Share

บทที่ 7

สายตาอวิ๋นฝูหลิงหันมองหินลูกเล็กที่ตกอยู่ข้างกายโหวซานก้อนนั้น

ใช้เพียงหินก้อนเล็กก้อนเดียวก็สามารถฆ่าคนได้ อีกฝ่ายย่อมไม่ธรรมดา

อวิ๋นฝูหลิงแหวกพงหญ้าออก ทันใดนั้นสบเข้ากับดวงตาดำขลับล้ำลึก

ภายในพงหญ้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดผ้าแพรสีดำปักลายสีทองนั่งอยู่

มือขวาของเขาถือกระบี่ป้องกันไว้ตรงหน้า ดูระมัดระวังอย่างมาก

สายตาที่มองอวิ๋นฝูหลิงเต็มไปด้วยความระแวง

ชายหนุ่มดูเหมือนคนอายุยี่สิบกว่า ใบหน้าหมดจด คิ้วโก่งดั่งภาพวาด เป็นคนที่รูปงามมาก ทว่าท่าทางตึงเครียดของเขาในตอนนี้

ทำให้รังสีรอบตัวเขาดูขึงขังขึ้นมาก

อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกแค่ว่าช่วงตาของชายหนุ่มดูคุ้นเคย แอบคิดในใจว่าหรือจะเป็นคนที่เจ้าของร่างเดิมรู้จัก

แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องตนอย่างแปลกหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่เคยรู้จักเจ้าของร่างเดิมมาก่อน

อวิ๋นฝูหลิงจึงไม่คิดอะไรอีก

นางสังเกตเห็นริมฝีปากที่ขาวซีดของชายหนุ่ม ใบหน้าเขาซีดเผือด จากนั้นได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง จึงรู้ว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส

หากไม่รีบรักษาแล้วห้ามเลือด เกรงว่าคงยืนหยัดได้อีกไม่นาน เขาอาจจะตายเพราะเสียเลือดมากเกินไป

อวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด แล้วนำผงยาออกมาจากกระเป๋าหนึ่งขวด จากนั้นโยนให้ชายหนุ่ม

“นี่คือผงห้ามเลือด ใส่แผลได้เลย ตอบแทนที่ท่านช่วยลูกชายข้าเมื่อครู่”

อวิ๋นฝูหลิงไม่รู้ที่มาของคนผู้นี้ แต่ดูจากชุดที่เขาสวมใส่และบาดแผลบนตัวเขา เกรงว่าคงไม่ใช่คนธรรมดา

นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนแบบนี้มากเกินไป เพราะไม่อยากให้ภัยมาถึงตัว

ให้ยาผงห้ามเลือดเขาหนึ่งขวด ถือว่าช่วยชีวิตเขาและทดแทนบุญคุณที่เขาช่วยอวิ๋นจิงมั่วเมื่อครู่แล้ว

อวิ๋นฝูหลิงพูดจบ พลันหันหลังอุ้มอวิ๋นจิงมั่วจากไปทันที

อวิ๋นจิงมั่วเกาะอยู่บนไหล่อวิ๋นฝูหลิง ดวงตากลมโตเปียกชื้น แล้วมองสำรวจชายที่อยู่ในพงหญ้าด้วยความใคร่รู้

เมื่อเซียวจิ่งอี้เงยหน้าขึ้น สบเข้ากับดวงตาสุกใสไร้เดียงสาของอวิ๋นจิงมั่วพอดี

ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจเขาอ่อนยวบไปชั่วขณะ รู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

ระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวงเขาถูกกลุ่มคนไม่ชัดเจนลอบสังหาร

องครักษ์ตายไปมากกว่าครึ่ง คุ้มกันเขาให้หนีออกมา

เขาพลัดกับองครักษ์แล้วหลงเดินเข้ามาที่นี่ ลากสังขารที่บาดเจ็บมาขอความช่วยเหลือ

โชคดีที่ฝนตกหนัก ทำให้ชะล้างร่องรอยที่ผ่านมาตลอดทาง ทำให้การไล่ล่าของคนกลุ่มนั้นช้าลง

เซียวจิ่งอี้ทั้งเหนื่อยทั้งบาดเจ็บ จึงหาพงหญ้ารกซ่อนตัว

ใครจะไปรู้ว่าพักได้เพียงครู่เดียว ทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว

เดิมเซียวจิ่งอี้นึกว่าถูกกลุ่มคนที่ไล่ล่าเขาตามมาถึงที่นี่ ไม่นึกว่าจะเห็นพวกคนชั่วรังแกเด็กน้อยคนหนึ่งและหญิงที่ออกเรือนแล้วอีกหนึ่งคน

เซียวจิ่งอี้กำลังลังเลว่าจะช่วยสองแม่ลูกหรือไม่ แต่เรื่องราวต่อจากนั้นกลับอยู่เหนือความคาดหมายของเขา

หญิงสาวผู้นั้นอาศัยจังหวะลมพัดโปรยผงยา ทำให้ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นแขนขาอ่อนแรงจนล้มลง

ต่อมานางแค่ข่มขู่ไม่กี่คำ กลับทำให้พวกมันแตกแยกและโยนความผิดใส่กัน ซ้ำยังเริ่มขอร้องวิงวอน

หญิงสาวสามารถจัดการปัญหาที่พบเจอได้อย่างง่ายดาย

เซียวจิ่งอี้ที่กำลังดูเหตุการณ์อย่างเพลิดเพลิน ไม่ระวังจนเกิดความเคลื่อนไหว ทำให้หญิงสาวระแวงทันที

ขณะนั้นหนึ่งในคนร้ายคิดฉวยโอกาสลงมือกับเด็กน้อย

เซียวจิ่งอี้สงสารและรู้สึกผิด หากไม่ใช่เพราะความเคลื่อนไหวของเขาที่ทำให้หญิงสาวเสียสมาธิ คนร้ายคงไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น

เขาจึงเก็บหินมาหนึ่งก้อน แล้วเดินพลังภายใน ซัดหินใส่คนร้ายคนนั้น

แม้จะช่วยเด็กเอาไว้ได้ แต่ก็เปิดเผยที่ซ่อนของเขาเช่นกัน

เซียวจิ่งอี้หยิบยาที่อวิ๋นฝูหลิงทิ้งเอาไว้ขึ้นมา ลังเลอยู่สักครู่ จากนั้นเริ่มจัดการบาดแผลบนร่างกาย

เมื่อพวกลูกพี่อู๋เห็นอวิ๋นฝูหลิงอุ้มอวิ๋นจิงมั่วจากไป ก็รีบตะโกนเรียกร้องนางทันที

“แม่นางอวิ๋น ท่านอย่าเพิ่งไป...”

“ท่านได้โปรดช่วยถอนพิษบนตัวพวกข้าก่อน”

“แม่นางอวิ๋น ต่อไปพวกข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว”

“แม่นางอวิ๋น ท่านเป็นคนมีเมตตา ปล่อยพวกเราไปเถอะ”

“ต่อไปข้าจะกลับตัวกลับใจ ทำตัวเป็นคนดี”

พวกลูกพี่อู๋กลัวอวิ๋นฝูหลิงจะทิ้งพวกเขาไปโดยไม่สนใจ

ร่างกายพวกเขายังถูกพิษอยู่ หนำซ้ำบนเขายังมีแมลงกับงูและสัตว์ร้ายมากมาย

หากพบเข้าจริงๆ อยากหนีก็หนีไม่รอด

อีกอย่างการตายของโหวซานเมื่อครู่ ทำให้พวกเขาตกใจไม่น้อย

ขณะนี้พวกเขารู้สึกเสียใจมาก ไม่ควรเชื่อฟังคำพูดของโหวซานแล้วไปหาเรื่องอวิ๋นฝูหลิง

พวกเขากลัวว่าวันนี้ต้องมาจบชีวิตน้อยๆ ของตัวเองไปด้วย

อวิ๋นฝูหลิงได้ยินดังนั้นฝีเท้าชะงักไปทันที “ข้าเกือบลืมพวกเจ้าไปแล้ว”

“หลังจากนี้สองชั่วยาม ฤทธิ์ยาบนตัวพวกเจ้าจะสลายไปเอง ถึงตอนนั้นจะกลับมาขยับได้อีกครั้ง”

“ครั้งนี้แค่สั่งสอนพวกเจ้าเล็กน้อย หากกล้าหาเรื่องข้าอีก...”

อวิ๋นฝูหลิงทำเสียงฮึดฮัด แม้จะไม่ได้พูดถึงจุดจบอย่างชัดเจน แต่ในคำพูดเต็มไปด้วยการข่มขู่ นั่นมากพอจะทำให้พวกลูกพี่อู๋ตัวสั่นงกๆ แล้ว

หลังจากเกิดเรื่องนี้ พวกลูกพี่อู๋ก็ไม่กล้าตอแยอวิ๋นฝูหลิงอย่างสิ้นเชิง

“ไม่กล้าแล้ว พวกเราไม่กล้าทำอีกแล้ว”

“ได้โปรดเถอะ เจ้าเป็นคนใจกว้าง โปรดให้ยาแก้พิษกับพวกเราด้วย”

“ในป่านี้เต็มไปด้วยแมลง งู และสัตว์ร้าย เกิดเจอเข้าจริงๆ พวกเราแขนขาอ่อนแรง จะหนีรอดได้อย่างไร?”

“นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเราทั้งหมดจะเชื่อฟังคำสั่งแม่นางอวิ๋น ไม่คิดเป็นอื่นเด็ดขาด”

เมื่อลูกพี่อู๋เอ่ยปาก คนอื่นๆ ต่างสำทับทันที

ก่อนหน้านี้ตอนโหวซานมีปากเสียงกับพวกลูกพี่อู๋ อวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่พวกเดียวกัน

แต่เพราะถูกเงินทองหลอกล่อ จึงได้ร่วมมือกับโหวซานมาหาเรื่องนาง

แม้คนพวกนี้จะชั่ว แต่ก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอย่างที่สุด

อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางเลี้ยงลูกเพียงลำพัง หากมีลูกน้องคอยให้นางใช้สอย ชีวิตน่าจะสุขสบายมากขึ้น

เพียงแต่อวิ๋นฝูหลิงยังไม่รู้ที่มาของพวกเขาอย่างละเอียด จึงไม่ได้เชื่อสนิทใจ

อวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด จากนั้นหยิบขวดยาที่มีขนาดเท่าฝ่ามือออกจากแขนเสื้อ โยนไปตรงหน้าลูกพี่อู๋

“ยาที่อยู่ในขวดนี้ เป็นทั้งยาถอนพิษและยาพิษ หลังกินเข้าไปจะสลายอาการอ่อนแรงของพวกเจ้าได้ แต่จากนี้ไป ทุกเดือนต้องกินยาถอนพิษนี้ตลอด ไม่อย่างนั้นท้องไส้จะเน่าเปื่อย เจ็บปวดทรมานจนตาย”

“แต่ขอเพียงพวกเจ้าเชื่อฟัง ทุกเดือนข้าย่อมต้องให้ยาถอนพิษกับพวกเจ้า หากพวกเจ้าเชื่อฟัง ข้าเองก็ย่อมดีกับพวกเจ้า”

“จะกินหรือไม่กิน พวกเจ้าตัดสินใจเอง”

ลูกพี่อู๋จ้องมองขวดกระเบื้องตรงหน้า ลังเลอยู่สักครู่ จากนั้นแข็งใจเทยาออกมาหนึ่งเม็ดแล้วกินเข้าไป

ลูกพี่อู๋รู้ดี หากไม่รีบกินยานี้เข้าไป ข้างกันมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง อีกไม่นานต้องมีสัตว์ป่ามาที่นี่แน่นอน

แม้หลังจากสองชั่วยามฤทธิ์ยาบนตัวเขาจะค่อยๆ สลายไป แต่เวลาที่ยาวนานขนาดนั้น เกิดมีสัตว์ป่าโผล่มาจะทำอย่างไร?

หากกินยาที่อวิ๋นฝูหลิงให้ แม้ต่อไปจะต้องกินยาทุกเดือน ชีวิตต้องตกอยู่ในมืออวิ๋นฝูหลิง

แต่อย่างน้อยก็ทำให้ผ่านความตายตรงหน้าไปได้ ต่อไปค่อยคิดหาวิธีเอายาถอนพิษมา แล้วสลายพิษที่ท้องไส้เน่าเปื่อยนี่

ตายตอนนี้หรือตายในอนาคต ลูกพี่อู๋ย่อมเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว

คนอื่นๆ เห็นลูกพี่อู๋กินยาในขวดเข้าไป จึงไม่รอช้า ต่างเทยาออกมาแล้วกินเข้าไปบ้าง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status