Share

บทที่ 2

ระหว่างฟ้าดินที่ถูกหมอกปกคลุม เรือนไผ่สองชั้นหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใจกลาง

ภายในเรือนไผ่เก็บทรัพยากรต่างๆ ที่อวิ๋นฝูหลิงรวบรวมมาได้ในโลกวิบัติ

อวิ๋นฝูหลิงเดินวนในเรือนไผ่หนึ่งรอบ พบว่าทรัพยากรเหล่านั้นยังอยู่ นางรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในทันที

ด้านซ้ายของเรือนไผ่เป็นแปลงสมุนไพร ปลูกสมุนไพรนานาชนิด

ส่วนด้านขวามีหินย้อยก้อนหนึ่ง ห้อยอยู่กลางอากาศ

ตรงปลายแหลมของหินย้อย มีน้ำหยดหนึ่งเกาะอยู่ หยดน้ำจะร่วงแหล่มิร่วงแหล่

ส่วนด้านล่างของหินย้อยมีชามหินหนึ่งใบ ใช้สำหรับรองหยดน้ำที่หยดลงมาจากหินย้อย

เวลานี้ในชามหินรองน้ำได้ครึ่งชามแล้ว

น้ำนี้เทียบได้กับยาวิเศษ เป็นของที่ดีมาก

คนทั่วไปดื่มสามารถเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย ร้อยโรคไม่กล้ำกราย คนป่วยดื่มสามารถขจัดร้อยโรค ฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือผาดโผนในพริบตา

เวลาปรุงยาเพิ่มหนึ่งหยด สามารถกระตุ้นสรรพคุณยา เพิ่มประสิทธิภาพ

เพียงแต่หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณนี่หยดช้ามาก เก็บมานานสามเดือนกว่าเพิ่งจะได้แค่ครึ่งชาม

แต่สามารถมีหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณเช่นนี้ครึ่งชาม อวิ๋นฝูหลิงก็ดีใจมากแล้ว

นางรีบนำหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณจากมิติมาดื่มสองอึกทันที

กระแสอุ่นสายหนึ่งกระจายจากลำคอไปทั่วร่าง

ไม่นาน นางก็รู้สึกว่าร่างกายร่างนี้เบาและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

อาการเจ็บป่วยบนร่างกายหายไปทั้งหมดในพริบตา รู้สึกอุ่นไปทั่วทั้งตัว

นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าโชคดี ยังดีที่ของวิเศษอย่างมิตินี่ข้ามมิติมากับนางด้วย

อวิ๋นฝูหลิงกึ่งอุ้มอวิ๋นจิงมั่วขึ้น ป้อนหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณให้เขาหนึ่งคำเช่นกัน

พลันหางตาเหลือบไปเห็นศพสามศพที่นอนอยู่บนพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ อวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตอนที่นางเพิ่งฟื้น พฤติกรรมที่อยู่ในจิตใต้สำนึกล้วนมีความเคยชินที่ถูกปลูกฝังจากโลกวิบัติแฝงอยู่ ดังนั้นทันทีที่เห็นพวกลามกที่อยากรังแกนาง ก็ฆ่าพวกเขาโดยไม่รู้ตัว

แม้พวกเขาล้วนเป็นกากเดนมนุษย์ สมควรตายอย่างยิ่ง แต่ที่นี่กลับไม่ใช่โลกวิบัติอันวุ่นวายอันตราย และไม่มีระบบเหมือนที่นางเคยอยู่เมื่อชาติที่แล้ว

ถ้าหากคนในหมู่บ้านพบเห็นศพในห้องของนาง หรือคนที่หนีไปก่อนหน้านี้พาคนมาแก้แค้นนาง สถานการณ์ล้วนไม่เอื้อต่อตัวนางเอง

อย่างไรก็ตาม ครอบครัวเจ้าของร่างเดิมเพิ่งย้ายมาอยู่หมู่บ้านหลินซานเมื่อสองปีก่อน อยู่ที่นี่ไม่มีรากฐานอะไรเลย

แผนเฉพาะหน้าตอนนี้คือรีบออกจากที่นี่จะดีกว่า!

อย่างไรห้วงมิติของนางก็ข้ามมิติมากับนางด้วยแล้ว

มีนิ้วทองคำ[1]นี้อยู่ ประกอบกับฝีมือการแพทย์ของนาง ไม่ว่าไปไหน นางกับลูกก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้!

ในเมื่อนางได้ครอบครองร่างกายของแม่เขาแล้ว เช่นนั้นก็มีความรับผิดชอบต่ออวิ๋นจิงมั่วลูกชายที่ได้มาเปล่าๆ คนนี้ อย่างน้อยก็ต้องเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ให้ดี

อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งตัดสินใจ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงตีฆ้องดังลั่นไปทั่ว

“แย่แล้ว ฝายเจียงหลิงแตกแล้ว น้ำใหญ่กำลังจะมาแล้ว ทุกคนรีบหนีขึ้นไปหลบบนภูเขา…”

สีหน้าอวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนฉับพลัน

ชาติที่แล้วนางเคยผ่านประสบการณ์น้ำท่วมด้วยตัวเองมาแล้ว ถึงขั้นมีญาติและเพื่อนฝูงตายในเหตุการณ์น้ำท่วม

ภาพที่น่ากลัวเช่นนั้น จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่ลืม

อวิ๋นฝูหลิงรีบหยิบห่อสัมภาระใบหนึ่งออกมาจากตู้ที่อยู่บนหัวเตียง นี่เป็นของที่สำคัญมากในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม

นางเก็บห่อสัมภาระเข้าไปในมิติ แล้วนำเสื้อกันฝนสีดำตัวใหญ่ออกมาจากมิติหนึ่งตัว

จากนั้นอุ้มอวิ๋นจิงมั่วขึ้น ใช้เชือกมัดเขาไว้กับหน้าอกของตัวเอง

จากนั้นก็เทของในตะกร้าไม้ไผ่ที่มีฝาใบหนึ่งตรงมุมกำแพงทิ้งทั้งหมด แล้วสะพายตะกร้าไม้ไผ่ขึ้นหลัง

หลังจากนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็สวมเสื้อกันฝน คลุมอวิ๋นจิงมั่วไว้ใต้เสื้อกันฝน

การกระทำทั้งหมดนี้ ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที

หลังจากทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ อวิ๋นฝูหลิงวิ่งเข้าไปในสายฝนอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังเขาเฟิ่งลั่วที่อยู่ท้ายหมู่บ้านอย่างฉับไว

เขาเฟิ่งลั่วเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในแถบนี้ ย่อมเป็นที่หลบภัยน้ำท่วมที่ดีที่สุดในตอนนี้

น้ำท่วมทะลักเร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า ดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจำเป็นต้องปีนขึ้นไปหลบภัยบนยอดเขาของเขาเฟิ่งลั่วก่อนที่น้ำท่วมจะมาถึง

นางวิ่งขึ้นไปบนภูเขาแข่งกับเวลา ไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่ครู่เดียว

ระหว่างทางที่ผ่านกระท่อมในหมู่บ้าน ก็มีคนทำเช่นเดียวกับอวิ๋นฝูหลิงแล้ว เก็บข้าวของที่สำคัญสองสามชิ้น ก็วิ่งขึ้นเขาอย่างรวดเร็ว

และมีบางคนไม่อยากทิ้งทรัพย์สินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิต อันนี้ก็จะเอา อันนั้นก็ไม่อยากทิ้ง ท่ามกลางเสียงเร่งเร้าที่ร้อนใจ ในที่สุดทั้งครอบครัวก็แบกสัมภาระที่หนักอึ้งออกไป

ทว่าของที่แบกหนักเกินไป ฝีเท้าก็ย่อมช้าตามไปด้วย จึงตามอยู่ข้างหลังผู้อื่น

“โหม่งๆ ๆ” เสียงฆ้องดังไม่หยุด

“รีบวิ่งขึ้นเขาเร็วเข้า!”

“ของไม่ต้องเอาแล้ว รีบหนีเร็ว!”

“น้ำท่วมกำลังจะมาแล้ว หนีเอาชีวิตรอดสำคัญกว่า!”

ชั่วขณะทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในความวุ่นวาย

เสียงกรีดร้องของชาวบ้านดังลั่นท่ามกลางสายฝน ชาวบ้านนับไม่ถ้วนทยอยหนีขึ้นเขาเฟิ่งลั่ว

อวิ๋นฝูหลิงไม่มีเวลาสนใจคนอื่น แค่กอดอวิ๋นจิงมั่วไว้แน่น คิดจะวิ่งขึ้นเขาลูกเดียว

จนกระทั่งวิ่งถึงไหล่เขา นางจึงจะหยุดพักหายใจ

โชคดีที่นางดื่มหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในมิติ จึงมีแรงวิ่งหนีเอาชีวิตรอด

ไม่เช่นนั้นอาศัยร่างกายที่ป่วยอิดๆ ออดๆ ไร้เรี่ยวแรงของเจ้าของร่างเดิม เกรงว่าอยากวิ่งก็วิ่งไม่ไว้ภายใต้ภัยน้ำท่วม

อวิ๋นฝูหลิงหันกลับไปมองใต้เขาแวบหนึ่ง ผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนขึ้นเขาราวกับมด

ฝนไม่เพียงไม่หยุด กลับกันยิ่งตกหนักขึ้น

ชาวบ้านบางส่วนสวมเสื้อฟางและหมวกหวาย แต่ก็มีบางส่วนไม่มีอุปกรณ์กันฝน ได้แต่วิ่งตากฝนขึ้นเขา

ทว่าแม้เสื้อฟางกับหมวกหวายของยุคนี้สามารถกันฝนได้ แต่ประสิทธิภาพในการกันฝนสู้เสื้อกันฝนที่อวิ๋นฝูหลิงสวมใส่ไม่ได้เลย

ตอนนี้ทุกคนห่วงแต่ขึ้นเขาหนีเอาชีวิตรอด จึงไม่ได้มีคนสนใจเสื้อกันฝนที่แตกต่างจากคนอื่นของอวิ๋นฝูหลิง

อวิ๋นฝูหลิงยืนนิ่งครู่หนึ่ง ตอนที่กำลังจะขึ้นเขาต่อ จู่ๆ เด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าอกก็ขยับตัว

ศีรษะน้อยๆ มุดออกมาจากคอเสื้อของเสื้อกันฝน พร้อมกับเรียกอวิ๋นฝูหลิง “ท่านแม่”

เสียงน้อยๆ อันนุ่มนวล ประกอบกับการแสดงออกที่งงงวยเล็กน้อย ทำเอาหัวใจอวิ๋นฝูหลิงละลายในพริบตา

อีกทั้งอวิ๋นจิงมั่วหน้าตาขาวเนียน เดิมทีก็น่ารักเหมือนกับก้อนแป้งข้าวเหนียว

ความชอบห้าส่วนของอวิ๋นฝูหลิงที่มีต่อเด็กคนนี้ เพิ่มขึ้นเป็นเจ็ดส่วนในพริบตา

นางขานรับคำหนึ่ง กดศีรษะของอวิ๋นจิงมั่วเข้าไปในเสื้อกันฝนเบาๆ

“คนดีของแม่ อยู่เฉยๆ อย่าขยับ ระวังเปียกฝน…”

อวิ๋นจิงมั่วกะพริบตาปริบๆ

เมื่อครู่เขาชะโงกหน้าออกไป มีเม็ดฝนไหลหยดตกลงบนใบหน้าเขา รู้สึกเย็นๆ

เขายังรู้สึกว่าบนร่างกายถูกหมัดด้วยเชือก การเคลื่อนไหวถูกจำกัด

แม้ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อวิ๋นจิงมั่วกลับกอดอวิ๋นฝูหลิงแน่น ไม่ขยับอีก

เวลานี้เอง มีเสียงกึกก้องสายหนึ่งดังมาจากระยะไกล จากนั้นผืนดินก็สั่นสะเทือน

เวลาเพียงแค่พริบตาเดียว น้ำท่วมที่เชี่ยวกรากพุ่งไปยังหมู่บ้านหลินซานอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ ราวกับม้าป่าที่หลุดจากบังเหียน

สีหน้าอวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนฉับพลัน ตะโกนจนเสียงแห้บโดยไม่รู้ตัว “วิ่ง! รีบวิ่งขึ้นยอดเขาเร็ว!”

ตะโกนเสร็จ นางก็วิ่งขึ้นบนยอดเขานำหน้าอย่างสุดชีวิต

แม้อวิ๋นจิงมั่วอายุน้อย กลับรู้สึกถึงอันตรายได้อย่างรวดเร็ว

เขากอดอวิ๋นฝูหลิงแน่นโดยไม่ส่งเสียง

หลังจากคนอื่นได้ยินอวิ๋นฝูหลิงตะโกน ก็เข้าใจในทันที รีบสับตีนแตกวิ่งไปยังยอดเขา

น้ำท่วมโถมเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์ เสียงที่กึกก้องสะเทือนจนหูอื้อ

----------------------------------------------

[1] นิ้วทองคำ เป็นคำที่ใช้เรียกโปรแกรมโกง มีสูตรโกง หรือมีความสามารถโกง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status