กรงรักในมือซาตาน
ตอนที่ 31
(กำราบ)
เขาทาบทับร่างบอบบางจนไม่สามารถไหวติงได้ ทุกอย่างอยู่ใต้อาณัติอย่างแยบยล คนที่เคยขัดขืนก็ไม่อาจฝืนแรงชายชาตรีได้ ปล่อยให้เขาซุกไซ้ตามเรือนกายของเธออย่างจำนน มีเพียงหยาดน้ำตาเท่านั้นที่รินไหลอย่างสื่อความหมายว่าเธอนั้นเจ็บปวดอยู่ในอกเหลือแสน...
"ท่านมันคนใจร้าย ฮึก ฮึก" ฟาตินได้แต่พึมพำพร้อมกับสายธารน้ำตาที่รินไหล เมื่อไม่อาจฝืนแรงห้ามเขาได้จึงทำได้เพียงต่อว่าอย่างจำนนเท่านั้น
"น้ำตาก็ไม่ช่วยอะไรได้ในยามนี้" อานัสทำเมินเฉยต่อความเสียใจที่หญิงสาวถ่ายทอดออกมา ใบหน้าที่แปดเปื้อนน้ำสีใสแม้จะไหลรินต่อเนื่อง ก็ไม่อาจจะทัดทานแรงราคะตอนนี้ให้มอดลง
...ดวงตากลมหลับพริ้มอย่างจำยอมด้วยความทุกข์ระทม ปล่อยให้เขาระดมจูบซับตามเรือนกายอย่างช้า ๆ เสื้อผ้าที่สวมใส่ค่อย ๆ หลุดหายจนร่างกายของเธอนั้นเปลือยเปล่า ฝ่าเท้าที่ได้รับบาดเจ็บถูกกระทำด้วยความระมัดระวัง
"ฮึก อึก..." เธอสะอื้นร่ำไห้นอนนิ่งบนเบาะหนังนุ่มนิ่มในรถยนต์ คนตัวใหญ่จัดการเปลื้องอาภรณ์ห่มกายจนหมดสิ้น ไม่คิดสนใจต่อสภาพของฟาตินที่เป็นอยู่ตอนนี้
"เราจะไม่รุนแรงนะ สัญญา" อานัสให้คำมั่นต่อการกระทำ
...ใบหน้าคมที่มีไรหนวดเขียวครึ้มซอกซอนตรงร่องคอระหง จูบซับตามผิวกายสาวที่เปลือยเปล่าอย่างน่าหลงใหล มือใหญ่ค่อย ๆ ลูบไล้สัมผัสแผ่วเบา เคลื่อนคล้อยลงต่ำและกอบกำทรวงอกอวบอูมอย่างสนุกมือ
"อึก ฮึก" คนที่นอนใต้ร่างไม่ต่อต้านใด ๆ เพราะแม้จะฝืนไปก็ไม่มีทางหลีกหนีได้ เธอจำต้องทำเพียงปล่อยให้ธารน้ำตารินไหลอย่างไม่อาจหักห้าม...จำนนต่อชะตากรรมนับจากนี้
รถยนต์ที่วิ่งที่ตามท้องถนน คนขับที่รับรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเขาควรทำอย่างไร เสียงบางเบาที่เล็ดลอดออกไปส่งสัญญาณชี้บ่งแล้วว่าผู้เป็นนายกระทำการใดอยู่ด้านหลัง
กลีบปากอุ่นจูบซับเรียวปากสวย สอดลิ้นร้อนชอนไชในปากสาว กวาดควานความหวานอย่างหิวโหย ดวงตากลมของฟาตินหลับพริ้มอย่างชอกช้ำรับรสจูบที่แสนวาบหวามนี้ปล่อยให้คนป่าเถื่อนทำตามแต่ใจต้องการ....
…อานัสมอบรสจูบที่ทำให้หญิงสาวตัวเล็กเคลิบเคลิ้ม ร่างกายที่เคยขัดขืนแทบฝืนต้านทานไม่ไหว มือหนาใหญ่ลากไล้ตามเนื้อผิวเนียนละเอียดแผ่วเบา
“อื้ม...” สติที่มีเพียงน้อยนิดทำให้ฟาตินเปล่งเสียงออกมาอย่างย้ำเตือนว่าเธอนั้นกำลังจะหมดลมหายใจจากการจูบอันเร่าร้อนของเขา พยายามส่งเสียงปรามแต่ก็ไม่วายถูกปากหนานั้นครอบงำประกบจูบปิดสนิท เรียวลิ้นอุ่นหนาสอดพันในโพรงปาก มือหนึ่งบีบเคล้นสะโพกนุ่มนิ่มอย่างสนุกมือ
แม้สถานที่จะค่อยอำนวยแต่ก็จะเป็นปัญหาต่ออานัสผู้ช่ำชอง ชายหนุ่มเริ่มจับความเป็นชายสอดใส่ถูไถตามความสาวที่เริ่มชื้นแฉะ โน้มตัวจูบอย่างดูดดื่มจนฟาตินที่หลับตาสนิทนั้นหายใจแทบไม่ทัน สองขาเรียวถูกแยกออกสุดความกว้างด้วยแขนแกร่งที่มีแรงมากกว่า ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ไร้การป้องกันพยายามสอดใส่เข้าสู่ความสาวที่อย่างช้า ๆ
“เจ็บ...” น้ำเสียงสั่นเครือเมื่อรู้สึกถึงการสัมผัสตรงกลางกายสาว ที่ทำเอาเธอนั้นถึงกับน้ำตาร่วงแต่ก็ยังอดทนเพื่อให้มันผ่านพ้นไป ในเมื่อปรามไม่ได้ก็คงต้องยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข การถูกย่ำยีร่างกายในที่ผ่านมาทำให้ฟาตินเริ่มจะชินชาต่อความรู้สึกทั้งปวง
สวบ! กึด ในที่สุดความยิ่งใหญ่ของชายชาตรีก็เข้าสู่กายสาวของเธอได้ ใบหน้าเข้มที่เหมือนสุขใจ ลมหายใจที่พ่นออกมาที่แสนเสน่หา แต่กับฟาตินนั้นคือความข่มขื่นที่ไม่อาจฝืนได้
“อึก...ฮึก บอกว่าเจ็บ”
“แป๊บเดียวเท่านั้น...จับแขนเราไว้"
ฟาตินบอกกล่าวต่อความรู้สึกที่เธอเป็น อานัสที่เปลี่ยนไปกดแช่แกนกายที่ยิ่งใหญ่ให้แน่นิ่ง เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงละมุนพร้อมกับจับมือฟาตินให้กำแน่นตรงข้อมือแกร่ง หวังให้เธอได้ระบายความเจ็บลงที่เขาแทน
เอวสอบเนื้อแน่นเริ่มขยับเขยื้อนโยกย้ายสวนเข้าออกตรงกลางกายสาวอย่างช้า ๆ ทุกอย่างค่อย ๆ ไล่ระดับความเร็วในการสวนเอวขึ้นเรื่อยๆ จากช้าค่อย ๆ ขับเคลื่อนเป็นเร็วถี่ เรือนร่างบอบบางเริ่มตอบสนองความต้องการในแรงสวาท อานัสใช้ปากสัมผัสกับยอดอกที่มันน่าดึงดูดให้ครอบครอง ดูดดึงอย่างกับคนหิวโหย บ้างก็ดูดตามเนื้อผิวจนเป็นรอยช้ำแดง ตามตัวของฟาตินเริ่มสวยงามในสายตาของอานัสที่เหมือนจะภูมิใจกับการแสดงความเป็นเจ้าของเธอ
...จังหวะการกระแทกเน้นๆ ช้าๆ สลับกันไปมา และแรงขึ้นทุกจังหวะเมื่อความซ่านเสียวในกายไม่อาจทนทานไหว ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มรู้สึกจุกท้องทุกครั้งที่โดนจังหวะหนักเน้น
"เจ็บท้อง"
"ขอโทษ..จะเบาลงนะ"
สองกายที่ตอบสนองต่อกันเริ่มทานทนต่อแรงสวาทไม่ไหว อานัสกระแทกเอวไม่ยั้ง จนร่างกายของฟาตินสั่นคลอนตามแรง การเริงรักที่ละมุนอ่อนโยนทั้งที่คนเถื่อนอย่างอานัสไม่เคยทำ แต่ด้วยรู้ดีว่าร่างกายของฟาตินยังไม่ดีพอจึงอ่อนโยนแปลกไปแต่กลับน่าหลงใหลในคราวเดียวกัน เอวของอานัสร่อนเร็วและถี่อย่างไม่รู้สึกเหนื่อย...เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามร่างกาย แม้ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทที่เร่าร้อนลงได้ หากร่างกายแกร่งยังไม่อิ่มพอ
ตั่บ ๆ ๆ
พลั่บ ๆ ๆ
"ซี๊ด อ่า ไม่ไหวแล้ว...ส่งเสียงให้เราฟังสักหน่อยสิฟาติน"
“.................” เธอเงียบไม่ยอมทำตามที่เขาร้องขอ
ปึก ปึก ปึก อานัสกระแทกเน้นทุกจังหวะ มันทั้งเสียวและจุก จนฟาตินต้องกัดฟันแน่นและเริ่มที่จะทนไม่ไหว สองมือกำข้อมือแกร่งแน่นเกร็งอย่างต้องการระบายความซ่านเสียว
"อ๊ะ!!"
“ขอบใจที่เปล่งออกมาแม้จะแค่นี้ก็เพียงพอ ซี๊ด...”
อร๊าย/อ่า ซี๊ด
และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงเริ่มผ่อนปรนความรู้สึกอุ่นในช่องท้องเมื่ออานัสนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาลูกรักพุ่งฉีดอัดแน่นภายในกาย ฟาตินที่รองรับแรงนอนหอบหายใจเหนื่อยอ่อน หน้าอกอวบกระเพื่อมถี่หายใจเร็วแทบไม่ทันก่อนที่เธอนั้นจะปิดเปลืองตาหลับสนิทลงเข้าสู่ห้วงนิทราอันบอบช้ำ
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 32(อดีตที่เจ็บปวด)"โอ๊ะ!" ร่างกายที่เจ็บร้าว กลางกายสาวที่เจ็บปวด ฟาตินขยับตัวบางเบาเมื่อเธอนั้นรู้สึกตัวสายตากลมโตกวาดมองโดยรอบ เตียงนอนขนาดใหญ่ ห้องหับที่แปลกตาไม่คุ้นชิน ความสงสัยประเดประดังเข้ามา เธอขยับตัวนั่งหลังพิงกับหัวเตียง ใช้สมองประมวลเหตุการณ์ก่อนหน้าอย่างพินิจ"ที่ไหนกันนะ" เธอพึมพำและค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียงนอนช้า ๆ เดินมุ่งหน้าไปยังประตูบานใหญ่"นายหญิงจะไปไหนครับ" ทันทีที่เปิดประตูออกมา ก้าวขายังไม่พ้นธรณีประตู อยู่ ๆ เสียงก็เอ่ยขึ้น"อัมกาสที่นี่คือที่ใด ทำไมถึงเงียบสงัดเพียงนี้" ฟาตินเอ่ยถามด้วยความสงสัย ไม่คิดรีรอใด ๆ ให้ยืดเยื้อ"ชาร์จาห์ คฤหาสน์อีกหลังของนายท่านครับ" อัมกาสบอกเล่าเท่าที่จำเป็น"พาฉันมาทำไม?" ฟาตินย้อนถามเสียงเย็น ไม่คิดสนใจต่อสิ่งใดในตอนนี้"กระผมไม่ทราบครับ...นายหญิงคงต้องถามนายท่านด้วยตนเอง" อัมกาสคนสนิทของอานัสกล่าวปฏิเสธพร้อมชี้แนะในสิ่งที่เธอถาม แม้จะรู้ความแก่ใจแต่ก็ไม่อยากพูดมากเพราะรู้ดีในสิ่งที่ควรหรือไม่"ท่านอานัสอยู่ไหน?""ท่านรอนายหญิงตื่น ตอนนี้ยืนอยู่เรือนเล็กด้านหลังคฤหาสน์...เดี๋ยวกระผมจะพาไป""อืม"ฟาติ
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 34(เจ็บแทน)เสียงของกรอบรูปหล่นแตกกระจาย ทั้งเครื่องปั้นและเครื่องแก้วมากมายที่อยู่ใต้กรอบรูปนั้น เพราะกรอบรูปบานใหญ่ร่วงหล่นลงมาใส่คนที่อยู่ใต้กรอบภาพนั้น...แต่ความเจ็บที่ควรได้รับกลับมีน้อยนิด เหมือนสิ่งของนั้นแทบไม่ได้โดนคนที่สมควรโดนแม้แต่น้อย"ท่านอานัส!""ไม่เจ็บใช่ไหม?"ฟาตินที่ลืมตามอง แล้วร้องขึ้นด้วยความตกใจ ร่างกายของเธอที่ถูกโอบกอดแน่นปกป้องให้พ้นภัย แต่อีกคนนั้นร่างกายแน่นิ่ง ดวงตาปรือแต่ก็ยังเอ่ยถามเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกห่วงใย เลือดสีแดงไหลเต็มหัวและขมับ ลำตัวถูกทางทับด้วยกรอบรูปสีทองที่หนักอึ้ง...เธอค่อย ๆ ผลักกรอบภาพนั้นออกจากตัว พลิกร่างคนที่บาดเจ็บหนักให้หนุนตักแทน"ท่านอานัสคะ...ท่านอานัส อย่าหลับนะคะ" เธอตั้งสติแล้วเอ่ยเรียกเขา ตบหน้าเบา ๆ ให้รู้สึกตัวตลอดเวลา แต่ว่าเพียงสิ้นรอยยิ้มอ่อน เขากลับหลับตานิ่งทันทีพร้อมกับเลือดที่ไหลต่อเนื่อง"ท่านอานัส!! ฟื้นสิ" ฟาตินเรียกขานและตบแก้มเขาอีกครั้งหวังให้ฟื้นมีสติแต่ก็ไร้วี่แวว"ช่วยด้วย!! อัมกาส!" ฟาตินที่ได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า ตะโกนเสียงดังเรียกขานขอความช่วยเหลือ"ท่านอานัสได้ยินฉันไหม...ฟื้นสิไ
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 35(เส้นขนาน)"อย่าไป...ฉันไม่เหลือใคร ไม่เหลือใครจริง ๆ" เสียงนิ่งดังขึ้น ข้อมือถูกจับรั้งแม้ยืนหันหลังให้ ใบหน้าที่แปดเปื้อนด้วยคราบน้ำตาหันไปมอง ขยับสองขาให้เอี้ยวตัวหันกลับ แต่เจ้าของเสียงนั้นยังหลับตานิ่ง สิ่งที่แสดงออกมาทางใบหน้าคือความเพ้อละเมอไม่ตั้งใจจะพูดออกมา"........." ฟาตินได้แต่ยืนนิ่งมองหน้า พร้อมกับหยาดน้ำตาที่เริ่มไหลรินอีกครั้งอย่างไม่อาจห้ามได้ ชายที่ได้รับบาดเจ็บยังคงขยับปากพูดแผ่วเบา สีหน้าคละเคล้าความเศร้าที่เธอนั้นสัมผัสได้จากสีหน้าของเขาที่เป็น"ไม่เหลือใคร..." อานัสยังคงเพ้อต่อ"ท่านอานัส" ฟาตินเอ่ยเสียงแผ่ว ดวงตากลมโตสั่นระริกด้วยความเห็นใจ รับรู้ได้ว่าสิ่งที่ชายหนุ่มพบเจอนั้นคงเจ็บปวดไม่ต่างกัน การสูญเสียพี่สาวที่รัก ภาพน่าอนาถเหล่านั้นคงฝังอยู่ในใจด้วยความเจ็บเจียนแหลก"อย่าไป..." เขายังคงพูดออกมาด้วยอาการละเมอไม่หยุด วกวนคำเดิมจนฟาตินนั้นทรุดเข่านั่งลงกับพื้นด้วยความน่าสงสาร ความสงสารที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดของคนทั้งสอง หัวใจที่ไม่คิดจะปรองดองกันเพราะสิ่งที่เคียดแค้นชิงชังนั้นฝังรากลงลึกสู่ขั้วหัวใจ"ฮึก ๆ ฮือ...ขอโทษ ขอโทษที่ทำให้
กรงรักในมือซาตานตอนพิเศษ(เส้นตรงเพียงเส้นเดียว)...กาลเวลาที่ผันผ่านไปอีกคนเฝ้ารอใจจดจ่อ คะนึงรอคอยแม้ไม่รู้ว่าจะพบเจอกันอีกเมื่อใด แต่ยังไงก็ยังไม่เคยทิ้งเธอออกไปจากความทรงจำแม้เพียงเสี้ยววินาที นับตั้งแต่ที่เลือกมอบอิสระเสรีให้แก่เธอ ความขมขื่นในใจก็ยังไม่เคยจางหาย แอบมองเธออยู่ห่าง ๆ ด้วยคำสัตย์ที่ให้ไว้ ว่าจะไม่วุ่นวายและคุกคามการดำรงชีวิตของเธอ*เราอย่าพบเจอกัน แม้ประจันหน้ากันก็ทำเพียงคนที่ไม่เคยรู้จัก อย่าได้คุกคามชีวิตของกันและกัน ทุกอย่างขอให้เหมือนตายจากนับจากวันที่ฉันก้าวขาออกไปจากที่นี่...หากยังก่อกวนใจจนฉันทนไม่ไหว ฉันจะหนีหายโดยที่ท่านจะไม่มีวันหาเจอ*คำสั่งห้ามสุดท้ายก่อนจากกันในวันนั้น ทำให้เขาไม่กล้าที่จะประจันหน้าต่อเธอ แม้จะไม่ได้เป็นอุปสรรคในการตามหา แต่ว่าก็ไม่ได้อยากให้เธอนั้นรู้สึกอย่างที่ผ่านมา จึงทำได้เพียงให้คนตามติดด้วยความห่วงใย และมองเธอจากภาพถ่ายเท่านั้น"ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้างอัมกาส" เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยกับคนสนิท ที่เขาให้ตามติดดูเธอทุกฝีก้าว"นายหญิงดูสบายดีครับท่าน ร่างกายแข็งแรงและดูยิ้มแย้มแจ่มใส" อัมกาสรายงานตามสิ่งที่เห็น เขาเฝ้าดูเธอไม่ห่าง สั่
กรงรักในมือซาตานตอนพิเศษ(เส้นตรงเพียงเส้นเดียว๒)สองสัปดาห์ผ่านพ้นไป คนที่ใจคะนึงหาเริ่มอยู่ไม่ติด จัดการสะสางงานให้เรียบร้อยแล้วมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่อีกฟากของตะเข็บชายแดน"ทำไมฟาตินดูผอมลง...เราสั่งว่ายังไง แล้วนั่นทำไมเธอถึงต้องทำงานหนักเช่นนั้น" อานัสที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดา เขาแอบส่องมองฟาตินอยู่หลังพุ่มไม้หนาหลังบ้านของเธอ ที่อานัสอยู่เบื้องหลังของที่พักพิงนี้ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องลำบากตรากตรำ"นายหญิงทำจนเริ่มชินแล้วครับ ถ้าหากกระผมคอยให้มีคนช่วยเดี๋ยวนายหญิงสงสัย" อัมกาสให้เหตุผลกับคนที่เลือดร้อน"แต่ฟาตินดูร่างกายไม่สู้ดียังไงไม่รู้" อานัสแย้งขึ้นตามสายตาที่เห็น แม้จะมองอยู่ไกล ๆ แต่เขาก็สังเกตเห็นได้"นั่นสิครับ...วันนี้นายหญิงดูอ่อนแรงผิดปกติที่กระผมให้คนคอยติดตาม""อัมกาส!...ฟาตินจะเป็นลม!" สิ่งที่เห็นทำให้อานัสตกใจ และเป็นห่วงไม่น้อย ความไวที่สมองสั่งการทำให้เขาดีดตัวลุกพรวดพราด จนอัมกาสค้องจับแขนรั้งไว้"อย่าออกไปครับท่าน""เราจะไปช่วยฟาติน""เดี๋ยวนายหญิงหนีครับท่าน...ใจเย็น ๆ เดี๋ยวกระผมจัดการให้ครับ"อัมกาสดึงแขนผู้เป็นนายให้นั่งลงตามเดิม ก่อนที่เขา
กรงรักในมือซาตานตอนพิเศษ(เส้นตรงเส้นเดียวและเส้นสุดท้าย)คนที่เป็นลมสลบไสลแน่นิ่ง ใบหน้าซีดเผือดทำให้คนที่นั่งเฝ้านั้นอดห่วงไม่ได้ ใบหน้าที่เขาไม่ได้เห็นระยะใกล้เช่นนี้มานานแรมเดือนตั้งแต่ปล่อยเธอจากมา"คิดถึงมากเลยนะ" ฝ่ามือหนาเกลี่ยเส้นผมที่ปิดคลุมใบหน้าทัดหู เอื้อนเอ่ยออกมาดั่งที่ใจนั้นรู้สึก มองหน้าเธอยิ่งนึกถึงอดีตที่เคยทำร้าย จนทำลายและย่ำยีเธอให้เจ็บปวด"ขอโทษสำหรับที่ผ่านมา ขอโทษที่รู้ตัวช้าไปและจมปลักอยู่กับความแค้น จนมันเข้ามาแทนความรักที่เรามีให้" อานัสเอ่ยบอกจากใจ แม้ว่าเธอจะหลับใหลไม่ได้ยินในความรู้สึกที่มี ก็ยังดีที่กว่าไม่ได้พูดออกไป"ให้อภัยเราได้ไหมฟาติน" เขายังคงพูดพร่ำออกมาจากปากอย่างต่อเนื่อง ร้องขอวิงวอนคนที่นอนหลับต่อการให้อภัย ทั้งที่ไม่อาจรู้ได้ว่าจะเป็นอย่างที่ตั้งหวังหรือไม่"หมอมาแล้วครับท่าน" อัมกาสเดินเข้ามาพร้อมกับหมอที่จะทำการตรวจรักษาฟาติน ตามคำสั่งของผู้เป็นนาย"ตรวจนางให้ละเอียด ดูเหมือนร่างกายของนางจะไม่ค่อยแข็งแรง" อานัสออกคำสั่งกับหมอที่อัมกาสพามาด้วยวาจาที่นิ่งขรึมวางท่า"ครับท่าน" หมอตอบรับแล้วจัดการตรวจอาการของฟาติน สายตาของชายหนุ่มเฝ้ามองไม่ห
พิเศษ : กบฏปัง!! ปัง!! ปัง!!...เสียงปืนรัวดังกังวาน เหมือนสะท้านมาจากด้านในป่าทึบที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ สิ่งที่ได้ยินทำให้คนที่ไม่ทันตั้งตัว รีบหดตัวหมอบลงที่ต่ำ พร้อมกับกอดแน่นหญิงที่รักอย่างห่วงใย“กะ เกิดอะไรขึ้น” ฟาตินที่ตัวสั่นในอ้อมกอดของอานัส ใช้มือปิดหูไว้ป้องกันเสียงดังจากกระสุนปืน เธอเอ่ยถามตะกุกตะกักอย่างหวาดกลัว“เงียบก่อนนะ เดี๋ยวเราจะโทรเรียกอัมกาส” อานัสที่เริ่มกังวลใจ การที่ได้ยินเสียงปืนดังติดกันหลายนัด ทำให้เขานั้นนึกห่วง ถ้าตัวคนเดียวคงไม่เท่าไหร่ แต่นี่กลับมีหญิงสาวที่รักข้างกาย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะกังวล แถมอาวุธติดตัวก็ไม่มี ปืนสักกระบอกก็ไม่ได้คิดพกมา ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ปัง!! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! (กรี๊ด)(ว้าย)(เฮือก!!)เสียงปืนดังติดกันหลายนัด พร้อมกับเสียงหวีดร้องของชาวบ้าน เหมือนมันกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ฟาตินที่กลัวจนตัวสั่น สองมือปิดหูบังไว้ ไม่ให้ได้ยินเสียงปืนชัดเจน เธอถูกอานัสโอบกอดไว้แน่น ในขณะที่เขาพยายามต่อสายหาคนสนิท“อัมกาส!! ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น!” เมื่อต่อสายได้สำเร็จ เขาจึงเอ่ยถามทันทีด้วยความใคร่รู้“พวกมันกำลังจะเขายึดห
พิเศษ : รักฟาติน เสียงปืนก็ยังคงดังต่อเนื่อง ด้วยไหวพริบและความเร็วที่อานัสมี เขาพาฟาตินวิ่งลัดเลาะไปตามชายป่ารกทึบ ที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่และขวากหนามมากมาย แต่สุดท้ายก็พาเธอมาถึงที่หมายได้สำเร็จ“ไม่ต้องร้องนะฟาติน เธอจะปลอดภัย เราไม่มีทางให้เธอเป็นอะไรไปแน่”เขาพูดปลอบคนที่ร้องไห้หนักเพราะหวาดกลัว ไล้มือเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แตะจูบชิดริมฝีปากอวบอิ่มนั้นด้วยความรัก สายตาที่จ้องมองแม้จะอาทรห่วงใย แต่หน้าที่ของลูกผู้ชายที่เป็นบุตรก็ย่อมสำคัญเช่นกัน ความรักและหน้าที่ที่สำคัญไม่ต่างกัน เขาจะต้องฝ่าฟันมันไปให้จงได้“แล้วอัมกาสจะมาตอนไหนคะ...ท่านอานัสอย่าทิ้งฉันนะคะ ฉันกลัวจริง ๆ”“จะทิ้งได้ยังไงล่ะ กว่าจะตามหาและได้ยินคำว่ารัก มันยากเย็นแค่ไหนไม่รู้หรือไง หื้ม เรายังใช้มันไม่คุ้มเลยนะ...นั่นอัมกาสมาพอดี”อานัสพยายามยิ้มให้ แม้จะไม่มั่นใจว่าเขาจะได้กลับไปหาเธออีกไหม เพราะสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ค่อนข้างรุนแรง กระสุนปืนที่ไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้จะฝังลงจุดใดบ้าง"ท่านครับ""อืม ทำตามที่เราบอกไว้ ให้คนคุ้มกันฟาตินให้ดี ไปในที่ที่เราบอกไว้ ที่นั่นจะปลอดภัยแน่นอน"เมื่อคนสนิทและเหล่าบอร์ดี้การ์ดฝีมือ
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา
พิเศษ : ปลอดภัยแต่..."ท่านอานัสปลอดภัยแล้วครับ"อัมกาสรายงาน แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นไม่สู้ดี นั่นทำให้ฟาตินนั้นไม่อาจวางใจได้"ปลอดภัยแล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น" ฟาตินย้อนถาม"หมอบอกว่า...ท่านอานัสอาจจะเสียความทรงจำชั่วคราว เนื่องจากว่าหัวได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง""....."สิ่งที่ได้ยินทำเอาฟาตินถึงกับนิ่งงันไป ทำไมชีวิตของเธอเมื่อจะถึงเวลามีความสุข จะต้องมีอะไรมาบั่นทอนให้เสียใจ คนที่คิดว่าจะรักก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งที่เธอนั้นกำลังจะเปิดใจ แต่ไหนถึงได้เป็นเช่นนี้"ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรืออัมกาส" ฟาตินถามย้ำให้ชัดต่อสิ่งที่ได้รับฟัง บ่อน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที แต่ไม่มีเสียงสะอื้นร่ำไห้ เหมือนเธอนั้นช้ำอยู่ในอก จนร้องไห้ออกมาไม่ได้ นอกจากหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลรินโดยไม่อาจสั่งให้หยุดได้"ครับนายหญิง...ซึ่งหมอบอกว่าคงต้องใช้เวลา ตอนนายท่านพลัดตกน้ำ น่าจะกระแทกกับหินอย่างแรง บาดแผลที่ถูกยิงหมอจัดการผ่ากระสุนออกเรียบร้อยแล้วครับ""......"อัมกาสเล่าอาการต่อไป ส่วนคนที่เศร้าใจก็นิ่งงัน มีเพียงหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินเป็นสาย "เราเข้าไปหาเขาได้ไหมอัมกาส""ได้ครับ...ซาดียะห์เอาชุดมาให้นายหญิงสวม"
พิเศษ : จบลงฟาตินถูกพามายังที่พักอย่างปลอดภัย แต่อีกคนไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ แม้เหล่าบอร์ดี้การ์ดก็ไม่ทราบข่าวคราวหลายชั่วโมงกับการที่หญิงสาวนอนไม่ได้สติ จนเวลาผ่านพ้นคืนนั้นไป ยามเช้าที่แสงแดดอ่อนสาดทอเข้ามากระทบกับม่านตาให้รู้สึกตัว อาการมึนศีรษะก็เริ่มมี เธอค่อย ๆ ขยับตัวลุกนั่งหลังพิงกับหัวเตียงช้า ๆ“นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ ซาดียะห์ดีใจมากเลยค่ะ อึก ฮึก...”หญิงรับใช้ที่ถูกสั่งมา เมื่อรู้ว่าเป็นใครที่เธอต้องดูแล ก็มีอาการดีใจ เพราะความผูกพันที่มีต่อกัน แม้จะระยะเวลาสั้น ๆ มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีต่อฟาตินได้“ซาดียะห์เหรอ”คนที่เพ่งพิศจ้องมอง ภาพตรงหน้าที่เลือนราง เพราะการหลับทำให้วิสัยทัศน์ในการมองพร่าเบลอ“ค่ะ...ซาดียะห์เอง นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนไหม หรือว่าปวดหัวบ้างไหมคะ?”ซาดียะห์ไล่สายตามอง แล้วรีบถามด้วยความห่วงใย น้ำตาของเธอที่รินไหล ก็เพราะว่าห่วงใยนายหญิงของคฤหาสน์เหลือแสน“เราเจ็บท้ายทอยแล้วก็ปวดหัว” ฟาตินบอกด้วยรอยยิ้มที่ฝืน ๆ“เดี๋ยวซาดียะห์จะไปเอาประคบมาให้นะคะ นายหญิงรอสักครู่”“ขอบใจนะ”เมื่อได้ยินถึงอาการ หญิงรับใช้ที่จงรักภักดีก
พิเศษ : รักฟาติน เสียงปืนก็ยังคงดังต่อเนื่อง ด้วยไหวพริบและความเร็วที่อานัสมี เขาพาฟาตินวิ่งลัดเลาะไปตามชายป่ารกทึบ ที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่และขวากหนามมากมาย แต่สุดท้ายก็พาเธอมาถึงที่หมายได้สำเร็จ“ไม่ต้องร้องนะฟาติน เธอจะปลอดภัย เราไม่มีทางให้เธอเป็นอะไรไปแน่”เขาพูดปลอบคนที่ร้องไห้หนักเพราะหวาดกลัว ไล้มือเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แตะจูบชิดริมฝีปากอวบอิ่มนั้นด้วยความรัก สายตาที่จ้องมองแม้จะอาทรห่วงใย แต่หน้าที่ของลูกผู้ชายที่เป็นบุตรก็ย่อมสำคัญเช่นกัน ความรักและหน้าที่ที่สำคัญไม่ต่างกัน เขาจะต้องฝ่าฟันมันไปให้จงได้“แล้วอัมกาสจะมาตอนไหนคะ...ท่านอานัสอย่าทิ้งฉันนะคะ ฉันกลัวจริง ๆ”“จะทิ้งได้ยังไงล่ะ กว่าจะตามหาและได้ยินคำว่ารัก มันยากเย็นแค่ไหนไม่รู้หรือไง หื้ม เรายังใช้มันไม่คุ้มเลยนะ...นั่นอัมกาสมาพอดี”อานัสพยายามยิ้มให้ แม้จะไม่มั่นใจว่าเขาจะได้กลับไปหาเธออีกไหม เพราะสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ค่อนข้างรุนแรง กระสุนปืนที่ไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้จะฝังลงจุดใดบ้าง"ท่านครับ""อืม ทำตามที่เราบอกไว้ ให้คนคุ้มกันฟาตินให้ดี ไปในที่ที่เราบอกไว้ ที่นั่นจะปลอดภัยแน่นอน"เมื่อคนสนิทและเหล่าบอร์ดี้การ์ดฝีมือ