กรงรักในมือซาตาน
ตอนพิเศษ
(เส้นตรงเพียงเส้นเดียว๒)
สองสัปดาห์ผ่านพ้นไป คนที่ใจคะนึงหาเริ่มอยู่ไม่ติด จัดการสะสางงานให้เรียบร้อยแล้วมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่อีกฟากของตะเข็บชายแดน
"ทำไมฟาตินดูผอมลง...เราสั่งว่ายังไง แล้วนั่นทำไมเธอถึงต้องทำงานหนักเช่นนั้น" อานัสที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดา เขาแอบส่องมองฟาตินอยู่หลังพุ่มไม้หนาหลังบ้านของเธอ ที่อานัสอยู่เบื้องหลังของที่พักพิงนี้ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องลำบากตรากตรำ
"นายหญิงทำจนเริ่มชินแล้วครับ ถ้าหากกระผมคอยให้มีคนช่วยเดี๋ยวนายหญิงสงสัย" อัมกาสให้เหตุผลกับคนที่เลือดร้อน
"แต่ฟาตินดูร่างกายไม่สู้ดียังไงไม่รู้" อานัสแย้งขึ้นตามสายตาที่เห็น แม้จะมองอยู่ไกล ๆ แต่เขาก็สังเกตเห็นได้
"นั่นสิครับ...วันนี้นายหญิงดูอ่อนแรงผิดปกติที่กระผมให้คนคอยติดตาม"
"อัมกาส!...ฟาตินจะเป็นลม!" สิ่งที่เห็นทำให้อานัสตกใจ และเป็นห่วงไม่น้อย ความไวที่สมองสั่งการทำให้เขาดีดตัวลุกพรวดพราด จนอัมกาสค้องจับแขนรั้งไว้
"อย่าออกไปครับท่าน"
"เราจะไปช่วยฟาติน"
"เดี๋ยวนายหญิงหนีครับท่าน...ใจเย็น ๆ เดี๋ยวกระผมจัดการให้ครับ"
อัมกาสดึงแขนผู้เป็นนายให้นั่งลงตามเดิม ก่อนที่เขาจะล้วงเครื่องมือสื่อสารออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วต่อสายหาคนที่ไว้ใจ
"ออกมาดูนายหญิง เธอเหมือนจะเป็นลม ตอนนี้เธอยกน้ำอยู่ข้างบ้าน" อัมกาสกรอกเสียงไปตามเครื่องมือสื่อสาร สายตาก็เพ่งพิศไปยังฟาตินที่ค่อย ๆ พยุงตัวเองให้ยืนมั่น
"ทำไมฟาตินดูอาการไม่ค่อยดีเลยล่ะอัมกาส...ตามหมอมาดูเร็ว เราเป็นห่วงเมียเรา" อานัสเอาแต่พร่ำพูด การเสวนาที่ไม่ได้หันเหสายตามองคนที่พูดด้วยสักนิด เอาแต่เพ่งพิศไปยังฟาตินไม่ห่างสายตาด้วยความห่วงใย แม้จะมีคำพูดหลุดจากปากไม่ตั้งใจก็ยังไม่ทันรู้สึกตัว
"ท่านว่าอะไรนะครับ...เมียอย่างนั้นหรือ?" อัมกาสที่ได้ยินชัดเจนแต่ก็ยังเอ่ยปากย้อนถามออกไป
"ก็เออสิ..." อานัสที่ถูกจับพิรุธว่าขึ้นเสียงกร้าว แม้จะนึกละอายอยู่ในอกแต่ก็ยังวางทีท่ามาดนิ่งในแบบฉบับที่เคยเป็น
"กระผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำไมต้องดูเกรี้ยวกราดแบบนั้นครับ" อัมกาสแย้งด้วยถ้อยคำยียวน ลอบยิ้มอ่อนให้กิริยาของผู้เป็นนายที่เขารู้ดีว่ากำลังเขินอายเป็นแน่ แค่ไม่แสดงออกมาชัดเจนเพราะกลัวเสียหน้า
"หุบปากไปเลย แล้วตามหมอมาดูฟาติน" อานัสเฉไฉต่อถ้อยคำที่หลุดปากด้วยการคำสั่งเสียงกร้าว
"ครับท่าน" อัมกาสที่ไม่อยากต่อความ รับตบปากรับคำด้วยหน้าที่ แม้นจะดีใจกับกิริยาของผู้เป็นนายอยู่ก็ตามที
//////////
"เป็นอะไรไปหรือฟาติน...สีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ" คนติดตามที่ได้รับหน้าที่เอ่ยถามฟาตินทันที เมื่อเธอนั้นเดินเข้ามาหาหลังจากที่วางสายจากอัมกาสเรียบร้อยแล้ว เธอมีนามว่า มารตี เป็นคนอัธยาศัยดีและไม่เคยปองร้ายผู้ใด
"ฉันไม่เป็นไรมารตี พอดีแค่รู้สึกหน้ามืดเฉย ๆ" ฟาตินรีบบอกกล่าวเพราะไม่อยากให้เพื่อนบ้านที่สนิทกันอย่างมารตีนั้นนึกห่วง
"แน่ใจนะ" มารตีย้อนถาม
"อืม สงสัยฉันจะนอนดึกไปหน่อย แล้วพอโดนแดดแรงแบบนี้เลยหน้ามืด อย่าห่วงไปเลยนะ" ฟาตินฉีกยิ้มอ่อนก่อนจะบอกกล่าวแกมารตีให้รับรู้
"อย่าหักโหมนักสิ...เพลา ๆ ลงบ้างก็ได้ กระเป๋าไม่ได้รีบร้อนอะไร" มารตีที่คอยหางานเย็บปักมาให้ฟาตินช่วยเหลือ งานที่ทำก็ใช่จะมีคนจ้างจากที่ไหน ก็เป็นชายที่คอยแอบมองห่าง ๆ ที่ยัดเยียดให้ทำ เพราะฟาตินคงไม่ยอมแน่หากรู้ว่าเขานั้นคอยช่วยเหลือเช่นนี้ พลันแต่จะยิ่งหนีไปไกลมากกว่าเดิม
("ยังดื้อเหมือนเดิมเลยฟาติน") อานัสที่ซุ่มมองเขาสบถออกมาด้วยความห่วงใย อยากเข้าใกล้เหลือแสนแต่ก็ไม่อาจทำได้ แม้จะปลอมกายมาแอบมองก็ไม่อยากจะเข้าใกล้เธอในยามนี้ หวาดหวั่นเกรงว่าเธอนั้นจะจับได้ อาจจะทำให้เธอตีจากมากกว่าเดิม
"ก็อยากได้เงินนี่นามารตี ไม่เป็นไรหรอกนะเดี๋ยวฉันพักอีกหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว" ฟาตินรีบแย้งแจ้งแถลงไขต่ออาการที่เธอนั้นเป็น
"ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนไหม?"
"ไม่เป็นไร มารตีมีงานนี่นารีบไปทำเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันส่งกระเป๋าเขาจะว่าเอาได้"
"แต่ฉันห่วงเธอ เผื่อหน้ามืดเป็นลมไปอีกใครจะเห็นเล่า"
ทั้งสองสาวยังคงต่อคำ อีกคนก็ย้ำในหน้าที่อันพึงกระทำ แต่อีกคนก็แสนจะรั้นและปฏิเสธอยู่ร่ำไป ทั้งที่ร่างกายนั้นเหนื่อยอ่อนไม่ได้เป็นดั่งปากว่าแม้แต่น้อย
"ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ นี่เห็นไหมร่างกายแข็งแรงดี" ฟาตินรีบลุกยืนแล้วหมุนตัวให้มารตีให้ดูสร้างความเชื่อมั่นว่าเธอนั้นไม่ได้เป็นอะไร
"ก็ได้ มีอะไรก็เรียกฉันนะ"
"จ้า...ขอบใจนะ"
"ดูแลตัวเองด้วยล่ะ"
มารตียอมแพ้ต่อคนรั้น จนเธอนั้นต้องเดินกลับไปยังบ้านของตัวเอง ไม่วายหันกลับมามองฟาตินอย่างห่วงใยจนเธอนั้นเดินเข้าบ้านลับสายตาไป
"เฮ้อ...เป็นอะไรไปนะฟาติน ทำไมร่างกายถึงได้อ่อนแรงทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน" ฟาตินย้อนถามกับตัวเอง ก่อนจะก้มลงหิ้วถังน้ำที่รองไว้เข้าไปในบ้าน
แดดที่ร้อนแรงดังเปลวไฟแทบเผาไหม้ผิวกาย แสงสีรุ้งที่ฟาตินมองเห็น ภาพตรงหน้าที่เริ่มพร่าเบลอจนเธอนั้นแทบทรงตัวไม่ไหว มือเรียวจับหัวเพราะวิงเวียน ถังน้ำหล่นมือจนน้ำกระเซ็นเกลื่อนพื้นดิน สายตามองเห็นภาพชายคนหนึ่งที่ไม่ชัดเจนวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นตระหนก
"ฟาติน" น้ำเสียงทุ้มที่คุ้นหูเรียกตะเบ็งดังเธอได้ยินมันชัด สัดส่วนที่คุ้นตาแต่เธอไม่สามารถมองได้ชัดเจน ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไปจนมืดสนิท
"ดื้อไม่เคยเปลี่ยน" เสียงตำหนิดังขึ้น อานัสที่เห็นท่าไม่ดีรีบปรี่ประชิดและประคองร่างบอบบางที่เป็นลมซบอกแกร่ง
"ทำให้เราเป็นห่วงอีกแล้ว...แบบนี้จะให้เราปล่อยไปได้อย่างไรกัน" อานัสยังคงกร่นบ่น พร้อมกับส่งสายตาจ้องมองหน้าคนที่อยู่ในอ้อมอก อุ้มเธอเข้ามาในบ้านและวางเธอลงแผ่วเบานุ่มนวลบนที่นอนนุ่ม
"คิดถึงกันบ้างไหม?" อานัสเอื้อนเอ่ยเพียงลำพัง จ้องมองหน้าคนที่สลบไม่รู้สึกตัว สายตาที่แสนจะเว้าวอนมองเธอด้วยความคะนึงหา ก่อนจะโน้มตัวและก้มหน้าจูบลงกลางหน้าผากมนของคนที่เขานั้นคิดถึงแทบทุกวินาที...ด้วยหัวใจที่รักมั่น
กรงรักในมือซาตานตอนพิเศษ(เส้นตรงเส้นเดียวและเส้นสุดท้าย)คนที่เป็นลมสลบไสลแน่นิ่ง ใบหน้าซีดเผือดทำให้คนที่นั่งเฝ้านั้นอดห่วงไม่ได้ ใบหน้าที่เขาไม่ได้เห็นระยะใกล้เช่นนี้มานานแรมเดือนตั้งแต่ปล่อยเธอจากมา"คิดถึงมากเลยนะ" ฝ่ามือหนาเกลี่ยเส้นผมที่ปิดคลุมใบหน้าทัดหู เอื้อนเอ่ยออกมาดั่งที่ใจนั้นรู้สึก มองหน้าเธอยิ่งนึกถึงอดีตที่เคยทำร้าย จนทำลายและย่ำยีเธอให้เจ็บปวด"ขอโทษสำหรับที่ผ่านมา ขอโทษที่รู้ตัวช้าไปและจมปลักอยู่กับความแค้น จนมันเข้ามาแทนความรักที่เรามีให้" อานัสเอ่ยบอกจากใจ แม้ว่าเธอจะหลับใหลไม่ได้ยินในความรู้สึกที่มี ก็ยังดีที่กว่าไม่ได้พูดออกไป"ให้อภัยเราได้ไหมฟาติน" เขายังคงพูดพร่ำออกมาจากปากอย่างต่อเนื่อง ร้องขอวิงวอนคนที่นอนหลับต่อการให้อภัย ทั้งที่ไม่อาจรู้ได้ว่าจะเป็นอย่างที่ตั้งหวังหรือไม่"หมอมาแล้วครับท่าน" อัมกาสเดินเข้ามาพร้อมกับหมอที่จะทำการตรวจรักษาฟาติน ตามคำสั่งของผู้เป็นนาย"ตรวจนางให้ละเอียด ดูเหมือนร่างกายของนางจะไม่ค่อยแข็งแรง" อานัสออกคำสั่งกับหมอที่อัมกาสพามาด้วยวาจาที่นิ่งขรึมวางท่า"ครับท่าน" หมอตอบรับแล้วจัดการตรวจอาการของฟาติน สายตาของชายหนุ่มเฝ้ามองไม่ห
พิเศษ : กบฏปัง!! ปัง!! ปัง!!...เสียงปืนรัวดังกังวาน เหมือนสะท้านมาจากด้านในป่าทึบที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ สิ่งที่ได้ยินทำให้คนที่ไม่ทันตั้งตัว รีบหดตัวหมอบลงที่ต่ำ พร้อมกับกอดแน่นหญิงที่รักอย่างห่วงใย“กะ เกิดอะไรขึ้น” ฟาตินที่ตัวสั่นในอ้อมกอดของอานัส ใช้มือปิดหูไว้ป้องกันเสียงดังจากกระสุนปืน เธอเอ่ยถามตะกุกตะกักอย่างหวาดกลัว“เงียบก่อนนะ เดี๋ยวเราจะโทรเรียกอัมกาส” อานัสที่เริ่มกังวลใจ การที่ได้ยินเสียงปืนดังติดกันหลายนัด ทำให้เขานั้นนึกห่วง ถ้าตัวคนเดียวคงไม่เท่าไหร่ แต่นี่กลับมีหญิงสาวที่รักข้างกาย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะกังวล แถมอาวุธติดตัวก็ไม่มี ปืนสักกระบอกก็ไม่ได้คิดพกมา ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ปัง!! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! (กรี๊ด)(ว้าย)(เฮือก!!)เสียงปืนดังติดกันหลายนัด พร้อมกับเสียงหวีดร้องของชาวบ้าน เหมือนมันกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ฟาตินที่กลัวจนตัวสั่น สองมือปิดหูบังไว้ ไม่ให้ได้ยินเสียงปืนชัดเจน เธอถูกอานัสโอบกอดไว้แน่น ในขณะที่เขาพยายามต่อสายหาคนสนิท“อัมกาส!! ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น!” เมื่อต่อสายได้สำเร็จ เขาจึงเอ่ยถามทันทีด้วยความใคร่รู้“พวกมันกำลังจะเขายึดห
พิเศษ : รักฟาติน เสียงปืนก็ยังคงดังต่อเนื่อง ด้วยไหวพริบและความเร็วที่อานัสมี เขาพาฟาตินวิ่งลัดเลาะไปตามชายป่ารกทึบ ที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่และขวากหนามมากมาย แต่สุดท้ายก็พาเธอมาถึงที่หมายได้สำเร็จ“ไม่ต้องร้องนะฟาติน เธอจะปลอดภัย เราไม่มีทางให้เธอเป็นอะไรไปแน่”เขาพูดปลอบคนที่ร้องไห้หนักเพราะหวาดกลัว ไล้มือเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แตะจูบชิดริมฝีปากอวบอิ่มนั้นด้วยความรัก สายตาที่จ้องมองแม้จะอาทรห่วงใย แต่หน้าที่ของลูกผู้ชายที่เป็นบุตรก็ย่อมสำคัญเช่นกัน ความรักและหน้าที่ที่สำคัญไม่ต่างกัน เขาจะต้องฝ่าฟันมันไปให้จงได้“แล้วอัมกาสจะมาตอนไหนคะ...ท่านอานัสอย่าทิ้งฉันนะคะ ฉันกลัวจริง ๆ”“จะทิ้งได้ยังไงล่ะ กว่าจะตามหาและได้ยินคำว่ารัก มันยากเย็นแค่ไหนไม่รู้หรือไง หื้ม เรายังใช้มันไม่คุ้มเลยนะ...นั่นอัมกาสมาพอดี”อานัสพยายามยิ้มให้ แม้จะไม่มั่นใจว่าเขาจะได้กลับไปหาเธออีกไหม เพราะสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ค่อนข้างรุนแรง กระสุนปืนที่ไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้จะฝังลงจุดใดบ้าง"ท่านครับ""อืม ทำตามที่เราบอกไว้ ให้คนคุ้มกันฟาตินให้ดี ไปในที่ที่เราบอกไว้ ที่นั่นจะปลอดภัยแน่นอน"เมื่อคนสนิทและเหล่าบอร์ดี้การ์ดฝีมือ
พิเศษ : จบลงฟาตินถูกพามายังที่พักอย่างปลอดภัย แต่อีกคนไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ แม้เหล่าบอร์ดี้การ์ดก็ไม่ทราบข่าวคราวหลายชั่วโมงกับการที่หญิงสาวนอนไม่ได้สติ จนเวลาผ่านพ้นคืนนั้นไป ยามเช้าที่แสงแดดอ่อนสาดทอเข้ามากระทบกับม่านตาให้รู้สึกตัว อาการมึนศีรษะก็เริ่มมี เธอค่อย ๆ ขยับตัวลุกนั่งหลังพิงกับหัวเตียงช้า ๆ“นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ ซาดียะห์ดีใจมากเลยค่ะ อึก ฮึก...”หญิงรับใช้ที่ถูกสั่งมา เมื่อรู้ว่าเป็นใครที่เธอต้องดูแล ก็มีอาการดีใจ เพราะความผูกพันที่มีต่อกัน แม้จะระยะเวลาสั้น ๆ มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีต่อฟาตินได้“ซาดียะห์เหรอ”คนที่เพ่งพิศจ้องมอง ภาพตรงหน้าที่เลือนราง เพราะการหลับทำให้วิสัยทัศน์ในการมองพร่าเบลอ“ค่ะ...ซาดียะห์เอง นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนไหม หรือว่าปวดหัวบ้างไหมคะ?”ซาดียะห์ไล่สายตามอง แล้วรีบถามด้วยความห่วงใย น้ำตาของเธอที่รินไหล ก็เพราะว่าห่วงใยนายหญิงของคฤหาสน์เหลือแสน“เราเจ็บท้ายทอยแล้วก็ปวดหัว” ฟาตินบอกด้วยรอยยิ้มที่ฝืน ๆ“เดี๋ยวซาดียะห์จะไปเอาประคบมาให้นะคะ นายหญิงรอสักครู่”“ขอบใจนะ”เมื่อได้ยินถึงอาการ หญิงรับใช้ที่จงรักภักดีก
พิเศษ : ปลอดภัยแต่..."ท่านอานัสปลอดภัยแล้วครับ"อัมกาสรายงาน แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นไม่สู้ดี นั่นทำให้ฟาตินนั้นไม่อาจวางใจได้"ปลอดภัยแล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น" ฟาตินย้อนถาม"หมอบอกว่า...ท่านอานัสอาจจะเสียความทรงจำชั่วคราว เนื่องจากว่าหัวได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง""....."สิ่งที่ได้ยินทำเอาฟาตินถึงกับนิ่งงันไป ทำไมชีวิตของเธอเมื่อจะถึงเวลามีความสุข จะต้องมีอะไรมาบั่นทอนให้เสียใจ คนที่คิดว่าจะรักก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งที่เธอนั้นกำลังจะเปิดใจ แต่ไหนถึงได้เป็นเช่นนี้"ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรืออัมกาส" ฟาตินถามย้ำให้ชัดต่อสิ่งที่ได้รับฟัง บ่อน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที แต่ไม่มีเสียงสะอื้นร่ำไห้ เหมือนเธอนั้นช้ำอยู่ในอก จนร้องไห้ออกมาไม่ได้ นอกจากหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลรินโดยไม่อาจสั่งให้หยุดได้"ครับนายหญิง...ซึ่งหมอบอกว่าคงต้องใช้เวลา ตอนนายท่านพลัดตกน้ำ น่าจะกระแทกกับหินอย่างแรง บาดแผลที่ถูกยิงหมอจัดการผ่ากระสุนออกเรียบร้อยแล้วครับ""......"อัมกาสเล่าอาการต่อไป ส่วนคนที่เศร้าใจก็นิ่งงัน มีเพียงหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินเป็นสาย "เราเข้าไปหาเขาได้ไหมอัมกาส""ได้ครับ...ซาดียะห์เอาชุดมาให้นายหญิงสวม"
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา
พิเศษ : ปลอดภัยแต่..."ท่านอานัสปลอดภัยแล้วครับ"อัมกาสรายงาน แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นไม่สู้ดี นั่นทำให้ฟาตินนั้นไม่อาจวางใจได้"ปลอดภัยแล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น" ฟาตินย้อนถาม"หมอบอกว่า...ท่านอานัสอาจจะเสียความทรงจำชั่วคราว เนื่องจากว่าหัวได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง""....."สิ่งที่ได้ยินทำเอาฟาตินถึงกับนิ่งงันไป ทำไมชีวิตของเธอเมื่อจะถึงเวลามีความสุข จะต้องมีอะไรมาบั่นทอนให้เสียใจ คนที่คิดว่าจะรักก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งที่เธอนั้นกำลังจะเปิดใจ แต่ไหนถึงได้เป็นเช่นนี้"ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรืออัมกาส" ฟาตินถามย้ำให้ชัดต่อสิ่งที่ได้รับฟัง บ่อน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที แต่ไม่มีเสียงสะอื้นร่ำไห้ เหมือนเธอนั้นช้ำอยู่ในอก จนร้องไห้ออกมาไม่ได้ นอกจากหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลรินโดยไม่อาจสั่งให้หยุดได้"ครับนายหญิง...ซึ่งหมอบอกว่าคงต้องใช้เวลา ตอนนายท่านพลัดตกน้ำ น่าจะกระแทกกับหินอย่างแรง บาดแผลที่ถูกยิงหมอจัดการผ่ากระสุนออกเรียบร้อยแล้วครับ""......"อัมกาสเล่าอาการต่อไป ส่วนคนที่เศร้าใจก็นิ่งงัน มีเพียงหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินเป็นสาย "เราเข้าไปหาเขาได้ไหมอัมกาส""ได้ครับ...ซาดียะห์เอาชุดมาให้นายหญิงสวม"
พิเศษ : จบลงฟาตินถูกพามายังที่พักอย่างปลอดภัย แต่อีกคนไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ แม้เหล่าบอร์ดี้การ์ดก็ไม่ทราบข่าวคราวหลายชั่วโมงกับการที่หญิงสาวนอนไม่ได้สติ จนเวลาผ่านพ้นคืนนั้นไป ยามเช้าที่แสงแดดอ่อนสาดทอเข้ามากระทบกับม่านตาให้รู้สึกตัว อาการมึนศีรษะก็เริ่มมี เธอค่อย ๆ ขยับตัวลุกนั่งหลังพิงกับหัวเตียงช้า ๆ“นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ ซาดียะห์ดีใจมากเลยค่ะ อึก ฮึก...”หญิงรับใช้ที่ถูกสั่งมา เมื่อรู้ว่าเป็นใครที่เธอต้องดูแล ก็มีอาการดีใจ เพราะความผูกพันที่มีต่อกัน แม้จะระยะเวลาสั้น ๆ มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีต่อฟาตินได้“ซาดียะห์เหรอ”คนที่เพ่งพิศจ้องมอง ภาพตรงหน้าที่เลือนราง เพราะการหลับทำให้วิสัยทัศน์ในการมองพร่าเบลอ“ค่ะ...ซาดียะห์เอง นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนไหม หรือว่าปวดหัวบ้างไหมคะ?”ซาดียะห์ไล่สายตามอง แล้วรีบถามด้วยความห่วงใย น้ำตาของเธอที่รินไหล ก็เพราะว่าห่วงใยนายหญิงของคฤหาสน์เหลือแสน“เราเจ็บท้ายทอยแล้วก็ปวดหัว” ฟาตินบอกด้วยรอยยิ้มที่ฝืน ๆ“เดี๋ยวซาดียะห์จะไปเอาประคบมาให้นะคะ นายหญิงรอสักครู่”“ขอบใจนะ”เมื่อได้ยินถึงอาการ หญิงรับใช้ที่จงรักภักดีก
พิเศษ : รักฟาติน เสียงปืนก็ยังคงดังต่อเนื่อง ด้วยไหวพริบและความเร็วที่อานัสมี เขาพาฟาตินวิ่งลัดเลาะไปตามชายป่ารกทึบ ที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่และขวากหนามมากมาย แต่สุดท้ายก็พาเธอมาถึงที่หมายได้สำเร็จ“ไม่ต้องร้องนะฟาติน เธอจะปลอดภัย เราไม่มีทางให้เธอเป็นอะไรไปแน่”เขาพูดปลอบคนที่ร้องไห้หนักเพราะหวาดกลัว ไล้มือเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แตะจูบชิดริมฝีปากอวบอิ่มนั้นด้วยความรัก สายตาที่จ้องมองแม้จะอาทรห่วงใย แต่หน้าที่ของลูกผู้ชายที่เป็นบุตรก็ย่อมสำคัญเช่นกัน ความรักและหน้าที่ที่สำคัญไม่ต่างกัน เขาจะต้องฝ่าฟันมันไปให้จงได้“แล้วอัมกาสจะมาตอนไหนคะ...ท่านอานัสอย่าทิ้งฉันนะคะ ฉันกลัวจริง ๆ”“จะทิ้งได้ยังไงล่ะ กว่าจะตามหาและได้ยินคำว่ารัก มันยากเย็นแค่ไหนไม่รู้หรือไง หื้ม เรายังใช้มันไม่คุ้มเลยนะ...นั่นอัมกาสมาพอดี”อานัสพยายามยิ้มให้ แม้จะไม่มั่นใจว่าเขาจะได้กลับไปหาเธออีกไหม เพราะสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ค่อนข้างรุนแรง กระสุนปืนที่ไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้จะฝังลงจุดใดบ้าง"ท่านครับ""อืม ทำตามที่เราบอกไว้ ให้คนคุ้มกันฟาตินให้ดี ไปในที่ที่เราบอกไว้ ที่นั่นจะปลอดภัยแน่นอน"เมื่อคนสนิทและเหล่าบอร์ดี้การ์ดฝีมือ