โต้ง
ผมเดินออกมาจากร้านของมิรินด้วยอารมณ์ที่ยังเดือดไม่หาย ผมกะจะชกมันให้หนักกว่านี้อีก ถ้ามิรินไม่เข้ามาขว้างก่อนนะ มันได้สลบคาตีนผมแน่ ตุบ!! ตุบ!! เมื่อเดินมาถึงรถผมก็เหวี่ยงแข้งใส่ยางรถไปสองทีติดๆ แต่อารมณ์ผมก็ยังเดือดอยู่ดี เธอคอยแต่ว่าผมอย่างเดียว ทั้งที่ผมไม่ได้เริ่มก่อน ไอ้หมอนั่นก็สำออยฉิบหาย แม่ง!! เกิดมาเป็นผู้ชายได้ไงวะ โดนชกแค่นั้นร้องอย่างกับควายถูกเชือด “แม่งเอ๊ย!!” ผมสถบคำหยาบออกมาเสียงดังลั่นลานจอด “ใจเย็นๆ ไอ้โต้ง” ราเรซเดินเข้ามาตบบ่าผม “กูเย็นได้แค่นี้แหละ” ผมหันไปตอบเพื่อน “เฮ้ออออ ผู้หญิงนี่ เข้าใจยากเนอะ กูว่า กูชิวๆ แบบนี้แหละดีล่ะ ไม่ปวดหัวเหมือนพวกมึงดี” เลโอพูด “ถ้ามึงเจอคนที่ใช่ มึงจะเลิกคิดแบบนี้ทันที” บิ๊กไบค์บอกเลโอ “ไม่มีทาง กูไม่สนใครหรอก” เลโอบอก “เออๆ กูจะคอยดู” บิ๊กไบค์พูดกับเลโอ “ถ้าคนนี้มันยากนัก มึงก็หาคนใหม่ดิว่ะ ไอ้โต้ง” เลโอหันมาพูดกับผม “พูดนะมันง่าย แต่ทำยากนะโวย เปลี่ยนใจไม่ใช่เรื่องง่าย กูเองก็ยังทำไม่เคยได้เลย” ราเรซตอบเลโอแทนผม แล้วมันก็หันมาสบตากับผมก่อนจะแกล้งหันไปมองทางอื่น มันคงคิดว่าผมไม่รู้ล่ะสิ ว่าสิ่งที่มันพูดออกมาเมื่อกี้อ่ะ มันหมายถึงอะไร ผมรู้... ว่ามันยังลืมน้องสาวของผมไม่ได้ ทั้งที่ตอนนี้ต้าหนิงก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย “ที่มึงบอกว่าจะหยุดอ่ะ จริงหรือเปล่า” บิ๊กไบค์ถามผมบ้าง ผมเอียนหลังไปยืนพิงรถของตัวเอง ก่อนจะหันมามองเพื่อนๆ ที่พูดกับมิรินไปเมื่อกี้นะเหรอ ผมพูดจริง... แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม ถ้ามิรินไม่ต้องการผมจริงๆ ผมก็ควรจะหยุด แต่ผมก็จะพยายามให้เต็มที่ก่อน จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง และหลังจากที่พยายามเต็มทีแล้วนั้น ถ้ามิรินยังเหมือนเดิมอยู่ ยังไม่รู้สึกอะไรกับผมจริงๆ ก็คงต้องปล่อยเธอไป “ไปเอสทีผับกัน” ราเรซพูดขึ้น เมื่อเห็นผมเงียบไป “กูกำลังอยากพอดี” ผมหันไปบอกเพื่อน ก่อนจะเดินขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกมาอย่างรวดเร็ว ผมกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่คอนโดของตัวเองก่อนที่จะไปเจอเพื่อนในกลุ่มที่เอสทีผับ พวกผมนัดไปเจอกันที่นู่นเลย พอแต่งตัวเสร็จผมก็มองหาโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ซึ่งวางอยู่ข้างเตียงนอน ผมเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา แล้วมือก็ไปโดนหน้าจอทำให้ภาพพักหน้าจอแสดงขึ้นมา ผมจึงย่อตัวนั่งลงกับเตียงนอนเพื่อดูรูปพักหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองที่เป็นคนตั้งไว้นานแล้ว มันเป็นรูปผมกับมิรินที่เพื่อนของผม...ราเรซ เป็นคนแอบถ่ายไว้ ตอนที่มิรินทำแผลให้กับผม สี่ปีที่แล้ว..... ในตอนนั้น..ผมเรียนอยู่ชั้นมอสี่ ป๊าใช้ให้ผมไปรับน้องสาวที่โรงเรียนประจำหญิงล้วน ต้าหนิงจะได้กลับบ้านทุกๆ วันศุกร์ของสัปดาห์ เมื่อเรียนคาบสุดท้ายเสร็จ ผมก็แวะไปรับน้องทันที พร้อมกับราเรซ ซึ่งมันขอไปด้วย ในวันนั้น...น้องสาวตัวดีเกิดอยากกินลูกชิ้นปิ้งที่ด้านหลังโรงเรียน ซึ่งมันติดกับโรงเรียนชายล้วน ต้าหนิงกับแก้มใสพากันเดินออกมาจากโรงเรียนก่อนที่ผมจะไปถึง ทำให้ไปเจอกับพวกเด็กจากโรงเรียนชายล้วน ซึ่งพอพวกมันเห็นเด็กหญิงหน้าตาน่ารักเข้าหน่อย พวกมันก็เข้ามาทำรุ่มร่ามอย่างกับไม่เคยเจอเห็นผู้หญิงมาก่อน พวกมันมากันสี่ถึงห้าคน พากันลากแขนน้องสาวของผมกับแก้มใสให้เดินไปกับพวกมัน ดีที่ผมกับราเรซไปถึงพอดี ก็เลยมีเรื่องชกต่อยกันเกิดขึ้น ผมมันคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งเห็นต้าหนิงร้องไห้ ยิ่งทำให้อารมณ์ผมเดือดเข้าไปอีก จนเผลอกระทืบสลบคาตีนไปสี่คน อีกคนหนึ่งวิ่งหนีไปได้ สภาพร่างกายของผมก็ดูไม่จืดสักเท่าไร ก็โดนพวกมันสวนกลับมาไม่ใช่น้อย ราเรซก็พลอยเจ็บตัวไปด้วย แต่ถึงพวกผมจะเจ็บยังไง ก็ยังหล่ออยู่ดี ^_^ ผมพาต้าหนิงไปส่งที่บ้าน แต่ผมไม่กล้าเข้าบ้านเพราะกลัวป๊าดุ เมื่อส่งน้องสาวถึงบางอย่างปลอดภัย ผมก็แอบไปนอนบ้านราเรซ เพราะแม่ไลลาท่านใจดี พ่อเรย์ก็แสนจะเข้าใจวัยรุ่น มันก็เลยทำให้ผมกล้าที่จะไปบ้านราเรซมากกว่าบ้านของตัวเอง ผมกับราเรซนั่งผลัดกันทำแผล เพราะแม่ไลลาทำกับข้าวอยู่ในครัวเลยไม่มีใครว่างมาทำแผลให้ “ราเรซ..” ในระหว่างที่ผมกำลังทำแผลให้ราเรซอยู่นั้น ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกทักราเรซขึ้น ผมหันไปมองตามเสียงเรียกนั่นก็เจอกับผู้หญิงใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวอมชมพู่ เธออยู่ในชุดนักเรียนมอปลายที่แสนจะเรียบร้อยทั้งที่ตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในโรงเรียนแล้ว แต่เธอก็ยังแต่งตัวเรียบร้อยอยู่ดี เธอส่งยิ้มหวานมาให้ ผมถึงกับมองค้างอย่างลืมตัว เธอยิ้มสวยมาก... “พี่มิริน มาได้ไงอ่ะ” ราเรซหันไปถามเธอ และนั่นก็ทำให้ผมได้รู้ชื่อของเธอ ชื่อมิรินสินะ น่ารักโคตรๆ หน้ามองไปทุกสัดส่วน? นี่ผมเผลอคิดนอกทางไปล่ะ ^_^ “หน้าไปโดนอะไรมา” ทันทีที่ราเรซหันหน้าไปหา มิรินก็เดินเข้ามาถามอย่างตกใจ เธอจับหน้าราเรซพลิกไปพลิกมาอย่างเป็นห่วง “ไม่เป็นไร แค่มีเรื่องนิดหน่อย” ราเรซหันไปตอบ “พี่มาก็ดีล่ะ มาทำแผลให้ไอ้โต้งหน่อย เรซปวดฉี่” ราเรซยื่นกล่องปฐมพยาบาลไปให้มิริน ซึ่งเธอก็ยื่นมือมารับอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว เธอก็หันมาสนใจแผลบนใบหน้าของผม “ทำไมเด็กผู้ชายชอบมีเรื่องกันนักนะ ไม่เจ็บเหรอ เวลาที่ชกต่อยกันน่ะ” ริมฝีปากบางเอ่ยถาม พร้อมกับเอื้อมมือมาทายาบริเวณที่มุมปากของผม “ไอ้พวกนั้น มันมาหาเรื่องก่อน” ผมตอบเธอ พร้อมกับลอบมองหน้าของมิรินเป็นระยะๆ “แล้วจำเป็นต้องใช้กำลังตอบโต้กันด้วยเหรอ มีวิธีอื่นตั้งเยอะแยะ ที่ไม่ต้องทำให้เจ็บตัว” เธอยังบ่นไม่เลิก “ทำไง” “ก็...พูดคุยไง ต่อรองด้วยเหตุผล” มิรินตอบ “แต่กับคนบางประเภท เหตุผลก็ใช้ไม่ได้หรอกนะ” มิรินหยุดทายาแล้วมองหน้าผมนิ่ง เหมือนเธอไม่พอใจที่ผมแอบเถียง “แล้วเธอล่ะ จัดว่าอยู่ในประเภทไหน” มิรินถามกลับ “บางสิ่งบางอย่าง มันก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุเสมอไป” ผมจ้องหน้ามิรินด้วยแววตาที่อ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้ม นี่ผมไม่เคยยิ้มแบบนี้ให้ใครมาก่อนเลยนะ นอกจากคนในครอบครัว นี่สินะ... ที่เขาเรียกว่า... ตกหลุมรัก “ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” มิรินทำหน้ามุ้ยใส่ แลดูน่ารักเข้าไปอีก นับจากวันนั้น...มิรินก็เข้ามาอยู่ในใจของผม เวลาเจอกันเมื่อไร ผมก็พยายามทำเหมือนไม่มีอะไร พยายามทำตัวให้ดูปกติที่สุด แต่ก็ไม่พ้นสายตาของไอ้ราเรซไปได้ แล้วมันก็เอารูปที่แอบถ่ายได้มาให้ ผมจึงใช้ตั้งพักหน้าจอเอาไว้ เวลาคิดถึงมิรินทีไรผมก็จะเปิดขึ้นมาดู เพียงแค่ได้มองรอยยิ้มของเธอมันก็ทำให้ผมยิ้มตามได้อย่างน่าอัศจรรย์ “เมื่อไรนะ เมื่อไรกัน เมื่อไร...มิรินจะยอมรับรักโต้งสักที” ผมนั่งพูดกับโทรศัพท์ของตัวเอง ที่แสดงรูปของมิรินกับตัวเองอยู่ . . .ST ผับYou were the shadow to my light Did you feel us Another start You fade away Afraid our aim is out of sight Wanna see us AliveWhere are you now Where are you now Where are you now Was it all in my fantasy Where are you now Were you only imaginary Where are you nowAtlantis Under the sea Under the sea Where are you now Another dream The monsters running wild inside of meI'm faded I'm faded So lost I'm faded I'm faded So lost I'm fadedเสียงดนตรีเบสหนักๆ กระชากใจเหล่านักท่องราตรีทั้งหลาย ในทุกๆ ค่ำคืน ที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างหลั่งไหลเข้ามาในที่แห่งนี้อย่างไม่ขาดสายผมนั่งกระดกเหล้าเข้าปากไปแก้วต่อแก้ว ไม่รู้ว่าเผลอดื่มเข้าไปเยอะแค่ไหนแล้ว แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้อารมณ์ของผมยังขุ่นอยู่“แดกให้ตาย มันไม่ตายหรอกนะ”ราเรซแย่งแก้วเหล้าเปล่าๆ ที่ผมพึ่งกระดกเข้าปากไปเมื่อกี้ เอาไปวางไว้ห่างตัวผม การที่ราเรซแย่งแก้วไปแบบนี้ นั่นหมายความว่าผมดื่มเยอะไปแล้ว เพราะถ้าผมยังดูโอเครอยู่ ไอ้พวกน
“ดึกแล้วนะ จะกลับยังไง” ผมอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ ที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้องกลับบ้านดึกดื่นแบบนี้ทุกวัน “กลับแท็กซี่ค่ะ ดึกขนาดนี้คงไม่มีรถเมล์แล้วล่ะ” แก้มใสบอก “ป่ะ! เดี๋ยวพี่ไปส่ง” “แต่พี่โต้งดื่มแล้วนะคะ จะขับไหวเหรอ” แก้มใสมองหน้าผมอย่างพิจารณา “ใครบอกว่าพี่จะขับล่ะ” ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะยื่นมือไปให้แก้มใสจับเพื่อดึงมือเธอให้ลุกขึ้นยืนตาม แก้มใสก็ยื่นมือมาจับมือของผมเพื่อเป็นที่ยึดให้ตัวเองลุกขึ้น “ยังไงคะ” แก้มใสหันมาถาม ด้วยสีหน้าที่งงอยู่ “พี่จะนั่งแท็กซี่ไปส่ง เป็นผู้หญิงกลับคนเดียวมันอันตรายนะ” ผมยิ้มให้แก้มใสอย่างใจดี ก็นะ...เวลาเห็นแก้มใสแล้วผมก็อดนึกถึงน้องสาวของตัวเองไม่ได้ ต้าหนิงเป็นคนที่ภายนอกดูเข้มแข็งแต่ภายในกลับอ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ ส่วนแก้มใสแลดูภายนอกเหมือนบอบบาง แต่ภายในเธอกลับเข้มแข็งอย่างน่าน่าทึ่ง ผมรักเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ เลยล่ะ ผมจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าหากต้องปล่อยให้เธอนั่งแท็กซี่กลับบ้านเพียงคนเดียว ผมนั่งแท็กซี่มาส่งแก้มใสจนถึงหน้าบ
เมื่อเดินเข้ามาด้านหลังร้าน ก็เห็นมิรินกำลังวุ่นวายกับการจัดของใส่กล่องลังใบใหญ่ สงสัยจะเป็นของที่จะเอาไปบริจาค มีทั้งเสื้อผ้า อาหารแห้งและอื่นๆ อีกมากมาย“พี่มิริน เรซหาผู้ช่วยมาให้ล่ะ” ราเรซเดินเข้าไปบอกลูกพี่ลูกน้องของตัวเองมิรินหันมามองหน้าผม พร้อมรอยยิ้ม แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นแหละ รอยยิ้มแสนสวยนั้นก็หายวับไปในทันตา สงสัยจะยังโกรธเรื่องเมื่อวานอยู่แฮะ ชกแค่หมัดเดียวเอง มันจะเจ็บสักแค่ไหนกันเชียวมิรินตอนนี้ฉันกับบัวตองกำลังนั่งอยู่ในงานเลี้ยงต้อนรับพี่เฟยอยู่ที่บ้านของเขา ฉันลากบัวตองมางานด้วยเพราะไม่อยากมาคนเดียว ถึงแม่กับคุณตาจะมาด้วยก็เถอะ สักพักพวกท่านก็ต้องไปพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ ร่วมธุรกิจของตัวเองกัน“จะลากฉันมา เพื่อ!!” บัวตองหันมาบ่นฉันด้วยใบหน้าที่เซ็งสุดๆ“ก็ถ้ามาคนเดียวฉันก็จะเซ็งแบบแกนี่ไง” ฉันหันไปตอบบัวตองด้วยความรู้สึกเหมือนกัน“มิรินมานี่หน่อย” แม่เฌอรีนโบกมือเรียกให้ฉันเดินไปหา ซึ่งแม่กำลังคุยกับพ่อแม่ของพี่เฟยและตัวพี่เฟยด้วย ไม่อยากเดินไปหาแม่เลยแฮะ ฉันหันไปมองเพื่อนอย่างขอความช่
“ชื่อแก้มใสเหรอ พี่ชื่อมิรินนะ” ฉันหันไปคุยกับสาวน้อยที่ยังยืนอยู่ข้างโต้งอยู่ พยายามส่งยิ้มให้เธออย่างใจดี เธอก็ดูน่ารักและใสซื่อดีนะ“ค่ะ พี่มิรินใช้แก้มได้เต็มที่เลยนะคะ งานหนักงานเบาแก้มทำได้หมดค่ะ แก้มไม่เกี่ยงงาน” แก้มใสตอบอย่างแข็งขัน ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับโต้ง ซึ่งเขาก็ยิ้มกลับมาให้แก้มใสอย่างอบอุ่น แถมยังเอื้อมมือขึ้นมาลูบผมเธออย่างเอ็นดูอีก ผู้หญิงคนนี้คงจะมีความสำคัญกับเขามากสินะ ถึงได้ให้ราเรซมาคุยเรื่องฝากงานกับฉัน“โอเครจ๊ะ งั้นมาเริ่มงานพรุ่งนี้นะ เดี๋ยวไปวัดตัวกับพี่แอนได้เลย พี่แอนจะได้หาชุดให้เราถูกไซร์”ถ้าฉันปฏิเสธก็คงจะดูเป็นคนที่แย่ในสายตาของเขาอีกล่ะ ฉันจึงตัดสินใจรับแก้มใสเข้าทำงาน ไม่อยากให้เขาต้องรู้สึกเสียหน้าที่อุตส่าห์พามาฝากด้วยตัวเอง ถึงจะให้ราเรซพูดแทนก็เถอะ“กำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ” แก้มใสเดินเข้ามาถามหลังจากที่ไปวัดตัวกับพี่แอนเสร็จแล้ว เธอส่งยิ้มสดใสมาให้ เพราะความสดใสของเธอนี่เอง ถึงทำให้ผู้ชายอย่างเขายิ้มได้“กำลังแพ็คของใส่กล่องเอาไปบริจาคนะ” ฉันก็พลอยยิ้มตามเธอไปด้วย“ให้แก้มช่วยนะคะ แก้มอยากช่
“ก็กินที่ชอบสิ” ฉันตอบน้องชายไป“ทั้งที่มันไม่อร่อย พี่ก็จะกินใช่ไหม” ราเรซถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งมันทำให้ฉันเริ่มระแวงน้องชายอยู่หน่อยๆ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันตอบไป มันจะมีผลอะไรตามมาหรือเปล่า“ถ้าให้เลือกจริงๆ ก็อยากจะกินของที่ชอบและอร่อยด้วยนั่นแหละ”“ของที่พี่ไม่ชอบ ใช่ว่ามันจะไม่ดีหรือไม่อร่อย พี่ต้องลองกินดูสักครั้งถึงจะรู้ว่าเป็นยังไง มันอาจจะอร่อยกว่าของที่พี่ชอบก็ได้นะ เราแค่ยอมเปิดใจรับมันดู” ราเรซขยิบตาให้ฉันหนึ่งที เมื่อพูดจบ“ต้องการจะบอกอะไรพี่” ฉันถามออกไปอย่างรู้ทัน“พี่ลองมองไปตรงนั้น ใช้ใจมอง อย่าใช้สมองมอง เพราะมันจะเกิดการต่อต้าน แค่เปิดใจแล้วทำตามความรู้สึกซะ ก่อนที่มันจะสายไป” ฉันหันไปมองตามสายตาของราเรซ ซึ่งสิ่งที่น้องชายของฉันอยากให้มองก็คือแก้มใสกับโต้ง ที่แสดงความสนิทสนมจนใจของฉันมันเริ่มสั่นด้วยความหวั่นไหวกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น ใจฉันมันบอกว่า ฉันไม่อยากเห็นภาพแบบนี้...“โต้ง..” แล้วริมฝีปากของฉันก็เอ่ยเรียกเขาเองโดยอัตโนมัติ จนตัวฉันเองก็ยังตกใจ โต้งหันมามองฉันอย่าง งงๆ“มีอะไร” โต้งเดินมายืนอยู่ตรงห
“แกะเข็มขัดให้หน่อยสิ” โต้งกระซิบบอกเสียงแผ่วเบา ฉันเอื้อมมือที่สั่นเทาไปแกะเข็มขัดออกให้เขาอย่างระมัดระวัง เมื่อแกะเสร็จฉันก็ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว“ไปรอด้านนอกนะ” ฉันหันหลังให้เตรียมจะเดินออกไป ก็โดนแขนหนารวบตัวไว้ก่อน“ไม่ให้ไป”“ไหนจะไม่ทำไง” ฉันรีบท้วงทันที“บอกตอนไหน” โต้งตอบกลับมา“ก็...” เขายังไม่ได้พูดจริงๆ แหละ ฉันคิดไปเองต่างหากมือหนาเอื้อมมือมาจับปอยผมของฉันไปทัดที่หลังหู ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะกดลงมาจูบเม้มเบาๆ ที่ซอกคออย่างหยอกล้อ เพียงแค่เขาสัมผัสเบาๆ มันก็ทำให้ขนลุกชันไปทั่วร่าง“อือออ โต้ง” ฉันพยายามควบคุมและประคองสติตัวเองให้ได้ แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน“ครับ...” โต้งขานรับเสียงหวาน มันทำให้ร่างฉันถึงกับอ่อนระทวยโรยแรงไปเลยทีเดียวมือหนาเลื่อนผ่านใต้รักแร้เอื้อมมายังด้านหน้ากอบกุมเอาก้อนเนื้อนิ่มบีบเคล้นผ่านเสื้อผ้าตัวบาง ความอุ่นร้อนจากมือหนาแทบจะแผดเผาเสื้อผ้าที่ฉันใส่อยู่ล่ะ รู้สึกเหมือนโดนเขาสัมผัสโดนผิวเนื้อไปแล้วทั้งที่ร่างกายของฉันยังมีเสื้อผ้าอยู่“ยะ หยุดเถอะ...” เสียงฉันขาดห่วงไป เมื่อชุดเดรสที่สวมใส่อยู่ร่วงลงสู่พื้นโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลยโต้งจับไหล่มนของฉัน
สามสิบนาทีต่อมา.... เขาให้ฉันเดินออกมาจากห้องก่อน เพื่อไม่ให้ใครจับพิรุธเราได้ เมื่อฉันเดินออกมาก็เห็นลูกค้ากำลังเข้าร้านเต็มเลย ซึ่งแก้มใสก็ช่วยต้อนรับอย่างแข็งขัน เด็กคนนี้ขยันจริงๆ “นานจัง ถ่ายได้กี่ยก เฮ้ย! กี่ชุดล่ะ” ราเรซเดินเข้ามากระซิบถามฉัน เป็นจังหวะเดียวกันกับร่างสูงเดินมาหยุดยืนอยู่หลังฉันพอดี “ยกเดียว” โต้งตอบราเรซ “เฮ้ย! จริงเหรอเนี้ย” ราเรซแสดงสีหน้าอย่างตื่นเต้นพร้อมกับเดินเข้าไปกระซิบถามเพื่อนรัก แต่ฉันนี้สิ หน้าแดงจนไม่รู้จะเอาไปซุกไว้ที่ไหนแล้วเนี้ย เพราะฉันเป็นคนพาเขาเข้าไปเอง แล้วก็.... ฉันยืนสลัดหัวแรงๆ เมื่อภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ฉายขึ้นมาในหัว “เป็นอะไร ทำไมหน้าแดงแบบนั้น นี่คงไม่ได้คิด...อะไรอยู่ใช่ไหม” โต้งเอื้อมมือหนามาวางไว้บนหัวของฉัน พร้อมกับโน้มหน้าลงมาถามในระยะห่างไม่ถึงเซ็น สายตาของเขามีแววล้อเลียนฉันอยู่ในนั้น “ถะ ถอยออกไปเลย” ฉันย่นหน้าให้เขาอย่างโกรธเคือง แต่โต้งกลับยืนขำฉันอย่างน่ารัก ^o^ ใช่...ฉันยอมรับ โต้งน่ารักจริงๆ “ว่าแต่ จะสวีสกันอีก
โต้ง ผมชำเลืองไปมองใบหน้ารูปไข่แสนสวยของมิรินที่ตอนนี้กำลังหลับใหลซบอยู่กับไหล่ของผม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอซึ่งบ่งบอกว่าเธอหลับไปแล้วจริงๆ ไม่ได้แกล้งหลับเหมือนทีแรก เธอน่าจะดื้ออีกสักหน่อยนะ ไม่น่ายอมง่ายๆ เลย มันทำให้ผมอดทำโทษเธอ ถ้าดื้ออีกสักหน่อยละก็... หึๆ ต้องขอบคุณไอ้เลโอมากๆ ที่ขอเปลี่ยนที่นั่งให้กับผม จุดประสงค์ของมันจริงๆ ก็อยากจะนั่งใกล้สาวล่ะครับ ส่วนผมนั้นคือผลพลอยได้ ความจริงผมไม่ได้ตั้งใจจะมาหรอก ที่ยอมไปลงชื่อก็เพราะเธอคนนี้แหละ ผมไม่ชอบใจที่ไอ้รุ่นพี่คนนั้นเล่นหูเล่นตาใส่มิริน ผมดูออก..ว่ามันชอบมิริน ทีแรกผมคิดไว้ว่า เมื่อถึงวันเดินทางผมจะแกล้งมาสายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไป แต่ว่า... สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันทำให้ผมไม่สามารถปล่อยเธอไปได้จริงๆ ผมต้องตามมาดูแลของของผม ไม่อย่างนั้น โดนไอ้พวกรุ่นพี่คาบไปแดกแน่ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะเกินเลยหรอกนะ แต่พอมิรินเปิดโอกาสให้แล้ว ผมก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย มิรินเปรียบเสมือนแม่เหล็ก ที่คอยดึงดูดผมทุกครั้งที่ได้เข้าใกล้เธอ “ตื่นครั
ผมนุ้งเพียงกางเกงบล็อกเซอร์ตัวเดียวเดินลงมายังชั้นล่าง มองหาผ้ากับกะละมังอีกรอบเพื่อนำไปเช็ดตัวให้มิริน“ไอ้โต้ง”“มีไร”“ทำไมมึงอยู่ในสภาพนี้ว่ะ แต่ก็ชั่งเหอะ กูไปเอาผ้ามาอาบน้ำดีกว่า” ราเรซบอก พร้อมกับที่มันกำลังจะเดินขึ้นบันไดไป“เฮ้ย!! เดี๋ยว!!” ผมรีบวิ่งไปขว้างหน้ามันไว้ก่อน“อะไรของมึง กูอยากอาบน้ำใจจะขาดอยู่แล้ว” ราเรซจ้องหน้าผมด้วยอารมณ์หงุดหงิด“มิรินอยู่ข้างบน”“แล้วไง นั่นก็พี่กูป่ะ” ราเรซทำท่าจะเดินขึ้นบันไดไปอีกรอบ“ไม่ได้!!”“อะไรของมึง ทำอย่างกับว่าพี่กู...เดี๋ยวนะ!! มึงอยู่สภาพนี้..แล้ว พี่มิริน...” ราเรซทำท่าคุ้นคิด ผมจึงพยักหน้าให้มันทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้มันคิดนาน“เฮ้ย!!” ราเรซกระโดนออกจากทางขึ้นบันไดทันที“รอกูอยู่นี้... ให้กูไปจัดการด้านบนให้เรียบร้อยก่อน” พูดจบ ผมก็รีบเดินขึ้นมายังชั้นบนพร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าเช็ดตัว ผมถือกะละมังใบเล็กกับผ้าเช็ดตัวมาวางไว้ข้างตัวมิรินก่อนจะจุ่มผ้าลงในกะละมังแล้วบิดน้ำออกพอมาดๆ ผมเริ่มเช็ดใบหน้ารูปไข่ก่อน ค่อยๆซับผิวเนียนอย่างเ
“โต้งหุ่นดีจัง ขอสัมผัสหน่อยสิ” น้ำหวานเอื้อมมือขึ้นมาหวังจะสัมผัสร่างกายของผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นหรอก ผมคว้าหมับที่ข้อมือของเธอได้ก่อนที่เธอจะสัมผัสโดนตัว“เล่นพอล่ะ ออกไปได้แล้ว” ผมออกปากไล่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ตะ..”“ออกไป!!” คราวนี้ผมตะโกนเสียงดังลั่น จนทำให้น้ำหวานถึงกับสะดุ้งสุดตัว เธอยังยืนอยู่กับที่อยู่อีกไม่ยอมเดินออกไป ผมจึงจับที่ต้นแขนของน้ำหวานแล้วกระชากตัวเธอให้ออกไปจากเขตบ้านพักของผม“โอ๊ยยยย”“น้ำหวาน!!”เพื่อนๆ ของเธอรีบวิ่งเข้ามารับเพื่อนตัวเอง เมื่อโดนผมโยนออกมา นี่มารออะไรกัน มารอดูยัยนี่กินผมหรือไง“ไปให้ไกลๆ จากตรงนี้เลยนะ ก่อนที่โต้งจะหมดความอดทน”“ไปเถอะน้ำหวาน” เสียงเพื่อนเธอคนหนึ่งบอก แล้วน้ำหวานกับเพื่อนๆ ของเธอก็เดินหายไปจนหมดผมรีบเดินกลับขึ้นมาดูมิรินว่าเธอตื่นหรือเปล่า ที่ผมตะคอกน้ำหวานเสียงดังเมื่อกี้จะทำเธอตกใจตื่นหรือเปล่านะ เมื่อผมเดินขึ้นมาบนบ้านก็เจอกับมิรินกำลังนั่งทำหน้าหมุ่ยอยู่บนที่นอน“ตื่นแล้วเหรอ” ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ ม
21:30 PM.ตอนนี้เหล่านักจิตอาสาทั้งหลายกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ปาร์ตี้ที่จัดขึ้นอยู่ข้างสนามฟุตบอล มีรุ่นพี่บางคนเอากีตาร์มาด้วย เป็นสีสันของปาร์ตี้จริงๆ แต่ล่ะคนก็แยกย้ายไปนั่งกับกลุ่มของตัวเอง“เอาล่ะ เด็กๆ อาจารย์จะไปนอนล่ะ อย่าปาร์ตี้กันดึกมากล่ะ และก็..อย่าให้มีปัญหาใดใดทั้งสิ้นนะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนตามอัศธยาศัยได้” อาจารย์ผู้ดูแลพูดขึ้น“ครับ/ค่ะ” ซึ่งพวกเราต่างก็พร้อมใจกันรับปากอาจารย์ เมื่อเห็นดังนั้นอาจารย์ก็เดินไปยังบ้านพักของตัวเองทันทีเมื่อลับสายตาอาจารย์แล้ว เลโอ ราเรซ บิ๊กไบค์ ต่างก็พากันยกลังใบใหญ่มาคนล่ะกล่อง เอามาไว้บนโต๊ะ และก็ไม่ใช่แค่สามคนนี้เท่านั้น ยังมีกลุ่มของพี่ยูรุ่นพี่ปีสาม และพี่ปีสี่ ต่างก็ยกลังมาเหมือนกับเพื่อนของโต้งมาวางไว้บนโต๊ะเหมือนกัน“เอาล่ะ ปาร์ตี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว” พี่แมทพูดขึ้นพร้อมกับหยิบเบียร์ขึ้นมาจากลังแล้วส่งให้กับรุ่นน้องและเพื่อนๆ“เฮ้/เฮ้” เสียงรุ่นน้องต่างก็เฮลั่นด้วยความดีใจ“ได้เหรอ เดี๋ยวอาจารย์ก็ดุเอาหรอก” ฉันหันไปพูดกับบัวตอง“ก็บอกแล้วไง ว่าอาจารย์ป
ติ่ง!! บัวตอง : แกอยู่ไหน มิริน มิริน : แถวๆ นี้แหละ ไม่ต้องตามมานะ มิริน : ฉันอยากอยู่คนเดียว บัวตอง : ตามใจแกแล้วกัน บัวตอง : มีอะไรก็โทรบอกฉันนะ ขอโทษนะบัวตอง แต่ตอนนี้ฉันยังไม่อยากเจอใครจริงๆ ขออยู่คนเดียวสักพักเถอะ อยากจะคิดทบทวนอะไรสักหน่อย ทำไมความรู้สึกมันถึงยุ่งยากเหลือเกินนะ เฮ้ออออ ฉันทิ้งตัวลงนอนกับฟู้กอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าอะไรนักหนา ทำไมมันถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้นะ เขาจะใจเย็นกว่านี้สักหน่อยไม่ได้หรือไง ต้องตะคอก ต้องเสียงดังใส่ตลอดเลยหรือไง.... 18:30 PM. ไม่รู้ว่าฉันเผลอหลับไปตอนไหน รู้สึกตัวอีกที่ก็หกโมงครึ่งแล้ว แต่ไม่เห็นมีใครกลับมาที่พักเลยสักคน ไปไหนกันหมดนะ? ฉันลุกออกจากที่นอนแล้วเดินไปล้างหน้าล้างตายังห้องน้ำ ก่อนจะเดินออกมาด้านนอกเพื่อมองหาคนอื่นๆ และเมื่อฉันเดินออกมาก็เห็นนักจิตอาสาทั้งหลายรวมกันอยู่ที่สนามฟุตบอล ดูเหมือนว่าจะมีการแข่งขันฟุตบอลกันอยู่ ฉันจึงเดินไปดูที่ข้างสนามก็เห็นกลุ่มของโต้งกับพี่ยูแ
“ไหนบอกไม่ชอบไง” ฉันหันไปมองตามน้ำเสียงที่ไม่พอใจนั้น “น้ำหวาน” ฉันเอ่ยชื่อเธอ “เธอนี่ ก็ตอแหลเป็นเหมือนกันเนอะ มิริน” น้ำเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าฉันพร้อมกับใช้สายตาจิกกัดอย่างไม่ปิดบัง “อย่ามาพาลแถวนี้ น้ำหวาน ผู้ชายไม่มองแค่นี้ ก็เดือดซะแล้วเหรอ” ฉันกอดอกจ้องหน้าน้ำหวานกลับอย่างไม่เกรงกลัว “หึ รู้ได้ไง ว่าเขาไม่มอง เขากับฉันที่เอสที่ผับวันนั้น..” “มีแค่เรื่องเดียวสินะ ที่เธอเอามาเล่าไม่จบสักที” ฉันพูดสวนทันทีเมื่อน้ำหวานเริ่มพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีก ฉันต้องเชื่อใจโต้ง เพราะเขาบอกฉันแล้ว ว่ามันไม่มีอะไร ฉันต้องไม่คิดตามยัยน้ำหวาน ฉันต้องเชื่อใจเขา “เธอไม่อยากรู้เหรอ ว่าเราทำอะไรกันบ้าง” น้ำหวานยังพยายามพูดขึ้นมาอีก “งั้นเธอบอกฉันหน่อยสิ น้ำหวาน ว่าโต้งเขาจูบเก่งหรือเปล่า” ฉันจ้องหน้าน้ำหวานด้วยสายตาราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดใด เพราะฉันรู้จุดประสงค์ของยัยนี่ หล่อนต้องการให้ฉันโมโห เธอไม่มีวันสมหวังหรอก “นะ..แน่นอน เขาจูบเก่งที่สุด” น้ำหวานถึงกลับพูดตะกุกตะกัก แค่นี้
มิริน ฉันยืนดูอยู่นานล่ะ จะแสดงความรักต่อกันอีกนานไหม ฉันเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะ ไอ้ผู้ชายมักมาก ไหนบอกว่ารอฉันคนเดียวไง โกหกทั้งเพ “น้ำค่ะ พี่ยู” ฉันถือขวดน้ำไปให้พี่ยูเมื่อเห็นว่าพี่เขายังไม่ได้ดื่มน้ำเลย “โทดทีครับ พอดีมือพี่เปื้อน เดี๋ยววางไว้ก่อนนะ” พี่ยูตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมิรินป้อนให้” ได้โอกาสเอาคืนบ้างล่ะ ฉันเปิดขวดน้ำแล้วเอาไปจ่อที่ปากของพี่ยู เพื่อให้พี่เขาดื่มได้ถนัด ฉันชำเลืองไปมองผู้ชายมักมากคนนั้น เขาส่งสายตาดุดันมาให้ฉัน ใครสนกันล่ะ ทีตัวเองยังทำได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกันแหละ “ขอบคุณครับ” พี่ยูส่งยิ้มหวานมาให้ “แหม่ๆ เบาๆ หน่อยสิ คู่นั้นน่ะ อิจฉานะ” น้ำหวานพูดแซว ฉันหันไปมองน้ำหวานและก็ได้เห็นสีหน้าของโต้งเริ่มเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง แต่แววตากลับดุดัน ฉันไม่ชอบที่เขาทำหน้าแบบนี้เลย เพราะมันทำให้ฉันเดาใจเขาไม่ออก มันน่ากลัวมาก.. สู้ให้เขาแสดงออกเหมือนก่อนหน้านี้ยังจะดีกว่า “ไปกันเถอะ บัวตอง” ฉันรีบคว้ามือบัวตองให้เดินหนีจากตรงนี้ทันที ทั้งที
โต้ง : นอนยัง มิริน : ... (อ่านแล้ว) ... โต้ง : มิริน มิริน :... (อ่านแล้ว) ... โต้ง : ตอบผัวหน่อยสิครับ มิริน : โต้ง!! โต้ง : เนะ จำได้ด้วย น่ารักจัง มิริน : ไปเอาเบอร์มาจากไหน โต้ง : น้องเรซให้มา มิริน : บังคับเรซล่ะสิ โต้ง : รู้ใจผัวซะจริง มิริน : โต้ง!! โต้ง : ครับ มิริน : ง่วงแล้ว โต้ง : ฝันดีครับ มิริน : อืม โต้ง : แค่เนี้ย! มิริน : ฝันดีค่ะ เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมนอนหลับฝันหวานทั้งคืนแล้วล่ะ ผมหันไปคว้าเอาแขนของราเรซมากอดพลางนึกไปว่ามันคือมิริน พร้อมกับพรมจูบเบาที่ต้นแขนของราเรซ “หนักล่ะ มึง” ราเรซบ่น พร้อมกับดันหน้าผมให้ออกห่างจากแขนของมัน ตุบ!! “โอ๊ย!! ไอ้เชี้ยโต้ง” เมื่อมันไม่ให้ผมกอดแขน ผมก็เลยถีบมันหนีซะเลย ก่อนจะหันมาอีกฝั่งแล้วนึกถึงใบหน้าของมิรินต่อ...
โต้ง ผมชำเลืองไปมองใบหน้ารูปไข่แสนสวยของมิรินที่ตอนนี้กำลังหลับใหลซบอยู่กับไหล่ของผม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอซึ่งบ่งบอกว่าเธอหลับไปแล้วจริงๆ ไม่ได้แกล้งหลับเหมือนทีแรก เธอน่าจะดื้ออีกสักหน่อยนะ ไม่น่ายอมง่ายๆ เลย มันทำให้ผมอดทำโทษเธอ ถ้าดื้ออีกสักหน่อยละก็... หึๆ ต้องขอบคุณไอ้เลโอมากๆ ที่ขอเปลี่ยนที่นั่งให้กับผม จุดประสงค์ของมันจริงๆ ก็อยากจะนั่งใกล้สาวล่ะครับ ส่วนผมนั้นคือผลพลอยได้ ความจริงผมไม่ได้ตั้งใจจะมาหรอก ที่ยอมไปลงชื่อก็เพราะเธอคนนี้แหละ ผมไม่ชอบใจที่ไอ้รุ่นพี่คนนั้นเล่นหูเล่นตาใส่มิริน ผมดูออก..ว่ามันชอบมิริน ทีแรกผมคิดไว้ว่า เมื่อถึงวันเดินทางผมจะแกล้งมาสายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไป แต่ว่า... สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันทำให้ผมไม่สามารถปล่อยเธอไปได้จริงๆ ผมต้องตามมาดูแลของของผม ไม่อย่างนั้น โดนไอ้พวกรุ่นพี่คาบไปแดกแน่ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะเกินเลยหรอกนะ แต่พอมิรินเปิดโอกาสให้แล้ว ผมก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย มิรินเปรียบเสมือนแม่เหล็ก ที่คอยดึงดูดผมทุกครั้งที่ได้เข้าใกล้เธอ “ตื่นครั
สามสิบนาทีต่อมา.... เขาให้ฉันเดินออกมาจากห้องก่อน เพื่อไม่ให้ใครจับพิรุธเราได้ เมื่อฉันเดินออกมาก็เห็นลูกค้ากำลังเข้าร้านเต็มเลย ซึ่งแก้มใสก็ช่วยต้อนรับอย่างแข็งขัน เด็กคนนี้ขยันจริงๆ “นานจัง ถ่ายได้กี่ยก เฮ้ย! กี่ชุดล่ะ” ราเรซเดินเข้ามากระซิบถามฉัน เป็นจังหวะเดียวกันกับร่างสูงเดินมาหยุดยืนอยู่หลังฉันพอดี “ยกเดียว” โต้งตอบราเรซ “เฮ้ย! จริงเหรอเนี้ย” ราเรซแสดงสีหน้าอย่างตื่นเต้นพร้อมกับเดินเข้าไปกระซิบถามเพื่อนรัก แต่ฉันนี้สิ หน้าแดงจนไม่รู้จะเอาไปซุกไว้ที่ไหนแล้วเนี้ย เพราะฉันเป็นคนพาเขาเข้าไปเอง แล้วก็.... ฉันยืนสลัดหัวแรงๆ เมื่อภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ฉายขึ้นมาในหัว “เป็นอะไร ทำไมหน้าแดงแบบนั้น นี่คงไม่ได้คิด...อะไรอยู่ใช่ไหม” โต้งเอื้อมมือหนามาวางไว้บนหัวของฉัน พร้อมกับโน้มหน้าลงมาถามในระยะห่างไม่ถึงเซ็น สายตาของเขามีแววล้อเลียนฉันอยู่ในนั้น “ถะ ถอยออกไปเลย” ฉันย่นหน้าให้เขาอย่างโกรธเคือง แต่โต้งกลับยืนขำฉันอย่างน่ารัก ^o^ ใช่...ฉันยอมรับ โต้งน่ารักจริงๆ “ว่าแต่ จะสวีสกันอีก