“กูกับมึงจบกันแค่นี้!” หลังจากที่เธอพูดคำนั้นออกไป ด้วยความอัดอั้นที่สะสมมาทั้งอาทิตย์ ทำไม ทำไม เธอต้องทน ทำไมเค้าไม่รับรู้อะไรเลย ทำไมเลือกที่จะเชื่อ หรือเป็นเพราะเธอมาทีหลัง ผู้หญิงคนนั้นจะพูด จะทำอะไร เค้ากลับเชื่อไปหมดทุกอย่าง ดังนั้นเธอจะไม่ทนกับความ สัมพันธ์นี้อีกต่อไป เธอคิดได้ดังนั้น จึงปาดน้ำตาที่มันเอ่อล้นออกมา ด้วยความเสียใจ
เธอไม่พร่ำเพ้อพยายาม ต่อความยาวกับเค้า หยิบกระเป๋าเตรียมเดินออกจากห้อง
ปั๊ก! เสียงกระชากกระเป๋า ออกไปจากไหล่ของเธออย่างแรง
“เป็นอะไร! พูดแทงใจดำ” เค้าพูดกับเธอด้วยอารมณ์เสียขั้นสุด ใช่เค้าไม่เคยอารมณ์ รุนแรงขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยโดนผู้หญิงตบหน้าแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เค้าโมโหตอนนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เค้าโมโห คือคำพูดจากปากเธอว่าจะจบความสัมพันธ์นี้
“ถามจริงนะ ฮึก คุณเคยคิดจะถามอะไรฉันบ้างไหม คุณคิดที่จะฟังฉันบ้างไหม” เธอพูดปนเสียงสะอื้นออกมา
“มาถึงคุณก็เอาแต่พูด พร้อมตัดสินไปแล้วด้วยซ้ำ ฮึก” เธอเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง เสียงสะอึกสะอื้นของเธอทำให้เค้าต้องใจเย็น
“ขอโทษ” เค้าเอ่ยออกมาพร้อมโอบกอดเธอแบบไม่มีเหตุผล เพียงแต่เค้าไม่ชอบเห็นน้ำตาของเธอ
“ผม ขอโทษ หยุดร้องได้ไหม” เค้ากระชับอ้อมกอด
“คุณไม่ฟังอะไรเลย ไม่ฟังอะไรฉันเลย ไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อใจ ฉันไม่อยากทนอีกแล้ว” เธอพูดออกมาจากความรู้สึกเหนื่อยจากใจจริง เธอเหนื่อยจะต้องมานั่งโดนแฟนเก่าเค้ากลั่นแกล้ง แล้วต้องมาเจอเค้าที่ไม่รับฟังเธออีก
“เหนื่อยแล้ว พอแล้วจบกันแค่นี้เถอะ”
เสียงครึกครื้น จอแจ จนดูวุ่นวาย ทำให้เธอที่เหม่อมองท้องฟ้าอยู่ สะดุ้งจากภวังค์
“เป็นอะไร ยายฟ้า ไม่ดีใจเหรอ ที่ได้กลับมาอยู่กับทีม” เสียงพี่เก่งพูดถามเธอเพราะเห็นเธอเหม่อลอยมาสักพัก
“ดีใจ สิคะพี่เก่ง ดีใจที่สุดเลย” หลังจากที่เธอกับเค้าจบกันมา นี้ก็ผ่านมาร่วม 1 อาทิตย์แล้ว หลังจากวันนั้น เมื่อเธอพูดประโยคนั้นออกไป ก็เดินออกโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองเค้าอีกเลย ส่วนเค้าก็ไม่ได้ฉุดรั้งอะไรไว้ อย่างว่ามันคือความสัมพันธ์ที่ชัดเจนว่ามันไม่ควรเอาใจลงไปเล่นตั้งแต่แรก พอจบความสัมพันธ์ อะไรก็เปลี่ยนแปลงไปแบบข้ามคืน เธอถูกเรียกให้กลับเข้ามาทำงานที่บริษัท โดยที่ไม่รู้สาเหตุอะไรเลย
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เก่งถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง หลังเห็นอาการที่เธอแบบนี้มาเป็นอาทิตย์
“ป่าวคะพี่ ไม่ได้เป็นอะไร” เธอตอบรับ พร้อมยิ้มบาง ๆ ให้พี่เก่ง
“แล้วทำไม อยู่ดี ๆ ก็ให้กลับมาทำงานกับทีมล่ะ โปรเจคยังไม่จบไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะพี่ สงสัยผู้บริหารอาจจะเห็นว่าฟ้าไม่เหมาะสม” เธอตอบไปด้วยความไม่รู้อะไร
“ข่าวด่วนๆ ค่า ข่าวด่วน” เสียงน้องในทีม วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น
“ข่าวด่วนอะไร เสียงดังโวยวายเชียว” พี่เก่งเอ่ยทักถามน้องไปทีมที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“วันนี้ ทีมเราจะมีสมาชิกใหม่ ขอบอกเลยหล่อมาก” น้องในทีมพูดพร้อมกับทำท่าพึงพอใจกับสมาชิกใหม่
“สมาชิกใหม่อะไร ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่อง แล้วใครบอกว่าจะมาอยู่ทีมเรา” พี่เก่งเอ่ยถามด้วยความงุนงง เพราะไม่มีใครมาแจ้งเรื่องสมาชิกใหม่ที่เข้ามาในทีม ปกติแล้วต้องผ่านเธอสัมภาษณ์ก่อนแท้ๆ
“เห็นบอกว่า มาจากบริษัทเดียวกับทางคุณญาดาส่งมานะ น่าจะเป็นโปรเจคที่ฟ้าทำค้างไว้หรือเปล่า”
“อ้าว แล้วทำไมต้องส่งมา ฟ้ารู้เรื่องนี้ไหม” พี่เก่งหันมาถามเธอด้วยความสับสน งุนงงกับระบบการทำงาน
“ไม่ทราบอะไรเลยนะคะ” เธอตอบไปโดยที่เธอเองก็ไม่รู้อะไรเลย ปกติการทำงานต้องมีขั้นตอนการรับคนเข้าทีม แต่ตั้งแต่โปรเจคนี้เกิดขึ้นอะไรก็ดูผิดขั้นตอนไปหมด ไม่ว่าจะให้เธอไปทำงานกับทีมอื่น หรือเอาคนอื่นเข้ามาในทีม
“ทุกคนค่ะ เดี๋ยวอีก 10 นาทีทีมผู้บริหารจะขอเรียกประชุมนะคะ” เสียงเลขาสาวประจำตัวของลูคัสเข้ามา พร้อมแจ้งกำหนดการโดยที่ไม่มีแผนแจ้งล่วงหน้า
“รับทราบค่ะ” เสียงทุกคนในทีมตอบกลับ พร้อมต้องวางมือจากงานที่ทำอยู่
ห้องประชุม
“มาพร้อมกันแล้วนะคะ” เสียงญาดาพูดขึ้นในขณะที่ทุกคนนั่งพร้อมกันในที่ประชุม
“อย่างที่ทราบกัน ช่วงนี้คุณลูคัสมีไปประชุมกับสาขาต่างประเทศ แต่โปรเจคนี้ที่ทำร่วมกัน ค่อนข้างเร่งเลยไม่ได้มีแผนกำหนดล่วงหน้า ดังนั้นที่ให้คุณฟ้ากลับมาที่บริษัทเพราะว่า คุณฟ้าทำคนเดียวอาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอ เลยต้องมาขอความร่วมมือจากคนในทีมเพิ่มเติม” ญาดาพูดสาธยายยืดยาวแต่หลักๆ ต้องการพูดแขวะการทำงานของเธอ
“ดังนั้น ฉันเลยจะขอความร่วมมือของคนในทีมช่วยเร่งโปรเจคนี้ให้หน่อย ส่วนแผนงานส่งให้ทางเมล์ผู้เกี่ยวข้องแล้ว” ญาดาพูดออกคำสั่งเปรียบเสมือนเป็นผู้บริหารของบริษัทนี้
“ไม่ทราบว่า โปรเจคที่เร่งให้ทำ คุณลูคัสทราบไหมคะ ว่าคุณต้องการคนเพิ่ม แล้วอาจจะกระทบกับงานในมือของทุก ๆ คน” พี่เก่งเอ่ยถามแทนคนในทีม เพราะงานที่มีในมือของทุกคนก็ค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว
“ทางนี้คุณเลขาได้แจ้ง คุณลูคัสไปแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วง” ญาดาเอ่ยปากอย่างมั่นใจ
“รบกวนคุณเก่งจัดแผนงานให้ทันเวลาที่กำหนดด้วยนะคะ แล้วก็มีสมาชิกมาเพิ่ม 1 คนเป็นคนของบริษัทฉันเอง จะมาช่วยดูแลโปรเจคร่วมกับคุณฟ้าที่ทำค้างไว้” ญาดาพูดรวบรัด
“เดี๋ยวเชิญคุณปัญญา เข้ามาได้เลยค่ะ” ญาดาพูดพร้อมส่งสัญญาณให้คนที่รออยู่เข้ามาในห้องประชุม
“ออฟ!” เธอตกใจกับคนที่เจอ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ตอนเจอกันเธอไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าเค้าทำงานเกี่ยวกับอะไร แต่ที่รู้ๆ ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจจะเล่นงานเธอทุกทางแน่ ๆ
“นี้คุณออฟค่ะ เป็นคนของญาดาจะมาช่วยตรวจสอบงานของโปรเจคนี้ ฝากด้วยนะคะคุณออฟ” ญาดาหันไปส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับชายผู้ที่เข้ามาใหม่
“ได้ครับ คุณญาดา ฝากตัวด้วยนะครับทุกคน” ออฟพูดยิ้มแย้มดูเป็นมิตรกับทุกคนเหมือนคนไม่มีพิษ มีภัย
“แยกย้ายไปทำงานค่ะ” ญาดาพูดพร้อมเดินออกไปจากห้องประชุม
หลังจากที่ญาดาออกไป ทุกคนก็บ่นกันระงมกับการทำงานที่ผิดเพี้ยน
“ฉันงงกับระบบการทำงาน คือสรุปฉันเป็นคนของบริษัทไหน” เสียงคนในทีมเริ่มบ่นทยอยเดินออกจากห้องประชุม โดยที่ไม่มีใครทันสังเกตท่าทีของฟ้าที่ดูเกรงกลัวอะไรบางอย่าง
“เจอกันอีกแล้วนะฟ้า” ออฟหันมาพูดกับเธอท่าทางที่เป็นมิตร
“อ้าว คุณออฟรู้จักฟ้าเหรอคะ” พี่เก่งถามอย่างคนไม่รู้เรื่องอะไร
“ครับ รู้จักครับ อยากรู้จักมากขึ้นด้วย” ออฟทำท่าที่ใสซื่อ ตอบกลับไป
“ฟ้าขอตัวก่อนนะคะ” เธอรุกรี้ รุกรนขอตัวพร้อมเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ผมขอตัวก่อนนะครับ ทุกคน” ออฟเดินตามเธอออกมาติด ๆ
“ฟ้า” ออฟรีบวิ่งเข้ามา พร้อมดึงแขนเธอไว้
“ขอคุยด้วยก่อน” ออฟรีบดึงมือพร้อมพูดกับเธออย่างอ่อนโยน “คือออฟแค่อยากบอกว่า ขอโทษ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปได้ไหม โฟกัสแค่ที่งานก็พอ”
“ได้ ถ้าออฟคิดแบบนั้นจริง ๆ ฟ้าก็ไม่ติดอะไร แต่ขอร้องให้มันแค่เรื่องงานนะออฟ” เธอพูดกับเค้าอย่างใจจริง ถึงจะมีความกลัว แต่ต้องทำงานด้วยกัน
“โอเค งั้นเริ่มต้นกันใหม่นะ” ออฟพูดด้วยท่าทีอ่อนโยน
“ก็ได้” เธอยิ้มตอบกลับไปพอเป็นมารยาท
“ฟ้าขอตัวก่อนนะ พอดีต้องรีบไปคุยงานกับพี่เก่งต่อ”
“โอเคครับ ไว้เจอกันตอนทำงานนะ” ออฟยิ้มใสซื่อ เหมือนไม่ได้แค้นอะไรเธอแล้ว
หลังจากที่เธอเดินไปออฟก็แสดงสีหน้าเคียดแค้นออกมา
“ฮึ เธอก็ยังคงใสซื่อเหมือนเดิมสินะ”
“ขอบคุณทุกคนมากนะคะ นี้ก็ทำงานร่วมกันมาเกือบ 3 อาทิตย์แล้ว งานผ่านไปได้ด้วยดีเลย”เสียงญาดากล่าวขอบคุณในที่ประชุม พร้อมเสียงปรบมือของพนักงานในทีม“คือ ญาดาต้องขอบคุณ คุณออฟเป็นอย่างมากที่เข้ามาช่วยดูโปรเจคนี้ แล้วก็ขอบคุณทางคุณเก่งที่ให้ความร่วมมือนะคะ”“เพื่อเป็นรางวัลที่โปรเจคเราไปได้ด้วยดี ญาดาเลยมีรางวัลให้ทุก ๆคนค่ะ เป็นการทำงานนอกสถานที่ ซึ่งญาดาจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดเองค่ะ ถือสะว่าไปพักผ่อน และก็ได้งานไปด้วยนะคะทุกคน” ญาดายิ้มอย่างภาคภูมิใจที่ได้จัดสรรโปรเจคนี้ แต่เรื่องทำงานนอกสถานที่ เธอรวบรัด ตัดตอนโดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจของคนในทีมเลยด้วยซ้ำ“คุณญาดาจะพาไปไหน เหรอคะ แล้วกี่วัน ไปวันไหน” พี่เก่งเอ่ยถามขึ้น“ไปภูเก็ตค่ะ ไปอาทิตย์หน้าค่ะ” ญาดาตอบด้วยความมั่นใจว่าทุกคนจะชอบรางวัลนี้ณ สนามบิน“ไม่เป็นไรนะคะทุกคน ถือสะว่าพวกเราได้ไปพักผ่อน” เธอปลอบใจพี่เก่ง กับน้อง ๆในทีม ที่นั่งซึมอยู่ภายในสนามบิน“พักผ่อนกับผีอะไรล่ะ จะพาพวกเราไม่ให้หลับให้นอนมากกว่า เดิมก็งานหนักอยู่แล้ว นี้ให้ไปรวมกันอีก สงสัยก็อยากให้ทำงานทั้งวันทั้งคืน” พี่เก่งพูดอย่างอารมณ์เสียเพราะตั้งแต่โปรเ
“แยกย้ายตามห้องที่จัดไว้ให้ ถ้าใครมีปัญหา หรือติดอะไรแจ้งได้เลยค่ะ 3 วัน 2 คืนนี้ขอให้ทุกคนสนุกเต็มที่นะคะ ส่วนใครที่มีงานด่วนเข้ามา รีบทำแล้วรีบมารวมตัวกันตอนเย็นค่ะ” ทีมงานของญาดาแจ้งขึ้น เพื่อให้ทุกคนแยกไปพักผ่อน“เค้าก็ให้เราพักดีอยู่นะพี่ เลี้ยงดูอย่างดี สงสัยอยากทดแทนที่ใช้งานเราหนัก” น้องในทีมเอ่ยขึ้นปนขำหลังจากพึงพอใจกับโรงแรมที่พัก“ก็จริงอยู่ ให้นอนห้องล่ะ 2 คนคือดีนะ ฟ้าเธอได้นอนห้องเดียวกับพี่” พี่เก่งพูดขึ้น“ไปเก็บของกันเถอะพี่เก่ง ฟ้าเหนื่อยแล้ว เดี๋ยวตอนเย็นเค้าให้เราออกมาทำกิจกรรมอีกนิ” เธอพูดอย่างอ่อนล้า ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาเธอแทบไม่ได้พักผ่อนเลย เดี๋ยวออฟ เดี๋ยวญาดา เข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้ ๆ เธอเหมือนจ้องจะจับผิดห้องพักก๊อก ๆ เสียงดังหน้าห้องพักของ“คุณฟ้าค่ะ พอดี คุณญาดาต้องการงานด่วนค่ะ เลยจะรบกวนคุณฟ้าช่วยแก้งานบางส่วนก่อน” ทีมงานของญาดามาแจ้งเธอ ให้เธอรีบแก้งานให้“แต่ส่วนนี้ ไม่ใช่ของฟ้านะคะ” เธอพูดสวนขึ้นมาเพราะว่างานที่เค้าแจ้งมานั้น เป็นส่วนของออฟ“ใช่ค่ะ พอดีคุณญาดาขอความร่วมมือค่ะ ให้คุณฟ้าไปช่วยคุณออฟดู พอดีคุณออฟเองไม่เข้าใจงานส่วนนี้เท่าไหร่” ทีมงานตอบคำถ
ปึก! เสียงเค้าเหวี่ยงหมัดลงบนกำแพงเหมือนต้องการระบายความโกรธ ซึ่งมันห่างจากหน้าเธอไปนิดเดียว“คุณ!” สิ่งที่ตกใจไม่ใช่เพราะมันใกล้กับหน้าของเธอ แต่เธอตกใจเพราะตอนนี้กำปั้นของเค้ามันแดงและมีเลือดซิบออกมา“เจ็บไหม” เธอถามเค้าพร้อมกับเอามือมาโอบอุ้มด้วยฝ่ามือเล็ก ๆ ของเธอเพื่อระบายความเจ็บ“อย่าทำแบบนี้ได้ไหม คุณทำให้ฉันกลัว” เธอพูดปนเสียงสะอื้น มือเธอกอบกุมมือเค้าพร้อมเอามาแนบที่หน้าหวังให้เค้าเบาความเจ็บลง“คุณ ฟังฉันบ้างได้ไหม” เธอสบตากับเค้าเพราะอยากให้เค้าฟังเสียงของเธอ เพราะว่าไม่ได้เคลียร์ใจกันมันเลยทำให้ความสัมพันธ์ของเธอและเค้ามาถึงจุดนี้“ขอร้อง ฟังฉัน ฉันจะพูดความจริงทุก ๆ อย่าง” เมื่อเค้าได้เห็นคำขอร้องของเธอ อารมณ์ที่มันคุกรุ่นเมื่อกี้ มันเริ่มเย็น เค้าสูดลมหายใจลึก ๆ พร้อมกับมองหน้าเธอ ที่ตอนนี้น้าตามันเอ่อล้นออกมาอาบแก้มทั้งสองข้าง“คุณพูดมา” เค้าพูดขึ้น พร้อมดึงตัวเธอเข้ามานั่งเผชิญหน้ากันบนโซฟาภายในห้อง“ฉันไม่เคยนอกใจคุณ ฉันไม่เคยมองใครเลยนอกจากคุณ ส่วนรูปพวกนั้นเค้าต้องการให้คุณเข้าใจฉันผิด ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าเค้าต้องการอะไร แต่ฉันไม่ได้หักหลังหรือทำอะไรไม่ดี ลับหลังคุณ
**คำเตือน เนื้อหานี้เหมาะกับผู้อ่านอายุ 18 ปีขึ้นไปเค้าค่อย ๆ ประคองใบหน้าของเธออย่างทะนุถนอม ก่อนจะจูบเบา ๆเปี่ยมไปด้วยความรัก และค่อย ๆ ถอยตัวลงต่ำมา เพื่อชิมความหอมหวานตามซอกคอ ค่อย ๆไล่ลงมาช่วงหน้าอกของเธอ ตอนนี้อารมณ์เค้าเริ่มครุขึ้นเรื่อย ๆ ลมหายใจเริ่มติด ๆขัด ๆ เม็ดเหงื่อเริ่มผุดออกมาแต่พยายามอดกลั้นเพื่อทะนุถนอมเธอให้มากที่สุด มือเค้าบีบเค้นหน้าอกของเธออย่างคุ้นชิน เริ่มจากค่อย ๆคลึง สลับกับลงมาจูบเลียจนน้ำลายหยาดเยิ้มไปทั่วเสื้อของเธอ“ไม่ไหว” เสียงเค้าแหบพล่ามองหน้าเธอ พร้อมบดขยี้จูบลงไปอีกครั้ง“อือ” เสียงครางของเธอยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของเค้าให้เพิ่มขึ้นไปอีกปากของเค้ายังคงบดขยี้ สำรวจความหวานภายในปากของเธอ มือของเค้าค่อย ๆ ปลดบราของเธอออก เค้าเลิกเสื้อเธอขึ้นมาพร้อมก้มต่ำไปชิมยอดปทุมถันที่ตอนนี้ชูชันล่อตาเค้า เค้าสลับทั้งดูด ทั้งเค้นจนเสียงครางของเธอระงมไปทั่วห้อง“มะ ไม่ไหว” เธอพยายามเปล่งเสียงออกจากความเสียวขั้นสุด วันนี้เค้าดูนุ่มนวลแต่แฝงความร้อนแรงจนเธอควบคุมไม่ได้เมื่อเห็นอาการของเธอเค้าแอบยิ้มชอบใจกับเสียงคราง มือค่อย ๆ ไล่ลงมาปลดกระดุมกางเกงของเธอออกอย่างง่ายดาย
แสงแดดอุ่น ๆ ส่องผ่านกระจกสะท้อนมาในห้องทำงานของเธอ นี้ก็รวมสัปดาห์แล้วที่เค้ากับเธอได้เคลียร์ใจจนเข้าใจกัน แต่ที่เธอแปลกใจตั้งแต่วันนั้น จนถึงตอนนี้เธอก็ไม่พบกับญาดาและออฟอีกเลย สองคนเหมือนหายเข้าไปในกลีบเมฆเหมือนไม่มีตัวตนมาก่อน“ยายฟ้า” พี่เก่งสะกิดเธอหลังเธอนั่งเหม่อมองไปยังท้องฟ้าด้านนอก“เป็นอะไร ดูใจลอยนะ”“ไม่ได้เป็นอะไรคะพี่ แค่คิดอะไรเพลิน ๆ” เธอตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม พร้อมก้มหยิบกองเอกสารมาอ่าน“พี่ฟ้าจ๋า มีพัสดุมาส่งค่ะ ไม่ระบุชื่อ” น้องในทีมเดินเข้ามาพร้อมกล่องพัสดุที่ไม่ได้ระบุตัวชื่อ ที่อยู่ หรือจ่าหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น“อ้าวแล้วรู้ได้ไงว่าของพี่ ไม่เห็นเขียนอะไรเลย” เธอหยิบกล่องไปมาพร้อมพลิกดู“ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่ แต่พนักงานด้านล่างเค้าบอกให้เอามาให้พี่ บอกมีคนฝากมาให้” น้องในทีมตอบตามสารที่ได้รับมา“โอเค ขอบคุณมากเดี๋ยวไว้พี่ค่อยแกะดู ไปประชุมกัน” เธอวางกล่องลงบนโต๊ะอย่างไม่ได้ใส่ใจ พร้อมหอบเอกสารเข้าไปประชุม“อย่างที่ทราบกันนะคะ โปรเจคที่เราทำร่วมกับบริษัทของคุณญาดา ตอนนี้ยกเลิกแล้วพี่จะส่งแผนงานให้น้อง ๆ ทำตามแผนงานเดิมนะ” พี่เก่งอธิบายงานในห้องประชุมอย่างชอบใจ“เฮ เย้
‘กลัวเหรอนี่มันแค่เริ่มต้นเองนะ’‘ต้องการอะไร’ เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย เธอต้องไม่แปลกใจเพราะเสียงที่ได้ยิน เป็นเสียงที่คุ้นเคย ซึ่งนั่นคือเสียงคนที่หายออกไปจากชีวิตเธอไปไม่นาน ออฟ ‘หึ’ ปลายสายพูดแค่นั้น ก็วางสายไป ปล่อยให้เธอว้าวุ่นใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีอะไรต่อจากนี้อีก“แจ้งความไหม ยายฟ้า” พี่เก่งที่เห็นสีหน้าเธอก็รู้ทันที ว่าปลายสายที่โทรมาเมื่อกี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน“ค่ะ ฟ้าจะแจ้งความ” เมื่อเธอตั้งสติได้ เธอหนักแน่นมากพอที่จะไม่หวั่นใจอะไรอีกต่อไป เมื่อรู้ว่าปลายสายคือ ออฟ ผู้ชายที่ไม่มีปัญญาทำอะไร ทำได้มากสุดแค่ลอบกัดให้เธอหวั่นใจเท่านั้นเธอไม่รอช้า รีบยกโทรศัพท์ส่งข้อความหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอย่างรวดเร็ว‘ยายเบล มารับฉันที่ตอนนี้เลยที่บริษัท มีเรื่องด่วน’ เธอส่งข้อความไปพร้อมกับรูปที่เธอได้รับมา“พี่เก่งค่ะ ช่วงบ่ายฟ้าขอลางานนะคะ” เธอหันไปหาพี่เก่งพร้อมกับ แจ้งเรื่องลางาน“ได้เลย มีอะไรให้พี่ช่วยให้รีบบอกนะ” พี่เก่งตบบ่าเธออย่างให้กำลังใจ“พี่ฟ้า กลับไปเอากล่องเมื่อเช้าด้วยไหมคะ จะได้เอาไปแจ้งความพร้อม ๆ กัน” น้องในทีมอีกคนรีบทักท้วงขึ้นมาเธอยิ้มรับพร้อมพยักหน้า อย่
“แต่ฉันไม่รู้ว่า ฉันจะไปรบกวนเค้าหรือเปล่า ช่วงนี้เค้ามีบินบ่อย เห็นบอกว่าธุรกิจก็มีปัญหา ฉันไม่อยากเอาเรื่องของฉันไปกระทบเค้า” เธอตอบเพื่อนสาวคนสนิท ใจหนึ่งก็เข้าใจว่าเพื่อนเป็นห่วง แต่อีกใจก็กลัวไปเป็นภาระของเค้า“โอเค ได้ ถ้าแกไม่คุย ฉันจะคุยเอง” เบลพูดตัดบท เพราะรู้นิสัยเพื่อนสาวดี ว่าคงไม่กล้าทำให้คนอื่นเดือดร้อน“แต่” เธอกำลังจะอ้าปากทักท้วงเพื่อนสาว“หยุด! ไม่มีแต่ ขืนฉันแกให้จัดการเองมีหวังแกคงยอมตาย” เบลพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์ของเธอมา“เอาเบอร์มา” เบลพูดพร้อมยื่นมือไปให้เธอกดเบอร์“แกจะคุยอะไรกับเค้า” เธอถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“โอ๊ย ยายฟ้าแกตั้งสติแล้วฟังฉันนะ ฉันไม่อยากมานั่งสอนแกทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมาฉันเข้าใจว่าแกมันโลกสวย แต่อันนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตแก ชีวิตครอบครัวแก ถ้าแกไม่กล้าคุยกับเค้า ฉันจะคุยเอง แกเชิญนั่งรับบทนางเอกไปเลย ฉันจะเป็นนางร้ายที่คอยปกป้องนางเอกอย่างแกเอง” เบลพูดร่ายยาวหวังว่าจะทำให้เพื่อนเธอเข้าใจเมื่อเห็นเพื่อนพูดแบบนั้น เธอทำได้เพียงกดเบอร์ของเค้าให้เพื่อนสาว เพราะตัวเธอเองก็ไม่รู้จะเริ่มคุยเรื่องนี้กับเค้าอย่างไง สติเธอตอนนี้มันลำดับอะไรไม่ถูกทั้งน
“ความเป็น ความตาย” เธอทวนคำพูดของโรเซอร์ พร้อมกับทำหน้าตั้งคำถาม“คุณโรเซอร์ หมายความว่าไงคะ” เธอทวนคำถามอีกครั้ง“ไม่มีอะไรครับ” โรเซอร์ตอบแบบหลบสายตา ไม่กล้าตอบตามความจริง“นี้คุณ! อย่ามาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ นะ พูดให้ชัดเจน ฉันกับเพื่อนจะได้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น พวกคุณช่วยทำเรื่องง่ายให้มันเป็นเรื่องง่ายหน่อยได้ไหม อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก” เบลพูดไม่เว้นลมหายใจ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปิดบังสถานการณ์อะไรให้มันดูซับซ้อนยุ่งยาก“เฮ้อ” เสียงโรเซอร์พ่นลมหายใจ พร้อมหันไปประชันหน้ากับเบล“คุณฟังนะ เรื่องบางเรื่องมันก็พูดไม่ได้ป่าว” โรเซอร์พูดอย่างอารมณ์เสีย“อะไรก็พูดไม่ได้ ต้องรอให้เพื่อนฉันตายก่อนใช่ไหม” เบลตอกกลับไป ทำให้โรเซอร์ชะงัก“พูด!” เบลเริ่มทนไม่ไหวกับทั้งสองฝ่าย“พูดเถอะนะคะ คุณโรเซอร์ฉันเองจะได้รู้สถานการณ์ด้วย” เธอตัดสินใจอ้อนวอนโรเซอร์เพื่อต้องการรู้สถานการณ์“โอเคครับ” โรเซอร์เริ่มเสียงแผ่วลงเมื่อได้ยินเสียงของเธอ“ช่วงนี้ คุณคงต้องอยู่กับเพื่อนคุณไปก่อนนะ สถานการณ์ดูท่าไม่ดี ส่วนเรื่องที่บริษัท คงต้องให้คุณหยุดพักไปก่อน อย่าพึ่งไปไหนดีที่สุด ตอนนี้ฝั่งลูคัสเองก็แย่ครับ”
เมื่อบอกข่าวกับ ‘คีแกน’ เด็กชายวัยสองขวบมองหน้าพ่อแม่อย่างงุนงง ก่อนจะทำตาโต“น้อง?”ปลายฟ้าพยักหน้า “ใช่ค่ะลูก อีกไม่นาน คีแกนจะมีน้องแล้วนะ”เด็กชายมองไปที่หน้าท้องของแม่ ก่อนจะหันไปมองหน้าพ่อ แล้วเอื้อมมือเล็ก ๆ ไปแตะเบา ๆ“เบบี๋? อยู่ในท้องเหรอ” คีแกนถามเสียงใสลูคัสหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะอุ้มลูกชายขึ้น “ใช่ น้องของลูกอยู่ในนี้” “คิก ๆ” คีแกนหัวเราะคิก ก่อนจะจุ๊บเบา ๆ ที่หน้าท้องของแม่"รักนะ เบบี๋"ปลายฟ้าหัวเราะทั้งน้ำตา นี่คือความสุขที่แท้จริง… ครอบครัวของเธอหลายเดือนผ่านไป ปลายฟ้าถูกดูแลอย่างดีจาก ลูคัส เค้าแทบไม่ปล่อยให้เธอทำอะไรเองเลย“ลูคัส ฉันแค่จะเดินไปหยิบหนังสือ!”“เดี๋ยวผมหยิบให้”“ลูคัส ฉันเดินเองได้นะ”“แต่ผมไม่ไว้ใจ”เค้าเป็นแบบนี้ทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่ง…“โอ๊ย!” ปลายฟ้าร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ท้อง น้ำคร่ำของเธอแตกแล้ว!ลูคัสแทบจะเสียสติ รีบอุ้มเธอขึ้นแล้วพาไปโรงพยาบาลทันทีไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเสียงร้องไห้ของทารกน้อยดังขึ้นอีกครั้ง ลูคัสที่จับมือปลายฟ้าแน่น เงยหน้าขึ้นมองลูกคนที่สองของเค้าด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมพยาบาลอุ้มเด็กน้อยมาวางไว้บนอกของปล
"มึงแน่ใจเหรอว่าจะไปจัดการเอง?" โรเซอร์เพื่อนสนิทของลูคัสถามขณะที่พวกเขาเตรียมอาวุธอยู่ในโกดังลับ"กูปล่อยเรื่องนี้ไว้นานเกินไปแล้ว" ลูคัสตอบเสียงเรียบ ดวงตาของเขาเย็นเยียบ"มันกล้าคิดจะใช้ฟ้าเป็นเครื่องมือ มันต้องจ่ายค่าตอบแทน" หลังจากพูดออกไปเค้าก็ก้มหน้า ก้มตาเตรียมอาวุธโดยที่สายตาไม่มีความกังวลใด ๆ ตอนนี้ถ้าใครเห็นสายตาของเค้าคงไม่มีใครกล้าเข้าท้าทายอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลา ลูคัสและลูกน้องก็เดินทางไปยังโกดังร้างที่เป็นฐานลับของเคนโซ่ หัวหน้ามาเฟียที่มีปัญหากันรุ่นสู่รุ่นและวันนี้เค้าต้องการให้มันจบที่รุ่นเค้าเนี้ยแหล่ะเมื่อประตูโกดังเปิดออก ลูคัสเดินเข้าไปด้วยท่าทางนิ่งสงบ ดวงตาคมเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ และพบว่าชายวัยกลางคน นั่งรออยู่ที่โต๊ะ พร้อมกับเหล่าลูกน้องของเขาที่รายล้อมอยู่"ฮึ ใจกล้าดีนะมึง บุกมาหากูถึงที่ " เคนโซ่ยิ้มเย็น เค้ารู้อยู่แล้วว่าไงคืนนี้ลูคัสต้องมาหาเค้า เพราะจากสายสืบที่อยู่ใกล้ตัวลูคัสเป็นคนส่งข่าวมาหาเค้าเอง“มึงคิดว่าเอาคนของมึงไว้ใกล้ตัวกู กูจะไม่รู้เหรอว่ามันเป็นใคร” ลูคัสหันไปถามเยือกเย็นกับเคนโซ่อย่างไม่เกรงกลัวอำนาจใด ๆปัง! ลูคัสไม่รอช้า ยิงใส่ลูกน้องของ
ปลายฟ้านั่งนิ่งอยู่บนเตียงในห้องพักสุดหรูของลูคัส หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน เธอก็แทบไม่ได้นอนเลย ทุกครั้งที่เธอหลับตา ภาพของออฟที่ถูกยิงล้มลงกับพื้นก็ย้อนกลับมาหลอกหลอนเธอ“ฟ้า” เค้าเรียกสติเธอกลับมา หลังจากที่เห็นสภาพเธอนั่งเหม่อลอยตลอดทั้งคืน“กังวลอะไรอยู่”“ป่าว แค่คิดอะไรไปเรื่อย”“คุณ มีอะไรควรบอกกันตรง ๆนะ ผมอยากให้เราเปิดใจคุยกันมากขึ้น”“มันแค่อยู่ในหัว ฮึก ๆภาพนั้นมันยังติดอยู่ในหัวฉัน” เธอเริ่มร้องไห้เมื่อนึกถึงภาพของออฟ เค้าเข้ามาโอบกอดเธอพร้อมกับลูบหัวเบา ๆ“ผมขอโทษ ผมขอโทษนะคนดี” เค้ามอบจุมพิตให้เธออย่างอ่อนโยนเพื่อให้เธอรับรู้ความรู้สึกของเค้าที่มีให้เธอ"ฟ้า ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณ" เค้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือหนาเอื้อมมาจับมือเธอไว้"ทุกสิ่งที่ผมทำ…ก็เพื่อให้คุณปลอดภัย""ฉันเข้าใจ…" เธอพึมพำ"แต่ลูคัส ฉันก็แค่… มันเร็วเกินไป ฉันยังไม่รู้ว่าจะรับทุกอย่างนี้ได้ไหม"เค้าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นลูบแก้มเธอเบา ๆ"ผมเข้าใจว่าคุณยังสับสน…แต่ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณเดินออกจากชีวิตผม"เธอเช็ดน้ำตาพร้อมขมวดคิ้วมองหน้าเค้าจากความรู้สึกถึงน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้นของเค้
“มึงเห็นหรือยัง มึงรู้ไหม ผัวมึงมันเลวขนาดไหน มันฆ่าคนมันยังไม่รู้สึกอะไรเลย ภาพที่มึงเห็น ภาพที่มันสร้างเป็นคนดี มันแค่หน้ากากทั้งนั้นแหละ!” ออฟพูดพร้อมบีบต้นคอเธอจากด้านหลังเพื่อให้เธอกันลูคัสให้“ปล่อย!” เธอพยายามแกะมือออกเพราะตอนนี้เธอเองก็เริ่มเจ็บไปหมด“มีผัวเป็นมาเฟีย ยังไม่รู้ตัวอีก สักวันเดี๋ยวมันเบื่อมึง มันก็จะทิ้งมึงไปให้ไอ้พวกกระจ๊อกของมันนั้นแหละ” ออฟยังพูดต่อเหมือนคนไร้สติ แต่พยายามหาช่องทางหนีออกไปจากที่นี่ เพราะออฟเองก็ไม่มีอาวุธใด ๆ อยู่ในมือตอนนี้“โอ๊ย” เสียงเธอเล็ดลอดออกมาเมื่อโดนบีบเต็มแรงจากน้ำหนักมือของออฟลูคัสเห็นท่าไม่ดี เค้าเลยไม่ลังเลที่จะรอ ตอนแรกเค้ากะจะออมมือเพราะไม่อยากให้เธอเห็นภาพสะเทือนใจ แต่มันทำให้เธอเจ็บ เค้าเองคงยอมนิ่งดูเฉย ๆ แบบนั้นไม่ได้“กูบอกให้มึงปล่อยเมียกู!” เค้าเริ่มหัวร้อนขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเธอ ระยะที่ออฟใช้เธอเป็นตัวประกันแทบไม่มีผลกับการยิงของเค้า เพียงแต่เค้ากลัวเธอเห็นภาพตอนเค้าฆ่ามันก็เท่านั้นเอง“กูไม่”ปัง! ไม่ทันที่ออฟจะพูดจบ เสียงปืนดังพร้อมกับร่างของออฟที่ล้มลงจมกองเลือดใช่ เค้ายิงออฟตรงหน้าผากแบบนัดเดียว โดยไม่ลังเลอะไรทั้ง
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอเดินออกมาแล้วต้องพบกับความว่างเปล่าอีกครั้ง“หายไปไหนนะ” เธอพึมพำโดยที่ไม่ได้สังเกตพรึบ !เค้าโผล่มากอดเธอจากด้านหลัง ทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวอย่างคนไม่ได้ตั้งตัว“คุณ ตกใจหมด” เธอตีเค้าเบา ๆ หลังจากโดนคลอเคลีย ช่วงลำคอ“ผมคิดถึงคุณ” เสียงเค้าแหบพร่า เว้าวอนอย่างมีจุดมุ่งหมาย "ฉันก็คิดถึงคุณ" เธอไม่ปล่อยให้เค้ารอนานหันไปเริ่มลุกเค้าเค้าเองก็ตกใจปนตื่นเต้นที่ครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายเริ่มต้น เธอดันหลังเค้าพร้อมกับผลักเค้าลงไปที่เตียงพร้อมจ้องตาเค้าอย่างยั่วยวน "คุณทำให้ฉัน โหยหาคุณมากแค่ไหนรู้ไหม นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่เจอกัน แล้วก็นานเท่าไหร่แล้วที่เรา" เธอเงียบไปพร้อมขึ้นคร่อมเขา อย่างโหยหา "งั้นคืนนี้ผมขออยู่เฉย ๆนะ" เค้ายกมุมปากพร้อมดูการกระทำเธอด้วยความตื่นเต้น แต่ต้องเก็บอาการ อื้อ เธอไม่รอช้าพอเค้าพูดจบ เธอก็ก้มลงไปจูบเค้าอย่างดูดดื่ม ค่ำคืนอันเร่าร้อนของเค้าทั้งสองผ่านไปอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงครางของทั้งคู่ดังระงมไปทั่วห้องตลอดทั้งคืน "ตื่นแล้วเหรอ" เค้าถามเธอหลังจากเมื่อคืน ผ่านการใช้เวลาด้วยกันทั้งคืนจนเกือบเช้า "อื้อ" เธอยิ้มมองเค้าผ่านแสงแดดที่รอดผ่า
“ใช่ แต่ก่อนที่ผมจะไปสืบไง ผมคิดว่าเป็นแค่คนโง่ ๆ ที่พยายามปั่นพวกเราแต่มันไม่ใช่ ดังนั้น เชื่อใจผมแล้วย้ายไปอยู่ด้วยกันนะ” เมื่อเค้าพูดประโยคนี้จบ เธอก็ทำการไตร่ตรองก่อนตัดสินใจว่าควรย้ายมาอยู่กับเค้า“ไปเถอะยายฟ้า ฉันเองจะได้ไม่ต้องห่วงแกด้วย ไปอยู่กับคุณลูคัสแกเองจะได้ปลอดภัย” เบลพูดเสริมทัพอีกคนเพื่อความปลอดภัยของเธอเอง“ค่ะ ฉันจะย้ายไปอยู่กับคุณ ว่าแต่มันนานแค่ไหนที่ต้องย้ายไป” เธอถามเค้าด้วยความต้องการระยะเวลาที่ชัดเจน“จนกว่าจะหาคนที่อยู่เบื้องหลังได้” เค้าให้คำตอบเธอมาแบบนี้หลังจากเจรจากันเสร็จเธอกับเค้าพร้อมเบลก็เดินลงมายังลานจอดรถ แต่ที่ทำให้เธอไม่ทันตั้งตัวคือตอนนี้ที่ลานจอดรถเต็มไปด้วยชายชุดดำประมาณ 5-6 คน“ขึ้นรถเถอะ คนของผมเอง” เมื่อเห็นเธอยืนนิ่งจึงเค้าโอบเอวเธอ พร้อมยื่นของใช้จำเป็นของเธอให้ชายชุดดำ “คุณเบลไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ อยู่กับผมฟ้าปลอดภัยแน่นอน” เค้าหันมาสื่อสารพร้อมรับปากเรื่องความปลอดภัยของเธอให้เบลฟัง“ค่ะ ฝากด้วยนะคะ” เบลยิ้มอุ่นใจเมื่อได้ยินแบบนั้นบวกกับเห็นบอดีการ์ดที่มาพร้อมกับเค้า“ไว้ฉันโทรหานะเบล” เธอหันมาบอกเพื่อนไม่ให้กังวลหลังจากแยกย้ายกับเพื่อ
“ความเป็น ความตาย” เธอทวนคำพูดของโรเซอร์ พร้อมกับทำหน้าตั้งคำถาม“คุณโรเซอร์ หมายความว่าไงคะ” เธอทวนคำถามอีกครั้ง“ไม่มีอะไรครับ” โรเซอร์ตอบแบบหลบสายตา ไม่กล้าตอบตามความจริง“นี้คุณ! อย่ามาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ นะ พูดให้ชัดเจน ฉันกับเพื่อนจะได้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น พวกคุณช่วยทำเรื่องง่ายให้มันเป็นเรื่องง่ายหน่อยได้ไหม อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก” เบลพูดไม่เว้นลมหายใจ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปิดบังสถานการณ์อะไรให้มันดูซับซ้อนยุ่งยาก“เฮ้อ” เสียงโรเซอร์พ่นลมหายใจ พร้อมหันไปประชันหน้ากับเบล“คุณฟังนะ เรื่องบางเรื่องมันก็พูดไม่ได้ป่าว” โรเซอร์พูดอย่างอารมณ์เสีย“อะไรก็พูดไม่ได้ ต้องรอให้เพื่อนฉันตายก่อนใช่ไหม” เบลตอกกลับไป ทำให้โรเซอร์ชะงัก“พูด!” เบลเริ่มทนไม่ไหวกับทั้งสองฝ่าย“พูดเถอะนะคะ คุณโรเซอร์ฉันเองจะได้รู้สถานการณ์ด้วย” เธอตัดสินใจอ้อนวอนโรเซอร์เพื่อต้องการรู้สถานการณ์“โอเคครับ” โรเซอร์เริ่มเสียงแผ่วลงเมื่อได้ยินเสียงของเธอ“ช่วงนี้ คุณคงต้องอยู่กับเพื่อนคุณไปก่อนนะ สถานการณ์ดูท่าไม่ดี ส่วนเรื่องที่บริษัท คงต้องให้คุณหยุดพักไปก่อน อย่าพึ่งไปไหนดีที่สุด ตอนนี้ฝั่งลูคัสเองก็แย่ครับ”
“แต่ฉันไม่รู้ว่า ฉันจะไปรบกวนเค้าหรือเปล่า ช่วงนี้เค้ามีบินบ่อย เห็นบอกว่าธุรกิจก็มีปัญหา ฉันไม่อยากเอาเรื่องของฉันไปกระทบเค้า” เธอตอบเพื่อนสาวคนสนิท ใจหนึ่งก็เข้าใจว่าเพื่อนเป็นห่วง แต่อีกใจก็กลัวไปเป็นภาระของเค้า“โอเค ได้ ถ้าแกไม่คุย ฉันจะคุยเอง” เบลพูดตัดบท เพราะรู้นิสัยเพื่อนสาวดี ว่าคงไม่กล้าทำให้คนอื่นเดือดร้อน“แต่” เธอกำลังจะอ้าปากทักท้วงเพื่อนสาว“หยุด! ไม่มีแต่ ขืนฉันแกให้จัดการเองมีหวังแกคงยอมตาย” เบลพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์ของเธอมา“เอาเบอร์มา” เบลพูดพร้อมยื่นมือไปให้เธอกดเบอร์“แกจะคุยอะไรกับเค้า” เธอถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“โอ๊ย ยายฟ้าแกตั้งสติแล้วฟังฉันนะ ฉันไม่อยากมานั่งสอนแกทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมาฉันเข้าใจว่าแกมันโลกสวย แต่อันนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตแก ชีวิตครอบครัวแก ถ้าแกไม่กล้าคุยกับเค้า ฉันจะคุยเอง แกเชิญนั่งรับบทนางเอกไปเลย ฉันจะเป็นนางร้ายที่คอยปกป้องนางเอกอย่างแกเอง” เบลพูดร่ายยาวหวังว่าจะทำให้เพื่อนเธอเข้าใจเมื่อเห็นเพื่อนพูดแบบนั้น เธอทำได้เพียงกดเบอร์ของเค้าให้เพื่อนสาว เพราะตัวเธอเองก็ไม่รู้จะเริ่มคุยเรื่องนี้กับเค้าอย่างไง สติเธอตอนนี้มันลำดับอะไรไม่ถูกทั้งน
‘กลัวเหรอนี่มันแค่เริ่มต้นเองนะ’‘ต้องการอะไร’ เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย เธอต้องไม่แปลกใจเพราะเสียงที่ได้ยิน เป็นเสียงที่คุ้นเคย ซึ่งนั่นคือเสียงคนที่หายออกไปจากชีวิตเธอไปไม่นาน ออฟ ‘หึ’ ปลายสายพูดแค่นั้น ก็วางสายไป ปล่อยให้เธอว้าวุ่นใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีอะไรต่อจากนี้อีก“แจ้งความไหม ยายฟ้า” พี่เก่งที่เห็นสีหน้าเธอก็รู้ทันที ว่าปลายสายที่โทรมาเมื่อกี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน“ค่ะ ฟ้าจะแจ้งความ” เมื่อเธอตั้งสติได้ เธอหนักแน่นมากพอที่จะไม่หวั่นใจอะไรอีกต่อไป เมื่อรู้ว่าปลายสายคือ ออฟ ผู้ชายที่ไม่มีปัญญาทำอะไร ทำได้มากสุดแค่ลอบกัดให้เธอหวั่นใจเท่านั้นเธอไม่รอช้า รีบยกโทรศัพท์ส่งข้อความหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอย่างรวดเร็ว‘ยายเบล มารับฉันที่ตอนนี้เลยที่บริษัท มีเรื่องด่วน’ เธอส่งข้อความไปพร้อมกับรูปที่เธอได้รับมา“พี่เก่งค่ะ ช่วงบ่ายฟ้าขอลางานนะคะ” เธอหันไปหาพี่เก่งพร้อมกับ แจ้งเรื่องลางาน“ได้เลย มีอะไรให้พี่ช่วยให้รีบบอกนะ” พี่เก่งตบบ่าเธออย่างให้กำลังใจ“พี่ฟ้า กลับไปเอากล่องเมื่อเช้าด้วยไหมคะ จะได้เอาไปแจ้งความพร้อม ๆ กัน” น้องในทีมอีกคนรีบทักท้วงขึ้นมาเธอยิ้มรับพร้อมพยักหน้า อย่