Share

บทที่ 591

Author: หลันซานอวี่
เซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงรู้ซึ้งถึงจุดนี้ดี ดังนั้นจึงเข้าใจกันโดยปริยายว่าจะไม่พูดถึงเรื่องที่โจรสลัดกลุ่มนั้นจัดแจงให้ไปขุดแร่กำมะถัน

ในเมื่อกำหนดวันออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว อวิ๋นฝูหลิงจึงฉวยโอกาสก่อนที่จะไปจากที่นี่ รีบเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนเกาะหมัวกุ่ยแห่งนี้

สิ่งแรกที่จะต้องจัดการก็คือทุ่งดอกอิงซู่ผืนใหญ่ผืนนั้นบนเกาะหมัวกุ่ย

อวิ๋นฝูหลิงหาไหดินเผามาจำนวนหนึ่งมาได้ นำคนไปขุดย้ายมาบางส่วน ซึ่งส่วนนี้จะนำกลับไปที่เมืองหลวงอย่างเปิดเผย เพื่อทำการศึกษา

ยามขุดย้าย นางอาศัยจังหวะที่คนอื่นไม่ทันสังเกต แอบลูบแล้วหยิบใส่เข้าในมิติไปไม่น้อย

มีของพวกนี้เก็บไว้ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ หากต่อไปคิดจะปลูกต้นอิงซู่มากน้อยเท่าไรก็ปลูกได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีดอกอิงซู่มาปรุงยาไม่พอ

ดอกอิงซู่ที่เหลือในทุ่งนั้น ไม่มีเวลาให้ขุดไปได้ทั้งหมด อวิ๋นฝูหลิงจึงให้คนเผาทิ้งทั้งหมด

ไม่เพียงคอยอยู่ดูคนเผาเท่านั้น หลังเผาเสร็จแล้วยังตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

วันข้างหน้าจะได้ไม่มีคนใช้ทุ่งดอกอิงซู่แห่งนี้มาทำเรื่องชั่วช้าอีก

หลังจัดการเรื่องทุ่งดอกอิงซู่แล้วเสร็จ อวิ๋นฝูหลิงจึงคว้าอีเต้อน้อยเล่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 592

    ช่วงเวลาที่นางจากไปนี้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางเมืองหลวงจะเป็นเช่นไรบ้างพวกท่านลุงหลินกับท่านปู่โอวหยาง จะศึกษาเทียบยาที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าของเดิมออกมาได้ไหม?อวิ๋นฝูหลิงลองนับวันดูแล้ว เกรงว่าคงจะควบคุมเรือนเสินเซียนในเมืองหลวงไม่อยู่เสียแล้วเรื่องขี้ผึ้งเทพเซียน เกินกว่าครึ่งล้วนปิดบังไม่มิด ในเมืองหลวงใกล้จะปะทุออกมาแล้วครั้นนึกถึงเรื่องพวกนี้ อวิ๋นฝูหลิงถึงกับลอบถอนหายใจโชคดีที่ในเมืองหลวงมีฮ่องเต้จิ่งผิงคอยดูแลความสงบด้วยองค์เองอยู่ มาตรแม้นว่าจะเกิดความวุ่นวายไปบ้าง แต่ก็มิได้เกิดเรื่องใหญ่โตอันใดยิ่งไปกว่านั้น ทางเมืองหลวงก็พบเรื่องขี้ผึ้งเทพเซียนค่อนข้างเร็ว มีเทียบยาที่นางทิ้งไว้ให้สองสามเทียบอยู่ โอวหยางหมิงกับหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงก็คงจะได้เรื่องได้ราวอะไรบ้างยังพอควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในขอบเขตได้อยู่ส่วนที่อวิ๋นฝูหลิงเป็นห่วงมากกว่าก็คือที่จินโจวจินโจวเป็นสถานที่ที่มีขี้ผึ้งทองปรากฏโฉมเร็วที่สุด แน่นอนว่าคนที่ได้รับพิษของขี้ผึ้งทองนั้นก็มีมากที่สุดและอาการหนักที่สุดด้วยหากจัดการไม่ดี เกรงว่าอาจจะก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นมาได้ในฐานะที่อวิ๋นฝูหลิงเป็น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 593

    ครั้นเหล่าโจรกบฏเผ่าเยว่พวกนั้นที่ถูกควบคุมตัวอยู่ด้วยกันได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง ไหนเลยยังจะกล้าคิดหนีขึ้นมาอีกนับแต่ถูกจับ พวกเขาทั้งกลุ่มล้วนได้สัมผัสกับความร้ายกาจของยาพิษพวกนั้นของอวิ๋นฝูหลิงมาแล้วทั้งสิ้นกระทั่งเฉาเหล่าต้ากับพรรคพวกสองสามคนที่เป็นถึงหัวหน้าก็ถูกยาพิษของอวิ๋นฝูหลิงทรมานจนอยู่ไม่สู้ตาย ท้ายที่สุดพอถามอะไรมา ล้วนสารภาพออกไปเสียสิ้นสภาพร่างกายของพวกเขาในยามนี้ยังคงตกอยู่ในฤทธิ์ยาของอวิ๋นฝูหลิง แต่ละคนล้วนอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงไปทั้งกายบัดนี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงหยิบผงพิษที่ทำให้ผิวคนเน่าเปื่อยจนสิ้นลมได้ออกมาอีก ทุกคนจึงอดก่นด่าอวิ๋นฝูหลิงอยู่ในใจไม่ได้แม่นางผู้นี้รูปโฉมก็งดงามอยู่หรอก แต่ทำไมจิตใจถึงได้อำมหิตเช่นนี้!ไม่ว่าในใจพวกเขาจะด่าทอเช่นไร ทว่ากลับไม่กล้าเผยออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียวแต่ละคนล้วนว่าง่ายราวกับแมวเชื่องหวั่นกลัวก็แต่ว่าตนเองจะเผลอทำอะไรไปเพียงเล็กน้อย แล้วจะถูกเข้าใจผิด นำไปสู่หายนะที่เป็นการพาตนเองไปสู่ความตายหลังจากที่อวิ๋นฝูหลิงตามไปรวมกับเซียวจิ่งอี้ นั่งเรือพ่อค้าญี่ปุ่นออกไปแล้ว เซียวจิ่งอี้ถึงได้เอ่ยถาม “ขวดยาไม่กี่ขวดที

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 594

    ทว่าไฟดวงหนึ่งในบริเวณที่อยู่ไม่ไกลห่างจากคนตระกูลเวินพวกนี้นักสั่นไหวอยู่ท่ามกลางท้องนภาเล็กน้อย ราวกับกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่างเซียวจิ่งอี้เห็นไฟดวงนั้นแล้ว มุมปากพลันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยดูท่าเรื่องที่เขามอบหมายแก่เทียนเฉวียน จะจัดการได้เสร็จเรียบร้อยแล้วในเมื่อเตรียมการทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว เช่นนั้นก็ได้เวลาลงมือสะสางเสียทีเซียวจิ่งอี้พยักหน้าให้จ้าวเสวียซือทันทีจ้าวเสวียซือเข้าใจความนัย รีบพาคนลงไปเตรียมพร้อมคนงานขนย้ายของขึ้นไปบนเรือทีละคน ๆ ทุกครั้งที่มาทำการค้า คนญี่ปุ่นพวกนั้นไม่มีใครอยากทำเรื่องเหน็ดเหนื่อยอย่างการขนย้ายของพวกนี้ด้วยตัวเอง ทั้งยังไม่อยากเปลืองเงินทองจ้างคนดังนั้นงานหนักอย่างการขนย้ายของเหล่านี้ ล้วนเป็นฝั่งตระกูลเวินที่รับผิดชอบคนงานบนเรือทำตามคำสั่ง เข้าไปขนย้ายสินค้าที่ใต้ท้องเรือทว่าทันทีที่เข้าใต้ท้องเรือ ก็ถูกจ้าวเสวียซือนำคนเข้าปราบปรามในทันทีคนเหล่านี้ล้วนเป็นชาวบ้านยากจนที่ใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาตระกูลเวิน ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ขององครักษ์ผู้มีวิทยายุทธ์สูงส่งซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของเซียวจิ่งอี้กลุ่มนั้นได้บนเรือเพิ่งลงมือได

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 595

    ท่ามกลางยามราตรี ดวงไฟสว่างระยิบระยับเรือนใหญ่ตระกูลเวินถูกทหารหาญกลุ่มหนึ่งโอบล้อมไว้อย่างแน่นหนายามนี้เป็นยามดึกสงัด หากมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยท่ามกลางความเงียบสงัดเช่นนี้ย่อมขจรขจายออกไปไกลเหมือนกับความเคลื่อนไหวใหญ่โตด้านนอกเรือนตระกูลเวิน มันยิ่งดูไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัดเพื่อนบ้านที่อยู่รอบ ๆ เห็นเรือนใหญ่ตระกูลเวินถูกกองทหารหลวงล้อมรอบไว้ ท่ามกลางความหวั่นเกรงจึงมีความสงสัยแทรกซึมขึ้นมาเล็กน้อยตระกูลเวินเป็นตระกูลใหญ่ในท้องที่ มีลูกหลานในตระกูลเป็นขุนนางอยู่ในราชสำนัก นับได้ว่าเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลและอำนาจนี่ต้องทำผิดใหญ่โตขนาดไหนกัน ถึงได้ถูกทหารหลวงล้อมเรือนไว้เช่นนี้?ยิ่งไปกว่านั้น กับตระกูลเวินซึ่งเป็นตระกูลใหญ่โตรากฐานมั่นคงเช่นนี้ อีกฝ่ายก็จู่โจมเข้ามาอย่างดุดัน เคลื่อนไหวทหารหาญมามากมาย โอบล้อมเรือนใหญ่ตระกูลเวินไว้ราวกับถังเหล็กก็มิปาน เกรงว่าผู้ที่ออกคำสั่งจักต้องมิใช่คนธรรมดาแน่นอนเพื่อนบ้านที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ตระกูลเวินล้วนใจเต้นไม่เป็นส่ำ ความคิดคาดเดามากมายหลั่งไหลอยู่ในหัวคนเหล่านี้ทางหนึ่งสั่งให้ปิดประตูเรือนอย่างแน่นหนา จะได้ไม่เลินเล่อแล้ว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 596

    เพียงแต่เขายังไม่ได้เคลื่อนไหว ทหารหลวงก็เข้ามาล้อมสกุลเวินไว้เร็วกว่าก้าวหนึ่งแล้วอีกทั้งผู้ที่ออกคำสั่ง ก็คืออี้อ๋องการปล่อยให้อี้อ๋องสอดมือเข้ามายุ่งได้ เกรงว่าผลลัพธ์เลวร้ายที่ตามมาของขี้ผึ้งทอง จะรุนแรงกว่าที่เวินจือเหิงจินตนาการไว้เกรงว่าครานี้แม้สกุลเวินคิดจะหลบเลี่ยง ก็คงไม่ง่ายดายถึงเพียงนั้นแล้วแม้จะบอกว่าหายนะครานี้มีสาเหตุมาจากบ้านรองสกุลเวิน แต่คำว่าสกุลเวินก็ไม่อาจลบออกจากตัวตนได้ เกรงว่าทั้งตระกูลเวินคงได้เข้ามาพัวพันด้วยแล้วหัวใจของเวินจือเหิงดำดิ่งลงเขาลุกขึ้นเข้าไปในห้องหนังสือ หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากช่องลับบนผนังเขายกมือที่เคยลูบกล่องใบนั้นขึ้น ก่อนสายตาจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นหนักแน่นหากต้องการช่วยสกุลเวิน ก็ทำได้เพียงทอดทิ้งบ้านรองอีกทั้งเรื่องเลวร้ายนี้ก็เป็นบ้านรองของตัวเองที่ลงมือทำ จะให้สกุลเวินทั้งหมดถูกฝังไปกับพวกเขาได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้นเวินจือเหิงก็ตรวจสอบพบนานแล้วว่า เรื่องที่เขาถูกวางยาพิษ ก็เป็นฝีมือของเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินแม้จะไม่มีเรื่องพวกนี้ในวันนี้เกิดขึ้น เวินจือเหิงก็ไม่อาจปล่อยเวินเจาไปได้หากกล้ามาทำลายชีวิตของเขา เช

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 597

    แผนการที่ทุ่มเทมาเป็นเวลานาน กำลังจะสูญเปล่าไปเช่นนี้คิดมาถึงตรงนี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างยิ่ง และกัดฟันด้วยความโกรธแค้นตามแผนการเดิมของเขา รอจนราชสำนักของแคว้นต้าฉีพบความผิดปกติของขี้ผึ้งทอง เขาก็ใช้ขี้ผึ้งทองควบคุมขุนนางชั้นสูงส่วนใหญ่ของแคว้นต้าฉี รวมถึงชนชั้นสูงที่ร่ำรวยได้แล้วถึงตอนนั้น ต่อให้ราชวงศ์เซียวต้องการจะต่อต้าน ก็ไม่ทันการแล้วแต่ตอนนี้แผนการของเขาเพิ่งจะเริ่มไปได้ครึ่งทาง ก็ล้มเหลวไปกลางคัน ท่านจอมปราชญ์เหวินจะไม่เจ็บใจได้อย่างไร?นอกจากนี้ในเมื่อเซียวจิ่งอี้เคลื่อนพลกองทหารรักษาการณ์ของจินโจว มาล้อมหอจินอวี้ไว้ คาดว่าคงแอบตรวจสอบอย่างละเอียดเรียบร้อยนานแล้วหอจินอวี้เป็นกิจการของสกุลเวินหอจินอวี้แห่งนี้ถูกปิดล้อมไว้แล้ว เกรงว่าทางฝั่งสกุลเวินก็คงไม่ได้ดีไปกว่ากันนักท่านจอมปราชญ์เหวินอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเวินเจาขึ้นมาตอนนี้ไม่รู้ว่าเวินเจาจะเป็นอย่างไรบ้าง?ถูกคนของเซียวจิ่งอี้จับตัวไปแล้วหรือไม่?เวินเจาเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ของราชวงศ์แคว้นเยว่ทั้งยังเป็นเพราะสถานะราชวงศ์ของเขา ทำให้ท่านจอมปราชญ์เหวินสามารถใช้ช

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 598

    เขาอยู่ที่กองทหารรักษาการณ์ของจินโจวแห่งนี้ ก็เป็นเพียงผู้นำทัพซึ่งไม่ได้รับหน้าที่สำคัญ ไม่ง่ายกว่าจะมีโอกาสได้เจออี้อ๋อง หากไม่อาจทำหน้าที่ให้ดีได้ ย่อมทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีไว้ต่อหน้าอี้อ๋องน่าเสียดายที่เขาช้าไปก้าวหนึ่ง ทำให้เทียนเสวียนลงมือก่อน และควบคุมสถานการณ์ได้ทันเวลาผู้นำทัพแอบใคร่ครวญ ตัดสินใจว่าหากมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นอีก เขาจะจัดการให้ทันเวลาแน่นอนไม่ง่ายกว่าจะมีโอกาสได้สร้างความดีความชอบต่อหน้าอี้อ๋อง เขาย่อมต้องคว้าเอาไว้วันนี้มีเขาอยู่ ทั่วทั้งหอจินอวี้ แม้แต่ยุงสักตัวหนึ่งก็อย่าหวังว่าจะหลุดรอดสายตาของเขาไปได้เลย!เดิมทีท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะสร้างความวุ่นวาย เพื่อหาโอกาสหนีออกไปจากหอจินอวี้คิดไม่ถึงว่าคนที่นำกองทหารมาจะลงมืออย่างไร้ปรานี ทำให้คนในหอจินอวี้ตกใจกลัว จนไม่มีใครกล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมอีกแผนการของท่านจอมปราชญ์เหวินล้มเหลว ทั้งหอจินอวี้ถูกปิดล้อมราวกับถังใบหนึ่ง ตอนนี้จึงไม่อาจออกไปได้แล้วท่านจอมปราชญ์เหวินจนปัญญา ทำได้เพียงรอจังหวะเคลื่อนไหวรอดูสถานการณ์ เพื่อหาโอกาสอีกคราท่านจอมปราชญ์เหวินหมุนกายกลับเข้าห้องเขาเพิ่งกลับมาในห้อง ก็ถูกมื

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 599

    หลายปีมานี้ท่านจอมปราชญ์เหวินวิ่งวุ่นไปทั่ว ทุ่มเทวางแผน แต่มิใช่เพื่อทำชุดแต่งงานให้คนอื่น[1]ดวงตาทั้งสองข้างของเขาหลุบลงเล็กน้อย ปิดบังความทะเยอทะยานอย่างรุนแรงในก้นบึ้งเอาไว้อวี้จูช่างเอาใจ อ่อนหวานนุ่มนวลอยู่ในอ้อมกอด ท่านจอมปราชญ์เหวินย่อมพึงพอใจเป็นอย่างมากเขาลูบใบหน้าของอวี้จูอย่างแผ่วเบา และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รออยู่ที่นี่อย่างซื่อสัตย์เสีย”“ข้าย่อมมีวิธีส่งเจ้ากลับไปอยู่ข้างกายนายน้อย”“หากกลับไปอยู่กับนายน้อยไม่ได้จริง ๆ ก็อยู่ข้างกายข้าเสีย!”อวี้จูได้ยินคำพูดนี้ของท่านจอมปราชญ์เหวิน ก็ราวกับได้กินยาสงบใจเม็ดหนึ่ง ในใจรู้สึกยินดียิ่งท่านจอมปราชญ์เหวินปลอบโยนอวี้จู ก่อนจะลุกขึ้นไปที่ห้องข้าง ๆเมื่อออกจากประตู สีหน้าของเขาก็เย็นชาลงหมากตัวหนึ่ง หากสูญเสียคุณค่าไปแล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องมีอยู่!ท่านจอมปราชญ์เหวินให้คนเฝ้าสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวด้านนอกหอจินอวี้อยู่ตลอด และได้ข้อมูลว่าทหารเหล่านั้นปิดล้อมหอจินอวี้อย่างแน่นหนา ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออก นอกจากนี้ ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นใดอีกท่านจอมปราชญ์เหวินเลิกคิ้ว หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก็กล่าวว่า “เป็นไปไม่ได

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 607

    ขณะที่ทางจอมปราชญ์เหวินกระซิบใส่หูของคนใต้บังคับบัญชา ทางไคหยางก็เร่งรุดมาถึงหอจินอวี้เขานำสาส์นลับที่เซียวจิ่งอี้เขียนด้วยตนเองมอบให้เทียนเสวียน“ท่านอ๋องตรัสว่าลงมือทางหอจินอวี้ได้เลย”เทียนเสวียนรับสาส์นลับมาอ่านเรื่องที่เซียวจิ่งอี้มอบหมายมาในสาส์นลับมีทั้งหมอสามเรื่องเรื่องแรกคือ ราชครูเผ่าเยว่แฝงตัวอยู่ในหอจินอวี้ จำต้องจับตาดูให้ดีเรื่องต่อมาคือ ค้นตัวคนในหอจินอวี้ทั้งนายแลบ่าวไพร่ หากพบคนที่มีสัญลักษณ์จันทร์ครึ่งเสี้ยวของเผ่าเยว่ติดกาย ให้คุมตัวไว้โดยไม่มีข้อยกเว้น คนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องให้พิจารณาปล่อยตัวออกไปพร้อมกัน ด้วยเหตุนี้จึงบรรเทาความรู้สึกขัดแย้งของผู้คนในหอจินอวี้ไปได้เรื่องสุดท้ายคือ คิดหาวิธีล่องูออกจากถ้ำเวินเจาไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของราชครู่ผู้นั้น ต่อให้ยามนี้เขาจะอยู่ในหอจินอวี้ แฝงกายปิดบังโฉมหน้าอยู่ในกลุ่มนักพนันมากมายเหล่านี้ ทว่าคนของเซียวจิ่งอี้ก็ไม่อาจแยกแยะออกได้เช่นนี้แล้ว จึงไม่สู้ใช้แผนล่องูออกจากถ้ำ วางแผนให้ท่านราชครูผู้นั้นเผยความจริง แล้วกระโดดเข้าไปในหลุมพรางของเซียวจิ่งอี้ที่วางไว้ให้เขาด้วยตนเองถูกขังมาทั้งคืน ตัดขาดก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 606

    คิด ๆ แล้วเจตนาของการที่อี้อ๋องให้คนนำคำให้การไม่กี่แผ่นเหล่านั้นมาให้เขานั้น ก็น่าจะต้องการให้เขาร่วมมือ ตรวจสอบเจ้านายแลบ่าวไพร่ทั้งตระกูลเวิน แล้วลากคนเผ่าเยว่ที่แอบแฝงอยู่ในตระกูลเวินพวกนั้นออกมาครั้นเวินจือเหิงมีความคิดนี้อยู่ในใจ จึงรีบให้คนไปนำสมุดบัญชีรายนามของตระกูลเวินมาทันทีจากการตรวจสอบกับสมุดบัญชีรายนามทีละคน ๆ แน่นอนว่าทำให้ตรวจสอบเจ้านายแลบ่าวไพร่ของตระกูลเวินได้อย่างชัดแจ้ง ลากคอพวกคนเผ่าเยว่พวกนั้นออกมาได้ทีละคน ๆหอจินอวี้คนในหอถูกขังไว้ทั้งคืน ครั้นเห็นว่าฟ้าสว่างแล้ว แม้จะเป็นคนที่สงบเสงี่ยมเหล่านั้น ก็ยังอดกระสับกระส่ายขึ้นมาไม่ได้“นี่จะขังพวกเราไว้ถึงเมื่อไรกัน?”“วันนี้ข้ายังต้องไปทำงานอยู่นะ!”“วันนี้ข้าเองก็ต้องไปพูดคุยเรื่องการค้านะ!”“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทำให้พวกเราเสียการเสียงาน แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบความเสียหายพวกนี้?”“ใช่ๆ...”ในชั่วขณะนั้น เสียงประณามว่ากล่าวดังระงมไปทั่วหอจินอวี้จอมปราชญ์เหวินเห็นดังนั้น จึงรีบให้คนเข้าไปเติมเชื้อไฟ ยุยงปลุกปั่นอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนทันทีแม้ว่าทหารหลวงด้านนอกหอจินอวี้จะมีมาก ทว่านักพนันในหอจินอวี้แ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 605

    ตระกูลขุนนางใหญ่อย่างสกุลเวิน มีทาสนับร้อยคนอยู่แล้วในบรรดานั้นมีคนสกุลเยว่ส่วนหนึ่งปะปนเข้ามา ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาดูท่าทุกคนในสกุลเวิน จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดสักคราหนึ่งแล้วเซียวจิ่งอี้มองเทียนเฉวียน “เจ้านำคำสารภาพเหล่านี้ไปให้เวินจือเหิงดูเสีย”“ในเมื่อเขาคิดจะตัดญาติผดุงคุณธรรม ปกป้องสมาชิกสกุลเวินคนอื่นไว้ ย่อมต้องรู้ว่าควรทำอย่างไร!”เทียนเฉวียนตอบรับเสียงหนึ่ง และหยิบคำสารภาพเหล่านั้นออกไปหลังจากเทียนเฉวียนออกไป เซียวจิ่งอี้ก็หยิบปากกาขนนกขึ้นมา จากนั้นก็เขียนจดหมายยื่นให้ไคหยาง“ส่งไปที่หอจินอวี้ มอบให้เทียนเสวียน”“ทางฝั่งหอจินอวี้สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว”หลังจากผ่านไปหนึ่งคืน พวกราชครูที่หลบซ่อนอยู่ในหอจินอวี้ ก็รู้สึกกระสับกระส่ายกันขึ้นมาแล้วเพียงแต่น่าเสียดายที่คนแคว้นเยว่เหล่านั้นที่จับได้ ต่างไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของราชครูเลยไม่เช่นนั้นคงสามารถให้อวิ๋นฝูหลิงวาดภาพเหมือน ไปจับคนที่หอจินอวี้ตามภาพเหมือนได้แล้วยามนี้ทำได้เพียงหาวิธีอื่นเท่านั้นไคหยางรับจดหมายมา กำลังจะออกไป ก็ได้ยินเซียวจิ่งอี้พูดอีกครั้งว่า “หลังจากส่งจดหมายถึงมือเทียนเสว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 604

    เซียวจิ่งอี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าแค่การคาดเดายังไม่เพียงพอ ยังต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนด้วยเขากวักมือเรียกเทียนเฉวียน และออกคำสั่งว่า “ไปตรวจสอบคนที่อยู่ข้างตัวเวินเจา โดยเฉพาะคนรับใช้ที่ใกล้ชิด ทำการสอบสวนให้หมด”แคว้นเยว่กล้าเอานายน้อยของพวกเขามาไว้ที่สกุลเวิน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่แทรกคนเข้ามาอยู่ข้างตัวเวินเจา ส่วนเป้าหมายของคนเหล่านั้นคือการปกป้องหรือจับตาดูเขา นั่นก็พูดได้ยากหลักฐานและข้อมูลที่เซียวจิ่งอี้มีในตอนนี้ เขาคิดว่าราชครูผู้นั้นซึ่งซ่อนตัวอยู่ลึกที่สุด คนผู้นั้นเป็นคนที่คอยแอบบงการทุกอย่างอยู่เบื้องหลังส่วนเวินเจานายน้อยผู้นั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นหุ่นเชิดเซียวจิ่งอี้สั่งให้เทียนเฉวียนไปสอบสวนคนที่อยู่ข้างตัวเวินเจา ส่วนเวินเจา เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจสอบสวนเขาด้วยตัวเองการสอบสวนนี้ใช้เวลาจนถึงรุ่งเช้าเซียวจิ่งอี้เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดออกจากมือ มองร่างที่อาบด้วยเลือดซึ่งกำลังหยดลงมา เวินเจาอยู่ในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตาย“ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งอะไรนัก”“นายน้อยแคว้นเยว่ ก็แค่นี้เอง!”เพียงแค่ใช้วิธีการเล็กน้อยในการสอบสวน เซียวจิ่งอี้ไม่ต้องใช้ยาพวกนั้นท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 603

    จู่ ๆ เซียวจิ่งอี้ก็นึกถึงคืนนั้นที่เขาไปตรวจสอบหอจินอวี้ยามนั้นในห้องนั้นนอกจากเวินเจากับพ่อค้าชาวญี่ปุ่นแล้ว ยังมีชายลึกลับสวมหน้ากากอีกคนหนึ่งด้วยหากเวินเจาเป็นนายน้อยของแคว้นเยว่ เช่นนั้นชายลึกลับสวมหน้ากากผู้นั้น อาจจะเป็นราชครูใช่หรือไม่?เซียวจิ่งอี้ใช้นิ้วเคาะโต๊ะ จมลงสู่ความคิดผ่านไปครู่หนึ่ง เทียนเฉวียนก็เข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง พาตัวเวินเจามาแล้วขอรับ!”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า “เจ้าไปตรวจสอบเสียหน่อย ดูว่าบนตัวเวินเจาผู้นั้นมีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวหรือไม่?”เทียนเฉวียนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบรับและออกไปทันทีผ่านไปครู่หนึ่ง เทียนเฉวียนจึงเพิ่งกลับมาอีกครั้ง“เรียนท่านอ๋อง ข้าตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว บนตัวเวินเจาผู้นั้นไม่มีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวขอรับ”“คิดไม่ถึงว่าจะไม่มี” เซียวจิ่งอี้ขมวดคิ้วสัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของคนแคว้นเยว่แคว้นเยว่บูชาเทพจันทราดังนั้นยามที่ทารกแคว้นเยว่อายุครบเดือน บนตัวจะใช้สีพิเศษทำสัญลักษณ์พระจันทร์ไว้ วิธีนี้เป็นการขอให้เทพจันทราปกป้องคุ้มครองหากเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยแคว้นเยว่ บน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 602

    เซียวจิ่งอี้พยักหน้า“ก่อนหน้านี้ที่ข้าตกอยู่ในอันตราย โชคดีที่ผู้นำสกุลเวินให้ความช่วยเหลือ”“แม้จะเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ แต่ข้าก็ได้รับน้ำใจนี้แล้ว”“ทว่าเรื่องส่วนรวมก็คือเรื่องส่วนรวม เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว จะต้องเที่ยงธรรมไม่เห็นแก่ผู้ใดเป็นพิเศษ”“รอหลังจากสิ้นสุดคดีของสกุลเวินแล้ว ข้าจะมาแสดงความขอบคุณอีกครั้ง!”เวินจือเหิงได้ยินก็ตกตะลึง ไม่เข้าใจความหมายของเซียวจิ่งอี้ไปชั่วขณะหนึ่งไม่รอให้เขาตั้งสติได้ ก็มีทหารก้าวมาข้างหน้า ดึงเขาออกไปแล้วหลังกลับมาเรือนของตัวเอง เวินจือเหิงก็ยังสับสนมึนงงความหมายเมื่อครู่ของอี้อ๋อง คือบอกว่าเขาติดหนี้น้ำใจของตนคราหนึ่ง แต่เขาไปช่วยเหลืออี้อ๋องตั้งแต่เมื่อใดกัน?เหตุใดเขาจึงนึกเรื่องนี้ไม่ออก?เวินจือเหิงคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจทางด้านเซียวจิ่งอี้ เมื่อเวินจือเหิงออกไปแล้ว เขาก็หันกลับมาสั่งเทียนเฉวียนว่า “ส่งคนไปจับตาดูคนของบ้านรองสกุลเวิน”“พาตัวเวินเจามาหาข้า”เซียวจิ่งอี้หยิบกระดาษปึกนั้นจากในกล่องไม้ออกมาอีกครั้งเวินจือเหิงทำให้เขาประหลาดใจจริง ๆบนเกาะหมัวกุ่ยเขาค้นพบความทะเยอทะยานแสนชั่วร้ายของคนแคว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 601

    เซียวจิ่งอี้รู้สึกว่าเวินจือเหิงมีความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวอยู่หลายส่วนคนทั่วไปหากเจอสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าหากไม่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ก็คงหวาดกลัวจนตื่นตระหนกเวินจือเหิงยังสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ทั้งยังคิดวิธีช่วยเหลือตัวเองอย่างมีหลักการชั่วขณะหนึ่ง เซียวจิ่งอี้รู้สึกสงสัยในกล่องไม้ใบนั้นที่เวินจือเหิงมอบให้ขึ้นมาไม่รู้ว่ากล่องใบนี้ใส่สิ่งใดไว้ เวินจือเหิงจึงจะสามารถนำมาต่อรองได้เซียวจิ่งอี้ส่งสายตาให้เทียนเฉวียนด้านข้างเทียนเฉวียนเข้าใจ ก้าวออกมาโดยพลัน รับกล่องไม้ในมือของเวินจือเหิงไป และหมุนกายส่งให้เซียวจิ่งอี้กล่องไม้เปิดออก ด้านในมีกระดาษปึกหนึ่งวางไว้เซียวจิ่งอี้หยิบกระดาษปึกนั้นขึ้นมา พลิกดูทีละแผ่นขณะที่กระดาษปึกนั้นถูกพลิกทีละแผ่น สีหน้าที่แสดงออกของเซียวจิ่งอี้ก็เปลี่ยนไปจากความแปลกใจเปลี่ยนไปเป็นความโกรธ จากความสงสัยเปลี่ยนไปเป็นความจริงจัง จนสุดท้ายก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้งเวินจือเหิงยืนอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ ทั้งห้องมีเพียงเสียงกระดาษถูกพลิกตั้งแต่สกุลเวินถูกปิดล้อม ในใจของเวินจือเหิงก็ไม่ได้หวังว่าทำผิดแล้วจะไม่ถูกทำโทษเลยยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นั้นที่นำท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 600

    คืนนี้ช่างยาวนานนัก คิดไม่ถึงว่าจะยังไม่ผ่านยามค่ำคืนไป!ทว่าการถูกอี้อ๋องไต่สวนข้ามคืน สำหรับเขา ก็มิใช่เรื่องที่แย่ควรแก้ปัญหาซับซ้อนด้วยความเด็ดขาดบางเรื่องยิ่งอธิบายเร็วก็ยิ่งดีหากปล่อยไว้นาน จะยิ่งเป็นผลร้ายต่อสกุลเวินเวินจือเหิงลุกขึ้น หยิบกล่องไม้แดงกล่องนั้นบนโต๊ะขึ้นมาณ ห้องโถงหลักของสกุลเวิน เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนที่นั่งหลักเมื่อเวินจือเหิงเข้ามา ก็เห็นชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลา สง่างามน่าเกรงขามจิบชาด้วยท่วงท่าสบาย ๆผ่านไปเกินครึ่งคืนแล้วเซียวจิ่งอี้ก็ยังทำงานอยู่ ย่อมต้องดื่มชาสักถ้วยเพื่อเรียกสติเวินจือเหิงคาดเดาตัวตนของคนตรงหน้าได้โดยพลัน จึงประสานมือทักทายอย่างนอบน้อม “ข้าขอคารวะอี้อ๋องขอรับ!”แม้เวินจือเหิงจะยังไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่สกุลเวินก็เป็นสกุลที่มีอายุกว่าร้อยปี และเวินจือเหิงก็ขื้นชื่อว่าเป็นซิ่วไฉเหมือนกันเซียวจิ่งอี้วางถ้วยชา นึกถึงเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงเคยรักษาอาการป่วยให้คนผู้นี้ ก่อนที่อวิ๋นฝูหลิงจะออกทะเลไปหาเขา คนผู้นี้ก็ทุ่มเททั้งแรงและกำลังคนช่วยเหลือแม้อวิ๋นฝูหลิงจะบอกว่านี่คือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ แต่ในใจเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 599

    หลายปีมานี้ท่านจอมปราชญ์เหวินวิ่งวุ่นไปทั่ว ทุ่มเทวางแผน แต่มิใช่เพื่อทำชุดแต่งงานให้คนอื่น[1]ดวงตาทั้งสองข้างของเขาหลุบลงเล็กน้อย ปิดบังความทะเยอทะยานอย่างรุนแรงในก้นบึ้งเอาไว้อวี้จูช่างเอาใจ อ่อนหวานนุ่มนวลอยู่ในอ้อมกอด ท่านจอมปราชญ์เหวินย่อมพึงพอใจเป็นอย่างมากเขาลูบใบหน้าของอวี้จูอย่างแผ่วเบา และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รออยู่ที่นี่อย่างซื่อสัตย์เสีย”“ข้าย่อมมีวิธีส่งเจ้ากลับไปอยู่ข้างกายนายน้อย”“หากกลับไปอยู่กับนายน้อยไม่ได้จริง ๆ ก็อยู่ข้างกายข้าเสีย!”อวี้จูได้ยินคำพูดนี้ของท่านจอมปราชญ์เหวิน ก็ราวกับได้กินยาสงบใจเม็ดหนึ่ง ในใจรู้สึกยินดียิ่งท่านจอมปราชญ์เหวินปลอบโยนอวี้จู ก่อนจะลุกขึ้นไปที่ห้องข้าง ๆเมื่อออกจากประตู สีหน้าของเขาก็เย็นชาลงหมากตัวหนึ่ง หากสูญเสียคุณค่าไปแล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องมีอยู่!ท่านจอมปราชญ์เหวินให้คนเฝ้าสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวด้านนอกหอจินอวี้อยู่ตลอด และได้ข้อมูลว่าทหารเหล่านั้นปิดล้อมหอจินอวี้อย่างแน่นหนา ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออก นอกจากนี้ ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นใดอีกท่านจอมปราชญ์เหวินเลิกคิ้ว หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก็กล่าวว่า “เป็นไปไม่ได

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status