ต่อให้นายท่านหางจะไม่พอใจอย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างไรเสียทักษะเขาก็สู้ผู้อื่นไม่ได้เองใครใช้ให้พวกเขาทำยาลูกกลอนนี่ไม่เป็นเองเล่า?แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้วสายตาของนายท่านหางตกที่อวิ๋นฝูหลิง เริ่มครุ่นคิดในใจถ้าหากเขาสามารถชักชวนอวิ๋นฝูหลิงมาเป็นพวก จัดหายาลูกกลอนให้สำนักผิงอันได้เป็นระยะ เช่นนั้นสำนักผิงอันก็จะมีข้อได้เปรียบมากกว่าสำนักแพทย์อื่นๆในวันข้างหน้าอาจมีชื่อเสียงโด่งดังกว่าสำนักช่วยชีพก็เป็นไปได้ในฐานะที่เป็นทายาทโดยตรงของสกุลหาง ข่าวสารของนายท่านหางจึงไวมากเขาได้ยินมาว่าตั้งแต่จี้ชุนโหวรุ่นแรกเสียชีวิต นายท่านรองของจี้ชุนโหวผู้นั้นก็แบกรับกิจการขนาดใหญ่ของสกุลอวิ๋นไม่ไหวประการแรกเป็นเพราะฝีมือการแพทย์ของเขาธรรมดา ไม่ได้ล้ำเลิศเหมือนที่ป่าวประกาศต่อโลกภายนอกประการที่สอง เพราะชาติกำเนิดของเขาไม่ได้ถูกหลักทำนองคลองธรรมมากนัก ลือกันว่าเขาไม่ใช่ทายาทของสกุลอวิ๋นแม้ไม่รู้ว่าข่าวนี้จริงหรือเท็จ แต่หากไม่มีลม ไหนเลยจะมีคลื่น[1]ด้วยเหตุนี้คนเก่าคนแก่มากมายของสำนักช่วยชีพจึงไม่พอใจนายท่านรองของจวนจี้ชุนโหวผู้นี้เท่าไรนัก แม้ชั่วขณะภายนอกยังมองอะไรไม่ออก แต่ภาย
แม้บนใบหน้าติงหมิงรุ่ยเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้รบเร้า เขาประสานมือกล่าว “รบกวนแล้ว” จากนั้นก็จากไปอวิ๋นซานหูเห็นญาติผู้พี่กลับมา เดินเข้าไปกระตุกแขนเสื้อของเขาพลางกล่าวถามทันที “ญาติผู้พี่ ท่านไปหาหญิงผู้นั้นทำไม?”แม้ติงหมิงรุ่ยไม่ชอบน้ำเสียงที่สอบถามของอวิ๋นซานหู กลับยังกล่าวอธิบายอย่างอดทน “เจ้าสงสัยที่มาของยาลูกกลอนที่นางเอาออกมาไม่ใช่หรือ? เดิมทีข้าอยากขอซื้อกับนางเม็ดหนึ่งมาลองศึกษาดูดีๆ ใครจะรู้ว่านางขายสองเม็ดที่เหลือให้นายท่านหางไปแล้ว”เดิมทีติงหมิงรุ่ยภูมิใจในตัวเองมากเขาพรสวรรค์โดดเด่น มีชื่อเสียงตั้งแต่ยังเยาว์วัย เป็นหมอเทวดาน้อยที่มีชื่อเสียงในเขตปกครองลั่วอันออกจากบ้านครั้งนี้ ท่านปู่ยังได้บอกเขาว่าถึงเวลาที่ควรออกไปเปิดหูเปิดตาแล้ว จะได้รู้ว่าเหนือคนยังมีคนเดิมทีเขาไม่เก็บเอาคำพูดนี้มาใส่ใจ กระทั่งเจอแม่นางอวิ๋นตอนแรกใช้วิธีแปลกๆ ช่วยชีวิตเด็กที่พุทราติดคอ จากนั้นก็นำยาลูกกลอนลดไข้ออกมาติงหมิงรุ่ยที่เย่อหยิ่งเหมือนถูกคนชกอย่างแรงจนเกิดรอยร้าวแม้เขาไม่พอใจนัก ในใจกลับต้องยอมรับ แม่นางอวิ๋นผู้นั้นมีความสามารถพอสมควรส่วนอวิ๋นซานหูไม่รู้คิดอะไร จู
ตอนที่อวิ๋นฝูหลิงกลับถึงที่พัก อวิ๋นจิงมั่วตื่นแล้วจางซานมู่กำลังเล่าเรื่องที่นางใช้ยาลูกกลอนรักษาเฉินต้ายา และเรื่องที่อวิ๋นซานหูหาเรื่องอย่างจริงจังทุกคนฟังอย่างตั้งใจ และอุทานเป็นระยะอวิ๋นจิงมั่วเห็นอวิ๋นฝูหลิงเป็นคนแรก เขาลุกพรวดขึ้นมา เรียกนางด้วยเสียงที่นุ่มนิ่มทันที “ท่านแม่…”อวิ๋นฝูหลิงอุ้มเขาขึ้น แล้วหอมที่แก้มเขาหนึ่งที อวิ๋นจิงมั่วยิ้มอย่างมีความสุขอวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองไก่ป่าสองตัวที่วางอยู่บนพื้น กล่าวถามด้วยความสงสัย “ไปเอาไก่ป่ามาจากที่ใด?”พลันอวิ๋นจิงมั่วยกมือชี้ “ท่านลุงคนนั้นให้”อวิ๋นฝูหลิงมองไปตามทิศทางที่มือของเขาชี้ พบว่าเป็นเซียวจิ่งอี้เมื่อครู่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เกรงว่าคงไปหาของกินมาแล้วคนผู้นี้มีวรยุทธ์ การล่าสัตว์ในป่าจึงไม่ใช่เรื่องยากส่วนเพราะเหตุใดเขาจึงมอบไก่ให้สองตัว น่าจะเป็นเพราะน้ำแกงเห็ดรวมชามเมื่อวานอวิ๋นฝูหลิงเห็นเขาเก็บฟืนมาหนึ่งกอง ข้างเท้ายังมีไก่ป่าหนึ่งตัว กำลังใช้หินเหล็กไฟจุดไฟ น่าจะอยากย่างไก่กินเพียงแต่ตอนเช้ามีน้ำค้างเยอะ เมื่อวานก็ฝนตก คราวนี้ฟืนที่เก็บกลับมาล้วนชื้นเล็กน้อย จุดติดยากมาก อวิ๋นฝูหลิงมองไก่สองตัวท
เซียวจิ่งอี้หลุดหัวเราะ กล่าวตอบอย่างจริงจัง “ข้าอายุยี่สิบห้าปีแล้ว”……หนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กคุยกันไปถามกันมา ส่วนทางอวิ๋นฝูหลิง ลูกพี่อู๋และคนอื่นๆ ถอนขนไก่ป่าจนสะอาด สับเป็นชิ้นเล็กๆจากนั้นซาวข้าวสองกำใหญ่ ใส่รวมกันต้มเป็นข้าวต้มเนื้อหนึ่งหม้อผ่านไปครู่หนึ่ง กลิ่นหอมของข้าวและเนื้อก็ปนกัน ลอยไปตามอากาศเวลานี้ชาวบ้านก็เริ่มทยอยกันกินเข้าเช้าแล้วเมื่อได้กลิ่นหอมของเนื้อปนข้าวในอากาศ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย จากนั้นมองขนมเปี๊ยะเนื้อหยาบและข้าวต้มผักป่าในมือ รู้สึกว่ากินไม่ลงทันทีลูกของแต่ละบ้านยิ่งร้องไห้งอแง แต่เมื่อถูกผู้ใหญ่ตบไปสองที และด่าอีกสองสามคำ ก็ทำตัวดีแล้วส่วนคนที่งอแงหนักที่สุด ก็น่าจะเป็นเฉินเสียวเป่าหลานชายคนโตสุดที่รักของสกุลเฉิน เฉินเสียวเป่ากลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นไม่หยุด ปากก็พึมพำกล่าว “ข้าจะกินเนื้อ ข้าจะกินเนื้อ…”นี่ถ้าหากเปลี่ยนเป็นยามปกติ แม่เฒ่าเฉินต้องพาหลายชายคนโตมาเอาเปรียบ ขอข้าวต้มเนื้อกับอวิ๋นฝูหลิงแน่นอนแต่เมื่อเห็นลูกพี่อู๋และคนอื่นที่อยู่ข้างกายอวิ๋นฝูหลิง แม่เฒ่าเฉินจึงไม่กล้าไปแม้แต่น้อยพวกลูกพี่อู๋เป็นอันธพาลที่มีชื่อเสียงในล
อวิ๋นฝูหลิงเตรียมตัว จากนั้นอุ้มอวิ๋นจิงมั่ว พร้อมกับเรียกพวกลูกพี่อู๋ แล้วเริ่มการขุดในป่าอวิ๋นจิงมั่วตัวเล็กช่วยอะไรไม่ค่อยได้ อวิ๋นฝูหลิงจึงปล่อยให้เขาเล่นเพียงลำพัง แค่เพียงอยู่ในสายตาของนาง ไม่แอบหนีไปเล่นที่อื่นก็พอส่วนพวกของลูกพี่อู๋ อวิ๋นฝูหลิงสั่งให้พวกเขาไปเก็บฟืน หาพืชผักผลไม้ป่าอยู่รอบๆ คอยหาสิ่งที่กินได้ภายในป่ามีชาวบ้านพบเห็น จึงตามไปด้วยความใคร่รู้ เพียงไม่นานก็วิ่งกลับมา พร้อมกับเรียกคนในครอบครัวให้ขึ้นเขามาขุดไปพร้อมกันแม้พวกเขาจะไม่รู้จักสมุนไพร แต่ก็สามารถเก็บพืชผักผลไม้ป่าและเห็ดต่างๆ ได้เพื่อหนีภัยน้ำท่วม อาหารที่ชาวบ้านนำมาด้วยจึงมีจำกัด หากยังไม่เข้าไปหาของกินในป่า พวกเขาต้องอดตายแน่นอนโชคดีที่ช่วงเวลานี้พืชผักผลไม้ในป่างอกขึ้นไม่น้อย อีกทั้งฝนเพิ่งตก ทำให้มีเห็ดผุดขึ้นมาไม่น้อยพวกชาวบ้านแต่ละคนจึงเริ่มยุ่งเช่นเดียวกันช่วงเช้าอวิ๋นฝูหลิงเก็บเกี่ยวพืชผลได้ไม่น้อย ไม่เพียงขุดสมุนไพรได้หนึ่งเข่งเล็ก ยังแอบย้ายเข้าไปไว้ในมิติบางส่วนพวกลูกพี่อู๋เองก็เก็บเกี่ยวพืชผลได้ไม่น้อยเช่นกันจางซานมู่มีฝีมือในการจักสานอยู่บ้าน จึงใช้กิ่งไม้ที่ค่อนข้างอ่อนสานเ
คำพูดเหล่านี้ สะใภ้ใหญ่เฉินฟังจนไม่ระคายหูแล้วที่ผ่านมานางกล้ำกลืนฝืนทนมาตลอด ใครใช้ให้นางเป็นสะใภ้คนอื่นเล่า อย่างไรก็ต้องถูกแม่สามีกดขี่อยู่แล้วทว่าวันนี้ เมื่อนึกถึงบุตรสาวที่มีไข้สูง แต่แม่สามีกลับไม่ยอมออกค่ายาให้แม้แต่แดงเดียวส่วนที่บุตรสาวต้องตกใจจนไข้ขึ้นสูง เพราะเฉินเสียวเป่าแย่งพุทราที่บุตรสาวเด็ดมา แล้วกินเข้าไปโดยไม่ระวังทำให้พุทราติดคอ เป็นเพราะทำตัวเอง แต่ทุกคนกลับโทษว่าเป็นความผิดของบุตรสาวนางแม่เฒ่าเฉินที่เป็นย่า ยังบีบให้เฉินเหล่าต้าผู้เป็นพ่อตบตีลูกสาวตัวเอง เพื่อแก้แค้นให้หลานชายสุดที่รักของนางหนำซ้ำเฉินเหล่าต้ายังลงมือจริงบนโลกมีลูกชายที่กตัญญูอย่างโง่เขลาเช่นนี้จริง และเป็นพ่อที่ใจร้ายมากตอนนี้แม้แต่น้ำข้าวที่เฉินเสียวเป่ากินเหลือ แม่เฒ่าเฉินก็ไม่ยอมแบ่งให้ต้ายาแม้แต่น้อยทำให้ความโกรธของสะใภ้ใหญ่เฉินไม่อาจเก็บไว้ได้อีกต่อไป ทันใดนั้นจึงทะเลาะกับแม่เฒ่าเฉินมีคำกล่าวว่า หากไม่เป็นบ้าในความเงียบ ก็จะอาละวาดในความเงียบ สะใภ้ใหญ่เฉินคืออย่างหลังแม่เฒ่าเฉินจะยอมลูกสะใภ้ได้อย่างไร ทันใดนั้นจึงนั่งลงกับพื้น ตบขาตัวเองแล้วตีอกชกหัว ด่าว่าบ้านเฉินเหล่าต้า
แม่เฒ่าเฉินมีแผนอยู่ในใจนางไม่ยอมให้ต้ายากินแม้แต่น้ำข้าวถ้วยเดียว หนึ่งเพราะรักเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง เพราะรู้สึกว่าเด็กหญิงอย่างต้ายาไม่คู่ควรกินน้ำข้าวสองเพราะอยากแสดงสีหน้าใส่สะใภ้ใหญ่เฉิน เพื่อกำราบอีกฝ่ายเมื่อนึกถึงสะใภ้ใหญ่เฉินใช้เงินหนึ่งตำลึงซื้อยาให้เฉินต้ายา นางก็รู้สึกจุกในอก รู้สึกเสียดายอย่างมากเงินหนึ่งตำลึงเอาไปทำอะไรไม่ดี กลับเอาไปซื้อยาให้เฉินต้ายาจนหมด น่าเสียดายยิ่งนักสามเพราะนางอยากจะฮุบสินเดิมที่เหลือทั้งหมดของสะใภ้ใหญ่เฉินนางไม่ยอมให้ของกินแก่สะใภ้ใหญ่เฉิน ด้วยความรักที่สะใภ้ใหญ่มีต่อลูกสาว ต้องเอาสินเดิมออกมาใช้ แล้วคิดหาวิธีซื้อของกินมาให้ลูกถึงตอนนั้น แม่เฒ่าเฉินค่อยฉวยโอกาสฮุบสินเดิมทั้งหมดของสะใภ้ใหญ่เฉินมาไว้ในมือแต่แผนการของนางเปิดเผยไม่ได้ โดยเฉพาะความคิดที่อยากจะครอบครองสินเดิมของลูกสะใภ้สินเดิมของฝ่ายหญิงเป็นสมบัติส่วนตัวหากครอบครัวสามียึดสินเดิมของสะใภ้ จะตกเป็นที่ครหาดังนั้นที่ผ่านมาแม่เฒ่าเฉินจึงคิดหาสารพัดข้ออ้างมากลบเกลื่อน บอกกับคนนอกว่าลูกสะใภ้นำออกมาให้ใช้เองสะใภ้ใหญ่เฉินไม่ใช่คนโง่ แค่ตรึกตรองให้ดีพลันรู้ถึงแผนการของแม่เ
นางสงสัยว่าอาจเป็นเพราะตอนคลอดลูกสาวคลอดยาก จึงทำให้ร่างกายบาดเจ็บ หนำซ้ำหลายปีมานี้ถูกแม่สามีกลั่นแกล้ง กินดื่มแต่ของไม่ดี ดังนั้นจึงทำให้ไม่ตั้งท้องอีกเลยสะใภ้ใหญ่เฉินคิดว่าจะไปให้หมอตรวจดู แล้วเอายามากินเพื่อปรับสภาพร่างกายความจริงก่อนหน้านี้แม่ของนางเคยบอกนางเรื่องนี้แล้ว ให้นางไปหาหมอในเมืองตรวจดู เพราะอย่างไรหญิงสาวต้องมีลูกชายสักคนแต่นางถูกแม่สามีใช้งานตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทำให้ไม่มีเวลาไปหาหมอเมื่อนึกถึงคนทางฝั่งมารดา ทำให้สะใภ้ใหญ่เฉินเป็นห่วงขึ้นมาหมู่บ้านของมารดา อยู่เหนือหมู่บ้านหลินซานขึ้นไป ถือว่าไม่ห่างกันมากไม่รู้ว่าบ้านมารดานางจะเป็นอย่างไรบ้าง จะปลอดภัยจากน้ำท่วมหรือไม่?เฉินเหล่าต้าเห็นภรรยาไม่สนใจตัวเอง จึงหันมองลูกสาวเขายกมืออยากลูบหัวลูกสาวตัวเองแต่พอเขายื่นมือออกไป ปฏิกิริยาตอบโต้ของเฉินต้ายากลับถดตัวถอยหลังหนึ่งก้าวทันทีเพื่อหลบมือของเขามือของเฉินเหล่าต้าชะงักอยู่กลางอากาศ เมื่อเห็นว่าในดวงตาลูกสาวทั้งกลัวทั้งแค้น ทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดในบ้านนี้ ความจริงเขาเองก็ลำบากใจมากแต่ไม่ว่าแม่ของเขาหรือภรรยาของเขา กระทั่งลูกสาวของเขาก็ล้วนไม่เข้าใจควา
ทว่าไฟดวงหนึ่งในบริเวณที่อยู่ไม่ไกลห่างจากคนตระกูลเวินพวกนี้นักสั่นไหวอยู่ท่ามกลางท้องนภาเล็กน้อย ราวกับกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่างเซียวจิ่งอี้เห็นไฟดวงนั้นแล้ว มุมปากพลันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยดูท่าเรื่องที่เขามอบหมายแก่เทียนเฉวียน จะจัดการได้เสร็จเรียบร้อยแล้วในเมื่อเตรียมการทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว เช่นนั้นก็ได้เวลาลงมือสะสางเสียทีเซียวจิ่งอี้พยักหน้าให้จ้าวเสวียซือทันทีจ้าวเสวียซือเข้าใจความนัย รีบพาคนลงไปเตรียมพร้อมคนงานขนย้ายของขึ้นไปบนเรือทีละคน ๆ ทุกครั้งที่มาทำการค้า คนญี่ปุ่นพวกนั้นไม่มีใครอยากทำเรื่องเหน็ดเหนื่อยอย่างการขนย้ายของพวกนี้ด้วยตัวเอง ทั้งยังไม่อยากเปลืองเงินทองจ้างคนดังนั้นงานหนักอย่างการขนย้ายของเหล่านี้ ล้วนเป็นฝั่งตระกูลเวินที่รับผิดชอบคนงานบนเรือทำตามคำสั่ง เข้าไปขนย้ายสินค้าที่ใต้ท้องเรือทว่าทันทีที่เข้าใต้ท้องเรือ ก็ถูกจ้าวเสวียซือนำคนเข้าปราบปรามในทันทีคนเหล่านี้ล้วนเป็นชาวบ้านยากจนที่ใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาตระกูลเวิน ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ขององครักษ์ผู้มีวิทยายุทธ์สูงส่งซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของเซียวจิ่งอี้กลุ่มนั้นได้บนเรือเพิ่งลงมือได
ครั้นเหล่าโจรกบฏเผ่าเยว่พวกนั้นที่ถูกควบคุมตัวอยู่ด้วยกันได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง ไหนเลยยังจะกล้าคิดหนีขึ้นมาอีกนับแต่ถูกจับ พวกเขาทั้งกลุ่มล้วนได้สัมผัสกับความร้ายกาจของยาพิษพวกนั้นของอวิ๋นฝูหลิงมาแล้วทั้งสิ้นกระทั่งเฉาเหล่าต้ากับพรรคพวกสองสามคนที่เป็นถึงหัวหน้าก็ถูกยาพิษของอวิ๋นฝูหลิงทรมานจนอยู่ไม่สู้ตาย ท้ายที่สุดพอถามอะไรมา ล้วนสารภาพออกไปเสียสิ้นสภาพร่างกายของพวกเขาในยามนี้ยังคงตกอยู่ในฤทธิ์ยาของอวิ๋นฝูหลิง แต่ละคนล้วนอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงไปทั้งกายบัดนี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงหยิบผงพิษที่ทำให้ผิวคนเน่าเปื่อยจนสิ้นลมได้ออกมาอีก ทุกคนจึงอดก่นด่าอวิ๋นฝูหลิงอยู่ในใจไม่ได้แม่นางผู้นี้รูปโฉมก็งดงามอยู่หรอก แต่ทำไมจิตใจถึงได้อำมหิตเช่นนี้!ไม่ว่าในใจพวกเขาจะด่าทอเช่นไร ทว่ากลับไม่กล้าเผยออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียวแต่ละคนล้วนว่าง่ายราวกับแมวเชื่องหวั่นกลัวก็แต่ว่าตนเองจะเผลอทำอะไรไปเพียงเล็กน้อย แล้วจะถูกเข้าใจผิด นำไปสู่หายนะที่เป็นการพาตนเองไปสู่ความตายหลังจากที่อวิ๋นฝูหลิงตามไปรวมกับเซียวจิ่งอี้ นั่งเรือพ่อค้าญี่ปุ่นออกไปแล้ว เซียวจิ่งอี้ถึงได้เอ่ยถาม “ขวดยาไม่กี่ขวดที
ช่วงเวลาที่นางจากไปนี้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางเมืองหลวงจะเป็นเช่นไรบ้างพวกท่านลุงหลินกับท่านปู่โอวหยาง จะศึกษาเทียบยาที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าของเดิมออกมาได้ไหม?อวิ๋นฝูหลิงลองนับวันดูแล้ว เกรงว่าคงจะควบคุมเรือนเสินเซียนในเมืองหลวงไม่อยู่เสียแล้วเรื่องขี้ผึ้งเทพเซียน เกินกว่าครึ่งล้วนปิดบังไม่มิด ในเมืองหลวงใกล้จะปะทุออกมาแล้วครั้นนึกถึงเรื่องพวกนี้ อวิ๋นฝูหลิงถึงกับลอบถอนหายใจโชคดีที่ในเมืองหลวงมีฮ่องเต้จิ่งผิงคอยดูแลความสงบด้วยองค์เองอยู่ มาตรแม้นว่าจะเกิดความวุ่นวายไปบ้าง แต่ก็มิได้เกิดเรื่องใหญ่โตอันใดยิ่งไปกว่านั้น ทางเมืองหลวงก็พบเรื่องขี้ผึ้งเทพเซียนค่อนข้างเร็ว มีเทียบยาที่นางทิ้งไว้ให้สองสามเทียบอยู่ โอวหยางหมิงกับหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงก็คงจะได้เรื่องได้ราวอะไรบ้างยังพอควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในขอบเขตได้อยู่ส่วนที่อวิ๋นฝูหลิงเป็นห่วงมากกว่าก็คือที่จินโจวจินโจวเป็นสถานที่ที่มีขี้ผึ้งทองปรากฏโฉมเร็วที่สุด แน่นอนว่าคนที่ได้รับพิษของขี้ผึ้งทองนั้นก็มีมากที่สุดและอาการหนักที่สุดด้วยหากจัดการไม่ดี เกรงว่าอาจจะก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นมาได้ในฐานะที่อวิ๋นฝูหลิงเป็น
เซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงรู้ซึ้งถึงจุดนี้ดี ดังนั้นจึงเข้าใจกันโดยปริยายว่าจะไม่พูดถึงเรื่องที่โจรสลัดกลุ่มนั้นจัดแจงให้ไปขุดแร่กำมะถันในเมื่อกำหนดวันออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว อวิ๋นฝูหลิงจึงฉวยโอกาสก่อนที่จะไปจากที่นี่ รีบเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนเกาะหมัวกุ่ยแห่งนี้สิ่งแรกที่จะต้องจัดการก็คือทุ่งดอกอิงซู่ผืนใหญ่ผืนนั้นบนเกาะหมัวกุ่ยอวิ๋นฝูหลิงหาไหดินเผามาจำนวนหนึ่งมาได้ นำคนไปขุดย้ายมาบางส่วน ซึ่งส่วนนี้จะนำกลับไปที่เมืองหลวงอย่างเปิดเผย เพื่อทำการศึกษา ยามขุดย้าย นางอาศัยจังหวะที่คนอื่นไม่ทันสังเกต แอบลูบแล้วหยิบใส่เข้าในมิติไปไม่น้อยมีของพวกนี้เก็บไว้ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ หากต่อไปคิดจะปลูกต้นอิงซู่มากน้อยเท่าไรก็ปลูกได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีดอกอิงซู่มาปรุงยาไม่พอดอกอิงซู่ที่เหลือในทุ่งนั้น ไม่มีเวลาให้ขุดไปได้ทั้งหมด อวิ๋นฝูหลิงจึงให้คนเผาทิ้งทั้งหมดไม่เพียงคอยอยู่ดูคนเผาเท่านั้น หลังเผาเสร็จแล้วยังตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งวันข้างหน้าจะได้ไม่มีคนใช้ทุ่งดอกอิงซู่แห่งนี้มาทำเรื่องชั่วช้าอีกหลังจัดการเรื่องทุ่งดอกอิงซู่แล้วเสร็จ อวิ๋นฝูหลิงจึงคว้าอีเต้อน้อยเล่
พวกเขาไม่มีเครื่องมือ จึงขุดเหมืองกำมะถันไม่ได้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมหรือแสงแดดตามธรรมชาติหรือไม่ บริเวณโดยรอบของเหมืองกำมะถันจึงมีหินกำมะถันกระจายตัวอยู่จำนวนมากอวิ๋นฝูหลิงวางแผนว่าวันนี้จะเก็บหินกำมะถันเหล่านี้ไปให้หมดก่อน เมื่อกลับไปรวบรวมคนกับเครื่องมือแล้ว ค่อยเริ่มขุดเหมืองกำมะถันแห่งนี้การเก็บครั้งนี้ พวกเขาเก็บจนพระอาทิตย์ตกอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าเริ่มมืดแล้ว จึงเพิ่งเรียกทุกคนกลับพวกลูกพี่อู๋ล้วนถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก เพื่อทำเป็นกระเป๋าใส่หินกำมะถันที่เก็บมากลุ่มคนถือถุงหนัก ๆ ที่ทำจากเสื้อตัวนอก เดินกลับไปยามที่พระอาทิตย์ตกดินเมื่ออวิ๋นฝูหลิงกลับมาที่ห้อง ก็พบว่าเซียวจิ่งอี้กลับมาแล้วเขากำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ถือพู่กันเขียนบางสิ่งอยู่เซียวจิ่งอี้ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็เงยหน้ามองไปทางอวิ๋นฝูหลิงเขาวางพู่กันในมือลง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กลับมาแล้วหรือ วันนี้เก็บสิ่งใดได้บ้างหรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แสดงสัญญาณให้พวกเหยากวงถือสัมภาระเข้ามาในห้องอวิ๋นฝูหลิงคลายเชือกที่มัดสัมภาระไว้ และหยิบหินกำมะถันออกมาเขย่าไปทางเซียวจิ
หลังจากจ้าวเสวียซือได้ยินการวิเคราะห์ของเซียวจิ่งอี้ ก็เข้าใจโดยพลัน“คนแคว้นเยว่เจ้าเล่ห์จริงๆ!”ก่อนหน้านี้ยามที่พวกเขาสืบสวนคดีขี้ผึ้งทอง ก็สืบพบว่าขุนนางน้อยใหญ่ของแคว้นจินโจว เกือบครึ่งล้วนยุ่งเกี่ยวกับขี้ผึ้งทองแม้แต่ทางด้านกองทหารรักษาการณ์ของจินโจว ก็ยังมีผู้นำทัพที่ดูดขี้ผึ้งทองเช่นกันยามนั้นพวกเขายังไม่ทันได้จัดการเรื่องนี้ เซียวจิ่งอี้ก็หายตัวไปขณะที่สะกดรอยตามพ่อค้าชาวญี่ปุ่นด้วยเหตุนี้ความสนใจหลังจากนั้นของพวกเขา จึงหันเหมาอยู่ที่การค้นหาร่องรอยของเซียวจิ่งอี้ทั้งหมดยามนี้เมื่อจ้าวเสวียซือหวนนึกขึ้นมาได้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นยะเยือกยามนี้ก็จินโจว เริ่มจากเมืองสู่แคว้น หากขุนนางระดับสูงล้วนติดสารเสพติดอย่างขี้ผึ้งทอง เมื่อการเสพติดออกฤทธิ์แล้ว คนแคว้นเยว่ที่ครอบครองขี้ผึ้งทอง ย่อมมีตัวตนราวกับเป็นเทพถึงครานั้นไม่ว่าคนแคว้นเยว่ต้องการทำอันใด ผู้ที่ติดสารเสพติดย่อมล้วนทำตามโดยไม่มีเงื่อนไขเช่นนั้นหากชาวแคว้นเยว่คิดจะโค่นล้มแคว้นต้าฉี และก่อตั้งแคว้นเยว่ขึ้นมาใหม่ มิใช่ว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ หรือ?จ้าวเสวียซือรู้ว่าอาการยามที่ติดยาเสพติดเป็นอย่างไร ยามนั้
หลังจากได้ยินคำพูดของเซียวจิ่งอี้ ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ ในใจทั้งรู้สึกแปลกใจทั้งสงสัยอย่างไรก็ตามไม่รอให้เขาได้เอ่ยปาก ก็มีคนของหน่วยกระบี่เงามาปิดปากเขา และพาตัวไปไต่สวนคนที่ขึ้นเกาะมากับโยชิดะ ล้วนถูกเซียวจิ่งอี้พาตัวไปโดยไม่มีข้อยกเว้นส่วนคนอื่นที่คอยคุ้มกันเรืออยู่ ก็ถูกจั่วเยี่ยนพาคนขึ้นเรือไปจับตัวไว้ทั้งหมดเมื่อจั่วเยี่ยนส่งคนมาแจ้งข่าว บอกว่าคนญี่ปุ่นเหล่านั้นไม่มีตกหล่นไปแม้แต่คนเดียว ถูกจับตัวไว้ทั้งหมดแล้ว เซียวจิ่งอี้จึงเพิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอกพานชางอี้ที่อยู่ด้านข้างได้ยินว่าเหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่นถูกจับตัวไว้ทั้งหมดแล้ว ก็ก้าวมาข้างหน้าอย่างใจกล้า กล่าวว่า “ใต้เท้า เรื่องที่ท่านสั่งพวกข้าน้อยล้วนทำสำเร็จลุล่วงแล้ว ยามนี้เหล่าคนญี่ปุ่นถูกจับตัวไว้หมดแล้ว เรื่องยาถอนพิษที่ท่านรับปากไว้ก่อนหน้านี้...”เดิมทีเซียวจิ่งอี้ก็ไม่คิดจะผิดคำพูดเรื่องนี้อยู่แล้วหากเขาคิดจะลงโทษคนพวกนี้ ก็มีวิธีอีกมากยิ่งไปกว่านั้นหากปล่อยคนเหล่านี้ไว้ บางทีอาจมีประโยชน์อยู่บ้างเขาให้ยาถอนพิษพานชางอี้โดยไม่พูดอะไรพานชางอี้เห็นเซียวจิ่งอี้รักษาคำพูด ก็ถือยาถอนพิษไว้ ด้วยสีหน้าร
ทางด้านอวิ๋นฝูหลิงพาคนบนเกาะหมัวกุ่ยไปหากำมะถัน ทางฝั่งเซียวจิ่งอี้พาคนไปซุ่มโจมตีตรงทางเข้าเกาะ หลังจากรออยู่นาน ในที่สุดบนท้องทะเลก็มีการเคลื่อนไหวเห็นเพียงเรือใหญ่สองลำค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาช้า ๆ บนทะเล มุ่งตรงใกล้มาทางเกาะหมัวกุ่ยเรื่อย ๆพานชางอี้ลอบกลืนน้ำลาย ถูมือ ข่มกลั้นความตึงเครียดและความหวาดกลัวในก้นบึ้งหัวใจความรู้สึกราวกับถูกแมลงนับพันกัดแทะหัวใจยามที่ยาพิษออกฤทธิ์เมื่อคืน ความรู้สึกที่อยู่ไม่สู้ตาย เขาไม่อยากประสบอีกครั้งแล้วขอเพียงทำตามที่คนผู้นั้นบอก หลอกพวกพ่อค้าชาวญี่ปุ่นขึ้นไปบนเกาะได้ หน้าที่ของเขาก็เสร็จสิ้น ถึงตอนนั้นก็จะได้รับยาถอนพิษเมื่อก่อนเรื่องการต้อนรับเหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่น ก็เป็นหน้าที่ของเขาวันนี้ตราบใดที่เขาทำเหมือนปกติ ไม่หลุดพิรุธ ทำให้เหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่นขึ้นเกาะโดยไม่สงสัย ก็นับว่าหน้าที่เสร็จสิ้นแล้วคิดมาถึงตรงนี้ พานชางอี้ก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ จึงสงบใจลงได้หลายส่วนเมื่อเห็นเรือใหญ่ทอดสมอตรงชายฝั่ง พานชางอี้ก็สบตากับคนทางด้านซ้ายด้านขวา และพาคนไปต้อนรับทันทีคนเหล่านี้ล้วนกินยาพิษเข้าไปเมื่อคืนหลังผ่านความทรมานยามที่ยาพิษออกฤทธิ์ ยาม
ถึงอย่างไรเหมืองทอง เหมืองเงิน เหมืองทองแดง และเหมืองเหล็กที่นางเคยได้ยินก่อนหน้านี้ ก็ล้วนมีค่ามากยิ่งไปกว่านั้นอวิ๋นฝูหลิงยังเก็บหินกำมะถันพวกนี้มาด้วย ราวกับของล้ำค่ายิ่ง สิ่งนี้ต้องมีค่ามากเป็นแน่ดวงตาทั้งสองข้างของนางเป็นประกาย “พระชายา ข้าจะพาคนไปหาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”อวิ๋นฝูหลิงยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้เหยากวงไม่ต้องรีบร้อนนางมองไปทางเซียวจิ่งอี้ และถามว่า “หากบนเกาะมีเหมืองกำมะถันอยู่จริง ข้าสามารถขุดได้ตามใจหรือไม่? หินกำมะถันที่ขุดออกมาทั้งหมดจะเป็นของข้าหรือไม่?”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เขตทะเลทั้งหมดที่เกาะหมัวกุ่ยไม่มีเจ้าของ ตราบใดที่มีความสามารถในเอาไปได้ มันย่อมเป็นของคนที่พบเจอ!”อวิ๋นฝูหลิงได้ยิน จิตใจก็สงบลงโดยพลัน“ครั้งนี้เจอสมบัติเข้าแล้วจริง ๆ การเดินทางครั้งนี้ทำเงินได้มากทีเดียว!”เซียวจิ่งอี้รู้ว่ากำมะถันสามารถใช้เป็นยาและทำยาลูกกลอนได้ทว่าฮ่องเต้ในอดีตของแคว้นต้าฉี ต่างไม่ชื่นชอบยาลูกกลอน ดังนั้นการกินยาลูกกลอนจึงไม่เป็นที่นิยม กำมะถันในท้องตลาดส่วนมากก็ไหลเวียนผ่านร้านขายยาเซียวจิ่งอี้คิดว่าอวิ๋นฝูหลิงต้องการกำมะถัน เพื่อใช้ในการเป็นวัตถุ