อวิ๋นฝูหลิงชิมน้ำแกงเห็ดคำหนึ่ง ต่อหมั่นโถวอีกคำด้วยความเพลิดเพลินหลังคราวโลกวิบัติอมนุษย์ครองเมือง พืชพันธุ์กลายพันธุ์ ทำให้อาหารขาดแคลน จะหาเห็ดป่าหอมหวานสดใหม่เช่นนี้ได้จากที่ไหนอีกแม้ต่อมาฐานปฏิบัติการจะพยายามวิจัยเพาะพันธุ์พืชบางชนิด แต่ผลผลิตที่ได้กลับน้อยนิดหมั่นโถวสิบกว่าลูกที่อวิ๋นฝูหลิงเก็บเอาไว้ในมิติ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่นางใช้เส้นสาย พึ่งคะแนนสมทบซื้อมาได้อย่างยากลำบากเมื่อครู่ให้พวกลูกพี่อู๋ทั้งสี่คนไป อาลัยอาวรณ์เสียจนหืดขึ้นคอแต่ถ้าอยากให้ม้าวิ่งก็มีแต่ต้องให้อาหารม้านางต้องการชักนำพวกลูกพี่อู๋มาเป็นพวกของนางโดยเบ็ดเสร็จ ให้พวกเขาจงรักภักดีเชื่อฟังนางอย่างสุดจิตสุดใจแต่เพียงผู้เดียว การลงทุนด้วยหมั่นโถวขาวสี่ลูกนี้จึงนับว่าได้หว่านเมล็ดแล้วอีกอย่าง จากการสังเกตคร่าวๆ โลกนี้มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งไม่ได้อยู่ในช่วงระส่ำระสาย การหุงหาอาหารจึงไม่ใช่เรื่องยากนักอวิ๋นฝูหลิงมีความคิดแล่นโลดอยู่ในใจ วางแผนชีวิตวันข้างหน้าของตนทว่าลูกพี่อู๋ทั้งสี่ต่างเมียงมองดูหมั่นโถวขาวในมือ ค่อยๆ กลืนน้ำลายลงเฮือกหมั่นโถวจากแป้งขาวเชียวนะ!แม่นางอวิ๋นไม่เพียงแต่แบ่งอาหาร
เพียงแต่ศาสตร์ฝังเข็มฉบับตกทอดในสกุลอวิ๋นที่นางเคยเรียน มีเพียงครึ่งแรกเท่านั้นว่ากันว่าอีกส่วนหนึ่งสาบสูญไปตอนบ้านเมืองระส่ำระสาย ดังนั้นลูกหลานสกุลอวิ๋นที่เรียนศาสตร์ฝังเข็ม จึงได้เรียนเพียงส่วนที่เหลืออยู่ แต่ศาสตร์ฝังเข็มฉบับนั้นก็ละเอียดมาก แม้จะมีเพียงครึ่งเดียว ก็มากพอจะทำให้สกุลอวิ๋นตั้งตัวในแดนซิ่งหลินได้อวิ๋นฝูหลิงเปิดดูศาสตร์ฝังเข็มสกุลอวิ๋นในมือออกดู พบว่าศาสตร์ฝังเข็มที่บันทึกไว้มีเนื้อหาเยอะกว่าครึ่งที่ตกทอดในสกุลอวิ๋นอยู่มากศาสตร์ฝังเข็มสกุลอวิ๋นในมือนางนี้ ดูท่าจะเป็นฉบับสมบูรณ์ เหตุใดศาสตร์ฝังเข็มที่สกุลอวิ๋นตกทอดกันมา จึงปรากฏอยู่ที่นี่ได้?หรือว่าเจ้าของร่างเดิมกับสกุลอวิ๋นชาติที่แล้วของนางจะเกี่ยวข้องกัน? ไม่ใช่ว่าเป็นบรรพบุรุษสกุลอวิ๋นของนางหรอกหรือ?ในใจอวิ๋นฝูหลิงผุดข้อสงสัยขึ้นมากมายแม้ความทรงจำที่เจ้าของร่างเดิมเหลือให้นางจะไม่สมบูรณ์นัก แต่ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับรู้สึกได้ว่าฐานะของเจ้าของร่างเดิมเกรงว่าจะไม่ธรรมดาลูกหลานตาสีตาสา มีหรือจะจ้างแม่นมมาให้เด็กน้อยบ้านตนได้?อีกอย่างเจ้าของร่างเดิมกับแม่นมยังใช้ฐานะแม่กับลูกสาว ใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อนอยู่
อวิ๋นฝูหลิงเอ่ย “ลมภายนอกเข้าสู่ร่างกาย อีกทั้งความตื่นกลัว จึงทำให้ไข้ขึ้นสูงไม่ยอมลด หากจะรักษาก็ไม่ยาก ข้าจะเขียนเทียบยาให้ ดื่มยาสักสองวันเป็นอันใช้ได้”เฉินเหล่าต้าได้ยินว่าลูกตนตื่นกลัว ก็นึกถึงเรื่องวันก่อนที่ตบนางไปฝ่ามือหนึ่ง ในใจเกิดรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างสะใภ้ใหญ่เฉินดวงตาแดงก่ำ “รบกวนแม่นางอวิ๋นแล้ว ส่วนค่าหยูกยา...”สะใภ้ใหญ่เฉินยังพูดไม่ทันจบ คนสกุลเฉินคนอื่นๆ ก็ต่างกระโดดเข้าวง เอ่ยขึ้นอย่างเหน็บแนม“บ้านเรามีเงินจ่ายค่ายาให้ต้ายาที่ไหนกัน!”“ของขาดทุนแท้ๆ แค่ทนเอาสักหน่อยก็หายแล้วเชียว”“ลำเอียงให้รักก็แล้ว ยังต้องมาเสียเงินซื้อหยูกยา”“พวกเจ้าให้นางรักษา เช่นนั้นค่าหยูกยาพวกเจ้าต้องเป็นคนจ่าย!”เฉินเหล่าต้ารู้ดีว่าการลี้ภัยในครั้งนี้ แม่จะต้องเอาทุกสิ่งอย่างที่มีติดมาด้วยเป็นแน่ ไม่มีทางไร้เงินติดกายเขามองไปยังลูกสาวที่จับไข้จนหน้าแดงเถือก แม้เมื่อเผชิญหน้ากับแม่บังเกิดเกล้าตนจะไม่กล้ามีปากมีเสียงทว่าก็ยังเปิดปากพูด “ท่านแม่ พวกข้ามีเงินเสียที่ไหน? เงินที่พวกข้าหามาได้ก็ให้ท่านแม่ไปหมดแล้ว...”แม่เฒ่าเฉินจ้องเขม็ง “ที่เจ้าดื่มเจ้ากินก็ล้วนเป็นของที่บ้าน ได้
ปฏิกิริยาแรกของอวิ๋นซานหูคือ อวิ๋นฝูหลิงจะต้องซื้อยาลูกกลอนมาจากสำนักช่วยชีพเป็นแน่แต่ยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพราคาสูงลิบลิ่ว ตลอดมาเสนอขายให้กับคนมีลาภยศเท่านั้นอวิ๋นฝูหลิงหญิงบ้านนอก สวมเสื้อผ้าซอมซ่อ จะซื้อยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพไหวได้อย่างไร?นึกไม่ถึงว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับบอกว่ายาลูกกลอนนี้นางทำขึ้นมาเองจะเป็นไปได้อย่างไร?ยาลูกกลอนนี้เป็นสูตรลับของสำนักช่วยชีพ นอกจากสกุลอวิ๋นของพวกนางแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดทำออกมาได้! สำนักแพทย์ในราชวงศ์ต้าฉีไม่ได้มีเพียงสำนักช่วยชีพสำนักเดียว สำนักอื่นจะไม่อิจฉาตาร้อนการค้าของสำนักช่วยชีพหรือ?ย่อมไม่ใช่ เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่อาจทำยาลูกกลอนเช่นสำนักช่วยชีพออกมาได้ จึงแย่งชิงส่วนแบ่งไปไม่ได้เท่านั้นเองอวิ๋นซานหูจ้องเขม็งไปยังอวิ๋นฝูหลิง น้ำเสียงกดดันคน “เจ้าโกหก คนอย่างเจ้าจะทำยาลูกกลอนออกมาได้อย่างไร?”อวิ๋นฝูหลิงร้อง “หา?”ใบหน้านางเปี่ยมด้วยความสงสัยก็แค่ยาลูกกลอนเม็ดเดียวเท่านั้น ทำไมนางจะทำออกมาไม่ได้?อวิ๋นฝูหลิงกำลังจะโต้กลับ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างกาย “แม้ยาลูกกลอนจะทำขึ้นโดยผู้อาวุโสอวิ๋นแห่งสำนักช่วยชีพ ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้อื
ยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งต่อหนึ่งตำลึงเงิน แม้ว่าเงินนี้แม่เฒ่าเฉินไม่ใช่คนออก นางก็ยังรู้สึกเสียดายจนลมแทบจับอย่างไรนางก็นับว่าสินเดิมของลูกสะใภ้เป็นทรัพย์สินของตนอยู่นานแล้วลูกสะใภ้ใช้จ่ายสินเดิมของตน ก็เท่ากับว่าใช้เงินของนางไม่ใช่หรือ?ทว่าสิ่งที่อวิ๋นซานหูจดจ่อคือยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพ ราคาถูกที่สุดก็ยังสิบตำลึงเงินต่อหนึ่งเม็ดอวิ๋นฝูหลิงขายเพียงหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งเม็ด ขายตัดราคาเช่นนี้ ในใจนางจึงอยู่ไม่สุขยิ่งหากยาลูกกลอนไม่ใช่สิ่งที่สำนักช่วยชีพครอบครองแต่เพียงผู้เดียวแล้ว อีกทั้งราคายังถูกถึงขั้นหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งเม็ด ใครจะมาซื้อยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพอีก? เช่นนั้นก็ไม่เป็นผลดีต่อสำนักช่วยชีพแล้ว!ทว่าคนสองคนคิดเห็นเช่นไร ต่างไม่มีใครสนใจสะใภ้ใหญ่เฉินไปนำเงินมาโดยไม่ได้ปริปากแต่นางมีไหวพริบ ไม่ได้ตรงไปเอาตำลึงเงินหรือเหรียญอีแปะโดยตรง แต่หยิบเอาปิ่นปักผมเงินสลักดอกเหมยซึ่งเป็นสินเดิมของนางออกมาปิ่นปักผมชิ้นนี้มีเพียงส่วนดอกเหมยของปิ่นที่ทำจากเงิน อีกอย่างเมื่อเวลาผ่านไป เนื้อเงินก็เปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว อย่างมากราคาก็เพียงหนึ่งตำลึงเงินอวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองสะ
หลังจากทั้งสองนั่งลงบนก้อนหินแล้ว อวิ๋นฝูหลิงจึงเอ่ยถาม “ข้าเห็นแม่นางที่ชื่ออวิ๋นซานหูหยิ่งทะนงตนนัก นางบอกว่านางเป็นคนของจวนจี้ชุนโหว สำนักช่วยชีพก็เป็นของบ้านนาง จวนจี้ชุนโหวกับสำนักช่วยชีพร้ายกาจมากเลยหรือ?”มีความประหลาดใจเสี้ยวหนึ่งวาบผ่านแววตานายท่านหางสำนักช่วยชีพมีอยู่ทั่วเขตปกครองต่างๆ ของต้าฉี เกรงว่าราษฎรของต้าฉีไม่มีใครไม่รู้จักสำนักแพทย์แห่งนี้แต่เมื่อคิดว่าหมู่บ้านหลินซานตั้งอยู่ในภูเขาพื้นที่อันห่างไกล ชาวบ้านไม่รู้ข่าวก็ไม่แปลกเขากล่าวอธิบาย “พูดถึงจวนจี้ชุนโหวกับสำนักช่วยชีพ ก็ต้องพูดถึงหมอเทวดาผู้เฒ่าอวิ๋นของสกุลอวิ๋น”“เล่ากันว่าหมอเทวดาผู้เฒ่าอวิ๋นมาจากเกาะเย่าหวัง ตอนนั้นออกจากเกาะเพื่อสั่งสมประสบการณ์ บังเอิญฮ่องเต้เกาจู่ก่อกบฏ ทุกที่เต็มไปด้วยสงคราม”“ครั้งหนึ่งในสงคราม ฮ่องเต้เกาจู่ถูกลูกธนูยิง ชีวิตตกอยู่ในอันตราย และหมอเทวดาผู้เฒ่าอวิ๋นก็ผ่านมาพอดี จึงช่วยชีวิตฮ่องเต้เกาจู่ไว้”“ต่อมาหมอเทวดาผู้เฒ่าอวิ๋นได้เข้าสังกัดภายใต้บัญชาของฮ่องเต้เกาจู่ในฐานะแพทย์ทหาร”“ต่อมาฮ่องเต้เกาจู่สยบทั่วหล้า สถาปนาราชวงศ์ต้าฉี แต่งตั้งขุนนางตามผลงาน”“หมอเทวดาผู้เฒ่
ต่อให้นายท่านหางจะไม่พอใจอย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างไรเสียทักษะเขาก็สู้ผู้อื่นไม่ได้เองใครใช้ให้พวกเขาทำยาลูกกลอนนี่ไม่เป็นเองเล่า?แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้วสายตาของนายท่านหางตกที่อวิ๋นฝูหลิง เริ่มครุ่นคิดในใจถ้าหากเขาสามารถชักชวนอวิ๋นฝูหลิงมาเป็นพวก จัดหายาลูกกลอนให้สำนักผิงอันได้เป็นระยะ เช่นนั้นสำนักผิงอันก็จะมีข้อได้เปรียบมากกว่าสำนักแพทย์อื่นๆในวันข้างหน้าอาจมีชื่อเสียงโด่งดังกว่าสำนักช่วยชีพก็เป็นไปได้ในฐานะที่เป็นทายาทโดยตรงของสกุลหาง ข่าวสารของนายท่านหางจึงไวมากเขาได้ยินมาว่าตั้งแต่จี้ชุนโหวรุ่นแรกเสียชีวิต นายท่านรองของจี้ชุนโหวผู้นั้นก็แบกรับกิจการขนาดใหญ่ของสกุลอวิ๋นไม่ไหวประการแรกเป็นเพราะฝีมือการแพทย์ของเขาธรรมดา ไม่ได้ล้ำเลิศเหมือนที่ป่าวประกาศต่อโลกภายนอกประการที่สอง เพราะชาติกำเนิดของเขาไม่ได้ถูกหลักทำนองคลองธรรมมากนัก ลือกันว่าเขาไม่ใช่ทายาทของสกุลอวิ๋นแม้ไม่รู้ว่าข่าวนี้จริงหรือเท็จ แต่หากไม่มีลม ไหนเลยจะมีคลื่น[1]ด้วยเหตุนี้คนเก่าคนแก่มากมายของสำนักช่วยชีพจึงไม่พอใจนายท่านรองของจวนจี้ชุนโหวผู้นี้เท่าไรนัก แม้ชั่วขณะภายนอกยังมองอะไรไม่ออก แต่ภาย
แม้บนใบหน้าติงหมิงรุ่ยเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้รบเร้า เขาประสานมือกล่าว “รบกวนแล้ว” จากนั้นก็จากไปอวิ๋นซานหูเห็นญาติผู้พี่กลับมา เดินเข้าไปกระตุกแขนเสื้อของเขาพลางกล่าวถามทันที “ญาติผู้พี่ ท่านไปหาหญิงผู้นั้นทำไม?”แม้ติงหมิงรุ่ยไม่ชอบน้ำเสียงที่สอบถามของอวิ๋นซานหู กลับยังกล่าวอธิบายอย่างอดทน “เจ้าสงสัยที่มาของยาลูกกลอนที่นางเอาออกมาไม่ใช่หรือ? เดิมทีข้าอยากขอซื้อกับนางเม็ดหนึ่งมาลองศึกษาดูดีๆ ใครจะรู้ว่านางขายสองเม็ดที่เหลือให้นายท่านหางไปแล้ว”เดิมทีติงหมิงรุ่ยภูมิใจในตัวเองมากเขาพรสวรรค์โดดเด่น มีชื่อเสียงตั้งแต่ยังเยาว์วัย เป็นหมอเทวดาน้อยที่มีชื่อเสียงในเขตปกครองลั่วอันออกจากบ้านครั้งนี้ ท่านปู่ยังได้บอกเขาว่าถึงเวลาที่ควรออกไปเปิดหูเปิดตาแล้ว จะได้รู้ว่าเหนือคนยังมีคนเดิมทีเขาไม่เก็บเอาคำพูดนี้มาใส่ใจ กระทั่งเจอแม่นางอวิ๋นตอนแรกใช้วิธีแปลกๆ ช่วยชีวิตเด็กที่พุทราติดคอ จากนั้นก็นำยาลูกกลอนลดไข้ออกมาติงหมิงรุ่ยที่เย่อหยิ่งเหมือนถูกคนชกอย่างแรงจนเกิดรอยร้าวแม้เขาไม่พอใจนัก ในใจกลับต้องยอมรับ แม่นางอวิ๋นผู้นั้นมีความสามารถพอสมควรส่วนอวิ๋นซานหูไม่รู้คิดอะไร จู
ลูกเติบโตอยู่ในท้องของนางทุกวัน ๆ ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว ล้วนนำมาซึ่งความปีติยินดีที่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้นางไม่อาจทอดทิ้งลูกในท้องได้จริง ๆหลังได้รู้จักกับวิธีการผ่าท้องเอาเด็กออกของอวิ๋นฝูหลิง ฮูหยินน้อยฉู่ก็ตัดสินใจได้เฉียบขาดเสียยิ่งกว่าผู้ใดเหล่าหมอที่รายล้อมอยู่ข้าง ๆ ล้วนอับจนหนทาง มิสู้ให้อวิ๋นฝูหลิงได้ลองทำมิดีกว่าหรือหากรักษาพวกนางสามแม่ลูกไว้ได้จะเป็นการดีที่สุดหากทำไม่ได้ เช่นนั้นก็เอาชีวิตของนางไปแทนลูก ๆ เถิดแม้นาจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ทว่ายามที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงหน้า นางก็ยังคงตื่นเต้นอยู่ดีโชคดีที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจานุ่มนวล ทำให้นางคลายความตื่นตระหนกในใจไปได้มากหลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจรให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว จึงกำชับนางว่านับตั้งแต่ตอนนี้ห้ามกินอะไรเข้าไป มิเช่นนั้นจะกระทบต่อการผ่าตัด เป็นอันตรายถึงชีวิตฮูหยินน้อยฉู่ได้ยินน้ำเสียงแสนจริงจังของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว รีบแสดงท่าทีว่านางเชื่อฟังคำพูดของอวิ๋นฝูหลิงไม่มีบิดพลิ้ว ไม่กินอะไรลงท้องแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนั้น ก็พอใจมากนางชอบผู้ป่วยที่เชื่อฟังคำสั่งของหมอเป็นที่สุดหลังอวิ๋นฝูหลิงกำชับสิ่งท
โอวหยางหมิงไม่ทันตั้งตัวกับคำขอของอวิ๋นฝูหลิงเอาเสียเลยนี่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ที่ทำการผ่าท้องเอาเด็กออก ในขณะที่มารดาที่ตั้งครรภ์ยังมีชีวิตอยู่หากเป็นอย่างที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจริง ๆ ที่ว่าหลังผ่าตัดแล้ว ทั้งมารดาและบุตรล้วนมีชีวิตอยู่ต่อได้โดยปลอดภัยละก็ พอจะจินตนาการออกเลยว่าจะก่อความตื่นตะลึงมากมายมหาศาลเลยทีเดียววีรกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ จะต้องถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ ถึงขั้นในตำราประวัติศาสตร์ก็อาจจะเป็นได้ว่าจะบันทึกเอาไว้อย่างโดดเด่นอีกด้วยฉากที่ได้เป็นประจักษ์พยานเช่นนี้ โอวหยางหมิงย่อมหวังว่าตัวเขาเองจะอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหลังจากโอวหยางหมิงตอบรับคำร้องขอของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว ก็เอ่ยถามอีกครั้งว่า “ฝูหลิง เจ้าต้องการผู้ช่วยสักกี่คน จะให้ปู่เรียกคนในสำนักแพทย์หลวงมาให้เจ้าสักหลาย ๆ คนหน่อยหรือไม่?”โอวหยางหมิงมั่นใจ ขอแค่เขาเรียกตัว เหล่าหมอหลวงในสำนักแพทย์หลวงจำนวนไม่น้อยจะต้องให้ความสนใจกับการผ่าคลอดครั้งนี้ ทั้งยังเต็มใจมาช่วยอีกด้วยอวิ๋นฝูหลิงส่ายหน้าพลางกล่าว “เรื่องท่านหมอนั้นข้ามีตัวเลือกอยู่ในใจแล้ว ไม่ต้องการใครอีกเจ้าค่ะ”“แต่ได้ยินว่าในสำนักแพทย์หลว
ยามนี้ ผู้เฝ้าประตูเดินเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง พระชายา แม่ทัพน้อยฉู่จากจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินมาขอรับ”“บอกว่าต้องการเชิญพระชายาให้ไปตรวจอาการอีกครั้งขอรับ!”อวิ๋นฝูหลิงวางชามโจ๊กในมือลง ฉวยผ้าเช็ดปากมาซับปากเล็กน้อย“เชิญให้ท่านแม่ทัพน้อยฉู่รอที่โถงหน้าสักครู่ อีกประเดี๋ยวข้าจะตามไป”เมื่อวานนี้นางมั่นใจยิ่ง ว่าท้ายที่สุดแล้วสกุลฉู่ก็จะมาหานางเนื่องจากสถานการณ์ของฮูหยินน้อยฉู่ หากเป็นการคลอดธรรมชาติ ด้วยวิชาแพทย์ในปัจจุบันนี้ของแคว้นต้าฉีนั้น แทบจะไม่มีหมอคนไหนที่สามารถรับรองความปลอดภัยของทั้งมารดาและบุตรได้เลยเดิมทีนางคิดว่าสกุลฉู่จะฝืนทนต่ออีกสองสามวัน เฝ้าหาหมอชื่อดังหลายท่านไปตรวจดูนึกไม่ถึงว่านี่เพิ่งผ่านไปเพียงวันเดียว ฉู่หมิงก็มาเชิญนางถึงหน้าประตูด้วยตนเองเสียแล้วการกระทำของสกุลฉู่ ยิ่งทำให้อวิ๋นฝูหลิงมั่นใจว่าสกุลฉู่เอนเอียงที่จะใช้วิธีผ่าท้องเอาเด็กออกที่นางเสนอแล้วเซียวจิ่งอี้ว่า “วันนี้ข้าไม่มีกิจอันใดพอดี ตามเจ้าไปได้”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า หลังกลับไปหยิบกล่องยาที่ห้องแล้ว จึงเดินไปที่โถงหน้ากับเซียวจิ่งอี้ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นว่าไม่มีใครเรียกนาง ครั้นลองคิ
อย่าว่าแต่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ถูกเซียวจิ่งอี้แย่งแส้ไปเลย นี่ยังถูกซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาขนาดนี้อีกครั้นฉยงอวี้จวิ้นจู่สบเข้ากับดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเดือดดาลคู่นั้นของเซียวจิ่งอี้ ในใจพลันหวาดหวั่นขึ้นมาแต่พอนึกถึงสาเหตุที่ตัวเองมาที่นี่ในวันนี้แล้ว จึงรู้สึกมั่นใจและหาญกล้าขึ้นมาทันที“พี่เจ็ด ท่านถามว่าข้าคิดจะทำอะไรหรือ? ข้าอยากถามอวิ๋นฝูหลิงมากกว่า ว่านางคิดจะทำอะไร?”“เจ้ายังจะกล้าต่อปากต่อคำอีก?” เซียวจิ่งอี้บันดาลโทสะ ง้างมือเหวี่ยงแส้ออกไปฉยงอวี้จวิ้นจู่หลบไปข้าง ๆ ด้วยความตกใจทันทีดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา ท่าทางน้อยอกน้อยใจเป็นที่สุดทว่าแส้ของเซียวจิ่งอี้กลับสะบัดไปถูกอากาศเท่านั้น มิได้พุ่งไปยังบริเวณที่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ยืนอยู่เมื่อครู่นี้ด้วยซ้ำ“หากเจ้ายังกล้าทำตนไม่เคารพไม่ให้เกียรติพี่สะใภ้เจ้าอยู่อีก หนหน้าแส้ในมือข้าจะไม่โดยเพียงอากาศแล้ว!” แววตาของเซียวจิ่งอี้เย็นชาเป็นอย่างยิ่งเขาไม่ยอมให้ใครหน้าไหนก็ตามมารังแกอวิ๋นฝูหลิง!ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเซียวจิ่งอี้มีโทสะเข้าแล้วจริง ๆ ถึงกับอดหดคอด้วยความหวาดกลัวไม่ได้นางชอบเล่นกับเซียวจิ่งอี้มาตั้งแต่เด็ก เพราะว่
“วันพรุ่งไม่สู้ลองเชิญพระชายาอี้อ๋องมาอีกครั้ง แล้วให้อธิบายวิธีผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออกให้ละเอียดดีหรือไม่?”“หลังลองฟังดูแล้วค่อยตัดสินใจกันอีกครา?”หลังจากที่คังจวิ้นอ๋องและคนอื่น ๆ สบตากัน ทุกคนล้วนเห็นด้วยที่วันพรุ่งจะเชิญอวิ๋นฝูหลิงมาอีกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวคังจวิ้นอ๋อง พวกเขาอยากได้ยินอวิ๋นฝูหลิงพูดเองกับหูส่วนทางอวิ๋นฝูหลิงหลังจากกลับมาถึงจวนอี้อ๋องนั้น ก็เข้ามิติไปรื้อค้นในเรือนไม้ไผ่ เพื่อตระเตรียมของสำหรับการผ่าคลอดนางมีลางสังหรณ์ ว่าสุดท้ายแล้วสกุลฉู่จะยอมให้นางทำการผ่าคลอดวันต่อมา ขณะที่อวิ๋นฝูหลิงกำลังกินข้าวเช้า ในจวนอ๋องพลันมีแขกไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่งปรากฏตัวครั้นอวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่เสด็จมา จึงประหลาดใจไม่น้อยนับแต่งานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ทั้งคู่ก็ไม่ได้คลุกคลีอะไรกันอวิ๋นฝูหลิงสัมผัสได้ราง ๆ ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่ดูเหมือนจะมีเจตนาร้ายต่อนาง จึงคอยอยู่ห่าง ๆ ไว้แล้วเหตุใดนางถึงได้โผล่มาถึงหน้าจวนกะทันหันแบบนี้?วันนี้เซียวจิ่งอี้มิได้มีกิจอันใดพอดี และกำลังร่วมกินข้าวเช้าอยู่กับอวิ๋นฝูหลิงครั้นทราบว่าฉยงอวี้จวิ้นจู
จะรักษาชีวิตคนใหญ่หรือเด็ก นี่จะให้พวกเขาเลือกเช่นไร?คังจวิ้นอ๋องกัดฟัน แล้วโพล่งขึ้นมาว่า “มิใช่ว่าพระชายาอี้อ๋องผู้นั้นบอกว่าสามารถผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออกมาได้หรอกหรือ?”พระชายาคังจวิ้นอ๋องมองคังจวิ้นอ๋องด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านเสียสติไปแล้ว?”หากบุตรสาวถูกผู้อื่นผ่าเปิดหน้าท้องแล้ว ยังจะมีชีวิตอยู่ได้เช่นไร?อย่างมากก็แค่ไม่เก็บครรภ์นี้ไว้ แล้วให้สกุลฉู่รักษาชีวิตคนใหญ่ไว้เสียดีกว่าถึงอย่างไรชีวิตของบุตรสาวย่อมสำคัญกว่า!ไว้บำรุงร่างกายของบุตรสาวดี ๆ แล้วค่อยมีบุตรใหม่อีกครั้งก็ได้แล้วทว่าคังจวิ้นอ๋องกลับมีความคิดที่ต่างออกไปแม้ว่าเขาจะเป็นท่านอ๋องจอมเอ้อระเหย แต่เรื่องใหญ่อย่างเซียวจิ่งอี้แต่งพระชายานั้น เขาที่เป็นราชนิกุลย่อมรู้เรื่องแน่นอนกระทั่งคุณงามความดีของพระชายาอ๋องผู้นั้นของเซียวจิ่งอี้ ก็มีคนพูดถึงกันอยู่ไม่น้อยพระชายาอี้อ๋องผู้นั้น มีวิชาแพทย์ติดตัวอยู่บ้างจริง ๆในเมื่อนางกล้าออกปากพูดถึงวิธีผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออก ก็ไม่มีทางเป็นคำพูดเลื่อนเปื้อนที่พูดไปเรื่อยแน่มิเช่นนั้นนางจะรับเพลิงโทสะของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินกับจวนคังจวิ้นอ๋องได้ไหวหรือต่อให้
ขณะที่ฉู่หมิงกำลังเดินวนไปวนมาด้วยความร้อนรนนั้น พลันได้ยินเสียงประตูเปิดดัง “แอ๊ด”เมื่อเขาเงยหน้ามอง ก็เห็นโอวหยางหมิงเดินออกมาพอดิบพอดีฉู่หมิงรีบก้าวเข้าไปคารวะจากนั้นไม่รั้งรอให้เขาพูดอันใด โอวหยางหมิงก็พูดขึ้นว่า “พอเถิด ไม่ต้องทำพิธีการหยุมหยิมพวกนี้หรอก มิใช่ว่ามาเชิญข้าไปตรวจอาการหรอกหรือ รีบนำข้าไปเถิด” ฉู่หมิงชะงัก ครั้นได้สติก็เข้าใจความหมายในคำพูดนี้ของโอวหยางหมิงว่าเต็มใจไปตรวจอาการให้ จึงดีเนื้อดีใจขึ้นมาในชั่วพริบตาเขารีบเข้าไปประคองโอวหยางหมิงขึ้นรถม้าด้วยตนเอง จากนั้นก็ตรงดิ่งไปยังสกุลฉู่กระทั่งมาถึงสกุลฉู่ จึงเห็นว่าครอบครัวคังจวิ้นอ๋องต่างมากันพร้อมหน้าแล้วทันทีที่เห็นโอวหยางหมิงเข้ามา คังจวิ้นอ๋องและคนอื่น ๆ ล้วนลุกขึ้นยืนกันอย่างพร้อมเพรียง แล้วเดินล้อมเข้ามาหาเขาโอวหยางหมิงประสานมือ “ให้ตาเฒ่าเช่นข้าได้ดูอาการคนป่วยสักหน่อยเถิด”ฉู่หมิงนำทางโอวหยางหมิงไปด้วยตนเองฮูหยินน้อยฉู่กินยาที่อวิ๋นฝูหลิงจัดไว้ให้ แล้วรู้สึกสบายขึ้นมาก ตอนนี้กำลังหลับอยู่โอวหยางหมิงเคลื่อนไหวเบามือ หลังจากตรวจชีพจรให้ถ้วนถี่ดูแล้ว จึงออกจากห้องไปคังจวิ้นอ๋องและคนอื่น ๆ
ฮูหยินฉู่หวาดหวั่นใจ จนคิดไม่ตกไม่ชั่วขณะแม้อวิ๋นฝูหลิงจะบอกว่าสามารถผ่าเปิดหน้าท้องเพื่อเอาเด็กออก แล้วรักษาชีวิตของมารดากับบุตรไว้ได้ ทว่ามีความมั่นใจเพียงห้าส่วนเท่านั้นนางไม่กล้าเสี่ยงยิ่งไปกว่านั้นเรื่องใหญ่เช่นนี้ มิใช่เรื่องที่นางจะตัดสินใจได้เพียงคนเดียวอวิ๋นฝูหลิงเข้าใจดีว่าผ่าท้องเอาเด็กออกนั้นมิใช่เรื่องเล็ก ๆ สกุลฉู่ย่อมต้องการเวลาเพื่อใคร่ครวญและตัดสินใจนางจึงเขียนเทียบยาแผ่นหนึ่งไว้ให้กินยาตามเทียบยานี้ ยังพอทำให้ฮูหยินฉู่ไม่ต้องกังวลใจไปได้สองวันหลังจากส่งตัวอวิ๋นฝูหลิง ฉู่หมิงจึงปล่อยตัวเหล่าท่านหมอที่ก่อนหน้านี้บ้างก็เชิญมา บ้างก็จับตัวมากลับไปเช่นกันกระทั่งย้อนกลับเข้ามาจึงเห็นฮูหยินฉู่นั่งซึมกะทือไร้สติอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางราวกับถูกดึงวิญญาณออกไปอย่างไรอย่างนั้น ดูเฒ่าชราลงไปมากในชั่วพริบตาเดียวฉู่หมิงก้าวเข้าไปหา “ท่านแม่ มันจะต้องมีสักทางแน่!”“พระชายาอี้อ๋องนั่นต้องกำลังพูดขู่อยู่แน่ ๆ ผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออกอะไรกัน แบบนั้นมิใช่ว่าเป็นการคร่าชีวิตของซินเอ๋อร์ไปหรอกหรือ?”“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าทั่วทั้งแคว้นต้าฉีจะหาท่านหมอที่เก่งกาจวิชาแพทย์กว่านา
หมอตำแยที่เชิญมามีชื่อเสียงในเมืองหลวงคาดไม่ถึงว่าหลังจากหมอตำแยดูอาการของฮูหยินน้อยฉู่แล้ว จะบอกว่าอาการไม่สู้ดี เกรงว่าคงให้กำเนิดทารกออกมาไม่ได้หลังจากรายงานตามความจริง หมอตำแยก็คืนเงินมัดจำทันที และปฏิเสธที่จะรับงานนี้คราแรกสกุลฉู่ไม่เชื่อ จึงไปหาหมอตำแยคนอื่น ถึงขั้นเชิญหมอมาด้วยหลังจากมาตรวจอาการ ทุกคนก็ต่างบอกว่าอาการไม่สู้ดีวันนี้ฮูหยินน้อยฉู่ยังบังเอิญได้ยินสาวใช้ในจวน พูดว่านางไม่อาจให้กำเนิดลูกได้นี่จึงทำให้น้ำคร่ำของนางแตกสาวใช้ขี้นินทาผู้นั้นเป็นธรรมดาที่จะถูกฮูหยินฉู่จัดการแต่หมอทุกคนที่เชิญมาต่างก็ส่ายศีรษะ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าบอกว่าสามารถปกป้องทั้งแม่และลูกให้ปลอดภัยได้อวิ๋นฝูหลิงเป็นคนแรก ทั้งยังเป็นเพียงคนเดียวที่บอกว่ามีวิธีแม้ฮูหยินฉู่จะถูกคำว่า ‘ผ่าท้องคลอดเด็ก’ สี่พยางค์นี้ทำให้ตกใจ แต่ก็ยังสงบสติอารมณ์ลงได้ และกล่าวยืนยันกับอวิ๋นฝูหลิง“พระชายา การผ่าตัดคลอดเด็กที่ท่านพูดถึง ไม่เพียงแต่รักษาชีวิตเด็กไว้ได้ แต่ยังรักษาชีวิตผู้ใหญ่ไว้ได้ด้วยหรือ?”เห็นอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า นางก็ถามอีกครา “มีโอกาสพลาดหรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงเม้มปาก “ทุกครั้งที