อวิ๋นฝูหลิงคิดแต่จะช่วยคน จึงขี้เกียจสนใจนาง ไม่แม้แต่จะช้อนตามองสักนิดเด็กสาวเห็นอวิ๋นฝูหลิงไม่สนใจนาง ใบหน้างามแดงเถือกทันที เหมือนถูกเหยียดหยามอย่างมาก“นี่ ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ หรือเจ้าจะเป็นใบ้ ไม่ได้ยินอย่างนั้นหรือ?”ขณะนี้ ท่ามกลางฝูงชน ชายวัยกลางคนร่างท้วมอายุสี่สิบกว่าคนหนึ่ง เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “แม่นางน้อย เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน คนที่พี่ชายเจ้าช่วยไม่ได้ ใช่ว่าคนอื่นจะช่วยไม่รอดนะ”ท่ามกลางชาวบ้านมีคนไม่พอใจคำพูดของเด็กสาว แต่เห็นนางแต่งตัวหรูหรา แค่ดูก็รู้ว่าฐานะไม่ธรรมดา จึงไม่กล้าต่อว่าส่งเดชตอนนี้เมื่อเห็นมีคนพูดขึ้น พวกเขาจึงรีบสำทับทันที“ตัวเองช่วยไม่ได้ ยังไม่ยอมให้คนอื่นช่วยหรือ?”“ไม่เคยเห็นคนเยี่ยงนี้มาก่อนเลย”“หมอหนุ่มผู้นี้ดูอายุเพียงยี่สิบต้นๆ วิชาแพทย์จะเก่งกาจสักเพียงใด?”เดิมทีคนตระกูลเฉินยังฝากความหวังให้หมอหนุ่มช่วยลูกหลานตัวเอง เมื่อได้ยินเขาบอกว่าช่วยไม่ได้ นอกจากรู้สึกเจ็บปวดแล้ว ยังพาลโกรธอีกฝ่ายไปด้วยยามนี้เมื่อเห็นเด็กสาวเอ่ยปากเหน็บแนม ซ้ำยังขวางไม่ให้คนช่วยลูกตัวเอง ทำให้พวกเขายิ่งโกรธ ทันใดนั้นจึงด่าทอไปพร้อมพวกชาวบ้าน
อวิ๋นซานหูจับแขนเสื้อติงหมิงรุ่ยแล้วเขย่าไปมาพลางออดอ้อน “ท่านพี่ นางก็แค่โชคดีเหมือนแมวตาบอดจับหนูตายได้ จะไปมีความรู้วิชาแพทย์ที่สูงส่งได้อย่างไร!”ติงหมิงรุ่ยถูกนางปลอบ จึงสบายใจขึ้นมาบ้างใช่สินะ ก็แค่หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง ที่มีความรู้ระดับภูมิปัญญาชาวบ้านเท่านั้นแต่เขาไม่เหมือนกัน เขามีพรสวรรค์ล้ำเลิศ เกิดมาในตระกูลแพทย์อีกทั้งมีชื่อเสียงแต่เด็ก ภายหน้าต้องสอบเข้าสำนักหมอหลวง มียศถาบรรดาศักดิ์ กลายเป็นหมอหลวงที่มีชื่อเสียงหนำซ้ำแวดวงการแพทย์ยังเป็นพื้นที่ของบุรุษมาโดยตลอดแม้สตรีจะเรียนรู้วิชาแพทย์ แต่สังคมไม่ยอมให้พวกนางมานั่งรักษาอยู่ในสำนักอย่างเปิดเผยอย่างมากก็แค่ได้เข้าไปเป็นหมอหลวงระดับล่างสุดในสำนักหมอหลวง เป็นลูกมือให้พวกหมอหลวงชายเท่านั้นเมื่อคิดได้เช่นนี้ ติงหมิงรุ่ยสบายใจขึ้นมาก จากนั้นกลับมามั่นอกมั่นใจอีกครั้งความวุ่นวายในตระกูลเฉินดำเนินไปสักพักใหญ่ถึงจะสงบลงจากการเตือนสติของผู้ใหญ่บ้านโจว สองสามีรรยาเฉินเหล่าเอ้อร์ถึงจำบุญคุณของอวิ๋นฝูหลิงได้จากคำซุบซิบของชาวบ้านรอบข้าง ทำให้อวิ๋นฝูหลิงพอปะติดปะต่อเหตุการณ์ของตระกูลเฉินได้แม่เฒ่าเฉินเป็นม่ายสามีตาย
อวิ๋นฝูหลิงชิมน้ำแกงเห็ดคำหนึ่ง ต่อหมั่นโถวอีกคำด้วยความเพลิดเพลินหลังคราวโลกวิบัติอมนุษย์ครองเมือง พืชพันธุ์กลายพันธุ์ ทำให้อาหารขาดแคลน จะหาเห็ดป่าหอมหวานสดใหม่เช่นนี้ได้จากที่ไหนอีกแม้ต่อมาฐานปฏิบัติการจะพยายามวิจัยเพาะพันธุ์พืชบางชนิด แต่ผลผลิตที่ได้กลับน้อยนิดหมั่นโถวสิบกว่าลูกที่อวิ๋นฝูหลิงเก็บเอาไว้ในมิติ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่นางใช้เส้นสาย พึ่งคะแนนสมทบซื้อมาได้อย่างยากลำบากเมื่อครู่ให้พวกลูกพี่อู๋ทั้งสี่คนไป อาลัยอาวรณ์เสียจนหืดขึ้นคอแต่ถ้าอยากให้ม้าวิ่งก็มีแต่ต้องให้อาหารม้านางต้องการชักนำพวกลูกพี่อู๋มาเป็นพวกของนางโดยเบ็ดเสร็จ ให้พวกเขาจงรักภักดีเชื่อฟังนางอย่างสุดจิตสุดใจแต่เพียงผู้เดียว การลงทุนด้วยหมั่นโถวขาวสี่ลูกนี้จึงนับว่าได้หว่านเมล็ดแล้วอีกอย่าง จากการสังเกตคร่าวๆ โลกนี้มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งไม่ได้อยู่ในช่วงระส่ำระสาย การหุงหาอาหารจึงไม่ใช่เรื่องยากนักอวิ๋นฝูหลิงมีความคิดแล่นโลดอยู่ในใจ วางแผนชีวิตวันข้างหน้าของตนทว่าลูกพี่อู๋ทั้งสี่ต่างเมียงมองดูหมั่นโถวขาวในมือ ค่อยๆ กลืนน้ำลายลงเฮือกหมั่นโถวจากแป้งขาวเชียวนะ!แม่นางอวิ๋นไม่เพียงแต่แบ่งอาหาร
เพียงแต่ศาสตร์ฝังเข็มฉบับตกทอดในสกุลอวิ๋นที่นางเคยเรียน มีเพียงครึ่งแรกเท่านั้นว่ากันว่าอีกส่วนหนึ่งสาบสูญไปตอนบ้านเมืองระส่ำระสาย ดังนั้นลูกหลานสกุลอวิ๋นที่เรียนศาสตร์ฝังเข็ม จึงได้เรียนเพียงส่วนที่เหลืออยู่ แต่ศาสตร์ฝังเข็มฉบับนั้นก็ละเอียดมาก แม้จะมีเพียงครึ่งเดียว ก็มากพอจะทำให้สกุลอวิ๋นตั้งตัวในแดนซิ่งหลินได้อวิ๋นฝูหลิงเปิดดูศาสตร์ฝังเข็มสกุลอวิ๋นในมือออกดู พบว่าศาสตร์ฝังเข็มที่บันทึกไว้มีเนื้อหาเยอะกว่าครึ่งที่ตกทอดในสกุลอวิ๋นอยู่มากศาสตร์ฝังเข็มสกุลอวิ๋นในมือนางนี้ ดูท่าจะเป็นฉบับสมบูรณ์ เหตุใดศาสตร์ฝังเข็มที่สกุลอวิ๋นตกทอดกันมา จึงปรากฏอยู่ที่นี่ได้?หรือว่าเจ้าของร่างเดิมกับสกุลอวิ๋นชาติที่แล้วของนางจะเกี่ยวข้องกัน? ไม่ใช่ว่าเป็นบรรพบุรุษสกุลอวิ๋นของนางหรอกหรือ?ในใจอวิ๋นฝูหลิงผุดข้อสงสัยขึ้นมากมายแม้ความทรงจำที่เจ้าของร่างเดิมเหลือให้นางจะไม่สมบูรณ์นัก แต่ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับรู้สึกได้ว่าฐานะของเจ้าของร่างเดิมเกรงว่าจะไม่ธรรมดาลูกหลานตาสีตาสา มีหรือจะจ้างแม่นมมาให้เด็กน้อยบ้านตนได้?อีกอย่างเจ้าของร่างเดิมกับแม่นมยังใช้ฐานะแม่กับลูกสาว ใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อนอยู่
อวิ๋นฝูหลิงเอ่ย “ลมภายนอกเข้าสู่ร่างกาย อีกทั้งความตื่นกลัว จึงทำให้ไข้ขึ้นสูงไม่ยอมลด หากจะรักษาก็ไม่ยาก ข้าจะเขียนเทียบยาให้ ดื่มยาสักสองวันเป็นอันใช้ได้”เฉินเหล่าต้าได้ยินว่าลูกตนตื่นกลัว ก็นึกถึงเรื่องวันก่อนที่ตบนางไปฝ่ามือหนึ่ง ในใจเกิดรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างสะใภ้ใหญ่เฉินดวงตาแดงก่ำ “รบกวนแม่นางอวิ๋นแล้ว ส่วนค่าหยูกยา...”สะใภ้ใหญ่เฉินยังพูดไม่ทันจบ คนสกุลเฉินคนอื่นๆ ก็ต่างกระโดดเข้าวง เอ่ยขึ้นอย่างเหน็บแนม“บ้านเรามีเงินจ่ายค่ายาให้ต้ายาที่ไหนกัน!”“ของขาดทุนแท้ๆ แค่ทนเอาสักหน่อยก็หายแล้วเชียว”“ลำเอียงให้รักก็แล้ว ยังต้องมาเสียเงินซื้อหยูกยา”“พวกเจ้าให้นางรักษา เช่นนั้นค่าหยูกยาพวกเจ้าต้องเป็นคนจ่าย!”เฉินเหล่าต้ารู้ดีว่าการลี้ภัยในครั้งนี้ แม่จะต้องเอาทุกสิ่งอย่างที่มีติดมาด้วยเป็นแน่ ไม่มีทางไร้เงินติดกายเขามองไปยังลูกสาวที่จับไข้จนหน้าแดงเถือก แม้เมื่อเผชิญหน้ากับแม่บังเกิดเกล้าตนจะไม่กล้ามีปากมีเสียงทว่าก็ยังเปิดปากพูด “ท่านแม่ พวกข้ามีเงินเสียที่ไหน? เงินที่พวกข้าหามาได้ก็ให้ท่านแม่ไปหมดแล้ว...”แม่เฒ่าเฉินจ้องเขม็ง “ที่เจ้าดื่มเจ้ากินก็ล้วนเป็นของที่บ้าน ได้
ปฏิกิริยาแรกของอวิ๋นซานหูคือ อวิ๋นฝูหลิงจะต้องซื้อยาลูกกลอนมาจากสำนักช่วยชีพเป็นแน่แต่ยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพราคาสูงลิบลิ่ว ตลอดมาเสนอขายให้กับคนมีลาภยศเท่านั้นอวิ๋นฝูหลิงหญิงบ้านนอก สวมเสื้อผ้าซอมซ่อ จะซื้อยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพไหวได้อย่างไร?นึกไม่ถึงว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับบอกว่ายาลูกกลอนนี้นางทำขึ้นมาเองจะเป็นไปได้อย่างไร?ยาลูกกลอนนี้เป็นสูตรลับของสำนักช่วยชีพ นอกจากสกุลอวิ๋นของพวกนางแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดทำออกมาได้! สำนักแพทย์ในราชวงศ์ต้าฉีไม่ได้มีเพียงสำนักช่วยชีพสำนักเดียว สำนักอื่นจะไม่อิจฉาตาร้อนการค้าของสำนักช่วยชีพหรือ?ย่อมไม่ใช่ เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่อาจทำยาลูกกลอนเช่นสำนักช่วยชีพออกมาได้ จึงแย่งชิงส่วนแบ่งไปไม่ได้เท่านั้นเองอวิ๋นซานหูจ้องเขม็งไปยังอวิ๋นฝูหลิง น้ำเสียงกดดันคน “เจ้าโกหก คนอย่างเจ้าจะทำยาลูกกลอนออกมาได้อย่างไร?”อวิ๋นฝูหลิงร้อง “หา?”ใบหน้านางเปี่ยมด้วยความสงสัยก็แค่ยาลูกกลอนเม็ดเดียวเท่านั้น ทำไมนางจะทำออกมาไม่ได้?อวิ๋นฝูหลิงกำลังจะโต้กลับ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างกาย “แม้ยาลูกกลอนจะทำขึ้นโดยผู้อาวุโสอวิ๋นแห่งสำนักช่วยชีพ ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้อื
ยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งต่อหนึ่งตำลึงเงิน แม้ว่าเงินนี้แม่เฒ่าเฉินไม่ใช่คนออก นางก็ยังรู้สึกเสียดายจนลมแทบจับอย่างไรนางก็นับว่าสินเดิมของลูกสะใภ้เป็นทรัพย์สินของตนอยู่นานแล้วลูกสะใภ้ใช้จ่ายสินเดิมของตน ก็เท่ากับว่าใช้เงินของนางไม่ใช่หรือ?ทว่าสิ่งที่อวิ๋นซานหูจดจ่อคือยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพ ราคาถูกที่สุดก็ยังสิบตำลึงเงินต่อหนึ่งเม็ดอวิ๋นฝูหลิงขายเพียงหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งเม็ด ขายตัดราคาเช่นนี้ ในใจนางจึงอยู่ไม่สุขยิ่งหากยาลูกกลอนไม่ใช่สิ่งที่สำนักช่วยชีพครอบครองแต่เพียงผู้เดียวแล้ว อีกทั้งราคายังถูกถึงขั้นหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งเม็ด ใครจะมาซื้อยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพอีก? เช่นนั้นก็ไม่เป็นผลดีต่อสำนักช่วยชีพแล้ว!ทว่าคนสองคนคิดเห็นเช่นไร ต่างไม่มีใครสนใจสะใภ้ใหญ่เฉินไปนำเงินมาโดยไม่ได้ปริปากแต่นางมีไหวพริบ ไม่ได้ตรงไปเอาตำลึงเงินหรือเหรียญอีแปะโดยตรง แต่หยิบเอาปิ่นปักผมเงินสลักดอกเหมยซึ่งเป็นสินเดิมของนางออกมาปิ่นปักผมชิ้นนี้มีเพียงส่วนดอกเหมยของปิ่นที่ทำจากเงิน อีกอย่างเมื่อเวลาผ่านไป เนื้อเงินก็เปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว อย่างมากราคาก็เพียงหนึ่งตำลึงเงินอวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองสะ
หลังจากทั้งสองนั่งลงบนก้อนหินแล้ว อวิ๋นฝูหลิงจึงเอ่ยถาม “ข้าเห็นแม่นางที่ชื่ออวิ๋นซานหูหยิ่งทะนงตนนัก นางบอกว่านางเป็นคนของจวนจี้ชุนโหว สำนักช่วยชีพก็เป็นของบ้านนาง จวนจี้ชุนโหวกับสำนักช่วยชีพร้ายกาจมากเลยหรือ?”มีความประหลาดใจเสี้ยวหนึ่งวาบผ่านแววตานายท่านหางสำนักช่วยชีพมีอยู่ทั่วเขตปกครองต่างๆ ของต้าฉี เกรงว่าราษฎรของต้าฉีไม่มีใครไม่รู้จักสำนักแพทย์แห่งนี้แต่เมื่อคิดว่าหมู่บ้านหลินซานตั้งอยู่ในภูเขาพื้นที่อันห่างไกล ชาวบ้านไม่รู้ข่าวก็ไม่แปลกเขากล่าวอธิบาย “พูดถึงจวนจี้ชุนโหวกับสำนักช่วยชีพ ก็ต้องพูดถึงหมอเทวดาผู้เฒ่าอวิ๋นของสกุลอวิ๋น”“เล่ากันว่าหมอเทวดาผู้เฒ่าอวิ๋นมาจากเกาะเย่าหวัง ตอนนั้นออกจากเกาะเพื่อสั่งสมประสบการณ์ บังเอิญฮ่องเต้เกาจู่ก่อกบฏ ทุกที่เต็มไปด้วยสงคราม”“ครั้งหนึ่งในสงคราม ฮ่องเต้เกาจู่ถูกลูกธนูยิง ชีวิตตกอยู่ในอันตราย และหมอเทวดาผู้เฒ่าอวิ๋นก็ผ่านมาพอดี จึงช่วยชีวิตฮ่องเต้เกาจู่ไว้”“ต่อมาหมอเทวดาผู้เฒ่าอวิ๋นได้เข้าสังกัดภายใต้บัญชาของฮ่องเต้เกาจู่ในฐานะแพทย์ทหาร”“ต่อมาฮ่องเต้เกาจู่สยบทั่วหล้า สถาปนาราชวงศ์ต้าฉี แต่งตั้งขุนนางตามผลงาน”“หมอเทวดาผู้เฒ่
ทว่าไฟดวงหนึ่งในบริเวณที่อยู่ไม่ไกลห่างจากคนตระกูลเวินพวกนี้นักสั่นไหวอยู่ท่ามกลางท้องนภาเล็กน้อย ราวกับกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่างเซียวจิ่งอี้เห็นไฟดวงนั้นแล้ว มุมปากพลันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยดูท่าเรื่องที่เขามอบหมายแก่เทียนเฉวียน จะจัดการได้เสร็จเรียบร้อยแล้วในเมื่อเตรียมการทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว เช่นนั้นก็ได้เวลาลงมือสะสางเสียทีเซียวจิ่งอี้พยักหน้าให้จ้าวเสวียซือทันทีจ้าวเสวียซือเข้าใจความนัย รีบพาคนลงไปเตรียมพร้อมคนงานขนย้ายของขึ้นไปบนเรือทีละคน ๆ ทุกครั้งที่มาทำการค้า คนญี่ปุ่นพวกนั้นไม่มีใครอยากทำเรื่องเหน็ดเหนื่อยอย่างการขนย้ายของพวกนี้ด้วยตัวเอง ทั้งยังไม่อยากเปลืองเงินทองจ้างคนดังนั้นงานหนักอย่างการขนย้ายของเหล่านี้ ล้วนเป็นฝั่งตระกูลเวินที่รับผิดชอบคนงานบนเรือทำตามคำสั่ง เข้าไปขนย้ายสินค้าที่ใต้ท้องเรือทว่าทันทีที่เข้าใต้ท้องเรือ ก็ถูกจ้าวเสวียซือนำคนเข้าปราบปรามในทันทีคนเหล่านี้ล้วนเป็นชาวบ้านยากจนที่ใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาตระกูลเวิน ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ขององครักษ์ผู้มีวิทยายุทธ์สูงส่งซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของเซียวจิ่งอี้กลุ่มนั้นได้บนเรือเพิ่งลงมือได
ครั้นเหล่าโจรกบฏเผ่าเยว่พวกนั้นที่ถูกควบคุมตัวอยู่ด้วยกันได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง ไหนเลยยังจะกล้าคิดหนีขึ้นมาอีกนับแต่ถูกจับ พวกเขาทั้งกลุ่มล้วนได้สัมผัสกับความร้ายกาจของยาพิษพวกนั้นของอวิ๋นฝูหลิงมาแล้วทั้งสิ้นกระทั่งเฉาเหล่าต้ากับพรรคพวกสองสามคนที่เป็นถึงหัวหน้าก็ถูกยาพิษของอวิ๋นฝูหลิงทรมานจนอยู่ไม่สู้ตาย ท้ายที่สุดพอถามอะไรมา ล้วนสารภาพออกไปเสียสิ้นสภาพร่างกายของพวกเขาในยามนี้ยังคงตกอยู่ในฤทธิ์ยาของอวิ๋นฝูหลิง แต่ละคนล้วนอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงไปทั้งกายบัดนี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงหยิบผงพิษที่ทำให้ผิวคนเน่าเปื่อยจนสิ้นลมได้ออกมาอีก ทุกคนจึงอดก่นด่าอวิ๋นฝูหลิงอยู่ในใจไม่ได้แม่นางผู้นี้รูปโฉมก็งดงามอยู่หรอก แต่ทำไมจิตใจถึงได้อำมหิตเช่นนี้!ไม่ว่าในใจพวกเขาจะด่าทอเช่นไร ทว่ากลับไม่กล้าเผยออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียวแต่ละคนล้วนว่าง่ายราวกับแมวเชื่องหวั่นกลัวก็แต่ว่าตนเองจะเผลอทำอะไรไปเพียงเล็กน้อย แล้วจะถูกเข้าใจผิด นำไปสู่หายนะที่เป็นการพาตนเองไปสู่ความตายหลังจากที่อวิ๋นฝูหลิงตามไปรวมกับเซียวจิ่งอี้ นั่งเรือพ่อค้าญี่ปุ่นออกไปแล้ว เซียวจิ่งอี้ถึงได้เอ่ยถาม “ขวดยาไม่กี่ขวดที
ช่วงเวลาที่นางจากไปนี้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางเมืองหลวงจะเป็นเช่นไรบ้างพวกท่านลุงหลินกับท่านปู่โอวหยาง จะศึกษาเทียบยาที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าของเดิมออกมาได้ไหม?อวิ๋นฝูหลิงลองนับวันดูแล้ว เกรงว่าคงจะควบคุมเรือนเสินเซียนในเมืองหลวงไม่อยู่เสียแล้วเรื่องขี้ผึ้งเทพเซียน เกินกว่าครึ่งล้วนปิดบังไม่มิด ในเมืองหลวงใกล้จะปะทุออกมาแล้วครั้นนึกถึงเรื่องพวกนี้ อวิ๋นฝูหลิงถึงกับลอบถอนหายใจโชคดีที่ในเมืองหลวงมีฮ่องเต้จิ่งผิงคอยดูแลความสงบด้วยองค์เองอยู่ มาตรแม้นว่าจะเกิดความวุ่นวายไปบ้าง แต่ก็มิได้เกิดเรื่องใหญ่โตอันใดยิ่งไปกว่านั้น ทางเมืองหลวงก็พบเรื่องขี้ผึ้งเทพเซียนค่อนข้างเร็ว มีเทียบยาที่นางทิ้งไว้ให้สองสามเทียบอยู่ โอวหยางหมิงกับหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงก็คงจะได้เรื่องได้ราวอะไรบ้างยังพอควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในขอบเขตได้อยู่ส่วนที่อวิ๋นฝูหลิงเป็นห่วงมากกว่าก็คือที่จินโจวจินโจวเป็นสถานที่ที่มีขี้ผึ้งทองปรากฏโฉมเร็วที่สุด แน่นอนว่าคนที่ได้รับพิษของขี้ผึ้งทองนั้นก็มีมากที่สุดและอาการหนักที่สุดด้วยหากจัดการไม่ดี เกรงว่าอาจจะก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นมาได้ในฐานะที่อวิ๋นฝูหลิงเป็น
เซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงรู้ซึ้งถึงจุดนี้ดี ดังนั้นจึงเข้าใจกันโดยปริยายว่าจะไม่พูดถึงเรื่องที่โจรสลัดกลุ่มนั้นจัดแจงให้ไปขุดแร่กำมะถันในเมื่อกำหนดวันออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว อวิ๋นฝูหลิงจึงฉวยโอกาสก่อนที่จะไปจากที่นี่ รีบเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนเกาะหมัวกุ่ยแห่งนี้สิ่งแรกที่จะต้องจัดการก็คือทุ่งดอกอิงซู่ผืนใหญ่ผืนนั้นบนเกาะหมัวกุ่ยอวิ๋นฝูหลิงหาไหดินเผามาจำนวนหนึ่งมาได้ นำคนไปขุดย้ายมาบางส่วน ซึ่งส่วนนี้จะนำกลับไปที่เมืองหลวงอย่างเปิดเผย เพื่อทำการศึกษา ยามขุดย้าย นางอาศัยจังหวะที่คนอื่นไม่ทันสังเกต แอบลูบแล้วหยิบใส่เข้าในมิติไปไม่น้อยมีของพวกนี้เก็บไว้ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ หากต่อไปคิดจะปลูกต้นอิงซู่มากน้อยเท่าไรก็ปลูกได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีดอกอิงซู่มาปรุงยาไม่พอดอกอิงซู่ที่เหลือในทุ่งนั้น ไม่มีเวลาให้ขุดไปได้ทั้งหมด อวิ๋นฝูหลิงจึงให้คนเผาทิ้งทั้งหมดไม่เพียงคอยอยู่ดูคนเผาเท่านั้น หลังเผาเสร็จแล้วยังตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งวันข้างหน้าจะได้ไม่มีคนใช้ทุ่งดอกอิงซู่แห่งนี้มาทำเรื่องชั่วช้าอีกหลังจัดการเรื่องทุ่งดอกอิงซู่แล้วเสร็จ อวิ๋นฝูหลิงจึงคว้าอีเต้อน้อยเล่
พวกเขาไม่มีเครื่องมือ จึงขุดเหมืองกำมะถันไม่ได้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมหรือแสงแดดตามธรรมชาติหรือไม่ บริเวณโดยรอบของเหมืองกำมะถันจึงมีหินกำมะถันกระจายตัวอยู่จำนวนมากอวิ๋นฝูหลิงวางแผนว่าวันนี้จะเก็บหินกำมะถันเหล่านี้ไปให้หมดก่อน เมื่อกลับไปรวบรวมคนกับเครื่องมือแล้ว ค่อยเริ่มขุดเหมืองกำมะถันแห่งนี้การเก็บครั้งนี้ พวกเขาเก็บจนพระอาทิตย์ตกอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าเริ่มมืดแล้ว จึงเพิ่งเรียกทุกคนกลับพวกลูกพี่อู๋ล้วนถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก เพื่อทำเป็นกระเป๋าใส่หินกำมะถันที่เก็บมากลุ่มคนถือถุงหนัก ๆ ที่ทำจากเสื้อตัวนอก เดินกลับไปยามที่พระอาทิตย์ตกดินเมื่ออวิ๋นฝูหลิงกลับมาที่ห้อง ก็พบว่าเซียวจิ่งอี้กลับมาแล้วเขากำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ถือพู่กันเขียนบางสิ่งอยู่เซียวจิ่งอี้ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็เงยหน้ามองไปทางอวิ๋นฝูหลิงเขาวางพู่กันในมือลง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กลับมาแล้วหรือ วันนี้เก็บสิ่งใดได้บ้างหรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แสดงสัญญาณให้พวกเหยากวงถือสัมภาระเข้ามาในห้องอวิ๋นฝูหลิงคลายเชือกที่มัดสัมภาระไว้ และหยิบหินกำมะถันออกมาเขย่าไปทางเซียวจิ
หลังจากจ้าวเสวียซือได้ยินการวิเคราะห์ของเซียวจิ่งอี้ ก็เข้าใจโดยพลัน“คนแคว้นเยว่เจ้าเล่ห์จริงๆ!”ก่อนหน้านี้ยามที่พวกเขาสืบสวนคดีขี้ผึ้งทอง ก็สืบพบว่าขุนนางน้อยใหญ่ของแคว้นจินโจว เกือบครึ่งล้วนยุ่งเกี่ยวกับขี้ผึ้งทองแม้แต่ทางด้านกองทหารรักษาการณ์ของจินโจว ก็ยังมีผู้นำทัพที่ดูดขี้ผึ้งทองเช่นกันยามนั้นพวกเขายังไม่ทันได้จัดการเรื่องนี้ เซียวจิ่งอี้ก็หายตัวไปขณะที่สะกดรอยตามพ่อค้าชาวญี่ปุ่นด้วยเหตุนี้ความสนใจหลังจากนั้นของพวกเขา จึงหันเหมาอยู่ที่การค้นหาร่องรอยของเซียวจิ่งอี้ทั้งหมดยามนี้เมื่อจ้าวเสวียซือหวนนึกขึ้นมาได้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นยะเยือกยามนี้ก็จินโจว เริ่มจากเมืองสู่แคว้น หากขุนนางระดับสูงล้วนติดสารเสพติดอย่างขี้ผึ้งทอง เมื่อการเสพติดออกฤทธิ์แล้ว คนแคว้นเยว่ที่ครอบครองขี้ผึ้งทอง ย่อมมีตัวตนราวกับเป็นเทพถึงครานั้นไม่ว่าคนแคว้นเยว่ต้องการทำอันใด ผู้ที่ติดสารเสพติดย่อมล้วนทำตามโดยไม่มีเงื่อนไขเช่นนั้นหากชาวแคว้นเยว่คิดจะโค่นล้มแคว้นต้าฉี และก่อตั้งแคว้นเยว่ขึ้นมาใหม่ มิใช่ว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ หรือ?จ้าวเสวียซือรู้ว่าอาการยามที่ติดยาเสพติดเป็นอย่างไร ยามนั้
หลังจากได้ยินคำพูดของเซียวจิ่งอี้ ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ ในใจทั้งรู้สึกแปลกใจทั้งสงสัยอย่างไรก็ตามไม่รอให้เขาได้เอ่ยปาก ก็มีคนของหน่วยกระบี่เงามาปิดปากเขา และพาตัวไปไต่สวนคนที่ขึ้นเกาะมากับโยชิดะ ล้วนถูกเซียวจิ่งอี้พาตัวไปโดยไม่มีข้อยกเว้นส่วนคนอื่นที่คอยคุ้มกันเรืออยู่ ก็ถูกจั่วเยี่ยนพาคนขึ้นเรือไปจับตัวไว้ทั้งหมดเมื่อจั่วเยี่ยนส่งคนมาแจ้งข่าว บอกว่าคนญี่ปุ่นเหล่านั้นไม่มีตกหล่นไปแม้แต่คนเดียว ถูกจับตัวไว้ทั้งหมดแล้ว เซียวจิ่งอี้จึงเพิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอกพานชางอี้ที่อยู่ด้านข้างได้ยินว่าเหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่นถูกจับตัวไว้ทั้งหมดแล้ว ก็ก้าวมาข้างหน้าอย่างใจกล้า กล่าวว่า “ใต้เท้า เรื่องที่ท่านสั่งพวกข้าน้อยล้วนทำสำเร็จลุล่วงแล้ว ยามนี้เหล่าคนญี่ปุ่นถูกจับตัวไว้หมดแล้ว เรื่องยาถอนพิษที่ท่านรับปากไว้ก่อนหน้านี้...”เดิมทีเซียวจิ่งอี้ก็ไม่คิดจะผิดคำพูดเรื่องนี้อยู่แล้วหากเขาคิดจะลงโทษคนพวกนี้ ก็มีวิธีอีกมากยิ่งไปกว่านั้นหากปล่อยคนเหล่านี้ไว้ บางทีอาจมีประโยชน์อยู่บ้างเขาให้ยาถอนพิษพานชางอี้โดยไม่พูดอะไรพานชางอี้เห็นเซียวจิ่งอี้รักษาคำพูด ก็ถือยาถอนพิษไว้ ด้วยสีหน้าร
ทางด้านอวิ๋นฝูหลิงพาคนบนเกาะหมัวกุ่ยไปหากำมะถัน ทางฝั่งเซียวจิ่งอี้พาคนไปซุ่มโจมตีตรงทางเข้าเกาะ หลังจากรออยู่นาน ในที่สุดบนท้องทะเลก็มีการเคลื่อนไหวเห็นเพียงเรือใหญ่สองลำค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาช้า ๆ บนทะเล มุ่งตรงใกล้มาทางเกาะหมัวกุ่ยเรื่อย ๆพานชางอี้ลอบกลืนน้ำลาย ถูมือ ข่มกลั้นความตึงเครียดและความหวาดกลัวในก้นบึ้งหัวใจความรู้สึกราวกับถูกแมลงนับพันกัดแทะหัวใจยามที่ยาพิษออกฤทธิ์เมื่อคืน ความรู้สึกที่อยู่ไม่สู้ตาย เขาไม่อยากประสบอีกครั้งแล้วขอเพียงทำตามที่คนผู้นั้นบอก หลอกพวกพ่อค้าชาวญี่ปุ่นขึ้นไปบนเกาะได้ หน้าที่ของเขาก็เสร็จสิ้น ถึงตอนนั้นก็จะได้รับยาถอนพิษเมื่อก่อนเรื่องการต้อนรับเหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่น ก็เป็นหน้าที่ของเขาวันนี้ตราบใดที่เขาทำเหมือนปกติ ไม่หลุดพิรุธ ทำให้เหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่นขึ้นเกาะโดยไม่สงสัย ก็นับว่าหน้าที่เสร็จสิ้นแล้วคิดมาถึงตรงนี้ พานชางอี้ก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ จึงสงบใจลงได้หลายส่วนเมื่อเห็นเรือใหญ่ทอดสมอตรงชายฝั่ง พานชางอี้ก็สบตากับคนทางด้านซ้ายด้านขวา และพาคนไปต้อนรับทันทีคนเหล่านี้ล้วนกินยาพิษเข้าไปเมื่อคืนหลังผ่านความทรมานยามที่ยาพิษออกฤทธิ์ ยาม
ถึงอย่างไรเหมืองทอง เหมืองเงิน เหมืองทองแดง และเหมืองเหล็กที่นางเคยได้ยินก่อนหน้านี้ ก็ล้วนมีค่ามากยิ่งไปกว่านั้นอวิ๋นฝูหลิงยังเก็บหินกำมะถันพวกนี้มาด้วย ราวกับของล้ำค่ายิ่ง สิ่งนี้ต้องมีค่ามากเป็นแน่ดวงตาทั้งสองข้างของนางเป็นประกาย “พระชายา ข้าจะพาคนไปหาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”อวิ๋นฝูหลิงยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้เหยากวงไม่ต้องรีบร้อนนางมองไปทางเซียวจิ่งอี้ และถามว่า “หากบนเกาะมีเหมืองกำมะถันอยู่จริง ข้าสามารถขุดได้ตามใจหรือไม่? หินกำมะถันที่ขุดออกมาทั้งหมดจะเป็นของข้าหรือไม่?”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เขตทะเลทั้งหมดที่เกาะหมัวกุ่ยไม่มีเจ้าของ ตราบใดที่มีความสามารถในเอาไปได้ มันย่อมเป็นของคนที่พบเจอ!”อวิ๋นฝูหลิงได้ยิน จิตใจก็สงบลงโดยพลัน“ครั้งนี้เจอสมบัติเข้าแล้วจริง ๆ การเดินทางครั้งนี้ทำเงินได้มากทีเดียว!”เซียวจิ่งอี้รู้ว่ากำมะถันสามารถใช้เป็นยาและทำยาลูกกลอนได้ทว่าฮ่องเต้ในอดีตของแคว้นต้าฉี ต่างไม่ชื่นชอบยาลูกกลอน ดังนั้นการกินยาลูกกลอนจึงไม่เป็นที่นิยม กำมะถันในท้องตลาดส่วนมากก็ไหลเวียนผ่านร้านขายยาเซียวจิ่งอี้คิดว่าอวิ๋นฝูหลิงต้องการกำมะถัน เพื่อใช้ในการเป็นวัตถุ