เส้นทางความรักระหว่าง นาตาเซียและลูคัส นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้หวานชื่นดั่งคู่รักในเทพนิยาย เมื่อนาตาเซียหลบหนีการแต่งงานแบบคลุมถุงชน แต่เธอเหมือนหนีเสือปะจระเข้เมื่อมาพบกับลูคัส ชายผู้สูญเสียคนรักจากอุบัติเหตุ
View Moreบทที่ 26“ที่ไหนคะ” นาเดียร์เลิกคิ้วสงสัย เพราะทุกครั้งที่มาพักผ่อนยังบ้านของครอบครัวชายหนุ่ม เธอมักจะได้มาปีนเขาที่นี่เสมอ จึงนึกไม่ออกว่ามีภูเขาที่ไหนที่เธอพอจะปีนได้บ้าง“ความลับ” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร ก่อนจะขับรถไปยังสถานที่ที่บอกว่าเป็นความลับ ไม่นานก็มาถึง แม้จะเป็นภูเขาไม่สูงมากกะคร่าวๆ ด้วยสายตาน่าจะสูงประมาณเท่าตึกหกหรือเจ็ดชั้น ลูคัสเปิดประตูก้าวลงไป ก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้นาเดียร์บ้าง“เคยมาที่นี่เหรอคะ” หญิงสาวก้าวลงจากรถ ก่อนจะหันมองซ้ายมองขวามองไปรอบๆ พื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ แต่ข้างหน้าคือเนินผา“ครับ...เมื่อก่อนมาบ่อย แต่หลังๆ ไม่ค่อยได้มา” เหตุผลที่มาบ่อยเพราะใกล้ๆ เป็นพื้นที่สำหรับตั้งแคมป์นั่นเอง เมื่อก่อนถ้าอยากอยู่คนเดียว คิดอะไรเงียบๆ เขาก็จะมาพักที่นี่แทนที่จะเป็นบ้านของครอบครัว“ว้าว...ที่นี่สงบและสวยมากเลยนะ” นาเดียร์เกาะแขนชายหนุ่มแน่น แววตาเป็นประกายเพราะชอบนั่นเอง เธอสูดอากาศสดชื่นๆ ของที่นี่เข้าไปจนเต็มปอด“ชอบไหม?”
บทที่ 25ลูคัสเคลียร์งานเรียบร้อยแล้วซึ่งก็ผ่านไปหลายชั่วโมง ชายหนุ่มเดินมาที่ครัว ก่อนจะหยิบขวดแก้วที่ภายในคือวิสกี้รสเยี่ยมออกมาเทใส่แก้วทรงสวย เดินกลับมานั่งไขว่ห้างที่เก้าอี้ตัวเดิมพร้อมจิบวิสกี้ในมือไปด้วย “นาเดียร์ น้องคุณหรือเปล่า ใช่ไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยกับตัวเองเหมือนมีอะไรบางอย่างตีตื้นความรู้สึกขึ้นมา วิสกี้ในแก้วตอนนี้จึงไหลลงคอลูคัสรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะเดินมาหยุดที่ประตูห้องนอนใช้กุญแจไขมันเข้าไป ชายหนุ่มก้าวยาวๆ เพียงสองก้าวก็มาถึงเตียงที่ตอนนี้ นาตาเซียนอนหลับอยู่ ในมือหญิงสาวยังคงมีปากกาที่เขายื่นให้ กระดาษเปล่าๆ ตอนนี้มีโครงเส้นของอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มเพ่งมองเพราะพอจะมองออกว่ามันคืออะไร“เครื่องประดับ” ชายหนุ่มลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น มองคนที่นอนคว่ำหน้าหลับหนุนแขนตัวเอง ขนตางอนยาวดำขลับ คิ้วโก่งเข้ารูปรับกับใบหน้าสวยคม ชายหนุ่มยื่นมือไปปัดปอยผมของหญิงสาวให้ออกไปจากใบหน้า เส้นผมลอนสวยลื่นมือ ทุกอย่างในตัวนาตาเซียช่างเหมือนนาเดียร์ใบหน้าคมเข้มค่อยๆ โน้มลงไปหาคนที่นอนหายใจสม่ำเสมอบนเตียง จมูกโด่งเป็นสันจรดลงไปบนพวงแก้มนุ่มๆ หัวใจของชายหนุ่มก็พองโตคับอกทันที ก่อนจะค่อยๆ
บทที่ 24“ซาอุ ทะ...ทำไมต้องเป็นที่นั่น” พอได้ยินชื่อว่าซาอุฯ นาตาเซียก็หน้าซีด เป้าหมายคืออิตาลีแต่สุดท้ายกลับต้องไปซาอุฯ มีแต่ตายกับตายเท่านั้นงานนี้ “เพราะฉันทำงานที่นั่น” “แล้วนายจะแวะเติมน้ำมันที่ไหน ฉันขอลง” “ไม่แวะ...ยิงยาวจากเมืองไทยถึงซาอุรวดเดียวสิบชั่วโมงนิดๆ” คำตอบของลูคัสเหมือนฟ้าผ่าลงมาใส่ตัวนาตาเซียอีกครั้ง ตกลงนี่เธอต้องนั่งเครื่องกับเขาไปจนถึงซาอุฯ เลยอย่างนั้นนะเหรอ “ฮะ!...ยิงยาว” “ใช่ สมรรถนะเครื่องบินลำนี้ทำได้ ไม่ต้องแวะเติมน้ำมันอย่างที่เธอเข้าใจ” ลูคัสยิ้มออกมา เพราะเขาทุ่มเงินซื้อเครื่องบินส่วนตัวลำนี้มามูลค่ามากกว่าพันล้านบาท เรื่องอะไรต้องเสียเวลาแวะเติมน้ำมัน “แล้วฉันจะกลับบ้านยังไง” “พอถึงซาอุแล้วเธอก็ค่อยซื้อตั๋วเครื่องบินบินต่อไปเองสิ ยายสมองทื่อ”“เอ๊ะ! นายปากเสียนี่” ทั้งสองคนสบตากัน เพียงแค่ได้มอง ลูคัสกลับอยากคว้าเธอเข้ามากอดให้แน่นอีกสักครั้ง แต่ก็อดใจไว้ไม่ทำแบบนั้น “ช่วยคิดให้ ไม่ขอบคุณแต่ปากดี ระวังจะเจอจูบ”“นายก็ระวังให้ดีจะเจอตบ คราวนี้จะเอาแบบเลือดกบปาก” “กล้าทำแบบนั้นเหรอ อย่าลืมว่าตอนนี้เธออยู่บนเครื่องบินของใคร ในนี้มีผู้ชายถึงสามค
บทที่ 23“ไม่จริง...” แม้จะพยายามคิดเข้าข้างตัวเองเสียงแข็งว่าเรื่องผิดพลาดแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับตัวเองแน่นอน แต่ภาพมันก็ฟ้องเป็นหลักฐานชิ้นเอกจนเธอแทบพูดอะไรไม่ออก หญิงสาวเดินสำรวจไปทั่วลำก็ว่าได้ เครื่องบินลำนี้แบ่งออกเป็นสามตอน ตอนหน้าเป็นส่วนของห้องนักบิน ตอนกลางเป็นที่นั่งสำหรับผู้โดยสารวีไอพี มีห้องนอนซึ่งเธอเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่ติดกับห้องครัว และตอนท้ายหรือส่วนหางของเครื่องบิน มีทั้งเก้าอี้ผู้โดยสาร ห้องน้ำ และห้องเก็บสัมภาระ เมื่อสำรวจเรียบร้อย นาตาเซียก็หน้าซีดเข้าไปใหญ่ ถึงจะเหมือนแต่มันไม่ใช่“ตอบมาว่าเธอเป็นใคร?” ชายหนุ่มยืนเท้าสะเอวถาม ยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบปลายคางและแก้มที่ตอนนี้รู้สึกเจ็บนิดหน่อย “เรื่องอะไรฉันต้องตอบ” แม้จะกลัวที่ตัวเองมาอยู่ในเครื่องบินของผู้ชายคนนี้ แต่นาตาเซียก็ยังไม่ยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆ “เพราะมันคือคำสั่ง” “ไม่! นายต้องพาฉันกลับไปส่งเดี๋ยวนี้” หญิงสาวตะคอกกลับไป ก่อนจะเอ่ยสั่งเขาแทน แต่ลูคัสกลับหัวเราะเยาะออกมา คำสั่งของผู้หญิงมันไม่มีความสำคัญกับเขาสักนิด “อยากกลับก็กระโดดลงไปสิ ร่มชูชีพอยู่นั่น” ชายหนุ่มให้ทางเลือก แต่นาตาเซียอยากร้องกรี๊ดออก
บทที่ 22ลูคัสซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนักบินตั้งแต่เครื่องออกมาจากภูเก็ต เนื่องจากชายหนุ่มได้ร่ำเรียนมาด้านนี้เพราะความชื่นชอบ เมื่อหมดหน้าที่เพราะเครื่องบินของเขาไต่ระดับได้แล้วนั้น จึงปล่อยให้นักบินที่หนึ่งและผู้ช่วยนักบินอีกคนที่นั่งประจำการอยู่ด้วยจัดการควบคุมเครื่องบินต่อ ส่วนเขานั้นกลับมานั่งสบายๆ บนเก้าอี้สุดหรู หยิบงานขึ้นมาอ่าน เพราะกลับไปครั้งนี้เขามีเรื่องต้องจัดการอีกมากนัก ชายหนุ่มแทบไม่ได้ขยับไปไหนเลย จึงไม่รู้ว่าตอนนี้มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ในเครื่องบินเขาด้วย ลูคัสนั้นนั่งหันหน้าเข้าหาห้องนอนเล็กๆ บนเครื่องบิน ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นประตูค่อยๆ เปิดออก ไม่นานความสงสัยของเขาก็กระจ่าง เพราะตอนนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากห้อง เธอก้มหน้าก้มตาทำให้ผมยาวสีดำขลับสยาย ก่อนจะเงยหน้ายกแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงบิดขี้เกียจพร้อมสูดอากาศเข้าปอด คงเพิ่งตื่นซึ่งเป็นอย่างที่ลูคัสคิดจริงๆ เพราะนาตาเซียเผลอหลับไปนานเลยทีเดียว พอรู้สึกตัวตื่นก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาเป็นกอง “ดีจังเลย” นาตาเซียยังคงไม่ทันสังเกตเห็นชายหนุ่ม เพราะเอาแต่ยืนหลับตาบิดขี้เกียจอย่างสบายใจอยู่ “นาเดียร์” พอได้
บทที่ 21“แต่นั่นคือความสุขของลูกที่จะได้แต่งงาน ใช้ชีวิตมีความสุขกับผู้ชายดีๆ อย่างไมค์นะคะ” ดารียะห์ยังไม่ยอมเปลี่ยนความคิด “คุณป้า ผมเข้าใจคุณลุงแมทธิวดีครับ ว่าคงเป็นห่วงว่าผมจะดูแลนาตาเซียไม่ได้ แต่ผมให้สัญญาอย่างลูกผู้ชายตอนนี้เลย ว่าจะไม่มีวันทำให้นาตาเซียเสียใจเป็นอันขาด” ภีรดลเอ่ยคำมั่นให้พ่อของนาตาเซียเข้าใจและยอมรับในตัวเขา อัสมาห์และศุภกรเองก็พยักหน้าให้กับคำพูดของลูกชาย “ฉันจะไปตามลูกกลับมาเอง”“นาตาเซียไม่ได้บินไปที่อิตาลีอย่างที่คุณเข้าใจ” คำตอบของ แมทธิวทำให้คนฟังทั้งหมดภายในห้องมองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจ “งั้นคุณก็บอกฉันมาว่าลูกไปอยู่ที่ไหน?” ดารียะห์เอ่ยถามสถานที่ เพราะรู้ว่าแมทธิวต้องรู้แน่“ผมไม่รู้”แมทธิวเอ่ยตอบนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ อย่างกังวล ที่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย แม้จะร้อนใจกับเรื่องของนาตาเซียที่ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างตอนนี้ แต่ก็ทำได้เพียงความห่วงใย เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นค้นหาที่ไหน “ไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อคุณบอกลูกให้ไปขึ้นเครื่องเอง” “ใช่ ทุกอย่างมันสมควรจะเป็นแบบนั้น แต่เครื่องบินของผมยังอยู่ที่สนามบิน ไม่ได้บินไปอิตาลีหรือบรูไนอย่างที่คิด
บทที่ 20“คุณพี่ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ หนูนาตาเซียหนีขึ้นเครื่องบินไปแล้ว” อัสมาห์ปรี่เข้าไปบอกสิ่งที่ได้รับรู้จากลูกชายทันที แมทธิวยังยืนนิ่งในห้องหลังได้ยินสิ่งที่อัสมาห์พูด หนุ่มใหญ่ไม่ได้แสดงอาการใดๆ เพียงแค่ยิ้มมุมปากออกนิดหน่อยเท่านั้น ที่นาตาเซียขึ้นเครื่องได้สำเร็จ “หนีขึ้นเครื่องบิน หมายความว่ายังไง ก็นาตาเซียไปดินเนอร์กับไมค์ไม่ใช่เหรอ” สีหน้าบ่งบอกความแปลกใจมาก ดารียะห์แทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน “ไม่ใช่ค่ะ ไมค์โทรมาบอกว่าเห็นหนูนาตาเซียขึ้นเครื่องบินส่วนตัวบินไปที่ไหนก็ไม่รู้ นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นคะคุณพี่” “นาตาเซีย” ดารียะห์รีบเดินไปยังห้องลูกสาว ก่อนจะเข้าไปรื้อข้าวของออกดู พาสปอร์ตและวีซ่าไม่อยู่ในตู้เซฟอย่างนั้นนะเหรอ รู้แบบนี้จึงกลับมายืนจ้องหน้าละออ เพราะน่าสงสัยเป็นที่สุด “ละออ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” น้ำเสียงดุๆ ของดารียะห์เอ่ยถามละออ ที่ส่ายหน้าให้เพราะไม่รู้จริงๆ “ดิฉันไม่ทราบค่ะ” คนถูกถามอย่างละออก็งงและตกใจไม่แพ้กันที่นาตาเซียหนีไปแบบนี้ แต่ลึกๆ ก็แอบดีใจไม่น้อย “แน่ใจนะว่าไม่รู้ ถ้าฉันจับได้ว่าเธอสมรู้ร่วมคิดให้นาตาเซียหนีไป ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่” คนเป็น
บทที่ 19 รถทั้งสองคนกำลังมุ่งหน้าไปสนามบิน แต่รถของนาตาเซียนำหน้าอยู่ไกลพอสมควร ภีรดลกลัวว่าจะตามหญิงสาวไม่ทันจึงเร่งคนขับให้ขับเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว นาตาเซียมาถึงสนามบินแทบจะพร้อมๆ กับภีรดลก็ว่าได้ พอหญิงสาวเปิดประตูก้าวลงจากรถ มองหาเครื่องบินส่วนตัวของครอบครัว พอเห็นก็เดินจ้ำอ้าวไปทันที ความมืดที่โรยตัวเข้ามากับความรีบร้อนทำให้เธอไม่มองหน้ามองหลังให้ดี “นาตาเซีย” ภีรดลตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวที่เห็นหลังไวๆ เสียงดังก้อง ชายหนุ่มเปิดประตูลงจากรถทั้งๆ ที่รถยังจอดไม่สนิทด้วยซ้ำ เจ้าของชื่อหยุดเดินหันหลังกลับมามองยังต้นเสียงทันที ก่อนจะตาโตที่เห็นภีรดล พอเห็นว่าเขากำลังใกล้เข้ามาเธอก็ออกวิ่งตรงไปยังเครื่องบินอย่างไม่คิดชีวิต “ใครจะแต่งงานกับนายไม่ทราบ ฉันคนหนึ่งล่ะไม่มีทาง” นาตาเซียบ่นกับตัวเอง ขณะสับขาวิ่งในรันเวย์ของสนามบินเพื่อตรงไปยังเครื่องบินที่จอดรออยู่ ก่อนจะก้าวเข้าไปในประตูของเครื่องบินส่วนตัวที่เปิดรออยู่ ท่ามกลางสายตาสับสนของพนักงานปล่อยเครื่องบินในรันเวย์ว่าหญิงสาวเมื่อครู่มาจากไหนเมื่อนาตาเซียเข้าไปในเครื่องบินเรียบร้อย ประตูเครื่องบินก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นปิด ก่อนจะออกตัว ภีรดล
ขณะที่กำลังเดินกลับเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและถ่วงเวลา นาตาเซียเห็นประตูห้องของพ่อแม่เปิดแง้มอยู่ ได้ยินเสียงของแม่นมเล็ดลอดออกมา สิ่งที่ได้ยินหญิงสาวแทบไม่กล้าก้าวไปไหน ยืนฟังด้วยหัวใจที่เต้นรัว ที่แท้เรื่องการมาเมืองไทยครั้งนี้ก็คือการคลุมถุงชนเหรอ “คุณผู้หญิงจะให้คุณหนูแต่งงานกับคุณภีรดลจริงๆ เหรอคะ” ละออเอ่ยถามน้ำเสียงสั่นๆ หวังว่าดารียะห์จะเปลี่ยนใจ เพราะภีรดลไม่ได้เหมาะสมกับนาตาเซียสักนิด “ใช่ ฉันเตรียมการอะไรไว้หมดแล้ว กลับไปบรูไนครั้งนี้ การหมั้นหมายและแต่งงานจะเริ่มขึ้นอย่างเร็วที่สุด” คำพูดยืนยันของแม่ ทำให้นาตาเซียน้ำตาเอ่อ “แต่คุณหนูจะไม่มีความสุข” สีหน้าของละออดูกังวล เธอรวบรวมความกล้ามาทั้งวันเพื่อก้าวเข้ามาในห้องดารียะห์แล้วพูดเรื่องนี้ หวังให้ผู้เป็นนายเปลี่ยนใจ “ละออรู้ได้ยังไง ว่าลูกฉันจะไม่มีความสุข” “เอ่อ...” คำถามของดารียะห์ทำให้ละออยืนก้มหน้านิ่ง เพราะมันคือคำถามที่แสดงออกว่าเธอละลาบละล้วงมากเกินไป “ฉันเป็นแม่เขาแท้ๆ นะละออ สิ่งไหนที่ดีกับลูกฉันต้องทำ” น้ำเสียงของดารียะห์แสดงออกถึงความไม่พอใจ รู้ว่าละออรักนาตาเซียมาก แต่ก็ไม่ควรจะมองข้ามความคิดของแม่แท้
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นภายในบ้านหลังใหญ่แสนโอ่อ่า หรูหราและสวยงามสมฐานะผู้ที่ครอบครองอย่างครอบครัวแมทธิวและดารียะห์ สองสามีภรรยาที่ต่างเชื้อชาติ แต่ก็รักและเลือกใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน แมทธิวนั้นเป็นเศรษฐีทองคำชาวฝรั่งเศส ได้รู้จักและแต่งงานกับดารียะห์ ทายาทบ่อน้ำมันรายใหญ่ของบรูไน การแต่งงานของทั้งคู่เหมือนเรือล่มในหนองก็ไม่ปาน เพราะยิ่งส่งให้ทั้งสองครอบครัวมั่งคั่งและร่ำรวยมากขึ้น ดารียะห์หันซ้ายหันขวามองหาคนรับใช้ ก่อนจะส่ายหน้าให้ เพราะไม่เห็นมีใครเดินมารับโทรศัพท์ที่ส่งเสียงอยู่ภายในบ้านสักคน ร่างอวบๆ แต่ยังคงดูสาวและสวยของเจ้าของบ้านเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายเสียเอง “ฮัลโหล” เสียงเอ่ยทักเป็นภาษาท้องถิ่นชาวบรูไนแบบสั้นๆ แต่กังวานฟังเหมือนคนมีอำนาจ แตกต่างกับหญิงรับใช้ในบ้าน เพียงแค่นี้อัสมาห์ก็ยิ้มออก ไม่คิดว่าดารียะห์จะรับสายด้วยตัวเอง “คุณพี่ดารียะห์ ดิฉันอัสมาห์นะคะ” บุคคลที่โทรเข้ามาเอ่ยแนะนำตัว “อ้าว...อัสมาห์ ไม่ได้คุยกันซะนาน สบายดีหรือเปล่า?” ดารียะห์ค่อยๆ หย่อนตัวลงไปนั่งบนโซฟาสุดหรูของเธอ ก่อนจะยกขาขาวขึ้นไขว่ห้าง เธอนั้นถึงจะมีเชื้อสายบรูไนหรือมุสลิม แต่การเลี้ยงด...
Comments