กรงรักในมือซาตาน
ตอนที่ 9
(เฝ้ารอ)
คนที่เฝ้ารออยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยใจร้อนรน รอคนที่ได้รับบาดเจ็บให้รอดพ้นจากอันตราย สายตาเพ่งพิศจ้องมองอย่างคะนึงหา เวลาก็เดินผ่านไปนานยังไร้วี่แววของหมอที่รักษาออกมาแจ้งข่าวคืบหน้า
"กระผมว่าท่านนั่งพักก่อนดีไหมครับ...เดินวนไปมาก็จะวิงเวียนเมื่อยล้าเสียเปล่า" อัมกาสคนสนิทที่ไว้ใจเอ่ยขึ้นอย่างแนะนำนายเหนือหัว
"หุบปากน่า จะเมื่อยขาหรือไม่ก็ขาของเรา จะให้นั่งนิ่งเฉาได้ยังไง ไม่เห็นหรือว่าฟาตินบาดเจ็บ เรานิ่งได้หรืออัมกาส!" อานัสพูดยาวเหยียดอย่างเผลอลืมตัว สติที่เคยมีมันเลือนลางเมื่อความห่วงใยมันครอบงำสุมในอก
"เอ่อ...ท่านครับ..." อัมกาสที่เห็นท่าทางของนายเหนือหัวผิดแปลกไป คนที่ไม่เคยร้อนรนกับสิ่งเหล่านี้มาแต่ไหนแต่ไร แต่ทำไมกับหญิงนางนี้ถึงได้ใจร้อนรนอย่างผิดเพี้ยน
"เออ! นั่งก็นั่ง" อานัสที่เห็นอาการของอัมกาส สีหน้าที่มองเขาอย่างพินิจสงสัย ทำให้อานัสนั้นดึงสติกลับคืนมา วางท่านั่งลงเก้าอี้ด้วยใจว้าวุ่น
"ท่านแปลกไปนะครับ" อัมกาสพูดขึ้น แม้ใบหน้าของนายเหนือหัวจะเคร่งขรึมดุดันน่ากลัว แต่ด้วยความคุ้นเคยจนสนิทใจจึงเข้าใจต่อความรู้สึกที่นายเหนือหัวเป็น ซึ่งคนอื่นคงไม่กล้าเล่นเย้าแหย่เพราะกลัวตาย
"แปลกตรงไหน เราก็เหมือนเดิม" อานัสพูดตอบขึ้นเสียงเข้ม
"ท่านไม่เหมือนเดิมครับ..." อัมกาสยังคงจี้จุดต่อด้วยน้ำเสียงสุขุม
"เหมือนเดิม! เราเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเราได้!" อานัสเถียงเสียงกร้าวเมื่ออัมกาสยังคงเร้าหรือต่อ ความรู้สึกที่ต่อต้านภายในมันทำให้เขานั้นสับสนต่อความรู้สึก
รักแต่กลับร้ายใส่!
หมายปองแต่ก็ไม่กล้าที่จะครอบครองด้วยหัวใจ!
"ท่านแค่กลัวครับ...กระผมว่ามองท่านไม่ผิด" อัมกาสที่ซื่อสัตย์ต่อนายเหนือหัว ด้วยสนิทชิดเชื้อเพราะทำงานให้มานาน มองเพียงเสี้ยวสายตาก็ย่อมมองออกได้ไม่ยาก
"เราไม่เคยกลัว ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว" อานัสยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง
"อย่างนั้นหรือครับ" อัมกาสอมยิ้มอ่อนจ้องมองอากัปกิริยาของนายเหนือหัวอย่างจับพิรุธ
"ต้องการอะไรอัมกาส!" คนที่ถูกจับพิรุธเริ่มต่อต้านเสียงดัง เสมือนพ่ายแพ้ต่อสายตาของลูกน้องที่จ้องมองอย่างจับผิดพฤติกรรม ซึ่งมันทำให้อานัสไม่พอใจ
"แค่อยากเห็นท่านไม่ทุกข์ระทม อยากให้สุขสมดั่งใครอื่น อยากให้ท่านชื่นมื่นมีรอยยิ้มเหมือนดั่งเก่า" อัมกาสยืนกุมมืออย่างนอบน้อมเอื้อนเอ่ยออกมาหวังประโลมใจผู้เป็นนาย
"รอยยิ้มของเราหายไปตั้งแต่วันนั้น วันที่พี่สาวของเราสิ้นลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา" อานัสเอ่ยขึ้นเสียงเศร้าซึ่งอัมกาสเข้าใจเขาดีในสิ่งที่พูดออกมา มันตราติดให้มโนภาพของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยนอนหลับตาสนิทได้เลยสักคืน ต้องฝืนแค่ไหนในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันให้ผ่านพ้นไป ต้องนอนฝันร้ายแทบทุกคืนไม่เคยสักครั้งที่จะนอนหลับได้อย่างสนิทใจ ภาพในอดีตยังคงหลอกหลอนเขาไม่หาย
"หมอมาแล้วครับ" อัมกาสที่ปรายสายตามองเห็นหมอเอ่ยบอกผู้เป็นนายให้รับรู้
"เธอเป็นอย่างไรบ้าง" อานัสดีดตัวลุกปรี่ประชิดตัวหมอที่ทำการรักษา
"อวัยวะภายในถูกคมมีดเจาะลึก เธอเสียเลือดค่อนข้างมากครับท่าน ยังไม่พ้นขีดอันตราย...และตอนนี้ต้องการเลือดกรุ๊ปเอในการรักษาด่วนที่สุด" หมอบอกเล่าถึงอาการของคนที่บาดเจ็บ
"โรงพยาบาลนี้ไม่มีหรือไง...งบประมาณที่เราให้ทุกปี ไม่ได้พัฒนาโรงพยาบาลเลยหรือไง ห๊ะ!!" คนที่ได้ฟังอาการเริ่มโวยวายเพราะใจเสียร้อนรน ต่อว่าหมอเสียงดังลั่นไม่คิดเกรงใคร
"เลือดกรุ๊ปเอตอนนี้ที่ทางโรงพยาบาลมันไม่พอครับ" หมอก้มหน้าพูดบอกเล่าถึงสิ่งที่เป็น
"ไม่ได้เรื่องสักนิด!"อานัสต่อว่าหมออย่างเหลืออด เลือดขึ้นหน้าโมโหไม่ได้ดั่งใจต้องการ
"อัมกาสไปเกณฑ์การ์ดทั้งหมดมาที่นี่ ใครเลือดกรุ๊ปเอต้องบริจาคทั้งหมด ทุกคน!"
หัวใจที่ร้อนรนดั่งไฟสุม อารมณ์ร้อนที่ควบคุมไม่ไหว ฟาตินที่นอนรอการช่วยเหลือจะต้องพ้นขีดอันตราย
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 10(หลุดปาก)...เหล่าการ์ดมากหน้าหลายตาที่มีเลือดกรุ๊ปเอถูก เชคฮ อานัส เกณฑ์มารวมตัวที่โรงพยาบาลเพื่อบริจาคเลือดให้แก่ฟาตินที่รอการรักษาเธอยังไม่พ้นขีดอันตรายหรือเธอแค่อยากตายไม่ได้พึงต้องการมีชีวิตอยู่ ชีวิตที่ต้องพบเจอแต่ความทุกข์ทรมานเจียนตายกันแน่ ชีวิตที่เป็นมีลมหายใจแต่ก็เหมือนกับตายตกนรก"ทำไมเราไม่เลือดกรุ๊ปเดียวกันกับนางนะ" อานัสร้อนรนเดินวนไปมาหน้าห้องฉุกเฉิน เดินเวียนจนเหล่าลูกน้องแทบตาลาย"ท่านเดินวนแบบนั้นก็ช่วยเธอไม่ได้หรอกครับ...อย่ากังวลไปเลยนั่งพักสักหน่อยเถอะครับ" อัมกาสเอ่ยขึ้น"ก็เราห่วง....เอ่อคือ เราหมายถึงนางยังชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เพียง...นางยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อ" อานัสพูดขึ้นด้วยความรู้สึกลึก ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ทันท่วงทีแล้วรีบเฉไฉเบี่ยงเบนทันใด ยิ่งสายตาของลูกน้องจ้องมอง ยิ่งทำให้ท่านเชคฮผู้เคร่งขรึมละอาย"แบบนั้นหรือครับ" อัมกาสเอ่ยขึ้นอย่างไม่คิดเชื่อ"ก็เออสิ...พูดมากเสียจริง เราเริ่มรำคาญแล้วนะ!" อานัสเบี่ยงเบนหลบเลี่ยงสายตาของลูกน้องที่จ้องมองอย่างจับพิรุธ"ขอโทษครับท่าน...ว่าแต่...ท่านคิดแบบนั้นจริงหรือครับ" อัมกาสยังคงยียวนต่อ
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 11(ยื้อ)หมอฝีมือดีที่ใช้ความพยายามอย่างมากในการช่วยเหลือฟาติน คนที่เฝ้ารอคอยก็หวาดหวั่นด้วยใจพะวง ยืนประชิดผนังกระจกหนาห้องฉุกเฉินด้วยหัวใจที่วูบไหวหวาดหวั่น ห่วงคนที่อยู่ข้างในนั้นเหลือเกิน แม้ภายนอกจะดูร้ายกาจและเย็นชา แต่ใครไหนเล่าจะรู้ว่าท่านเชคฮผู้นี้ก็มีมุมอ่อนแอดั่งเช่นปตุชนทั่วไป"ท่านครับ" เสียงของอัมกาสเรียกผู้เป็นนาย เมื่อสายตาของเขาเห็นหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน เสียงของลูกน้องทำให้เขานั้นหลุดจากภวังค์ความคิดกลัว"หมอ เธอปลอดภัยดีแล้วใช่ไหม?" อานัสรีบประชิดตัวหมอที่อยู่ในชุดเครื่องแบบประจำกาย สายตาดุร้ายที่กลับกลายเป็นห่วงใย เอ่ยถามหมอออกไปด้วยใจพะวง"เธอยังคงมีอาการน่าเป็นห่วงครับท่าน" หมอเจ้าของไข้บอกกล่าวด้วยสีหน้าที่กังวล ดูพะวงไม่ต่างไปจากคนที่เฝ้ารอฟังข่าวคราวอยู่ด้านนอก"อะไร อะไรกัน ทำไมล่ะหมอ เลือดก็เพียงพอแล้วทำไม? ทำไมเธอยังน่าห่วง หมอรักษาเธอยังไงกัน ห๊ะ!!!" คนที่ได้ฟังแทบเข่าทรุดยืนไม่อยู่ เมื่อสิ่งที่ได้ยินได้ฟังนั้นทำให้หัวใจของเชคฮผู้ด้านชาบีบรัดแน่นเจ็บปวด"การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี แต่ว่าเธอยังมีอาการไม่สู้ดีนัก ยังอยู่ในสภาวะเสี่
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 12(รอเธอกลับมา)...คนที่แทบไม่มีกระจิดกระใจจะทำอะไร คนที่นั่งเหม่อมองทอดสายตาไปยังห้องไอซียูด้วยสายตาเศร้าหมอง สายที่ระโยงระยางหลากสีเต็มไปหมด เครื่องวัดระดับการเต้นของหัวใจที่บ่งบอกว่าเธอยังมีลมหายใจอยู่ต่อ ร่างกายที่เคยสวยสดใสซีดเซียวผอมลง เขาไล่สายตากวาดมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เฝ้าดูอยู่แบบนี้ไม่ยอมปลีกตัวไปไหน กิจสำคัญอันใดก็ถูกยกเลิกไปจนหมดไม่สนใจ เขารอเธอกลับคืนมาพูดจากับเขาดังเดิมอย่างเช่นที่เคยทำร่างกายกำยำที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยม สภาพที่เห็นทำให้คนที่แข็งกร้าวดวงตาสั่นไหว นึกสงสารจับใจกับบาดแผลที่เธอได้รับ อุปกรณ์ต่าง ๆ มากมายอยู่บนตัวเธอ"เมื่อไหร่จะฟื้นนะฟาติน" เสียงแผ่วเบาที่เอื้อนเอ่ยเพียงลำพัง สายตาเพ่งพิศมองคนที่นอนนิ่งสนิทอย่างคนไร้วิญญาณ ถ้าไม่มีเครื่องวัดการเต้นของหัวใจคงไม่รู้ว่าเธอนั้นยังมีชีวิต"ฉันไม่คิดจะทำให้เธอเป็นแบบนี้" คนที่ความรู้สึกผิดกอบกินภายใน ความรู้สึกหลากหลายทับถมพอกพูน ทั้งรักและชังมันสับสนปนเปไปทั่วหัวใจ อยากรักไม่อยากทำร้ายแต่ภาพในอดีตก็ฉายวับเข้ามาในห้วงความคิดไม่เสื่อมคลาย ภาพการตายของพี่สาวที่รักสุดใจบาดลึกลงขั้วห
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 13(เมษิยา)"ฉันขอเข้าไปเยี่ยมเธอ" หญิงสาวนางหนึ่งที่เหล่าบอร์ดี้การ์ดคุ้นหน้าเป็นอย่างดี เธอหยุดยืนหน้าห้องไอซียูแล้วพูดบอกการ์ดที่เฝ้าด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง"นายท่านสั่งไว้ว่าห้ามใครเยี่ยมนอกจากท่านครับ" บอร์ดี้การ์ดในชุดสีเข้มบอกกล่าวตามคำสั่งการ"นายไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร" หญิงสาวที่เคืองหูในคำตอบของบอร์ดี้การ์ด หันขวับจ้องตาเขม็งด้วยความไม่พอใจ พูดออกไปอย่างคนผยองพองขน เมื่อคิดว่าตนนั้นคือคนโปรดของ เชคฮ อานัส"ทราบครับ" บอร์ดี้การ์ดตอบรับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง"ทราบก็หลบไปสิ เปิดประตู!" หญิงสาวออกคำสั่งเสียงแข็ง"คงไม่ได้ ท่านสั่งไว้พวกผมไม่อาจขัดต่อคำสั่งได้จริง ๆ" บอร์ดี้การ์ยังคงตั้งมั่นในคำสั่งการของนายเหนือหัวอย่างฝักใฝ่"พวกแกอยากหานายใหม่ใช่ไหม?" หญิงสาวกล่าวเสียงแข็งเมื่อไม่ได้ดั่งใจ"ขอโทษจริง ๆ ครับคุณเมย่า...พวกเราคงให้เข้าเยี่ยมคุณฟาตินไม่ได้จริง ๆ คำสั่งของท่านใคร ๆ ก็รู้ว่าเด็ดขาด พวกผมยังไม่อยากตายครับ" บอร์ดี้การ์ดกล่าวด้วยเหตุผลที่พึงกระทำ"ฉันจะบอกท่านอานัสไล่พวกออกให้หมด คอยดู!" สิ่งที่ขัดใจคำพูดมากมายที่ขัดขวาง เมื่อเธอตั้งใจจะเข้าไปดู
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 14(หลอกหลอน)หวี๊ด ตุบ!!สิ่งที่เห็นทำให้หัวใจแทบสลาย ร่างกายบอบบางร่วงหล่นจากเบื้องสูงกระทบกับพื้นแข็งต่อหน้าต่อตา กองเลือดสีแดงสดเปรอะเปื้อนตามพื้นไหลเป็นทาง ทุกสิ่งอย่างที่เห็นตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มนั้นแทบหยุดหายใจ ใบหน้าของหญิงสาวที่เติบใหญ่มาด้วยกัน เขารักเธอมากกว่าสิ่งใด เธอนอนแน่นิ่งตาไม่หลับจ้องมองมาทางเขา นัยษ์ตาสีขาวเหลือกกว้างเลือดค่อย ๆ ไหลเป็นสายธารเต็มหัวของเธอจนมาจรดปลายเท้าของเขา ความตกใจทำให้เขาสติหลุดทำอะไรไม่ถูก มือไม้สั่นเทาก่อนจะพยายามก้าวขาเดินไปใกล้ร่างของพี่สาวที่รัก((พี่ครับ!...ไม่!!!))"เฮือก!!!" ภาพความฝันที่หลอกหลอนเข้าในยามนอนผุดขึ้นมาอีกครั้ง จนทำให้คนที่นอนหลับใหลนั้นสะดุ้งตัวกลางดึก ใบหน้ามีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นรำไร"พี่ครับ" อานัสใช้สองมือปิดหน้าตัวเองแล้วลูกไล้ไปมา เขาผวากลางดึกทุกคืนตั้งแต่เสียพี่สาวที่รักไป ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังคงมีความโกรธครอบงำไม่เสื่อมคลาย ภาพการตายของพี่สาวทำให้เขานั้นไม่เคยหลับสนิทเต็มตาสักคืนหลังจากที่กลับจากโรงพยาบาล เพื่อดูอาการของฟาตินเขาก็กลับมายังคฤหาสน์หลังโต ความเหนื่อยล้าจากการทำงานแ
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 15(เล่ห์เหลี่ยม)"เมย่ารู้ว่าท่านกำลังไม่สบายใจ มีเรื่องให้กังวล เลยอยากให้ท่านผ่อนคลาย เมย่าช่วยท่านได้นะคะ"เสียงหวานเอื้อนเอ่ยพร้อมกับมือบางลูบแผ่นหลังหนาของ เชคฮ อานัส เว้าวนเคลื่อนคล้อนฝ่ามือไปยังหน้าท้องแกร่งอย่างเย้ายวน คนที่ติดบทรักบนเตียง ที่ห่างหายไปนานหลายวัน การปลุกเร้าที่เมย่ารังสรรปั่นป่วนให้กายชายนั้นเคลิบเคลิ้มไปตามอารมณ์สวาท แรงหายใจถี่ย่อมทำให้หญิงที่ช่ำชองอย่างเมย่ารู้ดีว่าเขากำลังมีอารมณ์ที่เธอเป็นคนปั่นให้สยิว"เธอนี่มันจริง ๆ เลย...." คนที่ทนไม่ไหวต่อการสัมผัสที่บางเบา การปลุกเร้าสวาทด้วยใบหน้าสวย คนที่ละเมอเพ้อฝันล่องลอยจนลืมเลือนสิ่งที่คิดไปทันตา เมื่อเมย่าเริ่มที่จะมือไม้ซุกซน ลูบคลำจนคนตัวใหญ่ทานทนไม่ไหว"เมย่าจะดูแลท่านเองนะคะ" เสียงหวาน ๆ สายตาที่จ้องมองอย่างยั่วยวน ริมฝีอวบจูบพรมลงอกแกร่งที่มีขนอ่อนรำไร ก่อนที่จะค่อย ๆ ไล่ต่ำลงมายังส่วนหน้าท้องแกร่งที่กระเพื่อมตามแรงหายใจ"เมย่า ซี๊ด" คนที่ถูกกระตุ้น ดุ้นความเป็นชายที่ถูกสัมผัสพองผงาดเต็มลำอย่างเก็บกลั้นไม่ไหว ร่างกายเริ่มสั่นสะท้านเมื่อถูกนำพาด้วยอารมณ์ราคะ...เสื้อผ้าที่ห่อคลุมบน
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 16(ไม่ไว้ใจ)"อัมกาส" น้ำเสียงเข้มเอ่ยเรียกคนสนิทที่นั่งร่วมรถ เพื่อไปยังโรงพยาบาลเฝ้าไข้ฟาติน"ครับ" อัมกาสตอบรับเสียงเรียบ"เราพลาดกับเมย่าเมื่อคืน เราอยากให้นายจับตาดูเธอดี ๆ แล้วก็ให้คนติดตามดูแลเธอทุกฝีก้าว ให้มาดีนะห์ดูแลเธอก็ได้"อานัสออกคำสั่งฝากฝัง เมื่อสมองยั้งคิดสั่งการ จริตหญิงที่เขาสัมผัสได้ในตัวเธอ แม้จะเชยชมอยู่บ่อยครั้งก็ไม่คิดไว้วางใจ"ครับ...กระผมจะจัดการตามที่ท่านสั่ง"อัมกาสตอบรับคำสั่งทันที แล้วจัดการต่อสายไปยังคฤหาสน์ถ่ายทอดคำสั่งตามที่นายเหนือหัวต้องการ...คนตัวสูงที่ใจจดจ่อรออีกคนให้ฟื้นคืนสติ สายตาจ้องมองใบหน้าที่ซีดเซียว นอนหลับตานิ่ง เขาค่อย ๆ นั่งลงข้างเตียง จับมือข้างที่ไร้พันธนาการจากเครื่องมือแพทย์ไว้ในอุ้งมือใหญ่อย่างแผ่วเบา เพราะกลัวเธอนั้นจะกระทบกระเทือนบาดเจ็บ"เมื่อไหร่จะฟื้น"เสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ย สายตาจ้องมองใบหน้าหญิงสาวด้วยแววตาที่สั่นไหว"ลืมตาตื่นมาคุยกับฉันสักนิด แค่มองหน้ากันก็ยังดี"อานัสยังคงพร่ำต่อ จับมือหญิงสาวแนบชิดแก้มสากที่ทีไรหนวดเขียวครึ้ม...คนที่นอนป่วยไร้สติครองตน ทำเพียงนิ่งเฉยไม่ไหวติงใด ๆ เครื่องมือช่
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 17(วันนี้ที่รอคอย)"ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ดีครับท่าน ร่างกายของเธอเหมือนกำลังจะฟื้นฟู" เสียงของหมอบอกกล่าว ทำเอาคนที่เฝ้ารอคอยนั้นมีรอยยิ้มทันทีกับสิ่งที่ได้ยิน"แล้วอีกนานไหมที่เธอจะรู้สึกตัว" อานัสเอ่ยถามด้วยความต้องการใคร่รู้"รอดูอาการของเธอก่อนครับท่าน แต่หมอว่าคงอีกไม่นานเธอน่าจะรู้สึกตัวแล้ว" หมอไขแจ้งแถลงไขกับอาการของฟาตินที่ได้ตรวจร่างกายเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว"..........." คำว่าอีกไม่นานแต่ทำไมคนที่ใจจดจ่อรอคอยนั้นเหมือนสิ้นหวัง เขาจ้องมองใบหน้าของฟาตินที่ซีดเหลือง ร่างกายซูบผอมลงกว่าเดิมด้วยสายตาที่ห่วงหา"แต่ท่านไม่ต้องกังวลไปนะครับ ร่างกายของเธอตอบสนองแล้ว อีกไม่นานเธอต้องฟื้นตัวแน่นอน" หมอบอกย้ำกับอาการของคนป่วย เมื่อสายตาสังเกตเห็นสีหน้าของ เชคฮ อานัส นั้นสลดลงทันตา"ขอให้เป็นแบบนั้น" อานัสตอบหมออย่างคนเลื่อนลอย สายตาของเขาจ้องมองเพียงฟาตินที่ยังคงนอนบนเตียงเท่านั้น ลุ้นเหลือเกินให้เธอฟื้นลืมตาขึ้นมา หลายวันแล้วที่เขาเฝ้าคะนึงหา วันไหนกันจะเป็นวันที่เขารอคอย รอคอยเธอลืมตามามองหน้าเขา"ถ้าอย่างนั้นหมอขอตัวก่อนครับท่าน" หมอที่หมดหน้าที่ปลีกตัวออกมา
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา
พิเศษ : ปลอดภัยแต่..."ท่านอานัสปลอดภัยแล้วครับ"อัมกาสรายงาน แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นไม่สู้ดี นั่นทำให้ฟาตินนั้นไม่อาจวางใจได้"ปลอดภัยแล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น" ฟาตินย้อนถาม"หมอบอกว่า...ท่านอานัสอาจจะเสียความทรงจำชั่วคราว เนื่องจากว่าหัวได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง""....."สิ่งที่ได้ยินทำเอาฟาตินถึงกับนิ่งงันไป ทำไมชีวิตของเธอเมื่อจะถึงเวลามีความสุข จะต้องมีอะไรมาบั่นทอนให้เสียใจ คนที่คิดว่าจะรักก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งที่เธอนั้นกำลังจะเปิดใจ แต่ไหนถึงได้เป็นเช่นนี้"ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรืออัมกาส" ฟาตินถามย้ำให้ชัดต่อสิ่งที่ได้รับฟัง บ่อน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที แต่ไม่มีเสียงสะอื้นร่ำไห้ เหมือนเธอนั้นช้ำอยู่ในอก จนร้องไห้ออกมาไม่ได้ นอกจากหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลรินโดยไม่อาจสั่งให้หยุดได้"ครับนายหญิง...ซึ่งหมอบอกว่าคงต้องใช้เวลา ตอนนายท่านพลัดตกน้ำ น่าจะกระแทกกับหินอย่างแรง บาดแผลที่ถูกยิงหมอจัดการผ่ากระสุนออกเรียบร้อยแล้วครับ""......"อัมกาสเล่าอาการต่อไป ส่วนคนที่เศร้าใจก็นิ่งงัน มีเพียงหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินเป็นสาย "เราเข้าไปหาเขาได้ไหมอัมกาส""ได้ครับ...ซาดียะห์เอาชุดมาให้นายหญิงสวม"
พิเศษ : จบลงฟาตินถูกพามายังที่พักอย่างปลอดภัย แต่อีกคนไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ แม้เหล่าบอร์ดี้การ์ดก็ไม่ทราบข่าวคราวหลายชั่วโมงกับการที่หญิงสาวนอนไม่ได้สติ จนเวลาผ่านพ้นคืนนั้นไป ยามเช้าที่แสงแดดอ่อนสาดทอเข้ามากระทบกับม่านตาให้รู้สึกตัว อาการมึนศีรษะก็เริ่มมี เธอค่อย ๆ ขยับตัวลุกนั่งหลังพิงกับหัวเตียงช้า ๆ“นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ ซาดียะห์ดีใจมากเลยค่ะ อึก ฮึก...”หญิงรับใช้ที่ถูกสั่งมา เมื่อรู้ว่าเป็นใครที่เธอต้องดูแล ก็มีอาการดีใจ เพราะความผูกพันที่มีต่อกัน แม้จะระยะเวลาสั้น ๆ มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีต่อฟาตินได้“ซาดียะห์เหรอ”คนที่เพ่งพิศจ้องมอง ภาพตรงหน้าที่เลือนราง เพราะการหลับทำให้วิสัยทัศน์ในการมองพร่าเบลอ“ค่ะ...ซาดียะห์เอง นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนไหม หรือว่าปวดหัวบ้างไหมคะ?”ซาดียะห์ไล่สายตามอง แล้วรีบถามด้วยความห่วงใย น้ำตาของเธอที่รินไหล ก็เพราะว่าห่วงใยนายหญิงของคฤหาสน์เหลือแสน“เราเจ็บท้ายทอยแล้วก็ปวดหัว” ฟาตินบอกด้วยรอยยิ้มที่ฝืน ๆ“เดี๋ยวซาดียะห์จะไปเอาประคบมาให้นะคะ นายหญิงรอสักครู่”“ขอบใจนะ”เมื่อได้ยินถึงอาการ หญิงรับใช้ที่จงรักภักดีก
พิเศษ : รักฟาติน เสียงปืนก็ยังคงดังต่อเนื่อง ด้วยไหวพริบและความเร็วที่อานัสมี เขาพาฟาตินวิ่งลัดเลาะไปตามชายป่ารกทึบ ที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่และขวากหนามมากมาย แต่สุดท้ายก็พาเธอมาถึงที่หมายได้สำเร็จ“ไม่ต้องร้องนะฟาติน เธอจะปลอดภัย เราไม่มีทางให้เธอเป็นอะไรไปแน่”เขาพูดปลอบคนที่ร้องไห้หนักเพราะหวาดกลัว ไล้มือเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แตะจูบชิดริมฝีปากอวบอิ่มนั้นด้วยความรัก สายตาที่จ้องมองแม้จะอาทรห่วงใย แต่หน้าที่ของลูกผู้ชายที่เป็นบุตรก็ย่อมสำคัญเช่นกัน ความรักและหน้าที่ที่สำคัญไม่ต่างกัน เขาจะต้องฝ่าฟันมันไปให้จงได้“แล้วอัมกาสจะมาตอนไหนคะ...ท่านอานัสอย่าทิ้งฉันนะคะ ฉันกลัวจริง ๆ”“จะทิ้งได้ยังไงล่ะ กว่าจะตามหาและได้ยินคำว่ารัก มันยากเย็นแค่ไหนไม่รู้หรือไง หื้ม เรายังใช้มันไม่คุ้มเลยนะ...นั่นอัมกาสมาพอดี”อานัสพยายามยิ้มให้ แม้จะไม่มั่นใจว่าเขาจะได้กลับไปหาเธออีกไหม เพราะสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ค่อนข้างรุนแรง กระสุนปืนที่ไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้จะฝังลงจุดใดบ้าง"ท่านครับ""อืม ทำตามที่เราบอกไว้ ให้คนคุ้มกันฟาตินให้ดี ไปในที่ที่เราบอกไว้ ที่นั่นจะปลอดภัยแน่นอน"เมื่อคนสนิทและเหล่าบอร์ดี้การ์ดฝีมือ