กรงรักในมือซาตาน
ตอนที่ 1
(ลูกนก)
"จะทรมานกันไปถึงไหน!" เสียงเศร้าคละเคล้าคนสิ้นหวังย้อนถาม เมื่อเธอเอื้อนเอ่ยกับชายตรงหน้าที่ซื้อเธอมาด้วยเม็ดเงินจำนวนมากจากฮาเร็ม
"ตลอดชีวิต!...และอย่าคิดหนีถ้ายังอยากอยู่สุขสบาย"เสียงชายมาดขรึมอย่างอานัสเอื้อนเอ่ยเสียงเข้มอย่างข่มขู่
...สิ่งที่ได้ฟังทำเอาฟาตินนั้นแทบเข่าทรุดดวงตาคมกลมโตสั่นระริกเอ่อคลอด้วยม่านน้ำตาของคนสิ้นหวัง เธอถูกกักขังอยู่ในคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่า ที่หญิงสาวหลายคนฝันหาอยากเข้ามาเหยียบสักครั้ง แต่สำหรับฟาตินนั้นอยากจะหาทางหนีทุกเวลานาที
"ฮึก อึก ท่านอานัส~~" เธอพูดเสียงแผ่วสะอื้นจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคมเฉี่ยวของชายร่างสูงตรงหน้าอย่างตัดพ้อ
"หุบปาก แล้วเงียบซะ! น่ารำคาญเสียจริง อ่อ...แล้วควรรู้จักหน้าที่ของตัวเองด้วยล่ะหากเราเสร็จจากอีกคนเดี๋ยวเราจะเข้ามาหา...ก็แค่ลูกนกน้อยที่คอยเวลาไม่ได้สำคัญอะไรโปรดอย่าเข้าใจผิดว่าเรานั้นพิศวาส"
ว่าจบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่คำพูดที่กรีดลึกลงกลางใจสาวที่ได้แต่มองหน้าเขาด้วยม่านน้ำตาสีใส ใยเขาถึงเหยียบย่ำหัวใจของหญิงสาวตัวเล็กได้ถึงเพียงนี้ ไม่รักกันยังหยาบช้าทำร้ายกันได้ถึงเพียงนี้
"ท่านมันคนไร้หัวใจ ท่านอานัส" ฟาตินเอ่ยด้วยน้ำเสียงหมดหวัง พลังแรงใจที่จะชีวิตอยู่ต่อเริ่มเลือนลาง อยากตายให้หมดกรรมและสิ้นทุกข์ก็กลับได้มีชีวิตอยู่ต่อ ไม่รู้จะช่วยเหลือเธอทำไมในเมื่อไม่คิดจะไยดีกันเลยสักนิด
"หึ!!...หัวใจอย่างนั้นหรือฟาตินอะไรที่เรียกว่าหัวใจกัน!!" อานัสที่ได้ยินคำพูดที่แสลงหูจากปากของฟาติน ด้วยอารมณ์ที่ร้อนพล่าน เกรี้ยวกราดในทันตา ปรี่ประชิดตัวแล้วบีบใบหน้าของฟาตินจนยู่ กลีบปากสวยกระจับยู่ย่นแทบติดกัน ความเจ็บปวดเริ่มคืบคลานเข้าสู่กาย เมื่อแรงมือชายบีบแรงจนน้่ำตาของเธอไหลรินอาบสองแก้วนวล
"ฟาตินเจ็บ" เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงไม่ชัดเจน ปากที่ถูกบีบแรงจนแทบแหลกทำให้ไม่อาจจะทานทนได้ไหว ดวงตาคมกริบที่จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของคนตัวโตอย่างอ้อนวอน ขอให้ผ่อนปรนแรงบีบนี้คลายเสียทีเมื่อตอนนี้เธอเจ็บแปลบแทบทนไม่ไหว เเรงชายชาตรีที่หนักแน่นหญิงบอบบางคนไหนจะทานทนได้ไหว
"ดี!!! แล้วจำใส่สมองโง่ ๆ ของเธอด้วยว่าไอ้ บราฮิม มันไม่มีวันปันใจมารักผู้หญิงในฮาเร็มแบบเธอ!...เพราะหัวใจของมันมีเพียง ม่านฟ้า มงคลกุล เพียงหนึ่งเดียวที่ยืนหนึ่งในหัวใจ ไม่ใช่ผู้หญิงชั้นต่ำ!!...อย่างเธอ"
สายตาคมไล่มองหญิงที่ฟุบกับพื้นอย่างหยามเหยียดเอื้อนเอ่ยคำสุดท้ายด้วยน้ำเสียงต่ำ อานัสพูดขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว เมื่อเสี้ยวหัวใจของฟาตินเขาย่อมรู้ดีว่าเธอมีใคร เพื่อนที่เคยสนิทผันกลายเป็นศัตรูด้วยเหตุผลส่วนตัวจนแคลงใจกันไม่คิดอาจจะสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นดังเดิม ใบหน้าสวยคมถูกสะบัดปล่อยแรงจนหน้าหัน ร่างกายบอบบางล้มฟุบกับพื้นพรมหรู ความเจ็บปวดของร่างกายว่าทรมานแล้ว แต่ความเจ็บปวดทางใจนั้นทรมานแทบเจียนตาย ยิ่งถูกชายที่ไม่ได้มีใจซื้อมาเพื่อสนองตัณหาความใคร่หรือเหตุใดก็ไม่ทราบแน่ แต่ที่แน่แท้คือเขาซื้อเธอมาทรมานคงเป็นเหตุผลเดียว
"ฮึก อึก...ฆ่าฟาตินเสียเถิดเพราะเกิดมาก็ไม่เคยได้รับรักจากใครอยู่แล้วแม้กระทั่งพ่อแม่บังเกิดเกล้ายังกล้าขายลูกสาวกิน" สิ่งที่ได้ฟังยิ่งตอกย้ำและบาดลึกลงขั้วหัวใจ ฟาตินพูดบอกอย่างคนสิ้นหวัง น้ำเสียงเศร้าเอื้อนเอ่ยอย่างตัดพ้อเมื่อชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ช่างทรมานเหลือเกิน
"มันง่ายไปฟาติน!"
ปัง!!
...เมื่อสิ้นคำพูดเหี้ยมเข้มประตูห้องบานใหญ่ถูกปิดกระแทกเสียงดัง ชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องที่เสมือนกรงขังสำหรับฟาติน เธอมองตามแผ่นหลังหนาด้วยสายตาเศร้าหมอง เขายอมซื้อเธอมาเพื่อย่ำยีให้เจ็บช้ำน้ำใจ แม้จะเคยเป็นหญิงในฮาเร็มขายกายย่อมมีหัวใจไม่ต่างกัน
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 2(ตอกย้ำ)...เสียงครวญของหญิงอื่นที่บ่งบอกว่ากำลังทำอะไร ดังเล็ดลอดเข้ามาในส่วนของการรับฟังชัดเจน ผนังกั้นที่เป็นบานกระจกหนาระหว่างห้องหับสวยหรูที่ฟาตินเรียกว่ากรงขัง ผ้าม่านผืนหนาสีทองถูกเปิดออกอย่างตั้งใจ เธอเห็นสองร่างกายที่กำลังเริงรักอย่างเร่าร้อน การตอกย้ำดวงจิตที่น้อยนิดของเธอ ก็แค่นางบำเรอที่เขาใช้เศษเงินซื้อมาสนองตัณหาความใคร่ไม่รู้แน่ว่าการซื้อตัวเธอมาแอบแฝงอะไร แต่ที่ค่อนข้างแน่ใจคือท่านเชคฮอานัสผู้นี้บาดหมางกับชายที่เธอปันใจให้เพียงแรกเจอ...ฟาตินยืนมองการกระทำที่แสนหฤหรรษ์ของคนทั้งสอง ด้วยแววตาเศร้า ดวงตาคละเคล้าด้วยม่านน้ำตาสีใส ดวงใจเหมือนถูกฝ่าเท้าเหยียบจมผืนพสุธา ใบหน้าของชายหนุ่มหันมองมาทางเธอและยกยิ้มมุมปากดั่งเย้ยหยัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันถึงต้องทำให้เธอเห็น แม้หัวใจดวงน้อยของฟาตินจะยังไม่มีเขา แต่เขาก็ใช้ร่างกายเธอบำเรอตัวเอง ไม่คิดจะยำเกรงเธอเพียงสักนิด หัวจิตหัวใจของเขาทำด้วยอะไร ประดุจดั่งซาตานร้ายก็ไม่ปาน"คนใจร้าย" แม้จะเจ็บปวดต่อภาพที่เห็น ความเย็นชาจากสายตาที่มองมายังเธอ ยิ่งย้ำคุณค่าที่มีในตัวให้ต่ำลง เธอดั่งกับถูกปมเชือกหนามัดแน่
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 3(ทรมาน)"ฮึก อึก" ร่างกายบางนอนนิ่งดั่งท่อนไม้ ปล่อยให้ชายตัวใหญ่ย่ำยีกระทำต่อเรือนกายตามอำเภอใจ เขาทรมานเธอยังไม่สาแก่ใจด้วยเหตุใดก็ไม่อาจรู้แน่...ใบหน้าขรึมและจมูกคม ดอมดมลงซอกคอขาว ร่างเสลาสั่นระริกด้วยแรงสะอื้น อยากจะฝืนขัดขืนหนีก็ไร้ซึ่งความปรานีจากเขา เธออาจจะโดนทุบตีตบหน้าหากคิดทำเช่นนั้น...สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือยอมถูกย่ำยี ร่างกายหนาเสียดสีสัมผัสกับผิวกายของฟาติน ตัวตนความเป็นชายพองตัวด้วยมีอารมณ์ที่พัดพา มือหนาเคล้นคลึงเต้าอิ่มจนเต็มมือ บีบแรงด้วยอารมณ์ดิบในตัวจนฟาตินนั้นเจ็บแปลบนิ่วหน้างอ"เราเกลียดน้ำตาผู้หญิงเสียจริง!...ตอนอยู่ในฮาเร็มเห็นอ่อยเรี่ยราด เม็ดเงินมันคงล่อตามากสินะ เธอมันก็แค่ผู้หญิงชั้นต่ำที่หิวเงิน!" อานัสผู้แข็งกร้าวและเย็นชาละตัวออกห่างและเปลื้องอาภรณ์ห่มกาย และไม่วายพูดเสียดแทงใจของฟาตินที่นอนนิ่งน้ำตาไหล มองภาพชายที่คุกเข่าคร่อมเธอเลือนลาง เพราะม่านน้ำตาบดบังการมองเห็น"ฮึก ฮึก" เธอยังคงสะอื้นร่ำไห้ จะพูดอะไรมากไปก็ไม่ได้ จึงทำเพียงสื่อความรู้สึกเจ็บช้ำผ่านม่านน้ำตาสีใส"น้ำตาของเธอมันไร้ค่า! เหมือนกับตัวเธอนั่นแหละฟาติน ผู้หญิง
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 4(ทับถม)...คนที่ถูกใช้งานทางร่างกายอย่างหนักในการเริงรักตัณหานอนจมกับที่นอนด้วยพิษไข้ ร่างกายอ่อนล้าโรยแรง ลำแสงจากฟากฟ้าส่องสว่างจ้าเข้ามาในห้องหับที่ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา...ดวงตาคมค่อย ๆ กะพริบปรับรับแสง เรี่ยวแรงแขนอ่อนแรงยกขึ้นไม่ไหว ฟาตินทำได้เพียงลืมตาตื่นเมื่อรู้สึกตัว เพดานห้องสีทองเธอจ้องมองอย่างคนเหม่อลอย แววตาดั่งคนที่ไร้จิตวิญญาณ เธอทอดถอนสายตามองรอบด้านก่อนจะบรรจบพบกับชายหนุ่มล่ำสันที่ย่ำยีเธอในที่ผ่านมาที่กำลังนั่งจ้องเธอด้วยแววตาที่ดุร้าย"ก็ยังไม่ตาย รีบหายแล้วมาทำหน้าที่ของตัวเองซะ!" คนที่ปากหนักเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกร้าว คำพูดที่ได้ยินทำให้ฟาตินปวดร้าวอยู่ในอก ดวงตากลมสั่นระริกดั่งคนกำลังจะร้องไห้ เมื่อชายตรงหน้าไร้เมตตาต่อหญิงร่างเล็กอย่างเธอเสียจริง จะประวิงอย่างไรให้เขานั้นใจดีเพียงเสี้ยวแก่เธอ ไม่ต้องมากมายแค่เสี้ยวของเมตตาก็นับว่าดีมากแล้วถ้าเทียบกับตอนนี้ที่ฟาตินประสบพบเจอ"................" เธอนิ่งเงียบไม่เปิดปากพูดโต้ตอบ ทำเพียงนอนนิ่งมองหน้าเขาเท่านั้นด้วยหัวใจที่เจ็บร้าว"ไม่ต้องมาหน้าเราด้วยแววตาเช่นนั้น หึ...คงอยากจะบีบคอ
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 5(คนปากหนัก)...สิ่งที่ทำด้วยอารมณ์โกรธและโมโห จนทำให้ฟาตินนั้นสลบไสลไร้สติ ใบหน้าซีดเซียวตัวร้อนรุ่มดั่งกับไฟ อาการป่วยที่เหมือนจะทุเลาเบาบางก็กลับคืนมาป่วยหนักอีกครั้ง คนที่ปากหนักที่เห็นเกิดห่วงใยด้วยใจลึก ๆ ที่ความรู้สึกนั้นมี"หมอมาหรือยัง!! ทำไมชักช้านัก!" เสียงเข้มตะโกนเรียกขานอย่างร้อนรน เมื่อนานแล้วแต่หมอก็ไม่มาเสียที อานัสเดินวนพร้อมกับจ้องมองหน้าฟาตินที่มีรอยช้ำด้วยฝีมือของเขาเองอย่างห่วงใย"ฟาตินอย่าเป็นอะไรนะ เดี๋ยวหมอก็มา" มุมอ่อนโยนที่เขาแอบซ่อนเผยออกมาอย่างลืมตัว มือหนาลูบหัวคนที่นอนไร้สติแผ่วเบา จ้องมองหน้าเธอด้วยแววตาอาทรปัง!! เสียงเปิดประตูดังลั่นเมื่อบานประตูกระทบกับผนังห้อง คนร้อนรนใจเพราะอาการของฟาตินน่าเป็นห่วงจนต้องเดินออกมาด้วยตัวเองทั้งที่อารมณ์ขุ่นมัว"หายหัวไปไหนกันหมด...ได้ยินไหมว่าให้ตามหมอ!" เสียงเข้มแผดดั่งลั่นทำให้บอร์ดี้การ์ดต่างวิ่งกรูกันจ้าละหวั่นวุ่นวาย สายตาคมดุรุ่งโรจน์ดั่งไฟเพราะโมโหเพี๊ยะ เพี๊ยะ ฝ่ามือหนาแกร่งกระแทกกับใบหน้าบอร์ดี้การ์ดอย่างระบายอารมณ์โทสะ"หมอกำลังมาครับท่าน" เสียงของบอร์ดี้การ์ดเอ่ยบอกหลังจากที่ถูกต
...หญิงร่างเล็กที่นอนหลับใหลไม่ได้สติ ร่างกายที่อ่อนล้าถูกหมอจัดการต่อสายน้ำเกลือที่เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงช่วยเหลือร่างกายให้มีแรง พิษไข้ที่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลแถวหน้าทำให้เธอเริ่มมีอาการดีขึ้นมากกว่าเดิม เพียงแค่ยังไม่ได้สติลืมตาตื่นเท่านั้นคนที่เฝ้ามองจ้องไม่ห่างสายตา ใบหน้าสวยที่ยังคงมีรอยช้ำ อานัสนั่งเฝ้าระวังไม่ห่างไกลไปไหน นั่งเคียงข้างขอบเตียงไม่ห่างกายสาว เพราะลึกในก้นบึ้งของหัวใจนั้นห่วงใยเธอ แต่บางอย่างที่บดบังครอบงำทำให้เขานั้นทำร้ายเธอด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง เรื่องราวที่ยังไม่ใครรู้แจ้งนอกจากเขาคนเดียวที่ยังเก็บไว้ในใจ ความเจ็บปวดที่เขาได้รับทับถมจนหัวใจของชายหนุ่มผู้ที่ดูแข็งแกร่งนั้นระบมชอกช้ำแทบไม่เหลือชิ้นดี"อื้อ" เสียงแผ่วเบาเค่นในลำคอ หญิงร่างบางเริ่มรู้สึกตัว กลิ่นของโรงพยาบาลคละคลุ้งกระทบกับการได้กลิ่น สายตาที่พร่าเบลอสอดส่ายสายตามองโดยรอบอย่างไม่ชัดเจน มือบางจับหัวเพราะรู้สึกปวดหนึบ พิษไข้เริ่มเจือจางห่างหายไปบ้าง ทุกอย่างเริ่มรู้สึกดีกว่าเดิม"..............." แม้จะเห็นอากัปกิริยาของฟาติน คนหน้านิ่งขรึมก็ยังคงวางท่า ใช้เพียงสายตาจ้องมองกิริยาของเธอเท่านั้น"อ่า ปว
กรงรักในมือซาตานตอนที่7(หลุดพ้น)...หลายวันแล้วที่คนป่วยนอนติดเตียงพักฟื้น สภาพร่างกายภายนอกเริ่มดีขึ้นตามลำดับ แต่สภาพจิตใจนั้นบอบช้ำย่ำแย่ลงทุกที"อาการของเธอพอจะกลับไปพักที่บ้านได้หรือยังหมอ" เสียงเข้มของอานัสเอ่ยถาม เมื่อยามเช้าที่หมอเข้ามาดูอาการตามหน้าที่รับผิดชอบ"ตอนนี้ร่างกายภายนอกดีขึ้นแล้วนะคะท่าน อุณหภูมิในร่างกายก็ลดลงปกติแล้ว...แต่ว่า เอ่อ...." หมอหญิงเจ้าของไข้เว้นคำพูดในประโยคสุดท้าย"อะไร" อานัสย้อนถามเสียงเรียบตึง แต่แววตานั้นแอบซ่อนความกังวลเมื่อเห็นสีหน้าของหมอ"ภายในของคุณผู้หญิงยังบอบช้ำนะคะ หมอว่าให้เธอนอนพักรักษาตัวอีกสักวันสองวัน...จะได้เช็คร่างกายภายในให้ละเอียด หากมั่นใจแล้วว่าไม่น่าทีห่วงก็อนุญาตให้พักที่บ้านได้ค่ะ" หมอหญิงอธิบายอาการของคนป่วย...คนไข้ที่ไม่ได้นอนหลับได้แต่นอนนิ่งดังคนตาย เธอได้ยินทุกคำจากการสนทนา แต่ว่าไม่อยากจะปริปากพูดกับใคร ทำเสมือนเธอนั้นเป็นใบ้ อยากห่างไกลอสูรร้ายที่นั่งข้างเตียง'ไหนบอกเกลียดชัง ไหนบอกขยะแขยง รังเกียจเดียดฉันท์...แล้วทำไมกันถึงยังไม่ขยับตัวไปไหน ตั้งแต่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล...เพื่ออะไร? อยู่ทำไม?'...คนป่วยได้แต
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 8(หลุดพ้น2)เลือดสีแดงสดไหลซึมไม่หยุดยั้ง เสียงเข้มตะโกนดังเรียกขานด้วยความสั่นกลัว ร่างกายบอบบางของฟาตินเริ่มซีดเซียวเพราะเสียเลือดมาก คนที่ต้องใจกับภาพตรงหน้าที่เห็น ผู้หญิงที่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ในอ้อมแขนทำให้คนกระด้างอย่างเชคฮอานัสกลัวว่าเธอจะไม่มีลมหายใจอยู่ต่อ"หมอ! อัมกาส! ตามหมอให้เราที ตอนนี้!" เสียงเข้มตะโกนลั่นสั่งการ ไม่ยอมออกห่างร่างเสลาไปไหน"ฟาติน ได้ยินเราไหม? ฟาติน ลืมตาสิ ฟาติน!" มือที่สั่นเทาไม่แม้แต่จะกล้าจับร่างกายของเธอแรง เสียงเข้มสั่นพยายามเรียกขานให้เธอได้มีสติ แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นสัญญาณให้เขาได้ดีใจสักนิดเดียว เธอยังคงแน่นิ่งหลับตาพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มแผ่วเบา"อัมกาส! หูแตกหรือไงวะ...บอกให้ตามหมอฟาตินจะไม่ไหว!" คนที่กังวลเริ่มโวยวายเมื่อเหล่าลูกน้องเริ่มไม่ได้ดั่งใจ"มีอะไรครับท่าน" อัมกาสที่ได้ยินเสียงเรียกขานผู้เป็นนายวิ่งเข้ามายังห้องพักอย่างร้อนรนใจ "ท่านครับ ทำเป็นคุณฟาตินถึง...""อย่าเพิ่งถามเรียกหมอเร็ว" อานัสออกคำสั่งเมื่อดูแล้วสภาพของฟาตินกำลังย่ำแย่"ครับท่าน" อัมกาสรีบร้อนวิ่งจากห้องไป เมื่อสิ้นคำสั่งการของนายเหนือหัว...คน
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 9(เฝ้ารอ)คนที่เฝ้ารออยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยใจร้อนรน รอคนที่ได้รับบาดเจ็บให้รอดพ้นจากอันตราย สายตาเพ่งพิศจ้องมองอย่างคะนึงหา เวลาก็เดินผ่านไปนานยังไร้วี่แววของหมอที่รักษาออกมาแจ้งข่าวคืบหน้า"กระผมว่าท่านนั่งพักก่อนดีไหมครับ...เดินวนไปมาก็จะวิงเวียนเมื่อยล้าเสียเปล่า" อัมกาสคนสนิทที่ไว้ใจเอ่ยขึ้นอย่างแนะนำนายเหนือหัว"หุบปากน่า จะเมื่อยขาหรือไม่ก็ขาของเรา จะให้นั่งนิ่งเฉาได้ยังไง ไม่เห็นหรือว่าฟาตินบาดเจ็บ เรานิ่งได้หรืออัมกาส!" อานัสพูดยาวเหยียดอย่างเผลอลืมตัว สติที่เคยมีมันเลือนลางเมื่อความห่วงใยมันครอบงำสุมในอก"เอ่อ...ท่านครับ..." อัมกาสที่เห็นท่าทางของนายเหนือหัวผิดแปลกไป คนที่ไม่เคยร้อนรนกับสิ่งเหล่านี้มาแต่ไหนแต่ไร แต่ทำไมกับหญิงนางนี้ถึงได้ใจร้อนรนอย่างผิดเพี้ยน"เออ! นั่งก็นั่ง" อานัสที่เห็นอาการของอัมกาส สีหน้าที่มองเขาอย่างพินิจสงสัย ทำให้อานัสนั้นดึงสติกลับคืนมา วางท่านั่งลงเก้าอี้ด้วยใจว้าวุ่น"ท่านแปลกไปนะครับ" อัมกาสพูดขึ้น แม้ใบหน้าของนายเหนือหัวจะเคร่งขรึมดุดันน่ากลัว แต่ด้วยความคุ้นเคยจนสนิทใจจึงเข้าใจต่อความรู้สึกที่นายเหนือหัวเป็น ซึ่งคนอื่
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา
พิเศษ : ปลอดภัยแต่..."ท่านอานัสปลอดภัยแล้วครับ"อัมกาสรายงาน แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นไม่สู้ดี นั่นทำให้ฟาตินนั้นไม่อาจวางใจได้"ปลอดภัยแล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น" ฟาตินย้อนถาม"หมอบอกว่า...ท่านอานัสอาจจะเสียความทรงจำชั่วคราว เนื่องจากว่าหัวได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง""....."สิ่งที่ได้ยินทำเอาฟาตินถึงกับนิ่งงันไป ทำไมชีวิตของเธอเมื่อจะถึงเวลามีความสุข จะต้องมีอะไรมาบั่นทอนให้เสียใจ คนที่คิดว่าจะรักก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งที่เธอนั้นกำลังจะเปิดใจ แต่ไหนถึงได้เป็นเช่นนี้"ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรืออัมกาส" ฟาตินถามย้ำให้ชัดต่อสิ่งที่ได้รับฟัง บ่อน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที แต่ไม่มีเสียงสะอื้นร่ำไห้ เหมือนเธอนั้นช้ำอยู่ในอก จนร้องไห้ออกมาไม่ได้ นอกจากหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลรินโดยไม่อาจสั่งให้หยุดได้"ครับนายหญิง...ซึ่งหมอบอกว่าคงต้องใช้เวลา ตอนนายท่านพลัดตกน้ำ น่าจะกระแทกกับหินอย่างแรง บาดแผลที่ถูกยิงหมอจัดการผ่ากระสุนออกเรียบร้อยแล้วครับ""......"อัมกาสเล่าอาการต่อไป ส่วนคนที่เศร้าใจก็นิ่งงัน มีเพียงหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินเป็นสาย "เราเข้าไปหาเขาได้ไหมอัมกาส""ได้ครับ...ซาดียะห์เอาชุดมาให้นายหญิงสวม"
พิเศษ : จบลงฟาตินถูกพามายังที่พักอย่างปลอดภัย แต่อีกคนไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ แม้เหล่าบอร์ดี้การ์ดก็ไม่ทราบข่าวคราวหลายชั่วโมงกับการที่หญิงสาวนอนไม่ได้สติ จนเวลาผ่านพ้นคืนนั้นไป ยามเช้าที่แสงแดดอ่อนสาดทอเข้ามากระทบกับม่านตาให้รู้สึกตัว อาการมึนศีรษะก็เริ่มมี เธอค่อย ๆ ขยับตัวลุกนั่งหลังพิงกับหัวเตียงช้า ๆ“นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ ซาดียะห์ดีใจมากเลยค่ะ อึก ฮึก...”หญิงรับใช้ที่ถูกสั่งมา เมื่อรู้ว่าเป็นใครที่เธอต้องดูแล ก็มีอาการดีใจ เพราะความผูกพันที่มีต่อกัน แม้จะระยะเวลาสั้น ๆ มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีต่อฟาตินได้“ซาดียะห์เหรอ”คนที่เพ่งพิศจ้องมอง ภาพตรงหน้าที่เลือนราง เพราะการหลับทำให้วิสัยทัศน์ในการมองพร่าเบลอ“ค่ะ...ซาดียะห์เอง นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนไหม หรือว่าปวดหัวบ้างไหมคะ?”ซาดียะห์ไล่สายตามอง แล้วรีบถามด้วยความห่วงใย น้ำตาของเธอที่รินไหล ก็เพราะว่าห่วงใยนายหญิงของคฤหาสน์เหลือแสน“เราเจ็บท้ายทอยแล้วก็ปวดหัว” ฟาตินบอกด้วยรอยยิ้มที่ฝืน ๆ“เดี๋ยวซาดียะห์จะไปเอาประคบมาให้นะคะ นายหญิงรอสักครู่”“ขอบใจนะ”เมื่อได้ยินถึงอาการ หญิงรับใช้ที่จงรักภักดีก
พิเศษ : รักฟาติน เสียงปืนก็ยังคงดังต่อเนื่อง ด้วยไหวพริบและความเร็วที่อานัสมี เขาพาฟาตินวิ่งลัดเลาะไปตามชายป่ารกทึบ ที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่และขวากหนามมากมาย แต่สุดท้ายก็พาเธอมาถึงที่หมายได้สำเร็จ“ไม่ต้องร้องนะฟาติน เธอจะปลอดภัย เราไม่มีทางให้เธอเป็นอะไรไปแน่”เขาพูดปลอบคนที่ร้องไห้หนักเพราะหวาดกลัว ไล้มือเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แตะจูบชิดริมฝีปากอวบอิ่มนั้นด้วยความรัก สายตาที่จ้องมองแม้จะอาทรห่วงใย แต่หน้าที่ของลูกผู้ชายที่เป็นบุตรก็ย่อมสำคัญเช่นกัน ความรักและหน้าที่ที่สำคัญไม่ต่างกัน เขาจะต้องฝ่าฟันมันไปให้จงได้“แล้วอัมกาสจะมาตอนไหนคะ...ท่านอานัสอย่าทิ้งฉันนะคะ ฉันกลัวจริง ๆ”“จะทิ้งได้ยังไงล่ะ กว่าจะตามหาและได้ยินคำว่ารัก มันยากเย็นแค่ไหนไม่รู้หรือไง หื้ม เรายังใช้มันไม่คุ้มเลยนะ...นั่นอัมกาสมาพอดี”อานัสพยายามยิ้มให้ แม้จะไม่มั่นใจว่าเขาจะได้กลับไปหาเธออีกไหม เพราะสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ค่อนข้างรุนแรง กระสุนปืนที่ไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้จะฝังลงจุดใดบ้าง"ท่านครับ""อืม ทำตามที่เราบอกไว้ ให้คนคุ้มกันฟาตินให้ดี ไปในที่ที่เราบอกไว้ ที่นั่นจะปลอดภัยแน่นอน"เมื่อคนสนิทและเหล่าบอร์ดี้การ์ดฝีมือ