แชร์

บทที่ 7

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
สายตาอวิ๋นฝูหลิงหันมองหินลูกเล็กที่ตกอยู่ข้างกายโหวซานก้อนนั้น

ใช้เพียงหินก้อนเล็กก้อนเดียวก็สามารถฆ่าคนได้ อีกฝ่ายย่อมไม่ธรรมดา

อวิ๋นฝูหลิงแหวกพงหญ้าออก ทันใดนั้นสบเข้ากับดวงตาดำขลับล้ำลึก

ภายในพงหญ้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดผ้าแพรสีดำปักลายสีทองนั่งอยู่

มือขวาของเขาถือกระบี่ป้องกันไว้ตรงหน้า ดูระมัดระวังอย่างมาก

สายตาที่มองอวิ๋นฝูหลิงเต็มไปด้วยความระแวง

ชายหนุ่มดูเหมือนคนอายุยี่สิบกว่า ใบหน้าหมดจด คิ้วโก่งดั่งภาพวาด เป็นคนที่รูปงามมาก ทว่าท่าทางตึงเครียดของเขาในตอนนี้

ทำให้รังสีรอบตัวเขาดูขึงขังขึ้นมาก

อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกแค่ว่าช่วงตาของชายหนุ่มดูคุ้นเคย แอบคิดในใจว่าหรือจะเป็นคนที่เจ้าของร่างเดิมรู้จัก

แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องตนอย่างแปลกหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่เคยรู้จักเจ้าของร่างเดิมมาก่อน

อวิ๋นฝูหลิงจึงไม่คิดอะไรอีก

นางสังเกตเห็นริมฝีปากที่ขาวซีดของชายหนุ่ม ใบหน้าเขาซีดเผือด จากนั้นได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง จึงรู้ว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส

หากไม่รีบรักษาแล้วห้ามเลือด เกรงว่าคงยืนหยัดได้อีกไม่นาน เขาอาจจะตายเพราะเสียเลือดมากเกินไป

อวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด แล้วนำผงยาออกมาจากกระเป๋าหนึ่งขวด จากนั้นโยนให้ชายหนุ่ม

“นี่คือผงห้ามเลือด ใส่แผลได้เลย ตอบแทนที่ท่านช่วยลูกชายข้าเมื่อครู่”

อวิ๋นฝูหลิงไม่รู้ที่มาของคนผู้นี้ แต่ดูจากชุดที่เขาสวมใส่และบาดแผลบนตัวเขา เกรงว่าคงไม่ใช่คนธรรมดา

นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนแบบนี้มากเกินไป เพราะไม่อยากให้ภัยมาถึงตัว

ให้ยาผงห้ามเลือดเขาหนึ่งขวด ถือว่าช่วยชีวิตเขาและทดแทนบุญคุณที่เขาช่วยอวิ๋นจิงมั่วเมื่อครู่แล้ว

อวิ๋นฝูหลิงพูดจบ พลันหันหลังอุ้มอวิ๋นจิงมั่วจากไปทันที

อวิ๋นจิงมั่วเกาะอยู่บนไหล่อวิ๋นฝูหลิง ดวงตากลมโตเปียกชื้น แล้วมองสำรวจชายที่อยู่ในพงหญ้าด้วยความใคร่รู้

เมื่อเซียวจิ่งอี้เงยหน้าขึ้น สบเข้ากับดวงตาสุกใสไร้เดียงสาของอวิ๋นจิงมั่วพอดี

ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจเขาอ่อนยวบไปชั่วขณะ รู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

ระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวงเขาถูกกลุ่มคนไม่ชัดเจนลอบสังหาร

องครักษ์ตายไปมากกว่าครึ่ง คุ้มกันเขาให้หนีออกมา

เขาพลัดกับองครักษ์แล้วหลงเดินเข้ามาที่นี่ ลากสังขารที่บาดเจ็บมาขอความช่วยเหลือ

โชคดีที่ฝนตกหนัก ทำให้ชะล้างร่องรอยที่ผ่านมาตลอดทาง ทำให้การไล่ล่าของคนกลุ่มนั้นช้าลง

เซียวจิ่งอี้ทั้งเหนื่อยทั้งบาดเจ็บ จึงหาพงหญ้ารกซ่อนตัว

ใครจะไปรู้ว่าพักได้เพียงครู่เดียว ทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว

เดิมเซียวจิ่งอี้นึกว่าถูกกลุ่มคนที่ไล่ล่าเขาตามมาถึงที่นี่ ไม่นึกว่าจะเห็นพวกคนชั่วรังแกเด็กน้อยคนหนึ่งและหญิงที่ออกเรือนแล้วอีกหนึ่งคน

เซียวจิ่งอี้กำลังลังเลว่าจะช่วยสองแม่ลูกหรือไม่ แต่เรื่องราวต่อจากนั้นกลับอยู่เหนือความคาดหมายของเขา

หญิงสาวผู้นั้นอาศัยจังหวะลมพัดโปรยผงยา ทำให้ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นแขนขาอ่อนแรงจนล้มลง

ต่อมานางแค่ข่มขู่ไม่กี่คำ กลับทำให้พวกมันแตกแยกและโยนความผิดใส่กัน ซ้ำยังเริ่มขอร้องวิงวอน

หญิงสาวสามารถจัดการปัญหาที่พบเจอได้อย่างง่ายดาย

เซียวจิ่งอี้ที่กำลังดูเหตุการณ์อย่างเพลิดเพลิน ไม่ระวังจนเกิดความเคลื่อนไหว ทำให้หญิงสาวระแวงทันที

ขณะนั้นหนึ่งในคนร้ายคิดฉวยโอกาสลงมือกับเด็กน้อย

เซียวจิ่งอี้สงสารและรู้สึกผิด หากไม่ใช่เพราะความเคลื่อนไหวของเขาที่ทำให้หญิงสาวเสียสมาธิ คนร้ายคงไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น

เขาจึงเก็บหินมาหนึ่งก้อน แล้วเดินพลังภายใน ซัดหินใส่คนร้ายคนนั้น

แม้จะช่วยเด็กเอาไว้ได้ แต่ก็เปิดเผยที่ซ่อนของเขาเช่นกัน

เซียวจิ่งอี้หยิบยาที่อวิ๋นฝูหลิงทิ้งเอาไว้ขึ้นมา ลังเลอยู่สักครู่ จากนั้นเริ่มจัดการบาดแผลบนร่างกาย

เมื่อพวกลูกพี่อู๋เห็นอวิ๋นฝูหลิงอุ้มอวิ๋นจิงมั่วจากไป ก็รีบตะโกนเรียกร้องนางทันที

“แม่นางอวิ๋น ท่านอย่าเพิ่งไป...”

“ท่านได้โปรดช่วยถอนพิษบนตัวพวกข้าก่อน”

“แม่นางอวิ๋น ต่อไปพวกข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว”

“แม่นางอวิ๋น ท่านเป็นคนมีเมตตา ปล่อยพวกเราไปเถอะ”

“ต่อไปข้าจะกลับตัวกลับใจ ทำตัวเป็นคนดี”

พวกลูกพี่อู๋กลัวอวิ๋นฝูหลิงจะทิ้งพวกเขาไปโดยไม่สนใจ

ร่างกายพวกเขายังถูกพิษอยู่ หนำซ้ำบนเขายังมีแมลงกับงูและสัตว์ร้ายมากมาย

หากพบเข้าจริงๆ อยากหนีก็หนีไม่รอด

อีกอย่างการตายของโหวซานเมื่อครู่ ทำให้พวกเขาตกใจไม่น้อย

ขณะนี้พวกเขารู้สึกเสียใจมาก ไม่ควรเชื่อฟังคำพูดของโหวซานแล้วไปหาเรื่องอวิ๋นฝูหลิง

พวกเขากลัวว่าวันนี้ต้องมาจบชีวิตน้อยๆ ของตัวเองไปด้วย

อวิ๋นฝูหลิงได้ยินดังนั้นฝีเท้าชะงักไปทันที “ข้าเกือบลืมพวกเจ้าไปแล้ว”

“หลังจากนี้สองชั่วยาม ฤทธิ์ยาบนตัวพวกเจ้าจะสลายไปเอง ถึงตอนนั้นจะกลับมาขยับได้อีกครั้ง”

“ครั้งนี้แค่สั่งสอนพวกเจ้าเล็กน้อย หากกล้าหาเรื่องข้าอีก...”

อวิ๋นฝูหลิงทำเสียงฮึดฮัด แม้จะไม่ได้พูดถึงจุดจบอย่างชัดเจน แต่ในคำพูดเต็มไปด้วยการข่มขู่ นั่นมากพอจะทำให้พวกลูกพี่อู๋ตัวสั่นงกๆ แล้ว

หลังจากเกิดเรื่องนี้ พวกลูกพี่อู๋ก็ไม่กล้าตอแยอวิ๋นฝูหลิงอย่างสิ้นเชิง

“ไม่กล้าแล้ว พวกเราไม่กล้าทำอีกแล้ว”

“ได้โปรดเถอะ เจ้าเป็นคนใจกว้าง โปรดให้ยาแก้พิษกับพวกเราด้วย”

“ในป่านี้เต็มไปด้วยแมลง งู และสัตว์ร้าย เกิดเจอเข้าจริงๆ พวกเราแขนขาอ่อนแรง จะหนีรอดได้อย่างไร?”

“นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเราทั้งหมดจะเชื่อฟังคำสั่งแม่นางอวิ๋น ไม่คิดเป็นอื่นเด็ดขาด”

เมื่อลูกพี่อู๋เอ่ยปาก คนอื่นๆ ต่างสำทับทันที

ก่อนหน้านี้ตอนโหวซานมีปากเสียงกับพวกลูกพี่อู๋ อวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่พวกเดียวกัน

แต่เพราะถูกเงินทองหลอกล่อ จึงได้ร่วมมือกับโหวซานมาหาเรื่องนาง

แม้คนพวกนี้จะชั่ว แต่ก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอย่างที่สุด

อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางเลี้ยงลูกเพียงลำพัง หากมีลูกน้องคอยให้นางใช้สอย ชีวิตน่าจะสุขสบายมากขึ้น

เพียงแต่อวิ๋นฝูหลิงยังไม่รู้ที่มาของพวกเขาอย่างละเอียด จึงไม่ได้เชื่อสนิทใจ

อวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด จากนั้นหยิบขวดยาที่มีขนาดเท่าฝ่ามือออกจากแขนเสื้อ โยนไปตรงหน้าลูกพี่อู๋

“ยาที่อยู่ในขวดนี้ เป็นทั้งยาถอนพิษและยาพิษ หลังกินเข้าไปจะสลายอาการอ่อนแรงของพวกเจ้าได้ แต่จากนี้ไป ทุกเดือนต้องกินยาถอนพิษนี้ตลอด ไม่อย่างนั้นท้องไส้จะเน่าเปื่อย เจ็บปวดทรมานจนตาย”

“แต่ขอเพียงพวกเจ้าเชื่อฟัง ทุกเดือนข้าย่อมต้องให้ยาถอนพิษกับพวกเจ้า หากพวกเจ้าเชื่อฟัง ข้าเองก็ย่อมดีกับพวกเจ้า”

“จะกินหรือไม่กิน พวกเจ้าตัดสินใจเอง”

ลูกพี่อู๋จ้องมองขวดกระเบื้องตรงหน้า ลังเลอยู่สักครู่ จากนั้นแข็งใจเทยาออกมาหนึ่งเม็ดแล้วกินเข้าไป

ลูกพี่อู๋รู้ดี หากไม่รีบกินยานี้เข้าไป ข้างกันมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง อีกไม่นานต้องมีสัตว์ป่ามาที่นี่แน่นอน

แม้หลังจากสองชั่วยามฤทธิ์ยาบนตัวเขาจะค่อยๆ สลายไป แต่เวลาที่ยาวนานขนาดนั้น เกิดมีสัตว์ป่าโผล่มาจะทำอย่างไร?

หากกินยาที่อวิ๋นฝูหลิงให้ แม้ต่อไปจะต้องกินยาทุกเดือน ชีวิตต้องตกอยู่ในมืออวิ๋นฝูหลิง

แต่อย่างน้อยก็ทำให้ผ่านความตายตรงหน้าไปได้ ต่อไปค่อยคิดหาวิธีเอายาถอนพิษมา แล้วสลายพิษที่ท้องไส้เน่าเปื่อยนี่

ตายตอนนี้หรือตายในอนาคต ลูกพี่อู๋ย่อมเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว

คนอื่นๆ เห็นลูกพี่อู๋กินยาในขวดเข้าไป จึงไม่รอช้า ต่างเทยาออกมาแล้วกินเข้าไปบ้าง
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
นิภาภรณ์ ไซ่
สนุกมากๆค่ะนางเอกเก่งมาก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 8

    อวิ๋นฝูหลิงจ้องลูกพี่อู๋หนึ่งครั้งเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ อีกทั้งสามารถทำให้ลูกน้องเชื่อฟัง เชื่อใจ และทำตามได้ถือเป็นคนเก่งคนที่มีความสามารถเช่นนี้หากยอมศิโรราบต่อนาง รับใช้นาง ต่อไปต้องเป็นผู้ช่วยที่ดีอวิ๋นฝูหลิงที่ได้ลูกน้องใหม่สี่คน สั่งให้พวกเขาไปตามหาแหล่งน้ำและเก็บฟืนทันทีอวิ๋นฝูหลิงถือคติตบหัวแล้วลูบหลัง จึงแจกจ่ายถุงยาให้พวกเขาคนละหนึ่งอันถุงยานี้อวิ๋นฝูหลิงปรุงขึ้นอย่างตั้งใจ เมื่อสวมใส่ติดตัวจะมีสรรพคุณขับไล่งูและแมลง เป็นสิ่งจำเป็นเมื่ออยู่ในป่าในเขาก่อนหน้านี้อวิ๋นฝูหลิงพาอวิ๋นจิงมั่วไปมาในป่าอย่างตามใจ เพราะมีถุงยานี้ติดตัวทั้งสองเมื่อพวกของลูกพี่อู๋รู้ว่าถุงยาสามารถขับไล่งูและแมลง รู้ว่านี่เป็นของดีจึงรีบสวมติดตัวทันทีความขุ่นเคืองที่ต้องกินยาถอนพิษเพราะไม่มีทางเลือก จึงค่อยสลายไปบ้างเมื่อมีพวกลูกพี่อู๋ไปตามหาฟืนและแหล่งน้ำ มือหนึ่งของอวิ๋นฝูหลิงจูงอวิ๋นจิงมั่ว ส่วนอีกมือหนึ่งถือฟืนที่เพิ่งเก็บได้เมื่อครู่ จากนั้นย้อนกลับไปจุดที่ชาวบ้านรวมตัวกันหลังจากเซียวจิ่งอี้จัดการแผลบนร่างกายเสร็จแล้ว เขาแหวกพงหญ้าและมองเห็นแผ่นหลังของอวิ๋นฝูงหลิงพอดีเขากำขวดยาที

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 9

    อวิ๋นฝูหลิงคิดแต่จะช่วยคน จึงขี้เกียจสนใจนาง ไม่แม้แต่จะช้อนตามองสักนิดเด็กสาวเห็นอวิ๋นฝูหลิงไม่สนใจนาง ใบหน้างามแดงเถือกทันที เหมือนถูกเหยียดหยามอย่างมาก“นี่ ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ หรือเจ้าจะเป็นใบ้ ไม่ได้ยินอย่างนั้นหรือ?”ขณะนี้ ท่ามกลางฝูงชน ชายวัยกลางคนร่างท้วมอายุสี่สิบกว่าคนหนึ่ง เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “แม่นางน้อย เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน คนที่พี่ชายเจ้าช่วยไม่ได้ ใช่ว่าคนอื่นจะช่วยไม่รอดนะ”ท่ามกลางชาวบ้านมีคนไม่พอใจคำพูดของเด็กสาว แต่เห็นนางแต่งตัวหรูหรา แค่ดูก็รู้ว่าฐานะไม่ธรรมดา จึงไม่กล้าต่อว่าส่งเดชตอนนี้เมื่อเห็นมีคนพูดขึ้น พวกเขาจึงรีบสำทับทันที“ตัวเองช่วยไม่ได้ ยังไม่ยอมให้คนอื่นช่วยหรือ?”“ไม่เคยเห็นคนเยี่ยงนี้มาก่อนเลย”“หมอหนุ่มผู้นี้ดูอายุเพียงยี่สิบต้นๆ วิชาแพทย์จะเก่งกาจสักเพียงใด?”เดิมทีคนตระกูลเฉินยังฝากความหวังให้หมอหนุ่มช่วยลูกหลานตัวเอง เมื่อได้ยินเขาบอกว่าช่วยไม่ได้ นอกจากรู้สึกเจ็บปวดแล้ว ยังพาลโกรธอีกฝ่ายไปด้วยยามนี้เมื่อเห็นเด็กสาวเอ่ยปากเหน็บแนม ซ้ำยังขวางไม่ให้คนช่วยลูกตัวเอง ทำให้พวกเขายิ่งโกรธ ทันใดนั้นจึงด่าทอไปพร้อมพวกชาวบ้าน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 10

    อวิ๋นซานหูจับแขนเสื้อติงหมิงรุ่ยแล้วเขย่าไปมาพลางออดอ้อน “ท่านพี่ นางก็แค่โชคดีเหมือนแมวตาบอดจับหนูตายได้ จะไปมีความรู้วิชาแพทย์ที่สูงส่งได้อย่างไร!”ติงหมิงรุ่ยถูกนางปลอบ จึงสบายใจขึ้นมาบ้างใช่สินะ ก็แค่หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง ที่มีความรู้ระดับภูมิปัญญาชาวบ้านเท่านั้นแต่เขาไม่เหมือนกัน เขามีพรสวรรค์ล้ำเลิศ เกิดมาในตระกูลแพทย์อีกทั้งมีชื่อเสียงแต่เด็ก ภายหน้าต้องสอบเข้าสำนักหมอหลวง มียศถาบรรดาศักดิ์ กลายเป็นหมอหลวงที่มีชื่อเสียงหนำซ้ำแวดวงการแพทย์ยังเป็นพื้นที่ของบุรุษมาโดยตลอดแม้สตรีจะเรียนรู้วิชาแพทย์ แต่สังคมไม่ยอมให้พวกนางมานั่งรักษาอยู่ในสำนักอย่างเปิดเผยอย่างมากก็แค่ได้เข้าไปเป็นหมอหลวงระดับล่างสุดในสำนักหมอหลวง เป็นลูกมือให้พวกหมอหลวงชายเท่านั้นเมื่อคิดได้เช่นนี้ ติงหมิงรุ่ยสบายใจขึ้นมาก จากนั้นกลับมามั่นอกมั่นใจอีกครั้งความวุ่นวายในตระกูลเฉินดำเนินไปสักพักใหญ่ถึงจะสงบลงจากการเตือนสติของผู้ใหญ่บ้านโจว สองสามีรรยาเฉินเหล่าเอ้อร์ถึงจำบุญคุณของอวิ๋นฝูหลิงได้จากคำซุบซิบของชาวบ้านรอบข้าง ทำให้อวิ๋นฝูหลิงพอปะติดปะต่อเหตุการณ์ของตระกูลเฉินได้แม่เฒ่าเฉินเป็นม่ายสามีตาย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 11

    อวิ๋นฝูหลิงชิมน้ำแกงเห็ดคำหนึ่ง ต่อหมั่นโถวอีกคำด้วยความเพลิดเพลินหลังคราวโลกวิบัติอมนุษย์ครองเมือง พืชพันธุ์กลายพันธุ์ ทำให้อาหารขาดแคลน จะหาเห็ดป่าหอมหวานสดใหม่เช่นนี้ได้จากที่ไหนอีกแม้ต่อมาฐานปฏิบัติการจะพยายามวิจัยเพาะพันธุ์พืชบางชนิด แต่ผลผลิตที่ได้กลับน้อยนิดหมั่นโถวสิบกว่าลูกที่อวิ๋นฝูหลิงเก็บเอาไว้ในมิติ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่นางใช้เส้นสาย พึ่งคะแนนสมทบซื้อมาได้อย่างยากลำบากเมื่อครู่ให้พวกลูกพี่อู๋ทั้งสี่คนไป อาลัยอาวรณ์เสียจนหืดขึ้นคอแต่ถ้าอยากให้ม้าวิ่งก็มีแต่ต้องให้อาหารม้านางต้องการชักนำพวกลูกพี่อู๋มาเป็นพวกของนางโดยเบ็ดเสร็จ ให้พวกเขาจงรักภักดีเชื่อฟังนางอย่างสุดจิตสุดใจแต่เพียงผู้เดียว การลงทุนด้วยหมั่นโถวขาวสี่ลูกนี้จึงนับว่าได้หว่านเมล็ดแล้วอีกอย่าง จากการสังเกตคร่าวๆ โลกนี้มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งไม่ได้อยู่ในช่วงระส่ำระสาย การหุงหาอาหารจึงไม่ใช่เรื่องยากนักอวิ๋นฝูหลิงมีความคิดแล่นโลดอยู่ในใจ วางแผนชีวิตวันข้างหน้าของตนทว่าลูกพี่อู๋ทั้งสี่ต่างเมียงมองดูหมั่นโถวขาวในมือ ค่อยๆ กลืนน้ำลายลงเฮือกหมั่นโถวจากแป้งขาวเชียวนะ!แม่นางอวิ๋นไม่เพียงแต่แบ่งอาหาร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 12

    เพียงแต่ศาสตร์ฝังเข็มฉบับตกทอดในสกุลอวิ๋นที่นางเคยเรียน มีเพียงครึ่งแรกเท่านั้นว่ากันว่าอีกส่วนหนึ่งสาบสูญไปตอนบ้านเมืองระส่ำระสาย ดังนั้นลูกหลานสกุลอวิ๋นที่เรียนศาสตร์ฝังเข็ม จึงได้เรียนเพียงส่วนที่เหลืออยู่ แต่ศาสตร์ฝังเข็มฉบับนั้นก็ละเอียดมาก แม้จะมีเพียงครึ่งเดียว ก็มากพอจะทำให้สกุลอวิ๋นตั้งตัวในแดนซิ่งหลินได้อวิ๋นฝูหลิงเปิดดูศาสตร์ฝังเข็มสกุลอวิ๋นในมือออกดู พบว่าศาสตร์ฝังเข็มที่บันทึกไว้มีเนื้อหาเยอะกว่าครึ่งที่ตกทอดในสกุลอวิ๋นอยู่มากศาสตร์ฝังเข็มสกุลอวิ๋นในมือนางนี้ ดูท่าจะเป็นฉบับสมบูรณ์ เหตุใดศาสตร์ฝังเข็มที่สกุลอวิ๋นตกทอดกันมา จึงปรากฏอยู่ที่นี่ได้?หรือว่าเจ้าของร่างเดิมกับสกุลอวิ๋นชาติที่แล้วของนางจะเกี่ยวข้องกัน? ไม่ใช่ว่าเป็นบรรพบุรุษสกุลอวิ๋นของนางหรอกหรือ?ในใจอวิ๋นฝูหลิงผุดข้อสงสัยขึ้นมากมายแม้ความทรงจำที่เจ้าของร่างเดิมเหลือให้นางจะไม่สมบูรณ์นัก แต่ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับรู้สึกได้ว่าฐานะของเจ้าของร่างเดิมเกรงว่าจะไม่ธรรมดาลูกหลานตาสีตาสา มีหรือจะจ้างแม่นมมาให้เด็กน้อยบ้านตนได้?อีกอย่างเจ้าของร่างเดิมกับแม่นมยังใช้ฐานะแม่กับลูกสาว ใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อนอยู่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 13

    อวิ๋นฝูหลิงเอ่ย “ลมภายนอกเข้าสู่ร่างกาย อีกทั้งความตื่นกลัว จึงทำให้ไข้ขึ้นสูงไม่ยอมลด หากจะรักษาก็ไม่ยาก ข้าจะเขียนเทียบยาให้ ดื่มยาสักสองวันเป็นอันใช้ได้”เฉินเหล่าต้าได้ยินว่าลูกตนตื่นกลัว ก็นึกถึงเรื่องวันก่อนที่ตบนางไปฝ่ามือหนึ่ง ในใจเกิดรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างสะใภ้ใหญ่เฉินดวงตาแดงก่ำ “รบกวนแม่นางอวิ๋นแล้ว ส่วนค่าหยูกยา...”สะใภ้ใหญ่เฉินยังพูดไม่ทันจบ คนสกุลเฉินคนอื่นๆ ก็ต่างกระโดดเข้าวง เอ่ยขึ้นอย่างเหน็บแนม“บ้านเรามีเงินจ่ายค่ายาให้ต้ายาที่ไหนกัน!”“ของขาดทุนแท้ๆ แค่ทนเอาสักหน่อยก็หายแล้วเชียว”“ลำเอียงให้รักก็แล้ว ยังต้องมาเสียเงินซื้อหยูกยา”“พวกเจ้าให้นางรักษา เช่นนั้นค่าหยูกยาพวกเจ้าต้องเป็นคนจ่าย!”เฉินเหล่าต้ารู้ดีว่าการลี้ภัยในครั้งนี้ แม่จะต้องเอาทุกสิ่งอย่างที่มีติดมาด้วยเป็นแน่ ไม่มีทางไร้เงินติดกายเขามองไปยังลูกสาวที่จับไข้จนหน้าแดงเถือก แม้เมื่อเผชิญหน้ากับแม่บังเกิดเกล้าตนจะไม่กล้ามีปากมีเสียงทว่าก็ยังเปิดปากพูด “ท่านแม่ พวกข้ามีเงินเสียที่ไหน? เงินที่พวกข้าหามาได้ก็ให้ท่านแม่ไปหมดแล้ว...”แม่เฒ่าเฉินจ้องเขม็ง “ที่เจ้าดื่มเจ้ากินก็ล้วนเป็นของที่บ้าน ได้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 14

    ปฏิกิริยาแรกของอวิ๋นซานหูคือ อวิ๋นฝูหลิงจะต้องซื้อยาลูกกลอนมาจากสำนักช่วยชีพเป็นแน่แต่ยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพราคาสูงลิบลิ่ว ตลอดมาเสนอขายให้กับคนมีลาภยศเท่านั้นอวิ๋นฝูหลิงหญิงบ้านนอก สวมเสื้อผ้าซอมซ่อ จะซื้อยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพไหวได้อย่างไร?นึกไม่ถึงว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับบอกว่ายาลูกกลอนนี้นางทำขึ้นมาเองจะเป็นไปได้อย่างไร?ยาลูกกลอนนี้เป็นสูตรลับของสำนักช่วยชีพ นอกจากสกุลอวิ๋นของพวกนางแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดทำออกมาได้! สำนักแพทย์ในราชวงศ์ต้าฉีไม่ได้มีเพียงสำนักช่วยชีพสำนักเดียว สำนักอื่นจะไม่อิจฉาตาร้อนการค้าของสำนักช่วยชีพหรือ?ย่อมไม่ใช่ เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่อาจทำยาลูกกลอนเช่นสำนักช่วยชีพออกมาได้ จึงแย่งชิงส่วนแบ่งไปไม่ได้เท่านั้นเองอวิ๋นซานหูจ้องเขม็งไปยังอวิ๋นฝูหลิง น้ำเสียงกดดันคน “เจ้าโกหก คนอย่างเจ้าจะทำยาลูกกลอนออกมาได้อย่างไร?”อวิ๋นฝูหลิงร้อง “หา?”ใบหน้านางเปี่ยมด้วยความสงสัยก็แค่ยาลูกกลอนเม็ดเดียวเท่านั้น ทำไมนางจะทำออกมาไม่ได้?อวิ๋นฝูหลิงกำลังจะโต้กลับ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างกาย “แม้ยาลูกกลอนจะทำขึ้นโดยผู้อาวุโสอวิ๋นแห่งสำนักช่วยชีพ ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้อื

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 15

    ยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งต่อหนึ่งตำลึงเงิน แม้ว่าเงินนี้แม่เฒ่าเฉินไม่ใช่คนออก นางก็ยังรู้สึกเสียดายจนลมแทบจับอย่างไรนางก็นับว่าสินเดิมของลูกสะใภ้เป็นทรัพย์สินของตนอยู่นานแล้วลูกสะใภ้ใช้จ่ายสินเดิมของตน ก็เท่ากับว่าใช้เงินของนางไม่ใช่หรือ?ทว่าสิ่งที่อวิ๋นซานหูจดจ่อคือยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพ ราคาถูกที่สุดก็ยังสิบตำลึงเงินต่อหนึ่งเม็ดอวิ๋นฝูหลิงขายเพียงหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งเม็ด ขายตัดราคาเช่นนี้ ในใจนางจึงอยู่ไม่สุขยิ่งหากยาลูกกลอนไม่ใช่สิ่งที่สำนักช่วยชีพครอบครองแต่เพียงผู้เดียวแล้ว อีกทั้งราคายังถูกถึงขั้นหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งเม็ด ใครจะมาซื้อยาลูกกลอนของสำนักช่วยชีพอีก? เช่นนั้นก็ไม่เป็นผลดีต่อสำนักช่วยชีพแล้ว!ทว่าคนสองคนคิดเห็นเช่นไร ต่างไม่มีใครสนใจสะใภ้ใหญ่เฉินไปนำเงินมาโดยไม่ได้ปริปากแต่นางมีไหวพริบ ไม่ได้ตรงไปเอาตำลึงเงินหรือเหรียญอีแปะโดยตรง แต่หยิบเอาปิ่นปักผมเงินสลักดอกเหมยซึ่งเป็นสินเดิมของนางออกมาปิ่นปักผมชิ้นนี้มีเพียงส่วนดอกเหมยของปิ่นที่ทำจากเงิน อีกอย่างเมื่อเวลาผ่านไป เนื้อเงินก็เปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว อย่างมากราคาก็เพียงหนึ่งตำลึงเงินอวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองสะ

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 368

    ลูกเติบโตอยู่ในท้องของนางทุกวัน ๆ ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว ล้วนนำมาซึ่งความปีติยินดีที่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้นางไม่อาจทอดทิ้งลูกในท้องได้จริง ๆหลังได้รู้จักกับวิธีการผ่าท้องเอาเด็กออกของอวิ๋นฝูหลิง ฮูหยินน้อยฉู่ก็ตัดสินใจได้เฉียบขาดเสียยิ่งกว่าผู้ใดเหล่าหมอที่รายล้อมอยู่ข้าง ๆ ล้วนอับจนหนทาง มิสู้ให้อวิ๋นฝูหลิงได้ลองทำมิดีกว่าหรือหากรักษาพวกนางสามแม่ลูกไว้ได้จะเป็นการดีที่สุดหากทำไม่ได้ เช่นนั้นก็เอาชีวิตของนางไปแทนลูก ๆ เถิดแม้นาจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ทว่ายามที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงหน้า นางก็ยังคงตื่นเต้นอยู่ดีโชคดีที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจานุ่มนวล ทำให้นางคลายความตื่นตระหนกในใจไปได้มากหลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจรให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว จึงกำชับนางว่านับตั้งแต่ตอนนี้ห้ามกินอะไรเข้าไป มิเช่นนั้นจะกระทบต่อการผ่าตัด เป็นอันตรายถึงชีวิตฮูหยินน้อยฉู่ได้ยินน้ำเสียงแสนจริงจังของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว รีบแสดงท่าทีว่านางเชื่อฟังคำพูดของอวิ๋นฝูหลิงไม่มีบิดพลิ้ว ไม่กินอะไรลงท้องแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนั้น ก็พอใจมากนางชอบผู้ป่วยที่เชื่อฟังคำสั่งของหมอเป็นที่สุดหลังอวิ๋นฝูหลิงกำชับสิ่งท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 367

    โอวหยางหมิงไม่ทันตั้งตัวกับคำขอของอวิ๋นฝูหลิงเอาเสียเลยนี่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ที่ทำการผ่าท้องเอาเด็กออก ในขณะที่มารดาที่ตั้งครรภ์ยังมีชีวิตอยู่หากเป็นอย่างที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจริง ๆ ที่ว่าหลังผ่าตัดแล้ว ทั้งมารดาและบุตรล้วนมีชีวิตอยู่ต่อได้โดยปลอดภัยละก็ พอจะจินตนาการออกเลยว่าจะก่อความตื่นตะลึงมากมายมหาศาลเลยทีเดียววีรกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ จะต้องถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ ถึงขั้นในตำราประวัติศาสตร์ก็อาจจะเป็นได้ว่าจะบันทึกเอาไว้อย่างโดดเด่นอีกด้วยฉากที่ได้เป็นประจักษ์พยานเช่นนี้ โอวหยางหมิงย่อมหวังว่าตัวเขาเองจะอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหลังจากโอวหยางหมิงตอบรับคำร้องขอของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว ก็เอ่ยถามอีกครั้งว่า “ฝูหลิง เจ้าต้องการผู้ช่วยสักกี่คน จะให้ปู่เรียกคนในสำนักแพทย์หลวงมาให้เจ้าสักหลาย ๆ คนหน่อยหรือไม่?”โอวหยางหมิงมั่นใจ ขอแค่เขาเรียกตัว เหล่าหมอหลวงในสำนักแพทย์หลวงจำนวนไม่น้อยจะต้องให้ความสนใจกับการผ่าคลอดครั้งนี้ ทั้งยังเต็มใจมาช่วยอีกด้วยอวิ๋นฝูหลิงส่ายหน้าพลางกล่าว “เรื่องท่านหมอนั้นข้ามีตัวเลือกอยู่ในใจแล้ว ไม่ต้องการใครอีกเจ้าค่ะ”“แต่ได้ยินว่าในสำนักแพทย์หลว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 366

    ยามนี้ ผู้เฝ้าประตูเดินเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง พระชายา แม่ทัพน้อยฉู่จากจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินมาขอรับ”“บอกว่าต้องการเชิญพระชายาให้ไปตรวจอาการอีกครั้งขอรับ!”อวิ๋นฝูหลิงวางชามโจ๊กในมือลง ฉวยผ้าเช็ดปากมาซับปากเล็กน้อย“เชิญให้ท่านแม่ทัพน้อยฉู่รอที่โถงหน้าสักครู่ อีกประเดี๋ยวข้าจะตามไป”เมื่อวานนี้นางมั่นใจยิ่ง ว่าท้ายที่สุดแล้วสกุลฉู่ก็จะมาหานางเนื่องจากสถานการณ์ของฮูหยินน้อยฉู่ หากเป็นการคลอดธรรมชาติ ด้วยวิชาแพทย์ในปัจจุบันนี้ของแคว้นต้าฉีนั้น แทบจะไม่มีหมอคนไหนที่สามารถรับรองความปลอดภัยของทั้งมารดาและบุตรได้เลยเดิมทีนางคิดว่าสกุลฉู่จะฝืนทนต่ออีกสองสามวัน เฝ้าหาหมอชื่อดังหลายท่านไปตรวจดูนึกไม่ถึงว่านี่เพิ่งผ่านไปเพียงวันเดียว ฉู่หมิงก็มาเชิญนางถึงหน้าประตูด้วยตนเองเสียแล้วการกระทำของสกุลฉู่ ยิ่งทำให้อวิ๋นฝูหลิงมั่นใจว่าสกุลฉู่เอนเอียงที่จะใช้วิธีผ่าท้องเอาเด็กออกที่นางเสนอแล้วเซียวจิ่งอี้ว่า “วันนี้ข้าไม่มีกิจอันใดพอดี ตามเจ้าไปได้”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า หลังกลับไปหยิบกล่องยาที่ห้องแล้ว จึงเดินไปที่โถงหน้ากับเซียวจิ่งอี้ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นว่าไม่มีใครเรียกนาง ครั้นลองคิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 365

    อย่าว่าแต่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ถูกเซียวจิ่งอี้แย่งแส้ไปเลย นี่ยังถูกซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาขนาดนี้อีกครั้นฉยงอวี้จวิ้นจู่สบเข้ากับดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเดือดดาลคู่นั้นของเซียวจิ่งอี้ ในใจพลันหวาดหวั่นขึ้นมาแต่พอนึกถึงสาเหตุที่ตัวเองมาที่นี่ในวันนี้แล้ว จึงรู้สึกมั่นใจและหาญกล้าขึ้นมาทันที“พี่เจ็ด ท่านถามว่าข้าคิดจะทำอะไรหรือ? ข้าอยากถามอวิ๋นฝูหลิงมากกว่า ว่านางคิดจะทำอะไร?”“เจ้ายังจะกล้าต่อปากต่อคำอีก?” เซียวจิ่งอี้บันดาลโทสะ ง้างมือเหวี่ยงแส้ออกไปฉยงอวี้จวิ้นจู่หลบไปข้าง ๆ ด้วยความตกใจทันทีดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา ท่าทางน้อยอกน้อยใจเป็นที่สุดทว่าแส้ของเซียวจิ่งอี้กลับสะบัดไปถูกอากาศเท่านั้น มิได้พุ่งไปยังบริเวณที่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ยืนอยู่เมื่อครู่นี้ด้วยซ้ำ“หากเจ้ายังกล้าทำตนไม่เคารพไม่ให้เกียรติพี่สะใภ้เจ้าอยู่อีก หนหน้าแส้ในมือข้าจะไม่โดยเพียงอากาศแล้ว!” แววตาของเซียวจิ่งอี้เย็นชาเป็นอย่างยิ่งเขาไม่ยอมให้ใครหน้าไหนก็ตามมารังแกอวิ๋นฝูหลิง!ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเซียวจิ่งอี้มีโทสะเข้าแล้วจริง ๆ ถึงกับอดหดคอด้วยความหวาดกลัวไม่ได้นางชอบเล่นกับเซียวจิ่งอี้มาตั้งแต่เด็ก เพราะว่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 364

    “วันพรุ่งไม่สู้ลองเชิญพระชายาอี้อ๋องมาอีกครั้ง แล้วให้อธิบายวิธีผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออกให้ละเอียดดีหรือไม่?”“หลังลองฟังดูแล้วค่อยตัดสินใจกันอีกครา?”หลังจากที่คังจวิ้นอ๋องและคนอื่น ๆ สบตากัน ทุกคนล้วนเห็นด้วยที่วันพรุ่งจะเชิญอวิ๋นฝูหลิงมาอีกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวคังจวิ้นอ๋อง พวกเขาอยากได้ยินอวิ๋นฝูหลิงพูดเองกับหูส่วนทางอวิ๋นฝูหลิงหลังจากกลับมาถึงจวนอี้อ๋องนั้น ก็เข้ามิติไปรื้อค้นในเรือนไม้ไผ่ เพื่อตระเตรียมของสำหรับการผ่าคลอดนางมีลางสังหรณ์ ว่าสุดท้ายแล้วสกุลฉู่จะยอมให้นางทำการผ่าคลอดวันต่อมา ขณะที่อวิ๋นฝูหลิงกำลังกินข้าวเช้า ในจวนอ๋องพลันมีแขกไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่งปรากฏตัวครั้นอวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่เสด็จมา จึงประหลาดใจไม่น้อยนับแต่งานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ทั้งคู่ก็ไม่ได้คลุกคลีอะไรกันอวิ๋นฝูหลิงสัมผัสได้ราง ๆ ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่ดูเหมือนจะมีเจตนาร้ายต่อนาง จึงคอยอยู่ห่าง ๆ ไว้แล้วเหตุใดนางถึงได้โผล่มาถึงหน้าจวนกะทันหันแบบนี้?วันนี้เซียวจิ่งอี้มิได้มีกิจอันใดพอดี และกำลังร่วมกินข้าวเช้าอยู่กับอวิ๋นฝูหลิงครั้นทราบว่าฉยงอวี้จวิ้นจู

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 363

    จะรักษาชีวิตคนใหญ่หรือเด็ก นี่จะให้พวกเขาเลือกเช่นไร?คังจวิ้นอ๋องกัดฟัน แล้วโพล่งขึ้นมาว่า “มิใช่ว่าพระชายาอี้อ๋องผู้นั้นบอกว่าสามารถผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออกมาได้หรอกหรือ?”พระชายาคังจวิ้นอ๋องมองคังจวิ้นอ๋องด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านเสียสติไปแล้ว?”หากบุตรสาวถูกผู้อื่นผ่าเปิดหน้าท้องแล้ว ยังจะมีชีวิตอยู่ได้เช่นไร?อย่างมากก็แค่ไม่เก็บครรภ์นี้ไว้ แล้วให้สกุลฉู่รักษาชีวิตคนใหญ่ไว้เสียดีกว่าถึงอย่างไรชีวิตของบุตรสาวย่อมสำคัญกว่า!ไว้บำรุงร่างกายของบุตรสาวดี ๆ แล้วค่อยมีบุตรใหม่อีกครั้งก็ได้แล้วทว่าคังจวิ้นอ๋องกลับมีความคิดที่ต่างออกไปแม้ว่าเขาจะเป็นท่านอ๋องจอมเอ้อระเหย แต่เรื่องใหญ่อย่างเซียวจิ่งอี้แต่งพระชายานั้น เขาที่เป็นราชนิกุลย่อมรู้เรื่องแน่นอนกระทั่งคุณงามความดีของพระชายาอ๋องผู้นั้นของเซียวจิ่งอี้ ก็มีคนพูดถึงกันอยู่ไม่น้อยพระชายาอี้อ๋องผู้นั้น มีวิชาแพทย์ติดตัวอยู่บ้างจริง ๆในเมื่อนางกล้าออกปากพูดถึงวิธีผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออก ก็ไม่มีทางเป็นคำพูดเลื่อนเปื้อนที่พูดไปเรื่อยแน่มิเช่นนั้นนางจะรับเพลิงโทสะของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินกับจวนคังจวิ้นอ๋องได้ไหวหรือต่อให้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 362

    ขณะที่ฉู่หมิงกำลังเดินวนไปวนมาด้วยความร้อนรนนั้น พลันได้ยินเสียงประตูเปิดดัง “แอ๊ด”เมื่อเขาเงยหน้ามอง ก็เห็นโอวหยางหมิงเดินออกมาพอดิบพอดีฉู่หมิงรีบก้าวเข้าไปคารวะจากนั้นไม่รั้งรอให้เขาพูดอันใด โอวหยางหมิงก็พูดขึ้นว่า “พอเถิด ไม่ต้องทำพิธีการหยุมหยิมพวกนี้หรอก มิใช่ว่ามาเชิญข้าไปตรวจอาการหรอกหรือ รีบนำข้าไปเถิด” ฉู่หมิงชะงัก ครั้นได้สติก็เข้าใจความหมายในคำพูดนี้ของโอวหยางหมิงว่าเต็มใจไปตรวจอาการให้ จึงดีเนื้อดีใจขึ้นมาในชั่วพริบตาเขารีบเข้าไปประคองโอวหยางหมิงขึ้นรถม้าด้วยตนเอง จากนั้นก็ตรงดิ่งไปยังสกุลฉู่กระทั่งมาถึงสกุลฉู่ จึงเห็นว่าครอบครัวคังจวิ้นอ๋องต่างมากันพร้อมหน้าแล้วทันทีที่เห็นโอวหยางหมิงเข้ามา คังจวิ้นอ๋องและคนอื่น ๆ ล้วนลุกขึ้นยืนกันอย่างพร้อมเพรียง แล้วเดินล้อมเข้ามาหาเขาโอวหยางหมิงประสานมือ “ให้ตาเฒ่าเช่นข้าได้ดูอาการคนป่วยสักหน่อยเถิด”ฉู่หมิงนำทางโอวหยางหมิงไปด้วยตนเองฮูหยินน้อยฉู่กินยาที่อวิ๋นฝูหลิงจัดไว้ให้ แล้วรู้สึกสบายขึ้นมาก ตอนนี้กำลังหลับอยู่โอวหยางหมิงเคลื่อนไหวเบามือ หลังจากตรวจชีพจรให้ถ้วนถี่ดูแล้ว จึงออกจากห้องไปคังจวิ้นอ๋องและคนอื่น ๆ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 361

    ฮูหยินฉู่หวาดหวั่นใจ จนคิดไม่ตกไม่ชั่วขณะแม้อวิ๋นฝูหลิงจะบอกว่าสามารถผ่าเปิดหน้าท้องเพื่อเอาเด็กออก แล้วรักษาชีวิตของมารดากับบุตรไว้ได้ ทว่ามีความมั่นใจเพียงห้าส่วนเท่านั้นนางไม่กล้าเสี่ยงยิ่งไปกว่านั้นเรื่องใหญ่เช่นนี้ มิใช่เรื่องที่นางจะตัดสินใจได้เพียงคนเดียวอวิ๋นฝูหลิงเข้าใจดีว่าผ่าท้องเอาเด็กออกนั้นมิใช่เรื่องเล็ก ๆ สกุลฉู่ย่อมต้องการเวลาเพื่อใคร่ครวญและตัดสินใจนางจึงเขียนเทียบยาแผ่นหนึ่งไว้ให้กินยาตามเทียบยานี้ ยังพอทำให้ฮูหยินฉู่ไม่ต้องกังวลใจไปได้สองวันหลังจากส่งตัวอวิ๋นฝูหลิง ฉู่หมิงจึงปล่อยตัวเหล่าท่านหมอที่ก่อนหน้านี้บ้างก็เชิญมา บ้างก็จับตัวมากลับไปเช่นกันกระทั่งย้อนกลับเข้ามาจึงเห็นฮูหยินฉู่นั่งซึมกะทือไร้สติอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางราวกับถูกดึงวิญญาณออกไปอย่างไรอย่างนั้น ดูเฒ่าชราลงไปมากในชั่วพริบตาเดียวฉู่หมิงก้าวเข้าไปหา “ท่านแม่ มันจะต้องมีสักทางแน่!”“พระชายาอี้อ๋องนั่นต้องกำลังพูดขู่อยู่แน่ ๆ ผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออกอะไรกัน แบบนั้นมิใช่ว่าเป็นการคร่าชีวิตของซินเอ๋อร์ไปหรอกหรือ?”“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าทั่วทั้งแคว้นต้าฉีจะหาท่านหมอที่เก่งกาจวิชาแพทย์กว่านา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 360

    หมอตำแยที่เชิญมามีชื่อเสียงในเมืองหลวงคาดไม่ถึงว่าหลังจากหมอตำแยดูอาการของฮูหยินน้อยฉู่แล้ว จะบอกว่าอาการไม่สู้ดี เกรงว่าคงให้กำเนิดทารกออกมาไม่ได้หลังจากรายงานตามความจริง หมอตำแยก็คืนเงินมัดจำทันที และปฏิเสธที่จะรับงานนี้คราแรกสกุลฉู่ไม่เชื่อ จึงไปหาหมอตำแยคนอื่น ถึงขั้นเชิญหมอมาด้วยหลังจากมาตรวจอาการ ทุกคนก็ต่างบอกว่าอาการไม่สู้ดีวันนี้ฮูหยินน้อยฉู่ยังบังเอิญได้ยินสาวใช้ในจวน พูดว่านางไม่อาจให้กำเนิดลูกได้นี่จึงทำให้น้ำคร่ำของนางแตกสาวใช้ขี้นินทาผู้นั้นเป็นธรรมดาที่จะถูกฮูหยินฉู่จัดการแต่หมอทุกคนที่เชิญมาต่างก็ส่ายศีรษะ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าบอกว่าสามารถปกป้องทั้งแม่และลูกให้ปลอดภัยได้อวิ๋นฝูหลิงเป็นคนแรก ทั้งยังเป็นเพียงคนเดียวที่บอกว่ามีวิธีแม้ฮูหยินฉู่จะถูกคำว่า ‘ผ่าท้องคลอดเด็ก’ สี่พยางค์นี้ทำให้ตกใจ แต่ก็ยังสงบสติอารมณ์ลงได้ และกล่าวยืนยันกับอวิ๋นฝูหลิง“พระชายา การผ่าตัดคลอดเด็กที่ท่านพูดถึง ไม่เพียงแต่รักษาชีวิตเด็กไว้ได้ แต่ยังรักษาชีวิตผู้ใหญ่ไว้ได้ด้วยหรือ?”เห็นอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า นางก็ถามอีกครา “มีโอกาสพลาดหรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงเม้มปาก “ทุกครั้งที

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status