ฉันกับสามีแต่งงานมาเจ็ดปี ในที่สุดก็มีลูกคนแรกด้วยกัน สามีกลับสงสัยว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา ฉันจึงไปตรวจ DNA ภายใต้อารมณ์คุกรุ่น ทว่าระหว่างรอผลตรวจออก สามีก็มาปรากฏตัวตรงหน้าประตูบ้านแม่ของฉัน เขาถือรูปภาพบางอย่างมาด้วย กางเกงชั้นในของฉันดันไปโผล่อยู่ในบ้านของเพื่อนเขา “ผู้หญิงชั้นต่ำแบบเธอ กล้าสวมเขาให้ฉันเหรอ แถมยังจะให้ฉันเลี้ยงลูกชู้ให้อีก ไปตายซะ” เขาใช้แส้เก้าท่อนฟาดใส่แม่ที่เข้ามาปกป้องฉันจนหมดสติ ทำร้ายฉันจนแท้งลูก พอผลตรวจออกมา เขาก็ได้รู้ความจริง แล้วกลับมาคุกเข่าอ้อนวอนขอเด็กที่แท้งไปแล้วคืน
View Moreพิธีกรรายการสมกับเป็นมืออาชีพในสถานการณ์เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าข่าวซุบซิบของแม่สามีสามารถดึงดูดคนได้มากกว่าหล่อนจึงรีบถามเรื่องราวกับฉันฉันจึงต้องรับคำพูดของหล่อนด้วยการเล่าที่มาที่ไปของเรื่องนี้ออกไปโดยพูดเรื่องที่แม่สามีไปหาผู้ชายแต่ให้ฉันเป็นแพะรับบาปแทน จนสุดท้ายลูกชายหล่อนทุบตีฉันจนต้องแท้งลูกชั่ววินาทีนั้นไลฟ์ก็ระเบิดทันที“ทุบตีเมียตัวเองจนแท้งลูก? คนเราทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ยังไง?”“มองแวบแรกฉันก็คิดว่ายัยป้านี่ไม่ใช่คนดีแน่ ๆ หน้าตาอย่างกับตัวร้ายแน่ะ”“นี่มันโคตรเร้าใจ ใส่กางเกงในลูกสะใภ้ไปหาชู้ สุด ๆ ไปเลย”แม่สามีกระวนกระวาย รีบใช้มือปิดกล้องเอาไว้แต่ก็สู้ตากล้องไม่ได้หล่อนจึงเบนเป้าหมายมาที่ฉัน“จี้โหรว แกชักจะมากเกินไปแล้วนะ พ่อแกใช้อำนาจในทางมิชอบจับลูกชายฉันเข้าคุกไม่พอ แกยังจะมาสร้างข่าวลือให้ฉันอีกเหรอ”ฉันกอดอกแล้วส่งเสียง “อ่อ” ออกมา “คุณบอกว่าพ่อฉันใช้อำนาจในทางมิชอบนี่มีหลักฐานไหม ฉันจะบอกให้นะ การที่คุณพูดจาใส่ร้ายหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ตำรวจของประชาชนแบบนี้มีโทษติดคุกนะ คุณพูดผ่านไลฟ์ขนาดนี้นับเป็นหลักฐานได้หมดเลยนะ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แม่สามี
ตอนที่ลี่เจียงถูกพาตัวออกไป เขาก็ยังเอาแต่พร่ำบอกรักฉันเมื่อนึกถึงเจ็ดปีที่ผ่านมาของฉันกับเขารวมถึงหมัดที่เขาชกฉันคำว่ารักนี้จริงแท้แค่ไหนฉันก็ไม่อาจแยกได้พอรู้ว่าลี่เจียงต้องติดคุก แม่สามีที่หายไปนานก็มาหาถึงประตูบ้านทันทีที่หล่อนเห็นฉัน ก็เริ่มขอร้องอ้อนวอน“เสี่ยวโหรว ฉันรู้ว่ามีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นระหว่างเธอกับลี่เจียง ซึ่งความเข้าใจผิดนี้มีสาเหตุมาจากฉัน แม่ขอโทษ แม่ไม่ควรใส่กางเกงชั้นในของเธอแบบนั้น”หล่อนพูดพร้อมกับตบหน้าตัวเองไปด้วยท่าทีดูพูดจากใจจริงอย่างยิ่ง“เธอกับลี่เจียงอยู่ด้วยกันมานานหลายปี อย่าตัดขาดชีวิตคู่เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เลยนะ”เมื่อได้ยินประโยคนี้ฉันก็โมโหขึ้นมาทันที “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้งั้นเหรอ? ลี่เจียงฟาดหลังแม่ฉันจนเป็นแผลเหวอะหวะ แถมทำให้ฉันแท้งลูกอีก คุณยังมาบอกว่าเรื่องเล็กแค่นี้อีกเหรอ แล้วถ้าฉันใช้แส้เก้าท่อนฟาดหลังคุณจนเหวอะหวะบ้างจะเป็นยังไง?”แม่สามีถดถอยหลังไปหล่อนเริ่มเบี่ยงประเด็น “ลี่เจียงทำผิดจริง ๆ แต่ความผิดที่เขาทำก็ไม่ได้ร้ายแรงผิดมหันต์ขนาดนั้น พวกเธอยังหนุ่มยังสาว ถึงจะไม่มีลูกแล้วก็ยังอยู่บ้านด้วยกันได้ ในค
หลังจากปลดปล่อยอารมณ์ออกมาเสร็จแล้ว ลี่เจียงก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง“ต่อให้ไม่ได้เล่นชู้กับจางไห่เทา เธอก็ยังมีคนอื่นอยู่ดี ไม่อย่างนั้นเด็กในท้องของเธอมาจากไหน?”ฉันพูดอย่างเย็นชา “ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่เด็กเป็นลูกของคุณ”“ไม่มีทาง ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ ๆ” ลี่เจียงปฏิเสธทันควัน “หมอบอกว่าน้ำเชื้อของฉันไม่แข็งแรง แทบไม่สามารถมีลูกได้ด้วยซ้ำ”“น้ำเชื้อไม่แข็งแรงไม่ได้หมายความว่าไม่มีน้ำเชื้อ เพียงแต่ทำให้ตั้งครรภ์ยากเท่านั้น ยังคงมีโอกาสตั้งครรภ์อยู่” เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ข้าง ๆ ฟังจบก็ค่อนแขวะออกมา “คุณไปหาหมอที่ไหนมา ทำไมไม่ได้มาตรฐานขนาดนี้”ลี่เจียงไม่เชื่อคำพูดนี้ “ฉันไปตรวจที่โรงพยาบาลบุรุษเวชศาตร์ซิ่งฝูมา คิดว่าหมอที่นั่นไม่ได้มาตรฐานเท่านายหรือไง?”“บุรุษเวชศาสตร์ซิ่งฝู?” อีกฝ่ายได้ยินพลันหัวเราะออกมา “แบบนั้นคุณก็ไปผิดที่แล้วล่ะ โรงพยาบาลแห่งนั้นเป็นโรงพยาบาลเถื่อนของเครือข่ายผูเถียน พวกเรารับเคสมาสิบเคสมีผู้เสียหายบอกว่าโดนพวกเขาหลอกเอาเงินไปแล้วหกเคส ที่นั่นจงใจคุยโวโอ้อวดเพื่อหลอกเอาเงินคุณไงล่ะ”ประโยคนี้ทำเอาลี่เจียงช็อกสุดขีดเขายังไม่อยากจะเชื่อเรื่องน
เมื่อหมอพยักหน้า พยาบาลคนนั้นก็ล้วงหยิบตัวอ่อนออกมาอีกครั้งตัวอ่อนมีอายุครรภ์สองเดือน และเจริญเติบโตจนเริ่มเป็นรูปร่างคนคร่าว ๆ แล้วเขานอนขดตัวอย่างสงบนิ่งอยู่ในนั้นลูกนี่คือลูกที่ฉันเฝ้ารอมาตลอดเจ็ดปีชั่ววินาทีนั้นน้ำตาของฉันก็หลั่งไหลออกมาดั่งสายฝนหมอปลอบฉันว่าหลังจากนี้ก็ยังสามารถมีลูกอีกได้ฉันอยากเก็บตัวอ่อนไว้ แต่หมอบอกว่ามันเป็นของเสียทางการแพทย์ จึงไม่สามารถเอาไปได้จนเมื่อฉันออกมาจากห้องผ่าตัด ก็เห็นพ่อของฉันหลังจากที่บอกเรื่องนี้กับเขาแล้วพ่อก็บอกกับหมอว่านั่นคือหลักฐาน หมอจึงต้องให้สิ่งนั้นแก่พวกเราฉันเอ่ยถามพ่อว่า “แล้วแม่ล่ะ? เป็นยังไงบ้าง?”“แม่ของลูกไม่เป็นอะไรมาก ส่วนใหญ่มีแต่แผลภายนอกทั้งนั้น ที่เธอหมดสติไปก็เพราะความดันเลือดสูงน่ะ” ราวกับว่าพ่อของฉันแก่ขึ้นหลายปีในเวลาเพียงครู่เดียว เขายิ้มให้ฉัน แล้วบอกให้ฉันไปพักฟื้นดี ๆ “รอลูกดีขึ้นกว่านี้ค่อยไปหาแม่นะ”ฉันถามขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วลี่เจียงล่ะคะ?”พ่อฉันเอ่ยขึ้น “คุมตัวไปขังไว้ในคุกแล้ว รอลูกหายดีแล้วค่อยไปจัดการเขา ถึงตอนนั้นจะได้คิดบัญชีให้ลูกกับแม่ของลูกพร้อมกันทีเดียว ลูกไม่ต้องห่วงนะ เขาได้
ลี่เจียงเปิดลำโพงโทรศัพท์ ฉันจึงได้ยินประโยคนี้ด้วยเห็นเพียงลี่เจียงยืนตกตะลึง ถือโทรศัพท์ค้างอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”เลือดไหลออกมาจากท่อนล่างของฉันมากขึ้นเรื่อย ๆฉันรู้สึกได้ว่าลูกที่กว่าจะได้มาคนนี้กำลังจากฉันไปช้า ๆฉันรู้สึกโศกเศร้าหนาวเหน็บไปทั้งหัวใจถ้าโทรศัพท์สายนี้โทรมาเร็วกว่านี้สักหนึ่งนาที ลูกของฉันจะยังอยู่หรือเปล่าแต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ ลี่เจียงก็ยังคงไม่เชื่อว่าลูกคนนี้เป็นลูกของเขาอยู่ดีเขานั่งยอง ๆ ใช้มือขยุ้มผมฉันให้เงยหน้าขึ้น“จี้โหรว เธอให้ผลประโยชน์อะไรกับคนของทางศูนย์ตรวจสินะ พวกเขาถึงได้ช่วยเธอโกหกฉัน”ฉันยิ้มบางเบาอย่างอดสู “ลี่เจียง คุณคิดว่าฉันมีความสามารถขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าคุณไม่เชื่อ ไปลองตรวจใหม่เองอีกทีก็ได้นะ”เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ขณะนั้นพลันมีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาในบ้านของฉันคนที่พุ่งเข้ามาคนแรกคือพ่อของฉันเมื่อเขาเห็นคุณแม่ที่นอนสลบบนโซฟาและฉันในสภาพจมกองเลือดความเดือดดาลพลันพุ่งขึ้นหัวพ่อของฉันถีบเข้าที่แผ่นหลังของลี่เจียง “ไอ้ชาติชั่ว แกทำอะไรลงไป?”ตำรวจที่ตามมาล้วนเป็นลูกศิษ
แส้ฟาดลงบนร่างกายของแม่ฉัน หล่อนเหมือนไม่รู้สึกเจ็บอย่างไรอย่างนั้นทั้งยังหันกลับไปมองลี่เจียงเขม็ง“เสี่ยวเจียง แกกำลังเข้าใจโหรวโหรวผิดจริง ๆ แกหยุดตีเธอได้แล้ว ตอนนี้มานั่งคุยกันดี ๆ เถอะนะ หากแกยังทำแบบนี้ต่อไป แกจะเสียใจภายหลังแน่นอน”“เสียใจ? ผมจะเสียใจที่ไม่ได้ตบเธอให้เร็วกว่านี้มากกว่า ตอนเห็นผลตรวจก็สมควรตบเธออีกสักฉาด”“ยายแก่ คุณคิดว่าจะปกป้องเธอได้งั้นเหรอ ปกติคุณบอกให้ผมโอนอ่อนให้เธอตลอด แล้วทำไมคุณไม่สั่งสอนลูกสาวให้รักนวลสงวนตัวบ้างล่ะ”“วันนี้ผมจะผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์ ตีคุณไปพร้อมกันด้วยนี่แหละ”ลี่เจียงยกมือหวดแส้อีกหลายครั้งแม่ของฉันกลัวว่าฉันจะได้รับบาดเจ็บจึงเข้ามากอดฉันไว้ทนเจ็บรับแส้นั้นแทนเมื่อหล่อนกรีดร้องออกมาอย่างอนาถ หัวใจของฉันก็เหมือนถูกบดขยี้เพื่อปกป้องแม่ ฉันจึงไม่สนศักดิ์ศรีใด ๆ ทั้งนั้นฉันขอร้องอ้อนวอนลี่เจียงอย่างสิ้นหวัง“หยุดตีได้แล้ว ลี่เจียง ขอร้องล่ะหยุดตีได้แล้ว”“ฉันไม่ได้แอบคบกับผู้ชายคนอื่นจริง ๆ”“ได้โปรดเห็นแก่ที่เราแต่งงานกันมาหลายปี หยุดตีแม่ฉันเถอะนะ”เธอรับไม่ไหวอีกต่อไปเมื่อเห็นฉันขอร้องอ้อนวอน ลี่เจียงกลับไ
ฉันหยิบโทรศัพท์ของลี่เจียงขึ้นมาดูบนหน้าจอคือประวัติสนทนาระหว่างเขากับภรรยาของจางไห่เทาจางไห่เทาคือเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนมหาวิทยาลัยฉันเคยเจอภรรยมาของจางไห่เทาสองสามหน นับได้ว่าเป็นเพื่อนกันในบทสนทนา ภรรยาของจางไห่เทาเล่าให้ลี่เจียงฟังว่าฉันกับจางไห่เทาแอบคบกันตอนแรกลี่เจียงไม่เชื่อ จนกระทั่งภรรยาของจางไห่เทาส่งรูปภาพบางอย่างให้เป็นรูปภาพกางเกงชั้นในแสนยั่วยวนซึ่งกางเกงชั้นในตัวนี้ฉันคุ้นตาอย่างมาก มันเหมือนตัวที่ฉันใส่ในคืนก่อนวันที่ลี่เจียงจะออกไปทำงานนอกสถานที่ฉันคิดว่าเรื่องนี้อาจจะมีการเข้าใจผิดจึงรีบอธิบาย “ลี่เจียง นี่ไม่ใช่กางเกงชั้นในของฉัน”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ลี่เจียงมีแต่จะโกรธหนักขึ้นกว่าเดิมเขาเดินเข้ามาแย่งโทรศัพท์ไปจากฉัน แล้วกดอะไรสองสามครั้งจากนั้นก็ขยุ้มผมฉันให้เงยหน้าขึ้น แล้วจับโทรศัพท์มาจ่อตรงหน้า“เธอดูดี ๆ สิวะ ถ้านี่ไม่ใช่เธอ แล้วคือใคร?”เห็นเพียงรูปภาพอีกรูปหนึ่งบนกางเกงชั้นในมีคำว่า “ของลี่เจียงคนเดียว” ปักไว้ตรงขอบกางเกงทันใดนั้นมีเสียงดังสนั่นในหัวของฉัน ใบหน้าขาวซีดในชั่ววินาที“นี่ นี่เป็นไปไม่ได้ กางเกงชั้นในตัวนี้หลังจากใ
ฉันกับลี่เจียงแต่งงานกันเข้าปีที่เจ็ด ในที่สุดก็มีลูกคนแรกสักทีขณะที่ฉันนำผลตรวจไปให้เขาด้วยความดีใจเต็มอก เขากลับขมวดคิ้วแล้วถามฉันว่า“เด็กเป็นลูกของใคร?”ฉันนิ่งอึ้ง “เด็กคนนี้ก็เป็นลูกของคุณไง”“เราสองคนแต่งงานกันมาเจ็ดปีไม่เคยมีลูก พอฉันไปทำงานนอกสถานที่ได้สองเดือนเธอก็ตั้งท้อง เธอคิดจะหลอกกันหรือไง?”เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ ในใจของฉันพลันเย็นวาบเด็กคนนี้อายุครรภ์สองเดือน นับจากเวลาแล้วจะไม่ตรงกันได้อย่างไรขณะที่แม่สามีเย้ยหยันอยู่ข้าง ๆ “ฉันก็ว่า ทำไมแกถึงออกไปไหนกลางคืนบ่อย ๆ ที่แท้ก็ไปหาผู้ชายคนอื่นนี่เอง”ที่ฉันไปข้างนอกเวลากลางคืนบ่อย ๆ ก็เพราะทำงานล่วงเวลาฉันร้องไห้อย่างอัดอั้นเพราะพวกเขาสองแม่ลูกสุดท้ายฉันก็พูดกับเขาว่า “ถ้าคุณไม่เชื่อ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปตรวจดีเอ็นเอกัน!”ไม่คาดคิดเลยว่า ลี่เจียงจะตอบตกลงฉันผิดหวังในตัวเขามาก วันนั้นหลังจากทำการตรวจเสร็จ ฉันก็กลับไปที่บ้านแม่ต้องรอสามวันผลตรวจถึงจะออกฉันกับลี่เจียงนัดหมายกันไว้ว่าถ้าถึงเวลาจะไปดูผลตรวจด้วยกันที่โรงพยาบาลถ้าเด็กเป็นลูกของเขา เขาจะคุกเข่าขอโทษฉันแต่ถ้าไม่ใช่ เขาจะหย่ากับฉัน และให้ฉันออก
ฉันกับลี่เจียงแต่งงานกันเข้าปีที่เจ็ด ในที่สุดก็มีลูกคนแรกสักทีขณะที่ฉันนำผลตรวจไปให้เขาด้วยความดีใจเต็มอก เขากลับขมวดคิ้วแล้วถามฉันว่า“เด็กเป็นลูกของใคร?”ฉันนิ่งอึ้ง “เด็กคนนี้ก็เป็นลูกของคุณไง”“เราสองคนแต่งงานกันมาเจ็ดปีไม่เคยมีลูก พอฉันไปทำงานนอกสถานที่ได้สองเดือนเธอก็ตั้งท้อง เธอคิดจะหลอกกันหรือไง?”เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ ในใจของฉันพลันเย็นวาบเด็กคนนี้อายุครรภ์สองเดือน นับจากเวลาแล้วจะไม่ตรงกันได้อย่างไรขณะที่แม่สามีเย้ยหยันอยู่ข้าง ๆ “ฉันก็ว่า ทำไมแกถึงออกไปไหนกลางคืนบ่อย ๆ ที่แท้ก็ไปหาผู้ชายคนอื่นนี่เอง”ที่ฉันไปข้างนอกเวลากลางคืนบ่อย ๆ ก็เพราะทำงานล่วงเวลาฉันร้องไห้อย่างอัดอั้นเพราะพวกเขาสองแม่ลูกสุดท้ายฉันก็พูดกับเขาว่า “ถ้าคุณไม่เชื่อ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปตรวจดีเอ็นเอกัน!”ไม่คาดคิดเลยว่า ลี่เจียงจะตอบตกลงฉันผิดหวังในตัวเขามาก วันนั้นหลังจากทำการตรวจเสร็จ ฉันก็กลับไปที่บ้านแม่ต้องรอสามวันผลตรวจถึงจะออกฉันกับลี่เจียงนัดหมายกันไว้ว่าถ้าถึงเวลาจะไปดูผลตรวจด้วยกันที่โรงพยาบาลถ้าเด็กเป็นลูกของเขา เขาจะคุกเข่าขอโทษฉันแต่ถ้าไม่ใช่ เขาจะหย่ากับฉัน และให้ฉันออก
Comments