในร่องรูของนางจนเกิดเสียงดังตับตับตับ โต๊ะไม้สั่นสะเทือนตามแรงบดเบียดเสียดสีของคนทั้งสอง ฉินมู่หลานใบหน้าบิดเบี้ยว ส่งเสียงหวานครวญครางไม่เป็นภาษา มู่หรงเสี่ยวหมิงโน้มใบหน้าลงไปจูบนางอย่างหนักหน่วง ลิ้นร้อนสอดแทรกบดเบียดเกี่ยวกระหวัดพัวพันกับลิ้นชื้นของนางอย่างเสน่หา ไฟแห่งความปรารถนาของคนทั้งคู่กำลังลุกโชนสว่างเจิดจ้า ไร้วี่แววที่จะมอดดับลง มีแต่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ"อ๊าส์!!! มันแน่นไปหมดเพคะ อื้ออออ!!! หม่อมฉันจุกเหลือเกินเพคะ!!!""ซี้ดดดด สุดยอดมาก ข้าเสียวเหลือเกิน โอ้วว!!!"เขาช้อนร่างของนางขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วจึงพานางลงไปนอนหงายบนเตียง อ้าขานางออกจนกว้าง ก่อนจะบดเบียดแท่งเอ็นร้อนเข้ามาในซอกหลืบดอกไม้งามจนมิดลำ เขาขยับแท่งแก่นกายกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเร็วแรง จนกลีบกุหลาบบวมแดงไปหมดตับตับตับเขาโน้มใบหน้าลงไ
ฉินมู่หลานดีดนิ้วมือจนเกิดเสียงดังเปาะ เหล่านางกำนัลต่างรีบนำผ้าขาวมาล้อมรอบบริเวณระเบียงด้านนอกจนมิดชิด และนำฟูกนอนมาวางเอาไว้ก่อนจะออกไปรอที่ด้านนอกตำหนักจนหมด ตอนนี้จึงมีเพียงแสงจันทร์ที่ทอแสงลงมานางค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกายจนสิ้น แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหามู่หรงเสี่ยวหมิง ดึงทึ้งเสื้อผ้าของเขาออกเช่นกัน และลูบไล้ฝ่ามือลงไปบนแผงอกล่ำสันของเขาด้วยความหลงใหล สายตาของนางมองต่ำลงไปที่ลำแท่งมังกรขนาดใหญ่ที่แข็งชูชันรอคอยให้นางเล่นสนุกกับมันนางย่อตัวลงไปนั่งที่พื้น ก่อนจะใช้มือขาวเรียวงามจับแท่งเอ็นร้อนของเขารูดชักขึ้นลง ลิ้นอุ่นร้อนม้วนเลียที่ปลายหัวสีชมพูจนฉ่ำแฉะ แล้วจึงครอบริมฝีปากลงไปกลืนกินลำแท่งแก่นกายที่ใหญ่ยาวจนมิดลำ พร้อมกับขยับศีรษะขึ้นลงอย่างเร็วแรงและถี่เร่า"ซี้ดดดด!!! อ่าส์!!!"เขากดศีรษะของนางเอาไว้ แล้วกระแทกลำแท่งเอ็นร้อนเข้าออกในโพรงปากสวยของนางอย่างเอาแต่ใจอ๊อก อ๊อก"โอ้ววว มู่หลาน ซี้ดดด!!! จะแตกแล้ว!!!"ฉินมู่หลานเร่งขยับศีรษะให้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น ไม่นานนักน้ำรักสีขาวขุ่นก็พุ่งล้นทะลักผ่านเข้ามาในลำคอของนาง ฉินมู่หลานเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยกลัวว่าน้ำรักของสามีอันเ
รัชศกเสี่ยวหมิงปีที่ 1ฮ่องเต้มู่หรงเสี่ยวหมิง ทรงขึ้นครองราชย์ราชสมบัติ และสถาปนาพระชายาเอกนามว่าฉินมู่หลานขึ้นเป็นฮองเฮา เขาไม่รับพระสนมใดใดเพิ่มอีกเลยแม้แต่คนเดียวฉินมู่หลานกำลังยืนรับลมอยู่ที่ตำหนักเฟิ่งหวง นางสวมชุดฮองเฮาสีแดงสด ปักลายมังกรเหยียบเมฆาม้าสวรรค์ หงส์คู่มังกร สวมทับด้วยแถบเซียะเพ่ยสีแดงปักลายหงส์ฟ้าสิบสองตัว บริเวณแขนเสื้อทำเป็นทรงกว้างปักลายมังกรทอง มงกุฎหงส์บนศีรษะประดับด้วยหงส์พิลาสสามตัว บริเวณท้ายมงกุฎ ด้านบนคือหงส์พิลาสข้างละหนึ่งตัว ห้อยระย้าแปดพฤกษ์ ที่เป็นลูกปัดร้อยทรงสี่เหลี่ยมสลับกับตารางเรียงครบแปดชั้นวันนี้อากาศค่อนข้างดีไม่น้อย นางจึงออกมาเดินเล่นเสียหน่อย"เจ้าท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว ไม่ควรออกมาเดินรับลมเช่นนี้"ฉินมู่หลานหันไปมองมู่หรงเสี่ยวหมิงที่สวมชุดมังกรทองเดินเข้ามาหานาง และประคองโอบไหล่นางให้เดินกลับเข้าไปในตำหนักด้วยกัน"อากาศอบอ้าวเพคะ อยากออกมารับลมเสียหน่อยเพคะท่านพี่ฝ่าบาท""เจ้าใกล้คลอดแล้ว เกิดไม่ระวังขึ้นมาจะเป็นอันตรายได้""รู้แล้วเพคะ เลิกบ่นเสียที โอ๊ะ!ท่านพี่ฝ่าบาท""มู่หลาน!!! เจ้าเป็นอะไร?""น้ำคร่ำแตกเพคะ น้ำคร่ำแตก!!!"ฉินมู่หลานช
ฉินเหยาเซียวง้างคันธนูขึ้นมาเตรียมจะยิงมันเข้ามาที่ฉินมู่หลานและมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยสายตาโกรธเกลียด นางเกลียดมันทั้งสอง คนที่ควรอยู่ในอ้อมกอดของมู่หรงเสี่ยวหมิงควรจะต้องเป็นนางเพียงเท่านั้น!!!นักฆ่าของนางถูกทหารของฝ่าบาทฆ่าตายจนหมดสิ้นแล้วนางไม่ยอม!!! มันจะต้องไม่จบลงเช่นนี้ ไม่มีทาง!!!ฉึก!!!มู่หรงเสี่ยวหมิงกอดฉินมู่หลานเอาไว้แน่น หากจะต้องตายเขาก็พร้อมที่จะยอมตายไปพร้อมกับนางทั้งสองค่อยๆ ลืมตาขึ้นไปมอง ลูกธนูที่พุ่งตรงมาเมื่อครู่ไม่ได้ปักลงมาที่เขาทั้งสอง แต่ทว่ามันกลับพุ่งแทงทะลุหน้าอกของฉินเหยาเซียว นางกระอักเลือดออกคำโต สายตาจ้องมองมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยสายตาเว้าวอน ก่อนจะล้มลงกับพื้น นางสิ้นใจตายทั้งที่ดวงตายังเบิกโพลงจ้องมองมาที่ฉินมู่หลานและมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยความเกลียดชัง"เสี่ยวหมิง""เสด็จพี่ โอ๊ย!!!"มู่หรงเสี่ยวเฉินเป็นคนฆ่าฉินเหยาเซียวด้วยมือของเขาเอง เขามองนางที่ล้มลงตายอยู่บนพื้นด้วยสายตาที่เจ็บปวด"ท่านพี่อ๋องท่านบาดเจ็บ ให้ข้าพยุงท่านเถิดเพคะ"ฉินมู่หลานค่อยๆ ประคองร่างของมู่หรงเสี่ยวหมิงให้ค่อยๆ เดินไปพร้อมกับนาง"โอ๊ย!!!""มู่หลาน!!! มู่หลานเจ้า เลือด!!!"ฉินมู่
ฉินมู่หลานหันไปมองเสี่ยวเยี่ยนจื่อด้วยสายตาที่สงสัยไม่น้อย ตอนนี้องครักษ์เงาของตำหนักชินอ๋องกำลังล้อมนางกับเสี่ยวเยี่ยนจื่อเอาไว้ตรงกลาง คอยคุ้มกันความปลอดภัยให้แก่พวกนางทั้งสอง"เจ้ามาได้เช่นไร?""หลิงหลิงนางกำนัลของเจ้าไปแจ้งข้าที่จวนว่าเจ้าหายตัวไปกลางดึก ปกติเจ้าจะลุกขึ้นมาเรียกนางให้เข้าไปปรนนิบัติทุกคืน แต่เมื่อคืนเจ้ากลับเงียบหายพอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเจ้าหายตัวไป นางจึงรีบมาหาข้าที่จวน""แล้วองครักษ์เงาเล่าเจ้าไปพาพวกเขามาได้เช่นไร?""องครักษ์เงาแท้จริงแล้วเป็นทหารฝีมือดีที่ไทเฮาทรงบ่มเพาะเอาไว้ กลุ่มหนึ่งตามท่านพี่ไป อีกกลุ่มคอยอารักขาตำหนักชินอ๋องเอาไว้ ไทเฮาทรงมอบพวกเขาให้กับท่านพี่มู่หรงเสี่ยวหมิง หลิงหลิงบอกว่าเห็นหย่งเยี่ยมีท่าทีลับๆ ล่อๆ จึงแอบตามนางมา ตอนที่ข้าไปถึงองครักษ์กำลังฟื้นคืนสติ พวกเขาถูกวางยานอนหลับ""นางเป็นนักฆ่าที่ฮองเฮาเลี้ยงดูเอาไว้ ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน""โหดเหี้ยมจริงๆ แล้วยังคิดไม่ซื่อต่อข้ากับไทเฮาอีกด้วย""นางกำลังส่งคนไปฆ่าท่านพี่อ๋อง""จริงหรือ เรารีบหนีกันก่อนเถิด!!!""คิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือนังสารเลว!!!"ฉินเหยาเซียวง้างคันธนูเตรียมยิงเข้ามาที่
"เหตุใดพระองค์ถึง...."ฉินเหยาเซียวปรายตามองฉินมู่หลานด้วยสายตาเย็นชา ในแววตานั้นไม่มีแม้แต่ความเอ็นดูรักใคร่หลงเหลือต่อนางเช่นแต่ก่อนอยู่เลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าฉินมู่หลานไม่ใช่หลานสาวร่วมสายเลือดเดียวกันกับนาง"แปลกใจมากเลยหรือ ที่เป็นข้า?"ฉินมู่หลานไม่ตอบสิ่งใด นางค่อยๆ พยุงร่างตนเองให้ลุกขึ้น แต่ทว่าเพราะฤทธิ์ของยาสลบจึงทำให้นางรู้สึกเวียนหัวและดวงตาพร่ามัวคล้ายจะเป็นลม"เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจะลงมือเร็วเช่นนี้ หากเจ้าไม่ได้ตั้งครรภ์ขึ้นมาเสียก่อน""หมายความว่าอย่างไร? หม่อมฉันไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเกลียดกันเพคะ หม่อมฉันเป็นหลานสาวแท้ๆ ของพระองค์นะเพคะ""หลานสาวหรือ ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าช่างเพ้อฝันไม่เคยเปลี่ยน"ฉินมู่หลานขมวดคิ้วมุ่นมองฉินเหยาเซียวด้วยความสงสัยแรงจูงใจในการลักพาตัวนางมาคือสิ่งใดกันแน่?ฉินเหยาเซียวทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ"ข้าอุตส่าห์วางยาพิษเจ้าทีละนิดมานานแรมปี จนร่างกายของเจ้าอ่อนแอลงทุกวัน ข้าคิดว่าเจ้าจะตกตายไปตั้งแต่วันนั้น แต่เจ้ากลับดวงแข็งฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง ข้าจึงลงมือเป็นครั้งที่สองพยายามเป่าหูเจ้าเรื่องไทเฮ
เวลาล่วงเลยผ่านมาจวบจนถึงวันที่มู่หรงเสี่ยวหมิงต้องเดินทางไปหมู่บ้านที่เกิดภัยแล้งแล้ว ฉินมู่หลานกับหย่งเยี่ยมาส่งเขาที่หน้าตำหนักด้วยแววตาที่ห่วงหาอาทร "ดูแลตนเองให้ดี รอข้ากลับมา""เพคะ"มู่หรงเสี่ยวหมิงหันไปมองหย่งเยี่ยด้วยแววตาเรียบเฉย เห็นเพียงนางร่างกายโงนเงนคล้ายจะล้มได้ตลอดเวลา นางกำนัลข้างกายต้องคอยประคองเอาไว้ ได้ยินมาว่าร่างกายของนางไม่ค่อยจะแข็งแรงมาตั้งแต่เด็กมู่หรงเสี่ยวหมิงขึ้นนั่งบนหลังม้า เขาหันมามองนางอีกครั้งก่อนที่ร่างของเขาจะลับหายไปจากสายตาของนาง"กลับเข้าเรือนเถิด ใบหน้าเจ้าซีดเซียวเช่นนี้ ให้ข้าไปตามหมอหลวงมาดูเจ้าเสียหน่อยดีหรือไม่?""ขอบพระทัยพี่หญิงเพคะ อาการเช่นนี้น้องเป็นมาตั้งแต่จำความได้ ไม่ต้องตามหมอหลวงมาให้เสียเวลาหรอกเพคะ"ฉินมู่หลานขมวดคิ้ว มองหย่งเยี่ยอย่างพิจารณาเล็กน้อยค่ำคืนที่ไร้มู่หรงเสี่ยวหมิงคอยเคียงข้างกายนาง มันช่างเงียบเหงาและเหน็บหนาวเกินทน ฉินมู่หลานออกมายืนรับลมที่ระเบียง สายตาเหม่อมองไปบนท้องฟ้า เฝ้าคิดถึงคนไกล ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะถึงที่หมายแล้วหรือยัง จะลำบากเพียงใดยามเมื่ออยู่ไกลจากนาง"พระชายาเอกเพคะ ไหวหรือไม่เพคะ?""เอาออกไปข
เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบสองเดือน ภายในตำหนักชินอ๋องยังคงเงียบสงบเช่นเคย หย่งเยี่ยยังคงอยู่ในเรือนของนาง น้อยครั้งนักที่นางจะออกมานอกเรือนนอนและที่ฉินมู่หลานรู้สึกแปลกใจก็คือ ตั้งแต่หย่งเยี่ยเข้ามาในตำหนักชินอ๋อง นางไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่สนใจว่ามู่หรงเสี่ยวหมิงจะใส่ใจไยดีต่อนางหรือไม่ช่างผิดวิสัยของการเป็นชายายิ่งนัก?ฉินมู่หลานมองดูมู่หรงเสี่ยวหมิงที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมสัมภาระเพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านที่อยู่ติดชายแดนทุรกันดาร ปีนี้ภัยแล้งค่อนข้างรุนแรงไม่น้อย ผู้คนอดอยากล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ฮ่องเต้มู่หรงเสี่ยวเฉินจึงสั่งให้มู่หรงเสี่ยวหมิง เดินทางไปแก้ปัญหาภัยแล้งในครั้งนี้ และถือโอกาสสำรวจความเป็นอยู่ของราษฎรด้วยตนเองว่าลำบากยากแค้นเพียงใด และพอจะมีทางแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยวิธีใดบ้าง"ไปนานหรือไม่เพคะ?""รวมเวลาเดินทางไปกลับก็คงจะร่วมสองเดือน เจ้าเองจงระวังเหตุการณ์รอบด้านเอาไว้ให้ดี หากเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นจนเจ้ารับมือไม่ไหว ให้ส่งคนไปแจ้งต่อข้า และถ้ามีคนคิดไม่ซื่อหากจำเป็นต้องฆ่าก็ให้เจ้าฆ่าทิ้งเสีย""เพคะ""ข้าไม่อยากไปเลย แต่มันเป็นเรื่องปากท้องและความเป็
ฉินมู่หลานตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวันด้วยอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว นางหันไปมองข้างกายก็พบว่ามู่หรงเสี่ยวหมิงไม่ได้นอนอยู่ข้างกายนางแล้ว คงจะไปวังหลวงแต่เช้าแล้วสินะฉินมู่หลานลุกขึ้นมาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์แล้วจึงมานั่งรับสำรับเช้า สายตาของนางมองออกไปที่ด้านนอก ก็พบว่าเหล่านางกำนัลกำลังวุ่นวายขนของบางอย่างอยู่ที่ด้านนอก"หลิงหลิง""เพคะ""นางกำนัลเหล่านั้นกำลังขนสิ่งใดกันอยู่?""ของใช้ต่างๆ ของอดีตพระชายารองเพคะ""อดีตพระชายารอง?""ขออภัยเพคะ บ่าวเห็นพระชายาเอกทรงบรรทมอยู่จึงไม่กล้าปลุก ท่านอ๋องทรงให้แจ้งต่อพระชายาเอกว่า พระชายารองเสี่ยวเยี่ยนจื่อได้เขียนหนังสือหย่ามอบให้แก่ท่านอ๋อง ไทเฮาทรงพิโรธเป็นอย่างมาก จึงถูกเรียกตัวเข้าวังหลวงทันทีเพคะ""ไปทั้งสองคนเลยหรือ?""เพคะ"ฉินมู่หลานขมวดคิ้วมุ่น เสี่ยวเยี่ยนจื่อรักมู่หรงเสี่ยวหมิงขนาดนั้น เหตุใดนางจึงยอมถอดใจง่ายดายเช่นนี้กันเล่าวังหลวง"พวกเจ้าทั้งสองคนเห็นข้าเป็นตัวตลกหรือไร? นึกจะหย่ากันก็เขียนหนังสือหย่าขึ้นมาเสียดื้อๆ โดยไม่ปรึกษาข้าก่อนเลยเช่นนี้มันใช้ได้หรือ?"ไทเฮาเขวี้ยงหนังสือหย่าลงมาบนพื้น เสี่ยวเยี่ยนจื่อทำได้เพียงยืนตัวสั่นเ