แชร์

บทที่ 19

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
ตอนที่อวิ๋นฝูหลิงกลับถึงที่พัก อวิ๋นจิงมั่วตื่นแล้ว

จางซานมู่กำลังเล่าเรื่องที่นางใช้ยาลูกกลอนรักษาเฉินต้ายา และเรื่องที่อวิ๋นซานหูหาเรื่องอย่างจริงจัง

ทุกคนฟังอย่างตั้งใจ และอุทานเป็นระยะ

อวิ๋นจิงมั่วเห็นอวิ๋นฝูหลิงเป็นคนแรก เขาลุกพรวดขึ้นมา เรียกนางด้วยเสียงที่นุ่มนิ่มทันที “ท่านแม่…”

อวิ๋นฝูหลิงอุ้มเขาขึ้น แล้วหอมที่แก้มเขาหนึ่งที อวิ๋นจิงมั่วยิ้มอย่างมีความสุข

อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองไก่ป่าสองตัวที่วางอยู่บนพื้น กล่าวถามด้วยความสงสัย “ไปเอาไก่ป่ามาจากที่ใด?”

พลันอวิ๋นจิงมั่วยกมือชี้ “ท่านลุงคนนั้นให้”

อวิ๋นฝูหลิงมองไปตามทิศทางที่มือของเขาชี้ พบว่าเป็นเซียวจิ่งอี้

เมื่อครู่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เกรงว่าคงไปหาของกินมาแล้ว

คนผู้นี้มีวรยุทธ์ การล่าสัตว์ในป่าจึงไม่ใช่เรื่องยาก

ส่วนเพราะเหตุใดเขาจึงมอบไก่ให้สองตัว น่าจะเป็นเพราะน้ำแกงเห็ดรวมชามเมื่อวาน

อวิ๋นฝูหลิงเห็นเขาเก็บฟืนมาหนึ่งกอง ข้างเท้ายังมีไก่ป่าหนึ่งตัว กำลังใช้หินเหล็กไฟจุดไฟ น่าจะอยากย่างไก่กิน

เพียงแต่ตอนเช้ามีน้ำค้างเยอะ เมื่อวานก็ฝนตก คราวนี้ฟืนที่เก็บกลับมาล้วนชื้นเล็กน้อย จุดติดยากมาก

อวิ๋นฝูหลิงมองไก่สองตัวท
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 20

    เซียวจิ่งอี้หลุดหัวเราะ กล่าวตอบอย่างจริงจัง “ข้าอายุยี่สิบห้าปีแล้ว”……หนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กคุยกันไปถามกันมา ส่วนทางอวิ๋นฝูหลิง ลูกพี่อู๋และคนอื่นๆ ถอนขนไก่ป่าจนสะอาด สับเป็นชิ้นเล็กๆจากนั้นซาวข้าวสองกำใหญ่ ใส่รวมกันต้มเป็นข้าวต้มเนื้อหนึ่งหม้อผ่านไปครู่หนึ่ง กลิ่นหอมของข้าวและเนื้อก็ปนกัน ลอยไปตามอากาศเวลานี้ชาวบ้านก็เริ่มทยอยกันกินเข้าเช้าแล้วเมื่อได้กลิ่นหอมของเนื้อปนข้าวในอากาศ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย จากนั้นมองขนมเปี๊ยะเนื้อหยาบและข้าวต้มผักป่าในมือ รู้สึกว่ากินไม่ลงทันทีลูกของแต่ละบ้านยิ่งร้องไห้งอแง แต่เมื่อถูกผู้ใหญ่ตบไปสองที และด่าอีกสองสามคำ ก็ทำตัวดีแล้วส่วนคนที่งอแงหนักที่สุด ก็น่าจะเป็นเฉินเสียวเป่าหลานชายคนโตสุดที่รักของสกุลเฉิน เฉินเสียวเป่ากลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นไม่หยุด ปากก็พึมพำกล่าว “ข้าจะกินเนื้อ ข้าจะกินเนื้อ…”นี่ถ้าหากเปลี่ยนเป็นยามปกติ แม่เฒ่าเฉินต้องพาหลายชายคนโตมาเอาเปรียบ ขอข้าวต้มเนื้อกับอวิ๋นฝูหลิงแน่นอนแต่เมื่อเห็นลูกพี่อู๋และคนอื่นที่อยู่ข้างกายอวิ๋นฝูหลิง แม่เฒ่าเฉินจึงไม่กล้าไปแม้แต่น้อยพวกลูกพี่อู๋เป็นอันธพาลที่มีชื่อเสียงในล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 21

    อวิ๋นฝูหลิงเตรียมตัว จากนั้นอุ้มอวิ๋นจิงมั่ว พร้อมกับเรียกพวกลูกพี่อู๋ แล้วเริ่มการขุดในป่าอวิ๋นจิงมั่วตัวเล็กช่วยอะไรไม่ค่อยได้ อวิ๋นฝูหลิงจึงปล่อยให้เขาเล่นเพียงลำพัง แค่เพียงอยู่ในสายตาของนาง ไม่แอบหนีไปเล่นที่อื่นก็พอส่วนพวกของลูกพี่อู๋ อวิ๋นฝูหลิงสั่งให้พวกเขาไปเก็บฟืน หาพืชผักผลไม้ป่าอยู่รอบๆ คอยหาสิ่งที่กินได้ภายในป่ามีชาวบ้านพบเห็น จึงตามไปด้วยความใคร่รู้ เพียงไม่นานก็วิ่งกลับมา พร้อมกับเรียกคนในครอบครัวให้ขึ้นเขามาขุดไปพร้อมกันแม้พวกเขาจะไม่รู้จักสมุนไพร แต่ก็สามารถเก็บพืชผักผลไม้ป่าและเห็ดต่างๆ ได้เพื่อหนีภัยน้ำท่วม อาหารที่ชาวบ้านนำมาด้วยจึงมีจำกัด หากยังไม่เข้าไปหาของกินในป่า พวกเขาต้องอดตายแน่นอนโชคดีที่ช่วงเวลานี้พืชผักผลไม้ในป่างอกขึ้นไม่น้อย อีกทั้งฝนเพิ่งตก ทำให้มีเห็ดผุดขึ้นมาไม่น้อยพวกชาวบ้านแต่ละคนจึงเริ่มยุ่งเช่นเดียวกันช่วงเช้าอวิ๋นฝูหลิงเก็บเกี่ยวพืชผลได้ไม่น้อย ไม่เพียงขุดสมุนไพรได้หนึ่งเข่งเล็ก ยังแอบย้ายเข้าไปไว้ในมิติบางส่วนพวกลูกพี่อู๋เองก็เก็บเกี่ยวพืชผลได้ไม่น้อยเช่นกันจางซานมู่มีฝีมือในการจักสานอยู่บ้าน จึงใช้กิ่งไม้ที่ค่อนข้างอ่อนสานเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 22

    คำพูดเหล่านี้ สะใภ้ใหญ่เฉินฟังจนไม่ระคายหูแล้วที่ผ่านมานางกล้ำกลืนฝืนทนมาตลอด ใครใช้ให้นางเป็นสะใภ้คนอื่นเล่า อย่างไรก็ต้องถูกแม่สามีกดขี่อยู่แล้วทว่าวันนี้ เมื่อนึกถึงบุตรสาวที่มีไข้สูง แต่แม่สามีกลับไม่ยอมออกค่ายาให้แม้แต่แดงเดียวส่วนที่บุตรสาวต้องตกใจจนไข้ขึ้นสูง เพราะเฉินเสียวเป่าแย่งพุทราที่บุตรสาวเด็ดมา แล้วกินเข้าไปโดยไม่ระวังทำให้พุทราติดคอ เป็นเพราะทำตัวเอง แต่ทุกคนกลับโทษว่าเป็นความผิดของบุตรสาวนางแม่เฒ่าเฉินที่เป็นย่า ยังบีบให้เฉินเหล่าต้าผู้เป็นพ่อตบตีลูกสาวตัวเอง เพื่อแก้แค้นให้หลานชายสุดที่รักของนางหนำซ้ำเฉินเหล่าต้ายังลงมือจริงบนโลกมีลูกชายที่กตัญญูอย่างโง่เขลาเช่นนี้จริง และเป็นพ่อที่ใจร้ายมากตอนนี้แม้แต่น้ำข้าวที่เฉินเสียวเป่ากินเหลือ แม่เฒ่าเฉินก็ไม่ยอมแบ่งให้ต้ายาแม้แต่น้อยทำให้ความโกรธของสะใภ้ใหญ่เฉินไม่อาจเก็บไว้ได้อีกต่อไป ทันใดนั้นจึงทะเลาะกับแม่เฒ่าเฉินมีคำกล่าวว่า หากไม่เป็นบ้าในความเงียบ ก็จะอาละวาดในความเงียบ สะใภ้ใหญ่เฉินคืออย่างหลังแม่เฒ่าเฉินจะยอมลูกสะใภ้ได้อย่างไร ทันใดนั้นจึงนั่งลงกับพื้น ตบขาตัวเองแล้วตีอกชกหัว ด่าว่าบ้านเฉินเหล่าต้า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 23

    แม่เฒ่าเฉินมีแผนอยู่ในใจนางไม่ยอมให้ต้ายากินแม้แต่น้ำข้าวถ้วยเดียว หนึ่งเพราะรักเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง เพราะรู้สึกว่าเด็กหญิงอย่างต้ายาไม่คู่ควรกินน้ำข้าวสองเพราะอยากแสดงสีหน้าใส่สะใภ้ใหญ่เฉิน เพื่อกำราบอีกฝ่ายเมื่อนึกถึงสะใภ้ใหญ่เฉินใช้เงินหนึ่งตำลึงซื้อยาให้เฉินต้ายา นางก็รู้สึกจุกในอก รู้สึกเสียดายอย่างมากเงินหนึ่งตำลึงเอาไปทำอะไรไม่ดี กลับเอาไปซื้อยาให้เฉินต้ายาจนหมด น่าเสียดายยิ่งนักสามเพราะนางอยากจะฮุบสินเดิมที่เหลือทั้งหมดของสะใภ้ใหญ่เฉินนางไม่ยอมให้ของกินแก่สะใภ้ใหญ่เฉิน ด้วยความรักที่สะใภ้ใหญ่มีต่อลูกสาว ต้องเอาสินเดิมออกมาใช้ แล้วคิดหาวิธีซื้อของกินมาให้ลูกถึงตอนนั้น แม่เฒ่าเฉินค่อยฉวยโอกาสฮุบสินเดิมทั้งหมดของสะใภ้ใหญ่เฉินมาไว้ในมือแต่แผนการของนางเปิดเผยไม่ได้ โดยเฉพาะความคิดที่อยากจะครอบครองสินเดิมของลูกสะใภ้สินเดิมของฝ่ายหญิงเป็นสมบัติส่วนตัวหากครอบครัวสามียึดสินเดิมของสะใภ้ จะตกเป็นที่ครหาดังนั้นที่ผ่านมาแม่เฒ่าเฉินจึงคิดหาสารพัดข้ออ้างมากลบเกลื่อน บอกกับคนนอกว่าลูกสะใภ้นำออกมาให้ใช้เองสะใภ้ใหญ่เฉินไม่ใช่คนโง่ แค่ตรึกตรองให้ดีพลันรู้ถึงแผนการของแม่เ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 24

    นางสงสัยว่าอาจเป็นเพราะตอนคลอดลูกสาวคลอดยาก จึงทำให้ร่างกายบาดเจ็บ หนำซ้ำหลายปีมานี้ถูกแม่สามีกลั่นแกล้ง กินดื่มแต่ของไม่ดี ดังนั้นจึงทำให้ไม่ตั้งท้องอีกเลยสะใภ้ใหญ่เฉินคิดว่าจะไปให้หมอตรวจดู แล้วเอายามากินเพื่อปรับสภาพร่างกายความจริงก่อนหน้านี้แม่ของนางเคยบอกนางเรื่องนี้แล้ว ให้นางไปหาหมอในเมืองตรวจดู เพราะอย่างไรหญิงสาวต้องมีลูกชายสักคนแต่นางถูกแม่สามีใช้งานตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทำให้ไม่มีเวลาไปหาหมอเมื่อนึกถึงคนทางฝั่งมารดา ทำให้สะใภ้ใหญ่เฉินเป็นห่วงขึ้นมาหมู่บ้านของมารดา อยู่เหนือหมู่บ้านหลินซานขึ้นไป ถือว่าไม่ห่างกันมากไม่รู้ว่าบ้านมารดานางจะเป็นอย่างไรบ้าง จะปลอดภัยจากน้ำท่วมหรือไม่?เฉินเหล่าต้าเห็นภรรยาไม่สนใจตัวเอง จึงหันมองลูกสาวเขายกมืออยากลูบหัวลูกสาวตัวเองแต่พอเขายื่นมือออกไป ปฏิกิริยาตอบโต้ของเฉินต้ายากลับถดตัวถอยหลังหนึ่งก้าวทันทีเพื่อหลบมือของเขามือของเฉินเหล่าต้าชะงักอยู่กลางอากาศ เมื่อเห็นว่าในดวงตาลูกสาวทั้งกลัวทั้งแค้น ทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดในบ้านนี้ ความจริงเขาเองก็ลำบากใจมากแต่ไม่ว่าแม่ของเขาหรือภรรยาของเขา กระทั่งลูกสาวของเขาก็ล้วนไม่เข้าใจควา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 25

    เดิมพวกชาวบ้านหนีขึ้นไปบนเขาเฟิ่งลั่ว ยังคิดว่ารอให้น้ำลดลงค่อยกลับไปแต่เมื่อเห็นบ้านที่อยู่เชิงเขาถูกน้ำพัดถล่ม ที่นาถูกน้ำท่วม ก็เข้าใจทันทีว่ากลับไปไม่ได้แล้วเพราะไม่มีบ้านเรือนให้พวกเขาพักอาศัยอีกแล้ว ส่วนที่นาที่ถูกน้ำท่วม ดินดีก็ไหลไปตามน้ำที่นาเช่นนี้ไม่เหมาะแก่การทำเกษตรกรรมอีกต่อไป อย่างน้อยก็ต้องดูแลรักษาอีกเจ็ดแปดปี ถึงจะกลับมาเป็นที่นาอุดมสมบูรณ์อีกครั้งหากต้องมาเสียเวลาเช่นนี้ สู้ไปเป็นผู้ประสบภัย แล้วขอจัดสรรที่นาใหม่ดีกว่าแม้จะแบ่งได้ที่รกร้าง แต่ก็ดีกว่าที่นาซึ่งเคยถูกน้ำท่วมมาแล้วหลังจากพวกชาวบ้านตรึกตรองแล้ว ค่อนข้างเอนเอียงไปทางเป็นผู้ประสบภัย แล้วจัดสรรที่ดินใหม่แต่ใครจะไปคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป น้ำที่อยู่ตรงเชิงเขากลับไม่ลดลงสักทีจึงทำให้พวกชาวบ้านร้อนใจขึ้นมามีคนแก่ที่อายุมากมองดูน้ำท่วมตรงเชิงเขาแล้วเอ่ยขึ้น “น้ำท่วมครั้งนี้ คงต้องใช้เวลาสักสองสามเดือน ถึงจะลดลง”เมื่อพวกชาวบ้านได้ยินดังนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันทีตอนนี้พวกเขาเหมือนถูกขังอยู่บนยอดเขา แม้ในป่าในเขาจะมีพืชผักประทังชีวิต แต่จะยืนหยัดได้นานเท่าใด?พวกเขามีกันมากมายขนาดนี้ เกรงว่าไม่ถ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 26

    ชาวบ้านต่างคาดเดาว่าพวกเขาพ่อลูกเผชิญกับสัตว์ดุร้ายในเขาจนสิ้นชีพไปแล้วภรรยาของพรานหูตรอมใจจนล้มป่วย ผ่านไปไม่นานก็สิ้นใจตามไปด้วย กิจธุระหลังจากนั้นต่างมีชาวบ้านคอยช่วยกันจัดการ ต่อมามีชาวบ้านกลุ่มอื่นเข้าไปยังภูเขาอีก แต่ก็ต่างสูญหายไร้ร่องรอยไปด้วยโดยไม่มีข้อยกเว้น ทีละน้อยทีละนิดเช่นนี้ จนไม่รู้ข่าวลือว่าในหุบเขามีสัตว์ประหลาดกินคนผุดขึ้นมาได้อย่างไร ทว่าผู้ใดก็ตามที่เข้าไปยังหุบเขา ก็อย่าหวังจะมีชีวิตรอดกลับมานานวันเข้า เหล่าชาวบ้านต่างไม่กล้าเข้าไปยังหุบเข้าอีก โดยทั่วไปมักเก็บฟืนขุดหาของป่าเพียงบริเวณรอบนอกเขาเฟิ่งลั่ว เมื่อพวกเขาได้ยินว่าหัวหน้าหมู่บ้านโจวจะเข้าไปยังหุบเขา ชาวบ้านก็เป็นกังวลไปก่อนแล้วอวิ๋นซานหูจ้องไปยังชาวบ้านที่คัดค้านเหล่านั้น แล้วกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “สัตว์ประหลาดกินคนที่ไหนกัน? ไร้สาระสิ้นดี!”“ในหุบเขามีก็แค่สัตว์ดุร้ายไม่กี่ตัว อย่างพวกเสือหรือหมีควาย พวกเรามีกันตั้งหลายคน ยังจะกลัวสัตว์ดุร้ายพวกนั้นได้หรือ? หากเจอมันเข้า ฆ่าเสียก็สิ้นเรื่องแล้ว ทั้งยังได้กินเนื้ออีก! ”“หากพวกเจ้ากลัว ก็ยังมีองครักษ์ของข้าอยู่ด้วย แต่ละคนฝีมือล้วนไม่ธรรมดา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 27

    หัวหน้าหมู่บ้านโจวตีฆ้องทันที ร้องป่าวให้ทุกคนเตรียมพร้อมให้ดีสำหรับออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้นเดิมอวิ๋นฝูหลิงวางแผนว่าหากชาวบ้านไม่ยอมไป นางก็จะใช้เงินจ้างหัวหน้าหมู่บ้านโจวจูงใจให้พวกเขาออกไปจากเขาลูกนี้ นางไม่อยากจะอยู่ต่อแม้แต่สักวันเดียวอยากจะลงจากเขานี้เต็มแก่ และกลับไปยังชีวิตปกติสุขของนางตอนนี้ชาวบ้านต่างเต็มใจจะออกไปแล้ว จึงช่วยประหยัดร่นไปได้ไม่น้อยเมื่อชาวบ้านรู้กำหนดการแล้ว ต่างพากันเตรียมตัว อวิ๋นฝูหลิงเองก็เช่นกันช่วงที่ยุ่งอยู่นี้ นางเผลอเหลือบมองไปยังตำแหน่งของเซียวจิ่งอี้โดยไม่รู้ตัว กลับพบว่าไม่เห็นแม้แต่เงาคนอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ใส่ใจนักคนผู้นี้มักหายตัวไปบ่อยครั้ง ไม่รู้จะกลับมาอีกครั้งเมื่อใดลึกลับซับซ้อนยิ่ง ประเดี๋ยวหายประเดี๋ยวโผล่ชาวบ้านหมู่บ้านหลินซานต่างเตรียมตัวก้าวเข้าสู่เส้นทางหลบหนีความลำบาก ขณะเดียวกัน ห้องหนังสือของจวนเจียงโจวอ๋องกลับมีบรรยากาศตึงเครียดยิ่งเจียงโจวอ๋องกายสวมเสื้อคลุมลวดลายวิจิตรนั่งอยู่บนตำแหน่งสูง นัยน์ตาหงส์เนืองแน่นด้วยไฟโทสะแต่ไหนแต่ไรมาเขาร่างกายอวบอ้วน ไม่ทานทนร้อนไม่ต้านทานหนาว แม้ในห้องจะมีโถน้ำแข็ง ทว่าอากาศร้

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 512

    ทันทีที่เจ้าของร้านเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ ความง่วงงุนก็สลายหายไปทันทีเขาประสานมือให้อวิ๋นฝูหลิง พลางกล่าวเสียงต่ำว่า “ท่านใต้เท้าโปรดตามข้ามา!”กล่าวจบ เจ้าของร้านก็ลุกขึ้นออกไปจากโต๊ะต้อนรับ เอาป้ายปิดร้านแขวนไว้ที่หน้าประตู หลังจากนั้นก็ปิดประตูร้านจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ เขาจึงเพิ่งนำทางพวกอวิ๋นฝูหลิงไปที่หลังร้านเมื่อเข้ามาที่เรือนหลักหลังร้าน เจ้าของร้านผู้นั้นก็ทำความเคารพอย่างจริงจังและนอบน้อมอีกครั้ง “ข้าน้อยหลี่หยวน ขอทำความเคารพท่านใต้เท้า!”อวิ๋นฝูหลิงเก็บป้ายอาญาสิทธิ์กลับมาในหน่วยกระบี่เงาป้ายอาญาสิทธิ์ที่ครอบครองจะแตกต่างกันออกไป ตามตำแหน่งสูงต่ำป้ายอาญาสิทธิ์ชิ้นนี้ที่ฮ่องเต้จิ่งผิงประทานให้นาง เป็นระดับสูงสุดในหน่วยกระบี่เงา สามารถสั่งการทุกคนในหน่วยกระบี่เงาได้ดังนั้นหน่วยกระบี่เงาซึ่งปลอมตัวเป็นเจ้าของร้านขายของเก่าผู้นี้ เมื่อเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ชิ้นนั้น จึงนอบน้อมต่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นอย่างยิ่งกระบี่เงาในหน่วยกระบี่เงามีจำนวนนับไม่ถ้วน หลายคนเจอหน้าก็ต่างไม่รู้จักกัน ดังนั้นในเวลาส่วนมากแล้ว จึงล้วนใช้ป้ายอาญาสิทธิ์ในการยืนยันตัวตนดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงเพีย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 511

    แม้แขกในโรงเตี๊ยมจะไม่น้อย แต่คนที่สามารถเช่าเรือนใหญ่ขนาดนี้ได้กลับมีไม่มากต่อให้จะเป็นแขกที่มีเงินเหล่านั้น ส่วนใหญ่ก็จะเช่าห้องชั้นบนเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น มีน้อยมากที่จะเช่าทั้งเรือนยิ่งไปกว่านั้นคนใจใหญ่แบบอวิ๋นฝูหลิง ซึ่งเป็นแขกที่เช่าคราวเดียวทั้งเดือน ก็มีน้อยยิ่งกว่าเสี่ยวเอ้อเห็นลูกพี่อู๋กับอวิ๋นฝูหลิงคุยกันไม่กี่ประโยค ก็หันกลับมาต้องการจ่ายเงินตามสัญญา หัวใจจึงเพิ่งกลับมาสงบลงโดยพลันพูดจาเกินจริงต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หลังจากจ่ายเงิน ลงชื่อในสัญญา ธุรกิจก็เป็นอันเรียบร้อยสมบูรณ์เจรจาธุรกิจใหญ่ขนาดนี้สำเร็จ ผู้ดูแลร้านจะต้องให้ผลประโยชน์กับเขาเป็นแน่เสี่ยวเอ้อนำลูกพี่อู๋เดินไปด้านหน้าด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ขั้นตอนการเข้าพักจัดการเรียบร้อยเมื่อเสี่ยวเอ้อเดินไป อวิ๋นฝูหลิงก็เริ่มลงมือทำธุระนางออกคำสั่งหัวหน้าองครักษ์หูคุนว่า “เหลือสองคนไว้คอยเฝ้าม้ากับสัมภาระที่โรงเตี๊ยม”หูคุนตอบรับ และเลือกองครักษ์มาสองคนทันทีอวิ๋นฝูหลิงเรียกชื่อจางซานมู่อีกครา และกล่าวว่า “เจ้าพาคนสักสองสามคน ไปสอบถามข้อมูลของหอจินอวี้เสียหน่อย ยิ่งละเอียดยิ่งดี มุ่งเน้นโดยเฉพาะช่วงระยะก่อนหลั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 510

    อวิ๋นฝูหลิงแค่อยากหาที่พักสักที่ และไม่ได้มาเพื่อชมทิวทัศน์ จึงกล่าวโดยตรง “เรือนหนึ่งห้องโถงไม่ดูแล้ว พาพวกเราไปดูเรือนสองห้องโถงหน่อย”เมื่อเสี่ยวเอ้อได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งดูจริงใจแล้ว“เรือนฤดูใบไม้ร่วงที่เป็นสองห้องโถงมีคนพักแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เรือนฤดูหนาวที่ยังว่างอยู่ เช่นนั้นข้าน้อยพาท่านไปดูเรือนหรือดูหนาวเดี๋ยวนี้ขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าเสี่ยวเอ้อเดินนำทางข้างหน้า ผ่านไปครู่เดียวก็ถึงแล้วอวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามอง ก็มองเห็นคำว่า ‘เหมันต์’ แกะสลักอยู่บนกำแพงหินที่ข้างประตู เสี่ยวเอ้อผลักประตูเข้าไป “เชิญด้านในขอรับ!”อวิ๋นฝูหลิงก้าวข้ามธรณีประตู เมื่อเดินเข้าไปก็ได้กลิ่นหอมของดอกเหมยเห็นเพียงตรงมุมหนึ่งของลาน ปลูกต้นเหมยขี้ผึ้งไว้หลายต้น เวลานี้กำลังเบ่งบานดูเหมือนคำว่า ‘เหมันต์’ ของเรือนฤดูหนาวแห่งนี้ ก็มาจากดอกเหมยนั่นเองคิดว่าเรือนที่เหลือสามหลัง ก็ปลูกดอกไม้ที่ต่างกันมาเป็นทิวทัศน์ ขณะเดียวกันก็เข้ากับชื่อเรือนอวิ๋นฝูหลิงเดินสำรวจดูหนึ่งรอบ เรือนหลังนี้ได้รับการทำความสะอาดอย่างดี อีกทั้งยังกว้างมากด้วย เพียงพอที่จะรองรับพวกเขาทั้งหมดยิ่งกว่านั้นพวกเขามา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 509

    คนในเมืองหลวงที่ไปมาหาสู่กับอวิ๋นฝูหลิงได้ยินว่านางไปถือศีลที่วัดหลิงเจวี๋ย และยังทำเพื่อสักการะบรรพบุรุษ ย่อมไม่มีใครไปรบกวนที่วัดหลิงเจวี๋ยมีเพียงคนสนิทไม่กี่คนที่รู้ว่า วัดหลิงเจวี๋ยเป็นเพียงการบังตาเท่านั้นในความเป็นจริงอวิ๋นฝูหลิงไปเจียงหนานแล้วหลังจากอวิ๋นฝูหลิงที่แต่งตัวเป็นบุรุษออกจากประตูเมืองทางใต้ และรวมตัวกับเหล่าองครักษ์ในเมืองที่ใกล้กับเมืองหลวงที่สุด ก็ทิ้งรถม้า แล้วเดินทางต่อด้วยม้า พวกเขาเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน ใช้เวลาแค่สามวันก็ไปถึงเมืองอวี่แล้ว ผ่านเมืองอวี่ นั่งเรือข้ามแม่น้ำ ก็ถึงจินโจวแล้วตามข้อมูลของหน่วยกระบี่เงา เซียวจิ่งอี้หายตัวไปในจินโจวตอนที่ทางเมืองหลวงได้รับข่าว เซียวจิ่งอี้หายตัวไปสามวันแล้วและตอนนี้ก็ผ่านไปอีกสามวันแล้วอวิ๋นฝูหลิงยืนบนถนนจินโจว ถนนสายนี้พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ร้านค้าเรียงรายอยู่สองข้างทาง ทำให้เกิดบรรยากาศที่รุ่งเรืองบนแม่น้ำชวีหลานที่ล้อมรอบเมืองจินโจวครึ่งหนึ่ง มีเรือที่หรูหราจอดอยู่หลายลำ และมีเสียงดนตรีกับเสียงหัวเราะลอยมาจากแม่น้ำเป็นระยะเสียงที่รื่นรมย์เช่นนี้ ทำให้ผู้คนเพลินจนลืมกลับบ้านจริงๆทว่าอวิ๋นฝ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 508

    เซียวจิงมั่วยื่นนิ้วก้อยออกไป“ได้ พวกเราเกี่ยวก้อยกัน” อวิ๋นฝูหลิงก็ยื่นนิ้วก้อยออกไปเช่นกันทั้งสองเกี่ยวนิ้วก้อยสัญญากันคืนนี้อวิ๋นฝูหลิงนอนกับเซียวจิงมั่วเช้าวันรุ่งขึ้น อวิ๋นฝูหลิงนั่งรถม้าที่มีสัญลักษณ์ของจวนอี้อ๋อง พาเซียวจิงมั่วไปที่จวนองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อแล้วองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อได้รับจดหมายของอวิ๋นฝูหลิงตั้งแต่เมื่อคืนแล้วดังนั้นวันนี้จึงมารอตั้งแต่เช้าแล้วอวิ๋นฝูหลิงจูงมือเซียวจิงมั่วเข้ามา หลังจากคำนับก็กล่าว “ท่านป้า ต้องรบกวนท่านดูแลจิงมั่วสักระยะแล้ว”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อชอบเซียวจิงมั่วมาก ย่อมยินดีที่จะดูแลเขาสักระยะอยู่แล้วเซียวจิงมั่วเงยหน้า ยิ้มหวานให้องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อ “ท่านย่า จิงมั่วเป็นเด็กดี เลี้ยงง่ายมาก จิงมั่วยังสามารถเล่นเป็นเพื่อนท่านย่า และเล่าเรื่องตลกให้ท่านย่าฟังขอรับ”เมื่อองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อได้ยินเช่นนี้ ก็ดึงเซียวจิงมั่วเข้ามาในอ้อมแขน หยิกแก้มเขาทีหนึ่งแล้วกล่าว “แก้วตาดวงใจของย่า เจ้าอยู่ที่นี่ก็คิดเสียว่าอยู่บ้านของตัวเอง ย่าชอบจิงมั่วของเรามาก!” องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อบีบนวดเซียวจิงมั่วครู่หนึ่ง จึงจะเงยหน้ากล่าวกับอวิ๋นฝูหลิง“ฝากจิง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 507

    อวิ๋นฝูหลิงเห็นอู๋ปิ่งจื๋อพูดตรงเช่นนี้ จึงไม่อ้อมของกับเขาเช่นกัน “ดูจากบัญชีรายชื่อที่พบในเรือนเสินเซียน มีคนไม่น้อยในเมืองหลวงที่เคยไปซื้อขี้ผึ้งทองในเรือนเสินเซียน”“ตอนนี้แม้พวกเราควบคุมเรือนเสินเซียนไว้แล้ว แต่เมื่อไรที่พวกคนที่สูบขี้ผึ้งทองไม่สามารถซื้อขี้ผึ้งทองจากเรือนเสินเซียน เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย”“แต่ถ้าหากปล่อยขายขี้ผึ้งทอง ไม่เท่ากับช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ ทำให้ผู้เคราะห์ร้ายยิ่งเสพติดหรือ?”“แต่จะปล่อยให้เรือนเสินเซียนเปิดต่อไปเช่นนี้ มันก็ไม่ใช่ทางออก”“ต่อไปถ้าหากมีคนไปซื้อขี้ผึ้งทองที่เรือนเสินเซียนอีก ท่านสามารถโกหกว่ามีของขาย หลังจากล่อคนไปในที่ลับตาและจับตัวได้แล้ว ค่อยส่งให้นายท่านหลิงของสำนักช่วยชีพ เขารู้ว่าควรจะทำอย่างไร”“ถ้าหากสถานการณ์เกินจะควบคุมจริงๆ ท่านสามารถขายขี้ผึ้งทองออกไปบางส่วน ดึงดูดสายตาของคนในเมืองหลวง”“ต้องทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังคิดว่าทุกอย่างในเรือนเสินเซียนยังคงเป็นปกติ จะให้พวกเขาเพ่งเล็งทางเจียงหนานไม่ได้”“ท่านเปิดเรือนเสินเซียนอีกหนึ่งเดือน หลังจากนั้นหนึ่งเดือนปิดโดยตรง”ผู้คนมากมายติดขี้ผึ้งทอง เรื่องนี้ปิดอย่างไรก็ปิดไม่อ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 506

    “รายละเอียดต่างๆ ข้าได้เขียนไว้บนเทียบยาหมดแล้ว”“ถ้าหากมีอะไรไม่แน่ใจ สามารถไปขอให้ท่านปู่โอวหยางช่วย”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวจบ มอบเทียบยาหลายใบที่เขียนไว้ก่อนแล้วให้หลิงโหยวหลิงโหยวรับมือด้วยสองมือ “บ่าวเข้าใจแล้ว คุณหนูใหญ่ไปอย่างวางใจเถอะ บ่าวจะดูแลสำนักช่วยชีพให้ดีแน่นอน”หลังจากอวิ๋นฝูหลิงสั่งงานเสร็จแล้ว ก็ให้หลิงโหยวออกไปทางสวนสมุนไพรและโรงปรุงยาล้วนดำเนินการตามปกติ มีผู้ดูแลคอยดูแลอยู่ ประกอบกับสวี่ตงมาตรวจเป็นระยะ ดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงไม่ต้องห่วงอะไรมากกลับกันเป็นทางเรือนเสินเซียนที่ค่อนข้างลำบากเดิมทีเซียวจิ่งอี้เพื่อไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ปิดข่าวของเรือนเสินเซียนมาโดยตลอด และสร้างภาพให้ภายนอกเห็นว่ายังคงดำเนินกิจการตามปกติรอเขารู้สถานการณ์ทางเจียงหนานชัดเจนแล้ว ก็ย่อมสามารถเก็บงานทางเมืองหลวงแล้วคิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่งอี้จะหายตัวในเจียงหนานกะทันหันและคนที่สูบขี้ผึ้งทองในเมืองหลวง เริ่มแสดงอาการพึ่งพาขี้ผึ้งทองจนกลายเป็นเสพติดแล้ว คนเหล่านี้หาซื้อขี้ผึ้งทองที่เรือนเสินเซียนไม่ได้ เมื่อนั้นวันเข้า ต้องเกิดความวุ่นวายแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงไม่รู้ว่านางไปครั้งนี้ ต้องใช้เว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 505

    เมื่อเกากงกงตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ รู้ว่าเรื่องเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็สบายใจแล้วแต่เมื่อคิดดูอีกที นี่เป็นความลับที่เขาสามารถฟังได้หรือ?เหงื่อเย็นของเกากงกงผุดออกมาทันทีฮ่องเต้จิ่งผิงเหมือนจะเดาความคิดของเกากงกงได้ มองเขาอย่างจะยิ้มไม่ยิ้มแวบหนึ่งแล้วกล่าว “ดูทำเอาเจ้าตกใจซะหน้าซีด!”เกากงกงรีบยิ้มทันที “ความตั้งใจของฝ่าบาท บ่าวแค่ฟังยังซาบซึ้งเลย”ฮ่องเต้จิ่งผิงตอบ “อืม” คำเดียว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกภายในตำหนักมีเพียงฮ่องเต้เจียงผิงกับเกากงกงผ่านไปแล้วครู่หนึ่ง ฮ่องเต้จิ่งผิงจึงจะกล่าว “ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์อยู่ไหน?”เกากงกงรีบตอบทันที “ฝ่าบาท วันนี้ผู้บัญชาการซ่างพักผ่อน คนที่เข้าเวรวันนี้คือรองผู้บัญชาการเหยาพ่ะย่ะค่ะ”“ไปเรียกผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ซ่างผิงมา!”เกากงกงขานรับทีหนึ่ง ออกจากตำหนัก สั่งให้คนไปเรียกซ่างผิงมาพบทันทีทางอวิ๋นฝูหลิงหลังออกจากวังหลวง ก็สั่งให้เหยากวงถือป้ายคำสั่งหน่วยกระบี่เงา ไปเอาข้อมูลทั้งหมดที่หน่วยกระบี่เงาได้รับหลังจากเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนไปถึงเจียงหนานที่หน่วยกระบี่เงาส่วนอวิ๋นฝูหลิงกลับจวนอี้อ๋อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 504

    แต่เรื่องการแต่งตั้งฮองเฮา เกี่ยวอะไรกับพระชายาอี้อ๋อง?ฮ่องเต้จิ่งผิงคงจะไม่ได้สนใจพระชายาอี้อ๋อง อยากแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮากระมัง?แต่พระชายาอี้อ๋องเป็นพระชายาของอี้อ๋อง!แต่เมื่อก่อนก็ใช่ว่าไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้ราชวงศ์ที่แล้วก็มีฮ่องเต้องค์หนึ่ง สนใจลูกสะใภ้ของตัวเอง เขาได้มีพระบัญชาสั่งให้ลูกชายหย่ากับลูกสะใภ้ และประทานการแต่งงานใหม่ให้ลูกชาย หลังจากนั้นบังคับลูกสะใภ้เข้าวัง กลายเป็นพระสนมที่โปรดปรานที่สุดในวังหลังฮ่องเต้จิ่งผิงคงไม่ได้คิดเช่นนี้กระมัง?และบังเอิญเกิดเรื่องกับอี้อ๋องในเวลานี้เมื่อเกากงกงคิดเช่นนี้ เหตุใดรู้สึกว่าการหายตัวไปของอี้อ๋อง เหมือนมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกากงกงคิดมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกว่าเหลวไหลฝ่าบาทรักอี้อ๋องลูกชายคนนี้ที่สุดมาโดยตลอด และอี้อ๋องกับพระชายาอี้อ๋องก็รักกันมากถ้าหากฝ่าบาทสนใจพระชายาอี้อ๋อง พ่อลูกจะไม่เกิดความขัดแย้งกันหรือ?อีกทั้งถ้าหากฝ่าบาทบังคับพระชายาอี้อ๋องเข้าวังจริงๆ ด้วยสถานะเช่นนี้ อยากแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮา เกรงว่าไม่เพียงขุนนางของราชสำนัก แม้แต่ไทเฮากับเหล่าสนมในวังหลังก็จะคัดค้านหัวชนฝาลองนึกดูคนราชวงศ์ก่อน ต่อให้ไ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status