Share

บทที่ 10

อวิ๋นซานหูจับแขนเสื้อติงหมิงรุ่ยแล้วเขย่าไปมาพลางออดอ้อน “ท่านพี่ นางก็แค่โชคดีเหมือนแมวตาบอดจับหนูตายได้ จะไปมีความรู้วิชาแพทย์ที่สูงส่งได้อย่างไร!”

ติงหมิงรุ่ยถูกนางปลอบ จึงสบายใจขึ้นมาบ้าง

ใช่สินะ ก็แค่หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง ที่มีความรู้ระดับภูมิปัญญาชาวบ้านเท่านั้น

แต่เขาไม่เหมือนกัน เขามีพรสวรรค์ล้ำเลิศ เกิดมาในตระกูลแพทย์

อีกทั้งมีชื่อเสียงแต่เด็ก ภายหน้าต้องสอบเข้าสำนักหมอหลวง มียศถาบรรดาศักดิ์ กลายเป็นหมอหลวงที่มีชื่อเสียง

หนำซ้ำแวดวงการแพทย์ยังเป็นพื้นที่ของบุรุษมาโดยตลอด

แม้สตรีจะเรียนรู้วิชาแพทย์ แต่สังคมไม่ยอมให้พวกนางมานั่งรักษาอยู่ในสำนักอย่างเปิดเผย

อย่างมากก็แค่ได้เข้าไปเป็นหมอหลวงระดับล่างสุดในสำนักหมอหลวง เป็นลูกมือให้พวกหมอหลวงชายเท่านั้น

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ติงหมิงรุ่ยสบายใจขึ้นมาก จากนั้นกลับมามั่นอกมั่นใจอีกครั้ง

ความวุ่นวายในตระกูลเฉินดำเนินไปสักพักใหญ่ถึงจะสงบลง

จากการเตือนสติของผู้ใหญ่บ้านโจว สองสามีรรยาเฉินเหล่าเอ้อร์ถึงจำบุญคุณของอวิ๋นฝูหลิงได้

จากคำซุบซิบของชาวบ้านรอบข้าง ทำให้อวิ๋นฝูหลิงพอปะติดปะต่อเหตุการณ์ของตระกูลเฉินได้

แม่เฒ่าเฉินเป็นม่ายสามีตายตั้งแต่ยังสาว จึงเลี้ยงดูลูกชายทั้งสองมาเพียงลำพัง

ดังนั้นลูกชายทั้งสองจึงกตัญญูมาก โดยเฉพาะเฉินเหล่าต้าที่เชื่อฟังแม่เฒ่าเฉินแทบจะทุกอย่าง

หลังจากลูกชายทั้งสองแต่งงานมีครอบครัว ตั้งแต่สะใภ้ใหญ่เฉินคลอดเฉินต้ายา ก็ไม่เคยตั้งท้องอีกเลย

ส่วนสะใภ้รองเฉินกลับคลอดลูกชายเฉินเสียวเป่าออกมาในครั้งเดียว

เดิมทีแม่เฒ่าเฉินก็รักเด็กชายมากกว่าเด็กหญิงอยู่แล้ว ตอนยังสาวยังได้ใจที่ตัวเองคลอดลูกชายออกมาถึงสองคน

จึงได้รักเฉินเสียวเป่าหลานชายเพียงคนเดียวดั่งแก้วตาดวงใจ และรู้สึกว่าสะใภ้ใหญ่กับเฉินต้ายาขัดหูขัดตา

ส่วนเฉินเหล่าต้าที่ไม่มีลูกชายก็อดไม่ได้ที่จะโกรธเคืองเมียตัวเอง

ดังนั้นความเป็นอยู่ของสะใภ้ใหญ่เฉินและเฉินต้ายาจึงยิ่งย่ำแย่

อวิ๋นฝูหลิงไม่ชอบวิถีของคนตระกูลเฉิน เมื่อเห็นสองสามีภรรยาเฉินเหล่าเอ้อร์มากล่าวขอบคุณ จึงทำสีหน้าเรียบเฉยและตอบอย่างขอไปที แล้วให้ทั้งสองกลับไป

อวิ๋นฝูหลิงพลิกฟืนที่ตากเอาไว้ เพื่อให้พวกมันแห้งเร็วขึ้น

ขณะนี้พวกของลูกพี่อู๋ แบกฟืนและน้ำกลับมาพอดี

พวกเขาตัดไม้ไผ่ลำใหญ่มาทำเป็นกระบอก แล้วรองน้ำกลับมา

หลังจากอวิ๋นฝูหลิงตรวจสอบทีละอย่าง นางพยักหน้าชื่นชม “ทำได้ไม่เลว!”

พวกของลูกพี่อู๋ยิ้มทันที

อวิ๋นฝูหลิงใช้ตะกร้าไม้ไผ่บัง จากนั้นนำไหดินและกระทะเหล็กสองหูออกมาจากมิติ

นี่เป็นสิ่งของที่นางได้มาจากร้านสะดวกซื้อในชาติก่อน

เดิมทีไหดินเอาไว้ปักดอกไม้ แต่ตอนนี้เอามารดน้ำได้พอดี ส่วนกระทะเหล็กเอามาทำอาหาร

ก่อนหน้านี้นางจงใจเลือกตะกร้าไม้ไผ่ที่มีฝาปิด ก็เพื่อเอาไว้บดบัง นางจะได้หยิบของออกมาจากมิติอย่างสะดวก

“ไปเอาน้ำกลับมาอีกสักหน่อยเถอะ แหล่งน้ำอยู่ไกลจากนี่หรือไม่?”

ลูกพี่อู๋ชี้ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ “ไม่ไกล ตรงนั้นมีลำธารสายหนึ่ง”

ลูกพี่อู๋รับไหดินและกระทะมาอย่างคล่องแคล่ว ไม่ถามอวิ๋นฝูหลิงสักคำว่าทำไมก่อนหน้านี้ไม่ให้อุปกรณ์รองน้ำทั้งสองชิ้นแก่พวกเขา

เมื่อชาวบ้านรอบข้างเห็นการกระทำของพวกลูกพี่อู๋ ก็พากันตะลึงอย่างมาก

ทุกคนคิดกันไปต่างๆ นานา แล้วแอบซุบซิบเสียงค่อย

หลังจากพวกลูกพี่อู๋จากไป เจิ้งซื่อสะใภ้ใหญ่ของผู้ใหญ่บ้านโจวก็รีบเข้าไปใกล้อวิ๋นฝูหลิง พร้อมเอ่ยเตือนนาง “พวกลูกพี่อู๋เป็นคนชั่วที่มีชื่อเสียงในย่านนี้ พวกเขาไม่ใช่คนดี เจ้าต้องอยู่ให้ห่างจากพวกเขานะ”

อวิ๋นฝูหลิงหัวเราะพลางพยักหน้า “ขอบคุณอาซ้อใหญ่เจิ้งที่ตักเตือน”

นางไม่ได้อธิบาย เพียงมอบตะไคร้และสมุนไพรหลายชนิดที่เก็บมาให้นางส่วนหนึ่ง

“กลิ่นของสมุนไพรเหล่านี้ไล่แมลงและงูได้ สมุนไพรก็พบเห็นได้ทั่วไปบนเขา หากไม่พอ เจ้าก็ไปเก็บมาใช้เองได้”

เจิ้งซื่อรับไปอย่างหน้าชื่น “ขอบคุณแม่นางอวิ๋นมาก”

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเวลาอยู่ในป่าคือแมลงและงูต่างๆ โดยเฉพาะเด็กเล็ก อีกอย่างตอนนี้เป็นฤดูร้อน เป็นช่วงที่แมลง มด งูเงี้ยวเขี้ยวขอมากที่สุด

เจิ้งซื่อนึกไม่ถึงว่าแม่นางอวิ๋นจะมีความรู้วิชาแพทย์ เมื่อนึกถึงเรื่องที่นางช่วยเฉินเสียวเป่าเอาไว้ ในใจยิ่งอยากเข้าใกล้นางให้มากขึ้น

ในหมู่บ้านมีหมออยู่ ต่อไปจะปวดหัวตัวร้อนก็ไม่ต้องกลัวแล้ว

หลังจากเจิ้งซื่อนำสมุนไพรกลับไป ก็ไปเรียกหญิงออกเรือนหลายคนที่สนิทกันให้ไปช่วยกันเก็บสมุนไพรไล่แมลง

พวกชาวบ้านเห็นดังนั้น จึงไปสืบเสาะจนรู้ แล้วพากันไปเก็บสมุนไพรกับพวกเจิ้งซื่อ และมีบางคนที่มาขอตัวอย่างจากอวิ๋นฝู

หลิง พวกเขาจะได้ไปหาตามนั้น

อวิ๋นฝูหลิงจึงแบ่งสมุนไพรไล่งูและแมลงออกเป็นหลายชุด แล้วยกให้พวกชาวบ้าน

พวกชาวบ้านไปรวมตัวกันเป็นกลุ่ม แล้วนำสมุนไพรตัวอย่างที่อวิ๋นฝูหลิงให้ไปเก็บสมุนไพร

โชคดีที่ป่าแห่งนี้พืชพันธุ์เจริญงอกงาม สมุนไพรหลายชนิดนั้นพบเห็นได้ทั่วไป เมื่อก่อนชาวบ้านคิดว่าเป็นหญ้า แต่เพียงไม่นานก็เก็บกลับไปเป็นกองใหญ่

ก่อนหน้านี้อวิ๋นฝูหลิงช่วยหลานชายตระกูลเฉิน ตอนนี้ยังบอกสมุนไพรที่ช่วยไล่แมลงและงูอย่างเปิดเผย ทำให้ชาวบ้านรู้สึกดีกับอวิ๋นฝูหลิงทั้งที่ไม่ได้สนิทสนมกับนาง

ดวงตะวันคล้อยต่ำลง

อวิ๋นฝูหลิงเลือกฟืนที่ตากแห้งบางส่วน เตรียมนำไปทำอาหาร

ยามนี้อยู่ในป่าไม่ค่อยสะดวกสบาย หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงก็อยากทำน้ำแกงเห็ดรวม กินกับหมั่นโถว

ฝีมือทำกับข้าวของอวิ๋นฝูหลิงไม่เลว บวกกับความสดใหม่ของเห็ดป่า จึงเกิดเป็นกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ

อวิ๋นจิงมั่วนั่งอยู่ข้างหม้อ สูดดมกลิ่นหอมที่โชยออกมา พลางกลืนน้ำลาย “หอมมาก หอมมาก…”

หลังจากพวกลูกพี่อู๋เก็บฟืนตักน้ำกลับมา เห็นอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้สั่งให้ทำสิ่งใด จึงหาที่ด้านข้างนั่งลง

ขณะนี้เมื่อได้กลิ่นหอม พวกเขาชะเง้อคอมองอย่างลืมตัว

หลังจากน้ำแกงเห็ดรวมทำเสร็จแล้ว อวิ๋นฝูหลิงตักให้อวิ๋นจิงมั่วหนึ่งถ้วย

อวิ๋นจิงมั่วถือถ้วยเอาไว้ เขาไม่ดื่มแต่กลับย้อนถาม “ท่านแม่ ข้ามอบน้ำแกงถ้วยนี้ให้ท่านอาคนนั้นได้หรือไม่?”

เมื่ออวิ๋นฝูหลิงหันมองตามสายตาอวิ๋นจิงมั่ว พลันเห็นชายบาดเจ็บที่ช่วยอวิ๋นจิงมั่วเอาไว้ก่อนหน้านี้ เขากำลังพิงเสาพักผ่อนอยู่ไม่ไกล

อวิ๋นฝูหลิงสบตาของลูกชายที่ดำขลับ จึงไม่อยากปฏิเสธ

นางพยักหน้า “ไปสิ”

“ขอบคุณท่านแม่”

อวิ๋นจิงมั่วฉีกยิ้ม แล้วรีบยกน้ำแกงเห็ดไปหาอีกฝ่ายทันที

เซียวจิ่งอี้กำลังหลับตาพักผ่อน ทันใดนั้นรู้สึกว่ามีคนเข้าใกล้

เขาลืมตาขึ้น พลันเห็นอวิ๋นจิงมั่วยื่นน้ำแกงในมือมาตรงหน้า “ท่านอา ดื่มน้ำแกง”

เซียวจิ่งอี้ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นยื่นมือไปรับ

เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง อวิ๋นจิงมั่วได้จากไปแล้ว

เมื่อได้กลิ่นหอมของน้ำแกงเห็ด ท้องของเซียวจิ่งอี้ก็ร้องขึ้นมาทันที

เขาเองก็ไม่ยึกยัก ทันใดนั้นยกถ้วยน้ำแกงขึ้นดื่ม

บุญคุณนี้ ภายหน้าเขาต้องตอบแทนแน่นอน

หลังจากอวิ๋นฝูหลิงตักน้ำแกงสองถ้วย เห็นว่าภายในหม้อยังมีน้ำแกงอยู่มาก จึงกวักมือเรียกพวกลูกพี่อู๋

“น้ำแกงที่เหลือเป็นของพวกเจ้า”

ระหว่างที่พูด อวิ๋นฝูหลิงหยิบหมั่นโถวมาสี่ลูก แล้วแจกให้พวกเขาทุกคน

จากนั้นนางไม่สนใจพวกเขา พาอวิ๋นจิงมั่วไปนั่งกินข้าวเย็นอีกที่หนึ่ง

รสชาติน้ำแกงเห็ดป่าอร่อยมาก เมื่อดื่มเข้าไป ทำให้รู้สึกสบายอย่างมาก

บวกกับหมั่วโถวที่นุ่มเด้ง รู้สึกว่าชีวิตช่างสมบูรณ์แบบเหลือเกิน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status