พิเศษ : ลืม
สองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม
“นายหญิงคะ นายหญิง”
ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา
“มีอะไรเหรอซาดียะห์”
“นายท่านค่ะ นายท่าน”
“ท่านอานัสเป็นอะไร”
“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”
สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม
“ท่านอานัส”
เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ
“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”
“ค่ะนายหญิง”
ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส
“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกาย และจับมือของเขาแนบแก้มที่อาบชื้นด้วยหยาดน้ำตา
“เธอเป็นใคร?”
แต่สิ่งที่ได้ยินทำให้เธอนั้นใจหล่นวูบ แม้จะเตรียมใจมาบ้างกับการที่หมอบอกกล่าวอาการเมื่อเขาฟื้น แต่น้ำตามันก็รื้นขึ้นมา แม้ว่าจะพยายามแล้ว
“จำฉันไม่ได้เหรอคะ ฮึก อึก ท่านอานัส”
เธอเสียใจมากกับการที่เขาลืมเลือน แม้จะย้ำเตือนตัวเองในใจ ว่าเขานั้นได้รับบาดเจ็บและกระทบกระเทือน แต่มันก็ทำใจรับไม่ค่อยใจ เมื่อเธอนั้นเฝ้ารอคอยให้เขาฟื้นขึ้นมา
“แล้วมาอยู่ในบ้านเราได้ยังไง...อัมกาส! อัมกาส! มาพาผู้หญิงคนนี้ออกไปจากบ้านของเราที”
เขาตะโกนหาลูกน้องคนสนิท ซึ่งเธอนั้นตกใจไม่น้อย ไหนว่าเขาความจำเสื่อมยังไงล่ะ แต่ว่าทำไมถึงยังเรียกอัมกาสได้ถูกต้องอย่างกับไม่ได้เป็นอะไร แถมนิสัยเกรี้ยวกราดก็ยังเหมือนเดิมจากที่ผ่านมา
“ท่านอานัส อึก อึก”
เธอสะอึกสะอื้น น้ำตาก็รื้นขึ้นมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้ ยิ่งมองหน้าเขา น้ำตาเจ้ากรรมก็ยิ่งรินไหล สายตาที่เขามองเธอมันดูว่างเปล่า ไร้ความรู้สึกดั่งที่เคยมีให้
“ออกไป ไม่อยากเห็นหน้า”
เขาว่าทั้งที่ไม่ได้มองหน้าเธอแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้เธอน้ำตาไหลมากกว่าเดิม
“มีอะไรเหรอครับท่าน”
อัมกาสที่เปิดประตูเข้ามา เพราะว่าได้ยินเสียงเรียก เขามองไปที่เจ้านายทั้งสองสลับกันไปมา
ฟาตินรีบเช็ดน้ำตาที่อาบสองแก้ม และพยายามระงับความเศร้า เมื่อสายตาของอัมกาสมองมา
“เอาผู้หญิงคนนี้ออกไปที เป็นใครก็ไม่รู้ มาอยู่ในห้องของเราได้ยังไง และใครอนุญาตให้เธอเข้ามา”
อานัสโวยวายเมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทนั้นเข้ามาในห้องส่วนตัว ฟาตินที่ยืนมองแทบเข่าอ่อน เมื่อเขานั้นไม่มีเธอในความทรงจำสักนิดเดียว
“แต่นายหญิง...”
“ไม่เป็นไรอัมกาส เดี๋ยวเราจะออกไปตามที่ท่านอานัสต้องการ”
อัมกาสที่เห็นดวงตาของฟาตินสั่นไหว เขารู้ว่าเธอคงเสียใจไม่น้อย จนต้องพยายามจะย้ำเตือนผู้เป็นนายเหนือหัว แต่ก็ถูกฟาตินพูดแทรกขึ้นมา
เธอกลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ปิดประตูลงกลอน ไม่อยากพบปะกับใครในตอนนี้ ยิ่งสีหน้าของเขาที่ติดตา มันยิ่งเรียกหยาดน้ำตาของเธอให้รินไหล แม้จะดีใจกับการที่เขาตื่นขึ้นมา แล้วรู้ว่าปลอดภัยดี แต่มันก็มีสิ่งที่ทำให้เธอเก็บกลั้นความเศร้าไว้ไม่ได้ เพราะในความทรงจำของเขามันไม่มีเธอ นอกเสียจากตอนนี้คือคนแปลกหน้าสำหรับเขา
“ท่านลืมฟาตินคนนี้จริง ๆ ใช่ไหมคะ อึก อึก ฮือ”
เธอเข่าทรุดนั่งลงกับพื้นพรม ซบหน้าลงกับเตียงนอนนุ่ม ร้องไห้สะอึกสะอื้นและพร่ำพรรณนาต่อวาจาที่เขาเปรยออกมา
“ไหนบอกว่าสัญญา ไหนว่าจะไม่ทำให้เสียใจไง ฮือ คนใจร้าย คนไม่รักษาคำพูด ฮือ อึก ฮือ”
เธอยังคงต่อว่าเขา กับเรื่องราวและคำพูดที่เคยให้ไว้กับเธอเมื่อไม่นาน
“เจ็บมากรู้ไหมคะ อึก ฮือ”
ความโศกเศร้าทำเอาเธอนั้นแทบอ่อนแรง ร่างกายที่หักโหมเฝ้าดูแล แทบไม่ได้หลับนอน บวกกับการร้องไห้หนักในตอนนี้ ทำให้เธอนั้นค่อย ๆ เอนตัวราบลงกับพื้นทั้งน้ำตา ใบหน้าแปดเปื้อนเป็นคราบ พร้อมกับสติที่มีนั้นหายวูบดับไป
“นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ”
เมื่อลืมตาตื่นก็พบการหญิงรับใช้ นั่งอยู่เคียงข้าง เธอเอ่ยถาม พร้อมกับผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดตามใบหน้าของเธอ
ฟาตินมองหน้าของซาดียะห์ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เพราะเธอนั้นร้องไห้หนักจนสลบไป
“ท่านอานัสลืมฉันแล้วซาดียะห์”
ฟาตินพูดขึ้นในขณะที่นอนนิ่งบนเตียงนอน ปล่อยให้หญิงรับใช้เช็ดตัวให้ตามความต้องการ
การเงียบหายข้ามคืนไป ทำให้หญิงรับใช้นึกห่วง เคาะประตูห้องนอนอยู่นานก็ไม่มีปฏิกิริยาของนายหญิงแม้แต่น้อย จึงได้ขอกุญแจสำรองเปิดห้อง ก็ต้องพบกับร่างของนายหญิงประจำคฤหาสน์ นอนสลบไร้สติอยู่กับพื้นพรม จนเธอต้องได้ดูแล และรู้ว่าเพราะเหตุใดนายหญิงถึงได้มีสภาพเช่นนี้
“ไม่หรอกค่ะ นายท่านกำลังป่วยเท่านั้น ไม่มีวันที่นายท่านจะลืมนายหญิงได้ลง เพราะท่านรักนายหญิงกว่าสิ่งอื่นใดในตอนนี้”
ซาดียะห์พยายามพูดปลอบคนที่เศร้า ใบหน้าสวยเนียนผ่อง บัดนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะดวงตาที่เคยกลมโตสวยงาม มันบวมเป่งจากการร้องไห้หนัก
“เขาจำทุกคนได้ยกเว้นฉัน”
ฟาตินพูดออกมาเหมือนคนไร้ความรู้สึก ดวงตาจ้องมองเพดานสีทองอย่างคนเลื่อนลอย
“ท่านข้าวก่อนนะคะนายหญิง เดี๋ยวจะไม่สบายไป นี่ก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องสองมื้อแล้ว”
ซาดียะห์ที่เตรียมพร้อมสำหรับอาหาร เธอจับประคองผู้เป็นนายให้นั่งตรงหลังพิงกับหัวเตียง ตักข้าวจ่อปากปรนนิบัติ แต่ก็ไม่มีการตอบรับของผู้เป็นนายแม้แต่น้อย
“เราไม่อยากกิน”
ฟาตินเบือนหน้าหนีปฏิเสธ เธอไม่มีกระจิตกระใจจะกินอะไรลงท้อง ยิ่งใบหน้าของชายที่เริ่มมีใจดูห่างเหิน และเสมือนรังเกียจ ยิ่งทำให้เธอนั้นเศร้าใจไม่น้อย ทั้งที่คอยดูแลไม่ห่างกายตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่ว่าเขากลับตอบแทนเธอด้วยการลืมเลือนเธอไปเสียหมดจากความทรงจำ
“เดี๋ยวร่างกายจะอ่อนแอเอานะคะ”
“ตอนนี้ท่านอานัสทำอะไร?”
ฟาตินไม่สนใจในสิ่งที่หญิงรับใช้พูดออกมา เลี่ยงด้วยการถามหาอีกคนที่เธอนึกถึง ห่วงใยเขาไม่น้อย เพราะตลอดเวลาที่ผ่าน เธอไม่เคยห่างเขาไปไกลสายตาเพียงเสี้ยว
“ท่านอานัสเดินเล่นอยู่สวนด้านหลังค่ะ สักพักคงกลับเข้ามาในห้อง”
“อย่างนั้นเหรอ”
ซาดียะห์บอกในสิ่งที่นายหญิงต้องการรับรู้ เมื่อได้ยินดังนั้นเธอจึงลงจากเตียงนอน แล้วเดินตรงไปยังหน้าต่างที่สามารถมองเห็นไปยังสวนด้านหลัง
ชายตัวสูงล่ำสันที่ยืนมือไขว้หลัง เหมือนเขากำลังทอดสายตาไปตามทัศนียภาพที่กว้างไกล เธอได้แต่มองแผ่นหลังหนานั้นพร้อมหยาดน้ำตา
เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที เธอก็ยังยืนอยู่แบบนั้น มองเขาที่อยู่ด้านล่าง แม้จะเห็นแค่ด้านหลังมันก็ทำให้บ่อน้ำตาของเธอเอ่อคลอขึ้นมาได้
“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 1(ลูกนก)"จะทรมานกันไปถึงไหน!" เสียงเศร้าคละเคล้าคนสิ้นหวังย้อนถาม เมื่อเธอเอื้อนเอ่ยกับชายตรงหน้าที่ซื้อเธอมาด้วยเม็ดเงินจำนวนมากจากฮาเร็ม"ตลอดชีวิต!...และอย่าคิดหนีถ้ายังอยากอยู่สุขสบาย"เสียงชายมาดขรึมอย่างอานัสเอื้อนเอ่ยเสียงเข้มอย่างข่มขู่...สิ่งที่ได้ฟังทำเอาฟาตินนั้นแทบเข่าทรุดดวงตาคมกลมโตสั่นระริกเอ่อคลอด้วยม่านน้ำตาของคนสิ้นหวัง เธอถูกกักขังอยู่ในคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่า ที่หญิงสาวหลายคนฝันหาอยากเข้ามาเหยียบสักครั้ง แต่สำหรับฟาตินนั้นอยากจะหาทางหนีทุกเวลานาที"ฮึก อึก ท่านอานัส~~" เธอพูดเสียงแผ่วสะอื้นจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคมเฉี่ยวของชายร่างสูงตรงหน้าอย่างตัดพ้อ"หุบปาก แล้วเงียบซะ! น่ารำคาญเสียจริง อ่อ...แล้วควรรู้จักหน้าที่ของตัวเองด้วยล่ะหากเราเสร็จจากอีกคนเดี๋ยวเราจะเข้ามาหา...ก็แค่ลูกนกน้อยที่คอยเวลาไม่ได้สำคัญอะไรโปรดอย่าเข้าใจผิดว่าเรานั้นพิศวาส"ว่าจบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่คำพูดที่กรีดลึกลงกลางใจสาวที่ได้แต่มองหน้าเขาด้วยม่านน้ำตาสีใส ใยเขาถึงเหยียบย่ำหัวใจของหญิงสาวตัวเล็กได้ถึงเพียงนี้ ไม่รักกันยังหยาบช้าทำร้ายกันได้ถึงเพียงนี้"ท่านมันคนไร้หั
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 2(ตอกย้ำ)...เสียงครวญของหญิงอื่นที่บ่งบอกว่ากำลังทำอะไร ดังเล็ดลอดเข้ามาในส่วนของการรับฟังชัดเจน ผนังกั้นที่เป็นบานกระจกหนาระหว่างห้องหับสวยหรูที่ฟาตินเรียกว่ากรงขัง ผ้าม่านผืนหนาสีทองถูกเปิดออกอย่างตั้งใจ เธอเห็นสองร่างกายที่กำลังเริงรักอย่างเร่าร้อน การตอกย้ำดวงจิตที่น้อยนิดของเธอ ก็แค่นางบำเรอที่เขาใช้เศษเงินซื้อมาสนองตัณหาความใคร่ไม่รู้แน่ว่าการซื้อตัวเธอมาแอบแฝงอะไร แต่ที่ค่อนข้างแน่ใจคือท่านเชคฮอานัสผู้นี้บาดหมางกับชายที่เธอปันใจให้เพียงแรกเจอ...ฟาตินยืนมองการกระทำที่แสนหฤหรรษ์ของคนทั้งสอง ด้วยแววตาเศร้า ดวงตาคละเคล้าด้วยม่านน้ำตาสีใส ดวงใจเหมือนถูกฝ่าเท้าเหยียบจมผืนพสุธา ใบหน้าของชายหนุ่มหันมองมาทางเธอและยกยิ้มมุมปากดั่งเย้ยหยัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันถึงต้องทำให้เธอเห็น แม้หัวใจดวงน้อยของฟาตินจะยังไม่มีเขา แต่เขาก็ใช้ร่างกายเธอบำเรอตัวเอง ไม่คิดจะยำเกรงเธอเพียงสักนิด หัวจิตหัวใจของเขาทำด้วยอะไร ประดุจดั่งซาตานร้ายก็ไม่ปาน"คนใจร้าย" แม้จะเจ็บปวดต่อภาพที่เห็น ความเย็นชาจากสายตาที่มองมายังเธอ ยิ่งย้ำคุณค่าที่มีในตัวให้ต่ำลง เธอดั่งกับถูกปมเชือกหนามัดแน่
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 3(ทรมาน)"ฮึก อึก" ร่างกายบางนอนนิ่งดั่งท่อนไม้ ปล่อยให้ชายตัวใหญ่ย่ำยีกระทำต่อเรือนกายตามอำเภอใจ เขาทรมานเธอยังไม่สาแก่ใจด้วยเหตุใดก็ไม่อาจรู้แน่...ใบหน้าขรึมและจมูกคม ดอมดมลงซอกคอขาว ร่างเสลาสั่นระริกด้วยแรงสะอื้น อยากจะฝืนขัดขืนหนีก็ไร้ซึ่งความปรานีจากเขา เธออาจจะโดนทุบตีตบหน้าหากคิดทำเช่นนั้น...สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือยอมถูกย่ำยี ร่างกายหนาเสียดสีสัมผัสกับผิวกายของฟาติน ตัวตนความเป็นชายพองตัวด้วยมีอารมณ์ที่พัดพา มือหนาเคล้นคลึงเต้าอิ่มจนเต็มมือ บีบแรงด้วยอารมณ์ดิบในตัวจนฟาตินนั้นเจ็บแปลบนิ่วหน้างอ"เราเกลียดน้ำตาผู้หญิงเสียจริง!...ตอนอยู่ในฮาเร็มเห็นอ่อยเรี่ยราด เม็ดเงินมันคงล่อตามากสินะ เธอมันก็แค่ผู้หญิงชั้นต่ำที่หิวเงิน!" อานัสผู้แข็งกร้าวและเย็นชาละตัวออกห่างและเปลื้องอาภรณ์ห่มกาย และไม่วายพูดเสียดแทงใจของฟาตินที่นอนนิ่งน้ำตาไหล มองภาพชายที่คุกเข่าคร่อมเธอเลือนลาง เพราะม่านน้ำตาบดบังการมองเห็น"ฮึก ฮึก" เธอยังคงสะอื้นร่ำไห้ จะพูดอะไรมากไปก็ไม่ได้ จึงทำเพียงสื่อความรู้สึกเจ็บช้ำผ่านม่านน้ำตาสีใส"น้ำตาของเธอมันไร้ค่า! เหมือนกับตัวเธอนั่นแหละฟาติน ผู้หญิง
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา
พิเศษ : ปลอดภัยแต่..."ท่านอานัสปลอดภัยแล้วครับ"อัมกาสรายงาน แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นไม่สู้ดี นั่นทำให้ฟาตินนั้นไม่อาจวางใจได้"ปลอดภัยแล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น" ฟาตินย้อนถาม"หมอบอกว่า...ท่านอานัสอาจจะเสียความทรงจำชั่วคราว เนื่องจากว่าหัวได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง""....."สิ่งที่ได้ยินทำเอาฟาตินถึงกับนิ่งงันไป ทำไมชีวิตของเธอเมื่อจะถึงเวลามีความสุข จะต้องมีอะไรมาบั่นทอนให้เสียใจ คนที่คิดว่าจะรักก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งที่เธอนั้นกำลังจะเปิดใจ แต่ไหนถึงได้เป็นเช่นนี้"ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรืออัมกาส" ฟาตินถามย้ำให้ชัดต่อสิ่งที่ได้รับฟัง บ่อน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที แต่ไม่มีเสียงสะอื้นร่ำไห้ เหมือนเธอนั้นช้ำอยู่ในอก จนร้องไห้ออกมาไม่ได้ นอกจากหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลรินโดยไม่อาจสั่งให้หยุดได้"ครับนายหญิง...ซึ่งหมอบอกว่าคงต้องใช้เวลา ตอนนายท่านพลัดตกน้ำ น่าจะกระแทกกับหินอย่างแรง บาดแผลที่ถูกยิงหมอจัดการผ่ากระสุนออกเรียบร้อยแล้วครับ""......"อัมกาสเล่าอาการต่อไป ส่วนคนที่เศร้าใจก็นิ่งงัน มีเพียงหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินเป็นสาย "เราเข้าไปหาเขาได้ไหมอัมกาส""ได้ครับ...ซาดียะห์เอาชุดมาให้นายหญิงสวม"
พิเศษ : จบลงฟาตินถูกพามายังที่พักอย่างปลอดภัย แต่อีกคนไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ แม้เหล่าบอร์ดี้การ์ดก็ไม่ทราบข่าวคราวหลายชั่วโมงกับการที่หญิงสาวนอนไม่ได้สติ จนเวลาผ่านพ้นคืนนั้นไป ยามเช้าที่แสงแดดอ่อนสาดทอเข้ามากระทบกับม่านตาให้รู้สึกตัว อาการมึนศีรษะก็เริ่มมี เธอค่อย ๆ ขยับตัวลุกนั่งหลังพิงกับหัวเตียงช้า ๆ“นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ ซาดียะห์ดีใจมากเลยค่ะ อึก ฮึก...”หญิงรับใช้ที่ถูกสั่งมา เมื่อรู้ว่าเป็นใครที่เธอต้องดูแล ก็มีอาการดีใจ เพราะความผูกพันที่มีต่อกัน แม้จะระยะเวลาสั้น ๆ มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีต่อฟาตินได้“ซาดียะห์เหรอ”คนที่เพ่งพิศจ้องมอง ภาพตรงหน้าที่เลือนราง เพราะการหลับทำให้วิสัยทัศน์ในการมองพร่าเบลอ“ค่ะ...ซาดียะห์เอง นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนไหม หรือว่าปวดหัวบ้างไหมคะ?”ซาดียะห์ไล่สายตามอง แล้วรีบถามด้วยความห่วงใย น้ำตาของเธอที่รินไหล ก็เพราะว่าห่วงใยนายหญิงของคฤหาสน์เหลือแสน“เราเจ็บท้ายทอยแล้วก็ปวดหัว” ฟาตินบอกด้วยรอยยิ้มที่ฝืน ๆ“เดี๋ยวซาดียะห์จะไปเอาประคบมาให้นะคะ นายหญิงรอสักครู่”“ขอบใจนะ”เมื่อได้ยินถึงอาการ หญิงรับใช้ที่จงรักภักดีก
พิเศษ : รักฟาติน เสียงปืนก็ยังคงดังต่อเนื่อง ด้วยไหวพริบและความเร็วที่อานัสมี เขาพาฟาตินวิ่งลัดเลาะไปตามชายป่ารกทึบ ที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่และขวากหนามมากมาย แต่สุดท้ายก็พาเธอมาถึงที่หมายได้สำเร็จ“ไม่ต้องร้องนะฟาติน เธอจะปลอดภัย เราไม่มีทางให้เธอเป็นอะไรไปแน่”เขาพูดปลอบคนที่ร้องไห้หนักเพราะหวาดกลัว ไล้มือเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แตะจูบชิดริมฝีปากอวบอิ่มนั้นด้วยความรัก สายตาที่จ้องมองแม้จะอาทรห่วงใย แต่หน้าที่ของลูกผู้ชายที่เป็นบุตรก็ย่อมสำคัญเช่นกัน ความรักและหน้าที่ที่สำคัญไม่ต่างกัน เขาจะต้องฝ่าฟันมันไปให้จงได้“แล้วอัมกาสจะมาตอนไหนคะ...ท่านอานัสอย่าทิ้งฉันนะคะ ฉันกลัวจริง ๆ”“จะทิ้งได้ยังไงล่ะ กว่าจะตามหาและได้ยินคำว่ารัก มันยากเย็นแค่ไหนไม่รู้หรือไง หื้ม เรายังใช้มันไม่คุ้มเลยนะ...นั่นอัมกาสมาพอดี”อานัสพยายามยิ้มให้ แม้จะไม่มั่นใจว่าเขาจะได้กลับไปหาเธออีกไหม เพราะสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ค่อนข้างรุนแรง กระสุนปืนที่ไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้จะฝังลงจุดใดบ้าง"ท่านครับ""อืม ทำตามที่เราบอกไว้ ให้คนคุ้มกันฟาตินให้ดี ไปในที่ที่เราบอกไว้ ที่นั่นจะปลอดภัยแน่นอน"เมื่อคนสนิทและเหล่าบอร์ดี้การ์ดฝีมือ