คิณณ์เลือกนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอโดยยืดตัวเอนพิงขอบอ่างในท่าทางสบายๆ แต่ทว่าการมาของเขาทำให้อ่างน้ำที่เคยกว้างพอสำหรับเธอเพียงคนเดียวกลับเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดถนัดตา น้ำในอ่างพลันเอ่อล้นออกมาทันทีที่ร่างกายสูงใหญ่ของชายหนุ่มแทรกตัวลงไป
หญิงสาวนิ่งงันไปชั่วครู่ทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์ล่อแหลมนี้ ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยอย่างลังเล แล้วค่อยๆ หดขาเรียวของตัวเองเข้าหากันพร้อมกับกอดเข่าไว้แน่น ราวกับจะสร้างพื้นที่เล็กๆของตัวเองในอ่างน้ำที่ตอนนี้ดูเล็กลงกว่าเดิม เพื่อเปิดทางให้ชายหนุ่มได้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับร่างกายใหญ่โตของเขามากขึ้น แม้ว่าในความเป็นจริง เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้ต้องการพื้นที่สักเท่าไรก็ตาม ชายหนุ่มเอนตัวอย่างสบายๆ พิงขอบอ่างน้ำ สองแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามวางแขนทอดบนขอบอ่างราวกับสัตว์กางอาณาเขตดึงดูดให้ลัลน์เผลอจ้องมองตาไม่กระพริบ แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจกลับไม่ใช่ท่วงท่าเหล่านั้น หากแต่เป็นสายตาคมดุที่จับจ้องมายังร่างเล็กตรงหน้าสายตาที่หนักแน่นและเร่าร้อน ราวกับนักล่าที่กำลังจดจ้องเหยื่ออันล้ำค่า ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหิวกระหายที่ไม่คิดจะปิดบัง ราวกับเธอเป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องการครอบครองในค่ำคืนนี้ หญิงสาวตัวเกร็งเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากสายตานั้น ความประหม่าแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง ใบหน้าของเธอแดงจัดจนลามไปถึงใบหูเล็ก หญิงสาวยิ่งกอดเข่าตัวเองแน่นขึ้นเพื่อเป็นเกราะป้องกัน แม้ว่าในความเป็นจริง เธอรู้ดีว่ากำแพงเล็กๆ นั้นไม่อาจหยุดความตั้งใจของเขาได้ “พี่จ้องหนูทำไมคะ” ลัลน์รวบรวมความกล้าทำเป็นใจดีสู้เสือถามออกไป “พี่จะมองหน้าเมียตัวเองได้รึไง” เสียงทุ้มติดแหบพร่าเล็กน้อยแต่กลับทำให้ลัลน์รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ทั้งที่น้ำในอ่างยังคงอุ่นกำลังดี หญิงสาวเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอายไม่กล้าสบสายตาที่มองมาอย่างจับจ้อง ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มแน่นพยายามควบคุมตัวเองให้เป็นปกติ แต่ความใกล้ชิดและการสัมผัสที่แผ่วเบาของน้ำกลับยิ่งทำให้ใจเต้นแรงขึ้นทวีคูณ "หนูอาบน้ำเสร็จแล้ว หนูไปก่อนนะคะ" เสียงเธอเบาหวิวและรีบเอ่ยตัดบท ทว่าคำพูดนั้นกลับถูกเขาตัดรอนด้วยรอยยิ้มมุมปากและคำตอบที่ฟังดูเหมือนคำสั่งกลายๆ "พึ่งแช่เองไม่หรือคะ มาอาบเป็นเพื่อนพี่ก่อน" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ ใบหน้าเคลื่อนเข้ามาใกล้จนลัลน์แทบกลั้นหายใจ ลมหายใจร้อนหอบเล็กน้อยของคิณณ์กระทบใบหน้าจนเธอรู้สึกได้อย่างชัดเจน หญิงสาวเบือนหน้าหนีไปทางอื่นทันที แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีความใกล้ชิดนั้นได้ เธอขยับตัวไปชิดขอบอ่างอย่างลนลาน พยายามทิ้งระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ "ไม่เอา หนูหนาว" เสียงปฏิเสธแผ่วเบาราวกระซิบ “น้ำยังอุ่นอยู่เลย เอาอะไรมาหนาวคะ” สิ้นเสียงทุ้มแหบพร่ามือหนาเอื้อมดึงร่างบางเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว รั้งให้หญิงสาวเกยอยู่บนตักแกร่งแนบชิดกันในจังหวะที่แม่นยำจนซอกคอระหงของเธออยู่ตรงหน้าเขาพอดิบพอดี ลัลน์สะดุ้งสุดตัว ใบหน้าแดงซ่านจนแทบจะระเบิดเมื่อสัมผัสได้ถึงความแนบชิดที่ร่างกายเธอถูกโอบกอดไว้แน่นจนทุกสัดส่วนสัมผัสกับชายหนุ่มอย่างชัดเจน โดยเฉพาะสิ่งหนึ่งที่แข็งขืนแต่ทว่าร้อนจัดจนราวกับจะลวกบั้นท้ายเนียนของเธอ "พี่คิณณ์!" เสียงหวานหลุดร้องอย่างตกใจและเขินอายสุดขีด หญิงสาวพยายามดันตัวออกห่าง แต่กลับถูกวงแขนแกร่งรั้งเอวคอดไว้แน่นขึ้นอีก "พี่ขอได้ไหมคะคนดี" เสียงทุ้มต่ำที่กระซิบใกล้ข้างหูของเธอยิ่งทำให้ร่างเล็กสั่นสะท้าน ความร้อนจากลมหายใจของเขาเหมือนจะเผาเธอให้มอดไหม้เป็นจุณ จมูกโด่งโน้มลงสัมผัสกับซอกคอขาวเนียน จังหวะการสูดลมหายใจลึกๆ ของเขาเหมือนกับกำลังดื่มด่ำกลิ่นหอมหวานที่กระตุ้นอารมณ์ในแบบที่เขาไม่อาจหักห้าม ริมฝีปากร้อนจัดสัมผัสไล้ผ่านอย่างแผ่วเบาก่อนจะขบเม้มสร้างรอยตีตราจองไว้จนหญิงสาวสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย “อ๊ะส์ วะ วันอื่นได้ไหมคะ” เสียงหวานสั่นสะท้านเอ่ยออกมาพร้อมกับสายตาเว้าวอนสุดชีวิต ดวงตากลมโตที่ฉ่ำน้ำตาเหมือนลูกกวางน้อยกำลังอ้อนวอนขอชีวิตจากราชสีห์ผู้หิวโหย แต่แทนที่เธอจะได้รับความเมตตา ราชสีห์หนุ่มตรงหน้ากลับกระตุกยิ้มมุมปาก สายตาคมกริบที่มองเธอคล้ายกับกำลังจะกลืนกินเหยื่อตรงหน้า “พี่ไม่ไหวแล้ว” เสียงแหบพร่าที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดังขึ้นพร้อมกับริมฝีปากหนาที่โฉบลงมาประกบกับริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาว ลิ้นร้อนของเขากวาดไล้เข้าครอบครองโพรงปากหวานอย่างเชี่ยวชาญ แทะเล็มและดูดดึงริมฝีปากของเธอราวกับจะสูบวิญญาณจากร่างบางจนหมดสิ้น มือหนายึดสะโพกผายแน่น ไม่ปล่อยให้หญิงสาวมีโอกาสถอยหนี ร่างบางในอ้อมกอดพยายามดิ้นหนีวงแขนของเขาก็ยิ่งกระชับแน่นเหมือนกับเหล็กกล้าที่พันธนาการเธอไว้ แต่ทุกการเคลื่อนไหวกลับยิ่งทำให้บั้นท้ายงามงอนบดเบียดเข้ากับความเป็นชายที่ในตอนนี้พองขยายพร้อมสู้ศึก จนคิณณ์ต้องขบกรามแน่นเมื่อต้องอดทนไม่ให้เหยื่อของเขาตื่นตกใจเกินไป ฝ่ามืออีกข้างไม่น้อยหน้า เคล้นคลึงปทุมถันอวบใหญ่กอบกุมจนล้นฝ่ามือ ท้องนิ้วสากสะกิดยอดถันจนแข็งเป็นไตสู้มือเขา ชายหนุ่มผละหน้าออกมาจากริมฝีปากหวานฉ่ำอย่างแสนเสียดาย ใบหน้าหล่อเหลาขบเม้มไล่ลงบนซอกคอขาวของเธออีกครั้งอย่างปลุกเร้า ลิ้นร้อนลากเลียทำให้สาวน้อยสะดุ้งทุกครั้ง ลิ้นร้อนของคิณณ์หยุดลงบนเต้างามที่ยอดอกสีหวานอมสีน้ำตาลชูช่อล่อภมรอย่างเขาให้ดอมดม ยิ่งคนตัวเล็กหอบสะท้านหน้าอกขยับไปตามแรงสะอื้นของเธอทำให้เขาไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป ริมฝีปากหยักครอบลงบนเต้าอวบดูดดึงหยอกล้อปลายถัน ใบหน้าคมคายซุกหน้าเข้าหาเต้านมขาวอย่างหิวกระหาย จ๊วบๆๆๆ “อ๊าส์ พี่คิณณ์เบาหน่อยค่ะ” ลัลน์พยายามพูดทั้งที่หายใจหอบถี่ ร่างกายร้อนวูบวาบอ่อนระทวยสิ้นเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านคนตัวโต ทำได้เพียงประเคนอกอวบของตนเข้าปากหนาให้ลิ้มรสได้อย่างถนัดเพียงเท่านั้น ดวงตากลมโตฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาจากความเสียวซ่านที่คิณณ์ปลุกเร้า สองมือขยุ้มผมหนาระบายอารมณ์ เสียงหวานร้องครวญคราง ใบหน้าหวานเชิดขึ้นจนผมยาวสลวยระน้ำเปียกชุ่ม เสียงร้องของหญิงสาวยิ่งเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองเพลิงราคะให้โหมกระหน่ำยิ่งกว่าเดิม คิณณ์ไม่อาจทานทนต่อแรงเสน่หาได้อีกต่อไป ฝ่ามือหนาเลื่อนโอบเอวคอดหญิงสาวยกตัวลัลน์ขึ้นพร้อมจับลำรักใหญ่โตของตนที่ในตอนนี้พองขยายประกาศศักดาตั้งลำถูไถกลีบกุหลาบงามอวบอิ่มที่ยังคงแดงระเรื่อจากบทรักร้อนแรงเมื่อคืน ก่อนที่ชายหนุ่มจะกดรั้งสะโพกหญิงสาวลงมาสอดใส่ลำเอ็นยักษ์เข้าโพรงสวาท สวบ! “อ๊าาาาาาาาาาส์” ลัลน์กรีดร้องเสียงหลงเมื่อชายหนุ่มกระแทกเข้ามาโดยเธอยังไม่ทันตั้งตัวชนปากมดลูกอย่างจัง หญิงสาวผวาโอบลำคอหนาเล็บจิกเข้าเนื้อกลางหลังแกร่งกล้ามเป็นมัดจนเลือดซิบ “ซี๊ดด” คิณณ์สูดปากคำรามอยู่ในลำคอเมื่อช่องแคบคับแน่นบีบรัดลำลึงค์ของเขาจนไม่อาจขยับได้ เขาเกือบล่มปากอ่าวจากการบีบรัดท่อนเอ็นร้อนยิ่งผงาดขยายคับแน่นภายในโพรงสาว เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างและดูเหมือนว่าเลือดจะขึ้นหน้าเป็นพิเศษ ชายหนุ่มขบกรามแน่นกัดฟันโยกสะโพกสอบเข้าออกอย่างรัวเร็ว ถึงแม้จะฟืดเคืองบ้างก็ไม่เป็นอุปสรรคเมื่อตัณหาเข้าครอบงำความรู้สึกนึกคิด “อ๊ะส์ๆ หนูจุก อ๊าาาส์” คิณณ์ขยับเข้าออกดอกไม้งามได้สักพักน้ำหล่อลื่นภายในโพรงสวาทอาบเคลือบแก่นกายใหญ่โตยิ่งทำให้ชายหนุ่มเข้าออกได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงต้องออกแรงโถมใส่ดอกไม้งามมากกว่าปกติเนื่องจากแรงต้านจากน้ำในอ่างช่วยบรรเทาแรงกระแทกของเขา จ๊วบๆๆ ปากหนาประกบจูบดูดเสียงกรีดร้องของเธอจนหน้าแดงเมื่อไม่อาจระบายความเสียวซ่านนี้ไปได้ ลิ้นร้อนกวาดเลียน้ำลายตัวเล็กพลางตวัดรัดรึงลิ้นน้อยราวกับงูรัดเหยื่อสลับกับดูดลิ้นกันไปมา ทั้งสองโรมรันแลกจูบกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ส่วนล่างก็ไม่น้อยหน้ายังคงโหมกระแทกกลีบกุหลาบอวบแดงก่ำปลิ้นเข้าออกตามแรงกระแทกที่สวนขึ้นมา “ฮึมม เมียอย่ารัดพี่แน่น”แรงกระแทกจากเพลิงพิศวาสทำให้น้ำกระฉอกจนเหลือเพียงครึ่งเดียว ทำให้คิณณ์ส่งแรงกระแทกอย่างหนักหน่วงได้มากยิ่งขึ้น ความคับแน่นภายในบีบรัดส่วนปลายหัวเขาแน่น แรงดึงดูดภายในมีมากเสียจนชายหนุ่มขยับลำเอ็นออกอย่างยากลำบาก แต่ร่างกำยำยังคงโหมกระหน่ำใส่เต็มเหนี่ยวจนหญิงสาวคลอนไปทั้งร่างจนไม่อาจทรงตัวได้ ลัลน์แทบสิ้นสติกับบทรักร้อนแรงของเขา ผิวขาวนวลผ่องตอนนี้แดงเถือกไปทั่วร่างบาง สติถูกกลืนหายไปกับความปรารถนาอันเร่าร้อน หัวสมองขาวโพลน ดวงตาฉ่ำหวานปรือตามองสายตาคมที่จับจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว แววตาหญิงสาวหวามไหวไปตามอารมณ์กำหนัด ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างเสียวซ่าน ทำเอาชายหนุ่มสติเตลิดกับภาพเย้ายวนตรงหน้าเสยกระแทกแก่นกายอย่างหน้ามืดตามัวตามอารมณ์ที่พุ่งทะยาน “อ๊ายส์ พี่คิณณ์เบาๆ อ๊าส์” ร่างบางสะบัดผมซึ่งปกคลุมตามตัวทำให้รู้สึกคันยุบยิบเมื่อเส้นผมถูไถไปตามตัว กายสาวเครียดเกร็งตอดรัดความใหญ่โตที่โจนจ้วงอยู่ในโพรงดอกไม้ถี่ยิบเป็นสัญญาณว่าหญิงสาวใกล้จะถึงปลายทาง แต่แล้วชายหนุ่มหยุดกระแทกสะโพกสอบค้างนิ่งไม่ขยับ ทำให้หญิงสาวที่ใกล้จะถึงสวรรค์แล้วนั้นถึงกับอารมณ์ค้างเมื่อถูกฉุดให้ลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว เพี๊ยะ! “พี่คิณณ์หยุดทำไมคะ!” ใบหน้าหวานหงิกงอเมื่อถูกขัดใจ ฝ่ามือตีเข้าแผงอกกว้างสีน้ำผึ้งอย่างระบายอารมณ์ มันใช่เวลาแกล้งเธอไหม อีกนิดเดียวเธอก็จะเสร็จสมแล้วด้วยซ้ำแต่เขากลับหยุดไม่ทำเสียนี่ คิณณ์มองดวงหน้าหวานที่ตอนนี้ตวัดสายตาจ้องมองราวจะกินเลือดกินเนื้อจนชายหนุ่มขำอยู่ในลำคอด้วยความพอใจที่ได้แกล้งคนตัวเล็ก เขาอยากให้เธออ้อนวอนเขา อยากให้เธอเป็นนางแมวยั่วสวาทที่ร่ำร้องขอให้เขาปรนเปรอเธอ แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะคิดผิดถนัดเมื่อคนน้องกลับดันตัวลุกหนีออกจากตัวเขา! “หนูจะไปไหนคะ ยังไม่เสร็จเลย” วงแขนรวบเอวคอดดึงกลับเข้ามาหาตัวเขา ภายในยังคงสอดประสานกันเช่นเดิม แรงดึงนั้นทำเอาหญิงสาวสั่นสะท้านเมื่อลำรักของเขากระแทกเข้ามา จนใบหน้าหวานบิดเบี้ยวกับความเสียวซ่าน “หมดอารมณ์แล้วค่ะ” ลัลน์สะบัดหน้าหนีคนแก่กว่า ไม่อยากมองหน้าคนบ้าที่ชอบแกล้งเธอไม่รู้จักเวล่ำเวลา “โอ๋ๆ หยอกเล่นนิดเดียวเองค่ะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือความอ่อนโยน ฝ่ามือหนาใหญ่เลื่อนมาวางบนศีรษะของเธอ ลูบไล้เบาๆ ราวกับปลอบประโลมเด็กสาวที่เขาเผลอแกล้งแรงเกินไป พลางโน้มกายเข้ามาใกล้ดึงตัวหญิงสาวเข้ามาในอ้อมกอดอุ่นแน่น “ไม่เอาแล้วเอาอ๊ะ..” เสียงหวานต้องสะดุดเมื่อชายหนุ่มขยับแก่นกายภายใน มือหนาลูบไล้กายสาวอย่างปลุกเร้าอารมณ์สวาทของหญิงสาวใหม่ก่อนจะกระซิบข้างหูหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ถ้าหนูอยาก หนูควบมันเลยค่ะ”“ถ้าหนูอยาก หนูควบมันเลยค่ะ”สิ้นเสียงทุ้มต่ำที่กระซิบข้างหู ความนุ่มนวลของคำพูดเขาเหมือนสายลมที่พัดผ่าน แต่กลับทิ้งร่องรอยไว้ให้หัวใจเต้นระรัว คำพูดของเขายังคงดังกึกก้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวลัลน์ไม่หยุดราวกับต้องการย้ำเตือนถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ดวงหน้าหวานขมวดคิ้วเป็นปมอย่างฉงนใจว่าคนรักต้องการจะสื่ออะไร ก่อนที่ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อสมองเริ่มประมวลผลช้าๆ จนเข้าใจความหมายของคำพูดเขาได้ในที่สุด ใบหน้าสวยหวานที่ปกติขาวใสเริ่มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อร้อนผ่าว แผ่ซ่านไปจนถึงใบหู“หืมม ว่าไงคะไม่อยากลองหรือคะ” เสียงทุ้มต่ำกระซิบชิดใบหู พร้อมกับลมหายใจร้อนที่ปัดผ่านแก้มเธอเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลายังคงคลอเคลีย สูดดมกลิ่นหอมกรุ่นจากกายสาวที่ทำให้เขาเหมือนถูกมนตร์สะกดทุกครั้งที่ได้กลิ่น“หนูทำไม่เป็น” ลัลน์ตัวแข็งทื่อ สติที่พยายามรวบรวมเหมือนกำลังละลายหายไปกับความใกล้ชิด เสียงของเธอสั่นไหวและแผ่วเบาจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์“แค่หนูโยกเอวเหมือนหนูเต้นเอง” ใบหน้าคมคายผละออกมาเล็กน้อยเพียงเพื่อจับจ้องใบหน้าหญิงสาวที่บิดเบี้ยวเพราะแรงเสียวซ่าน เมื่อเขาแกล้งขยับสะโพกกระตุ้นความรู้สึกของเธอ“อ๊ะ
ท่ามกลางร่มไม้เขียวขจีข้างริมสระน้ำ ใต้ร่มไม้มีหญิงสาวร่างท้วมคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาตัวโคร่งใส่กระโปรงพลีทยาวคลุมข้อเท้า ดวงตาภายใต้กรอบแว่นหนากำลังสอดส่องเหมือนหาใครอยู่ “ลัลน์จ๋าาา ฉันมาแล้วขอโทษนะที่มาช้าพอดีว่าติดธุระ ขอโทษที่ทำให้แกรอนานนะ” สาวเจ้าร่างบางหน้าตาคมสวย ใส่ชุดนักศึกษาวิ่งกระหืดกระหอบพลางตะโกนเรียกหาเพื่อนรักซึ่งกำลังนั่งรออยู่ “หนูนานี่นะตลอดเลย น่าน้อยใจชะมัด” “โอ๋ๆๆๆ ไม่โกรธนะจ๊ะลัลน์จ๋า ทำแก้มป่องๆแบบนี้เดี๋ยวพี่มาร์คจะไม่รักนะ” หนูนากล่าวไปพลางหยิกแก้มลัลน์ไปด้วยความเอ็นดู “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่มาร์คเขาเล่า” ลัลน์ว่าพลางหน้าแดงขวยเขินเมื่อหนูนาเอ่ยถึงแฟนหนุ่มของตน “แหมๆๆ อิจฉาคนรักกันหวานชื่นเนอะ เมื่อไหร่ฟ้าจะส่งผู้ชายหน้าตาดีแบบพี่มาร์คมาให้ฉันซักคนบ้าง” “ไม่ต้องมาทำแซวเลยมาคุยธุระของเรากันดีกว่า เราไปติดต่อกับทางคณะเรื่องฝึกงานแล้ว เห็นว่าให้ส่งเอกสารฝึกงานภายในอาทิตย์หน้า ว่าแต่หนูนาจะไปฝึกสำนักงานอัยการจังหวัดจริงใช่ไหม แกไม่คิดเปลี่ยนใจไปสำนักงานทนายความกั
เมื่อหญิงสาวมาถึงหน้าห้องแฟนหนุ่มแล้วจึงกดรหัสเข้าห้องไปในห้อง แต่เมื่อลัลน์เปิดประตูห้องเข้าไปกลับเจอรองเท้าส้นสูงสีแดงของผู้หญิงวางระเกะระกะ เมื่อไล่สายตาไปตามทางเดินกลับมีเสื้อผ้าชายหญิงที่ถอดทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี เสียงเนื้อกระทบเนื้อปนกับเสียงครางของชายหญิงดังลั่นห้อง หญิงสาวกลั้นใจเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อให้เห็นถึงความจริง“อ๊าส์ อ๊าส์ อื้อออ มาร์คขาา อ๊ะส์ ญดาเสียวจังเลย อ๊าส์ๆๆ”พลั่บๆๆๆๆๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง“ฮึม ซี๊ดดด ตอดอีกดา อืมม แม่งเอามันชิบ”หญิงสาวผมยาวสีทองกำลังขึ้นขี่ขย่มมาร์คอย่างเมามัน ชายหนุ่มครางในลำคอยึดสะโพกญดาแทงเอ็นตอกสวนร่องฉ่ำ ปากจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มโดยไม่รู้เลยว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังรับชมหนังสดนี้อยู่“พะ พะ พี่มาร์คคะ” ลัลน์เรียกมาร์คด้วยเสียงอันสั่นเครือ น้ำตาไหลเต็มนองหน้าสาว ทำให้กิจกรรมเข้าจังหวะระหว่างมาร์คกับญดาพลันชะงักลง“ว้ายยย นังบ้าแกเข้ามาในห้องของคนอื่นได้ยังไง ไม่มีมารยาท!!!” ญดากรีดร้องเสียงดัง มือขาวควานหาผ้ามาคลุมร่างกายขาวผ่องไว้“ละ ลัลน์ ” ชายผู้ก่อเรื่องสร้างปัญหาเรียกแฟนสาวของตนเสียงค่อย พลางอ้ำอึ้งน้ำล
ภายในห้องพักผู้พิพากษามีเพียงชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ร่างกายหนากำยำภายใต้เชิ้ตสีขาวนั่งอ่านสำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนอยู่บนโต๊ะอยู่ในห้องเพียงลำพัง เมื่อมีเสียงประตูห้องเปิดเข้ามาชายหนุ่มจึงเงยหน้าจากเอกสาร มองชายอายุอานามประมาณสี่สิบกว่าสวมชุดครุยผู้พิพากษาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักแล้วจึงเดินไปนั่งยังโต๊ะทำงานของตน “พี่บอกหลายครั้งแล้วนะคิณณ์ ไอ้อาการเย็นชาไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเนี่ยให้ลดๆ ซะบ้าง ทุกวันนี้นอกจากพี่แล้วก็ไม่มีใครกล้าคบค้าสมาคมกับแกแล้วนะ เป็นแบบนี้การทำงานมันจะลำบากเอานะ” ณรงค์ผู้พิพากษาซึ่งเป็นทั้งพี่เลี้ยงและผู้พิพากษาบัลลังก์เดียวกับคิณณ์บ่นกับพฤติกรรมของชายหนุ่มที่ไม่เคยจะสนใจอะไร แต่ก็นับว่าดีขึ้นกว่าห้าปีที่แล้วนักที่เขายอมลดความเย็นชาลงและยอมพูดจากับคนแปลกหน้าบ้าง ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงไม่มีผู้พิพากษาที่ชื่อคิณณ์ณภัทรมานั่งพิจารณาคดีร่วมกับเขาได้!!!“ผมว่าผมพูดไปมากแล้วนะครับพี่ณรงค์” กล่าวจบก็ก้มหน้าเซ็นเอกสารของตนปล่อยให้คนพูดโมโหอยู่คนเดียว“เออ!!! ใช่ที่นายพูดมากขึ้นน่ะนายพูดถูก แต่ไอ้อาการเย็นชาทำตัวน่ากลัวเมื่อไหร่จะปรับลดให้เป็
ภายในห้องพักผู้พิพากษามีเพียงชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ร่างกายหนากำยำภายใต้เชิ้ตสีขาวนั่งอ่านสำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนอยู่บนโต๊ะอยู่ในห้องเพียงลำพัง เมื่อมีเสียงประตูห้องเปิดเข้ามาชายหนุ่มจึงเงยหน้าจากเอกสาร มองชายอายุอานามประมาณสี่สิบกว่าสวมชุดครุยผู้พิพากษาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักแล้วจึงเดินไปนั่งยังโต๊ะทำงานของตน “พี่บอกหลายครั้งแล้วนะคิณณ์ ไอ้อาการเย็นชาไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเนี่ยให้ลดๆ ซะบ้าง ทุกวันนี้นอกจากพี่แล้วก็ไม่มีใครกล้าคบค้าสมาคมกับแกแล้วนะ เป็นแบบนี้การทำงานมันจะลำบากเอานะ” ณรงค์ผู้พิพากษาซึ่งเป็นทั้งพี่เลี้ยงและผู้พิพากษาบัลลังก์เดียวกับคิณณ์บ่นกับพฤติกรรมของชายหนุ่มที่ไม่เคยจะสนใจอะไร แต่ก็นับว่าดีขึ้นกว่าห้าปีที่แล้วนักที่เขายอมลดความเย็นชาลงและยอมพูดจากับคนแปลกหน้าบ้าง ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงไม่มีผู้พิพากษาที่ชื่อคิณณ์ณภัทรมานั่งพิจารณาคดีร่วมกับเขาได้!!!“ผมว่าผมพูดไปมากแล้วนะครับพี่ณรงค์” กล่าวจบก็ก้มหน้าเซ็นเอกสารของตนปล่อยให้คนพูดโมโหอยู่คนเดียว“เออ!!! ใช่ที่นายพูดมากขึ้นน่ะนายพูดถูก แต่ไอ้อาการเย็นชาทำตัวน่ากลัวเมื่อไหร่จะปรับลดให้เป็
ภายใต้แสงอาทิตย์สีส้มยามพระอาทิตย์อัสดง หญิงสาวผิวขาว ใบหน้าซูบตอบ ดวงตากลมโตยังคงบวมช้ำถึงแม้เวลาจะผ่านมาได้เดือนหนึ่งแล้วก็ตาม เธอก็ยังคงเสียใจกับการโดนทิ้งนั้นอยู่ ลัลน์ซึ่งนอนพักอยู่ในคอนโดของหนูนา สายตาเหม่อยลอยออกไปยังหน้าต่าง จ้องมองแสงอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้าเห็นเพียงแต่แสงสีส้มด้วยจิตใจเศร้าหมอง เมื่อไหร่กันนะที่เธอจะลืมความรักครั้งนี้ได้คิดแล้วน้ำตาก็เอ่อรื้นที่ขอบตา ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูห้องพลันดึงสติหญิงสาวให้อยู่กับความเป็นจริง แล้วเปล่งเสียงดังเล็กน้อยบอกเพื่อนเธอให้เปิดประตูเข้ามาได้ “ลัลน์จ๋า คืนนี้ไปเปิดหูเปิดตากันหน่อยไหม เขาว่าอกหักต้องใช้เหล้าย้อมใจนะ” หนูนาวิ่งถลามาที่เตียง แล้วเอ่ยปากชวนเพื่อนไปเที่ยวอย่างออดอ้อนพร้อมกับเอาหน้าถือแขนลัลน์พลางทำตาปริบๆ ให้เพื่อนเอ็นดู “พาเพื่อนไปย้อมใจหรืออยากไปเที่ยวเองคะ” ลัลน์พูดดักคอหนูนาอย่างรู้ทัน “ก็แหมม อยากไปเที่ยวด้วยแล้วก็อยากพาลัลน์ไปด้วย นะๆลัลน์นะ ไปด้วยกันนะๆๆ” หนูนาทำหน้าตาอ้อนเพื่อนอย่างสุดฤทธิ์หวังว่าเพื่อนจะใจอ่อนยอมไปเที่ยวกับเธอ ที่ชวนลัลน์ไปนั้นเธอก็ไม่ได้หวังให้เพื่อนเธอเมาหัวราน้ำหรือได้ผู้ชายกลับมาหรอ
ท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม หญิงสาวร่างกายอ่อนระทวยเคลิบเคลิ้มไปกับจูบแสนหวานที่ชายหนุ่มเป็นคนชักจูง ลัลน์จูบตอบชายหนุ่มอย่างเงอะงะไม่ประสีประสาแต่กลับเป็นฉนวนปลุกเร้าอารมณ์คิณณ์ได้เป็นอย่างดี ร่างกายสาวสั่นสะท้านแขนแกร่งจึงโอบรอบเอวพลางบีบขยำสะโพกประคองไม่ให้ล้มลง มือหนาขยำหน้าอกที่ใหญ่เกินตัวของลัลน์ชายหนุ่มยังคงตักตวงความหวานจากปากหญิงสาว ร่างบางในอ้อมแขนของคิณณ์ไม่อาจปรับลมหายใจให้ทันกับจุมพิตที่ดูดดื่มราวกับดูดชีวิตของตนไปด้วย หญิงสาวจึงส่งเสียงร้องคราง ทุบอกของชายหนุ่มให้ถอนจูบออกไปเสียที“ต่อไหม?” คิณณ์ถามหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังหอบสูดอากาศหายใจเข้าปอดอย่างเอ็นดู แต่ทว่าชายหนุ่มไม่รอฟังคำตอบของเธอดันร่างหญิงสาวให้เข้าไปในห้องน้ำแล้วล็อกประตูก่อนที่จะตะโบมจูบเธออีกครั้งชายหนุ่มดันร่างลัลน์ชิดกำแพงแล้วสอดลิ้นร้อนเข้ามาสำรวจภายในโพรงปากหวานอีกครั้ง จูบครั้งนี้ร้อนแรงกว่าในตอนแรก ลิ้นหนาสอดเข้ามาในปากลากเลียสำรวจทั่วปากสาว ดูดดุนลิ้นเล็กอย่างแนบแน่นสลับกับการดูดขบริมฝีปาก มือข้างหนึ่งคิณณ์เลื่อนมาปลดสายชุดเดรสที่คล้องคอลัลน์อย่างง่ายดาย ถลกชุดเดรสลงให้กองใต้ราวนม
เสียงสบถของคิณณ์ทำให้หญิงสาวได้สติออกจากภวังค์อันแสนวาบหวาม ผลักชายหนุ่มออกห่างให้พ้นตัว อีกนิดเดียวเธอเกือบมีความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าสะแล้ว ดวงตากลมโตเบิกถลนเมื่อเห็นลำเอ็นเขื่องขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนว่าจะใหญ่กว่าข้อมือเสียอีก เขาเป็นลูกครึ่งรึยังไงตรงนั้นถึงได้ใหญ่โตขนาดนี้!!!หญิงสาวพลันเห่อร้อนใบหน้าเมื่อเห็นของสงวนของเขาเต็มตา รีบหันหลังจัดการตนเองให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย เมื่อลัลน์หันไปแล้วพบว่าชายหนุ่มได้ยัดเก็บเจ้านั่นแล้ว แต่ทว่าตรงเป้ากางเกงแสล็คนั้นยังคงนูนเด่นชัดอยู่"เอ่อ ขะ ขอโทษด้วยนะคะ จบเรื่องกันเพียงเท่านี้แล้วต่างคนต่างแยกย้ายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะคะ" ก้มหน้าหงุดอย่างสำนึกผิดต่อชายหนุ่มตรงหน้าที่เธอไปลวนลามเขาก่อน รีบจ้ำอ้าวเดินออกไปจากห้องน้ำหลีกหนีให้พ้นสถานการณ์น่าอึดอัดนี้"เดี๋ยว" เสียงเย็นเยียบของชายหนุ่มต่างจากเสียงตอนเขากระเซ้าเย้าแหย่เธอที่ดูจะร้อนแรงอบอุ่นราวกับเปลี่ยนไปคนละคน คิณณ์คว้าข้อมือลัลน์ไว้ คิ้วหนาขมวดเป็นปม สายตาคมกริบจ้องมองดวงหน้าหวานซึ้งอย่างจับผิด"ถะ ถือว่าให้มันจบตรงนี้จะดีกว่านะคะ ถ้าคุณไม่ยินยอมหนูคงได้แต่แจ้งความเอาผิดกับคุณ" เมื่อเ
“ถ้าหนูอยาก หนูควบมันเลยค่ะ”สิ้นเสียงทุ้มต่ำที่กระซิบข้างหู ความนุ่มนวลของคำพูดเขาเหมือนสายลมที่พัดผ่าน แต่กลับทิ้งร่องรอยไว้ให้หัวใจเต้นระรัว คำพูดของเขายังคงดังกึกก้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวลัลน์ไม่หยุดราวกับต้องการย้ำเตือนถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ดวงหน้าหวานขมวดคิ้วเป็นปมอย่างฉงนใจว่าคนรักต้องการจะสื่ออะไร ก่อนที่ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อสมองเริ่มประมวลผลช้าๆ จนเข้าใจความหมายของคำพูดเขาได้ในที่สุด ใบหน้าสวยหวานที่ปกติขาวใสเริ่มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อร้อนผ่าว แผ่ซ่านไปจนถึงใบหู“หืมม ว่าไงคะไม่อยากลองหรือคะ” เสียงทุ้มต่ำกระซิบชิดใบหู พร้อมกับลมหายใจร้อนที่ปัดผ่านแก้มเธอเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลายังคงคลอเคลีย สูดดมกลิ่นหอมกรุ่นจากกายสาวที่ทำให้เขาเหมือนถูกมนตร์สะกดทุกครั้งที่ได้กลิ่น“หนูทำไม่เป็น” ลัลน์ตัวแข็งทื่อ สติที่พยายามรวบรวมเหมือนกำลังละลายหายไปกับความใกล้ชิด เสียงของเธอสั่นไหวและแผ่วเบาจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์“แค่หนูโยกเอวเหมือนหนูเต้นเอง” ใบหน้าคมคายผละออกมาเล็กน้อยเพียงเพื่อจับจ้องใบหน้าหญิงสาวที่บิดเบี้ยวเพราะแรงเสียวซ่าน เมื่อเขาแกล้งขยับสะโพกกระตุ้นความรู้สึกของเธอ“อ๊ะ
คิณณ์เลือกนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอโดยยืดตัวเอนพิงขอบอ่างในท่าทางสบายๆ แต่ทว่าการมาของเขาทำให้อ่างน้ำที่เคยกว้างพอสำหรับเธอเพียงคนเดียวกลับเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดถนัดตา น้ำในอ่างพลันเอ่อล้นออกมาทันทีที่ร่างกายสูงใหญ่ของชายหนุ่มแทรกตัวลงไป หญิงสาวนิ่งงันไปชั่วครู่ทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์ล่อแหลมนี้ ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยอย่างลังเล แล้วค่อยๆ หดขาเรียวของตัวเองเข้าหากันพร้อมกับกอดเข่าไว้แน่น ราวกับจะสร้างพื้นที่เล็กๆของตัวเองในอ่างน้ำที่ตอนนี้ดูเล็กลงกว่าเดิม เพื่อเปิดทางให้ชายหนุ่มได้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับร่างกายใหญ่โตของเขามากขึ้น แม้ว่าในความเป็นจริง เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้ต้องการพื้นที่สักเท่าไรก็ตามชายหนุ่มเอนตัวอย่างสบายๆ พิงขอบอ่างน้ำ สองแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามวางแขนทอดบนขอบอ่างราวกับสัตว์กางอาณาเขตดึงดูดให้ลัลน์เผลอจ้องมองตาไม่กระพริบ แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจกลับไม่ใช่ท่วงท่าเหล่านั้น หากแต่เป็นสายตาคมดุที่จับจ้องมายังร่างเล็กตรงหน้าสายตาที่หนักแน่นและเร่าร้อน ราวกับนักล่าที่กำลังจดจ้องเหยื่ออันล้ำค่า ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหิวกระหายที่ไม่คิดจะปิดบัง ราวกับเธอเป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องก
ภายใต้แสงไฟสีวอร์มโทนที่ช่วยเติมเต็มความอบอุ่นให้ห้องอาหารที่ยังคงตกแต่งด้วยโทนสีดำซึ่งยังคงเอกลักษณ์ความเย็นชาของคิณณ์ ห้องที่ควรให้บรรยากาศอึมครึมแต่กลับสัมผัสไม่ได้ถึงถึงมืดมนเลยสักนิด กลับกันแล้วอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและกลิ่นอายแห่งความรักที่แผ่ซ่านจากคนทั้งสองบนโต๊ะอาหารที่ถูกจัดเตรียมอย่างเรียบร้อย มีต้มยำทะเลร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ผัดสายบัวที่ดูสดใหม่ ปลาทอดกรอบสีเหลืองทอง แต่อาหารแทบทั้งหมดบนโต๊ะนั้นยังคงวางอยู่อย่างไม่พร่องไปสักนิด เหตุเพราะหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าเขานี้ตักเพียงข้าวต้มถ้วยเล็กที่เขาสั่งเพิ่มมาใหม่เข้าปากเท่านั้น“สั่งมาเยอะแบบนี้พี่จะกินหมดเองหรือเปล่าคะ” หญิงสาวอดจะเย้าแหย่คนตรงหน้ามิได้ เมื่อเห็นอาหารที่ชายหนุ่มตั้งใจสั่งมให้เธอแต่กลับลืมไปเสียว่าเธอนั้นเจ็บกรามจนไม่สามารถทานของต้องใช้กำลังในการขบเคี้ยวได้“พี่ขอโทษค่ะ ตัวเล็กจะอิ่มไหมกินแต่ข้าวต้ม” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างรู้สึกผิดเมื่อคนรักไม่อาจทานของชอบได้“อิ่มสิคะข้าวต้มเยอะขนาดนี้ หนูทายไม่หมดหรอกค่ะ” ถึงแม้ว่าในใจลึกๆ จะอยากลองชิมอาหารอย่างอื่นบ้าง เพราะอาหารที่เรียงรายตรงหน้าล้วนเป็นของโปรดของเธอทั้งสิ้
ชายหนุ่มเหลือบมองเห็นปลายสายวางโทรศัพท์คนตัวเล็กของเขากลับนิ่งเงียบทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยิ่งสายตากลมโตของเธอเหม่อลอยไปตามท้องถนนฉายชัดถึงความกังวลใจจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้“มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือรู้สึกไม่ดีที่ผิดนัดกับเพื่อน” คิณณ์เอ่ยปากถามไถ่หญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เสียงของหนูนาดูไม่ค่อยดีเลยค่ะ ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไร” น้ำเสียงของเธอแฝงความกังวลอย่างปิดไม่มิด ถึงแม้หนูนาจะพยายามปกปิดอย่างไรคนเป็นเพื่อนแบบเธอก็อดกังวลไม่ได้จริงๆ“หนูโทรหาเพื่อนไปคุยให้เคลียร์ดีไหมคะ” ตาคมเหลือบมองหญิงสาวข้างกายพร้อมเอ่ยให้คำแนะนำ ก่อนละสายตากลับมาที่ถนน“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ให้หนูนาอยู่กับตัวเองไปก่อนถ้ายังไม่ดีขึ้นไว้หนูจะไปนอนกับหนูนา” “หนูถามพี่รึยังคะ ว่าพี่จะให้ไปไหม” คนแก่กว่ายกยิ้มมุมปาก ประคองพวงมาลัยขับรถอย่างใจเย็น ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งหยอกล้อ“เราเป็นอะไรกันคะถึงต้องขออนุญาตพี่” คนตัวเล็กเอียงคอมองคนตัวโต ตาเปล่งประกายอย่างหยอกเย้าคนข้างกายถึงแม้ในใจจะรู้คำตอบของคำถามแล้วก็ตาม“เป็นเมียพี่ไงคะ” ไม่ว่าเปล่าดึงมือเรียวมากุมไว้ก่อนจะจุมพิตหลังมือขาวนวลเนียน แววตาคมส่งสายตาหาเด็กน้อย
ภายในห้องทำงานสีขาวสว่างเจิดจ้าทั่วห้องแตกต่างจากภายนอกที่พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไปอย่างรวดเร็วถึงแม้เพิ่งจะเป็นเวลา 17 นาฬิกาก็ตาม เสียงลมของเครื่องปรับอากาศดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอท่ามกลางความเงียบ ถึงแม้บรรยากาศภายนอกจะเริ่มเย็นแล้วก็ตามแต่ภายในห้องยงคงเปิดแอร์เย็นฉ่ำ เจษฎายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องเงียบสงบ คล้อยหลังจากคิณณ์และลัลน์เดินจูงมือกันออกไปทุกคนต่างเลิกงานกลับบ้านกันไปด้วย เหลือเพียงแต่เขาที่ยังคงนั่งจัดการเอกสารคนเดียว ชายหนุ่มคนเดียวในห้องถอดถอนหายใจเบา ๆก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ใบหน้าคมคายทว่าหล่อเหลาอย่างสุภาพคนละสไตล์กับคิณณ์ละสายตาจากกองเอกสารตรงหน้าแล้วจะเงยหน้ามองเพดานพลางปล่อยความคิดล่องลอยออกไป มือซ้ายเอื้อมหยิบแก้วกาแฟที่บัดนี้เหลือเพียงก้นแก้วขึ้นมาแต่ต้องพบว่ากาแฟนั้นเย็นชืดเสียสนิทจนเขาไม่อาจดื่มได้เสียแล้วดวงตาคมเหลือบมองโทรศัพท์บนโต๊ะที่ไม่มีแม้แต่ข้อความหรือสายเรียกเข้าจากใคร ริมฝีปากหยักหนาคลี่ยิ้มจาง ๆ ด้วยความเหนื่อยล้า วันนี้เขารู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษความเหนื่อยล้าที่สะสมมาดูเหมือนจะรุมเร้าแสดงอาการในวันนี้แต่ไม่เท่ากับความเจ็บปวดในใจที่แล่น
เมื่อมาถึงสำนักงาน เจษฎาและลัลน์ช่วยกันหิ้วทลายมะพร้าวที่ได้มาเป็นของฝากจากลูกความซึ่งเต็มท้ายรถเข้าไปในออฟฟิศอย่างทุลักทุเล ทลายหนึ่งน้ำหนักไม่ใช่น้อยสุดท้ายเจษฎาต้องเป็นคนแบกขึ้นห้องมาแต่เพียงฝ่ายเดียว“วันนี้สำนักงานเราแจกมะพร้าวกันหรือคะพี่เจษ?” เสียงเนตรนภาแซวพลางหัวเราะเมื่อเห็นเจ้าของสำนักงานขนมะพร้าวมาหลายลูก“ของฝากจากลูกความครับ ช่วยนำกลับบ้านไปรับประทานตอบแทนที่ผมคนนี้ต้องไปลำบากแลกด้วยหยาดเหงื่อของผมมา” เจษฎาเอ่ยอย่างหยอกเย้าตาเปล่งประกายอย่างคนเจ้าเล่ห์“แหมๆ พูดเหมือนตัวเองไปปลูกไปสอยมางั้นแหละ” กุลธิดาอดถากถางหนุ่มรุ่นน้องที่เสนอขายอย่างเกินหน้าเกินตาราวกับเป็นมะพร้าวในสวนตัวเองอย่างไรอย่างนั้น ทุกวันนี้เห็นกะล่อนเสนอขายตัวเองไม่ว่างเว้นเช่นเดียวกัน แต่ดูเหมือนน้องชายคนนี้มันจะหมาหยอกไก่ไปอย่างนั้น“โห่พี่กวางว่าไปนั่น ถึงไม่ได้ลงแรงเองก็เหมือนอยู่ผมอุตส่าห์พาลูกรักไปลุยถนนลูกรังมาเชียวนะพี่ ตอนนี้ลูกผมสภาพมอมแมมหมดแล้ว” เจษฎาโอดครวญถึงความยากลำบากในการได้มะพร้าวในครั้งนี้ เขารู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพลูกรักที่เปื้อนฝุ่นจนรถสีขาวกลายเป็นสีแดงทั้งคัน!“พี
รถหรูสีดำตัวซีเคร็ทเคลื่อนตัวเข้ามาจอดอย่างนุ่มนวลหน้าตึกสำนักงาน เสียงเครื่องยนต์เงียบสนิทแทบไม่ได้ยินบ่งบอกได้ถึงประสิทธิภาพสมราคาที่หลักร้อยล้าน ทำให้เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นให้ดึงดูดสายตาว่าใครจะลงมากจากรถหรูคันดังกล่าว“หนูบอกแล้วไงคะว่าให้จอดแค่หัวมุมพอ ดูสิทีนี้คนมองกันให้ควั่กเลย” หญิงสาวตวัดตามองชายหนุ่มทำทีเป็นทองไม่รู้ร้อน อ้างว่าไม่อยากให้เธอเดินไกลกลัวว่าเธอจะเดินไม่ไหวข้ออ้างสารพัด“หนูจะไปอายสายตาคนอื่นทำไม หรือจะไปฝึกงานที่ห้องพักพี่ดีคะ” เสียงทุ้มเอ่ยหยอกเย้าคนตัวเล็กข้างกายที่เขินอายจนไม่กล้าลงจากรถไป“พูดอะไรก็ไม่รู้ ตั้งใจทำงานนะคะขอให้งานวันนี้ราบรื่นเป็นไปได้ด้วย สวัสดีค่ะ” ลัลน์พูดจนลิ้นแทบพันกันเขาช่างทำให้เธอเขินอายได้ทุกทีที่อยู่ด้วยกัน ก่อนจะยกมือไหว้สวัสดีเอ่ยลาเขาอย่าลุกลี้ลุกลน“หนูคะ!” ไม่ว่าเปล่าแขนแกร่งสอดเข้ามาโอบรั้งเอวคอดก่อนจะฉุดหญิงสาวเข้ามาหาตน จมูกโด่งเป็นสันคลอเคลียตามใบหน้าหญิงสาวที่แม้แก้มเธอจะยังตอบอยู่แต่ก็ใบหน้าดูมีชีวิตชีวาสดใสดังที่เธอเป็น ก่อนจะเอียงหน้าเข้าหาเบาๆ ปลายจมูกโด่งของเขาแตะแช่ลงที่แก้มเนียนของเธอ
ภายในรถหรูที่เงียบสงัดชายหญิงสองคนในรถต่างไม่พูดไม่จาไม่มีบทสนทนาระหว่างกัน เสียงดนตรีสากลรักหวานแหววเปิดคลอในรถอย่างแผ่วเบาเพื่อสร้างบรรยากาศให้โรแมนติก แต่ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยเมื่อลัลน์นั่งเงียบกริบดวงหน้าหวานหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง เผยให้เห็นเสี้ยวหน้าที่ดูอิดโรยเล็กน้อย กลับกันชายหนุ่มข้างกายกลับสดชื่นกระปรี่กระเป่าราวกับได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ คิณณ์เหลือบตามองร่างบางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างเอ็นดู“หนูจะไม่พูดอะไรกับพี่หน่อยหรือคะ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยสัพยอกหญิงสาวที่ตอนนี้ตวัดค้อนวงโตส่งให้เขา ตอนเช้าเขาอุตส่าห์รีดผ้าเตรียมชุดให้คนตัวเล็กก่อนจะปลุกให้ตื่นมาอาบน้ำเขาบริการเธอดีขนาดนี้เธอยังคงแง่งอนไม่พูดไม่จากับเขา ถึงแม้จะคิดเช่นนั้นชายหนุ่มก็ยังทำหน้าระรื่นพอใจลัลน์หันหน้ามามองคนหน้าไม่อายที่กำลังขับรถอยู่อย่างสบายใจไม่ได้สำนึกในการกระทำของตัวเองแม้แต่น้อย ใต้ตาคล้ำใบหน้าอิดโรยราวกับคนอดนอน ร่างเล็กไม่ตอบคำถามของเขาก่อนจะเบนหน้าหนีใบหน้าหล่อเหลามองวิวเดิมๆข้างทางเพื่อระงับโทสะนั้นแทนทั้งที่เมื่อคืนสัญญาว่าไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะหยุดรังแกเธอ แต่เขาก็ขอต่อเวลายัง
พลั่บ พลั่บ พลั่บๆๆเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้องสะโพกหนั่นแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้ามกระแทกรูสวาทที่ดูดลำเอ็นเขาอย่างไม่ปรานี โหมสะโพกใส่แรงไม่ยั้งอย่างไม่กลัวเลยว่าช่องสวาทที่ตอดรัดให้ความสุขนี้จะบาดเจ็บแม้แต่น้อย จังหวะที่เร่งเร้ารุนแรงของชายหนุ่มทำให้ทรวงอกสาวกระเพื่อมไหวไปตามแรงกระแทกจากด้านบนยอดอกสีหวานแข็งชูชันล่อสายตาก่อนจะก้มหน้าโฉบดูดกลืนยอดถันเข้าปาก ลิ้นร้อนปาดป่ายไปทั่วเต้างามอีกข้างก็ไม่ให้ว่างเว้นบีบเคล้นคลึงนมเด็กสาวที่เด้งสู้มือเขายิ่งนัก ชายหนุ่มที่ถูกล่อลวงจากดอกไม้งามให้เข้ามาเชยชมกลิ่นกายอสนหอมหวานทำให้ภมรตัวนี้ยิ่งมัวเมาในรสรัก แรงขับเคลื่อนจากสะโพกสอบยิ่งเร่งขึ้นทวีคูณ เส้นเลือดรอบลำเอ็นขูดไปตามโพรงมดลูกของเธออย่างเสียวซ่านพลั่บ พลั่บ พลั่บๆๆๆเอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยดเสียงเนื้อกระทบเนื้อดั่งสนั่นลั่นห้อง เสียงเตียงลั่นสั่นคลอนดังเอี๊ยดอ๊าดไม่รู้ว่าเตียงนี้จะทนรับพายุสวาทของชายหญิงนี้ได้นานสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มโถมแรงควงงัดเอ็นร้อนกระแทกชนปากมดลูกสาวจนจุก มือสากหนาเคล้นคลึงเต้าใหญ่เกินขนาดอย่างแรง ลิ้นร้อนลากวนตวัดรอบบนยอดถันดูดเลียปลายยอดอย่างตระกละตะกลาม“อาห์