พิเศษ : น่าเบื่อ
“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”
“นายหญิงคะ?”
“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“แต่ว่า....”
“ขอร้อง”
เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ
“อึก ฮึก”
เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้ว
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่
การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใหม่ เธอจึงฝักใฝ่อย่างมีความหวังในการใกล้ชิดเขา ซึ่งเหล่าบริวารก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด กลับเห็นใจเธอเสียมากกว่า เพราะพวกเขารู้ดีว่า กว่าที่คนทั้งสองจะมาปรองดองกันได้ นั้นต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากเพียงใด
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
ฟาตินที่ตื่นแต่เช้า แล้วเข้ามารอเขาในห้อง เธอทำแบบเดิมจากแต่ก่อนที่ตอนเขายังไม่ฟื้น เพื่อจัดการเช็ดตัวให้ แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว แค่เพียงเตรียมน้ำและผ้า สำหรับให้เขาล้างหน้าด้วยตัวเอง
“เธออีกแล้วเหรอ”
เขาตื่นมาก็ชักสีหน้าใส่เหมือนเดิม และมันก็ทำให้เธอนั้นแอบร้องไห้ทุกครั้ง
“ล้างหน้าก่อนนะคะ มาค่ะเดี๋ยวฟาตินจะเช็ดให้”
เพล้ง!!
และเขาก็ทำแบบนี้ประจำในทุกครั้งที่เธอดูแล ปัดกะละมังสีทองที่รองน้ำจนคว่ำ พร้อมกับปัดมือของฟาตินออกห่าง ในขณะที่เธอพยายามอย่างมากในการเข้าใกล้ชิดเขา
ที่ทำเพราะเธอมีความหวัง
“น่ารำคาญเกินไปแล้ว จะวุ่นวายอะไรหนักหนา ก็บอกว่าไม่ต้องสะเออะมาดูแลไง”
อานัสพูดเสียงกร้าว จ้องหน้าของฟาตินอย่างดุดัน สิ่งที่เขารับรู้คือไม่ต้องการให้เธอเข้าใกล้ แต่เธอมันรั้นและยอมเจ็บกายเอง เพียงเพราะหัวใจของเธอมันสั่งการ ว่าสักวันเขาจะจำเธอได้อย่างเช่นที่ผ่านมา
“ฟาตินไม่โกรธท่านหรอกค่ะ เพราะว่าท่านป่วยอยู่”
เธอฝืนยิ้มให้แก่เขา และคำพูดแบบนี้เธอก็จะพูดออกมาประจำ และทำเป็นยิ้มให้ทั้งที่ในใจนั้นเจ็บปวดเหลือแสน
ฟาตินจัดการเช็ดทำความสะอาดน้ำที่เปียกปอน ทำแบบนี้ประจำโดยไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร แม้หญิงรับใช้จะพยายาม แต่เธอก็ห้ามเพราะอยากทำด้วยตัวเอง ไม่อยากให้ใครเข้ามาขัดจังหวะแม้แต่น้อย เพราะต้องการเวลาที่อยู่กับเขาให้คุ้มค่าที่สุด
“หน้าด้านจริง ๆ”
และคำพูดด่าเสียเทเสียก็ออกจากปากของเขาร่ำไป แต่ฟาตินไม่ได้สนใจ ทำเป็นหูทวนลมเสมอ เพราะแค่นี้เธอก็เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว
“เดี๋ยวจะไปเตรียมน้ำให้อาบนะคะ”
เมื่อจัดการกับพื้นจนสะอาด เธอก็บอกในสิ่งที่ทำประจำในทุก ๆ วัน แม้ว่าเขานั้นจะดูไม่สนใจ แต่เธอก็ยังทำสม่ำเสมอ
“เมื่อไหร่จะไปจากที่นี่เสียที เริ่มจะรำคาญเต็มทน”
“จะไปได้อย่างไรกันล่ะคะ ก็ท่านยังไม่หายดีเลยนะ”
เขาพูดขึ้นเสียดแทงใจคนที่กำลังจะเดินไปยังห้องน้ำ จนเธอต้องหันมายิ้มให้ แล้วบอกออกไปด้วยคำพูดที่พยายามควบคุมไม่ให้สั่นไหว ทั้งที่ตอนนี้เข่าของเธอแทบจะทรงตัวไม่ได้
“เฮ้อ ... น่าเบื่อ”
“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวจะเตรียมน้ำให้อาบ ท่านจะได้สบายตัว”
“ทำอย่างกับเป็นเมียเรา”
“..........”
อานัสถอนลมหายใจอย่างหน่ายระอา แต่ว่าฟาตินก็ไม่สนใจ ทั้งที่เธอได้ยินทุกคำจากปากของเขา แววตาที่ดูว่างเปล่า คำพูดที่ไร้ความรู้สึก บีบรัดหัวใจคนฟังจนแทบแหลกสลาย แต่เธอก็ต้องแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อจัดการสิ่งที่เธอทำประจำ
“อัมกาส”
“มีอะไรหรือครับท่าน”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับเราเหรอ”
อานัสที่ยืนมองลงมาจากตัวบ้าน สายตาที่จ้องอยู่นานกับการที่ฟาตินนั้นตัดดอกกุหลาบอยู่ในสวน เพ่งจนเกิดความสงสัย ว่าใบหน้าที่มีรอยยิ้มกับการที่เธอเชยชมดอกไม้ รอยยิ้มที่เหมือนเขานั้นพร่ำหา แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใครที่เขาต้องการ จนต้องเอ่ยถามอัมกาสเพราะความใคร่รู้
“นายหญิงคือคนที่ท่านรักครับ”
“คนที่เรารักเหรอ?”
อัมกาสมองตามสายตาของผู้เป็นนาย แล้วพูดบอกด้วยรอยยิ้ม คำตอบที่อานัสได้ยินทำให้เกิดคำถามตามมา
“ครับ...ท่านกับนายหญิงพบเจอกันไม่สวยเท่าไหร่ แต่ว่าระยะเวลาที่ผ่านมา มันเยียวยาความรู้สึกของพวกท่านให้บรรจบกันแล้ว”
“ยังไง?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ...แต่นายหญิงฟาตินคือคนที่ท่านยอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิตเพื่อปกป้อง”
“เธอคือคนรักของเราเหรอ?....โอ๊ะ!”
“ท่านครับ”
อัมกาสเห็นท่าทีไม่ดี จึงรีบเข้าประชิดตัวเขา
พรึ่บ พรึ่บ .... เมื่อสิ้นคำพูดของลูกน้องคนสนิท ภาพขาวดำ ที่ฉายใบหน้าและรอยยิ้มของหญิงผู้หนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา สายตาที่จ้องมองลงไปด้านล่าง มันเริ่มพร่าเบลอ เกิดภาพซ้อนเวียนวนไปมา ท่าทางตอนนี้เหมือนเขากำลังประคองไม่อยู่
“ท่านครับ อาการเป็นอย่างไรบ้าง”
“เธอ เธอคนนั้น...”
ภาพรอยยิ้มและใบหน้ายังคงฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเขานั้นเริ่มปวดหนึบรอบหัว
“เข้าไปพักก่อนครับ”
“อืม”
อัมกาสพาผู้เป็นนายกลับเข้ามาในห้องนอน จัดการให้เขาได้พักผ่อน และรีบตามหมอให้มาดูอาการ จนตอนนี้เขานั้นได้นอนหลับสนิทไปแล้ว
เวลาพลบค่ำ ดวงตะวันลาลับขอบฟ้าไปยาวนอน จนผันมาเป็นยามวิกาล ฟาตินแอบเข้ามาในห้องนอนของเขา เพื่อเฝ้าดูอาการตามปกติ เธอนั่งลงที่เก้าอี้ข้างกายเขา จับมือใหญ่ขึ้นมากอบกุมแนบกับแก้ม
“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 1(ลูกนก)"จะทรมานกันไปถึงไหน!" เสียงเศร้าคละเคล้าคนสิ้นหวังย้อนถาม เมื่อเธอเอื้อนเอ่ยกับชายตรงหน้าที่ซื้อเธอมาด้วยเม็ดเงินจำนวนมากจากฮาเร็ม"ตลอดชีวิต!...และอย่าคิดหนีถ้ายังอยากอยู่สุขสบาย"เสียงชายมาดขรึมอย่างอานัสเอื้อนเอ่ยเสียงเข้มอย่างข่มขู่...สิ่งที่ได้ฟังทำเอาฟาตินนั้นแทบเข่าทรุดดวงตาคมกลมโตสั่นระริกเอ่อคลอด้วยม่านน้ำตาของคนสิ้นหวัง เธอถูกกักขังอยู่ในคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่า ที่หญิงสาวหลายคนฝันหาอยากเข้ามาเหยียบสักครั้ง แต่สำหรับฟาตินนั้นอยากจะหาทางหนีทุกเวลานาที"ฮึก อึก ท่านอานัส~~" เธอพูดเสียงแผ่วสะอื้นจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคมเฉี่ยวของชายร่างสูงตรงหน้าอย่างตัดพ้อ"หุบปาก แล้วเงียบซะ! น่ารำคาญเสียจริง อ่อ...แล้วควรรู้จักหน้าที่ของตัวเองด้วยล่ะหากเราเสร็จจากอีกคนเดี๋ยวเราจะเข้ามาหา...ก็แค่ลูกนกน้อยที่คอยเวลาไม่ได้สำคัญอะไรโปรดอย่าเข้าใจผิดว่าเรานั้นพิศวาส"ว่าจบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่คำพูดที่กรีดลึกลงกลางใจสาวที่ได้แต่มองหน้าเขาด้วยม่านน้ำตาสีใส ใยเขาถึงเหยียบย่ำหัวใจของหญิงสาวตัวเล็กได้ถึงเพียงนี้ ไม่รักกันยังหยาบช้าทำร้ายกันได้ถึงเพียงนี้"ท่านมันคนไร้หั
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 2(ตอกย้ำ)...เสียงครวญของหญิงอื่นที่บ่งบอกว่ากำลังทำอะไร ดังเล็ดลอดเข้ามาในส่วนของการรับฟังชัดเจน ผนังกั้นที่เป็นบานกระจกหนาระหว่างห้องหับสวยหรูที่ฟาตินเรียกว่ากรงขัง ผ้าม่านผืนหนาสีทองถูกเปิดออกอย่างตั้งใจ เธอเห็นสองร่างกายที่กำลังเริงรักอย่างเร่าร้อน การตอกย้ำดวงจิตที่น้อยนิดของเธอ ก็แค่นางบำเรอที่เขาใช้เศษเงินซื้อมาสนองตัณหาความใคร่ไม่รู้แน่ว่าการซื้อตัวเธอมาแอบแฝงอะไร แต่ที่ค่อนข้างแน่ใจคือท่านเชคฮอานัสผู้นี้บาดหมางกับชายที่เธอปันใจให้เพียงแรกเจอ...ฟาตินยืนมองการกระทำที่แสนหฤหรรษ์ของคนทั้งสอง ด้วยแววตาเศร้า ดวงตาคละเคล้าด้วยม่านน้ำตาสีใส ดวงใจเหมือนถูกฝ่าเท้าเหยียบจมผืนพสุธา ใบหน้าของชายหนุ่มหันมองมาทางเธอและยกยิ้มมุมปากดั่งเย้ยหยัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันถึงต้องทำให้เธอเห็น แม้หัวใจดวงน้อยของฟาตินจะยังไม่มีเขา แต่เขาก็ใช้ร่างกายเธอบำเรอตัวเอง ไม่คิดจะยำเกรงเธอเพียงสักนิด หัวจิตหัวใจของเขาทำด้วยอะไร ประดุจดั่งซาตานร้ายก็ไม่ปาน"คนใจร้าย" แม้จะเจ็บปวดต่อภาพที่เห็น ความเย็นชาจากสายตาที่มองมายังเธอ ยิ่งย้ำคุณค่าที่มีในตัวให้ต่ำลง เธอดั่งกับถูกปมเชือกหนามัดแน่
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 3(ทรมาน)"ฮึก อึก" ร่างกายบางนอนนิ่งดั่งท่อนไม้ ปล่อยให้ชายตัวใหญ่ย่ำยีกระทำต่อเรือนกายตามอำเภอใจ เขาทรมานเธอยังไม่สาแก่ใจด้วยเหตุใดก็ไม่อาจรู้แน่...ใบหน้าขรึมและจมูกคม ดอมดมลงซอกคอขาว ร่างเสลาสั่นระริกด้วยแรงสะอื้น อยากจะฝืนขัดขืนหนีก็ไร้ซึ่งความปรานีจากเขา เธออาจจะโดนทุบตีตบหน้าหากคิดทำเช่นนั้น...สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือยอมถูกย่ำยี ร่างกายหนาเสียดสีสัมผัสกับผิวกายของฟาติน ตัวตนความเป็นชายพองตัวด้วยมีอารมณ์ที่พัดพา มือหนาเคล้นคลึงเต้าอิ่มจนเต็มมือ บีบแรงด้วยอารมณ์ดิบในตัวจนฟาตินนั้นเจ็บแปลบนิ่วหน้างอ"เราเกลียดน้ำตาผู้หญิงเสียจริง!...ตอนอยู่ในฮาเร็มเห็นอ่อยเรี่ยราด เม็ดเงินมันคงล่อตามากสินะ เธอมันก็แค่ผู้หญิงชั้นต่ำที่หิวเงิน!" อานัสผู้แข็งกร้าวและเย็นชาละตัวออกห่างและเปลื้องอาภรณ์ห่มกาย และไม่วายพูดเสียดแทงใจของฟาตินที่นอนนิ่งน้ำตาไหล มองภาพชายที่คุกเข่าคร่อมเธอเลือนลาง เพราะม่านน้ำตาบดบังการมองเห็น"ฮึก ฮึก" เธอยังคงสะอื้นร่ำไห้ จะพูดอะไรมากไปก็ไม่ได้ จึงทำเพียงสื่อความรู้สึกเจ็บช้ำผ่านม่านน้ำตาสีใส"น้ำตาของเธอมันไร้ค่า! เหมือนกับตัวเธอนั่นแหละฟาติน ผู้หญิง
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 4(ทับถม)...คนที่ถูกใช้งานทางร่างกายอย่างหนักในการเริงรักตัณหานอนจมกับที่นอนด้วยพิษไข้ ร่างกายอ่อนล้าโรยแรง ลำแสงจากฟากฟ้าส่องสว่างจ้าเข้ามาในห้องหับที่ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา...ดวงตาคมค่อย ๆ กะพริบปรับรับแสง เรี่ยวแรงแขนอ่อนแรงยกขึ้นไม่ไหว ฟาตินทำได้เพียงลืมตาตื่นเมื่อรู้สึกตัว เพดานห้องสีทองเธอจ้องมองอย่างคนเหม่อลอย แววตาดั่งคนที่ไร้จิตวิญญาณ เธอทอดถอนสายตามองรอบด้านก่อนจะบรรจบพบกับชายหนุ่มล่ำสันที่ย่ำยีเธอในที่ผ่านมาที่กำลังนั่งจ้องเธอด้วยแววตาที่ดุร้าย"ก็ยังไม่ตาย รีบหายแล้วมาทำหน้าที่ของตัวเองซะ!" คนที่ปากหนักเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกร้าว คำพูดที่ได้ยินทำให้ฟาตินปวดร้าวอยู่ในอก ดวงตากลมสั่นระริกดั่งคนกำลังจะร้องไห้ เมื่อชายตรงหน้าไร้เมตตาต่อหญิงร่างเล็กอย่างเธอเสียจริง จะประวิงอย่างไรให้เขานั้นใจดีเพียงเสี้ยวแก่เธอ ไม่ต้องมากมายแค่เสี้ยวของเมตตาก็นับว่าดีมากแล้วถ้าเทียบกับตอนนี้ที่ฟาตินประสบพบเจอ"................" เธอนิ่งเงียบไม่เปิดปากพูดโต้ตอบ ทำเพียงนอนนิ่งมองหน้าเขาเท่านั้นด้วยหัวใจที่เจ็บร้าว"ไม่ต้องมาหน้าเราด้วยแววตาเช่นนั้น หึ...คงอยากจะบีบคอ
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา
พิเศษ : ปลอดภัยแต่..."ท่านอานัสปลอดภัยแล้วครับ"อัมกาสรายงาน แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นไม่สู้ดี นั่นทำให้ฟาตินนั้นไม่อาจวางใจได้"ปลอดภัยแล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น" ฟาตินย้อนถาม"หมอบอกว่า...ท่านอานัสอาจจะเสียความทรงจำชั่วคราว เนื่องจากว่าหัวได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง""....."สิ่งที่ได้ยินทำเอาฟาตินถึงกับนิ่งงันไป ทำไมชีวิตของเธอเมื่อจะถึงเวลามีความสุข จะต้องมีอะไรมาบั่นทอนให้เสียใจ คนที่คิดว่าจะรักก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งที่เธอนั้นกำลังจะเปิดใจ แต่ไหนถึงได้เป็นเช่นนี้"ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรืออัมกาส" ฟาตินถามย้ำให้ชัดต่อสิ่งที่ได้รับฟัง บ่อน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที แต่ไม่มีเสียงสะอื้นร่ำไห้ เหมือนเธอนั้นช้ำอยู่ในอก จนร้องไห้ออกมาไม่ได้ นอกจากหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลรินโดยไม่อาจสั่งให้หยุดได้"ครับนายหญิง...ซึ่งหมอบอกว่าคงต้องใช้เวลา ตอนนายท่านพลัดตกน้ำ น่าจะกระแทกกับหินอย่างแรง บาดแผลที่ถูกยิงหมอจัดการผ่ากระสุนออกเรียบร้อยแล้วครับ""......"อัมกาสเล่าอาการต่อไป ส่วนคนที่เศร้าใจก็นิ่งงัน มีเพียงหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินเป็นสาย "เราเข้าไปหาเขาได้ไหมอัมกาส""ได้ครับ...ซาดียะห์เอาชุดมาให้นายหญิงสวม"
พิเศษ : จบลงฟาตินถูกพามายังที่พักอย่างปลอดภัย แต่อีกคนไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ แม้เหล่าบอร์ดี้การ์ดก็ไม่ทราบข่าวคราวหลายชั่วโมงกับการที่หญิงสาวนอนไม่ได้สติ จนเวลาผ่านพ้นคืนนั้นไป ยามเช้าที่แสงแดดอ่อนสาดทอเข้ามากระทบกับม่านตาให้รู้สึกตัว อาการมึนศีรษะก็เริ่มมี เธอค่อย ๆ ขยับตัวลุกนั่งหลังพิงกับหัวเตียงช้า ๆ“นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ ซาดียะห์ดีใจมากเลยค่ะ อึก ฮึก...”หญิงรับใช้ที่ถูกสั่งมา เมื่อรู้ว่าเป็นใครที่เธอต้องดูแล ก็มีอาการดีใจ เพราะความผูกพันที่มีต่อกัน แม้จะระยะเวลาสั้น ๆ มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีต่อฟาตินได้“ซาดียะห์เหรอ”คนที่เพ่งพิศจ้องมอง ภาพตรงหน้าที่เลือนราง เพราะการหลับทำให้วิสัยทัศน์ในการมองพร่าเบลอ“ค่ะ...ซาดียะห์เอง นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนไหม หรือว่าปวดหัวบ้างไหมคะ?”ซาดียะห์ไล่สายตามอง แล้วรีบถามด้วยความห่วงใย น้ำตาของเธอที่รินไหล ก็เพราะว่าห่วงใยนายหญิงของคฤหาสน์เหลือแสน“เราเจ็บท้ายทอยแล้วก็ปวดหัว” ฟาตินบอกด้วยรอยยิ้มที่ฝืน ๆ“เดี๋ยวซาดียะห์จะไปเอาประคบมาให้นะคะ นายหญิงรอสักครู่”“ขอบใจนะ”เมื่อได้ยินถึงอาการ หญิงรับใช้ที่จงรักภักดีก
พิเศษ : รักฟาติน เสียงปืนก็ยังคงดังต่อเนื่อง ด้วยไหวพริบและความเร็วที่อานัสมี เขาพาฟาตินวิ่งลัดเลาะไปตามชายป่ารกทึบ ที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่และขวากหนามมากมาย แต่สุดท้ายก็พาเธอมาถึงที่หมายได้สำเร็จ“ไม่ต้องร้องนะฟาติน เธอจะปลอดภัย เราไม่มีทางให้เธอเป็นอะไรไปแน่”เขาพูดปลอบคนที่ร้องไห้หนักเพราะหวาดกลัว ไล้มือเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แตะจูบชิดริมฝีปากอวบอิ่มนั้นด้วยความรัก สายตาที่จ้องมองแม้จะอาทรห่วงใย แต่หน้าที่ของลูกผู้ชายที่เป็นบุตรก็ย่อมสำคัญเช่นกัน ความรักและหน้าที่ที่สำคัญไม่ต่างกัน เขาจะต้องฝ่าฟันมันไปให้จงได้“แล้วอัมกาสจะมาตอนไหนคะ...ท่านอานัสอย่าทิ้งฉันนะคะ ฉันกลัวจริง ๆ”“จะทิ้งได้ยังไงล่ะ กว่าจะตามหาและได้ยินคำว่ารัก มันยากเย็นแค่ไหนไม่รู้หรือไง หื้ม เรายังใช้มันไม่คุ้มเลยนะ...นั่นอัมกาสมาพอดี”อานัสพยายามยิ้มให้ แม้จะไม่มั่นใจว่าเขาจะได้กลับไปหาเธออีกไหม เพราะสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ค่อนข้างรุนแรง กระสุนปืนที่ไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้จะฝังลงจุดใดบ้าง"ท่านครับ""อืม ทำตามที่เราบอกไว้ ให้คนคุ้มกันฟาตินให้ดี ไปในที่ที่เราบอกไว้ ที่นั่นจะปลอดภัยแน่นอน"เมื่อคนสนิทและเหล่าบอร์ดี้การ์ดฝีมือ