Share

บทที่ 8

อวิ๋นฝูหลิงจ้องลูกพี่อู๋หนึ่งครั้ง

เด็ดเดี่ยว กล้าหาญ อีกทั้งสามารถทำให้ลูกน้องเชื่อฟัง เชื่อใจ และทำตามได้

ถือเป็นคนเก่ง

คนที่มีความสามารถเช่นนี้หากยอมศิโรราบต่อนาง รับใช้นาง ต่อไปต้องเป็นผู้ช่วยที่ดี

อวิ๋นฝูหลิงที่ได้ลูกน้องใหม่สี่คน สั่งให้พวกเขาไปตามหาแหล่งน้ำและเก็บฟืนทันที

อวิ๋นฝูหลิงถือคติตบหัวแล้วลูบหลัง จึงแจกจ่ายถุงยาให้พวกเขาคนละหนึ่งอัน

ถุงยานี้อวิ๋นฝูหลิงปรุงขึ้นอย่างตั้งใจ เมื่อสวมใส่ติดตัวจะมีสรรพคุณขับไล่งูและแมลง เป็นสิ่งจำเป็นเมื่ออยู่ในป่าในเขา

ก่อนหน้านี้อวิ๋นฝูหลิงพาอวิ๋นจิงมั่วไปมาในป่าอย่างตามใจ เพราะมีถุงยานี้ติดตัวทั้งสอง

เมื่อพวกของลูกพี่อู๋รู้ว่าถุงยาสามารถขับไล่งูและแมลง รู้ว่านี่เป็นของดีจึงรีบสวมติดตัวทันที

ความขุ่นเคืองที่ต้องกินยาถอนพิษเพราะไม่มีทางเลือก จึงค่อยสลายไปบ้าง

เมื่อมีพวกลูกพี่อู๋ไปตามหาฟืนและแหล่งน้ำ มือหนึ่งของอวิ๋นฝูหลิงจูงอวิ๋นจิงมั่ว ส่วนอีกมือหนึ่งถือฟืนที่เพิ่งเก็บได้เมื่อครู่ จากนั้นย้อนกลับไปจุดที่ชาวบ้านรวมตัวกัน

หลังจากเซียวจิ่งอี้จัดการแผลบนร่างกายเสร็จแล้ว เขาแหวกพงหญ้าและมองเห็นแผ่นหลังของอวิ๋นฝูงหลิงพอดี

เขากำขวดยาที่อวิ๋นฝูหลิงให้เขาเอาไว้แน่น

เมื่อโรยยาผงลงไปบนบาดแผล เพียงไม่กี่อึดใจ เลือดพลันหยุดไหล

ฤทธิ์ในการห้ามเลือดดีกว่ายาของหมอหลวงที่เขาเคยใช้เสียอีก

หากในกองทัพมียาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะสามารถช่วยชีวิตทหารได้มากน้อยเพียงใด

เซียวจิ่งอี้ครุ่นคิดสักครู่ ทันใดนั้นฝืนลุกขึ้นยืน เขาเก็บกวาดร่องรอยของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นจึงตามไปยังทิศทางที่อวิ๋นฝูหลิงจากไป

อวิ๋นฝูหลิงกลับไปจุดที่ชาวบ้านรวมตัวกัน จากนั้นหาที่ว่าง ตากฟืนที่นางไปเก็บกลับมา

นางกำลังยุ่งอยู่ ทันใดนั้นได้ยินเสียงกรีดร้องตกใจ

“เสียวเป่า เจ้าเป็นอะไรไป? อย่าทำให้แม่ตกใจเช่นนี้นะ”

อวิ๋นฝูหลิงหันมองตามเสียง เห็นหญิงที่มีอายุราวยี่สิบสี่ยี่สิบห้าคนหนึ่ง อุ้มเด็กชายอายุเจ็ดแปดขวบร้องตะโกนเสียงดัง

ชาวบ้านเห็นดังนั้น จึงรีบล้อมวงกันเข้ามาทันที

อวิ๋นฝูหลิงสั่งอวิ๋นจิงมั่วให้อยู่ที่เดิมอย่าไปไหน จากนั้นแหวกผู้คนให้แยกออกแล้วเข้าไปตรวจดู

เห็นเพียงเด็กชายคนนั้นใบหน้าขาวซีด อ้าปากกว้างแต่พูดไม่ได้ ลมหายใจอ่อนแรง

ตรงขาของเขามีพุทราเขียวหลายลูกกระจัดกระจาย

ตอนกินพุทราเด็กคนนี้คงไม่ระวัง พุทราจึงไปติดอยู่ในลำคอ ทำให้เขาขาดอากาศหายใจ

หากไม่รีบนำสิ่งที่ติดอยู่ในลำคอออกมา ขาดอากาศหายใจแค่ไม่กี่นาทีก็อาจตายได้

อวิ๋นฝูหลิงกำลังจะเข้าไปช่วย พอเหลือบมองกลับเห็นชายผ้าแพรชุดดำคนหนึ่ง ชายหนุ่มดูเหมือนคนอายุยี่สิบกว่าปี

ชายคนนั้นเบียดอวิ๋นฝูหลิงออก จากนั้นรีบเข้าไปตรวจดูอาการของเด็กชาย

ด้านหลังเขามีแม่นางน้อยอายุสิบสี่สิบห้าปีตามหลัง นางสวมชุดสีชมพูอมแดง ตรงหน้าอกสวมสร้อยอิงลั่วทอง ดูแล้วมีสง่าราศีสูงส่ง

แม่นางน้อยตะโกนเสียงดัง “หลีกทางหน่อย พี่ชายข้าเป็นหมอ ให้พี่ชายข้าดูอาการของเขา”

เมื่อทุกคนได้ยินว่าชายหนุ่มคนนั้นคือหมอ ต่างหลีกทางให้เขาจนกลายเป็นพื้นที่กว้าง

ครอบครัวของเด็กชายเสมือนมองเห็นความหวัง ต่างมองชายหนุ่มอย่างคาดหวัง

เมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นว่ามีหมอรักษา จึงไม่คิดจะลงมือ เดินไปดูเหตุการณ์อยู่ด้านข้าง

ชายหนุ่มคนนั้นทั้งรักษาทั้งสอบถามอาการ หลังจากผ่านไปสักครู่จึงเอ่ยขึ้น “น่าจะกินพุทราแล้วไปติดอยู่ที่ลำคอ เมื่อหายใจไม่สะดวก ทำให้พูดไม่ออก”

พูดจบเขาก็กางฝ่ามือออก จากนั้นออกแรงตบลงไปที่หลังเด็กชาย

“ไอแรงๆ ถ้าพุทราหลุดออกมาก็จะดีขึ้นเอง”

ทำอยู่เช่นนี้สามสี่ครั้งก็ไม่เห็นผล

จากหมอหนุ่มได้ให้พ่อของเด็กชายช่วยเหลือ โดยการจับขาทั้งคู่ของเด็กชาย แล้วกลับหัวห้อยลงมา

อยากใช้วิธีนี้ทำให้พุทราหลุดออกมา

ทว่ายังคงไม่เห็นผล

อวิ๋นฝูหลิงมองดูจนต้องขมวดคิ้ว

โดยทั่วไปการขาดอากาศเพียงห้าหกนาที จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ต่อให้ช่วยกลับมาได้ ก็ส่งผลกระทบทางร่างกาย

เวลาช่วยเหลือที่ดีที่สุดคือห้านาทีแรก

เมื่อถูกหมอหนุ่มกระทำการเช่นนั้น ได้เสียเวลาไปมากกว่าครึ่งแล้ว

หากไม่รีบช่วยเหลือ อาจพลาดเวลาที่ดีที่สุดในการช่วยเหลือ ถึงตอนนั้นทำสิ่งใดก็ไร้ประโยชน์

ขณะนี้ใบหน้าของเด็กชายเปลี่ยนจากขาวซีดเป็นเขียวอมม่วง ลมหายใจยิ่งอ่อนแรงลง

ดูเหมือนหมอหนุ่มจะหยุดการรักษาแล้ว เขาส่ายหน้า พร้อมเอ่ยอย่างหนักหน่วง “ช่วยไม่ได้แล้ว”

ได้ยินดังนั้น พ่อแม่และย่าของเด็กชายอุ้มเด็กเอาไว้แล้วร้องไห้เสียใจ

เมื่อแม่ของเด็กชายเสียใจ ทันใดนั้นจึงหันไปทุบตีเด็กหญิงอีกคนที่อายุสิบกว่าปี

“เป็นเพราะเจ้า หากเจ้าไม่เอาพุทราให้เสียวเป่ากิน เสียวเป่าจะตายได้อย่างไร?”

เด็กหญิงร้องไห้พร้อมอธิบาย “เขาแย่งพุทราของข้าไปเอง...”

แม่ของเด็กหญิงรีบปกป้องนาง “น้องสะใภ้ เรื่องนี้จะโทษต้ายาได้อย่างไร เจ้าไร้เหตุผลเกินไปแล้ว”

ชั่วขณะนั้น เสียงทะเลาะกันดังสนั่น เหตุการณ์ชุลมุนไปหมด

อวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าจะเสียเวลาช่วยเหลือไม่ได้แล้ว ทันใดนั้นจึงก้าวไปข้างหน้า อุ้มเด็กชายมาจากอ้อมกอดของผู้เป็นย่า

ย่าของเด็กชายรีบห้ามปราม “เจ้าจะทำอะไร?”

อวิ๋นฝูหลิงสายตาเยือกเย็น “หากไม่อยากให้หลานเจ้าตาย อย่าขัดขวางข้า”

ย่าของเด็กชายตกใจกับท่าทางของอวิ๋นฝูหลิง จึงลืมห้ามไปชั่วขณะ

อวิ๋นฝูหลิงรีบสอดแขนเข้าใต้รักแร้ทั้งสองข้างของเด็กชาย แล้วโอบกอดเขาไว้

จากนั้นมือซ้ายกำเป็นหมัด จากนั้นวางนิ้วโป้งและนิ้วชี้เอาไว้ในตำแหน่งเหนือสะดือเด็กชายสองนิ้ว มือขวาจับข้อมือซ้ายไว้

จากนั้นกระชับวงแขน ใช้กำปั้นตรงนิ้วชี้และนิ้วโป้งกดลงไปบนท้องของเด็กชาย

นี่เป็นวิธีหัตถการไฮม์ลิคช์ที่อวิ๋นฝูหลิงเห็นได้ทั่วไปในชาติที่แล้ว ซึ่งเป็นวิธีช่วยเหลือยามฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในลำคอ

ผู้ใหญ่บ้านโจวได้ข่าว จึงรีบเข้ามาห้ามคนตระกูลเฉินที่กำลังทะเลาะกัน

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ไม่อยากช่วยชีวิตเด็กแล้วหรือ แม้แต่คนบ้านเดียวกันยังทะเลาะกันอยู่ได้”

ผู้ใหญ่บ้านโจวเห็นอวิ๋นฝูหลิงกำลังให้การช่วยเหลือ แม้จะไม่รู้ว่าวิชาแพทย์ของนางเป็นอย่างไร แต่เห็นนางควบคุมสถานการณ์ได้จึงไม่ให้ใครรบกวน

สะใภ้รองเฉินแม่ของเด็กชายนั่งลงบนพื้น แล้วตบขาร้องไห้เสียงดัง “เสียวเป่าของข้า เสียวเป่าที่น่าสงสารของข้า แม้แต่หมอยังบอกว่าช่วยไม่ได้แล้ว...”

หมอหนุ่มติงหมิงรุ่ยเห็นว่าคนที่เขาบอกว่าช่วยไม่ได้แล้วยังมีคนเข้าไปช่วย หนำซ้ำคนผู้นั้นยังทำทรงผมอย่างหญิงที่ออกเรือนแล้ว

วิธีการช่วยคนก็ประหลาดมาก เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

แม้ปากเขาจะไม่พูดสิ่งใด แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและไม่เห็นด้วย

ลมหายใจของเด็กชายถูกอุดตัน สิ่งแปลกปลอมในลำคอไม่หลุดออกมา อย่างมากในเวลาหนึ่งถ้วยชาต้องตายแน่นอน

อาการเช่นนี้ เมื่อก่อนเขาเคยเห็นมาหลายครั้ง สุดท้ายต้องขาดอากาศหายใจตายทุกคน

เขาไม่เชื่อว่าหญิงสาวที่ออกเรือนแล้วจะมีปัญญาช่วยให้รอดมาได้

ติงหมิงรุ่ยมองดูอย่างเงียบเชียบ ทว่าหญิงสาวข้างกายเขากลับเอ่ยขึ้น

“พี่ชายข้าเป็นหมอเทวดาหนุ่มที่มีชื่อเสียง อายุสิบห้าก็ออกตรวจที่สำนักได้แล้ว แม้แต่เขายังบอกว่าช่วยไม่ได้ หญิงบ้านนอกคนหนึ่งจะช่วยได้อย่างไร”

“นี่ เจ้าอย่าเสียแรงเปล่าเลย!”

เด็กสาวสีหน้าโอหัง แววตาที่หันมองอวิ๋นฝูหลิงไม่ยี่หระสักนิด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status