‘กลัวเหรอนี่มันแค่เริ่มต้นเองนะ’
‘ต้องการอะไร’ เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย เธอต้องไม่แปลกใจเพราะเสียงที่ได้ยิน เป็นเสียงที่คุ้นเคย ซึ่งนั่นคือเสียงคนที่หายออกไปจากชีวิตเธอไปไม่นาน ออฟ
‘หึ’ ปลายสายพูดแค่นั้น ก็วางสายไป ปล่อยให้เธอว้าวุ่นใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีอะไรต่อจากนี้อีก
“แจ้งความไหม ยายฟ้า” พี่เก่งที่เห็นสีหน้าเธอก็รู้ทันที ว่าปลายสายที่โทรมาเมื่อกี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
“ค่ะ ฟ้าจะแจ้งความ” เมื่อเธอตั้งสติได้ เธอหนักแน่นมากพอที่จะไม่หวั่นใจอะไรอีกต่อไป เมื่อรู้ว่าปลายสายคือ ออฟ ผู้ชายที่ไม่มีปัญญาทำอะไร ทำได้มากสุดแค่ลอบกัดให้เธอหวั่นใจเท่านั้น
เธอไม่รอช้า รีบยกโทรศัพท์ส่งข้อความหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอย่างรวดเร็ว
‘ยายเบล มารับฉันที่ตอนนี้เลยที่บริษัท มีเรื่องด่วน’ เธอส่งข้อความไปพร้อมกับรูปที่เธอได้รับมา
“พี่เก่งค่ะ ช่วงบ่ายฟ้าขอลางานนะคะ” เธอหันไปหาพี่เก่งพร้อมกับ แจ้งเรื่องลางาน
“ได้เลย มีอะไรให้พี่ช่วยให้รีบบอกนะ” พี่เก่งตบบ่าเธออย่างให้กำลังใจ
“พี่ฟ้า กลับไปเอากล่องเมื่อเช้าด้วยไหมคะ จะได้เอาไปแจ้งความพร้อม ๆ กัน” น้องในทีมอีกคนรีบทักท้วงขึ้นมา
เธอยิ้มรับพร้อมพยักหน้า อย่างรับความหวังดี
หลังจากที่เธอกลับมาถึงบริษัท แล้วก็รีบมุ่งหน้าไปแกะกล่องที่เธอได้รับเมื่อเช้า เพื่อจะนำไปเป็นหลักฐานแจ้งความ
พรึบ!
แต่สิ่งที่เห็นกับทำให้เธอมือสั่นเทา เพราะไม่เพียงแต่จะมีรูปตามสถานที่ต่าง ๆ ยังมีกรอบรูปที่เธอคุ้นเคยมาตั้งแต่เกิดถูกส่งมาด้วย ใช่ และภาพที่เธอเห็นมันไม่ใช่เพียงแค่รูปของเธอ แต่มันคือรูปครอบครัวของเธอ ทุกคน และกรอบรูปที่ถูกส่งมาทำให้เธอกลัวสุดใจ เพราะกรอบรูปนี้มันอยู่ที่บ้านของเธอ หมายความว่า คนที่ส่งของพวกนี้มา เข้าถึงครอบครัวได้ง่ายดาย
ติ่ง ~~~~~~~~~~~ เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นพร้อมกับข้อความเด้งที่หน้าจอ
‘ตกใจอีกแล้วเหรอ ทำไมแกะกล่องช้าล่ะ’ ปึก! เธอมือสั่นเทาหลังจากที่เห็นข้อความเด้งขึ้นมา
‘ไม่ใช่ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ทำไมคน ๆนี้รู้หมดเลยว่าเธอทำอะไร เหมือนอยู่ใกล้ตัวเธอตลอดเวลา’ เธอสั่นเทา มองไปรอบ ๆ ที่ตอนนี้ เธอไม่เคยสงสัยใครเลย
“ฟ้า ๆ ว้าย” พี่เก่งเดินเข้ามาเขย่าตัวเธอ เมื่อเห็นท่าทีของเธอ ที่ดูช็อกเต็มที่
“นี้มันภาพ พ่อ แม่แกนิ” พี่เก่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับหยิบภาพมาดู
“พี่ฟ้า ผมว่าพี่รีบไปแจ้งความไหมพี่ มันดูรุนแรงมากนะ” น้องในทีมเริ่มมามุงเห็นอาการช็อกของเธอ
ติ่ง ~~~~~~~~~~~
‘ฮึ แจ้งความเหรอ คิดดี ๆ นะ’
“พี่เก่ง ฮึก ๆ” เธอทรุดตัวลงพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้พี่เก่งดู
“ฟ้ากลัว ฟ้าไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครแล้วตอนนี้ ฮึก ๆ” เธอร้องไห้ตัวโยนเมื่อเห็นภาพของคนในครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง
“ฟ้าควรทำไงดี” เธอมืดแปดด้านไปหมด ตอนนี้คำถามในหัวมันตีกันไปหมด จนตอนนี้เธอจับต้นชนปลายไม่ได้
“ฟ้าใจเย็น ๆ พี่ว่าตอนนี้อย่าพึ่งทำอะไร พี่กลัวว่าที่บ้านแกจะไม่ปลอดภัย ตอนนี้กลับไปพักก่อน ลางานไปเลย” พี่เก่งพยุงตัวเธอขึ้นมาพร้อมสอดส่องว่าใครที่น่าสงสัย
“ฮึก ๆ พี่เก่ง” เธอร้องไห้ตัวโยนจนคนด้านนอกเริ่มหันเข้ามามองตรงทีมของเธอ
“ฟ้า ใจเย็น ๆ ก่อน” พี่เก่งกอดเธอเพื่อลดเสียงร้องไห้ที่มันเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ
ติ่ง ~~~~~~~~~~~
‘ฉันมาถึงแล้ว รอใต้ตึกนะ’ ข้อความจากเพื่อนสนิทเธอเด้งขึ้นมา เป็นจังหวะที่พี่เก่งถือโทรศัพท์เธอไว้พอดี
“เดี๋ยวพี่ลงไปส่ง เพื่อนเธอมาถึงแล้ว” พี่เก่งลูบหลังเธอพร้อมกับหยิบเก็บสัมภาระต่าง ๆ ให้เธอ
“คนอื่น ๆ ทำงานไป เดี๋ยวพี่จัดการเอง” พี่เก่งหันไปสั่งน้องในทีม เพราะรู้ว่าทุกคนในทีมตอนนี้กำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเธอ
ติ่ง ~~~~~~~~~~~
‘จะไปไหนเหรอ จะรีบกลับไปไหน ฮึ ๆ’ ข้อความยังถูกส่งมาต่อเนื่องเหมือนอยู่ในออฟฟิศเดียวกับเธอ
พี่เก่งเห็นท่าไม่ดีเลยหยิบโทรศัพท์เธอขึ้นมาพร้อมกับปิดเครื่อง
“เกิดอะไรขึ้นคะ” เบลรีบวิ่งหน้าตั้งมาเมื่อเห็นอาการของฟ้าที่เดินร้องไห้อย่างหนักมาพร้อมพี่เก่ง
“พี่ขอเบอร์ติดต่อเราไว้ที อย่าให้ฟ้าเปิดโทรศัพท์นะ พาฟ้ากลับคอนโดเธออย่าพึ่งให้ฟ้ากลับคอนโดตัวเอง เดี๋ยวพี่จะโทรเล่าให้ฟังระหว่างทาง” พี่เก่งพูดคุยกับเบล พร้อมยื่นสัมภาระให้เธอรวมถึง รูปที่ถูกส่งมาทั้งหมด
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” เบลพยุงฟ้าไปที่ลานจอดรถ แต่ยังไม่พูดอะไร เพราะดูจากสถานการณ์ที่เพื่อนเจอมาคงรุนแรงพอสมควร เมื่อไปถึงรถ ฟ้าก็ฟุบ ร้องไห้จนหลับไป
‘ค่ะพี่เก่ง’ เบลรับสายจากพี่เก่งพร้อมฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ
“ยายฟ้า” เบลปลุกเธอหลังจากถังจุดหมายทาง
“เบล ฮึก ๆ” เธอโผเข้ากอดเพื่อนหลังจากสติเริ่มกลับมา
“ตั้งสติ” เบลเขย่าตัวเธอพร้อมกับหันหน้าเธอมาที่ตัว
“ที่บ้านแก ยังคงปลอดภัย ฉันโทรเช็คให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องกังวล ฉันคอยให้คนไปสอดส่องดูแลไว้ใจได้” เบลพูดให้เธอคลายกังวลเรื่องที่บ้าน
“แต่เรื่องนี้ แกต้องบอกคุณลูคัส ฉันว่าที่แกโดนมา มันเกี่ยวข้องกับเค้า” เบลพูดหลังจากคุยเรื่องสถานการณ์ต่าง ๆ หลาย ๆ อย่างกับพี่เก่ง
“แต่ฉันไม่อยากรบกวนเค้า ฮึก ๆ” เธอพูดพร้อมปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“ฟ้า แกไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะเจอปัญหาอะไรแกให้คนอื่นช่วยก็ได้ ไม่ต้องแบกไว้คนเดียว แล้วการที่แกแบกไว้คนเดียว ฉันถามจริง แกแก้ปัญหาเองได้ไหม อย่างวันนี้แค่แกเจอรูปพวกนี้ ถ้าไม่มีพี่เก่ง แกจะมีชีวิตมาเจอฉันตอนนี้ไหม ตั้งสติหน่อยฟ้า เลิกอ่อนแอ เลิกทำตัวเป็นเป้าล่อเหยื่อสักทีได้ไหม” เบลพูดมาอย่างเหลืออด จากสิ่งที่เบลฟังจากพี่เก่งมา เธอโดนกลั่นแกล้งสารพัด แต่ไม่เคยโต้ตอบ เบลไม่เคยชอบที่เธออ่อนแอและไม่สู้คน
“ลุกขึ้นสู้บ้างเหอะ แกมีคนหนุนหลังแกขนาดนี้แกมีอะไรให้ต้องกลัว!” เบลพูดเตือนสติเธอ เพื่อคาดหวังให้เธอลุกขึ้นสู้บ้างไม่ใช่ ยอมถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว
“แต่”
“หยุดแต่ค่ะ ฟังฉันนะกับคุณลูคัสแก ไม่ได้เป็นแค่คู่นอนเค้า แต่แกคือเมียเค้าค่ะ”
“แต่ฉันไม่รู้ว่า ฉันจะไปรบกวนเค้าหรือเปล่า ช่วงนี้เค้ามีบินบ่อย เห็นบอกว่าธุรกิจก็มีปัญหา ฉันไม่อยากเอาเรื่องของฉันไปกระทบเค้า” เธอตอบเพื่อนสาวคนสนิท ใจหนึ่งก็เข้าใจว่าเพื่อนเป็นห่วง แต่อีกใจก็กลัวไปเป็นภาระของเค้า“โอเค ได้ ถ้าแกไม่คุย ฉันจะคุยเอง” เบลพูดตัดบท เพราะรู้นิสัยเพื่อนสาวดี ว่าคงไม่กล้าทำให้คนอื่นเดือดร้อน“แต่” เธอกำลังจะอ้าปากทักท้วงเพื่อนสาว“หยุด! ไม่มีแต่ ขืนฉันแกให้จัดการเองมีหวังแกคงยอมตาย” เบลพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์ของเธอมา“เอาเบอร์มา” เบลพูดพร้อมยื่นมือไปให้เธอกดเบอร์“แกจะคุยอะไรกับเค้า” เธอถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“โอ๊ย ยายฟ้าแกตั้งสติแล้วฟังฉันนะ ฉันไม่อยากมานั่งสอนแกทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมาฉันเข้าใจว่าแกมันโลกสวย แต่อันนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตแก ชีวิตครอบครัวแก ถ้าแกไม่กล้าคุยกับเค้า ฉันจะคุยเอง แกเชิญนั่งรับบทนางเอกไปเลย ฉันจะเป็นนางร้ายที่คอยปกป้องนางเอกอย่างแกเอง” เบลพูดร่ายยาวหวังว่าจะทำให้เพื่อนเธอเข้าใจเมื่อเห็นเพื่อนพูดแบบนั้น เธอทำได้เพียงกดเบอร์ของเค้าให้เพื่อนสาว เพราะตัวเธอเองก็ไม่รู้จะเริ่มคุยเรื่องนี้กับเค้าอย่างไง สติเธอตอนนี้มันลำดับอะไรไม่ถูกทั้งน
“ความเป็น ความตาย” เธอทวนคำพูดของโรเซอร์ พร้อมกับทำหน้าตั้งคำถาม“คุณโรเซอร์ หมายความว่าไงคะ” เธอทวนคำถามอีกครั้ง“ไม่มีอะไรครับ” โรเซอร์ตอบแบบหลบสายตา ไม่กล้าตอบตามความจริง“นี้คุณ! อย่ามาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ นะ พูดให้ชัดเจน ฉันกับเพื่อนจะได้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น พวกคุณช่วยทำเรื่องง่ายให้มันเป็นเรื่องง่ายหน่อยได้ไหม อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก” เบลพูดไม่เว้นลมหายใจ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปิดบังสถานการณ์อะไรให้มันดูซับซ้อนยุ่งยาก“เฮ้อ” เสียงโรเซอร์พ่นลมหายใจ พร้อมหันไปประชันหน้ากับเบล“คุณฟังนะ เรื่องบางเรื่องมันก็พูดไม่ได้ป่าว” โรเซอร์พูดอย่างอารมณ์เสีย“อะไรก็พูดไม่ได้ ต้องรอให้เพื่อนฉันตายก่อนใช่ไหม” เบลตอกกลับไป ทำให้โรเซอร์ชะงัก“พูด!” เบลเริ่มทนไม่ไหวกับทั้งสองฝ่าย“พูดเถอะนะคะ คุณโรเซอร์ฉันเองจะได้รู้สถานการณ์ด้วย” เธอตัดสินใจอ้อนวอนโรเซอร์เพื่อต้องการรู้สถานการณ์“โอเคครับ” โรเซอร์เริ่มเสียงแผ่วลงเมื่อได้ยินเสียงของเธอ“ช่วงนี้ คุณคงต้องอยู่กับเพื่อนคุณไปก่อนนะ สถานการณ์ดูท่าไม่ดี ส่วนเรื่องที่บริษัท คงต้องให้คุณหยุดพักไปก่อน อย่าพึ่งไปไหนดีที่สุด ตอนนี้ฝั่งลูคัสเองก็แย่ครับ”
“ใช่ แต่ก่อนที่ผมจะไปสืบไง ผมคิดว่าเป็นแค่คนโง่ ๆ ที่พยายามปั่นพวกเราแต่มันไม่ใช่ ดังนั้น เชื่อใจผมแล้วย้ายไปอยู่ด้วยกันนะ” เมื่อเค้าพูดประโยคนี้จบ เธอก็ทำการไตร่ตรองก่อนตัดสินใจว่าควรย้ายมาอยู่กับเค้า“ไปเถอะยายฟ้า ฉันเองจะได้ไม่ต้องห่วงแกด้วย ไปอยู่กับคุณลูคัสแกเองจะได้ปลอดภัย” เบลพูดเสริมทัพอีกคนเพื่อความปลอดภัยของเธอเอง“ค่ะ ฉันจะย้ายไปอยู่กับคุณ ว่าแต่มันนานแค่ไหนที่ต้องย้ายไป” เธอถามเค้าด้วยความต้องการระยะเวลาที่ชัดเจน“จนกว่าจะหาคนที่อยู่เบื้องหลังได้” เค้าให้คำตอบเธอมาแบบนี้หลังจากเจรจากันเสร็จเธอกับเค้าพร้อมเบลก็เดินลงมายังลานจอดรถ แต่ที่ทำให้เธอไม่ทันตั้งตัวคือตอนนี้ที่ลานจอดรถเต็มไปด้วยชายชุดดำประมาณ 5-6 คน“ขึ้นรถเถอะ คนของผมเอง” เมื่อเห็นเธอยืนนิ่งจึงเค้าโอบเอวเธอ พร้อมยื่นของใช้จำเป็นของเธอให้ชายชุดดำ “คุณเบลไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ อยู่กับผมฟ้าปลอดภัยแน่นอน” เค้าหันมาสื่อสารพร้อมรับปากเรื่องความปลอดภัยของเธอให้เบลฟัง“ค่ะ ฝากด้วยนะคะ” เบลยิ้มอุ่นใจเมื่อได้ยินแบบนั้นบวกกับเห็นบอดีการ์ดที่มาพร้อมกับเค้า“ไว้ฉันโทรหานะเบล” เธอหันมาบอกเพื่อนไม่ให้กังวลหลังจากแยกย้ายกับเพื่อ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอเดินออกมาแล้วต้องพบกับความว่างเปล่าอีกครั้ง“หายไปไหนนะ” เธอพึมพำโดยที่ไม่ได้สังเกตพรึบ !เค้าโผล่มากอดเธอจากด้านหลัง ทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวอย่างคนไม่ได้ตั้งตัว“คุณ ตกใจหมด” เธอตีเค้าเบา ๆ หลังจากโดนคลอเคลีย ช่วงลำคอ“ผมคิดถึงคุณ” เสียงเค้าแหบพร่า เว้าวอนอย่างมีจุดมุ่งหมาย "ฉันก็คิดถึงคุณ" เธอไม่ปล่อยให้เค้ารอนานหันไปเริ่มลุกเค้าเค้าเองก็ตกใจปนตื่นเต้นที่ครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายเริ่มต้น เธอดันหลังเค้าพร้อมกับผลักเค้าลงไปที่เตียงพร้อมจ้องตาเค้าอย่างยั่วยวน "คุณทำให้ฉัน โหยหาคุณมากแค่ไหนรู้ไหม นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่เจอกัน แล้วก็นานเท่าไหร่แล้วที่เรา" เธอเงียบไปพร้อมขึ้นคร่อมเขา อย่างโหยหา "งั้นคืนนี้ผมขออยู่เฉย ๆนะ" เค้ายกมุมปากพร้อมดูการกระทำเธอด้วยความตื่นเต้น แต่ต้องเก็บอาการ อื้อ เธอไม่รอช้าพอเค้าพูดจบ เธอก็ก้มลงไปจูบเค้าอย่างดูดดื่ม ค่ำคืนอันเร่าร้อนของเค้าทั้งสองผ่านไปอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงครางของทั้งคู่ดังระงมไปทั่วห้องตลอดทั้งคืน "ตื่นแล้วเหรอ" เค้าถามเธอหลังจากเมื่อคืน ผ่านการใช้เวลาด้วยกันทั้งคืนจนเกือบเช้า "อื้อ" เธอยิ้มมองเค้าผ่านแสงแดดที่รอดผ่า
“มึงเห็นหรือยัง มึงรู้ไหม ผัวมึงมันเลวขนาดไหน มันฆ่าคนมันยังไม่รู้สึกอะไรเลย ภาพที่มึงเห็น ภาพที่มันสร้างเป็นคนดี มันแค่หน้ากากทั้งนั้นแหละ!” ออฟพูดพร้อมบีบต้นคอเธอจากด้านหลังเพื่อให้เธอกันลูคัสให้“ปล่อย!” เธอพยายามแกะมือออกเพราะตอนนี้เธอเองก็เริ่มเจ็บไปหมด“มีผัวเป็นมาเฟีย ยังไม่รู้ตัวอีก สักวันเดี๋ยวมันเบื่อมึง มันก็จะทิ้งมึงไปให้ไอ้พวกกระจ๊อกของมันนั้นแหละ” ออฟยังพูดต่อเหมือนคนไร้สติ แต่พยายามหาช่องทางหนีออกไปจากที่นี่ เพราะออฟเองก็ไม่มีอาวุธใด ๆ อยู่ในมือตอนนี้“โอ๊ย” เสียงเธอเล็ดลอดออกมาเมื่อโดนบีบเต็มแรงจากน้ำหนักมือของออฟลูคัสเห็นท่าไม่ดี เค้าเลยไม่ลังเลที่จะรอ ตอนแรกเค้ากะจะออมมือเพราะไม่อยากให้เธอเห็นภาพสะเทือนใจ แต่มันทำให้เธอเจ็บ เค้าเองคงยอมนิ่งดูเฉย ๆ แบบนั้นไม่ได้“กูบอกให้มึงปล่อยเมียกู!” เค้าเริ่มหัวร้อนขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเธอ ระยะที่ออฟใช้เธอเป็นตัวประกันแทบไม่มีผลกับการยิงของเค้า เพียงแต่เค้ากลัวเธอเห็นภาพตอนเค้าฆ่ามันก็เท่านั้นเอง“กูไม่”ปัง! ไม่ทันที่ออฟจะพูดจบ เสียงปืนดังพร้อมกับร่างของออฟที่ล้มลงจมกองเลือดใช่ เค้ายิงออฟตรงหน้าผากแบบนัดเดียว โดยไม่ลังเลอะไรทั้ง
ปลายฟ้านั่งนิ่งอยู่บนเตียงในห้องพักสุดหรูของลูคัส หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน เธอก็แทบไม่ได้นอนเลย ทุกครั้งที่เธอหลับตา ภาพของออฟที่ถูกยิงล้มลงกับพื้นก็ย้อนกลับมาหลอกหลอนเธอ“ฟ้า” เค้าเรียกสติเธอกลับมา หลังจากที่เห็นสภาพเธอนั่งเหม่อลอยตลอดทั้งคืน“กังวลอะไรอยู่”“ป่าว แค่คิดอะไรไปเรื่อย”“คุณ มีอะไรควรบอกกันตรง ๆนะ ผมอยากให้เราเปิดใจคุยกันมากขึ้น”“มันแค่อยู่ในหัว ฮึก ๆภาพนั้นมันยังติดอยู่ในหัวฉัน” เธอเริ่มร้องไห้เมื่อนึกถึงภาพของออฟ เค้าเข้ามาโอบกอดเธอพร้อมกับลูบหัวเบา ๆ“ผมขอโทษ ผมขอโทษนะคนดี” เค้ามอบจุมพิตให้เธออย่างอ่อนโยนเพื่อให้เธอรับรู้ความรู้สึกของเค้าที่มีให้เธอ"ฟ้า ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณ" เค้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือหนาเอื้อมมาจับมือเธอไว้"ทุกสิ่งที่ผมทำ…ก็เพื่อให้คุณปลอดภัย""ฉันเข้าใจ…" เธอพึมพำ"แต่ลูคัส ฉันก็แค่… มันเร็วเกินไป ฉันยังไม่รู้ว่าจะรับทุกอย่างนี้ได้ไหม"เค้าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นลูบแก้มเธอเบา ๆ"ผมเข้าใจว่าคุณยังสับสน…แต่ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณเดินออกจากชีวิตผม"เธอเช็ดน้ำตาพร้อมขมวดคิ้วมองหน้าเค้าจากความรู้สึกถึงน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้นของเค้
"มึงแน่ใจเหรอว่าจะไปจัดการเอง?" โรเซอร์เพื่อนสนิทของลูคัสถามขณะที่พวกเขาเตรียมอาวุธอยู่ในโกดังลับ"กูปล่อยเรื่องนี้ไว้นานเกินไปแล้ว" ลูคัสตอบเสียงเรียบ ดวงตาของเขาเย็นเยียบ"มันกล้าคิดจะใช้ฟ้าเป็นเครื่องมือ มันต้องจ่ายค่าตอบแทน" หลังจากพูดออกไปเค้าก็ก้มหน้า ก้มตาเตรียมอาวุธโดยที่สายตาไม่มีความกังวลใด ๆ ตอนนี้ถ้าใครเห็นสายตาของเค้าคงไม่มีใครกล้าเข้าท้าทายอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลา ลูคัสและลูกน้องก็เดินทางไปยังโกดังร้างที่เป็นฐานลับของเคนโซ่ หัวหน้ามาเฟียที่มีปัญหากันรุ่นสู่รุ่นและวันนี้เค้าต้องการให้มันจบที่รุ่นเค้าเนี้ยแหล่ะเมื่อประตูโกดังเปิดออก ลูคัสเดินเข้าไปด้วยท่าทางนิ่งสงบ ดวงตาคมเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ และพบว่าชายวัยกลางคน นั่งรออยู่ที่โต๊ะ พร้อมกับเหล่าลูกน้องของเขาที่รายล้อมอยู่"ฮึ ใจกล้าดีนะมึง บุกมาหากูถึงที่ " เคนโซ่ยิ้มเย็น เค้ารู้อยู่แล้วว่าไงคืนนี้ลูคัสต้องมาหาเค้า เพราะจากสายสืบที่อยู่ใกล้ตัวลูคัสเป็นคนส่งข่าวมาหาเค้าเอง“มึงคิดว่าเอาคนของมึงไว้ใกล้ตัวกู กูจะไม่รู้เหรอว่ามันเป็นใคร” ลูคัสหันไปถามเยือกเย็นกับเคนโซ่อย่างไม่เกรงกลัวอำนาจใด ๆปัง! ลูคัสไม่รอช้า ยิงใส่ลูกน้องของ
เมื่อบอกข่าวกับ ‘คีแกน’ เด็กชายวัยสองขวบมองหน้าพ่อแม่อย่างงุนงง ก่อนจะทำตาโต“น้อง?”ปลายฟ้าพยักหน้า “ใช่ค่ะลูก อีกไม่นาน คีแกนจะมีน้องแล้วนะ”เด็กชายมองไปที่หน้าท้องของแม่ ก่อนจะหันไปมองหน้าพ่อ แล้วเอื้อมมือเล็ก ๆ ไปแตะเบา ๆ“เบบี๋? อยู่ในท้องเหรอ” คีแกนถามเสียงใสลูคัสหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะอุ้มลูกชายขึ้น “ใช่ น้องของลูกอยู่ในนี้” “คิก ๆ” คีแกนหัวเราะคิก ก่อนจะจุ๊บเบา ๆ ที่หน้าท้องของแม่"รักนะ เบบี๋"ปลายฟ้าหัวเราะทั้งน้ำตา นี่คือความสุขที่แท้จริง… ครอบครัวของเธอหลายเดือนผ่านไป ปลายฟ้าถูกดูแลอย่างดีจาก ลูคัส เค้าแทบไม่ปล่อยให้เธอทำอะไรเองเลย“ลูคัส ฉันแค่จะเดินไปหยิบหนังสือ!”“เดี๋ยวผมหยิบให้”“ลูคัส ฉันเดินเองได้นะ”“แต่ผมไม่ไว้ใจ”เค้าเป็นแบบนี้ทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่ง…“โอ๊ย!” ปลายฟ้าร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ท้อง น้ำคร่ำของเธอแตกแล้ว!ลูคัสแทบจะเสียสติ รีบอุ้มเธอขึ้นแล้วพาไปโรงพยาบาลทันทีไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเสียงร้องไห้ของทารกน้อยดังขึ้นอีกครั้ง ลูคัสที่จับมือปลายฟ้าแน่น เงยหน้าขึ้นมองลูกคนที่สองของเค้าด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมพยาบาลอุ้มเด็กน้อยมาวางไว้บนอกของปล
เมื่อบอกข่าวกับ ‘คีแกน’ เด็กชายวัยสองขวบมองหน้าพ่อแม่อย่างงุนงง ก่อนจะทำตาโต“น้อง?”ปลายฟ้าพยักหน้า “ใช่ค่ะลูก อีกไม่นาน คีแกนจะมีน้องแล้วนะ”เด็กชายมองไปที่หน้าท้องของแม่ ก่อนจะหันไปมองหน้าพ่อ แล้วเอื้อมมือเล็ก ๆ ไปแตะเบา ๆ“เบบี๋? อยู่ในท้องเหรอ” คีแกนถามเสียงใสลูคัสหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะอุ้มลูกชายขึ้น “ใช่ น้องของลูกอยู่ในนี้” “คิก ๆ” คีแกนหัวเราะคิก ก่อนจะจุ๊บเบา ๆ ที่หน้าท้องของแม่"รักนะ เบบี๋"ปลายฟ้าหัวเราะทั้งน้ำตา นี่คือความสุขที่แท้จริง… ครอบครัวของเธอหลายเดือนผ่านไป ปลายฟ้าถูกดูแลอย่างดีจาก ลูคัส เค้าแทบไม่ปล่อยให้เธอทำอะไรเองเลย“ลูคัส ฉันแค่จะเดินไปหยิบหนังสือ!”“เดี๋ยวผมหยิบให้”“ลูคัส ฉันเดินเองได้นะ”“แต่ผมไม่ไว้ใจ”เค้าเป็นแบบนี้ทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่ง…“โอ๊ย!” ปลายฟ้าร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ท้อง น้ำคร่ำของเธอแตกแล้ว!ลูคัสแทบจะเสียสติ รีบอุ้มเธอขึ้นแล้วพาไปโรงพยาบาลทันทีไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเสียงร้องไห้ของทารกน้อยดังขึ้นอีกครั้ง ลูคัสที่จับมือปลายฟ้าแน่น เงยหน้าขึ้นมองลูกคนที่สองของเค้าด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมพยาบาลอุ้มเด็กน้อยมาวางไว้บนอกของปล
"มึงแน่ใจเหรอว่าจะไปจัดการเอง?" โรเซอร์เพื่อนสนิทของลูคัสถามขณะที่พวกเขาเตรียมอาวุธอยู่ในโกดังลับ"กูปล่อยเรื่องนี้ไว้นานเกินไปแล้ว" ลูคัสตอบเสียงเรียบ ดวงตาของเขาเย็นเยียบ"มันกล้าคิดจะใช้ฟ้าเป็นเครื่องมือ มันต้องจ่ายค่าตอบแทน" หลังจากพูดออกไปเค้าก็ก้มหน้า ก้มตาเตรียมอาวุธโดยที่สายตาไม่มีความกังวลใด ๆ ตอนนี้ถ้าใครเห็นสายตาของเค้าคงไม่มีใครกล้าเข้าท้าทายอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลา ลูคัสและลูกน้องก็เดินทางไปยังโกดังร้างที่เป็นฐานลับของเคนโซ่ หัวหน้ามาเฟียที่มีปัญหากันรุ่นสู่รุ่นและวันนี้เค้าต้องการให้มันจบที่รุ่นเค้าเนี้ยแหล่ะเมื่อประตูโกดังเปิดออก ลูคัสเดินเข้าไปด้วยท่าทางนิ่งสงบ ดวงตาคมเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ และพบว่าชายวัยกลางคน นั่งรออยู่ที่โต๊ะ พร้อมกับเหล่าลูกน้องของเขาที่รายล้อมอยู่"ฮึ ใจกล้าดีนะมึง บุกมาหากูถึงที่ " เคนโซ่ยิ้มเย็น เค้ารู้อยู่แล้วว่าไงคืนนี้ลูคัสต้องมาหาเค้า เพราะจากสายสืบที่อยู่ใกล้ตัวลูคัสเป็นคนส่งข่าวมาหาเค้าเอง“มึงคิดว่าเอาคนของมึงไว้ใกล้ตัวกู กูจะไม่รู้เหรอว่ามันเป็นใคร” ลูคัสหันไปถามเยือกเย็นกับเคนโซ่อย่างไม่เกรงกลัวอำนาจใด ๆปัง! ลูคัสไม่รอช้า ยิงใส่ลูกน้องของ
ปลายฟ้านั่งนิ่งอยู่บนเตียงในห้องพักสุดหรูของลูคัส หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน เธอก็แทบไม่ได้นอนเลย ทุกครั้งที่เธอหลับตา ภาพของออฟที่ถูกยิงล้มลงกับพื้นก็ย้อนกลับมาหลอกหลอนเธอ“ฟ้า” เค้าเรียกสติเธอกลับมา หลังจากที่เห็นสภาพเธอนั่งเหม่อลอยตลอดทั้งคืน“กังวลอะไรอยู่”“ป่าว แค่คิดอะไรไปเรื่อย”“คุณ มีอะไรควรบอกกันตรง ๆนะ ผมอยากให้เราเปิดใจคุยกันมากขึ้น”“มันแค่อยู่ในหัว ฮึก ๆภาพนั้นมันยังติดอยู่ในหัวฉัน” เธอเริ่มร้องไห้เมื่อนึกถึงภาพของออฟ เค้าเข้ามาโอบกอดเธอพร้อมกับลูบหัวเบา ๆ“ผมขอโทษ ผมขอโทษนะคนดี” เค้ามอบจุมพิตให้เธออย่างอ่อนโยนเพื่อให้เธอรับรู้ความรู้สึกของเค้าที่มีให้เธอ"ฟ้า ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณ" เค้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือหนาเอื้อมมาจับมือเธอไว้"ทุกสิ่งที่ผมทำ…ก็เพื่อให้คุณปลอดภัย""ฉันเข้าใจ…" เธอพึมพำ"แต่ลูคัส ฉันก็แค่… มันเร็วเกินไป ฉันยังไม่รู้ว่าจะรับทุกอย่างนี้ได้ไหม"เค้าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นลูบแก้มเธอเบา ๆ"ผมเข้าใจว่าคุณยังสับสน…แต่ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณเดินออกจากชีวิตผม"เธอเช็ดน้ำตาพร้อมขมวดคิ้วมองหน้าเค้าจากความรู้สึกถึงน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้นของเค้
“มึงเห็นหรือยัง มึงรู้ไหม ผัวมึงมันเลวขนาดไหน มันฆ่าคนมันยังไม่รู้สึกอะไรเลย ภาพที่มึงเห็น ภาพที่มันสร้างเป็นคนดี มันแค่หน้ากากทั้งนั้นแหละ!” ออฟพูดพร้อมบีบต้นคอเธอจากด้านหลังเพื่อให้เธอกันลูคัสให้“ปล่อย!” เธอพยายามแกะมือออกเพราะตอนนี้เธอเองก็เริ่มเจ็บไปหมด“มีผัวเป็นมาเฟีย ยังไม่รู้ตัวอีก สักวันเดี๋ยวมันเบื่อมึง มันก็จะทิ้งมึงไปให้ไอ้พวกกระจ๊อกของมันนั้นแหละ” ออฟยังพูดต่อเหมือนคนไร้สติ แต่พยายามหาช่องทางหนีออกไปจากที่นี่ เพราะออฟเองก็ไม่มีอาวุธใด ๆ อยู่ในมือตอนนี้“โอ๊ย” เสียงเธอเล็ดลอดออกมาเมื่อโดนบีบเต็มแรงจากน้ำหนักมือของออฟลูคัสเห็นท่าไม่ดี เค้าเลยไม่ลังเลที่จะรอ ตอนแรกเค้ากะจะออมมือเพราะไม่อยากให้เธอเห็นภาพสะเทือนใจ แต่มันทำให้เธอเจ็บ เค้าเองคงยอมนิ่งดูเฉย ๆ แบบนั้นไม่ได้“กูบอกให้มึงปล่อยเมียกู!” เค้าเริ่มหัวร้อนขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเธอ ระยะที่ออฟใช้เธอเป็นตัวประกันแทบไม่มีผลกับการยิงของเค้า เพียงแต่เค้ากลัวเธอเห็นภาพตอนเค้าฆ่ามันก็เท่านั้นเอง“กูไม่”ปัง! ไม่ทันที่ออฟจะพูดจบ เสียงปืนดังพร้อมกับร่างของออฟที่ล้มลงจมกองเลือดใช่ เค้ายิงออฟตรงหน้าผากแบบนัดเดียว โดยไม่ลังเลอะไรทั้ง
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอเดินออกมาแล้วต้องพบกับความว่างเปล่าอีกครั้ง“หายไปไหนนะ” เธอพึมพำโดยที่ไม่ได้สังเกตพรึบ !เค้าโผล่มากอดเธอจากด้านหลัง ทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวอย่างคนไม่ได้ตั้งตัว“คุณ ตกใจหมด” เธอตีเค้าเบา ๆ หลังจากโดนคลอเคลีย ช่วงลำคอ“ผมคิดถึงคุณ” เสียงเค้าแหบพร่า เว้าวอนอย่างมีจุดมุ่งหมาย "ฉันก็คิดถึงคุณ" เธอไม่ปล่อยให้เค้ารอนานหันไปเริ่มลุกเค้าเค้าเองก็ตกใจปนตื่นเต้นที่ครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายเริ่มต้น เธอดันหลังเค้าพร้อมกับผลักเค้าลงไปที่เตียงพร้อมจ้องตาเค้าอย่างยั่วยวน "คุณทำให้ฉัน โหยหาคุณมากแค่ไหนรู้ไหม นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่เจอกัน แล้วก็นานเท่าไหร่แล้วที่เรา" เธอเงียบไปพร้อมขึ้นคร่อมเขา อย่างโหยหา "งั้นคืนนี้ผมขออยู่เฉย ๆนะ" เค้ายกมุมปากพร้อมดูการกระทำเธอด้วยความตื่นเต้น แต่ต้องเก็บอาการ อื้อ เธอไม่รอช้าพอเค้าพูดจบ เธอก็ก้มลงไปจูบเค้าอย่างดูดดื่ม ค่ำคืนอันเร่าร้อนของเค้าทั้งสองผ่านไปอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงครางของทั้งคู่ดังระงมไปทั่วห้องตลอดทั้งคืน "ตื่นแล้วเหรอ" เค้าถามเธอหลังจากเมื่อคืน ผ่านการใช้เวลาด้วยกันทั้งคืนจนเกือบเช้า "อื้อ" เธอยิ้มมองเค้าผ่านแสงแดดที่รอดผ่า
“ใช่ แต่ก่อนที่ผมจะไปสืบไง ผมคิดว่าเป็นแค่คนโง่ ๆ ที่พยายามปั่นพวกเราแต่มันไม่ใช่ ดังนั้น เชื่อใจผมแล้วย้ายไปอยู่ด้วยกันนะ” เมื่อเค้าพูดประโยคนี้จบ เธอก็ทำการไตร่ตรองก่อนตัดสินใจว่าควรย้ายมาอยู่กับเค้า“ไปเถอะยายฟ้า ฉันเองจะได้ไม่ต้องห่วงแกด้วย ไปอยู่กับคุณลูคัสแกเองจะได้ปลอดภัย” เบลพูดเสริมทัพอีกคนเพื่อความปลอดภัยของเธอเอง“ค่ะ ฉันจะย้ายไปอยู่กับคุณ ว่าแต่มันนานแค่ไหนที่ต้องย้ายไป” เธอถามเค้าด้วยความต้องการระยะเวลาที่ชัดเจน“จนกว่าจะหาคนที่อยู่เบื้องหลังได้” เค้าให้คำตอบเธอมาแบบนี้หลังจากเจรจากันเสร็จเธอกับเค้าพร้อมเบลก็เดินลงมายังลานจอดรถ แต่ที่ทำให้เธอไม่ทันตั้งตัวคือตอนนี้ที่ลานจอดรถเต็มไปด้วยชายชุดดำประมาณ 5-6 คน“ขึ้นรถเถอะ คนของผมเอง” เมื่อเห็นเธอยืนนิ่งจึงเค้าโอบเอวเธอ พร้อมยื่นของใช้จำเป็นของเธอให้ชายชุดดำ “คุณเบลไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ อยู่กับผมฟ้าปลอดภัยแน่นอน” เค้าหันมาสื่อสารพร้อมรับปากเรื่องความปลอดภัยของเธอให้เบลฟัง“ค่ะ ฝากด้วยนะคะ” เบลยิ้มอุ่นใจเมื่อได้ยินแบบนั้นบวกกับเห็นบอดีการ์ดที่มาพร้อมกับเค้า“ไว้ฉันโทรหานะเบล” เธอหันมาบอกเพื่อนไม่ให้กังวลหลังจากแยกย้ายกับเพื่อ
“ความเป็น ความตาย” เธอทวนคำพูดของโรเซอร์ พร้อมกับทำหน้าตั้งคำถาม“คุณโรเซอร์ หมายความว่าไงคะ” เธอทวนคำถามอีกครั้ง“ไม่มีอะไรครับ” โรเซอร์ตอบแบบหลบสายตา ไม่กล้าตอบตามความจริง“นี้คุณ! อย่ามาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ นะ พูดให้ชัดเจน ฉันกับเพื่อนจะได้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น พวกคุณช่วยทำเรื่องง่ายให้มันเป็นเรื่องง่ายหน่อยได้ไหม อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก” เบลพูดไม่เว้นลมหายใจ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปิดบังสถานการณ์อะไรให้มันดูซับซ้อนยุ่งยาก“เฮ้อ” เสียงโรเซอร์พ่นลมหายใจ พร้อมหันไปประชันหน้ากับเบล“คุณฟังนะ เรื่องบางเรื่องมันก็พูดไม่ได้ป่าว” โรเซอร์พูดอย่างอารมณ์เสีย“อะไรก็พูดไม่ได้ ต้องรอให้เพื่อนฉันตายก่อนใช่ไหม” เบลตอกกลับไป ทำให้โรเซอร์ชะงัก“พูด!” เบลเริ่มทนไม่ไหวกับทั้งสองฝ่าย“พูดเถอะนะคะ คุณโรเซอร์ฉันเองจะได้รู้สถานการณ์ด้วย” เธอตัดสินใจอ้อนวอนโรเซอร์เพื่อต้องการรู้สถานการณ์“โอเคครับ” โรเซอร์เริ่มเสียงแผ่วลงเมื่อได้ยินเสียงของเธอ“ช่วงนี้ คุณคงต้องอยู่กับเพื่อนคุณไปก่อนนะ สถานการณ์ดูท่าไม่ดี ส่วนเรื่องที่บริษัท คงต้องให้คุณหยุดพักไปก่อน อย่าพึ่งไปไหนดีที่สุด ตอนนี้ฝั่งลูคัสเองก็แย่ครับ”
“แต่ฉันไม่รู้ว่า ฉันจะไปรบกวนเค้าหรือเปล่า ช่วงนี้เค้ามีบินบ่อย เห็นบอกว่าธุรกิจก็มีปัญหา ฉันไม่อยากเอาเรื่องของฉันไปกระทบเค้า” เธอตอบเพื่อนสาวคนสนิท ใจหนึ่งก็เข้าใจว่าเพื่อนเป็นห่วง แต่อีกใจก็กลัวไปเป็นภาระของเค้า“โอเค ได้ ถ้าแกไม่คุย ฉันจะคุยเอง” เบลพูดตัดบท เพราะรู้นิสัยเพื่อนสาวดี ว่าคงไม่กล้าทำให้คนอื่นเดือดร้อน“แต่” เธอกำลังจะอ้าปากทักท้วงเพื่อนสาว“หยุด! ไม่มีแต่ ขืนฉันแกให้จัดการเองมีหวังแกคงยอมตาย” เบลพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์ของเธอมา“เอาเบอร์มา” เบลพูดพร้อมยื่นมือไปให้เธอกดเบอร์“แกจะคุยอะไรกับเค้า” เธอถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“โอ๊ย ยายฟ้าแกตั้งสติแล้วฟังฉันนะ ฉันไม่อยากมานั่งสอนแกทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมาฉันเข้าใจว่าแกมันโลกสวย แต่อันนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตแก ชีวิตครอบครัวแก ถ้าแกไม่กล้าคุยกับเค้า ฉันจะคุยเอง แกเชิญนั่งรับบทนางเอกไปเลย ฉันจะเป็นนางร้ายที่คอยปกป้องนางเอกอย่างแกเอง” เบลพูดร่ายยาวหวังว่าจะทำให้เพื่อนเธอเข้าใจเมื่อเห็นเพื่อนพูดแบบนั้น เธอทำได้เพียงกดเบอร์ของเค้าให้เพื่อนสาว เพราะตัวเธอเองก็ไม่รู้จะเริ่มคุยเรื่องนี้กับเค้าอย่างไง สติเธอตอนนี้มันลำดับอะไรไม่ถูกทั้งน
‘กลัวเหรอนี่มันแค่เริ่มต้นเองนะ’‘ต้องการอะไร’ เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย เธอต้องไม่แปลกใจเพราะเสียงที่ได้ยิน เป็นเสียงที่คุ้นเคย ซึ่งนั่นคือเสียงคนที่หายออกไปจากชีวิตเธอไปไม่นาน ออฟ ‘หึ’ ปลายสายพูดแค่นั้น ก็วางสายไป ปล่อยให้เธอว้าวุ่นใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีอะไรต่อจากนี้อีก“แจ้งความไหม ยายฟ้า” พี่เก่งที่เห็นสีหน้าเธอก็รู้ทันที ว่าปลายสายที่โทรมาเมื่อกี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน“ค่ะ ฟ้าจะแจ้งความ” เมื่อเธอตั้งสติได้ เธอหนักแน่นมากพอที่จะไม่หวั่นใจอะไรอีกต่อไป เมื่อรู้ว่าปลายสายคือ ออฟ ผู้ชายที่ไม่มีปัญญาทำอะไร ทำได้มากสุดแค่ลอบกัดให้เธอหวั่นใจเท่านั้นเธอไม่รอช้า รีบยกโทรศัพท์ส่งข้อความหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอย่างรวดเร็ว‘ยายเบล มารับฉันที่ตอนนี้เลยที่บริษัท มีเรื่องด่วน’ เธอส่งข้อความไปพร้อมกับรูปที่เธอได้รับมา“พี่เก่งค่ะ ช่วงบ่ายฟ้าขอลางานนะคะ” เธอหันไปหาพี่เก่งพร้อมกับ แจ้งเรื่องลางาน“ได้เลย มีอะไรให้พี่ช่วยให้รีบบอกนะ” พี่เก่งตบบ่าเธออย่างให้กำลังใจ“พี่ฟ้า กลับไปเอากล่องเมื่อเช้าด้วยไหมคะ จะได้เอาไปแจ้งความพร้อม ๆ กัน” น้องในทีมอีกคนรีบทักท้วงขึ้นมาเธอยิ้มรับพร้อมพยักหน้า อย่