Share

บทที่ 4

Author: หลันซานอวี่
อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามอง ก็มองเห็นตรงจุดที่อยู่ห่างออกไปร้อยกว่าเมตร มีชายฉกรรจ์รวมกลุ่มกันห้าหกคน

คนกลุ่มนี้กำลังคุยอะไรบางอย่าง และยังชี้มาทางนางเป็นระยะ

หนึ่งในนั้นก็คือชายที่ผอมเหมือนลิง คนที่หนีออกจากบ้านนางก่อนหน้านี้

สายตาของลิงผอมปะทะสายตาของอวิ๋นฝูหลิงพอดี เขาจ้องเขม็งใส่นางแวบหนึ่ง เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเจตนาร้าย

แตกต่างจากคนที่วิ่งหนีกระเจิงก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เหมือนมีที่พึ่งอะไรบางอย่าง

อวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว เกิดความหวาดระแวงขึ้นในใจทันที

นางจมจิตใต้สำนึกเข้าไปในมิติ เริ่มรื้อค้นในเรือนไผ่

ชาติที่แล้วนางปรุงผงยาป้องกันตัวไว้ไม่น้อย อีกทั้งทำมาจากวัตถุดิบที่ปลูกในมิติทั้งหมด ประสิทธิภาพรุนแรงกว่าผงยาทั่วไปหลายเท่า

อวิ๋นฝูหลิงเลือกผงยามาสองสามห่อ นำออกมาจากมิติโดยอาศัยการบดบังของแขนเสื้อ แล้วแอบใส่เข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อ

นางเหลือบมองพวกลิงผอมแวบหนึ่ง

ถ้าหากคนเหล่านี้ไม่ยุ่งกับนางก็ช่างเถอะ แต่ถ้าหากกล้าลงมือกับนาง นางจะให้พวกเขาได้ลิ้มลองรสชาติของการตายทั้งเป็นแน่นอน

ขณะเดียวกัน ชายที่ผอมเหมือนลิงกำลังฟ้องพรรคพวก

“ลูกพี่อู๋ ที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงนะ พวกพี่ใหญ่ข้าล้วนถูกนังตัวดีนั่นฆ่า!”

ลูกพี่อู๋ที่นั่งอยู่ตรงกลางยังไม่ทันเอ่ยปาก ชายที่จมูกงุ้มเหมือนปากเหยี่ยวฝั่งซ้ายมือของเขาก็กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“โหวซาน แม่นางอวิ๋นนั่นดูอรชรอ้อนแอ้น สามารถฆ่าพวกพี่ใหญ่เจ้าได้ถึงสามคนเลยหรือ? เจ้าคงจะไม่ได้กำลังโกหกพวกเรากระมัง?”

โหวซานรีบสาบานทันที “ก็เพราะพวกเราถูกหน้าตาของนางหลอก พวกพี่ใหญ่ข้าจึงไม่ระวังเอาชีวิตไปทิ้ง ส่วนข้าโชคดีหนีรอดมาได้”

“พวกเจ้าห้ามดูถูกนางเด็ด นังแพศยานั้นลงมือโหดเหี้ยมมาก!”

ตอนนั้นหลังจากที่โหวซานหนีออกจากบ้านตระกูลอวิ๋น เดิมทีเขาตามคนจะไปคิดบัญชีกับอวิ๋นฝูหลิง แล้วค่อยร้องเรียนว่านางฆ่าคน

ใครจะรู้ว่าบังเอิญมาก จู่ๆ ฝายเจียงหลิงก็แตก

คราวนี้ใต้ภูเขาถูกน้ำท่วมหมดแล้ว หาศพพวกพี่ใหญ่ของเขาไม่เจอแน่นอน

ต่อให้โหวซานอยากร้องเรียนอวิ๋นฝูหลิงฆ่าคน ตอนนี้ก็ไม่มีหลักฐานแล้ว

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก โหวซานทำได้เพียงมาหาลูกพี่อู๋ ขอให้เขาลงมือ

โหวซานสูดลมเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง มองลูกพี่อู๋พลางกล่าว “ลูกพี่อู๋ ขอแค่ท่านสามารถช่วยข้าแก้แค้น ต่อไปข้าโหวซานก็คือคนของท่าน แล้วแต่ท่านจะสั่งเลย!”

ชายจมูกงุ้มกลับอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

แม้ต่างก็เป็นพวกเร่ร่อนในละแวกนี้ แต่พวกเขากับพวกโหวซานไม่เหมือนกัน

พวกเขาแค่ลักขโมย เล่นการพนันหาความสุข พูดจาเจ้าชู้ใส่สาวๆ สองสามคำ

ส่วนพวกโหวซานทำเรื่องที่เลวร้ายกว่านั้น ข่มขืนปล้นสะดม แทบไม่ต่างอะไรกับโจร

ทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ในแวดวงเดียวกัน ที่ผ่านมาต่างคนต่างอยู่

คิดไม่ถึงว่าคราวนี้พวกโหวซานจะเจอของแข็งเข้าแล้ว ถึงกับตายเลยทีเดียว

เมื่อได้ยินว่าโหวซานจะเข้ากลุ่ม ชายจมูกงุ้มอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจ

โหวซานเห็นลูกพี่อู๋เงียบมาโดยตลอด เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง ทำได้เพียงเพิ่มเบี้ย

“ลูกพี่อู๋ หลายปีมานี้พี่ใหญ่ของข้าก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง ซ่อนไว้ที่ใต้เขาเฟิ่งลั่วนี้เอง ข้ารู้ว่าอยู่ที่ไหน”

“ขอแค่ท่านช่วยข้าแก้แค้น เงินก้อนนี้เป็นของท่านทั้งหมด!”

ตั้งแต่อดีตเงินทองทำจิตใจคนหวั่นไหว เมื่อมีเงินทองที่เพียงพอ นับประสาอะไรกับการฆ่าคน!

เมื่อชายจมูกงุ้มและคนอื่นได้ยิน ก็หวั่นไหวเล็กน้อยอย่างที่คิด

เวลานี้ลูกพี่อู๋จึงจะเงยหน้ามองโหวซานแวบหนึ่ง กล่าวเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม

“ได้ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!”

โหวซานได้ยินก็ดีใจทันที “เช่นนั้นพวกเราไปคิดบัญชีกับนังแพศยานั่นตอนนี้เลยหรือไม่?”

ลูกพี่อู๋เงยหน้ามองไปทางอวิ๋นฝูหลิง ก็เห็นโจวโหย่วเหลียงลูกชายคนโตของหัวหน้าหมู่บ้านและลูกเมีย กำลังสนทนากับอวิ๋นฝูหลิง

ทันใดนั้นลูกพี่อู๋ก็เอนหลังพิงก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลัง กล่าวอย่างไม่เร่งไม่ช้า “เจ้ามีปัญญาล่วงเกินครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านโจวหรือ?”

เวลานี้โหวซานก็เห็นโจวโหย่วเหลียงแล้ว และยิ่งเห็นท่าทางที่สนิทสนมของเจิ้งซื่อภรรยาของโจวโหย่วเหลียงกับอวิ๋นฝูหลิง

เขาพลันกัดฟันแน่น

พวกเขาเป็นอันธพาลเจ้าถิ่น รู้อย่างแจ่มแจ้งว่าใครสามารถล่วงเกิน ใครไม่สามารถล่วงเกิน

ตระกูลโจวเป็นกลุ่มคนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ที่สุด

ลูกพี่อู๋วางสองมือบนท้ายทอย เขาอาบแดดพลางกล่าวอย่างเกียจคร้าน “รอก่อน เมื่อไรที่นางอยู่คนเดียวหรือรอหลังฟ้ามืดแล้วถึงจะลงมือสะดวก!”

แม้บนใบหน้าโหวซานจะเผยให้เห็นความโกรธ แต่ก็รู้ว่าที่ลูกพี่อู๋พูดมีเหตุผล ทำได้เพียงรอเวลาที่เหมาะสมอยู่ข้างๆ

ชายจมูกงุ้มหาโอกาสดึงลูกพี่อู๋ไปด้านข้าง กล่าวถามเสียงเบา “ลูกพี่ ท่านจะฆ่าแม่นางอวิ๋น แก้แค้นให้พวกโหวซานจริงหรือ?”

ลูกพี่อู๋เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง หัวเราะแล้วกล่าว “เจ้าคิดอะไรอยู่? ข้าเป็นพลเมืองดีนะ จะฆ่าคนได้อย่างไร?”

“เช่นนั้นท่าน…” ชายจมูกงุ้มไม่เข้าใจ

ลูกพี่อู๋ลูบจมูก “ข้าอายุยี่สิบห้าแล้ว ถึงเวลาที่ต้องแต่งเมียแล้ว!”

ชายจมูกงุ้มเข้าใจทันที ลูกพี่ถูกใจแม่นางอวิ๋นนั่นแล้ว

จะว่าไปหน้าตาของลูกพี่พวกเขาก็ดีพอสมควร เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ มาก

แต่น่าเสียดายชื่อเสียงไม่ดี ครอบครัวก็ยากจน ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีผู้หญิงที่ฐานะดีคนไหนยอมแต่งกับเขา

ส่วนลูกพี่ก็ค่อนข้างเลือก ผู้หญิงทั่วไปเขาไม่สนใจ ด้วยเหตุนี้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แต่งงาน

พลันชายจมูกงุ้มหัวเราะแหะๆ กล่าวหยอกเย้า “ถ้าลูกพี่แต่งกับแม่นางอวิ๋น เช่นนั้นก็มีเมียและลูกพร้อมกันเลย”

ลูกพี่อู๋ชกใส่เขาหนึ่งหมัด หัวเราะเช่นกัน

ถ้าหากเขาแต่งงานกับแม่นางอวิ๋นจริงๆ เช่นนั้นลูกชายของแม่นางอวิ๋นก็คือลูกเลี้ยงของเขา ลูกเลี้ยงก็คือลูกเช่นกัน

ชายจมูกงุ้มมองไปทางโหวซานแวบหนึ่ง ลดเสียงให้เบาลง

“เช่นนั้นจะอธิบายกับโหวซานอย่างไร? เงินเก็บตลอดหลายปีนี้ของโหวต้าไม่ใช่เงินน้อยๆ แน่นอน!”

ในใจของลูกพี่อู๋มีแผนนานแล้ว

เขาตั้งใจจะจับแม่นางอวิ๋นมาอยู่ฝั่งตนก่อน แล้วค่อยใช้แม่นางอวิ๋นเป็นเบี้ย ให้โหวซานนำเงินของลูกพี่เขามาแลกเปลี่ยน

เมื่อเงินถึงมือแล้ว เขาย่อมไม่ให้คนกับโหวซาน

ถึงเวลานั้นต่อให้โหวซานรู้ตัวว่าถูกหลอกแล้ว อาศัยเขาคนเดียว ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาที่ไหนกัน?

ถึงเวลาเขาก็ได้ทั้งคนและเงิน!

ฝั่งลูกพี่อู๋กำลังคิดอย่างดิบดี ส่วนอีกฝั่ง เจิ้งซื่อจับมือของอวิ๋นฝูหลิง กำลังยัดลูกเดือยถุงหนึ่งเข้าไปในอ้อมแขนนาง

“ก่อนหน้านี้เจ้าช่วยข้ากับฉางจี๋ ในใจข้าตื้นตันมาก ไม่รู้จะตอบแทนเจ้าอย่างไรดี”

“หลังจากที่พ่อสามีข้ากับแม่สามีข้ารู้เรื่อง ก็บอกว่าต้องขอบคุณเจ้า เพียงแต่พวกเขาอายุมากแล้ว ปีนขึ้นมาถึงยอดเขาจึงเหนื่อยมาก ตอนนี้ยังไม่หายเหนื่อยเลย ก็เลยไม่สามารถมาด้วยตัวเอง”

“พ่อสามีให้ข้าเอาลูกเดือยถุงนี้มาให้เจ้าก่อน เป็นน้ำใจเล็กน้อยของพวกเรา”

แม้ลูกเดือยถุงนี้มีแค่หนึ่งชั่งกว่า แต่เป็นอาหารชั้นเลิศที่ตีเปลือกแล้ว ปกติแทบไม่อยากเอาออกมากินด้วยซ้ำ

โดยเฉพาะตอนนี้เผชิญหน้ากับภัยน้ำท่วม ทุกคนติดอยู่บนยอดเขา อาหารจึงเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในเวลานี้

อวิ๋นฝูหลิงรู้เรื่องนี้ดี ย่อมไม่ยอมรับไว้

ลูกเดือยถุงนี้ ต้องเป็นคนตระกูลโจวแบ่งออกมาจากอาหารของตัวเองแน่นอน

และในมิติของนางยังกักตุนอาหารไว้ไม่น้อย สามารถผ่านภัยน้ำท่วมช่วงนี้ไปได้แน่นอน

เช่นนั้นนางยิ่งไม่สามารถรับอาหารที่มีไม่มากแต่แรกของคนตระกูลโจวได้

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 5

    โจวโหย่วเหลียงเพิ่งมารวมตัวกับครอบครัวบนยอดเขา ก็ได้รู้เรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงช่วยชีวิตลูกเมียของเขาจากปากเจิ้งซื่อเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหายหลังจากตั้งสติได้ เขาก็บอกเรื่องนี้กับบิดามารดาของตน จากนั้นก็ถือลูกเดือยถุงหนึ่ง พาลูกเมียมาขอบคุณเมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิงบ่ายเบี่ยง โจวโหย่วเหลียงที่เป็นผู้ชายก็ไม่สะดวกที่จะคะยั้นคะยออวิ๋นฝูหลิง ได้แต่ขอบคุณบุญคุณที่ช่วยชีวิตของอวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้างๆ อย่างจริงใจจากนั้นก็ดึงโจวฉางจี๋มาตรงหน้าก่อนมาโจวฉางจี๋ก็ถูกอบรมก่อนแล้ว เขากล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนิ่ม “ขอบคุณป้าอวิ๋น!”อวิ๋นฝูหลิงเห็นใบหน้าเล็กที่อวบอิ่มและรูปร่างอ้วนเล็กน้อยของเขา ดวงตาที่เหมือนองุ่นดำก็สดใสขึ้นมาทันทีและรู้ด้วยว่าเขาเป็นที่รักของคนตระกูลโจว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถกินจนได้รูปร่างเช่นนี้ในครอบครัวชาวนาอวิ๋นฝูหลิงเห็นเขาน่ารักมาก อดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะของเขา พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร!”พูดจบก็หันไปพูดกับสองสามีภรรยา “สถานการณ์เช่นก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าใครพบเจอก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทุกคนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ช่วยเหลือกันและกันเป็นสิ่งที่สมควรทำ พวกเจ้าไม่จำต้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 6

    โหวซานได้ยินดังนั้นก็นึกว่านี่เป็นแผนการที่ลูกพี่อู๋คิดขึ้นเพื่อกำราบอวิ๋นฝูหลิง สีหน้าจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อยอีกอย่างอวิ๋นฝูหลิงรูปงาม ลูกพี่อู๋อยากจะลองลิ้มรสชาติของนางก่อนก็เป็นเรื่องปกติโหวซานนึกว่าเดาใจลูกพี่อู๋ถูก จึงหัวเราะแล้วหันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่ลูกพี่อู๋ จากนั้นเอ่ยขึ้น“หญิงสาวที่งดงามขนาดนี้ หากฆ่าทิ้งคงเสียดายแย่ ไม่สู้ให้นางได้เล่นสนุกกับลูกพี่อู๋ก่อน รอให้พี่น้องทุกคนสนุกกันเต็มที่แล้ว ข้าค่อยสังหารนาง เพื่อแก้แค้นให้พี่ใหญ่ก็ยังไม่สาย”ลูกพี่อู๋ได้ยินดังนั้น แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้ม ทว่าในดวงตากลับเหี้ยมเกรียมขึ้นทันใดเขาอยากจะตบแต่งอวิ๋นฝูหลิงด้วยใจจริง ย่อมทนฟังโหวซานเหยียดหยามนางด้วยคำพูดเช่นนี้ไม่ได้ชายจมูกงุ้มหลายคนเห็นสีหน้าของลูกพี่ พลันรู้ได้ทันทีว่าเขาโมโหแล้วแต่โหวซานยังไม่รู้ตัว ยังคงพูดจาหยาบโลนต่อไปไม่หยุดดวงตาอวิ๋นฝูหลิงเยือกเย็น ทว่าใบหน้ากลับยิ้มแย้ม “ได้สิ งั้นข้าจะเล่นสนุกกับพวกเจ้าก่อน”พอดีกับยามนี้ที่มีสายลมพัดผ่านไปยังทิศทางของพวกลูกพี่อู๋อวิ๋นฝูหลิงฉวยโอกาสตอนทุกคนเผลอ โปรยผงยาหนึ่งห่อผงยาโชยไปตามลมใส่หน้าพวกลูกพี่อู๋ จากนั้นถูกพวกเขา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 7

    สายตาอวิ๋นฝูหลิงหันมองหินลูกเล็กที่ตกอยู่ข้างกายโหวซานก้อนนั้นใช้เพียงหินก้อนเล็กก้อนเดียวก็สามารถฆ่าคนได้ อีกฝ่ายย่อมไม่ธรรมดาอวิ๋นฝูหลิงแหวกพงหญ้าออก ทันใดนั้นสบเข้ากับดวงตาดำขลับล้ำลึกภายในพงหญ้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดผ้าแพรสีดำปักลายสีทองนั่งอยู่มือขวาของเขาถือกระบี่ป้องกันไว้ตรงหน้า ดูระมัดระวังอย่างมากสายตาที่มองอวิ๋นฝูหลิงเต็มไปด้วยความระแวงชายหนุ่มดูเหมือนคนอายุยี่สิบกว่า ใบหน้าหมดจด คิ้วโก่งดั่งภาพวาด เป็นคนที่รูปงามมาก ทว่าท่าทางตึงเครียดของเขาในตอนนี้ ทำให้รังสีรอบตัวเขาดูขึงขังขึ้นมากอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกแค่ว่าช่วงตาของชายหนุ่มดูคุ้นเคย แอบคิดในใจว่าหรือจะเป็นคนที่เจ้าของร่างเดิมรู้จักแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องตนอย่างแปลกหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่เคยรู้จักเจ้าของร่างเดิมมาก่อนอวิ๋นฝูหลิงจึงไม่คิดอะไรอีกนางสังเกตเห็นริมฝีปากที่ขาวซีดของชายหนุ่ม ใบหน้าเขาซีดเผือด จากนั้นได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง จึงรู้ว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสหากไม่รีบรักษาแล้วห้ามเลือด เกรงว่าคงยืนหยัดได้อีกไม่นาน เขาอาจจะตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปอวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด แล้วนำผงยาออกมาจากกระเป๋าหนึ่งขว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 8

    อวิ๋นฝูหลิงจ้องลูกพี่อู๋หนึ่งครั้งเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ อีกทั้งสามารถทำให้ลูกน้องเชื่อฟัง เชื่อใจ และทำตามได้ถือเป็นคนเก่งคนที่มีความสามารถเช่นนี้หากยอมศิโรราบต่อนาง รับใช้นาง ต่อไปต้องเป็นผู้ช่วยที่ดีอวิ๋นฝูหลิงที่ได้ลูกน้องใหม่สี่คน สั่งให้พวกเขาไปตามหาแหล่งน้ำและเก็บฟืนทันทีอวิ๋นฝูหลิงถือคติตบหัวแล้วลูบหลัง จึงแจกจ่ายถุงยาให้พวกเขาคนละหนึ่งอันถุงยานี้อวิ๋นฝูหลิงปรุงขึ้นอย่างตั้งใจ เมื่อสวมใส่ติดตัวจะมีสรรพคุณขับไล่งูและแมลง เป็นสิ่งจำเป็นเมื่ออยู่ในป่าในเขาก่อนหน้านี้อวิ๋นฝูหลิงพาอวิ๋นจิงมั่วไปมาในป่าอย่างตามใจ เพราะมีถุงยานี้ติดตัวทั้งสองเมื่อพวกของลูกพี่อู๋รู้ว่าถุงยาสามารถขับไล่งูและแมลง รู้ว่านี่เป็นของดีจึงรีบสวมติดตัวทันทีความขุ่นเคืองที่ต้องกินยาถอนพิษเพราะไม่มีทางเลือก จึงค่อยสลายไปบ้างเมื่อมีพวกลูกพี่อู๋ไปตามหาฟืนและแหล่งน้ำ มือหนึ่งของอวิ๋นฝูหลิงจูงอวิ๋นจิงมั่ว ส่วนอีกมือหนึ่งถือฟืนที่เพิ่งเก็บได้เมื่อครู่ จากนั้นย้อนกลับไปจุดที่ชาวบ้านรวมตัวกันหลังจากเซียวจิ่งอี้จัดการแผลบนร่างกายเสร็จแล้ว เขาแหวกพงหญ้าและมองเห็นแผ่นหลังของอวิ๋นฝูงหลิงพอดีเขากำขวดยาที

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 9

    อวิ๋นฝูหลิงคิดแต่จะช่วยคน จึงขี้เกียจสนใจนาง ไม่แม้แต่จะช้อนตามองสักนิดเด็กสาวเห็นอวิ๋นฝูหลิงไม่สนใจนาง ใบหน้างามแดงเถือกทันที เหมือนถูกเหยียดหยามอย่างมาก“นี่ ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ หรือเจ้าจะเป็นใบ้ ไม่ได้ยินอย่างนั้นหรือ?”ขณะนี้ ท่ามกลางฝูงชน ชายวัยกลางคนร่างท้วมอายุสี่สิบกว่าคนหนึ่ง เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “แม่นางน้อย เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน คนที่พี่ชายเจ้าช่วยไม่ได้ ใช่ว่าคนอื่นจะช่วยไม่รอดนะ”ท่ามกลางชาวบ้านมีคนไม่พอใจคำพูดของเด็กสาว แต่เห็นนางแต่งตัวหรูหรา แค่ดูก็รู้ว่าฐานะไม่ธรรมดา จึงไม่กล้าต่อว่าส่งเดชตอนนี้เมื่อเห็นมีคนพูดขึ้น พวกเขาจึงรีบสำทับทันที“ตัวเองช่วยไม่ได้ ยังไม่ยอมให้คนอื่นช่วยหรือ?”“ไม่เคยเห็นคนเยี่ยงนี้มาก่อนเลย”“หมอหนุ่มผู้นี้ดูอายุเพียงยี่สิบต้นๆ วิชาแพทย์จะเก่งกาจสักเพียงใด?”เดิมทีคนตระกูลเฉินยังฝากความหวังให้หมอหนุ่มช่วยลูกหลานตัวเอง เมื่อได้ยินเขาบอกว่าช่วยไม่ได้ นอกจากรู้สึกเจ็บปวดแล้ว ยังพาลโกรธอีกฝ่ายไปด้วยยามนี้เมื่อเห็นเด็กสาวเอ่ยปากเหน็บแนม ซ้ำยังขวางไม่ให้คนช่วยลูกตัวเอง ทำให้พวกเขายิ่งโกรธ ทันใดนั้นจึงด่าทอไปพร้อมพวกชาวบ้าน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 10

    อวิ๋นซานหูจับแขนเสื้อติงหมิงรุ่ยแล้วเขย่าไปมาพลางออดอ้อน “ท่านพี่ นางก็แค่โชคดีเหมือนแมวตาบอดจับหนูตายได้ จะไปมีความรู้วิชาแพทย์ที่สูงส่งได้อย่างไร!”ติงหมิงรุ่ยถูกนางปลอบ จึงสบายใจขึ้นมาบ้างใช่สินะ ก็แค่หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง ที่มีความรู้ระดับภูมิปัญญาชาวบ้านเท่านั้นแต่เขาไม่เหมือนกัน เขามีพรสวรรค์ล้ำเลิศ เกิดมาในตระกูลแพทย์อีกทั้งมีชื่อเสียงแต่เด็ก ภายหน้าต้องสอบเข้าสำนักหมอหลวง มียศถาบรรดาศักดิ์ กลายเป็นหมอหลวงที่มีชื่อเสียงหนำซ้ำแวดวงการแพทย์ยังเป็นพื้นที่ของบุรุษมาโดยตลอดแม้สตรีจะเรียนรู้วิชาแพทย์ แต่สังคมไม่ยอมให้พวกนางมานั่งรักษาอยู่ในสำนักอย่างเปิดเผยอย่างมากก็แค่ได้เข้าไปเป็นหมอหลวงระดับล่างสุดในสำนักหมอหลวง เป็นลูกมือให้พวกหมอหลวงชายเท่านั้นเมื่อคิดได้เช่นนี้ ติงหมิงรุ่ยสบายใจขึ้นมาก จากนั้นกลับมามั่นอกมั่นใจอีกครั้งความวุ่นวายในตระกูลเฉินดำเนินไปสักพักใหญ่ถึงจะสงบลงจากการเตือนสติของผู้ใหญ่บ้านโจว สองสามีรรยาเฉินเหล่าเอ้อร์ถึงจำบุญคุณของอวิ๋นฝูหลิงได้จากคำซุบซิบของชาวบ้านรอบข้าง ทำให้อวิ๋นฝูหลิงพอปะติดปะต่อเหตุการณ์ของตระกูลเฉินได้แม่เฒ่าเฉินเป็นม่ายสามีตาย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 11

    อวิ๋นฝูหลิงชิมน้ำแกงเห็ดคำหนึ่ง ต่อหมั่นโถวอีกคำด้วยความเพลิดเพลินหลังคราวโลกวิบัติอมนุษย์ครองเมือง พืชพันธุ์กลายพันธุ์ ทำให้อาหารขาดแคลน จะหาเห็ดป่าหอมหวานสดใหม่เช่นนี้ได้จากที่ไหนอีกแม้ต่อมาฐานปฏิบัติการจะพยายามวิจัยเพาะพันธุ์พืชบางชนิด แต่ผลผลิตที่ได้กลับน้อยนิดหมั่นโถวสิบกว่าลูกที่อวิ๋นฝูหลิงเก็บเอาไว้ในมิติ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่นางใช้เส้นสาย พึ่งคะแนนสมทบซื้อมาได้อย่างยากลำบากเมื่อครู่ให้พวกลูกพี่อู๋ทั้งสี่คนไป อาลัยอาวรณ์เสียจนหืดขึ้นคอแต่ถ้าอยากให้ม้าวิ่งก็มีแต่ต้องให้อาหารม้านางต้องการชักนำพวกลูกพี่อู๋มาเป็นพวกของนางโดยเบ็ดเสร็จ ให้พวกเขาจงรักภักดีเชื่อฟังนางอย่างสุดจิตสุดใจแต่เพียงผู้เดียว การลงทุนด้วยหมั่นโถวขาวสี่ลูกนี้จึงนับว่าได้หว่านเมล็ดแล้วอีกอย่าง จากการสังเกตคร่าวๆ โลกนี้มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งไม่ได้อยู่ในช่วงระส่ำระสาย การหุงหาอาหารจึงไม่ใช่เรื่องยากนักอวิ๋นฝูหลิงมีความคิดแล่นโลดอยู่ในใจ วางแผนชีวิตวันข้างหน้าของตนทว่าลูกพี่อู๋ทั้งสี่ต่างเมียงมองดูหมั่นโถวขาวในมือ ค่อยๆ กลืนน้ำลายลงเฮือกหมั่นโถวจากแป้งขาวเชียวนะ!แม่นางอวิ๋นไม่เพียงแต่แบ่งอาหาร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 12

    เพียงแต่ศาสตร์ฝังเข็มฉบับตกทอดในสกุลอวิ๋นที่นางเคยเรียน มีเพียงครึ่งแรกเท่านั้นว่ากันว่าอีกส่วนหนึ่งสาบสูญไปตอนบ้านเมืองระส่ำระสาย ดังนั้นลูกหลานสกุลอวิ๋นที่เรียนศาสตร์ฝังเข็ม จึงได้เรียนเพียงส่วนที่เหลืออยู่ แต่ศาสตร์ฝังเข็มฉบับนั้นก็ละเอียดมาก แม้จะมีเพียงครึ่งเดียว ก็มากพอจะทำให้สกุลอวิ๋นตั้งตัวในแดนซิ่งหลินได้อวิ๋นฝูหลิงเปิดดูศาสตร์ฝังเข็มสกุลอวิ๋นในมือออกดู พบว่าศาสตร์ฝังเข็มที่บันทึกไว้มีเนื้อหาเยอะกว่าครึ่งที่ตกทอดในสกุลอวิ๋นอยู่มากศาสตร์ฝังเข็มสกุลอวิ๋นในมือนางนี้ ดูท่าจะเป็นฉบับสมบูรณ์ เหตุใดศาสตร์ฝังเข็มที่สกุลอวิ๋นตกทอดกันมา จึงปรากฏอยู่ที่นี่ได้?หรือว่าเจ้าของร่างเดิมกับสกุลอวิ๋นชาติที่แล้วของนางจะเกี่ยวข้องกัน? ไม่ใช่ว่าเป็นบรรพบุรุษสกุลอวิ๋นของนางหรอกหรือ?ในใจอวิ๋นฝูหลิงผุดข้อสงสัยขึ้นมากมายแม้ความทรงจำที่เจ้าของร่างเดิมเหลือให้นางจะไม่สมบูรณ์นัก แต่ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับรู้สึกได้ว่าฐานะของเจ้าของร่างเดิมเกรงว่าจะไม่ธรรมดาลูกหลานตาสีตาสา มีหรือจะจ้างแม่นมมาให้เด็กน้อยบ้านตนได้?อีกอย่างเจ้าของร่างเดิมกับแม่นมยังใช้ฐานะแม่กับลูกสาว ใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อนอยู่

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 368

    ลูกเติบโตอยู่ในท้องของนางทุกวัน ๆ ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว ล้วนนำมาซึ่งความปีติยินดีที่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้นางไม่อาจทอดทิ้งลูกในท้องได้จริง ๆหลังได้รู้จักกับวิธีการผ่าท้องเอาเด็กออกของอวิ๋นฝูหลิง ฮูหยินน้อยฉู่ก็ตัดสินใจได้เฉียบขาดเสียยิ่งกว่าผู้ใดเหล่าหมอที่รายล้อมอยู่ข้าง ๆ ล้วนอับจนหนทาง มิสู้ให้อวิ๋นฝูหลิงได้ลองทำมิดีกว่าหรือหากรักษาพวกนางสามแม่ลูกไว้ได้จะเป็นการดีที่สุดหากทำไม่ได้ เช่นนั้นก็เอาชีวิตของนางไปแทนลูก ๆ เถิดแม้นาจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ทว่ายามที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงหน้า นางก็ยังคงตื่นเต้นอยู่ดีโชคดีที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจานุ่มนวล ทำให้นางคลายความตื่นตระหนกในใจไปได้มากหลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจรให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว จึงกำชับนางว่านับตั้งแต่ตอนนี้ห้ามกินอะไรเข้าไป มิเช่นนั้นจะกระทบต่อการผ่าตัด เป็นอันตรายถึงชีวิตฮูหยินน้อยฉู่ได้ยินน้ำเสียงแสนจริงจังของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว รีบแสดงท่าทีว่านางเชื่อฟังคำพูดของอวิ๋นฝูหลิงไม่มีบิดพลิ้ว ไม่กินอะไรลงท้องแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนั้น ก็พอใจมากนางชอบผู้ป่วยที่เชื่อฟังคำสั่งของหมอเป็นที่สุดหลังอวิ๋นฝูหลิงกำชับสิ่งท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 367

    โอวหยางหมิงไม่ทันตั้งตัวกับคำขอของอวิ๋นฝูหลิงเอาเสียเลยนี่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ที่ทำการผ่าท้องเอาเด็กออก ในขณะที่มารดาที่ตั้งครรภ์ยังมีชีวิตอยู่หากเป็นอย่างที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจริง ๆ ที่ว่าหลังผ่าตัดแล้ว ทั้งมารดาและบุตรล้วนมีชีวิตอยู่ต่อได้โดยปลอดภัยละก็ พอจะจินตนาการออกเลยว่าจะก่อความตื่นตะลึงมากมายมหาศาลเลยทีเดียววีรกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ จะต้องถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ ถึงขั้นในตำราประวัติศาสตร์ก็อาจจะเป็นได้ว่าจะบันทึกเอาไว้อย่างโดดเด่นอีกด้วยฉากที่ได้เป็นประจักษ์พยานเช่นนี้ โอวหยางหมิงย่อมหวังว่าตัวเขาเองจะอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหลังจากโอวหยางหมิงตอบรับคำร้องขอของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว ก็เอ่ยถามอีกครั้งว่า “ฝูหลิง เจ้าต้องการผู้ช่วยสักกี่คน จะให้ปู่เรียกคนในสำนักแพทย์หลวงมาให้เจ้าสักหลาย ๆ คนหน่อยหรือไม่?”โอวหยางหมิงมั่นใจ ขอแค่เขาเรียกตัว เหล่าหมอหลวงในสำนักแพทย์หลวงจำนวนไม่น้อยจะต้องให้ความสนใจกับการผ่าคลอดครั้งนี้ ทั้งยังเต็มใจมาช่วยอีกด้วยอวิ๋นฝูหลิงส่ายหน้าพลางกล่าว “เรื่องท่านหมอนั้นข้ามีตัวเลือกอยู่ในใจแล้ว ไม่ต้องการใครอีกเจ้าค่ะ”“แต่ได้ยินว่าในสำนักแพทย์หลว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 366

    ยามนี้ ผู้เฝ้าประตูเดินเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง พระชายา แม่ทัพน้อยฉู่จากจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินมาขอรับ”“บอกว่าต้องการเชิญพระชายาให้ไปตรวจอาการอีกครั้งขอรับ!”อวิ๋นฝูหลิงวางชามโจ๊กในมือลง ฉวยผ้าเช็ดปากมาซับปากเล็กน้อย“เชิญให้ท่านแม่ทัพน้อยฉู่รอที่โถงหน้าสักครู่ อีกประเดี๋ยวข้าจะตามไป”เมื่อวานนี้นางมั่นใจยิ่ง ว่าท้ายที่สุดแล้วสกุลฉู่ก็จะมาหานางเนื่องจากสถานการณ์ของฮูหยินน้อยฉู่ หากเป็นการคลอดธรรมชาติ ด้วยวิชาแพทย์ในปัจจุบันนี้ของแคว้นต้าฉีนั้น แทบจะไม่มีหมอคนไหนที่สามารถรับรองความปลอดภัยของทั้งมารดาและบุตรได้เลยเดิมทีนางคิดว่าสกุลฉู่จะฝืนทนต่ออีกสองสามวัน เฝ้าหาหมอชื่อดังหลายท่านไปตรวจดูนึกไม่ถึงว่านี่เพิ่งผ่านไปเพียงวันเดียว ฉู่หมิงก็มาเชิญนางถึงหน้าประตูด้วยตนเองเสียแล้วการกระทำของสกุลฉู่ ยิ่งทำให้อวิ๋นฝูหลิงมั่นใจว่าสกุลฉู่เอนเอียงที่จะใช้วิธีผ่าท้องเอาเด็กออกที่นางเสนอแล้วเซียวจิ่งอี้ว่า “วันนี้ข้าไม่มีกิจอันใดพอดี ตามเจ้าไปได้”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า หลังกลับไปหยิบกล่องยาที่ห้องแล้ว จึงเดินไปที่โถงหน้ากับเซียวจิ่งอี้ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นว่าไม่มีใครเรียกนาง ครั้นลองคิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 365

    อย่าว่าแต่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ถูกเซียวจิ่งอี้แย่งแส้ไปเลย นี่ยังถูกซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาขนาดนี้อีกครั้นฉยงอวี้จวิ้นจู่สบเข้ากับดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเดือดดาลคู่นั้นของเซียวจิ่งอี้ ในใจพลันหวาดหวั่นขึ้นมาแต่พอนึกถึงสาเหตุที่ตัวเองมาที่นี่ในวันนี้แล้ว จึงรู้สึกมั่นใจและหาญกล้าขึ้นมาทันที“พี่เจ็ด ท่านถามว่าข้าคิดจะทำอะไรหรือ? ข้าอยากถามอวิ๋นฝูหลิงมากกว่า ว่านางคิดจะทำอะไร?”“เจ้ายังจะกล้าต่อปากต่อคำอีก?” เซียวจิ่งอี้บันดาลโทสะ ง้างมือเหวี่ยงแส้ออกไปฉยงอวี้จวิ้นจู่หลบไปข้าง ๆ ด้วยความตกใจทันทีดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา ท่าทางน้อยอกน้อยใจเป็นที่สุดทว่าแส้ของเซียวจิ่งอี้กลับสะบัดไปถูกอากาศเท่านั้น มิได้พุ่งไปยังบริเวณที่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ยืนอยู่เมื่อครู่นี้ด้วยซ้ำ“หากเจ้ายังกล้าทำตนไม่เคารพไม่ให้เกียรติพี่สะใภ้เจ้าอยู่อีก หนหน้าแส้ในมือข้าจะไม่โดยเพียงอากาศแล้ว!” แววตาของเซียวจิ่งอี้เย็นชาเป็นอย่างยิ่งเขาไม่ยอมให้ใครหน้าไหนก็ตามมารังแกอวิ๋นฝูหลิง!ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเซียวจิ่งอี้มีโทสะเข้าแล้วจริง ๆ ถึงกับอดหดคอด้วยความหวาดกลัวไม่ได้นางชอบเล่นกับเซียวจิ่งอี้มาตั้งแต่เด็ก เพราะว่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 364

    “วันพรุ่งไม่สู้ลองเชิญพระชายาอี้อ๋องมาอีกครั้ง แล้วให้อธิบายวิธีผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออกให้ละเอียดดีหรือไม่?”“หลังลองฟังดูแล้วค่อยตัดสินใจกันอีกครา?”หลังจากที่คังจวิ้นอ๋องและคนอื่น ๆ สบตากัน ทุกคนล้วนเห็นด้วยที่วันพรุ่งจะเชิญอวิ๋นฝูหลิงมาอีกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวคังจวิ้นอ๋อง พวกเขาอยากได้ยินอวิ๋นฝูหลิงพูดเองกับหูส่วนทางอวิ๋นฝูหลิงหลังจากกลับมาถึงจวนอี้อ๋องนั้น ก็เข้ามิติไปรื้อค้นในเรือนไม้ไผ่ เพื่อตระเตรียมของสำหรับการผ่าคลอดนางมีลางสังหรณ์ ว่าสุดท้ายแล้วสกุลฉู่จะยอมให้นางทำการผ่าคลอดวันต่อมา ขณะที่อวิ๋นฝูหลิงกำลังกินข้าวเช้า ในจวนอ๋องพลันมีแขกไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่งปรากฏตัวครั้นอวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่เสด็จมา จึงประหลาดใจไม่น้อยนับแต่งานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ทั้งคู่ก็ไม่ได้คลุกคลีอะไรกันอวิ๋นฝูหลิงสัมผัสได้ราง ๆ ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่ดูเหมือนจะมีเจตนาร้ายต่อนาง จึงคอยอยู่ห่าง ๆ ไว้แล้วเหตุใดนางถึงได้โผล่มาถึงหน้าจวนกะทันหันแบบนี้?วันนี้เซียวจิ่งอี้มิได้มีกิจอันใดพอดี และกำลังร่วมกินข้าวเช้าอยู่กับอวิ๋นฝูหลิงครั้นทราบว่าฉยงอวี้จวิ้นจู

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 363

    จะรักษาชีวิตคนใหญ่หรือเด็ก นี่จะให้พวกเขาเลือกเช่นไร?คังจวิ้นอ๋องกัดฟัน แล้วโพล่งขึ้นมาว่า “มิใช่ว่าพระชายาอี้อ๋องผู้นั้นบอกว่าสามารถผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออกมาได้หรอกหรือ?”พระชายาคังจวิ้นอ๋องมองคังจวิ้นอ๋องด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านเสียสติไปแล้ว?”หากบุตรสาวถูกผู้อื่นผ่าเปิดหน้าท้องแล้ว ยังจะมีชีวิตอยู่ได้เช่นไร?อย่างมากก็แค่ไม่เก็บครรภ์นี้ไว้ แล้วให้สกุลฉู่รักษาชีวิตคนใหญ่ไว้เสียดีกว่าถึงอย่างไรชีวิตของบุตรสาวย่อมสำคัญกว่า!ไว้บำรุงร่างกายของบุตรสาวดี ๆ แล้วค่อยมีบุตรใหม่อีกครั้งก็ได้แล้วทว่าคังจวิ้นอ๋องกลับมีความคิดที่ต่างออกไปแม้ว่าเขาจะเป็นท่านอ๋องจอมเอ้อระเหย แต่เรื่องใหญ่อย่างเซียวจิ่งอี้แต่งพระชายานั้น เขาที่เป็นราชนิกุลย่อมรู้เรื่องแน่นอนกระทั่งคุณงามความดีของพระชายาอ๋องผู้นั้นของเซียวจิ่งอี้ ก็มีคนพูดถึงกันอยู่ไม่น้อยพระชายาอี้อ๋องผู้นั้น มีวิชาแพทย์ติดตัวอยู่บ้างจริง ๆในเมื่อนางกล้าออกปากพูดถึงวิธีผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออก ก็ไม่มีทางเป็นคำพูดเลื่อนเปื้อนที่พูดไปเรื่อยแน่มิเช่นนั้นนางจะรับเพลิงโทสะของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินกับจวนคังจวิ้นอ๋องได้ไหวหรือต่อให้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 362

    ขณะที่ฉู่หมิงกำลังเดินวนไปวนมาด้วยความร้อนรนนั้น พลันได้ยินเสียงประตูเปิดดัง “แอ๊ด”เมื่อเขาเงยหน้ามอง ก็เห็นโอวหยางหมิงเดินออกมาพอดิบพอดีฉู่หมิงรีบก้าวเข้าไปคารวะจากนั้นไม่รั้งรอให้เขาพูดอันใด โอวหยางหมิงก็พูดขึ้นว่า “พอเถิด ไม่ต้องทำพิธีการหยุมหยิมพวกนี้หรอก มิใช่ว่ามาเชิญข้าไปตรวจอาการหรอกหรือ รีบนำข้าไปเถิด” ฉู่หมิงชะงัก ครั้นได้สติก็เข้าใจความหมายในคำพูดนี้ของโอวหยางหมิงว่าเต็มใจไปตรวจอาการให้ จึงดีเนื้อดีใจขึ้นมาในชั่วพริบตาเขารีบเข้าไปประคองโอวหยางหมิงขึ้นรถม้าด้วยตนเอง จากนั้นก็ตรงดิ่งไปยังสกุลฉู่กระทั่งมาถึงสกุลฉู่ จึงเห็นว่าครอบครัวคังจวิ้นอ๋องต่างมากันพร้อมหน้าแล้วทันทีที่เห็นโอวหยางหมิงเข้ามา คังจวิ้นอ๋องและคนอื่น ๆ ล้วนลุกขึ้นยืนกันอย่างพร้อมเพรียง แล้วเดินล้อมเข้ามาหาเขาโอวหยางหมิงประสานมือ “ให้ตาเฒ่าเช่นข้าได้ดูอาการคนป่วยสักหน่อยเถิด”ฉู่หมิงนำทางโอวหยางหมิงไปด้วยตนเองฮูหยินน้อยฉู่กินยาที่อวิ๋นฝูหลิงจัดไว้ให้ แล้วรู้สึกสบายขึ้นมาก ตอนนี้กำลังหลับอยู่โอวหยางหมิงเคลื่อนไหวเบามือ หลังจากตรวจชีพจรให้ถ้วนถี่ดูแล้ว จึงออกจากห้องไปคังจวิ้นอ๋องและคนอื่น ๆ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 361

    ฮูหยินฉู่หวาดหวั่นใจ จนคิดไม่ตกไม่ชั่วขณะแม้อวิ๋นฝูหลิงจะบอกว่าสามารถผ่าเปิดหน้าท้องเพื่อเอาเด็กออก แล้วรักษาชีวิตของมารดากับบุตรไว้ได้ ทว่ามีความมั่นใจเพียงห้าส่วนเท่านั้นนางไม่กล้าเสี่ยงยิ่งไปกว่านั้นเรื่องใหญ่เช่นนี้ มิใช่เรื่องที่นางจะตัดสินใจได้เพียงคนเดียวอวิ๋นฝูหลิงเข้าใจดีว่าผ่าท้องเอาเด็กออกนั้นมิใช่เรื่องเล็ก ๆ สกุลฉู่ย่อมต้องการเวลาเพื่อใคร่ครวญและตัดสินใจนางจึงเขียนเทียบยาแผ่นหนึ่งไว้ให้กินยาตามเทียบยานี้ ยังพอทำให้ฮูหยินฉู่ไม่ต้องกังวลใจไปได้สองวันหลังจากส่งตัวอวิ๋นฝูหลิง ฉู่หมิงจึงปล่อยตัวเหล่าท่านหมอที่ก่อนหน้านี้บ้างก็เชิญมา บ้างก็จับตัวมากลับไปเช่นกันกระทั่งย้อนกลับเข้ามาจึงเห็นฮูหยินฉู่นั่งซึมกะทือไร้สติอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางราวกับถูกดึงวิญญาณออกไปอย่างไรอย่างนั้น ดูเฒ่าชราลงไปมากในชั่วพริบตาเดียวฉู่หมิงก้าวเข้าไปหา “ท่านแม่ มันจะต้องมีสักทางแน่!”“พระชายาอี้อ๋องนั่นต้องกำลังพูดขู่อยู่แน่ ๆ ผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออกอะไรกัน แบบนั้นมิใช่ว่าเป็นการคร่าชีวิตของซินเอ๋อร์ไปหรอกหรือ?”“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าทั่วทั้งแคว้นต้าฉีจะหาท่านหมอที่เก่งกาจวิชาแพทย์กว่านา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 360

    หมอตำแยที่เชิญมามีชื่อเสียงในเมืองหลวงคาดไม่ถึงว่าหลังจากหมอตำแยดูอาการของฮูหยินน้อยฉู่แล้ว จะบอกว่าอาการไม่สู้ดี เกรงว่าคงให้กำเนิดทารกออกมาไม่ได้หลังจากรายงานตามความจริง หมอตำแยก็คืนเงินมัดจำทันที และปฏิเสธที่จะรับงานนี้คราแรกสกุลฉู่ไม่เชื่อ จึงไปหาหมอตำแยคนอื่น ถึงขั้นเชิญหมอมาด้วยหลังจากมาตรวจอาการ ทุกคนก็ต่างบอกว่าอาการไม่สู้ดีวันนี้ฮูหยินน้อยฉู่ยังบังเอิญได้ยินสาวใช้ในจวน พูดว่านางไม่อาจให้กำเนิดลูกได้นี่จึงทำให้น้ำคร่ำของนางแตกสาวใช้ขี้นินทาผู้นั้นเป็นธรรมดาที่จะถูกฮูหยินฉู่จัดการแต่หมอทุกคนที่เชิญมาต่างก็ส่ายศีรษะ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าบอกว่าสามารถปกป้องทั้งแม่และลูกให้ปลอดภัยได้อวิ๋นฝูหลิงเป็นคนแรก ทั้งยังเป็นเพียงคนเดียวที่บอกว่ามีวิธีแม้ฮูหยินฉู่จะถูกคำว่า ‘ผ่าท้องคลอดเด็ก’ สี่พยางค์นี้ทำให้ตกใจ แต่ก็ยังสงบสติอารมณ์ลงได้ และกล่าวยืนยันกับอวิ๋นฝูหลิง“พระชายา การผ่าตัดคลอดเด็กที่ท่านพูดถึง ไม่เพียงแต่รักษาชีวิตเด็กไว้ได้ แต่ยังรักษาชีวิตผู้ใหญ่ไว้ได้ด้วยหรือ?”เห็นอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า นางก็ถามอีกครา “มีโอกาสพลาดหรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงเม้มปาก “ทุกครั้งที

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status