เช้าวันนี้ฟีฟ่าไปทำงานตามปกติ แต่มีเหตุบังเอิญรถของเขาเสียอยู่หน้าอู่ช่างกัน ซึ่งอู่ยังไม่ได้เปิดด้วยซ้ำ ฟีฟ่าจึงตัดสินใจลงจากรถแล้วไปเคาะประตูอู่ซ่อมรถ
“ปัง ปัง ปัง”
ฟีฟ่าเคาะประตูเสร็จก็ยืนรออยู่หน้าประตู สักพักช่างกันแง้มประตูออกมา พอช่างกันเห็นเป็นฟีฟ่าจึงดึงเข้ามาในอู่ทันที ฟีฟ่าไม่ทันได้ตั้งตัวรู้ตัวอีกทีเขาก็อยู่ข้างในอู่ หลังจากนั้นช่างกันปิดประตูทันที แล้วเขาก็เปิดไฟให้สว่าง
พอแสงไฟส่องไปที่เรือนร่างของช่างกัน ฟีฟ่ายืนอึ้งอ้าปากค้าง เพราะช่างกันอยู่ในชุดกางเกงในตัวเดียว ส่วนรูปร่างก็บึกบึนมีกล้ามลีนๆ
“นายดึงเราเข้ามาทำไม”ฟีฟ่ามีน้ำเสียงที่มีโมโห
“กูไม่ได้จะข่มขืนมึงหรอก กูใส่กางเกงในตัวเดียว มึงจะให้กูออกไปหน้าอู่เหรอ”
“ทำไมไม่ใส่กางเกงขาสั้นนอน”
“มันเรื่องของกูหรือเปล่าวะ กูจะแก้ผ้านอนมันก็เรื่องของกู”
“เอ่อ รถเราเสียน่ะ ซ่อมให้หน่อย แค่นี้แหละ ความจริงนายชะโงกหน้ามาก็ได้ ไม่ต้องถึงกับดึงเราเข้ามาข้างในหรอก”
“กูจะดึงมึงเข้ามามึงจะทำไม”ช่างกันเดินเข้ามาใกล้ๆฟีฟ่า ส่วนฟีฟ่าก็ถอนหลังจนติดฝาผนังห้อง ช่างกันเดินมาชิดติดร่างกายของฟีฟ่า เขายกมือขึ้นยันข้างฝาไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างจับแก้มของฟีฟ่า และเลื่อนลงมาใช้ปลายนิ้วชี้สัมผัสริมฝีปากของฟีฟ่า
“ช่างกันนายจะทำอะไรนะ”
“กูเคยบอกรักมึงไปแล้วจำได้ไหม”
“จำได้”
“กูต้องการคำตอบ”
“เราไม่รู้”
“ไม่รู้ได้ไง”ช่างกันนำนิ้วที่สัมผัสริมฝีปากของฟีฟ่า มาแตะสัมผัสที่ริมฝีปากของตัวเขาเอง
“ถ้าไม่รู้กูไม่ให้มึงออกไปจากอู่หรอก”
“ช่างกัน”ฟีฟ่าตีเข่าไปที่กลางลำตัวช่างกัน
“โอ๊ย ไอ้ฟีฟ่าใครเขาจะไปทำอะไรมึง”
ฟีฟ่ากำลังจะไปเปิดประตู แต่ช่างกันดึงตัวเข้ามากอดรัดแน่น ส่วนฟีฟ่าพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของช่างกัน
“ปล่อยนะ”
“ปล่อยก็ได้”ช่างกันปล่อยร่างของฟีฟาและผลักออกให้ห่างจากร่างของเขา จนฟีฟ่าเซเกือบหกล้ม
“ปล่อยๆดีไม่ได้หรือไง”ฟีฟ่ามีน้ำเสียงที่โมโห
“ทำไมมึงไม่บอกกูปล่อยดีดีๆล่ะ”
“โอ๊ย ซ่อมรถให้ด้วย เราจะไปทำงานนี่ก็สายมากแล้วด้วย”
“เดี๋ยวกูไม่ส่งเอาบิ๊กไบค์ไปชั่วโมเดียวถึง”
“ไม่ต้อง”
“ต้อง”
“พูดไม่รู้เรื่องหรือไงบอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้องไง”
“ถ้ามึงไม่ให้กูไปส่ง กูก็ไม่ปล่อยมึงออกไปจากที่นี่”
“ช่างกันนายนี่มันบ้าชัดๆ ก็ได้ ใส่เสื้อผ้าเร็วๆเข้า”
“จะให้ใส่เร็วๆคงไม่ได้หรอก ถ้าถอดออกก็ว่าไปอย่าง”ช่างกันยิ้มแล้วไปหยิบกางเกงยีนส์เก่าๆมาสวมใส่ ต่อด้วยเสื้อยึดสีดำแล้วใส่เสื้อแจ็คแก็ตทับอีกที
“ไป”ช่างกันเปิดประตูอู่ออก และหยิบรองเท้าผ้าใบใส่โดยไม่มีถุงเท้า
ช่างกันเดินไปที่รถบิ๊กไบค์และยืนรอฟีฟ่าเดินมาอยู่ใกล้ๆ ช่างกันใส่หมวกกันน็อคให้ตัว ก่อนส่วนอีกอันถือรอให้ฟีฟ่าสวมใส่
“มาเร็วๆชักช้าอยู่ได้ มารีบใส่หมวกกันน็อค”
“ใส่เองได้”
“ไม่ต้องกูจะใส่ให้มึงเอง”
ฟีฟ่าไม่สามารถที่จะทำอะไรนอกจากยืนเฉยๆ ให้ช่างกันสวมหมวกกันน็อตที่ศีรษะของฟีฟ่า และล็อคอยู่อย่างดีช่างกันขยับดูอยู่หลายครั้งเพื่อความปลอดภัย เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นช่างกันขึ้นคร่อมรถทันที ส่วนฟีฟ่าก็รีบซ้อนท้ายจับบ่าของช่างกันไว้
“กอดเอวไว้ซิ”ช่างกันพูดขึ้น
“จับบ่าก็ได้ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“ถ้ามึงไม่กอดเอวกูก็ไม่ไป”
“ก็ได้เรื่องมากจริง”ฟีฟ่าย้ายจากจับบ่ามากอดเอวของช่างกันไว้แน่น
ช่างกันรู้สึกดีใจและอุ่นกายที่มือและแขนของฟีฟ่าโอบกอดเขา ช่างกันยิ้มอย่างมีความสุขภายใต้หมวกกันน็อต สักพักเขาจึงขับรถบิ๊กไบค์แล่นออกไปจากอู่ซ่อมรถ
ตามเวลาพอดีที่ช่างกันรับปากไว้ประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็มาถึงมหาวิทยาลัยที่ฟีฟ่าทำงาน แต่ใจของฟีฟ่าในระหว่างทางไม่ได้อยู่กับตัว เพราะช่างกันขับรถมาด้วยความหวาดเสียวแต่ปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายใดๆแม้แต่น้อย เมื่อมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยฟีฟ่ารีบลงจากรถทันที พร้อมถอดหมวดกันน็อตให้ช่างกัน
“ขอบใจมาก”ฟีฟ่ากำลังจะเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย
“ตอนเย็นเดี๋ยวกูมารับ”ช่างกันตะโกนตามหลัง
“ไม่ต้องกลับเองได้ เสียเวลาซ่อมรถหมด”
“ถ้ามึงไม่ให้กูมารับกูจะไม่ซ่อมรถให้มึง”
“ช่างกัน”ฟีฟ่าเสียงสูง
“ไอ้ฟีฟ่า”ช่างกันเสียงดัง
“ก็ได้”ฟีฟ่าหน้ามุ่ย เดินดุกดิ๊กเข้าไปในมหาวิทยาลัย
ช่างกันมองท่าเดินกระดุกกระดิ๊กของฟีฟ่า ที่เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปในมหาวิทยาลัย พร้อมกับยิ้มอย่างเบิกกว้าง
“แป้นแป้น”
เสียงแตรรถดังขึ้น เพราะช่างกันจอดขวางทางเข้ามหาวิทยาลัย เขาหันหน้ามายิ้มและพงกศีรษะให้ หลังจากนั้นรีบขับออกไปจากหน้ามหาวิทยาลัยทันที
เมื่อฟีฟ่าเข้าไปในห้องสมุดก็ถูกเจมี่แซวทันที เพราะเขาทันเห็นฟีฟ่าลงจากบิ๊กไบค์หน้ามหาวิทยาลัย
“วันนี้ใครมาส่งอีกล่ะอย่าบอกนะหนุ่มว่ายน้ำ ลงทุนซื้อบิ๊กไบค์มาส่ง”
“ไม่ใช่หรอก เป็นช่างหน้าปากซอย พอดีรถเสียอีกแล้วนะ”
“นี่ก็เกินไปเงินก็มีทำไมไม่ซื้อรถใหม่ มันเก่าขนาดนั้น”
“มันมีคุณค่าสำหรับฟีฟ่านะ เพราะพ่อซื้อให้ตอนฟีฟ่าสอบเข้ามาหวิทยาลัยได้น่ะ”
“จร้า คบไอโซดีๆไม่ชอบ”
ฟีฟ่างงกับคำพูดของเจมมี่ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะถึงเวลาที่ต้องทำงาน ในวันนี้ฟีฟ่าก็ทำงานตามปกติจนเย็น เขาจึงรีบออกไปหน้ามหาวิทยาลัยตามนัด เพราะกลัวว่าช่างกันจะมาไม่เจอ
เพียงแค่เขาก้าวเท้าออกไปหน้ามหาวิทยาลัย รถบิ๊กไบค์ของช่างกันก็แล่นมาจอดตรงหน้า พร้อมกับยื่นหมวกกันน็อคให้ฟีฟ่า เขารีบสวมใส่ที่ศีรษะแล้วขึ้นรถกอดเอวช่างกันทันที เพราะไม่อยากจะมีปัญหากับช่างกันที่หน้ามหาวิทยาลัย
ฟีฟ่ารู้สึกแปลกๆเพราะทางที่ช่างกันพาไปนั้นไม่ใช่ทางกลับบ้านของเขา แต่ฟีฟ่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะเขาค่อนข้างแน่ใจว่า ช่างกันคงไม่พาเขาไปทำอะไรไม่ดีหรอก แค่สงสัยว่าจะพาไปไหนแค่นั้น ช่างกันขับรถมาเรื่อยๆจนเข้าไปในทางเข้าหมู่บ้านจัดสรรพ ในส่วนของฟีฟ่ายังไม่พูดอะไรจนช่างกันจอดรถหน้าบ้านจัดสรรพ ซึ่งหลังไม่ได้ใหญ่มากนัก
“นายพามาเรามาที่นี่ทำไม”ฟีฟ่าอดสงสัยไม่ได้แต่เขาก็ลงจากรถโดยอัตโนมัติ
“บ้านของกูสวยไหม”ช่างกันยิ้มให้ฟีฟ่าหลังจากลงมาจากรถ
“บ้านนาย แล้วพาเรามาดูทำไม”
“จะพาว่าที่เมียมาดูไม่ได้เหรอ”
“ว่าที่”
“ใช่ว่าที่เมีย ถ้ามึงตอบรับรักกูแล้ว กูจะพามึงมาอยู่ที่นี่”
“นายจะบ้าไปแล้ว ถามเราคนเดียวไม่ได้หรอก ต้องถามพ่อเราด้วย”
“อ่อ โค้ชยศน่ะเหรอ เดี๋ยวให้พ่อกูไปสู่ขอ”
“บ้ากันไปใหญ่แล้ว”
“บ้ารักมึงต่างหาก เข้าไปดูข้างในกันเถอะ ถึงจะไม่ใหญ่มาก แต่อยู่ใจกลางเมือง แพงนะ”
“อือ ไปดูก็ได้”ฟีฟ่าเดินตามช่างกันเข้าไปในบ้านเดี่ยวชั้นเดียว
เพียงฟีฟ่าเข้าไปในบ้านหลังใหม่ ที่ยังไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆมีแต่ตัวบ้านเปล่าๆ ซึ่งในใจของฟีฟ่าคิดว่าบ้านสวยใช้ได้ทีเดียว
“สวยไหม”ช่างกันถาม
“สวย”
“มีสามห้องนอน สี่ห้องน้ำ หนึ่งครัว และห้องรับแขก”
“ตั้งสามห้องจะให้ใครอยู่ล่ะ”
“ห้องข้างล่างพ่อกับแม่ของกูนอน ส่วนข้างบนมีอีกสองห้องนอน เอาไว้เราอยู่กันสองคน อีกห้องหนึ่งเอาไว้ให้ลูกของเราไง”ช่างกันยิ้ม
“เรามีลูกไม่ได้นะ ช่างกันกินยาผิดหรือเปล่า”
“กูรู้แล้วว่ามึงมีไม่ได้ เราก็ไปรับลูกบุญธรรมมาเลี้ยงไง”
“นายคิดไปเองอีกแล้ว เรายังไม่ได้รับปากนายเลย”
“กูซื้อบ้านรอคำตอบจากมึงไง ”
“ช่างกัน”ฟีฟ่าพูดเสียงอ่อนลง
“ขึ้นไปดูข้างบนไหม”
“นี่ก็เย็นแล้ว วันหลังค่อยมาดู”ฟีฟ่าพยายามปฏิเสธแบบไม่ให้เสียน้ำใจ
“ก็ได้วันหลัง น่าจะมีเฟอร์นิเจอร์มากกว่านี้แล้วแหละ”
“ฮือ”ฟีฟ่าพยักหน้า
“ไป ถ้างั้นเรากลับกัน”ช่างกันเดินนำหน้าฟีฟ่าออกไปนอกบ้าน
หลังจากที่ฟีฟ่าขึ้นรถบิ๊กไบค์เขาก็ไม่ได้พูดกับช่างกันอีกเลย เพราะเขายังอึ้งไม่หายที่จู่ๆช่างกันพามาดูบ้าน ทำยังกับเป็นเรือนหอคอยรัก ซึ่งในตอนนี้ฟีฟ่ายังไม่รู้ใจตัวเองเลยว่าชอบใครกันแน่ระหว่างสามคน
เมื่อช่างกันมาส่งฟีฟ่าถึงหน้าบ้าน ฟีฟ่ารีบลงจากรถทันที เพราะกลัวช่างกันถามเรื่องความรักอีก
“ไม่ต้องรีบร้อนตอบกูก็ได้นะกูรอได้” ช่างกันพูดจบเขาก็ขับรถแล่นออกไป
ฟีฟ่ายืนอยู่หน้าบ้านครุ่นคิดเหตุการณ์เมื่อครู่ เขารู้สึกได้ถึงความจริงใจของช่างกัน แต่ฟีฟ่ายังไม่สามารถที่จะให้คำตอบใครได้
ในช่วงเวลาพักเที่ยงไอโซนัทได้ส่งไลน์มาหาฟีฟ่า เพื่อชวนไปเที่ยวยามค่ำคืนใต้แสงเทียน บนเรือหรูในแม่น้ำเจ้าพระยาเพียงสองคน ฟีฟ่านั้นใช้เวลาตัดสินใจไม่นานเขาจึงตอบตกลง เพราะฟีฟ่ายังคิดถึงวันแรกที่ได้เจอไอโซนัทได้ ค่ำคืนนั้นเขามีความสุขและได้เจอสิ่งอันแปลกใหม่สำหรับเขา “ว่าไงน้องฟีฟ่าตกลงจะไปเที่ยวกับไอโซนัทไหม”เจมมี่นั่งลงข้างๆพร้อมจ้องสายตาของฟีฟ่า “ตกลงไปซิ ทำไมพี่เจมี่กับพี่กอล์ฟไม่ไปด้วยล่ะ” “มันหมดเวลาของพี่แล้วนะ พี่แค่เป็นสะพานต่อจากนี้ก็เป็นเรื่องพี่นัทกับน้องฟีฟ่าแล้วแหละ” “พี่เจมี่พูดแปลกๆเมื่อก่อนเชียร์พี่นัทอยู่เลยนี่ครับ” “ใช่ ตอนนี้พี่ยังเชียร์พี่นัทอยู่เลย เพราะพี่นัทเป็นผู้ใหญ่แล้วสามารถดูแลน้องของพี่ได้ ข้อสำคัญพี่นัทตามใจฟีฟ่าทุกอย่าง ตั้แต่เหตุการณ์วันนั้นเขาเลิกคบเพื่อนทั้งแก็งค์หมดเลยนะ เห็นไหมพี่เขาทำเพื่อฟีฟ่าขนาดไหน แต่เหนือสิ่งใด ความรักมันไม่สามารถบังคับจิตใจกันได้ ถึงพี่นัทจะดีทุกอย่างแต่ถ้าไมได้รัก อยู่ด้วยกันไปก็ไม่มีความสุขนะ” “พี่พูดยาวจังเลย” “พี่เห็นฟีฟ่าไปเที่ยวกับน้องนักว
วันหยุดสุดสัปดาห์เช่นเคยที่ฟีฟ่าต้องเอาอาหารไปให้ไนท์ ในวันนี้เขารู้สึกแปลกๆไม่เหมือนเช่นทุกวัน จิตใจในห้วงลึกหวั่นๆใจชอบกล แต่เขาพยายามสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป แต่เมื่อเดินไปถึงขอบสระ ฟีฟ่าแอบรู้สึกผิดหวังเล็กๆ ที่ไม่เห็นไนท์อยู่ในสระว่ายน้ำ “พี่ฟีฟ่าเข้ามาในบ้านก่อนก็ได้ครับ ผมยังไม่ว่ายน้ำหรอก” “ไอ้เด็กบ้ารู้ทันอีก”ฟีฟ่าบ่นพึมพำในใจ เมื่อฟีฟ่าเดินเข้ามาในบ้านหลังน้อยๆแต่เนื้อที่บริเวณบ้านกว้างใหญ่ เพียงฟีฟ่าเปิดประตูเข้าไปในบ้านก็พบกับความรกข้าวของวางไม่เป็นที่เป็นทางเต็มไปหมด “ทำไมบ้านรกอย่างนี้ ไม่รู้จักเก็บกวาดให้เรียบร้อย บ้านของพ่อพี่ออกจะสวยงาม แต่น้องไนท์ทำซะเละเลย” “มาถึงก็บ่นๆยังไม่แก่ซักหน่อย ก็ไม่มีเวลาทำนี่ครับไหนจะเรียนหนังแล้วต้องซ้อมกีฬาอีก ถ้าพี่ฟีฟ่าว่างๆมาช่วยผมทำความสะอาดก็ได้ ดีกว่าไปล่องเรือเจ้าพระยา กับไปเป็นสก้อยท้ายรถบิ๊กไบค์”ไนท์เดินเข้ามาหาฟีฟ่าโดยมีผ้าเช็ดตัวผืนเดียว “ฟีฟ่ามันเรื่องของพี่นี่ พี่จะไปไหนกับใครก็ได้” “นั่นแสดงว่าพี่ฟีฟ่าปฏิเสธผมกลายๆใช่ไหม”
ฟีฟ่ากับยศนั่งคุยกันในห้องรับแขกตามภาษาพ่อลูก แต่แล้วก็มีชายหนุ่มที่คุ้นเคยเข้ามาหา โดยมีแม่ของฟีฟ่าเป็นคนเปิดประตูให้เข้ามา “สวัสดีครับพ่อ”ช่างกันยกมือไหว้ยศ “ใครพ่อมึง”ยศเริ่มมีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไร “ก็พ่อไงครับ” “ไอ้นี่เห็นใจดีด้วย พูดอะไรไม่เกรงใจกันเลย” “ทำไมต้องเกรงใจครับ เพราะอีกหน่อยเราก็จะเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้วนี่ครับ”ช่างกันนั่งข้างๆฟีฟ่า “บอกพ่อหรือยังเรื่องของเรา”ช่างกันพูดเสียงดังข้างๆหูฟีฟ่า “อะไรของนาย”ฟีฟ่าใช้สายตาปรามช่างกันไว้แต่ดูไม่เป็นผลซักเท่าไร “มีอะไรพูดมาตรงๆเรื่องอะไรบอกมา”ยศเอ่ยขึ้น “คือว่า ผมกับฟีฟ่ารักกันครับ” “ไม่จริงนะพ่อ”ฟีฟ่าตกใจกับคำพูดของช่างกัน “ใช่ครับ ฟีฟ่าขอเวลาตัดสินใจสักพัก แต่ผมรอไม่ไหวกลัวโดนแย่ง ทั้งหนุ่มนักว่ายน้ำและไอโซนั่นอีก ผมต้องชิงตัดหน้ามาพูดกับพ่อไว้ก่อน เพราะผมจริงใจมีอะไรก็จะพูดตรงๆครับ”ช่างกันมีน้ำเสียงที่หนักแน่น “เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฟีฟ่าเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง” “
ช่วงพักเที่ยงไอโซนัทได้มาหาฟีฟ่าที่ห้องสมุดในมหาวิทยาลัย โดยมีเจมี่เป็นฝ่ายจัดแจงทุกอย่างให้ได้เจอกัน จึงทำให้ฟีฟ่าและไอโซนัทได้ออกไปข้างนอกด้วยกัน โดยไอโซนัทได้พาฟีฟ่าไปร้านอาหารธรรมดาร้านหนึ่ง เพราะเขาไม่อยากที่จะพาฟีฟ่าไปที่ร้านหรูอย่างที่เคยพาไป “ชอบไหมร้านแบบนี้”ไอโซนัทเอ่ยถามขึ้น สาเหตุที่ไอโซนัททำแบบนี้เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับฟีฟ่าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในช่วงเวลานี้ เพราะไอโซนัทรู้ตัวว่าคุ่แข่งของเขานั้นมีตั้งสองคน ซึ่งแต่ละคนก็ไม่ธรรมดาเขาจึงไม่อาจไว้วางใจได้ “ชอบครับ ร้านแบบนี้ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องมีอะไรมาก แค่สั่งมาแล้วกิน” “พี่ดีใจนะที่น้องฟีฟ่าชอบร้านอาหารที่พี่พามา และพี่จะพามาบ่อยๆ สั่งอาหารเลยซิ เพราะวันนี้เรามีเวลากันน้อย” “ครับ” “ไม่ต้องเกรงใจพี่นะ” ฟีฟ่าและไอโซนัทได้สั่งอาหารอย่างที่ตัวเองชอบไม่กี่อย่าง เพราะด้วยเวลาอันเร่งรับมีแค่หนึ่งชั่วโมงช่วงพักเที่ยง “พักนี้น้องฟีฟ่าไม่ค่อยมีเวลาไปไหนมาไหนกับพี่เลยนะ เห็นเจมี่เล่าว่าไปโน้นไปนี่ตลอดเวลาเลย จนทำให้พี่รู้สึกน้อยใจเป็นบางคร
ก่อนที่ไนท์จะออกไปเก็บตัวฝึกซ้อม เขาได้เข้ามาหาฟีฟ่าในบ้าน ซึ่งยศผู้เป็นพ่อก็เห็นอยู่แต่เขาแสร้งไม่เห็น เพราะไม่อยากไปขัดขวางจะทำให้ไนท์เกิดความเครียดอาจส่งผลต่อการแข่งขัน เมื่อทั้งคู่ได้อยู่ในห้องโถง มีโซฟาสามตัวต่อติดกันไว้ ไนท์นั่งลงข้างๆฟีฟ่าจนตัวติดกันทีเดียว “นั่งห่างๆก็ได้ เดี๋ยวพ่อพี่มาให้”ฟีฟ่าสอดสายตามองไปรอบๆบ้าน “ถึงเห็นโค้ชก็ไม่ว่าอะไรหรอก ผมว่าโค้ชคงเห็นอะไรบ้างแหละ ตอนที่เราอยู่สองคนตั้งหลายครั้ง”ไนท์อมยิ้ม “พูดไปเรื่อยมาหาพี่มีอะไร” “เดี๋ยวสายๆผมต้องไปเก็บตัวแล้วครับ อาทิตย์หน้าต้องลงแข่งเพื่อคัดตัวไปแข่งซีเกมส์” “เหรอ พี่อวยพรให้โชคดีนะ”ฟีฟ่าเปลื่ยนสีหน้าหันมายิ้มแย้มให้กำลังใจ “ผมชอบรอยยิ้มพี่ฟีฟ่าจังเลย” “อย่ามัวมาชอบรอยยิ้มพี่เลย เอาเวลาไปซ้อมเพื่อชัยชนะเถอะ” “ถ้าเกิดผมพลาดการคัดเลือกพี่ฟีฟ่าจะมีรางวัลอะไรให้ผมไหม” “จะเอาอะไรล่ะ รถเบนซ์เหรอ” “เอาไปทำไมผมอยากได้ใจพี่ฟีฟ่ามากกว่า เมื่อไรพี่จะให้ใจผมซักทีล่ะครับ” “เอาอีกแล้ว เอาคำพูดหวานๆ
หลายวันผ่านมาและในค่ำคืนที่เหลือไม่กี่วัน ถึงคราที่ฟีฟ่าตต้องตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะทำเช่นไรกับชีวิต ซึ่งในระหว่างที่ฟีฟ่านั่งนิ่งครุ่นคิดอยู่นั้น ยศและสินีผู้เป็นแม่ได้มานั่งข้างๆทั้งสองฝั่งซ้ายขวา “พ่อกับแม่มีอะไรเหรอครับ”ฟีฟ่าหันมองซ้ายทีขวาที “พ่อต้องถามฟีฟ่ามากกว่ามั้ง ว่าเป็นอะไรมานั่งซึมคนเดียวหลายวันแล้วนี่”ยศมองหน้าลูกชายแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะความสดใจร่าเริงของฟีฟ่าได้หายไป ในช่วงแรกยศคิดว่าฟีฟ่าอาจคิดถึงไนท์ แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวต่างๆที่สินีเล่าให้ฟัง ว่ามีหนุ่มสามคนชวนฟีฟ่าไปเที่ยวหนึ่งในนั้นรวมไนท์ด้วย “ไม่มีอะไรหรอกครับพ่อนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”ฟีฟ่าพยายามฝืนยิ้ม แต่เขาก็ไม่สามารถปิดบังซ้อนเร้นความคับอกคับใจได้ “ไม่ต้องปิดบังพ่อกับแม่หรอก แม่รู้ทุกอย่างในวันนั้นแม่ไม่ได้แอบฟังนะ แต่แม่บังเอิญได้เห็นได้ยิน”สินีขยับมือลูบศีรษะของลูกชาย “พ่อรู้ว่าลูกพ่อชอบแบบไหน พ่อไม่สนหรอก แต่ที่พ่อสนใจ พ่ออยากรู้ว่าลูกจะตัดสินใจอย่างไรมากกว่า ซึ่งพ่อรับได้หมดทุกคนที่ลูกเลือก”ยศยิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดีให้ฟีฟ่าได้เห็นเพื่อจะได้สบาย
เช้าวันสุดท้ายที่ฟีฟ่าต้องเลือกแล้วว่าจะไปไหนกับใคร หรือว่าไม่ไปที่ไหนสักแห่งกับหลายคนที่มาเชิญชวน วันนี้จึงเป็นวันที่จิตใจของฟีฟ่าว้าวุ่นและกดดันไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี ฟีฟ่านั่งครุ่นคิดอยู่นานจนถึงเวลาที่เขาต้องตัดสินใจบางอย่าง ฟีฟ่าจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างเร่งรีบเพราะเขาปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปพอสมควร เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยฟีฟ่าจึงออกจากห้องไปยังจุดหมายที่ใจของเขาต้องการ ฟีฟ่าขับรถออกจากบ้านจนมาถึงอู่ซ่อมรถของช่างกัน เมื่อช่างกันเห็นฟีฟ่าเดินลงมาจากรถ เขารีบเดินไปหาฟีฟ่าในทันที “กูดีใจนะที่มึงจะไปเที่ยวกับกู” “คือ เรา เอ่อ” “อะไร หรือว่ามึงจะมาบอกกูว่าไม่ไป”ช่างกันมีสีหน้าที่ตื่นตระหนก “ใช่”ฟีฟ่ามีสีหน้าที่ซึมลง “ทำไม” “เรารักนายแบบเพื่อนคนหนึ่ง” “น้ำเน่ามาก แต่กูก็เข้าใจมึงนะ คนอย่างกูใครจะมาชอบ”ช่างกันยังตะลึงกับคำพูดของฟีฟ่า มันไม่ใช่อย่างนั้นนายเป็นคนดีคนหนึ่งเลย” “ไม่ต้องมาพูดดีหรอก กูรู้ตัวดีแต่กูก็เคารพการตัดสินใจของมึง” “ขอบใจนาย
หลังเลิกงานฟีฟ่าหนุ่มบรรณารักษ์เดินดุ่มๆออกจากมหาวิทยาลัย เนื่องด้วยวันนี้รถของเขาเสียจึงอยู่ที่ร้านซ่อม ฟีฟ่าจึงต้องขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน ฟีฟ่าคิดไว้ว่าจะรอรถที่หน้ามหาวิทยาลัย แต่ยังเดินไปไม่ถึงก็มีรถจอดข้างๆ “ขึ้นรถมาเร็ว”เจมี่รุ่นพี่บรรณารักษ์เรียกฟีฟ่าขึ้นรถ “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะขึ้นแท็กซี่กลับก็ได้ครับ” “ไม่ได้วันนี้พี่มีธุระจะคุยด้วย” “เอ่อ ก็ได้ครับ” ฟีฟ่ารีบขึ้นรถนั่งข้างหน้าคู่กับเจมี่รุ่นพี่ เมื่อฟีฟ่าขึ้นมาในรถแล้ว เจมี่ก็รีบขับรถออกไปทันที “พี่เจมี่มีอะไรจะคุยกับฟีฟ่าเหรอครับ” “ฟีฟ่านี่หน้าตาน่ารักดีนะอายุก็เกือบสามสิบแล้วหน้ายังเด็กอยู่ด้วย ดูอย่างพี่ซิอายุสามสิบหน้าปาเข้าไปสี่สิบแล้ว”เจมีหนุ่มบรรณารักษ์รุ่นพี่ยิ้มอย่างสดใส พรางหัวเราะไปด้วยความขบขันตัวเอง “พี่อย่าพูดอย่างนี้สิ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” “พี่รู้ตัว พี่ยอมรับความจริงได้ไม่ต้องปลอบใจพี่หรอก” “ไม่ได้ปลอบใจหรอกครับ แต่ถึงอย่างไงพี่กอล์ฟก็รักพี่ที่สุดอยู่แล้ว” “แหม มันแน่อยู่แล้ว ที่พี่ชวนข