ฟีฟ่ากับยศนั่งคุยกันในห้องรับแขกตามภาษาพ่อลูก แต่แล้วก็มีชายหนุ่มที่คุ้นเคยเข้ามาหา โดยมีแม่ของฟีฟ่าเป็นคนเปิดประตูให้เข้ามา
“สวัสดีครับพ่อ”ช่างกันยกมือไหว้ยศ
“ใครพ่อมึง”ยศเริ่มมีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไร
“ก็พ่อไงครับ”
“ไอ้นี่เห็นใจดีด้วย พูดอะไรไม่เกรงใจกันเลย”
“ทำไมต้องเกรงใจครับ เพราะอีกหน่อยเราก็จะเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้วนี่ครับ”ช่างกันนั่งข้างๆฟีฟ่า
“บอกพ่อหรือยังเรื่องของเรา”ช่างกันพูดเสียงดังข้างๆหูฟีฟ่า
“อะไรของนาย”ฟีฟ่าใช้สายตาปรามช่างกันไว้แต่ดูไม่เป็นผลซักเท่าไร
“มีอะไรพูดมาตรงๆเรื่องอะไรบอกมา”ยศเอ่ยขึ้น
“คือว่า ผมกับฟีฟ่ารักกันครับ”
“ไม่จริงนะพ่อ”ฟีฟ่าตกใจกับคำพูดของช่างกัน
“ใช่ครับ ฟีฟ่าขอเวลาตัดสินใจสักพัก แต่ผมรอไม่ไหวกลัวโดนแย่ง ทั้งหนุ่มนักว่ายน้ำและไอโซนั่นอีก ผมต้องชิงตัดหน้ามาพูดกับพ่อไว้ก่อน เพราะผมจริงใจมีอะไรก็จะพูดตรงๆครับ”ช่างกันมีน้ำเสียงที่หนักแน่น
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฟีฟ่าเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง”
“อะไรกัน พ่อยังไม่รู้อีกเหรอว่าฟีฟ่าไม่ใช่ผู้ชาย”
“มึงมากกว่าที่ไม่ใช่ผู้ชาย”ความจริงยศรู้ทุกอย่างและรับได้ แต่ที่เขารับไมได้ด้วยเพราะช่างกันเถื่อนเกินไป
“พ่อรู้ได้ไง ผมพึ่งรู้ตัวเองเมื่อไม่นานนี้ ต้องขอบคุณฟีฟ่าที่ให้ผมได้รู้ว่าเป็นอะไร”
“ไอ้นี่ออกไปจากบ้านกูเลยนะ”
“ยังไม่ออกถ้ายังไม่ได้คำตอบจากฟีฟ่าว่ารักผมหรือเปล่า”
“ฟีฟ่าว่าไง”ยศมองฟีฟ่า
“คือว่า”ฟีฟ่าอ่ำอึ้ง
“เอาอย่างนี้ไปเคลียร์กันเอง พ่อให้โอกาสตกลงกัน ฟีฟ่าพาไอ้นี่ออกไปให้พ้นพ่อที”
“ครับ”
ฟีฟ่ารีบดึงมือช่างกันออกนอกบ้าน สาเหตุที่ยศให้ฟีฟ่าออกไปกับช่างกัน เพราะเขาอยากให้ฟีฟ่าได้มีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น นอกจากไนท์หนุ่มนักว่ายน้ำลูกศิษย์ของเขาเอง หรือแม้กระทั้งไอโซนัท ยศคิดไว้แล้วว่าจะไม่ห้ามใครทั้งนั้น
“นายนี่มันบ้ากลับไปเลยนะ”ฟีฟ่าดึงช่างกันมาที่รถ แต่วันนี้ช่างกันเอารถยนต์มา
“ต้องไปด้วยกัน ถ้าไม่ไปด้วยกูไม่ยอมกูจะนอนหน้าบ้านมึง ถ้าไม่ได้คำตอบวันนี้”
“ช่างกัน เราไม่ได้ชอบ..”ฟีฟ่าหยุดพูดเพราะใจเขายังลังเลอยู่เหมือนกัน
“นั่นไงมึงชอบกูขึ้นรถกันเลย”ช่างกันเปิดประตูรถและดันร่างของฟีฟ่าเข้าไปในรถทันทีพร้อมปิดประตู หลังจากนั้นเขาวิ่งอ้อมหน้ารถไปฝั่งคนขับ แล้วเข้าไปนั่งในรถด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“นายจะพาเราไปไหน เดี๋ยวพ่อเราว่าเข้าให้หรอก”
“ไม่ว่าหรอก ถ้าว่าจะให้มึงออกมาอยู่กับกูเหรอ”
“เอาล่ะเราขึ้เกียจเถียงกับนาย จะพาเราไปไหนบอกมา”
“ไปบ้านพ่อกู”
“อะไรนะไปทำไม เราก็รู้จักพ่อนายแล้วนี่”
“มึงรู้จักในฐานะลูกค้าไม่ใช่ว่าที่เมีย ถ้ามึงไม่ตอบรักกูอย่าหวังได้กลับบ้านเลย”
“กลัวตายเลย ใครๆก็รู้ว่าเรามากับนาย ถ้าเราหายไปเขาก็ตามตัวเจออยู่ดี”
“มันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ในปัจจุบันกูรักมึง”
“ช่างกัน”ฟีฟ่าเสียงสูง
“ฟีฟ่า”ช่างกันพูดห้วนๆ
ที่ช่างกันพาฟีฟ่ามาที่บ้านพ่อของเรา เพื่อที่จะเปิดเผยเรื่องราวที่เขาชอบฟีฟ่าให้พ่อได้รับรู้ เขาไม่อยากปิดบังคนในครอบครัวอีกต่อไป เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเปิดเผยทุกอย่าง ที่ถูกซ่อนเร้นมานานจนกระทั่งมาเจอฟีฟ่า ความจริงทุกอย่างเลยปรากฏออกมา
“ก็ได้ เดี๋ยวเราจะให้คำตอบ ว่าความรู้สึกเราที่มีต่อนายเป็นอย่างไร แต่นายต้องสัญญาก่อน ไม่ว่าคำตอบของเราจะเป็นอย่างไงนายก็ต้องพาเรากลับบ้านก่อนค่ำ”
“โอเคบอกตอนนี้ได้เลยไหม”
“ยังต้องทำความรู้จักกับนายอีกหน่อย”
“ได้เลย ไปทำความรู้จักกันที่บ้านสวนพ่อของกู”
ช่างกันขับรถด้วยความเร็วสูงเพื่อที่จะได้มาถึงบ้านพ่อของเขาโดยไว ซึ่งก็เป็นตามคาดช่างกันใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านพ่อของเขา
“ถึงบ้านพ่อกูแล้ว”
ฟีฟ่ามองเข้าไปในบ้านซึ่งมีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด ซึ่งเป็นภาพทีฟีฟ่าไม่ค่อยชินตาเท่าไร เพราะเขาอยู่ในกรุงเทพจึงเห็นแต่ตึกสูงๆ
“บ้านนายร่มรื่นน่าอยู่ดีนะ”ฟีฟ่าเอ่ยขึ้น
“ถ้านายอยากอยู่ก็บอกเรานะ เราจะได้ปลูกบ้านที่นี่อีกหลัง ส่วนบ้านในกรุงเทพก็ขายทิ้งไป”
“นายจะบ้าเหรอช่างกัน พึ่งซื้อมาแถมเป็นเงินผ่อนอีก”
“ถ้ามึงไม่อยากให้กูขายมึงต้องมาอยู่กับกูด้วยสิ”
“เราจะไปอยู่กับนายได้อย่างไง เราต้องดูแลพ่อแม่ด้วยเหมือนกัน”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูช่วยดูแลพ่อแม่มึงเอง แต่ตอนนี้มึงเข้าไปหาพ่อแม่ของกูดีกว่า”
ช่างกันทั้งฉุดลากฟีฟ่าเข้ามายังบ้านพ่อของเขา ซึ่งเป็นบ้านไม้ทั้งหลัง เมื่อเข้าไปถึงในบ้านช่างกันจึงรีบแนะนำมฟีฟ่าให้พ่อของเราได้รู้จัก
“พ่อกับแม่อยู่พอดีเลย ผมมีเรื่องจะบอกพ่อกับแม่ครับ”
“ว่ามาเรื่องอะไร แล้วมึงเอาใครมาด้วยหน้าคุ้นๆ”
“แฟนผมเองครับพ่อแม่”ช่างกันพูดเสียงดัง
“ไอ้กันไอ้บ้า มึงพูดอะไรออกมา”
“พูดความจริงไง”
“ช่างกันเรายังไม่ได้เป็นแฟนกันเลยนะ”ฟีฟ่าหันไปตวาดช่างกัน
“สวัสดีครับลุงกับป้า”ฟีฟ่ายกมือไหว้พ่อกับแม่ของช่างกันต่อทันที
“อือ”พ่อและแม่ของช่างกันได้แต่พยักหน้า
“พ่อแม่ผมชอบฟีฟ่า ผมชอบผู้ชายพ่อแม่รับได้ไหม”
“กูรับไม่ได้ เพราะมึงไม่มีท่าทีว่าจะชอบแบบนี้มาก่อนเลยไอ้กัน”
“แต่ถ้าลูกมีพฤติกรรมออกมาซักนิดแม่ก็พอทำใจได้ แต่นี่อะไรกันตั้งแต่เด็กก็แก่น พอโตขึ้นก็เถื่อน จู่ๆลูกมาบอกชอบผู้ชาย พ่อแม่คนไหนจะรับได้ทันล่ะ มึงต้องให้พ่อแม่ตั้งตัวก่อนซิ”
“ผมใจร้อนครับผมอยากมีเมีย”ช่างกันยิ้มอย่างเบิกกว้าง
“กูจะบ้าตายไอ้กันมึงทำกูหัวใจแท่บวาย ขอกูทำใจก่อนกูยังรับไม่ได้มันไวมาก แต่กูไม่ขัดขวางมึงหรอก ถ้ามึงจะชอบพอกันแต่กูขอทำใจก่อน”
“แม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอก แม่ก็ต้องทำใจเหมือนพ่อของเอ็ง”
“พ่อ แม่ ก็ได้ไม่มีปัญหาหรอกครับ”
“แต่เราไม่ใช่แฟนนายนะ”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้ว”
“พอๆพ่อกับแม่จะไปพักผ่อนทำใจ พวกมึงสองคนตกลงกันให้ได้ก่อนก็แล้วกัน”
พ่อแม่ของช่างกันยังทำใจรับไมได้ เขาจึงรีบลุกขึ้นเดินจากไปในที่แห่งนี้ ปล่อยให้ช่างกันกับฟีฟ่าได้เคลียร์ใจกันเอง
“มึงจะให้คำตอบกูได้หรือยังไอ้ฟีฟ่า”
“ยัง ตอนนี้เรายังไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
“ถ้ามึงไม่ตอบกู มึงก็ต้องอยู่ที่นี่แหละ”
“ถ้านายมาบังคับเรามากๆเราจะฟ้องพ่อแม่ของนายว่านายรังแกเรา ลักพาตัวเรามาที่นี่”
“ฟีฟ่าทำไมนายเข้าใจอะไรยากจริง ถ้าบอกว่ารักไม่รักมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็ยากสิ เพราะเรายังไม่รู้ใจตัวเองเลยว่าชอบนายหรือเปล่า ถ้าเราไม่ชอบก็บอกไปแล้ว แต่นี่เรายังไม่รู้ว่าจะตอบนายอย่างไร ขอเวลาซักหน่อยไม่ได้เหรอ”
ช่างกันนั่งคิดชั่วครู่จึงทำให้เขาใจเย็นลงมากขึ้น เพราะอารมณ์ของช่างกันจะแปรปรวนตลอดเวลา
“ได้ กูจะรอคำตอบมึงที่กรุงเทพ เดี๋ยวกลับกันเลย”
“จะกลับอะไรตอนนี้พักผ่อนก่อน ยังไม่ได้ดูสวนพ่อของนายเลย”
“ไม่ต้องดูหรอกมึงยังไม่บอกรักกูเลย รอมึงบอกรักกูก่อนเดี๋ยวกูจะพามึงมาอยู่ทั้งชาติ”
“พูดอะไรไม่น่าฟังเลย”
“ไม่น่าฟังก็ไม่ต้องฟัง แต่ตอนนี้ไปขึ้นรถ เพื่อที่จะได้กลับกรุงเทพดูเวลาแล้วไปถึงน่าจะมืดค่ำพอดี ทันส่งตัวเข้าหอ อุ๊ย ไม่ใช่สิพานายกับบ้าน”
ฟีฟ่าและช่างกันได้พากันเดินไปยังที่รถ คราวนี้ช่างกันไม่ต้องทำอย่างตอนมา เพราะฟีฟ่าเปิดประตูรถเข้าไปเอง ส่วนช่างกันก็อ้อมไปข้างหน้าเพี่อขับรถพาฟีฟ่ากลับบ้าน
“เป็นไงบ้างวันนี้มึงเห็นความจริงใจของกูหรือยัง จะมีใครกล้าอย่างกูไหม ที่บอกความจริงกับพ่อแม่ของมึงกับและพ่อแม่ของกู ให้ได้รับรู้ความจริงว่าเราอาจจะชอบกันก็เป็นไปได้ กูน่ะชอบมึงอยู่แล้ว เหลือก็แต่มึงนั่นแหล่ะจะรับรักกูหรือเปล่า”
“อย่างที่บอกเราขอเวลาอีกนิด เดี๋ยวเราจะให้คำตอบนายเอง”
“จริงนะ อย่าให้กูรอเก้อ”
“อือ”
“ถ้างั้นนั่งดีๆกูจะขับรถตามความเร็วกำหนด”
ฟีฟ่ารู้สึกสับสนอลหม่านจิตใจยิ่งนัก เพราะเขายังไม่รู้ใจตัวเองว่าจะทำเช่นไรดี แต่เขาก็รู้สึกดีที่เห็นความจริงใจของช่างกัน เขายอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ ทั้งที่ช่างกันยังไม่รู้เลยว่าตัวฟีฟ่านั้นจะตอบรับรักหรือไม่
ฟีฟ่าพูดคุยกับช่างกันนิดหน่อยจนเขาเผลอหลับไป พอรู้สึกตัวอีกทีเหมือนมีอะไรมาชนที่แก้ม ฟีฟ่าจึงลืมตาขึ้นและเห็นช่างกันกำลังหอมแก้มของเขา
“ช่างกันนายทำอะไร”
“ถามแปลกหอมแก้มมึงไง”
“จะมาหอมทำไม”ฟีฟ่ามองรอบๆบริเวณที่รถจอดอยู่ ซึ่งเขาก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะมันคือหน้าบ้านของเขาเอง
“ถ้ามึงไม่ชอบหอมคืนก็ได้นะ”ช่างกันแกล้งหลับตาและชี้นิ้วมาที่แก้ม
“นี่ไง”ฟีฟ่าตบไปที่แก้มของช่างกันเบาๆ
“ตบหนักๆก็ได้ไม่ต้องกลัวกูเจ็บหรอก”
“นายนี่มันบ้าเกินคน เราไปแล้วนั่งอยู่ที่นี่คนเดียวเหอะ”
พอช่างกันเผลอฟีฟ่ารีบลงจากรถทันที หลังจากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปในบ้าน โดยที่ไม่หันมามองช่างกัน เพราะฟีฟ่ารู้สึกเขินอีกครั้งกับหนุ่มๆที่มาติดพัวพันเขา ส่วนช่างกันมองตามฟีฟ่าจนเข้าไปภายในบ้าน เขาอมยิ้มนิดนึงแล้วขับรถออกไปอย่างอารมณ์ดี
ช่วงพักเที่ยงไอโซนัทได้มาหาฟีฟ่าที่ห้องสมุดในมหาวิทยาลัย โดยมีเจมี่เป็นฝ่ายจัดแจงทุกอย่างให้ได้เจอกัน จึงทำให้ฟีฟ่าและไอโซนัทได้ออกไปข้างนอกด้วยกัน โดยไอโซนัทได้พาฟีฟ่าไปร้านอาหารธรรมดาร้านหนึ่ง เพราะเขาไม่อยากที่จะพาฟีฟ่าไปที่ร้านหรูอย่างที่เคยพาไป “ชอบไหมร้านแบบนี้”ไอโซนัทเอ่ยถามขึ้น สาเหตุที่ไอโซนัททำแบบนี้เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับฟีฟ่าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในช่วงเวลานี้ เพราะไอโซนัทรู้ตัวว่าคุ่แข่งของเขานั้นมีตั้งสองคน ซึ่งแต่ละคนก็ไม่ธรรมดาเขาจึงไม่อาจไว้วางใจได้ “ชอบครับ ร้านแบบนี้ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องมีอะไรมาก แค่สั่งมาแล้วกิน” “พี่ดีใจนะที่น้องฟีฟ่าชอบร้านอาหารที่พี่พามา และพี่จะพามาบ่อยๆ สั่งอาหารเลยซิ เพราะวันนี้เรามีเวลากันน้อย” “ครับ” “ไม่ต้องเกรงใจพี่นะ” ฟีฟ่าและไอโซนัทได้สั่งอาหารอย่างที่ตัวเองชอบไม่กี่อย่าง เพราะด้วยเวลาอันเร่งรับมีแค่หนึ่งชั่วโมงช่วงพักเที่ยง “พักนี้น้องฟีฟ่าไม่ค่อยมีเวลาไปไหนมาไหนกับพี่เลยนะ เห็นเจมี่เล่าว่าไปโน้นไปนี่ตลอดเวลาเลย จนทำให้พี่รู้สึกน้อยใจเป็นบางคร
ก่อนที่ไนท์จะออกไปเก็บตัวฝึกซ้อม เขาได้เข้ามาหาฟีฟ่าในบ้าน ซึ่งยศผู้เป็นพ่อก็เห็นอยู่แต่เขาแสร้งไม่เห็น เพราะไม่อยากไปขัดขวางจะทำให้ไนท์เกิดความเครียดอาจส่งผลต่อการแข่งขัน เมื่อทั้งคู่ได้อยู่ในห้องโถง มีโซฟาสามตัวต่อติดกันไว้ ไนท์นั่งลงข้างๆฟีฟ่าจนตัวติดกันทีเดียว “นั่งห่างๆก็ได้ เดี๋ยวพ่อพี่มาให้”ฟีฟ่าสอดสายตามองไปรอบๆบ้าน “ถึงเห็นโค้ชก็ไม่ว่าอะไรหรอก ผมว่าโค้ชคงเห็นอะไรบ้างแหละ ตอนที่เราอยู่สองคนตั้งหลายครั้ง”ไนท์อมยิ้ม “พูดไปเรื่อยมาหาพี่มีอะไร” “เดี๋ยวสายๆผมต้องไปเก็บตัวแล้วครับ อาทิตย์หน้าต้องลงแข่งเพื่อคัดตัวไปแข่งซีเกมส์” “เหรอ พี่อวยพรให้โชคดีนะ”ฟีฟ่าเปลื่ยนสีหน้าหันมายิ้มแย้มให้กำลังใจ “ผมชอบรอยยิ้มพี่ฟีฟ่าจังเลย” “อย่ามัวมาชอบรอยยิ้มพี่เลย เอาเวลาไปซ้อมเพื่อชัยชนะเถอะ” “ถ้าเกิดผมพลาดการคัดเลือกพี่ฟีฟ่าจะมีรางวัลอะไรให้ผมไหม” “จะเอาอะไรล่ะ รถเบนซ์เหรอ” “เอาไปทำไมผมอยากได้ใจพี่ฟีฟ่ามากกว่า เมื่อไรพี่จะให้ใจผมซักทีล่ะครับ” “เอาอีกแล้ว เอาคำพูดหวานๆ
หลายวันผ่านมาและในค่ำคืนที่เหลือไม่กี่วัน ถึงคราที่ฟีฟ่าตต้องตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะทำเช่นไรกับชีวิต ซึ่งในระหว่างที่ฟีฟ่านั่งนิ่งครุ่นคิดอยู่นั้น ยศและสินีผู้เป็นแม่ได้มานั่งข้างๆทั้งสองฝั่งซ้ายขวา “พ่อกับแม่มีอะไรเหรอครับ”ฟีฟ่าหันมองซ้ายทีขวาที “พ่อต้องถามฟีฟ่ามากกว่ามั้ง ว่าเป็นอะไรมานั่งซึมคนเดียวหลายวันแล้วนี่”ยศมองหน้าลูกชายแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะความสดใจร่าเริงของฟีฟ่าได้หายไป ในช่วงแรกยศคิดว่าฟีฟ่าอาจคิดถึงไนท์ แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวต่างๆที่สินีเล่าให้ฟัง ว่ามีหนุ่มสามคนชวนฟีฟ่าไปเที่ยวหนึ่งในนั้นรวมไนท์ด้วย “ไม่มีอะไรหรอกครับพ่อนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”ฟีฟ่าพยายามฝืนยิ้ม แต่เขาก็ไม่สามารถปิดบังซ้อนเร้นความคับอกคับใจได้ “ไม่ต้องปิดบังพ่อกับแม่หรอก แม่รู้ทุกอย่างในวันนั้นแม่ไม่ได้แอบฟังนะ แต่แม่บังเอิญได้เห็นได้ยิน”สินีขยับมือลูบศีรษะของลูกชาย “พ่อรู้ว่าลูกพ่อชอบแบบไหน พ่อไม่สนหรอก แต่ที่พ่อสนใจ พ่ออยากรู้ว่าลูกจะตัดสินใจอย่างไรมากกว่า ซึ่งพ่อรับได้หมดทุกคนที่ลูกเลือก”ยศยิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดีให้ฟีฟ่าได้เห็นเพื่อจะได้สบาย
เช้าวันสุดท้ายที่ฟีฟ่าต้องเลือกแล้วว่าจะไปไหนกับใคร หรือว่าไม่ไปที่ไหนสักแห่งกับหลายคนที่มาเชิญชวน วันนี้จึงเป็นวันที่จิตใจของฟีฟ่าว้าวุ่นและกดดันไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี ฟีฟ่านั่งครุ่นคิดอยู่นานจนถึงเวลาที่เขาต้องตัดสินใจบางอย่าง ฟีฟ่าจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างเร่งรีบเพราะเขาปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปพอสมควร เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยฟีฟ่าจึงออกจากห้องไปยังจุดหมายที่ใจของเขาต้องการ ฟีฟ่าขับรถออกจากบ้านจนมาถึงอู่ซ่อมรถของช่างกัน เมื่อช่างกันเห็นฟีฟ่าเดินลงมาจากรถ เขารีบเดินไปหาฟีฟ่าในทันที “กูดีใจนะที่มึงจะไปเที่ยวกับกู” “คือ เรา เอ่อ” “อะไร หรือว่ามึงจะมาบอกกูว่าไม่ไป”ช่างกันมีสีหน้าที่ตื่นตระหนก “ใช่”ฟีฟ่ามีสีหน้าที่ซึมลง “ทำไม” “เรารักนายแบบเพื่อนคนหนึ่ง” “น้ำเน่ามาก แต่กูก็เข้าใจมึงนะ คนอย่างกูใครจะมาชอบ”ช่างกันยังตะลึงกับคำพูดของฟีฟ่า มันไม่ใช่อย่างนั้นนายเป็นคนดีคนหนึ่งเลย” “ไม่ต้องมาพูดดีหรอก กูรู้ตัวดีแต่กูก็เคารพการตัดสินใจของมึง” “ขอบใจนาย
หลังเลิกงานฟีฟ่าหนุ่มบรรณารักษ์เดินดุ่มๆออกจากมหาวิทยาลัย เนื่องด้วยวันนี้รถของเขาเสียจึงอยู่ที่ร้านซ่อม ฟีฟ่าจึงต้องขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน ฟีฟ่าคิดไว้ว่าจะรอรถที่หน้ามหาวิทยาลัย แต่ยังเดินไปไม่ถึงก็มีรถจอดข้างๆ “ขึ้นรถมาเร็ว”เจมี่รุ่นพี่บรรณารักษ์เรียกฟีฟ่าขึ้นรถ “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะขึ้นแท็กซี่กลับก็ได้ครับ” “ไม่ได้วันนี้พี่มีธุระจะคุยด้วย” “เอ่อ ก็ได้ครับ” ฟีฟ่ารีบขึ้นรถนั่งข้างหน้าคู่กับเจมี่รุ่นพี่ เมื่อฟีฟ่าขึ้นมาในรถแล้ว เจมี่ก็รีบขับรถออกไปทันที “พี่เจมี่มีอะไรจะคุยกับฟีฟ่าเหรอครับ” “ฟีฟ่านี่หน้าตาน่ารักดีนะอายุก็เกือบสามสิบแล้วหน้ายังเด็กอยู่ด้วย ดูอย่างพี่ซิอายุสามสิบหน้าปาเข้าไปสี่สิบแล้ว”เจมีหนุ่มบรรณารักษ์รุ่นพี่ยิ้มอย่างสดใส พรางหัวเราะไปด้วยความขบขันตัวเอง “พี่อย่าพูดอย่างนี้สิ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” “พี่รู้ตัว พี่ยอมรับความจริงได้ไม่ต้องปลอบใจพี่หรอก” “ไม่ได้ปลอบใจหรอกครับ แต่ถึงอย่างไงพี่กอล์ฟก็รักพี่ที่สุดอยู่แล้ว” “แหม มันแน่อยู่แล้ว ที่พี่ชวนข
นัทไอโซหนุ่มมองฟีฟ่าไม่วางสายตา เพราะความน่ารักของฟีฟ่าที่มีมาก หน้าตาจิ้มลิ้มตาใสเป็นประกาย ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาวใสผ่องเนียน รูปร่างไม่สูงมากแต่ก็ไม่ผอมบาง “คุณนัทมองอะไร”ฟีฟ่ารู้สึกเขินอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ไม่ต้องเรียกคุณหรอกเรียกพี่นัทก็ได้” “ครับพี่นัท”ฟีฟ่ายิ้มเขินๆ “พี่กำลังอยากได้คนรีวิวบ้านอยู่พอดีเลย พี่อยากชวนน้องฟีฟ่าไปเป็นคนรีวิวบ้านพี่ได้ไหม” “ฟีฟ่าไม่เคยทำครับ กลัวทำได้ไม่ดี อีกอย่างฟีฟ่าพูดไม่เก่ง ทำไมไม่จ้างพวกยูทูปเปอร์ล่ะครับ” “พี่อยากได้ความแปลกใหม่ ได้คนใหม่ๆบ้างไม่อยากได้คนที่หน้าซ้ำน่ะ” “แต่ฟีฟ่าไมได้ดังเป็นคนธรรมดานะครับ ใครที่ไหนจะมาสนใจล่ะ” “เมื่อก่อนดาราก็เป็นคนธรรมดา ทำไมภายหลังเขามาดังได้ล่ะ ฟีฟ่าก็เหมือนกันทำไมจะเป็นไม่ได้ ยิ่งหน้าตาของฟีฟ่านี่อยู่ในกระแสช่วงนี้ด้วย” “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” “ถึงซิ ถ้าไม่ถึงพี่จะมองฟีฟ่าอยู่อย่างนี้เหรอ” “นั่นมันสายตาพีนัทคนเดียว แต่สายตาคนซื้อบ้าน เขาจะมองแบบพี่นัทหรือเปล่า
วันจันทร์ต้นสัปดาห์ฟีฟ่ามาทำงานอย่างเช่นเคย หน้าที่ของฟีฟ่าคอยรับคืนหนังสือต่างๆ ที่บรรดานักศึกษาวนเวียนมาทั้งวัน ไม่เว้นแม้แต่เวลาเที่ยงวันซึ่งเป็นเวลากินข้าว ในส่วนของฟีฟ่านั้นไม่ต้องลงไปกินที่โรงอาหาร เพราะแม่ของฟีฟ่าได้จัดอาหารการกินมาพร้อมทุกวัน ฟีฟ่าจึงมานั่งกินในห้องเล็กๆสำหรับเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์ “กินม่วนเชียว”เจมี่ทัก เมื่อเขากินข้าวนอกมหาวิทยาลัยกับแฟนหนุ่มเสร็จ และกลับเข้ามาในห้องสมุด “กินด้วยกันไหมพี่ วันนี้มีผัดกระเพาปลาหมึกไข่ดาว มีมะม่วงเปรียวจิ้มพริกเกลือด้วย แก้ง่วงนอนเป็นอย่างดี พี่เจมี่แกะกินเลย” “พี่ไม่เกรงใจแล้วนะ ช่วงบ่ายชอบง่วงนอนอยู่ด้วย” “เอาเลยเดี๋ยวฟีฟ่ากินตามทีหลัง” “เมื่อคืนก่อนพี่นัทเป็นไงบ้าง”เจมี่ถาม “ปากหวาน” “แหม ไม่ชอบเหรอปากหวานน่ะ” “ยังไม่รู้เลยตอนนี้ก็ยังไม่ได้คิดอะไร”ฟีฟ่ายังก้มหน้ากินข้าวต่อไปอีก ทั้งๆที่ใจก็แอบคิดอยู่เหมือนกัน “แล้วทำไมไม่บอกเบอร์โทรพี่นัทไปล่ะ ให้มาถามพวกพี่อยู่ได้” “ถ้าให้ไปก็เหมือนง่าย ถ้าไม่บอกให้เอาเบอร์ที่พี่ก็เห
ช่วงเย็นอีกวันถัดไป ฟีฟ่าพึ่งกลับมาถึงบ้าน เขาก็นั่งพักผ่อนกดโทรศัพท์มือถือดู ซึ่งเขาก็เห็นข้อความทางไลน์เด้งขึ้นมา “รถซ่อมเสร็จแล้ว” “เท่าไร” “หมื่นสอง” “แพงจัง” “ถ้าไม่เอาจะถอดอะไหล่ออกแล้วนะ” “ก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเอา” “พรุ่งนี้ไม่อยู่” “วันรืน” “ไม่ว่าง” “วันถัดไป” “ไปขายรถมึง” “ตอนนี้อยู่คนเดียวไม่มีใครไปส่ง รอตอนค่ำได้ไหม” “จะไปแดกเหล้า” “ถ้างั้นช่างมารับหน่อยก็แล้วกัน” “ไม่ว่างเล่นมือถืออยู่” “ไปตามวินมอเตอร์ไซค์ให้หน่อยก็ยังดี” “ไม่ไปขี้เกียจเดิน” “ถ้างั้นว่างวันไหนก็บอกมา เดี๋ยวจะไปเอารถวันนั้น” “ชาติหน้า” “ไปตายซะ” ฟีฟ่ารำคาญความกวนอารมณ์ของช่างกันอย่างมาก แต่เขาก็อยากไปเอารถอยู่เหมือนกัน แต่ก็ขี้เกียจเดิน ในระหว่างที่ฟีฟ่ากำลังตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดี เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น “ เดี๋ยวกูจะไปรับมึง”